คุณน่ะเมียผมครับ ตอนที่ 49“ตินณ์มานอนได้แล้วพรุ่งนี้ต้องไปเรียน”
เสียงไอ้พรตเรียกผมดังมาจากในห้องนอนครับ
“อีกนิดนึง ใกล้เสร็จแล้ว” ผมก็ตอบกลับไปพร้อมมือที่กำลังเร่งพิมพ์รายงานที่ต้องส่งอาจารย์
ก็ผมดันมาไม่สบายหลังปีใหม่ซะหลายวัน หยุดเรียนไปนานเลยครับ
พอหายดีก็ตามเก็บงานเรื่อยๆ ตอนช่วงที่ไม่สบายแย่ครับ
ผมเกลียดที่สุดคือช่วงที่ตัวเองป่วย ถึงจะเป็นอย่างมากแค่ปีละครั้ง
แต่ก็ไม่ค่อยอยากเป็นเท่าไหร่ ยิ่งครั้งล่าสุดที่เป็นผมสงสารไอ้พรต
ที่มันต้องมาคอยดูแลผมไม่ยอมห่าง ให้กลับบ้านก็ไม่กลับ ให้ไปนอนอีกห้องก็ไม่ไป
เฝ้าแต่เช็ดตัวตลอดแถมมานอนใกล้ผมอีก
ก่อนนอนก็แยกกัน ผมนอนบนเตียงไอ้พรตเอาเบาะปิคนิคมาปูข้างเตียงแล้วนอน
แต่ดึกๆผมรู้สึกตัวทีไรมันมานอนข้างๆผมบนเตียงทุกที
แต่ผมตื่นตอนเช้ามันก็ไปนอนข้างล่างเหมือนเดิม มันคงกลัวผมจะว่า
ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากนอนกับมันเหมือนเดิมนะครับ แต่ผมกลัวมันจะติดไข้จากผมไปมากกว่า
แล้วผมก็ไม่นึกด้วยว่าตัวเองจะเป็นหนักขนาดนั้น
ไม่อยากให้มันเป็นห่วงแต่ผมก็คิดผิด
ยิ่งไม่อยากให้ห่วงมันก็ยิ่งทำท่าเป็นห่วงผมมากขึ้นไปอีก
ต่อไปก็คงต้องบอกตัวเองว่าห้ามป่วยอีกแหละครับ
เพราะตอนนี้ตัวผมมันไม่ใช่ของผมคนเดียวเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว
มันมีอีกคนที่เข้ามาแชร์ความรู้สึกต่างๆร่วมกัน
ผมจะต้องดูแลความรู้สึกของมันให้ดีกว่าที่ผ่านมา
การป่วยครั้งนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะมีแต่เรื่องไม่ดีนะครับ เรื่องดีๆก็มี
อย่างผมได้เห็นพัฒนาการของไอ้พรตที่เป็นผู้ใหญ่ขึ้น
มันเริ่มทำอะไรเป็นมากขึ้นด้วยตัวเอง รู้จักดูแลผม คอยเช็ดตัวป้อนข้าวป้อนน้ำ
ทั้งที่ตอนแรกผมไม่คิดว่ามันจะทำด้วยซ้ำ ผมเลยได้โอกาสอ้อนมันบ้างซะเลย
นี่ก็รู้สึกว่ามันเริ่มจะเอาคืนผมบ้างแล้วครับ
หลังจากหายป่วยมามันเริ่มดื้อเหมือนเดิมออกหลังจากหายไปนาน
“เหลือเยอะไหม ให้ช่วยป่ะ” เสียงมันดังขึ้นใกล้ๆทำผมตกใจเลยครับ กำลังคิดอะไรเพลินๆ
“ไม่ต้องหรอกอีกไม่เกิน 20 นาทีกูจะไปนอนกอดมึงบนเตียงเลย”
“กูไม่ได้รอแบบนั้นเฟ้ย มึงยังไม่หายดีเท่าไร
อยู่ดึกเดี๋ยวเป็นไข้ขึ้นมาอีกกูขี้เกียจดูแล้ว” มันบ่นก่อนเดินไปกดเปิดทีวี
“มึงทำไมยังไม่นอน”
“รอมึงก่อน รีบทำไป” มันหันมาว่าก่อนกลับไปจ้องทีวี
ผมก็เริ่มพิมพ์งานต่อเรื่อยๆไม่นานก็เสร็จ
มองไปที่โซฟาหน้าทีวี เห็นคนที่บอกว่าจะรอผมหลับไปแล้วครับ
ในมือยังถือรีโมตอยู่เลย เดี๋ยวนี้มันน่ารักไปนะ
มานั่งรอผมทำงานด้วย ทั้งที่เมื่อก่อนไม่ค่อยจะมี
ผมรีบสั่งปริ้นซ์งานและเซฟเก็บไว้ในเครื่องด้วย
จากนั้นก็ปิดแมคบุ๊คแล้วเดินไปหาเด็กที่กำลังนอนขดตัวอยู่บนโซฟา
“พรต พรตครับ” ผมเรียกมันเบาๆ
“อื้อ... เสร็จแล้วเหรอ กูเผลอหลับ” มันว่าพร้อมเอามือขยี้ตาตัวเองแล้วหาวไปด้วย
“เสร็จแล้วไปนอนกันเถอะ”
“อืม กูเดินเอง” ผมพูดเสร็จกำลังจะช้อนตัวมันขึ้นอุ้มแต่มันเอามือกันไว้แล้วลุกเดินครับ
“แต่กูอยากอุ้มมึง” ผมบอกมันตามที่คิด
“ไว้วันหลัง วันนี้มึงยังไม่หายดี เดี๋ยวทำกูหล่น” หึหึ ที่แท้ก็กลัวเจ็บเด็กน้อยเอ๊ย
“หึหึ ก็ได้วะ”
“ปิดไฟ แล้วรีบตามมาไวๆ” มันบอกพร้อมกับเดินนำเข้าห้องนอนไปก่อนครับ
ผมก็เดินไปปิดไฟห้องรับแขกก่อนเดินตามมันเข้าห้องสิครับจะอยู่ทำไม
.......................................
“เห้ย! จะไปไหนวะบ่ายทำงานกลุ่มนะเว้ย”
เสียงไอ้อาร์มตะโกนเรียกผมที่กำลังจะไปรับไอ้พรตที่คณะครับ
“งานอะไรวะ” ผมหันกลับมาถามมันงงๆ ก็ว่าไม่มีงานอะไรแล้วนี่หว่า
“งานวิชาออกแบบเครื่องกล พอดีกูลืมบอกมึงว่ามีงานว่ะ”
“สัส! ไม่รีบบอกกูจะกลับอยู่แล้วเนี๊ยะ แล้วงานกลุ่ม งานเดี่ยว ทำอะไร” ผมด่ามันก่อนถามรัวเลยครับ
“งานกลุ่มดิ ก็ไอ้กลุ่มที่เคยทำด้วยกันนั่นแหละ
แกให้เอาร่างที่เคยนำเสนอมาทำเป็นโมเดลส่ง”
“เออ งั้นเดี๋ยวกูกลับมาทำไปรับไอ้พรตก่อน”
ผมบอกมันก่อนก้มดูนาฬิกาข้อมือ สายแล้วครับเดี๋ยวไอ้พรตด่า
“พวกกูรออยู่ใต้คณะ เอาไอ้นาวเมียเพื่อนกูมาด้วยก็ดี”
ไอ้อาร์มว่าพร้อมรอยยิ้มกวนๆ ผมก็ได้แต่พยักหน้าเออออ
แล้วเปลี่ยนใจจากที่จะขับรถไปรับมันกลับคอนโด
เป็นเดินไปรับมันแทนเพราะถ้าเข้าทางหลังคณะมันเดินไปไม่ไกลครับ
.....................................................
“ทำไมมาช้าจังวะ” ผมยังเดินไปไม่ถึงโต๊ะที่มันนั่งรอดีด้วยซ้ำ เสียงถามก็ถูกส่งมาให้เลยครับ
“กูคุยงานอยู่ บ่ายจะต้องทำงานที่คณะว่ะ” ผมตอบมันเมื่อเดินถึงโต๊ะ
“หวัดดีครับพี่ตินณ์” เสียงไอ้พวกลิงเพื่อนมันทักผมครับ
“เออดี ไอ้นาวไปคณะกูไหม ไอ้คิมมันต้องทำงานคงไม่ได้มารับ”
หลังทักทายพวกมันที่นั่งจ้องผมเป็นตาเดียว ผมก็เจาะจงถามไอ้นาว
“ไปดิพี่ มันโทรมาบอกแล้วว่าจะส่งพี่ตินณ์มารับ”
ไอ้เชี้ยคิมรู้ดีมากครับว่าผมต้องมารับไอ้พรต ตัวมันขี้เกียจเลยใช้ไม้นี้ไม่บอกผมซักคำ
“กูไม่ได้เอารถมา เดินไปนะมึง”
“ครับ ได้เสมอ” ไอ้นาวตอบพร้อมยิ้มจนจะไม่เห็นตา
“มึงไปนั่งเล่นคณะกูไหมหรือจะกลับเลย เดี๋ยวกูไปส่งก่อน”
ผมถามไอ้พรตที่ตอนนี้นั่งดูดน้ำแดงเพลินไปสนผมแล้วครับ
“นั่งเล่นอะไรวะ มีอะไรให้กูเล่น” มันเงยหันมาถามผมแล้วก้มดูดน้ำต่อครับ
ปากมันนี่เป็นสีแดงตามสีน้ำแดงที่มันกำลังดูดไปแล้ว ไม่รู้จะชอบกินอะไรนักหนา
“มึงก็ไปนั่งเฝ้าพี่ตินณ์เป็นเพื่อนไอ้นาวไง” ไอ้ฟิกซ์เพื่อนมันพูดขึ้นบ้าง
“เออ ไปดิกูจะได้ไปนั่งชมความงามของสาววิศวะด้วย” ไอ้มายด์เอาบ้างครับ
แต่มันคิดผิดป่าววะ สาววิศวะมีความงามตรงไหนผมยังมองไม่เจอซะที เรียนมาก็3 ปีแล้ว
“เออ กูไปแซวสาวด้วยกลับห้องก็ไม่มีอะไรทำ”
ไอ้ฟิกซ์จะไปด้วยอีกคนครับ ทีนี้ก็เหลือแต่ไอ้พรตว่ามันจะไปหรือป่าว
“ตกลงมึงจะไปไหม” ผมถามมันอีกครั้ง
“เออ ไปก็ไปแต่ถ้าเบื่อกูกลับเลยนะ” มันยอมตกลงแต่ยังมีการต่อรองตามนิสัยนิดหน่อยครับ
“ครับ งั้นไปกินข้าวที่คณะกู” ผมบอกก่อนหยิบกระเป๋ากล้องไอ้พรตขึ้นสะพาย
พวกที่เหลือก็ลุกจากโต๊ะแล้วเริ่มออกเดินมุ่งหน้าสู่คณะวิศวะครับ
......................................................
“อร๊ายยยยน้องพรต คิดถึงจังเลย” เสียงไอ้มี่แหลมดังมาแต่ไกล
ก่อนมันจะพาตัวเองวิ่งมาสวมกอดไอ้พรตต่อหน้าผมเลยครับ
ไม่รู้มันจะรักอะไรกันนักหนา เมื่อก่อนก็ไม่ขนาดนี้ตั้งแต่ไปเที่ยวเขาค้อมาด้วยกัน
มันแทบจะเอาเมียผมไปเป็นผัวมันแทนไอ้อาร์ม เดี๋ยวกอดเดี๋ยวหอม
โทรหากันบ่อยด้วยครับแรกๆผมก็จับแยกแต่ผมหลังๆนี่ไม่ไหวครับ
ปล่อยมันไปแล้วกันยังไงก็เอาไปไม่ได้ หนักมากเมื่อไหร่ไอ้อาร์มคงจัดการเอง
“พี่มี่ไม่คิดถึงนาวบ้างเหรอครับ” ไอ้นาวเสนอหน้าตลอดครับ
เวลาสองคนนั้นเค้าแสดงความรักแบบรั่วๆใส่กัน
“ไม่หรอกย่ะ พี่กลัวไอ้คิมมันเตะ”
ไอ้มี่หันมามองก่อนพูดดังๆให้ไอ้คิมที่นั่งอยู่ไม่ไกลได้ยินด้วยครับ
“ตามสบาย กูให้เอาไปเลย” ไอ้คิมว่ากลับมาเสียงดังเหมือนกันครับ
“แลกกับพี่อาร์มเหรอพี่คิม” ไอ้ฟิกซ์ที่เดินข้างๆไอ้นาวถามไอ้คิมเสียงไม่เบา
ได้ยินกันทั่วเลยครับ ที่นี้เสียงหัวเราะเลยดังทำคนแถวนี้หันมามองโต๊ะที่พวกผมนั่งเป็นตาเดียว
“สัส!! กูเพื่อนเล่นมึงไง” ไอ้คิมทำเสียงโหดกลับมาเลยครับ
“ล้อเล่นน่าจารย์ ทำโหดไปได้” ไอ้ฟิกซ์มันว่ากลับ แล้วเรียกไอ้คิมว่าอาจารย์
มันเรียกบ้างไม่เรียกบ้างตามอารมณ์ตั้งแต่ฝากตัวเป็นศิษย์ในความเชี้ยของไอ้คิมตั้งแต่ภูทับเบิกครับ
“กินข้าวกันมายังวะ” ไอ้โฟมถามบ้างครับ
“ยังเลยพี่ว่าจะมากินที่นี่” ไอ้มายด์เป็นคนตอบ
“เออ งั้นไปกินพร้อมกัน พวกกูก็ยังไม่ได้กิน”
ไอ้โฟมบอกก่อนเก็บของมารวมกันไว้ที่โต๊ะเดียว
แล้วเดินไปฝากให้เพื่อนโต๊ะข้างๆช่วยดูให้ครับ
เป็นเพื่อนในภาคเดียวกัน สงสัยมาทำงานวิชาเดียวกันนี่แหละครับ
หลังฝากของเรียบร้อยพวกผม สิบชีวิตก็ออกเดินไปที่ซุ้มขายอาหารข้างๆคณะ
จะไปกินที่ศูนย์อาหารของก็ไกลเกินไปเอาใกล้ๆนี่แหละครับ
พอกินได้เหมือนกัน อย่าถามหาเลยความอร่อย
“พี่พรตหวัดดีครับ มาทำไรที่นี่อ่ะ”
ผมได้ยินเสียงใครทักไอ้พรตเลยหันไปมอง
ปรากฏว่าเป็นน้องวีครับ เดินมาพร้อมไอ้แบตเพื่อนมันแล้วก็น้องลูกแพร
“มาเฝ้าหมา” ไอ้พรตตอบก่อนปรายตามามองผมนิดนึง
“ดีเลยแพรกำลังมองหาคนเลี้ยงข้าวอยู่พอดี”
ลูกแพรว่าก่อนเข้าไปกอดแขนไอ้พรตครับ
“โน่นไปอ้อนคนนู้นเลย เผื่อเพื่อนด้วยนะ” ไอ้พรตมันบอกน้องสาวตัวเองเบาๆ
แต่ผมดันได้ยินแล้วน้องแพรก็เป็นเด็กดีเชื่อฟังพี่ชายครับ รีบพุ่งเป้าเข้ากอดแขนผมแทน
“พี่เขยเลี้ยงข้าวน้องกับเพื่อนหน่อยสิคะ” มาไม้นี่ผมจะกล้าปฏิเสธไหมล่ะครับ
“เรียกถูกใจ อยากกินอะไรสั่งเลยครับคุณน้องเมีย”
พอผมพูดจบผมกับน้องแพรก็ขยิบให้กัน
ก่อนผมจะหันไปมองไอ้พรตที่หน้าบึ้งไปแล้วครับ หึหึ ตลกดี
“วี แบต เอาอะไรสั่งเลยนะ” ผมหันไปบอกอีก2 คนที่ยืนอยู่
“ไอ้แบตมึงไปสั่งเลย” น้องวีหันไปบอกเพื่อน
“มึงเอาอะไร มาสั่งดิ” ผมเรียกไอ้พรตที่ตอนนี้ยืนคุยกับไอ้มายด์ไม่ยอมเข้ามาสั่งซะที
จะได้จ่ายเงินพร้อมๆกัน
“เอาเหมือนมึง สั่งมาเลย” มันบอกก่อนหันไปคุยต่อ
“อ่าววีไม่สั่งเหรอ” ผมถามวีเมื่อเห็นน้องวีไม่ยอมสั่งอาหาร
“ผมก็อยากกินของพี่ตินณ์นะครับ แต่พี่นาวบอกว่าจะเลี้ยงผมก่อนอะครับ”
น้องวีบอกผมพร้อมชี้ไปที่ไอ้นาวที่ตอนนี้มันถือจานข้าว 2 จานเดินเข้ามาใกล้แล้วส่งให้วีจานนึง
“จานเดียวข้อตกลง 3 ข้อ หายกันนะ”
ผมได้ยินไอ้นาวพูดกับวีแบบนี้แต่ไม่รู้หรอกครับว่าพวกมันตกลงอะไรกันไว้
“โหยย..พี่นาวแม่งเขี้ยววะ เรื่องไรติดไว้ก่อน นึกได้เมื่อไหร่จะไปทวง”
“นึกให้ได้ชาตินี้นะมึง ไม่ต้องตามไปทวงชาติหน้า”
ไอ้นาวว่ากลับยิ้มๆก่อนเดินไปนั่งโต๊ะที่ไอ้คิมนั่งรออยู่
“แล้วไอ้ชินไม่มาด้วยเหรอ” ผมถามหาไอ้ชินครับ
“พี่ชินเข้าช็อปครับ เลิกบ่ายๆ”
“งั้นไปนั่งกินด้วยกันดิ” ผมเรียกน้องวีกับเพื่อนไปนั่งกินข้าวด้วยกัน
“ครับ”
“พี่ตินณ์ภาคเครื่องกลเรียนยากไหมอ่ะ”
ไอ้แบตถามผมตอนกำลังนั่งกินข้าวครับ กินไปคุยไป นานๆจะได้เจอรุ่นน้องซะที
“ก็เรื่อยๆหว่ะ อยากเข้าภาคนี้เหรอ”
“ครับ ผมกำลังเลือกระหว่างเครื่องกลกับไฟฟ้า”
“เอาตามที่ใจอยากเรียนดีกว่า เดียวจะมีสอบเลือกภาคแล้วนี่จบปี1”
“ครับ”
“แล้ววีกับลูกแพรเข้าภาคไหนกันล่ะ” ผมหันไปถามอีกสองคนที่เหลือ
“วีเข้าไฟฟ้าตามพี่ชินค่ะ แพรจะเข้าเคมีไม่รู้จะได้หรือป่าว”
“ใช่ที่ไหนหล่ะ วีอยากเรียนไฟฟ้าตั้งแต่แรกแล้วเถอะไม่ได้ตามใคร” น้องวีรีบปฏิเสธเลยครับ
“เรียนไปทำไมเคมี” เสียงไอ้พรตมันถามน้องมันครับ
“ไม่รู้สิ ทำแลปน่าจะดีกว่าเจอแดดมั้ง” น้องแพรตอบไอ้พรตยิ้มๆครับ
“หึหึ สุดท้ายระวังได้อยู่ภาคเดียวกันหมดนะ” ไอ้นาวว่าขึ้นมาบ้างครับ
“ผมก็ว่างั้นแหละ” ไอ้วีหันไปตอบแฟนเก่าปลอมๆขอมมัน
“พี่ตินณ์ฝึกงานปิดเทอมนี้หรือป่าวค่ะ” น้องแพรถามผมหลังจากตั้งใจกินกันมาซักพัก
“ครับ พี่ฝึกปิดเทอมนี้เลย”
“ได้ที่ฝึกงานแล้วเหรอพี่” ไอ้มายด์หันมาถามผมบ้าง
“เออ ได้แล้ว”
“ที่ไหนวะ” ผมตอบไอ้มายด์ แต่เป็นไอ้พรตถามผมแทน
“โรงกลั่นน้ำมันภาคใต้หว่ะ ฮ่ะๆๆๆ” ไอ้เชี้ยอาร์มชิงตอบแทนผมครับ
ผมว่าจะค่อยๆบอกไอ้พรตซะหน่อย แบบนี้มันจะด่าผมไหมล่ะที่ยังไม่ได้บอกมัน
ผมเพิ่งรู้เมื่อ 2 วันก่อนครับ ก็ไม่ได้อยากไปหรอกแต่อาจารย์เสนอชื่อเข้าไปที่บริษัทน้ำมันแห่งหนึ่ง
เข้าพิจารณาเกรดและคุณสมบัติต่างๆแล้วผมดันได้ ซวยไปครับนึกว่าฝึกในกรุงเทพๆ
“สัส!! เงียบไปเลยมึง” ผมด่าไอ้อาร์มก่อนมองไอ้พรตมันเงียบเลยครับ
นั่งก้มหน้ากินข้าวต่อไม่คุยกะใคร ผมก็กินไปเรื่อยๆใครถามก็ตอบ
แต่ยังไม่ได้คุยกับไอ้พรตครับเดี๋ยวค่อยคุยกันดีกว่าคุยตรงนี้ครับ
ไม่นานเราก็กินข้าวอิ่ม แล้วพวกน้องวีก็แยกย้ายกันไปเรียนคอบบ่ายพวกผมก็กลับมาทำงานที่ใต้คณะ
“พรตไปห้องน้ำเป็นเพื่อนกูแป๊บดิ” ผมเรียกมันที่กำลังนั่งกดโทรศัพท์เล่นไม่สนใจใคร
“ไปเองดิ ไปเองไม่เป็นไง” มันเริ่มรวนแล้วครับ กูว่าแล้ว
“ไปเป็นแต่อยากให้มึงไปด้วย”
“ไม่ไป กูไม่ว่างเนี๊ยะเห็นไหม” มันว่าแต่ไม่ยอมเงยหน้าจากโทรศัพท์เลยครับ
“มาด้วยกันก่อน” ผมพูดเสร็จดึงแขนมันให้ลุกจากโต๊ะเลยครับ
“เชี้ย!!” มันว่าไม่ดังเท่าไหร่ ก่อนยอมลุกตามแรงดึงของผม
ทั้งเพื่อนมันและเพื่อนผมมองตามเป็นตาเดียวแต่ผมไม่สนใจ
ผมลากมันมาหยุดข้างๆคณะตรงที่ไม่ค่อยมีคน
“พรตมึงโกรธกูเหรอ” ผมถามมันก่อนครับ
“กูมีสิทธ์โกรธมึงเหรอ กูจะโกรธมึงเรื่องอะไรไม่ทราบ”
มาเต็มเลยครับ แบบนี้เรียกไม่โกรธก็บ้าแล้ว
“ก็ที่กูไม่ได้บอกมึง เรื่องไปฝึกงานภาคใต้”
ผมพูดกับมันดีๆโดยไม่ใช้อารมณ์ ถ้าเป็นผมรู้ที่หลังคนอื่นก็โกรธเหมือนกันครับ
“กูจะเอาสิทธิ์อะไรไปโกรธมึง กูไม่ใช่เพื่อนมึงนิที่จะสามารถรู้ได้” มันว่าเสียงแข็งๆครับ
“กูขอโทษ มึงมีสิทธิ์ทุกอย่างเกี่ยวกับชีวิตกู
แต่ที่กูยังไม่ได้บอกมึงก็เพราะว่ากูยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะตอบตกลงไปฝึกงานที่นั่นรึเปล่า
กูกะว่าจะค่อยๆบอกมึงเองแต่ยังหาโอกาสไม่ได้” ผมรีบบอกมันเลยครับ
“มึงก็ชอบเป็นแบบนี้ทำเป็นห่วงความรู้สึกกู
แต่มีอะไรไม่เคยจะบอกชอบให้กูรู้จากคนอื่น”
มันว่าเสียงเครือๆ พร้อมก้มหน้าไม่ยอมสบตาผมเลยครับ
อันนี้คือมันน้อยใจไม่ได้โกรธแน่นอนผมรู้สึกได้
เพราะถ้าโกรธมันคงไม่ยอมคุยกับผมไปแล้ว
หรือไม่ก็ต้องหาอะไรซักอย่างฟาดหัวเละไปแล้ว
“ขอโทษนะครับ กูมองแค่มุมของกูที่กลัวว่ามึงจะเสียใจที่ต้องห่างกับกูนานเกือบสามเดือน
เลยว่าจะแก้ปัญหาเองก่อนถ้าไม่ได้ค่อยบอกมึง
ถ้ากูบอกมึงไปแล้วกูหาที่ใหม่ได้แล้วไม่ต้องไป มึงก็เสียใจฟรีจริงไหม”
ผมว่ามันพร้อมดึงหัวมันเข้ามาซุกอก มันก็ดิ้นนิดนึงก่อนยอมให้ผมเอาคางเกยหัวนิ่งๆ
“มึงมันเชี้ย ไม่ต้องมาคิดแทนกู ที่หลังมีอะไรก็บอก กูคิดเองได้ว่าจะดีใจหรือเสียใจ”
มันว่าเสียงยังไม่หายเครือครับ แต่มันไม่ได้ร้องนะ
“ครับ พี่ขอโทษนะ ต่อไปนี้มีอะไรจะบอกทุกอย่างเลย”
“กูไม่ได้อยากให้มึงมาดูแลกูคนเดียว มีอะไรก็ช่วยกันคิดช่วยกันแก้ดิ ถึงจะเรียกว่าแฟนกัน”
“ครับ ไม่งอนนะ” ผมบอกก่อนดันมันออกห่างตัวเพื่อสบตา ตามันแดงๆ น่ารักว่ะ
“กูไม่ได้งอน” มันยังเถียงอีกครับ ไม่งอนแล้วเรียกว่าอะไรวะ
“ไม่งอนแล้วเป็นอะไรครับ”
“ไม่รู้ จะไปเยี่ยวก็ไป ไม่ต้องยุ่งกับกู” มันว่าเสียงเริ่มดังขึ้นแล้วครับ
“หึหึ ต้องแบบนี้สิค่อยเป็นมึงหน่อย”
ผมว่าก่อนดึงมันมาเอาปากตัวเองชนปากมันแรงๆแล้วปล่อย
ไอ้ตินณ์ นี่มันในม.” มันว่าเสียงดังเลยครับ
“แล้วไง ที่ไหนมึงก็เมียกู” ผมถามก่อนยักคิ้วให้มัน
“สัส!! ใครเห็นขึ้นมาเป็นเรื่องอีก ทำอะไรไม่ระวัง”
มันว่าพร้อมหน้าขึ้นสีแดงนิดๆ น่ารักชะมัด
ไม่ทำแล้วได้ไหมวะงาน กลับบ้านไปนอนกอดมันดีกว่า
------ To Be Con. --------เขยิบเข้าไปอีกนิด เขยิบความสัมพันธ์...
เจอกันใหม่ตอนหน้าจ้า....
รักเสมอ คนที่เผลอเข้ามาอ่าน อิอิ
ช่วงนี้เมจิกเพ้อค่ะ อย่าถือสา
ขอบคุณมิตรรักแฟนนิยาย
บวกเป็นและคอมเม้นท์มากมายเหมือนเดิมค่ะ
ไปปั่นตอนหน้าต่อดีกว่ากิกิ