ถามว่าหลังจากช่วงโปรโมชั่นของหมอเพี้ยนกับพ่อมือเบสเป็นอย่างไรจะหลายสัปดาห์หรือผ่านไปหลายเดือนแล้ว หมอก็ยังไปทำงานเหมือนเดิม ไอ้ซินก็ยังไปเรียนพร้อมกับไปสตูดิโอด้วยเช่นเดิมแต่ทุกวันที่แว่นไม่ได้เข้าเวร นายซินก็จะขับรถสองล้อคู่ใจมารับเพื่อไปกินข้าว พากลับบ้านไปหาคุณนายแม่หรือไม่ก็พาไปให้เอเดนแทะเล็มเล่นที่ห้องซ้อมจนเพี้ยนมันสนิทกับพี่ทุกคนมากกว่ามือเบสที่ไม่ค่อยจะพูดเสียแล้ว แต่วันนี้นายซินกลับพาขับรถออกนอกเส้นทาง
"ไปไหน"
หมอตะโกนฝ่าเสียงลมเพื่อถาม นายซินทำแค่ลดมือที่จับแฮนด์อยู่มาลูบมือเย็นที่กอดตนไว้แล้วบิดต่อไป โดยไม่ได้ตอบคำถามนั่น ไอ้ซินจอดรถที่หน้าบ้านเดี่ยวหลังหนึ่งย่านชานเมือง ข้างในบ้านเปิดไฟสว่างมีเสียงพูดคุยกันเล็กน้อย แว่นมองหน้าคนที่กำลังถอดหมวกกันน็อคให้ตนอย่างเบามือ ซึ่งใครคนนั้นทำแค่ทอดยิ้มอย่างเคยแต่คราวนี้เพี้ยนไม่หลงยิ้มพิฆาตของนายซินแน่
"ที่นี่ที่ไหน"
มันถามอย่างคาดโทษ
"ยังอยู่ในกรุงเทพแต่ถ้าหลุดแยกตรงหน้าไปจะเป็นสมุทรปราการ"
เป็นคำตอบที่ยาวมากสำหรับนายซินแต่ไม่ได้ใจความแม้แต่น้อย ไอ้บีมย่นจมูกแล้วถามต่อ
"กูหมายถึงพามาที่บ้านหลังนี้ทำไม"
คราวนี้หมอมันแกล้งโง่ เพราะเอาจริงๆแล้วมันแอบคิดว่าที่นี่เป็นบ้านไอ้ซิน
"บ้านผม"
นั่นไง ชัดเลย!ไอ้แว่นทำหน้าเหรอหราจนนายซินต้องดึงมือขาวๆนั่นให้เดินตามเข้าไปในบ้านหลังขนาดกลาง เพี้ยนที่พึ่งได้สติรีบยื้อตัวไว้แล้วระล่ำละลัก
"ดะ...เดี๋ยวนะ"
มันกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ไอ้ซินผู้คบกับแว่นแล้วสกิลขี้แกล้งเพิ่มเป็นเท่าตัวหัวเราะเบาๆแล้วแกล้งเลิกคิ้วถาม
"มีอะไรครับ?"
หมอยิ้มหน้าแหยก่อนจะอ้อนวอนขอทำใจ
"ซินครับ"
ซินยิ้มกับคำพูดเพราะๆที่จะได้ยินเวลาคนตรงหน้าขอร้องอะไรสักอย่าง ซึ่งมันชอบเวลาแบบนี้เป็นพิเศษ
"ครับ?"
แต่มันก็ยังแกล้งตีมึนต่อไป
"คือกู...."
แว่นระล่ำระลัก แล้วพยายามยื้อมือของตนออกจากอีกคน
“ถ้าบีมดึงออก ผมรวบทั้งตัวเลยนะ”
นอกจากสกิลการแกล้งจะมากขึ้น นายซินยังชอบขู่แว่นด้วย ไอ้บีมเบะหน้าเรียกความสงสารแต่ไม่ทันการเพราะคนที่หมอเพี้ยนไม่อยากเจอมากที่สุดเดินฉับๆมายืนอยู่ตรงหน้าแล้ว
"อ้าวซิน พ่อก็ว่าได้ยินเสียงรถเอ็งเข้าบ้านสิมา"
คนเป็นพ่อบอกลูกชายก่อนจะหันมาหาไอ้ตัวขาวที่ยืนบิดมือออกจากลูกชายตัวเองอยู่
"สวัสดีครับ"
พอบิดมือออกได้มันก็รีบไหว้ประหลก คนเป็นพ่อรับไหว้อย่างงงๆแต่พอจะเข้าใจอะไรบ้างแล้ว
“ป่ะ เข้าบ้าน”
ชายสูงอายุเรียกลูกและแขกเข้าไปในบ้านอย่างเป็นกันเอง ไอ้แว่นแปลกใจเล็กน้อยกับท่าทางนั่นแล้วหันมาขอความช่วยเหลือกับอีกคน
"ซิน...."
คราวนี้เพี้ยนทำหน้าเหมือนจะร้องไห้จริงๆ ไอ้ซินเลยลูบหัวเบาๆ
“ไม่มีอะไรหรอก...เชื่อผมนะ”
จะว่าเชื่อก็เชื่อ แต่แว่นก็อดกลัวไม่ได้เมื่อกี้คนเป็นพ่อเล่นออกมาพร้อมเครื่องแบบตำรวจครบชุด ถ้าเกิดเขาไม่พอใจที่ผู้ชายเพี้ยนๆมาขอเป็นลูกเขยล่ะ จะไม่เอาน้องปืนสีเมื่อมเป่าแล้วเอาไปถ่วงคลองหน้าบ้านหรือ...มันคิดไปนู่น...
นอกจากยังไม่ได้เตรียมใจเรื่องพ่อแล้ว แม่และคนในครอบครัวยังนั่งกันอยู่ที่โต๊ะครบองค์ประชุม แว่นไม่เคยอยากตายขนาดนี้มาก่อนในชีวิต เอาเป็นว่าตอนนี้มันหลับหูหลับตาไหว้ทุกคนก่อนก็แล้วกัน
"สวัสดีจ๊ะ"
คนเป็นแม่รับไหว้แล้วหันไปทางพ่อซึ่งรายนั้นเอาแต่ยักคิ้วลูกเดียว แต่ก็พอจะรู้แล้วว่าทำไมวันนี้ลูกชายถึงกลับบ้านมาพร้อมกับแขกอีกคน นายซินเดินมานั่งข้างๆพ่อแล้วให้อีกคนนั่งลงข้างตน แว่นเหงื่อชื้นไปทั้งตัวเลยทีเดียว นายซินเริ่มแนะนำคนทั้งหมดให้หมอรู้จัก
"นี่พ่อ แม่ แล้วก็พี่ชายผมกับพี่สะใภ้”
ซึ่งหมอผู้ทำตัวไม่ถูกเริ่มไหว้วนลูปใหม่อีกรอบ
“สวัสดีครับ”
“พี่ไวท์อายุเท่ากันกับบีม นี่บีมครับ"
"เฮ้ย!!!"
ไอ้ไวท์ที่เชื่อมั่นว่าหน้าตัวเองไม่ได้ล้ำหันไปหาเมียที่อยู่ข้างๆ ซึ่งเมียมันส่ายหน้าด้วยความปลงตก คนเป็นแม่ก็แปลกใจไม่แพ้กันเลยเอ่ยถามที่มาที่ไป
"อ้าว แม่นึกว่าเป็นรุ่นน้องซินทำงานที่ไหนหล่ะเรา"
"เรียนหมอปีสุดท้ายแล้วครับ"
คำตอบสั่นๆของว่าที่หมอทำเอาทุกคนเลิกคิ้วแล้วมองกันเลิ่กลั่ก ไอ้ไวท์หันมาทางไอ้ซินแล้วขมุบขมิบปากเป็นทำนองว่า
"ร้ายนะมึง"
ซึ่งมือเบสก็แค่ยักคิ้วกวนตีนกลับไปให้
"กินข้าวกันก่อนลูก มาปุบปับกันดีที่แม่เตรียมของไว้เยอะ"
คุณแม่ดึงลูกสะใภ้ที่นั่งอึ้งอยู่เข้าครัวไป แว่นนั่งตัวลีบจนแทบจะสิงเข้าไปกับเก้าอี้นายซินนั่งมองท่าทางนั่นจะว่าสงสารก็ใช่เอ็นดูก็ใช่
"ยังไงกันวะ ทำไมไม่บอกพ่อเอ็งสักคำ"
พ่อหันมากระซิบกระซาบกับลูกชายคนโปรด ก็พอรู้มาจากช่าวหลายเดือนแล้วว่าลูกชายตัวเองไม่โสดแต่ก็คิดว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิด
"ผมรอให้แน่ใจก่อน"
คนเป็นพ่อส่งเสียงอืมในลำคอ ก่อนจะพูดบางอย่างที่ทำให้นายซินยิ้มหน้าบาน
"ตาเอ็งถึงเหมือนพ่อเลยนะเนี่ย"
"ยายหนูดูอยู่นั่น มายกนี่ออกไปก่อน"
คนเป็นแม่ตีแขนสะใภ้ที่ยังแอบส่องแขกอยู่
"แม่ดูสิ ซินมัน......"
เธอผู้รู้ว่าน้องสามีผู้มีรสนิยมแบบใด กำลังตื่นเต้นแต่พอเห็นแม่สามียิ้มกว้างพร้อมน้ำตาเธอก็ถึงกับพูดไม่ออก
"แม่..."
"หายห่วงสักที แม่นึกว่ามันจะปิดกั้นตัวเองเสียอีกเห็นแบบนี้ก็สบายใจ"
สะใภ้เดินเข้าไปกอดคุณแม่ยายที่แสนใจกว้าง พร้อมกับคลี่คลายบรรยากาศนั่น
"แฟนมันน่ารักด้วยนะแม่ แต่ตอนแรกหนูนึกว่ามันไปคว้าเด็กมัธยมมา"
คนเป็นแม่ขำพรืดแล้วเขกหัวลูกสะใภ้ตัวดีไปที ก่อนจะช่วยกันลำเลียงอาหารค่ำออกมา
******************
บรรยากาศการรับประทานอาหารของครอบครัวนี้ผ่านไปด้วยดี มีแต่แว่นคนเดียวที่ยังคาใจ...ทำไมพวกเขาไม่สงสัยอะไรกันเลย ดูท่าความคาใจของแว่นจะถูกคลายเพราะมันได้ยินนายซินบอกว่าพ่อเรียกไปหาที่ห้องนั่งเล่น แว่นที่ละเลียดข้าวเข้าไปอยากจะอ๊อกออกมา เพราะมันชักจะกดดันตัวเองเกินไปเสียแล้ว นายซินที่เห็นท่าไม่ดีเดินมาแตะไหล่เบาๆแล้วใช้มือลูบท้ายทอยอย่างคนกำลังปลอบใจ
“ค้างนี่กันนะ พ่อไม่อยากให้ขับรถดึก”
ชายแก่พุงพลุ้ยนั่งดูข่าวอยู่ที่โซฟาบอกสองหนุ่มที่พึ่งเดินเข้ามา
“มา นั่งลงข้างล่าง”
คนเป็นพ่อบอกให้นั่งลงข้างล่าง ไอ้เพี้ยนก็ยอมนั่งลงแต่โดยดีเมื่อหันไปมองคนข้างๆคนๆนั้นก็ทำแค่ยิ้มกลับมา ชายแก่วางมือที่ผ่านอะไรมามากมายบนหัวของหนุ่มทั้งสอง หมอที่เคยบวชจำได้ว่านั่นคือบทสวดให้พรจนกระทั่งการให้พรนั่นจบลง แว่นผู้ทนความอึดอัดได้ไม่นานกำลังจะเอ่ยปากถามชายแก่
“คือ...ผม”
คนที่นั่งอยู่บนโซฟามองเด็กแว่นที่ปั้นหน้าไม่ถูก สารวัตรธงลูบหัวทุยของลูกชายคนใหม่เบาๆแล้วยิ้มให้
“รักกันดีๆนะ”
หมอรู้แล้วว่ารอยยิ้มกว้างแสนใจดีของนายซินถอดแบบมาจากใคร แค่คำพูดเดียวจากที่เคยอึดอัดและไม่เข้าใจอะไรสักอย่างตอนนี้มันเข้าใจหมดแล้ว น้ำตาที่ไม่รู้มาจากไหนไหลออกมาเหมือนน้ำตก จะว่าแว่นตุ๊ดก็ได้...วันนี้มันยอมให้วันนึง...ชายแก่หัวเราะเบาๆแล้วพูดปลอบ
“มาเป็นลูกบ้านนี้เอ็งต้องอดทนนะเว้ย ไอ้ซินมันดื้อเงียบ”
แว่นที่พูดอะไรไม่ออกสักคำเอาแต่พยักหน้าลูกเดียว คนเป็นพ่อขำพรืดแล้วขอตัวไปอาบน้ำเพราะกลัวลูกสะใภ้จะเป่าปี่ยิ่งกว่าเดิม ว่าแต่แว่นมันรู้หรือยังวะว่าตัวเองเข้ามาเป็นลูกสะใภ้ไม่ใช่ลูกเขยอย่างที่คิดเอาเอง นายซินขยับมาหาคนที่นั่งเขื่อนแตกอยู่แล้วดึงเข้าไปกอด แว่นเอาหน้าผากโขกหัวอีกคนดังป๊อก! แล้วโวยวาย
“ไม่ยอมบอกกูก่อนวะ ไอ้บ้า”
“เซอร์ไพรส์ไง”
แว่นถลึงตาแดงๆใส่ก่อนที่จะยอมซบหน้ากับบ่ากว้างให้เขาลูบหัวลูบหางนิ่งๆแล้วคิดสะระตะไปเรื่อย...ถ้าที่บ้านมันเป็นแบบนี้บ้างก็คงดี...
*********************************
“ให้กูนอนฝั่งไหน”
เพี้ยนที่อาบน้ำเสร็จแล้วถามอีกคนที่นอนอ่านหนังสืออยู่นายซินแผ่ตัวให้เต็มเตียงหกฟุตแล้วตบที่อกตัวเอง แว่นแยกเขี้ยวใส่แล้วเอาหมอนข้างตีพุงที่มีแต่กล้ามท้องหนักๆ จะบอกให้ว่าถึงจะคบกันมานานหลายเดือน ถึงไอ้ซินจะไปนอนที่ห้องแว่นหลายต่อหลายครั้งจนนับไม่ถ้วน พวกมันก็ทำแค่ตกลงกันว่าจะนอนฝั่งไหน กระซิบให้ก็ได้ว่าอาจจะมีจูบเบาๆแต่นั่นไม่สมเป็นวัยรุ่นวัยเจริญพันธุ์เพียงนิด! เป็นเพราะไอ้ซินมันขี้ขลาดและถึงแว่นมันจะเริ่มจีบเขาก่อน เรื่องนี้มันขอทำหน้าบางติดเอาไว้ก่อนแต่ครั้งนี้มือเบสคงต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว เพราะดูจากท่าทางระวังตัวแจของไอ้เพี้ยน...ซินมันคงอกแตกตายก่อน... ดูจากคืนนี้สิพี่แกถึงกับไปรื้อเสื้อโค้ทขนเป็ดต้านหิมะของมันออกมาใส่นอนเลยทีเดียว
“หนาวขนาดนั้นเลย”
มือเบสแกล้งแหย่..และได้ผลแว่นชะงักกึกแล้วหน้าแดงเหมือนโดนไฟนาบ
“กะ....ก็มึงเปิดแอร์เย็น”
นายซินยิ้มกับท่าทางก้มหน้าก้มตาหน้าแดงหูแดงของอีกคน ก่อนจะดึงแขนให้นั่งลงบนเตียงเพี้ยนก็ยังไม่เงยหน้ามามอง พี่แกก้มหน้างุดแล้วจัดผ้าห่มเตรียมเข้านอน ไอ้ซินขำก๊ากกับท่านอนขดหันหลังให้
“หัวเราะทำไม”
แว่นผู้กลัวการสบตายังกล้าส่งเสียงอวดดีมาให้ นายซินเลิกคิ้วแล้ววางหนังสือไว้ที่โต๊ะก่อนจะเอื้อมมือไปปิดไฟแล้วถือวิสาสะขยับมาชิดอีกคนที่ทำตัวเหมือนหมีจำศีล มันใช้แขนสอดเข้าไปที่ตัวของอีกคนก่อนจะค่อยๆปลดกระดุมเสื้อโค้ทตัวหนาแล้วถอดออกให้เหลือแค่ชุดนอนพร้อมจุ๊บที่หลังคอเบาๆ แว่นผู้ทำตัวไม่ถูกอยากจะฮาราคีรีคว้านท้องตัวเองให้ตายเพราะความเขิน นายซินรั้งไหล่ของคนที่นอนตะแคงอยู่ลงเพื่อจะได้มองหน้าชัดๆถึงจะปิดไฟแล้วพระจันทร์ในคืนเดือนหงายก็ยังเป็นผู้ช่วยได้ดี
ถึงแว่นจะถอดแว่นแล้วก็ยังยอมแพ้ต่อการสบตากับตาเรียวของอีกคนอยู่ดี คนที่คร่อมอยู่ข้างบนจ้องมันนิ่งแล้วโน้มหน้าเข้ามาจนริมฝีปากบางนั่นแนบชิด มือเบสค่อยๆจุ๊บที่ริมฝีปากนุ่มเบาๆก่อนจะขบเม้มจนมันแดงก่ำ แล้วกวาดลิ้นหนาลงไป แว่นผู้ยังตั้งรับไม่ได้ทำได้แค่ครางเบาๆในลำคอแล้วเกาะไหล่อีกคนไว้แน่นนายซินดูดดันเอาความหวานนั่นอยู่จนแทบจะหายใจไม่ออกก่อนจะละออกมาแล้วทำซ้ำอีกหลายๆรอบจนมันพอใจที่จะถอนใบหน้าออกมาเพื่อมองผลงานตน คนที่อยู่ข้างล่างหอบหายใจหนักริมฝีปากนิ่มบวมเจ่อ ดวงตาฉ่ำเยิ้มอย่างคนที่พึงพอใจกับรสสัมผัส ซินยิ้มให้ก่อนจะแหวกสาบเสื้อเพื่อซุกหน้าเข้าไปตรงซอกคอพร้อมกับใช้มือสองข้างร่นเสื้อนอนขึ้นไปจนเห็นหน้าท้องและอกขาว พวกมันทั้งคู่ไม่เคยมาไกลขนาดนี้มาก่อน หมอใจเต้นแรงจนเหมือนมันจะทะลุออกมาซึ่งก็ไม่ได้ต่างจากอีกคนเลย ซินที่ใจเต้นเสียจนปวดอกค่อยๆเม้มคอขาวจนเป็นรอยประปราย แล้วยันตัวขึ้นมาปลดกระดุมเสื้อนอนของอีกคน หน้าไอ้แว่นกำลังยั่วอย่างบอกไม่ถูก...มันจึงก้มลงไปงับริมฝีปากล่างเบาๆก่อนจะเริ่มบทจูบอีกครั้ง นายซินเบียดตัวเข้าไปเสียชิดกับอีกคนเสียจนร้อน มือที่สาสะวนอยู่ที่อกขาวตอนแรกเปลี่ยนเป็นไล้ตามแนวกระดูกสันหลังแทน บทจูบที่เริ่มโหมแรงขึ้นของคนทั้งคู่เป็นเวลาเดียวกับที่นายซินค่อยๆแหวกผ่านกางเกงใส่นอนขอบยางยืดเข้าไปขยุ้มสะโพกสอบ เพียงแค่นั้นแว่นก็สะดุ้งเฮือกแล้วก็ถีบ ถูกแล้ว...มันยกเท้าถีบบั้นเอวของอีกคนเต็มแรง ซินผู้อารมณ์ค้างหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด ไอ้แว่นมันไม่ได้ตั้งใจหรอกแต่ตีนมันกระตุกเอง เพี้ยนผู้รู้สึกผิดอย่างสุดหัวใจลุกขึ้นมาแตะมืออีกคนเบาๆ
“ขอเวลาหน่อยสิวะ”
ไอ้ซินมองพี่แกอย่างคาดโทษ จะครึ่งปีแล้วมันยังไม่พออีกเหรอวะ
“อีกแค่ไหนล่ะ”
นายซินตัดพ้ออย่างน้อยใจและหัวเสียเป็นที่สุด!!!
“ขอเรียนจบก่อน...นะครับ”
มึงอ้อนได้ไม่เป็นเวร่ำเวลาเลยพับผ่าสิ!!! นี่พี่แกคิดว่าตัวเองเป็นเด็กผู้หญิงใสซื่อวัยสิบแปดหรือไงวะ ไอ้ซินสูดหายใจเข้าให้ลึกที่สุดในชีวิต แล้วเอ่ยออกมาเรียบๆแต่น่าขนลุกสำหรับหมอ
“อีกสองเดือน”
ไอ้ซินผู้ความอดทนเป็นเลิศชูสองนิ้วให้เต็มตาก่อนจะลุกเข้าห้องน้ำไป แว่นอยากจะขอต่อเหลือเกินว่า
‘ขอเรียนเฉพาะทางต่ออีกสองสามปีได้ไหม’
_________________________________________________________________________
TBC.