หลังแหวกว่ายระเริงรักในทะเลน้ำผึ้งฉ่ำสุข สองร่างตระกองกอดรัดกันแนบแน่นด้วยความอิ่มเอมใจ แค่รักก็ว่าอิ่มหนำแล้ว แต่พอได้มีเซ็กส์ พอได้เป็นของกันและกันอย่างแท้จริง ยิ่งรู้สึกว่าผูกพัน และหวงแหน พอร์ชจูบซับไปทั่วหน้าของรุจน์ ด้วยความรู้สึกตื้นตันปรีด์เปรม รุจน์เองก็เบียดกายซุกแน่นในอ้อมกอดอุ่นของพอร์ช ความหวานล้ำยังซาบซ่านในหัวอก
“ขอบใจนะรุจน์ ขอบใจที่มึงยอมเป็นของกู” พอร์ชเอ่ยเสียงสั่น มันตื้นตันจนไม่อาจปิดบัง หรือวางท่าต่อไปได้ เขาดีใจจริงๆที่ในที่สุด คนที่เขาเฝ้ารักเฝ้าคอย ก็ยินยอมพร้อมตอบรับรักของเขาทั้งกายและใจเสียที
แม้ว่าเขาจะไม่ได้รักแค่เพียงหวังได้ แต่ในเมื่อได้มาแล้ว พอร์ชก็สาบานไว้กับตัวเองเงียบๆว่า จะดูและถนอมรักษาคนในอ้อมแขนนี้ไปตลอดชีวิต
“อือ” รุจน์ตอบเพียงสั้นๆ แล้วซุกกายเข้าหาแนบแน่นขึ้น ถามว่ามีความสุขไหม รุจน์ตอบได้เต็มปากว่าสุขมาก แม้จะต้องแลกด้วยความระบมขมขื่นที่แล่นร้าวไปทั่วร่างก็ตาม
แต่ถึงรุจน์จะมีความสุขแค่ไหน กระนั้นเขายังอดรู้สึกวูบโหวงในอกไม่ได้ หลากหลายความรู้สึกถาโถม
สุขล้นจนล่องลอย แต่ก็หวาดประหวั่นเสียเหลือเกิน...
"นี่...ทำไมเงียบอย่างนี้ล่ะ เหนื่อยเหรอ?" เห็นว่าคนในอ้อมแขนนอนนิ่ง พอร์ชก็แอบกังวลเล็กๆ จึงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาด้วยความห่วงใย
"ก็เหนื่อยน่ะสิ...ใครจะบ้าพลังได้อย่างมึงวะ" รุจน์บ่นเสียงแผ่ว แต่พอร์ชรู้ดีว่านั่นไม่ใช่เหตุผล
อ้อมกอดหนาจึงกระชับแน่นขึ้น ริมฝีปากจูบซับตรงขมับขาว พลางเอ่ยขอโทษแผ่วเบาด้วยรู้สึกผิด "ขอโทษนะ...ที่กูเร่งรัดมึง มึงคงรู้สึกไม่ดีใช่ไหม?...โอ๊ะ!!?"
ไม่ต้องรอให้ดราม่าจบ พอร์ชก็โดนรุจน์สั่งสอนไปที ด้วยการโขกหัวแข็งๆ เข้ากระแทกหน้าผากของพอรืชเข้าเต็มรัก เล่นเอาพอร์ชถึงกับเห็นดาวระยิบ
"มึงจะขอโทษกูทำบ้าอะไรวะ? กูไม่ใช่เด็กนะ กูยอมเพราะรักมึง ไม่ใช่เพราะถูกมึงเร่งรัด ลองเสือกพูดขอโทษอีกที กูโขกมึงปากแตกแน่!" โดนเข้าใจผิดในเรื่องไม่เป็นเรื่องเข้าไป รุจน์ถึงกับของขึ้น หลังโขกหัวลงโทษคนรักไปได้ ก็ยันตัวขึ้นมาด่ากราดเป็นชุด ก่อนจะร้องซี้ดออกมาอย่างลืมตัว เมื่อความปวดร้าวช่วงล่างเริ่มออกอาการประท้วง ยังผลให้รุจน์ เป็นอันต้องฟุบกายลงในอ้อมแขนของพอร์ชอีกครา อย่างช่วยไม่ได้
"จะรู้สึกผิดหาพระแสงอะไรวะ กูรักมึงจนจะสำลักตายอยู่แล้ว ไม่งั้นกูจะยอมให้มึงทำขนาดนี้เหรอวะ เรื่องอื่นออกจะฉลาด อย่าแกล้งโง่เรื่องนี้นะมึง ไอ้ห่านี่...." ขนาดลงไปนอนกอง ปากของรุจน์ก็ยังไม่ยอมหยุดก่นด่า จนได้ยินคำร้องปลอบโยนของพอร์ชว่า โอ๋ โอ๋ ไม่พูดแล้ว ผิดไปแล้ว นั่นแหละ รุจน์ถึงจะยอมหยุด
"ก็กูเป็นห่วงนี่ เล่นเสร็จกิจแล้วเงียบกริบแบบนั้น กูก็นอยด์เป็นเหมือนกันนะ" คราวนี้เป็นพอร์ชที่ออกอาการโอดครวญบ้าง ชายหนุ่มเท้าแขนมองหน้ามุ่ยของคนรักอย่างนึกเอ็นดู
รอยยิ้มอ่อนโยนที่พอร์ชส่งมา หลอมละลายปากหนักๆของรุจน์ ให้ยอมปริเปิด เผยความในใจออกมาในที่สุด "กู...กังวลเรื่องของมึงอ่ะ"
"เรื่องกู?" ได้ยินแบบนั้นพอร์ชถึงกับฉงน นึกไม่ออกว่าคนรักจะกังวลเกี่ยวกับตนด้วยเรื่องอะไร "ทำไม? กลัวกูฟันแล้วทิ้งเหรอ?" ลองหยั่งเชิงถามไป ก็โดนด่ากลับมาแบบทันควัน
"ไอ้ห่า!! พาออกทุ่งออกอ่าวตลอดเลยนะมึง!! กูหมายถึงกูกังวลเรื่องครอบครัวของมึงต่างหากล่ะ ไอ้ห่านจิกนี่!!" รุจน์เสียงกร้าว พร้อมขึงตาใส่พอร์ชอย่างอารมณ์เสีย
แต่กระนั้น พอร์ชก็ไม่เข้าใจอยู่ดี ว่าคนรักของตน จะกังวลกับเรื่องครอบครัวของเขาทำไม ในเมื่อทุกอย่าง มันก็ราบรื่นดีอยู่แล้ว "ครอบครัวกู? จะกังวลไปทำไม มึงเข้ากับบ้านกูได้เป็นปี่เป็นขลุ่ยนี่ พ่อแม่กูเองก็รักมึงยิ่งกว่าลูกในไส้อย่างกูเสียอีก"
สิ้นคำถามของพอร์ช ใบหน้าขึงขังของรุจน์นั้นก็พลันสลดลง เสียงเจื้อยแจ้วแหบพร่ากว่าเคย ยามที่เขาต้องเอ่ย คำพูดที่แสนลำบากใจ "ก็เพราะอย่างนั้นไง...กูถึงได้กลัว"
พอร์ชชันตัวขึ้นนั่ง เพื่อสดับสิ่งที่รุจน์กำลังจะเอื้อนเอ่ย เปิดใจรับความรู้สึกที่ว่ากลัวของคนรักที่แผ่ลามออกจากร่างเล็กกว่าอย่างนึกเห็นใจ พอร์ชพอจะรู้ ว่ารุจน์กำลังรู้สึกอย่างไร พอร์ชจึงนิ่งฟัง ในทุกสิ่งที่รุจน์อยากระบาย
“ก็รู้...ว่าพ่อกับแม่มึงใจดีกับกูแค่ไหน เพราะอย่างนั้นแหละ กูถึงได้กังวลไง แม่มึงใจดีกับกูในฐานะที่กูเป็นเพื่อนมึง...แล้วถ้าวันนี้ที่มันเปลี่ยนไปแล้วล่ะ...แม่มึงจะยังเมตตากูอยู่หรือเปล่า...กู...กลัวจริงๆนะ”
รุจน์อธิบาย พลางลุกขึ้นนั่งบ้าง โดยมีพอร์ชคอยช่วยประคองให้นั่งพิงขอบเตียงไว้จะได้ไม่เป็นภาระกับช่วงล่างมากนัก พอร์ชนิ่งฟังที่รุจน์พูดมาอย่างตั้งใจ ทั้งยังตระหนักเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งกับสิ่งที่คนรักกังวล
“พอร์ช...ถ้าแค่บ้านกูน่ะ กูยังพอไฟว์นะ กูยังพอมั่นใจอยู่ว่ากูจะสามารถคุยเรื่องนี้กับพ่อแม่กูได้...อย่างน้อย กูก็ไม่ใช่ลูกคนเดียวอย่างมึง ถึงจะมีปัญหาบ้าง ก็คง...ไม่ได้หนักมาก...”
ยิ่งพูด เสียงของรุจน์ก็ค่อยพาลขาดห้วง เนื่องด้วยความทุกข์เริ่มจุกอก เดิมทีก็มีพื้นฐานเป็นคนชอบคิดไปใหญ่อยู่แล้วด้วย พอปล่อยให้ความคิดแง่ลบของตัวเองพรั่งพรูมากเท่าไหร่ รุจน์ก็ยิ่งห่อเหี่ยวใจมากขึ้นเท่านั้น
น่าสงสาร จนพอร์ชต้องรีบกอดปลอบ
“นี่...อย่าเพิ่งคิดไปไกลขนาดนั้นสิวะ เรื่องราวมันไม่ได้จะเลวร้ายขึ้นมาเสียเดี๋ยวนี้ เสียเมื่อไหร่ เราค่อยๆช่วยกันคิด ช่วยกันแก้ปัญหาไปก็ได้นี่...” ว่าพลาง ช้อนปลายคางมนให้ใบหน้าเศร้าสร้อย ได้แหงนขึ้นสบตา “วันนี้วันดีของเรานะ...กูอยากให้มันมีแต่ความทรงจำที่แสนสุขระหว่างเรา มากกว่าการเห็นมึงเศร้านะ”
“...ก็กูอยากอยู่กับมึงไปนานๆ นี่นา...จะไม่ให้คิดมากได้ยังไงเล่า...” รุจน์ซบศีรษะอิงไหล่พอร์ชไว้ พร้อมเปรยเสียงเศร้า ทว่าถ้อยคำเหล่านั้น กลับหวานล้ำสำหรับคนฟังอย่างยิ่งยวด ขนาดที่ว่าพอร์ชทนไม่ได้ ที่จะโอบร่างนั้นแน่นๆ แล้วก้มลงหอมที่แก้มแดงนั่นแรงๆ ซ้ายทีขวาที แบบไม่มีเกรงใจว่า แก้มนั้นจะช้ำเลยแม้แต่นิด
“ฮื่อ...นึกคึกอะไรของมึงขึ้นมาอีกเนี่ย” รุจน์โอด ทั้งพยายามเบี่ยงหน้าหลบเล็กน้อย ด้วยเพราะเขินผสมเริ่มรำคาญ
“ก็มึง...น่ารักนี่” พอร์ชว่าพลางซุกหน้าลงบนไหล่ของพอร์ช ด้วยบหน้าที่แดงก่ำลงมาถึงลำคอแกร่ง อาการแบบนั้น เล่นเอารุจน์ถึงกับงง นี่เขากำลังดราม่านะ ทำไมจู่ๆ ถึงได้ลากเข้าเรื่องรักนะจ๊ะจ๋าแบบนี้ไปได้กันเล่า?
“อะไรของมึงเนี่ย!?”
“ก็มึงเครียด เพราะกลัวถูกจับแยกกับกูใช่ไหมล่ะ?”
“...อือ แล้วมึงจะทำเสียงดีใจเพื่อ? แม่มึงดุจะตายห่า จะไม่ให้กูเครียดได้ยังไง”
“นี่...” พอร์ชผละออกจากไหล่ของคนรัก ออกมานั่งตัวตรง เผชิญหน้ากับรุจน์ตรงๆ บรรจงใช้มือลูบข้างแก้มนิ่มเบาๆ พลางเอ่ยคำ ที่เป็นดั่งคำมั่นสัญญา “รุจน์…กูรักมึงมากนะ รักมานานมาก มึงก็รู้ เพราะงั้น ไม่ว่าจากนี้ไปจะเกิดอะไรขึ้น กูสัญญาว่ามันจะไม่มีทางเปลี่ยนความรู้สึกของกูที่มีต่อมึงได้ ตราบเท่าที่มึงยอมเดินเคียงข้างกู กูจะพามึงก้าวข้ามทุกอุปสรรคไปให้ได้ ไม่เว้นแม้แต่คุณนายแม่กู…สบายใจได้ยัง?” พูดจบก็ยิ้มร่า ถามคนรักอย่างใคร่รู้ ว่าคล้อยตามไปกับคำหวานของตนแค่ไหน พอร์ชยิ้มกว้าง เมื่อเห็นรุจน์ยิ้มตา
“ไอ้ลิเก…ร่ายมาเป็นบทหนังเลยนะมึง หึหึ” ทว่า ดูเหมือนที่รุจน์ยิ้ม จะไม่ใช่เรื่องที่ว่าคล้อยตามพอร์ชเสียแล้ว
“นี่กูพูดจากใจเลยนะ” พอร์ชพยายามยืนยันความบริสุทธิ์ใจ แต่เหมือนยิ่งเขาพยายาม รุจน์ก็ยิ่งหัวร่องอหงายมากเท่านั้น
“อย่ามาหวานกับกูเหอะ กูไม่ชิน ขอร้อง ฮ่า ฮ่า” ลึกๆ ก็แอบสงสารคนรักที่อุตส่าห์พยายามดึงบรรยากาศหวานๆ มาช่วยปลอบใจ แต่เพราะรุจน์ไม่อาจทำใจให้ชินกับถ้อยคำหวานๆเหล่านั้นได้ จึงเอาแต่ขำไม่หยุด เหตุนั้นทำเอาพอร์ชถึงกับนิ่วหน้าเล็กน้อย แต่เอาเถิด แค่เห็นว่ารุจน์เลิกเครียดได้ พอร์ชเองก็รู้สึกพอใจอยู่บ้าง
ฉับพลัน พอร์ชนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ก็ว่าจะรอโอกาสดีๆ ที่จะบอก แต่ไหนๆก็ไหนๆ ตอนนี้ก็ถือว่าเป็นโอกาสดีอยู่เหมือนกัน ที่เขาจะได้เอ่ยความลับที่เก็บงำมานานให้คนรักได้ฟัง
สองแขนแข็งแรงของพอร์ชโอบร่างรุจน์เข้ามาใกล้จนแนบชิด รุจน์ขัดขืนเนื่องจากตกใจเบาๆ แต่สุดท้ายก็ยอมโอนอ่อน ใบหน้าแหงานหงายรับจูบลึกล้ำของพอร์ชอีกครั้ง สองแขนโอบโน้มต้นคอแกร่งของผู้รุกรานไว้เพื่อเป็นหลักยึด หัวใจพอร์ชเต้นรัว ด้วยกลัวว่ารอบสองจะตามมาติดๆ ซึ่งถ้าหากจะเกิดขึ้นจริง…ก็เอาเถอะ รุจน์ยอม
ในระหว่างหวามไหวไปกับการถูกพอร์ชรุกรานตรงซอกคออุ่น ลามเรื่อยขึ้นมาจนถึงใบหูร้อนฉ่า พลันเสียงกระซิบเครือพร่าของพอร์ช ก็เล่นเอารุจน์ ถึงกับตัวแข็งค้าง“เรื่องพ่อกับแม่กูน่ะ ไม่ต้องกังวลหรอกนะ ท่านรู้เรื่องของเรามาตั้งนานแล้ว” END
********************************************
กลับมาแล้วค่ะ…หลังจากเป็นนักเขียนที่หายสาบสูญไปนาน
Happy Ending ไปอีกคู่ เฮ้อ กว่าจะมีโอกาสกลับมาเขียนต่อได้ นึกว่าจะข้ามปีเสียแล้ว
ขอโทษด้วยนะคะ ที่หายหัวไปนาน หากใครได้เห็นในเพจบ้าง จะพอทราบสาเหตุการหายตัว อิอิ
ตอนนี้กลับมาได้แล้วค่ะ แต่อาจอยู่ในช่วงจัดการอะไรหลายๆ อย่าง ซึ่งอาจทำให้การลงนิยายล่าช้าไปบ้าง
ต้องขอโทษไว้ล่วงหน้าด้วยนะคะ
ความจริง ‘ผมคือ…นางเอก’ นั้นเนื้อหาหลักจบไปพร้อมกับที่สองหนุ่มเขาออกเดินทางไปเที่ยวกันหลังแถลงข่าวแล้วค่ะ
ดังนั้น ตอนที่ตามๆมานี่ จึงถือว่าเป็นตอนพิเศษ เบาๆ ของเหล่าตัวประกอบอดทนทั้งหลายแหล่
ซึ่งเหลือคู่สุดท้าย คือเจ๊บลูม่า กับซอลย่าแล้วล่ะ คู่นั้นเนื่องจากในเรื่องมีเนื้อหาเยอะแล้ว ตอนพิเศษของนางๆจึงสั้นนิดเดียว
และปิดท้ายด้วยบทสรุปหลังจากนี้ของคู่หลักนะคะ (อันนั้น ก็ไม่ยาวเหมือนกัน)
รอกันอีกนิดนะค๊า
ปล.จบเรื่อง ‘ผมคือ…นางเอก’ แล้วมีโปรเจครวมเล่มเรื่อง เกลียวบาป ใหม่ค่ะ
ดังนั้น น้องพจนมานจะยังลงอย่างต่อเนื่อง แต่เรื่อง ‘ตัวร้าย’ อาจต้องขอเวลาหน่อยนะคะ
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
อนาคี 99 # Thearboo