สวัสดีค่ะ คนเขียนเองนะคะ ยืมล้อคมาใช้อีกแล้วค่า
ก่อนอ่าน..
1. ทำใจเยอะๆนะคะ อาจมีเรื่องผิดคาด ผิดโผ และอาจมีการเปลี่ยนแปลงใหม่เสมอ
2. พระเอกจะกลายเป็นนายเอกเข้าไปสักวันหรือเปล่านะ..
3. แม้นศรีของป้านั้นดราม่าจริงๆค่ะ
4. จะมาต่อเมื่อยอดคอมเม้นท์ต่อจากคห.นี้ครบ 20 คนนะคะ 555 น่าจะอีกนาน หาทางอู้งานได้แล้วเรา
========
ถ้าไม่นอนจะโดนทำโทษไหมเนี่ย...
แล้วโทษของคนใจร้ายคนนี้จะเป็นอย่างไรนะ
มกรได้แต่ถามสิ่งนั้นอยู่ในใจไม่กล้าเอ่ยออกไป..
เขาเดินไปขึ้นเตียงแล้วล้มตัวลงนอนอย่างว่าง่าย
"นอนพักเสียนะครับ เดี๋ยวนัทลงไปเก็บของข้างล่างแป้บแล้วจะขึ้นมาดูพี่อีกที"
มกรอยากจะรั้งอีกฝ่ายไว้แต่ก็ไม่กล้า เขาได้เพียงพยักหน้ายอมตกลงตามที่ณัฐวีร์ตัดสินแล้วมองดูเด็กหนุ่มเดินจากไป พอประตูงับลงความอยากพักผ่อนก็ไม่ได้กระเตื้องขึ้น
ชายหนุ่มได้แต่นอนมองไปรอบๆห้อง เขาคุ้นตากับทุกอย่าง แต่ไม่รู้สึกคุ้นเคยกับมัน ห้องที่จากไปนาน ไร้ไออุ่นของคนอาศัย ใจที่ร้างเจ้าของ ก็คงไม่ต่างกัน เขารู้สึกยังมีชีวิตแต่เหมือนทุกลมหายใจขาดอะไรไปบางอย่าง
เกือบสองปีที่ห่างหายการแลกเปลี่ยนไออุ่นและลมหายใจระหว่างกันและกัน
เขาไม่เคยมีอะไรกับใครได้อีกเพราะทุกครั้งที่ต้องการ เขาจะเห็นหน้าณัฐวีร์ลอยมาเสมอ พอกลับมาที่ห้องนี้ เตียงนี้ถึงได้เข้าใจว่าทำไม
บนเตียงนี้ เขากอดน้องหลายครั้ง แรกๆเขานำ เขาสอนร่างกายนั้น แต่ต่อมาเมื่อคุ้นเคยกันมากขึ้น มีหลายหนที่น้องเรียกร้องเพิ่มเอาจากเขา เหงื่อบนแผ่นหลังของเขาไหลซึมออกมา หากก็มักถูกมือเรียวขาวนั่นปาดลูบอย่างไม่รู้จะหาทางผ่อนอารมณ์ตนเองลงอย่างไร พวกเขาทั้งคู่ต่างอยู่ในอ้อมแขนของกันและกัน... บนเตียงนี้
เขาไม่อาจปฏิเสธได้ว่าตนเองยังจดจำมันได้ และโหยหามันมาตลอดระยะเวลาที่ห่างกัน
สองปีที่ไม่ได้อยู่ในอ้อมแขนนั้น.. สองปีที่ไม่ได้โอบกอดร่างนั้น
มันสร้างความทรมานให้เขาไม่น้อย ทรมานจนบางครั้งต้องหลับตาแล้วฝันหวานถึง.. ปลอบประโลมร่างกายตัวเองด้วยจินตนาการ ดำดิ่งสู่ความต้องการนั้นด้วยภาพ และเสียงที่สมองขี้เลื่อยนี้จดจำไว้ได้
ใช่..เขาคือคนโง่..โง่นักที่ไม่รู้จักดูแลแก้วเจียระไนสวยแต่เปราะบาง
ชายหนุ่มถอนหายใจแล้วลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง ยิ่งนึกถึงเรื่องที่ผ่านมาเท่าไร ยิ่งจำได้ดีเท่าไร ความเจ็บปวดและโหยหาก็ยิ่งติดลึกในอกนี้
อึดอัดจนมกรต้องพรูลมหายใจออกมาก่อนจะพึมพำ "มะม่วง พ่อจะทำยังไงดี..พ่อจะพาแม่เขากลับมาให้มะม่วงได้ยังไงดี แม่เขามีเมียไปแล้ว เขาคงไม่มาอยู่กับเราแล้ว"
พูดแบบนั้นแล้วก็ถอนใจอีกรอบ
มกรสมมุติให้มะม่วงยังมีชีวิตดีอยู่ โดยมีณัฐวีร์เป็นแม่ของเด็ก เวลาเขียนไดอารี่ เขาก็มักจะใช้คำว่าแม่แทนตัวณัฐวีร์ แต่ตอนที่อีกฝ่ายรู้เรื่องไดอารี่ เขาไม่ได้บอกเรื่องนี้เพราะกลัวจะโดนหาว่าบ้าหนักไปอีก
อีกอย่าง ดูเหมือนณัฐวีร์เองก็ยังอ่านไปไม่ถึงไหนด้วย ก็เป็นอันรอดตัวไป จากนี้ก็แค่เก็บไดอารี่ที่ตัวพร่ำเพ้อให้ไกลหูไกลตาณัฐวีร์เสียหน่อย.. ทุกอย่างก็จะปลอดภัยขึ้น
มกรคิดสะเปะสะปะหาทางทางให้ไดอารี่ปลอดภัยจากการเปิดอ่าน แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่รู้ชะตากรรมตัวเอง มกรจะไม่รอดก็คราวนี้ล่ะ.. เพราะณัฐวีร์เปิดประตูมาทำหน้ายุ่งใส่แล้วนั่น
"ทำไมยังไม่นอนครับ"
มกรเงยหน้ามายิ้มแห้งๆ "ก็มัน..." เขามองไปรอบๆ "ไม่ได้กลับมานาน พอกลับมาก็เลยไม่คุ้น.. อีกอย่างก็คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่จนนอนไม่หลับ..”
ณัฐวีร์นิ่งไปนิดก่อนจะผละจากประตูเดินมานั่งที่เตียงด้วย "เรื่องที่นี่..? เรื่องแม่ของมะม่วงหรือเปล่าครับ"
มกรยิ้มมุมปากยอมรับ "ก็ใช่นะ ทั้งเรื่องมะม่วงและแม่มะม่วงด้วย"
“รักเขามากสินะครับ..”
คราวนี้มกรยิ้มกว้างเลย “รักมาก รักทั้งคู่นั่นแหละ”
เด็กหนุ่มเบือนสายตาไปทางอื่น เอ่ยถามเสียงแข็ง "แล้วเมื่อไหร่จะได้นอน!"
เสียงนั่นทำให้มกรกะพริบตาปริบ โกรธอะไรเขาหว่า..?
"ก็รอนัทมา จะได้พักพร้อมกัน"
ณัฐวีร์ชะงักเมื่อได้ยินประโยคนั้น ท่าทางแข็งขึงของเด็กหนุ่มดูอ่อนลงอีกครั้ง “ก็ทำไมต้องรอ..”
มกรยิ้มเศร้า.. “ไม่รอนัท..ก็ไม่รู้จะรอใคร.. พี่มีนัทคนเดียว จนตอนนี้ก็เหลือนัทอยู่คนเดียว” ยิ้มเศร้าๆของมกรเริ่มสั่นที่ริมฝีปาก ชายหนุ่มเม้มปากตัวเองเป็นเส้นตรง “แต่ไม่เป็นไร พี่รอได้ พี่เป็นอะไรก็ได้..ขอแค่อยู่ตรงนี้ก็พอ อยู่ข้างๆกันแบบนี้ก็พอ”
ประโยคนั้นจบลงณัฐวีร์ก็ถอนหายใจเฮือกหนึ่งคล้ายหนักใจ ทำให้มกรหน้าเสีย หรือว่าเขาจะทำให้น้องรู้สึกแย่กับคำพูดของเขา..
ไม่เอา.. อย่าเป็นอย่างนี้ เขาไม่อยากให้ณัฐวีร์รู้สึกไม่ดีเพราะการกระทำหรือคำพูดของเขาอีก
"เอ่อ..พี่ขอ.."
"ก่อนพี่จะขอ ให้นัทขอก่อน.." เด็กหนุ่มเอ่ยขัด "สัญญามาได้ไหมครับ..สัญญาจะไม่โกหกนัท"
มกรไม่เข้าใจว่าณัฐวีร์หมายความว่าอย่างไรแต่ก็พยักหน้ารับ
"เคยเกิดอะไรขึ้นที่ห้องนี้ใช่ไหมครับ"
มกรอึ้งไป เรื่องราวมากมายเกิดขึ้นที่นี่..ทั้งเรื่องมะม่วง ทั้งเรื่องณัฐวีร์ เรื่องที่ไอ้เอมันเคยบุกมาพาเมียมันกลับจนเกือบฆ่ากันตาย
เขาควรจะตอบว่าอย่างไรดีเล่า?
ทำไมณัฐวีร์ถึงถามคำถามนั้น?
จะเริ่มเล่าเรื่องไหนก่อน?
หรือ..จะจำอะไรขึ้นมาได้แล้ว?
มกรรู้สึกว่าเหงื่อเย็นเยียบค่อยๆไหลจากขมับลงมา ยิ่งคาดการณ์ไปว่าณัฐวีร์อาจจำเรื่องราวระหว่างกันได้ยิ่งทำให้มกรปริวิตก
"มะม่วง..ใช่ไหมครับ?"
คำถามนั้นส่งผ่านมาพร้อมกับสายตาอ่อนโยนที่ณัฐวีร์ใช้มองร่างที่เอนกายพิงหัวเตียงอย่างอ่อนแรง
อ้อ..เรื่องมะม่วงงั้นหรือ..?
มกรเหมือนยกภูเขาออกจากอก นึกอย่างรู้สึกโล่งใจ เพราะณัฐวีร์ไม่ได้ถามในสิ่งที่เขากำลังกังวล ชายหนุ่มรีบพยักหน้า
"ใช่ มะม่วงตายที่นี่.. คนนั้นเขากระโดดลงไปจากหัวบันได” มกรปิดตาลง พอพูดแล้วก็ให้นึกภาพความสูญเสียนั้น
“มันเป็นวันที่ฝนหลงฤดูตกมาตั้งแต่เย็น จนเกือบสี่ทุ่มแล้วก็ยังไม่หยุดตก พี่มีนัดกับพวกแชร์ ก็จะไปเที่ยวตามประสา แต่คงเพราะช่วงนั้นมีคนเข้ามาเยอะ..”
พูดไปก็มองปฏิกิริยาณัฐวีร์ไป เห็นอีกฝ่ายยังวางหน้าเฉยๆ มกรเลยเล่าต่อ
“คนนั้นเขาก็เลยห้ามไม่ให้ออกไป.. แล้วเขาก็ไม่สบายด้วย พี่เห็นเขากินยาแล้วก็ควรจะได้พักอยู่บ้าน พี่ไปคนเดียว เขาก็ไม่ยอมจะให้อยู่กับเขา ให้ดูแลเขา แต่เวลานั้นพี่ไม่ได้อยากอยู่ที่นี่ ใจพี่อยากออกไปเที่ยวพี่ก็เลยไม่ฟังเขา ก็กำลังจะออกไป.. เขาเลยกระโดดลงมา”
เสียงตรงประโยคสุดท้ายสั่นเครือ มือของมกรถูกยกขึ้นมาปิดบังหน้า และเป็นมือที่สั่นจนรู้สึกได้
“พี่ไม่นึกว่าเขาจะทำแบบนั้น เห็นว่าไม่สบายยาก็กินแล้วก็จะได้พักไป แต่เขากลับ..”
ณัฐวีร์ยื่นมือออกไปดึงมืออีกฝ่ายออกจากใบหน้า “พี่แมน..”
เจ้าของชื่อยอมลดมือลงทั้งสองข้าง ตานั้นแดงก่ำแต่ยังไม่ยอมมองหน้าณัฐวีร์อยู่ดี
“พี่แมนฟังนัทนะ.. การสำนึกผิดมันเปลี่ยนแปลงอดีตไม่ได้ แต่มันทำให้เราก้าวเดินไปข้างหน้าได้ เชื่อนัทนะ มะม่วงและพี่ผู้หญิงเขาต้องรับรู้ได้สักวันว่าพี่แมนสำนึกผิดแล้ว”
มกรพรูลมหายใจออกมาอย่างอัดอั้น เขาแหงนหน้ามองเพดาน “จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าคนนั้นเขาจะให้อภัยพี่ไหม.. พี่ทำให้เขาคิดมากจนกระโดดลงมา แต่เพราะเขาไม่รู้ว่ามีมะม่วงอยู่ เขาถึงทำแบบนั้น ถ้าเขารู้ว่ามีเด็กในท้องเขาคงไม่ทำ”
“ครับ..เพราะเขาไม่รู้..” ณัฐวีร์บีบมืออีกฝ่ายแน่น.. เขายกมืออีกข้างขึ้นกุมมือชายหนุ่มไว้แล้วตัดสินใจพูด “..คนเป็นแม่ ถ้าไม่เดือดร้อนจริงๆ ..เขาไม่อยากฆ่าลูกตัวเองหรอก..”
คำพูดนั้นกระทบคนฟังอย่างรุนแรง ใบหน้านั้นค่อยๆแดงก่ำขึ้นทันตาเห็น สุดท้ายมกรก็ปล่อยให้ความอัดอั้นในอกพรั่งพรูออกมาเป็นน้ำตา
“แล้วพี่ล่ะครับ ให้อภัยอดีตที่เคยผ่านมาได้ไหม..” ณัฐวีร์ยังพูดต่อไปไม่หยุด เขาบีบมือใหญ่ที่กำมือเขาแน่นอย่างต้องการจะถ่ายทอดกำลังใจให้ “อภัยได้ไหมครับ..แม้ว่าคนที่ทำพี่เจ็บจะเป็นแม่ของพี่.. พี่จะอภัยให้กับสิ่งที่คุณแม่เคยผิดพลาดได้ไหม พี่ก็เคยเป็นเด็กมาก่อน เคยผิดพลาด ตัดสินใจพลาดมาก่อน พี่รอการให้อภัย คุณแม่ก็รอการให้อภัยเช่นกันนะครับ..”
มกรน้ำตาร่วงลงมาอีก
“นัทรู้ว่ามันยาก..แต่นัทเป็นกำลังใจให้พี่แมนนะ.. ขอแค่อย่าหลอกลวงกัน อย่าทำให้นัทเป็นตัวตลกเท่านั้น สัญญากับนัทแล้วนะครับ”
มกรสะอื้นออกมาอีกระลอก.. เขาคลายมือออกมาจากมือของน้อง ใช้กำปั้นทุบเข้าไปที่อกตัวเองที่มันอึดอัดนัก
อย่าหลอก..อย่าหยอกนัทเล่น
ทำไม...ทำไมกัน..
ใช่..การให้อภัยและการสำนึกผิดเปลี่ยนแปลงอดีตไม่ได้ แต่มันคือโอกาสให้เราก้าวเดินไปข้างหน้า ไปหาอนาคตที่ดีกว่า
อย่าหลอกน้อง.. อย่าทำให้น้องเป็นตัวตลกเหมือนที่ผ่านๆมา
มกรคิดก่อนจะตัดสินใจพูด "พี่ยังติดค้างกับคนคนหนึ่ง ต้องการให้เขาอภัย ในอดีตพี่ทำร้ายเขาไว้มากเหลือเกิน"
มกรลืมตาขึ้นมองตรงมายังณัฐวีร์ “แต่ตอนนี้..พี่สำนึกผิดแล้ว.. สำนึกผิดมากๆ”
มกรพูดแล้วก็ทุบตีตัวเองอีก กระทั่งณัฐวีร์ต้องยื่นมือเข้ามาห้าม “อย่าครับ.. ถ้าเขารู้ว่าพี่สำนึกผิด เขาก็ต้องอยากให้โอกาสพี่แน่ๆ อย่าทำร้ายตัวเองแบบนี้"
มกรพยักหน้า "สำนึกผิดสิ นัทเป็นพยานให้พี่นะ พี่สำนึกผิดแล้ว ยอมทำโทษตัวเองทุกอย่าง ถึงเขาจะไม่รับรู้ในสิ่งที่พี่ทำ แต่สักวันเมื่อพี่กล้ากว่านี้อีกนิด พี่จะบอกให้เขารับรู้ จะให้เขาไม่ต้องร้องไห้อีก.. นัทเป็นพยานให้พี่นะ"
มกรเอื้อมมือมาบีบมือเล็กของณัฐวีร์ เขาต้องการกำลังใจให้ก้าวไปข้างหน้า แน่ล่ะว่ากำลังใจนั้นย่อมมาจากณัฐวีร์ ถ้าวันหนึ่งเขาพร้อมจะเล่าทุกอย่างให้ณัฐวีร์ฟัง แม้อีกฝ่ายจะจำเรื่องราวไม่ได้ ก็หวังเหลือเกินว่าณัฐวีร์จะให้อภัยคนเลวคนนี้ คนที่หลงผิด คิดชั่ว ทำร้าย..และทำลายหัวใจน้อง
ทั้งหลอกให้รัก โกหกทุกอย่าง ก็เหมือนกับหยอกเล่นแล้วทิ้งขว้างอย่างไม่ใยดีนั่นแหละ
ณัฐวีร์มองมือที่กุมมือเขาไว้แล้วยิ้มให้ เขาบีบมือนั้นตอบกลับ ก่อนจะรู้สึกตัวว่าเงาร่างอีกฝ่ายเคลื่อนเข้ามาใกล้
"นัท.."
เด็กหนุ่มเบิกตาโตผงะถอยเล็กน้อย ทำให้มกรเองก็ชะงักไป ดวงตาฉายแววเจ็บปวดทำให้ณัฐวีร์ยิ้มบางๆ แล้วทาบมืออีกข้างที่ว่างลงบนมืออีกฝ่าย
"สัญญาแล้วนะครับว่าจะไม่โกหก ไม่หลอกลวงนัท.. สัญญาแล้วนะครับ"
มกรพยักหน้า "พี่สัญญา..จะไม่โกหก"
ณัฐวีร์มองสบตาคนพูด ดวงตานั้นฉายชัดความจริงใจทั้งหมดที่มี
มกรดึงมือน้องขึ้นมากุมไว้ เขาจรดริมฝีปากลงไปจูบมือนั้น
"สัญญาด้วยชีวิตนี้.." ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมอง "ด้วยหัวใจนี้"
จบคำใบหน้าคมสันนั่นก็เลื่อนใกล้เข้าไปหาวงหน้าที่ก้มน้อยๆ ใบหน้านั้นอยู่ในแสงสลัวก็จริง แต่เขาก็ยังจับเค้าความเปลี่ยนแปลงของสีผิวได้
ณัฐวีร์เป็นคนขาว..เวลาเขินอายขึ้นมาทีหน้าจะเห่อแดงซ่าน..
และตอนนี้ก็แดงไปจนถึงใบหูแล้ว ยิ่งเมื่อมกรจรดปลายจมูกลงไปที่ผิวแก้มอุ่นและนุ่มนวลนั่น ณัฐวีร์ยิ่งหน้าแดงหนักกว่าเดิม
คงจะเขินอายจนต้อง..ปิดตาลง
ณัฐวีร์เลือกที่จะไม่รับรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะเรียกร้องอะไรจากเขา..ได้แต่ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามทางที่อีกฝ่ายนำ
ริมฝีปากร้อนจรดไล่ลงมาตั้งแต่ปลายจมูก ไล่เลยลงมาข้างแก้ม กดฝังจมูกละเลียดอยู่ตรงนั้นราวกับต้องการจะดื่มด่ำความหอมที่ห่างหายไปนาน สัมผัสอ่อนโยนยิ่งคล้ายจะกลัวณัฐวีร์แตกหักบุบสลาย อ้อยอิ่งเชื่องช้าเคลื่อนสัมผัสเหมือนว่าโลกกำลังจะหยุดหมุนอยู่เพียงชั่วเวลานี้
ลมหายใจร้อนเป่ารดริมฝีปากบางที่เผยอขึ้นรอการเกี่ยวเก็บสิ่งที่..ไม่เคยได้รับ..
และ..เมื่อความอ่อนโยนนั้นทาบลงมา ณัฐวีร์ก็พรูลมหายใจราวกับโล่งอก ใจเต้นระส่ำดังกลบสรรพเสียงทุกสิ่ง ไม่ยินแม้เสียงสัมผัสของเนื้อผ้า ไม่ยินเสียงเคลื่อนไหวของมือที่สั่นเทา
กระทั่งมารับรู้อีกครั้งเมื่อใครคนนั้นถอยห่างออกไปหลังแตะจูบจุดความต้องการเพียงแผ่วเบาเท่านั้น
"..."
ณัฐวีร์กะพริบตา ความอ่อนโยนที่ได้รับอยู่เมื่อครู่หายไป ..ไม่ใช่เพียงผละออกเพื่อเปลี่ยนท่า แต่มกรถอยไปพิงหัวเตียงที่เดิมเลย
“อะ...อะไรกัน?” ณัฐวีร์หลุดปากถามอย่างงุนงง
มกรนั้นยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาตัวเองแล้วยิ้มกว้าง ทำเหมือนว่า..สิ่งที่ได้สัมผัสไปเมื่อครู่นั้นเป็นน้ำทิพย์ที่หล่อเลี้ยงใจเขาให้ชุ่มชื้นเพียงพอแล้ว ได้แค่นี้..ก็มีพลังแรงใจดำเนินชีวิตต่อไปแล้ว
“พี่แมน..?!” ณัฐวีร์ร้องเมื่ออีกฝ่ายยังไม่ตอบเขา
มกรลดมือที่เช็ดน้ำตาลงแล้วยิ้มให้ “ข้าวติดแก้ม เอาข้าวออกแล้ว” พูดจบก็ยักคิ้วแผล่บ แถมทำท่าจะล้มลงนอนอีกด้วย
..นั่นคือกิริยาที่เรียกว่า..ป้อด..ปอดแหก..
จริงๆมกรก็เจ็บใจอยู่นะที่ป้อดกว่าเพื่อนชื่อป้อด.. แต่ไม่กล้าแตะต้องน้องไปมากกว่านี้ เพราะกลัวจะหยุดไม่ได้ เตลิดขึ้นมาน้องอาจไม่ยอม แล้วเขาก็จะเสียณัฐวีร์ไป
แต่นายประมาทชายนัทเกินไปแล้ว..
“ไอ้เชี่ยพี่แมน!!” ณัฐวีร์ร้องด่า.. อุตส่าห์ยอมให้กอดให้จูบ ดันถอยทัพเสียอย่างนั้นล่ะ ต้องให้เริ่มเองหรือไง อย่ามาทำให้อายแค่ผิวๆนะเว้ย นี่ต้องการอายสุดๆไปยันเช้าแล้ว
ณัฐวีร์ง้างหมัดทุบอั่กเข้าให้ เล่นเอาคนทำท่าจะนอนต้องลุกขึ้นมาปัดป้องเป็นพัลวัน
“โอ๊ย! เจ็บ นัทเดี๋ยวๆ”
ณัฐวีร์หน้าแดงก่ำอย่างโมโหจนถึงขีดสุด “ไม่ให้แล้ว ไม่ให้แล้ว!!”
มกรได้ยินประโยคนั้นแล้วก็ยิ่งซื่อหนักไปกว่าเดิม มีย้อนถามน้องกลับไปอีกว่า ไม่ให้อะไร?
ณัฐวีร์เลยยิ่งเหมือนระเบิดลง เขาผลุนผลันลุกจะออกจากห้อง ทำให้มกรต้องตามรวบตัวไว้อย่างทุลักทุเล รวบตัวได้ยังไม่วายโดนหยิกที่แขน โดนทุบโดนศอกสารพัด
“เจ็บครับเจ็บ! คนขี้งอน”
“กล้าว่านัทหรือไง!” เด็กหนุ่มหันไปถลึงตา “พี่แมนทำให้นัทโกรธนะ”
“โอ้ย ไม่กล้าแล้วๆ”
“ปล่อยนัท จะลงไปนอนข้างล่าง” เด็กหนุ่มดิ้นขลุกขลัก แต่มือนั่นก็เหนียวเป็นตุ๊กแกเลย
“มาขั้นนี้ปล่อยไม่ได้แล้วครับ”
อาการแบบนี้.. คนที่เคยเป็นเสือผู้หญิงมาก่อนจะไม่รู้เชียวหรือ
ชายหนุ่มใช้เท้ายันประตูห้องให้ปิดดังปังแล้วดึงเอาร่างที่เล็กกว่าให้หันกลับมาเผชิญหน้ากัน..
“ที่พี่ลังเลเพราะพี่ไม่อยากหักหาญน้ำใจนัท พี่เคยให้สัญญาไว้ว่าจะไม่ทำอะไรนัทโดยที่นัทไม่อนุญาต.. ดังนั้น.. ตอนนี้เอ่ยปากสิครับ บอกอนุญาตให้พี่นะ”
ณัฐวีร์มองตาขวาง “มาขนาดนี้ยังมีหน้ามาถามหาอนุญาตอีกหรือไง” เด็กหนุ่มดิ้นอีก “ถ้าอ่านภาษาท่าทางไม่ออก ต้องได้ยินคำพูดเท่านั้น ..ก็อดกินไปเถอะ! ไอ้พี่แมนบะ...อื้อ!!”
แทบจะยังไม่จบประโยคด้วยซ้ำร่างของณัฐวีร์ก็ตกอยู่ในอ้อมแขนแกร่งและริมฝีปากเร่าร้อนก็บดเบียดลงมาอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว
===================================
จบไปแล้วอีกตอน ผิดคาดกันไหมอ่ะ
ถ้ายังไงจะมาเม้นท์เม้าท์กันใหม่นะคะ ^^
อ่า ฝากลิ้งก์ อีบุ๊คนิดนึงนะคะ
http://www.mebmarket.com/mobile/index.php?action=Publisher&id=666498&name=Morse อุดหนุนกันได้นา ส่วนถ้าสนใจเป็นเล่มหนังสือก็ติดต่อที่เพจ morse หรือไปที่เว็บเฮอร์มิทก็ได้จ้า ^^
ขอบคุณค่ะ ^^