ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)  (อ่าน 1269699 ครั้ง)

ออฟไลน์ อนาคี99

  • อยากให้ชีวิตมีปุ่ม SKIP
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +460/-3
    • อนาคี99เพจ
ผมคือ...นางเอก
#ตอนจบเก่าของคู่ ดนัย x บดินทร์


สวัสดีค๊า วันนี้แอบมีหน้าทอล์คโผล่มาอีกแล้ว แว้ว แว้วววว...
อ๊ะ อ๊ะ อย่าตกใจ เก๊าไม่ได้มีเรื่องอะไรร้ายแรงมาแจ้ง ทั้งยังไม่ได้มีเรื่องต้องระบาย
จะมีก็แค่...แวะมาบอกรักทุกคน อ๊ายยย อิย๊างงงง.... (อนุญาตให้ตบเรียกสติได้ อิอิ)

ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ แค่แวะเอาพล็อตเก่าของ บดินทร์ &  ดนัย มาให้อ่านกันเท่านั้น คล้ายเป็น special features เล็กๆ
อย่างที่เคยเล่าให้ฟังเมื่อนานมาแล้ว ว่าบดินทร์กับดนัยนั้น เป็นเพียงตัวประกอบอดทน (ไม่ต่างคู่พี่อ๊อด) ที่ไม่ได้มีบทบาทอะไรเลย จึงให้โผล่มาตอนท้ายเรื่อง

ทั้งยังเป็นคู่ที่ไม่สมหวัง ไม่ใช่สิ เป็นคู่ที่ไม่ได้รักกัน  ถึงเคยมีความสัมพันธ์กัน แต่ก็เป็นแค่การข่มขืนฝืนใจ ที่ดนัยทำไปเพื่อแก้แค้น ไม่ได้มีอารมณ์พิศวาสอะไรในตัวของบดินทร์มากนัก จะมีก็แค่ความตื่นเต้น และถูกใจเล็กน้อย

หลังจากนั้นเนื้อเรื่องก็คล้ายที่ลงไว้ คือบดินทร์บาดเจ็บทั้งทางร่างกายและจิตใจ อ่อนแอจนไม่อาจทนมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ จึงตัดสินใจฆ่าตัวตายตามท้องเรื่อง

เหตุการณ์นั้น ทำให้ดนัยหันมาสนใจบดินทร์อย่างเต็มที่ ทั้งยังโดนกฤตเมธตบหัวสั่งสอนไปด้วย เลยยิ่งทำให้ดนัยคิดได้ ว่าตัวเองทำเกินไป
จากนั้นก็เกิดเรื่องราวมากมายมาจนถึงตอนล่าสุด ซึ่งตอนจบพล็อตเก่า มันแตกต่างออกไปจากนี้เล็กน้อย นั่นคือบดินทร์ยอมรับเงินช่วยเหลือของดนัยแต่โดยดี และไม่มีการขอชดใช้ด้วยร่างกายหรืออะไรทั้งนั้น 

ดนัยในพล็อตเก่า ยังคงคล้ายๆตอนนี้ เพียงแต่ไม่ได้ให้ความสำคัญเชิงชู้สาวกับบดินทร์เหมือนพล็อตปัจจุบัน เพียงแค่รู้สึกผิดกับบดินทร์เลยอยากให้ความช่วยเหลือเพราะต้องการรับผิดชอบการกระทำของตนก็แค่นั้น เป็นมาเฟียใจดี ที่ไม่คิดผูกพันกับใคร

ส่วนบดินทร์ในพล็อตเก่าเอง ก็ไม่ได้เล่นตัว หรือหยิ่งในศักดิ์ศรีขนาดนี้หรอก ออกจะเป็นคนอมทุกข์ ชนิดที่ว่าเหลืออีกเพียงนิดจะกลายเป็นโรคซึมเศร้าเสียให้ได้มากกว่า 

ดนัยขอร้องให้บดินทร์รับเงินช่วยเหลือไว้ เพื่อแทนคำขอโทษจากตน
บดินทร์ที่ตอนแรกปฏิเสธนั้น สุดท้ายแล้วก็ยินยอมรับเอาไว้แต่โดยดี หลังจากเป็นหนี้ชีวิตดนัยเพิ่ม

หลังความวุ่นวายต่างๆจบลง ดนัยก็กลับต่างประเทศไป ส่วนบดินทร์ก็ออกจากวงการ ทำงานอะไรสักอย่างอยู่ที่บ้าน

เป็นอันจบ...

ในพล็อตเก่าเองก็ไม่ได้หมายความว่าบดินทร์กับดนัยจะไม่มีวันได้กันหรอก เพียงแต่ตั้งใจที่จะไม่ไม่กล่าวถึงในเรื่องเท่านั้น
ประมาณว่าปล่อยให้ความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่เป็นตอนจบปลายเปิด ที่สามารถจิ้นต่อให้เป็นแบบไหนก็ได้

แต่หลังจากได้ลองเขียนเป็นจริงเป็นจัง จากที่แค่ต้องการให้เป็นตัวประกอบอดทนเหมือนคนอื่นๆ คู่นี้ดันมาแรงด้วยปมปูมหลังที่น่าค้นหา ทำให้ไม่สามารถเขียนให้จบปลายเปิดแบบไม่สรุปได้

เพราะตัวละครสองตัวนี้มีรสเข้มข้นเกินกว่าจะปล่อยให้ละลายกลายเป็นน้ำชาชูรสเฉยๆ
สุดท้ายอนาคีเลยตัดสินใจ เขียนเฉพาะสองคนนี้ขึ้นมาซะเลย

ฉากหลักๆที่เปลี่ยนใหม่มีดังนี้ค่ะ

1.   ฉากที่ดนัยตามประคบประหงมบดินทร์ในโรงพยาบาล
ฉากในห้องน้ำที่ดนัยช่วยเช็ดตัวในบดินทร์นั้น ในพล็อตเก่าบดินทร์ไม่ได้ดิ้นรนอะไรมาก แค่ไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้ขัดขืน ยอมให้ดนัยช่วยเช็ดตัวให้แต่โดยดี เพราะตอนนั้นบดินทร์ยังอยู่ในช่วงซึมเศร้าประมานว่าใครอยากทำอะไรกับตัวเองก็ทำได้เลย ฝ่ายดนัยเองก็ไม่คิดคุกคามด้วย เพราะฉะนั้นประโยคที่ว่า “อย่าลืมสิ...คุณเลือกที่จะทิ้งชีวิตของคุณแล้ว คุณหมดสิทธิ์ที่จะถือครอง มันอีกต่อไป  ผมคนนี้ที่พยายามรักษามันไว้ต่างหาก ที่มีสิทธิ์เป็นเจ้าของมัน เพราะฉะนั้นต่อจากนี้เป็นต้นไป ชีวิตของคุณเป็นของผม”  จึงไม่ได้อยู่ในบทตั้งแต่แรกจ้า
บทเก่าคือ
ดนัย : ถ้าคุณคิดว่าชีวิตตัวเองไม่มีค่า งั้นผมขอซื้อได้ไหม"
บดินทร์ : เหรอ...อยากซื้อเท่าไหร่ล่ะ?
ดนัย : 10 ล้าน ผมขอซื้อชีวิตคุณด้วยเงิน 10 ล้าน คุณจะได้ใช้หนี้ และมีชีวิตใหม่เสียที
บดินทร์ : คุณตีค่าผมแพงไปแล้ว 10 ล้าน มีแต่คนบ้าเท่านั้นแหละที่...
ดนัย : ไม่มากไปหรอก สำหรับสิ่งที่ผมบังคับพรากมันมาจากคุณดื้อๆ ผมว่ามันสมน้ำสมเนื้อแล้ว
บดินทร์ : โธ่คุณ...เงินตั้ง 10 ล้านน่ะ ต่อให้ผมแก้ผ้านอนกับเสี่ยสักกี่คน ยังได้มายากเลย ไม่ต้องตีค่ามันมากนักหรอก (เพราะถ้ามันมีค่จริงๆ เขาคงไม่ถูกย่ยีได้ง่ายดายขนาดนี้หรอก แถมยัง...ไม่ค่อยรู้สึกเสียดายเสียด้วย)
ดนัย : ในสายตาคุณเป็นยังไงผมไม่สนหรอกนะ แต่ในสายตาผมมันมีค่าคู่ควร รับไปเถอะ ถือเสียว่าช่วยผม
บดินทร์ : ช่วย? ช่วยให้คุณสบายใจขึ้นน่ะเหรอ? ง่ายดีนะ แต่ก็ถือว่าโคตรคุ้ม
ดนัย : ใช่ ถ้าคุณรับไป ผมจะได้ไม่ต้องรู้สึกติดค้างมากนัก คิดเสียงว่าเป็นค่าเสียหายที่คุณพึงได้เถอะ โปรดรับไป
บดินทร์ : เหมือน...ไอ้ตัวเลยนะผมเนี่ย ขายตัวแลกเงิน เป็นกะหรี่สิบล้าน โคตรเจ๋ง (บดินทร์หยันตัวเองขึ้นเบาๆ ร่างกายอ่อนแรงพิงพักอยู่กับผนังห้องน้ำ ดวงตาเหม่อลอยไร้จุดหมาย)
ดนัย : ก็แล้วแต่คุณจะคิดก็แล้วกัน เพราะเรื่องของตัวคุณ คุณย่อมรู้ดีกว่าผม จริงไหม? (ดนัยเองก็ไม่คิดปลอบ เขาไม่คิดรับมือคนช่างประชดอยู่แล้ว)
บดินทร์ : (เงียบ)
ดนัย : (เงียบ)
บดินทร์ : ผมกลับไปที่เตียงได้หรือยัง?

ในวันนั้นบดินทร์ก็ไม่ได้ตกปากรับคำที่จะรับเงินของดนัย เพราะเขาเหนื่อยเกินกว่าจะใช้สมองหนักๆของตัวเองตอนนี้

ฉากที่ดนัยคิดอกุศลต่อบดินทร์ก็ไม่มีค่ะ แค่มองร่างที่หลับไปแล้วของบดินทร์ และคิดว่าอยากรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเท่านั้น ดนัยเป็นมาเฟีย กล้าทำกล้ารับ ความคิดของชายหนุ่มคือต้องการช่วยให้บดินทร์ยืนหยัดอยู่ให้ได้ แม้จะยังสับสนในหัวใจเล็กน้อย ว่าเขาจะทำเพื่อบดินทร์ขนาดนี้เพื่ออะไร แค่อยากล้างบาปจริงๆน่ะหรือ...

ดนัยพอจะรู้ตัวอยู่ ว่าคงเป็นเพราะความสุขสมทางกายที่ได้รับจากจากการฝืนใจบดินทร์ มันเติมเต็มความกระหายของตนได้จนเต็มอิ่ม ทำให้สัญชาตญาณลึกๆในร่างอยากจะดึงรั้งคนคนนี้ไว้ใกล้ตัวให้ได้นานที่สุด แต่ด้วยสันดานของดนัยที่ไม่ชอบความยุ่งยาก ดังนั้นการที่จะต้องมาคอยสนใจคนอารมณ์แปรปรวนอย่างบดินทร์จึงเป็นเรื่องที่ดนัยไม่ใคร่ต้องการนัก
เขายังไม่คิดอยากเอาตัวเข้าไปผูกกับใคร และดนัยรู้ดีว่าบดินทร์เองก็คงไม่ต้องการอยู่ใกล้ตนเช่นกัน
ดังนั้น ดนัยจึงตัดใจที่จะรุก และตั้งใจเพียงแค่คอยเฝ้าดูจนกว่าบดินทร์จะมีชีวิตรอดต่อไปได้เท่านั้น
เขาทั้งคู่อยู่กันบนเส้นขนาน ทางที่เดินมันสวนกันไปมา ทว่าไม่อาจบรรจบ

แต่สุดท้ายดนัยก็ไม่ได้จ่ายสิบล้านให้เสี่ยอัครเดชหรอกค่ะ ใช้อำนาจข่มขู่ให้อีกฝ่ายรามือไปเฉยๆ เพราะฉะนั้นจึงไม่มีหนี้บุญคุณสิบล้านกับบดินทร์แต่อย่างใดจ๊า

2.   ฉากร้อนฉ่าริมทะเลหัวหิน
ฉากนี้เป็นฉากที่เพิ่มขึ้นมาใหม่ เพื่อตอกย้ำความสัมพันธ์อันแสนสับสนกล้ำกลืนระหว่างดนัยและบดินทร์ค่ะ ฉายให้เห็นสิ่งที่บดินทร์คิดต่อดนัย และเผยให้เห็นความปรารถนาที่ดนัยมีต่อบดินทร์

3.   ฉากเจอกับครอบครัวบดินทร์ครั้งแรก
นี่เป็นฉากจบของคู่ดนัยxบดินทร์ ในพล็อตเก่าจ๊า
ในพล็อตเก่านั้น ดนัยไม่ได้เอาบดินทร์ไปกกไว้ที่เซฟเฮ้าส์เหมือนในเนื้อเรื่องปัจจุบันนะจ๊ะ แต่เอามาส่งกบดานที่บ้านของบดินทร์เองเลยนี่แหละ แล้วจัดการเคลียร์หนี้สินให้บดินทร์จนเป็นไท
บดินทร์เอาโฉนดที่ดินให้ดนัยเพื่อชดใช้ แต่ดนัยไม่รับ ทั้งคู่เคลียร์ใจกันเล็กน้อย และจากกันด้วยดี
บทเก่า
บดินทร์ : โปรดรับไว้เถอะ อย่าให้ผมรู้สึกติดค้างคุณไปมากกว่านี้เลย
ดนัย : คุณเก็บไว้เถอะ ผมไม่ต้องการหรอก บอกแล้วไง ว่าผมทำไปเพื่อชดใช้ให้คุณ
บดินทร์ : แต่...มันมากไป สำหรับผม
ดนัย : ไม่หรอก ในเมื่อผมไม่ได้จ่ายอะไรเลยสักบาท
บดินทร์ : ถึงยังไง คุณก็อุตส่าห์ช่วยคุยกับทางบ่อนให้...
ดนัย : ถ้าคุณจะติดใจในเรื่องนั้นล่ะก็ ผมรับมันเอาไว้ก็ได้ แล้วก็...ขอยกให้คุณ
บดินทร์ : ทำไม?
ดนัย : ผมขอใช้โฉนดนี้ ซื้อชีวิตบัดซบที่ผ่านมาก็แล้วกัน...
บดินทร์ : (เงียบ)
ดนัย : จากนี้ไป...คุณจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่เสียที
บดินทร์ : นี่คุณกำลัง...ชดใช้...ให้ผมสินะ ทั้งๆที่มันไม่จำเป็นแท้ๆ
ดนัย : จำเป็นสิ ในเมื่อผมขโมยบางอย่างจากคุณมา ผมก็ควรให้ของตอบแทนที่ควรค่าเท่าเทียมกัน...
บดินทร์ : งั้น...ผมก็คงปฎิเสธไม่ได้สินะ...
ดนัย : ใช่...ช่วยรับเอาไว้เถอะครับ
บดินทร์ : บางที คุณก็ดีใจหายนะ จนผมเริ่มลืมเรื่องคืนนั้นแล้วล่ะ
ดนัย : หากคุณลืมความชั่วร้ายของผมได้ ผมก็ขอขอบคุณ แต่...หากคุณจะแค้นผมไปทั้งชีวิต ผมก็ไม่ว่าอะไรคุณหรอกนะ
บดินทร์ : อย่าเลย ผมไม่อยากจำคุณไว้สักเท่าไหร่หรอก หึหึ
ดนัย : หึหึ...นั่นสินะ
(ต่างมองหน้า กันและกัน และยิ้มให้กันฉันท์มิตรเป็นครั้งแรก)
ดนัย : ผมต้องกลับไปทำงานต่อที่ฮอลีวูดแล้วล่ะ คุณคงไม่ต้องทนเจอหน้าผมอีกแล้วล่ะ
บดินทร์ : นั่นเป็นสิ่งชดใช้ที่เจ๋งสุดเลยล่ะ
ดนัย : เฮ้อ...โดนเกลียดจริงจังเลยนะเนี่ย
บดินทร์ : ไม่หรอก...ผมมองคุณดีขึ้นหน่อยแล้วล่ะ
ดนัย : งั้น...ถ้าได้เจอกันอีกสักครั้ง เราคงคุยกันฉันท์เพื่อนได้ใช่ไหมครับ
บดินทร์ : หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นครับ
ดนัย : ลาก่อนครับ รักษาตัวด้วยนะ คุณบดินทร์
บดินทร์ : เดินทางปลอดภัยครับ ดนัย
ดนัย : บายครับ
บดินทร์ : บาย
(ดนัยหันหลังเดินจากไป แต่ก่อนที่จะขึ้นนั่งในรถ บดินทร์ก็พูดบางอย่างออกมา)
บดินทร์ : แล้วเจอกันใหม่นะ...ผมจะรอ (ยิ้มหวานที่สุดในชีวิต)
ดนัย : (ยิ้มรับพร้อมโบกมือลา)

คู่ดนัย x บดินทร์ จบบริบูรณ์...

ส่วนฉากอื่นๆ ก็มีเปลี่ยนของบทอื่นๆเล็กน้อยจ๊ะ แน่นอนว่าจะไม่มีฉากที่ดนัยแสดงอาการหื่นใส่บดินทร์เต็มสตรีมขนาดนี้ มีเพียงความสับสนเบาๆเท่านั้น

จะเห็นได้เลยว่า ความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครสองตัวนี้น้อยมาก ไม่ค่อยเจอกันเท่าไหร่ และสุดท้ายก็ตัดสินใจห่างกันออกมา เป็นคู่ที่อนาคีให้ความสำคัญน้อยมากเลยก็ว่าได้ (รองจากคู่พี่อ๊อดxกมล ที่จะโผล่มาแค่ตอนพิเศษ) เป็นตัวประกอบฉาบฉวยที่ตั้งใจให้ความสัมพันธ์ระหองระแหงและจืดชืดแบบสุดๆ แต่เพราะหากสองคนนี้ไม่เคลียร์ ท่านผู้อ่านอาจค้างคา เลยต้องลองออกมาเปิดความสัมพันธ์ใหม่ โดยให้เป็นตัวละครเอกของเรื่องกันไปเลยนี่แหละจ๊า

และแล้ว...ดังที่กล่าวมาข้างบนแหละจ๊ะ พล็อตเก่าที่คาดว่าน่าจะเป็น แต่ในเมื่อมันเปลี่ยนไปแล้ว ก็แอบเสียดายไม่ได้ เลยต้องเอามาลงให้หายสงสัย ว่าแท้จริงแล้วก่อนหน้านั้น ดนัยและบดินทร์ควรจะมีความสัมพันธ์กันแบบใด

อาจเคลียร์บ้าง ไม่เคลียร์บ้าง เพราะมันคือพล็อตดิบที่ตั้งใจจะเขียน แต่มาเปลี่ยนเอาตอนหลัง อิอิ แวะเอามาเสริฟจ๊า

ตอนนี้ก็ได้เริ่มวางพล็อตใหม่ของ 'ตัวร้ายในกรงรัก' ไปบ้างแล้วค่ะ
สปอลย์ว่ามี 2 คู่ 3 ปม...
อย่างที่เห็นว่าบดินทร์กับดนัยเป็นคู่ที่มีความคิดตรงข้ามกันอย่างสุดขั้ว
ถ้าจะให้รักกันได้ ก็คงต้องมีบทพิสูจน์กันหน่อยล่ะ

ขอโทษนะจ๊ะ ที่อาจทำให้ต้องรอบทสรุปลงเอยของคู่ตัวประกอบคู่นี้

ทีนี้ อนาคีมีอะไรที่อยากขอความช่วยเหลือจากท่านผู้อ่านนิดหน่อยค่ะ...
ชื่อเรื่องตัวร้ายในกรงรัก...นั้น อนาคีคิดว่ามันยังไม่เริ่ดพอ อ่ะค่ะ
แต่ก็ไม่รู้ว่าจะตั้งชื่อเรื่องอย่างไรดี เพราะตอนตั้งชื่อนี้ คิดแค่ให้มันคล้องกับเรื่อง 'ผมคือ...นางเอก'
ใครคิดว่าควรเปลี่ยนเป็นชื่ออื่นบ้างไหมคะ?

ปล.กำลังปั่นนางเอกเนิบๆอยู่นะคะ ตอนนี้ยาวมาก กว่าจะจบตอนลงได้ คงต้องอัพหลาย reply อีกแล้ว
แถมในระหว่างปั่น ในบางอารมณ์ที่จิ้นเนื้อหาไม่ออกเอาเสียเลย ก็ดอดไปต่อเรื่อง น้องพจมานคนสวยบ้าง ยิ่งบางทีมีอารมณ์ดาร์คหนักๆ ก็แอบไปเขียนเรื่องสั้นอีกเรื่องที่ไม่ได้ลงที่ไหนไว้ด้วย แถมยังเขียนได้หลายตอนแล้วอีกต่างหาก มันเจ็บใจตรงนี้แหละ

ไหนๆก็ไหนๆ แอบอวดเรื่องลับเบาๆ (เอ่อ แต่กว่าจะได้เอาลงคงเป็นปีหน้าโน่นเลยค่ะ เพราะกะแต่งให้ได้สักครึ่งเรื่องแล้วค่อยลงทีเดียว ฮิ้วว)
ชื่อเรื่อง Sinful_อุ้มบุญ (คาดว่าน่าจะเป็น เรื่องสั้น)
เนื้อหาแนว Mpreg + Adultery+ Revenge+ psychological
เรื่องย่อ
ผม...กำลัง...ตั้งท้อง
ครับ คุณฟังไม่ผิดหรอก ผมกำลังตั้งท้องอยู่จริงๆ ท้องเหมือนที่พวกผู้หญิงเข้าท้องกัน
ท้อง...เพื่อให้กำเนิดทารก เฉกเช่นสตรีเพศ
เรื่องที่คุณกำลังจะได้ฟังต่อไปนี้ ไม่ใช่เรื่องแฟนตาซี แต่มันคือชีวิตจริงอันโหดร้ายที่ผมจะต้องเผชิญ
ผมไม่ได้ท้องเพราะการมีเพศสัมพันธ์อย่างที่คนหนุ่มสาวเขากระทำกันเมื่อต้องการมีบุตร
แต่ผม...ถูกทำให้ตั้งครรภ์ ด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
ผมกลายเป็นหนูทดลองและโดนใส่มดลูกเทียมเข้าไปไว้ในร่างกาย พร้อมกับฝังตัวอ่อนเอาไว้ให้
ตัวอ่อน...ที่ไม่ใช่แม้แต่ลูกของผมเอง
เรื่องทั้งหมด เป็นเพราะผมถลำลึกเข้าไปในจุดที่ไม่อาจเรียกร้องความช่วยเหลือ
ผมเอง...ที่ริอ่านเป็นชู้กับภรรยาของเขา
ผมเอง...ที่เผลอหลงใหลในตัวเขา
ผมเอง...ที่ยอมให้เขาเป็นเจ้าชีวิต


อย่าเพิ่งด่าเก๊าน๊า ว่าดอดไปเขียนเรื่องอื่น ทั้งๆที่เรื่องที่ยังลงค้างไว้ก็เหลือตั้งเยอะ...
ก็แบบว่า บางทีพอมีพล็อตที่อยากเขียนมากๆแวบเข้ามาในหัว แล้วไม่ยอมเขียนลงหน้ากระดาษเสียที พล็อตนั้นก็จะฝังหัว ไม่หายไปไหน วนไปวนมา จนคิดพล็อตของน้องยุไม่ออก สุดท้ายเลยต้องลงมือเขียนเรื่องนั้นก่อน...เพลิดเพลินไปนิด เลยได้มาตั้ง 4 ตอน อัยยะ...

แต่ช่วงนี้สติเก๊ากลับมาแล้วล่ะ กลับมาอยู่กับน้องยุได้จนถึงตอนจบแล้วนะ อีกสองตอนเองแล้วด้วย
สู้ตายคร๊า ^^
ปั่นๆๆๆๆๆๆ!!!
 
แหะๆ มาซะยาวเลย

ขอบคุณที่ติดตามนะค๊า
อนาคี99 # Thearboo

 :katai5:

กว่าจะเป็น 'ผมคือ...นางเอก'
ปล.พล็อตคร่าวๆ ที่เคยตั้งไว้ ได้ตามบทบ้าง ไม่ได้บ้าง ฮ่าฮ่า


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-09-2015 21:22:13 โดย อนาคี99 »

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
รออ่านทุกเรื่องเลยนะคะ

เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่าาาา กอดดดดด

ออฟไลน์ nekko

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +422/-4

ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
อู้ววววว คู่(รัก)ด.นี่เดินทางมาไกลจริงๆ
รออ่านอยู่น้าาาาา :mew1:

ออฟไลน์ kdds

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
อุ้มบุญ...แลดูน่าสนใจค่า mpreg ที่ไม่ใช่ลูกตัวเอง มีแก้แค้น ดราม่าสุดติ่งแน่ๆ
รอ ดนัยxดิน ต่อไป  ขอบคุณที่เปลี่ยนใจมาเขียนคู่นี้ต่อนะคะ ชอบมากจริงๆ

ออฟไลน์ Fellina

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 413
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
อยากขอบคุณอนาคีล้านครั้งเลยค่ะ ที่เปลี่ยนใจมาแต่งคู่ดนัยxบดินทร์ต่อ
รู้สึกคุ้มค่าจริงๆที่คอมเม้นเชียร์คู่นี้หนักๆ555

ชื่อเรื่อง มีนางเอกไปแล้ว
"ผมคือ...นางร้าย" , "นางร้ายกลับใจ"... พอดีกว่า =_=;;
สัมผัสได้ว่าการตั้งชื่อ ไม่เหมาะกับเราเลยแหะ555

เอาเป็นว่ารอเรื่องละกันค่าาาา
ดนัยจะพาบดินทร์กลับรังแล้ววววววว
จะพาไปเปิดตัวในหมู่เพื่อนๆหรือเปล่าน้าาา

เจนสัมผัสได้ว่า ดนัยจะต้องหึงจนคลั่ง ดนัยกำลังจะกลายร่าง
ขอแท็ก #ดนัยคนติดเมีย ไว้ก่อนล่วงหน้าเลยค่า 555

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ SOO2

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
"ผมคือ...ตัวร้าย" :katai2-1: ชอบชื่อเน้~
หรือไม่ก็อยากให้ออกดราม่าหน่อยก็ "ผมไม่ใช่...พระเอก" :hao6:

ออฟไลน์ NuTonKaw

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1

ออฟไลน์ JaaJaaJaaJaa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
 :z2:รอนะคะ เขียนมากี่เรื่องก็จะอ่านทุกเรื่อง ตอนนี้ติดนุ้งพึ่งพี่พอลมากเลย อิอิ ขอบคุณที่เขียนนิยายสนุกๆครบรสให้เราได้อ่านติดกันงอมแงมไม่หลับไม่นอนข้ามวันข้ามคืนกันเลยทีเดียว 555555555  :ruready

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
สู้ สู้ นะคะ  รอตามอ่านทุกเรื่องเลยค่า   :mew1:

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ชอบจังเลยที่มาคุยให้ฟัง

เรานับถือนักเขียนทุกคนที่สร้างสรรค์เรื่องราวสนุกๆ มาให้อ่าน
อยากรู้เบื้องลึกเบื้องหลังเสมอว่านักเขียนคิดอะไร

รอได้ทุกเรื่องเลยจ้ะ

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6
ดีงาม....รออ่านอยู่นะค่ะคุณพี่...

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
น่าอ่านทุกเรื่องเลยค่ะ  o13

รอน้องยุ  :katai5:

ออฟไลน์ Neya

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
เหอเหอ บทเก่าตอนจบเหมือนตอนจบหนังฝรั่งดีคะ แบบดูแล้วจิ้น :o8:

แต่แบบนี้ก็เคลียร์ดีคะ ชอบๆ ส่วนชื่อเรื่องใหม่เสนอ "พันธนาการร้ายซ่อนรัก"

เพราะใช้หนี้ผูกมัดแต่ก็มีความรักแทรกอยู่ในพันธนาการนั้น หุหุ อ๊ายอาย คิดไปได้ไงเนี่ยชั้น :-[

เฝ้ารอเรื่องใหม่คะสนุก น่าติดตามมากกกกกกกก สู้ๆนะคะ o13

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
คนเขียน จะมีบทแยก ของคู่นี้มั้ย อยากจิ อ่าน

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5

ออฟไลน์ tuek

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +214/-3
รอทุกเรื่องและจะติดตามทุกเรื่องของคุณอนาคี99 นะคะ

ออฟไลน์ กาลณัฐ

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 505
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2

ออฟไลน์ gayraygirl

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3013
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-3
รอพี่เมธน้องยุต่อไปจ้า
ส่วนดนัยกับบดินทร์เราชอบแบบใหม่นะ ตัวละครปมเยอะ ถ้าให้จบง่ายๆ มันไม่มันส์  :laugh:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Paparazzi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1050
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-11
ที่เสนอกันมาชื่อแจ๋วๆทั้งนั้นค่ะ หรือแม้แต่ "ตัวร้ายในกรงรัก" ก็โอนะคะ
ดีใจมากที่แต่งคู่ดินกับดนัยต่อ คู่นี้อ่ะแอบฟินตั้งแต่เค้าเจอกันครั้งแรกเลยค้า :-[

รอน้าาาาาา :hao7:

ออฟไลน์ VentoSTAG

  • ไม่รักอย่าทำให้มโนฯ GO AWAY!!!
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 606
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-9
เรื่องนี้ทำให้ย้อนไปอ่าน "สุดปลายทางของหัวใจ" มาล่ะครับ
สนุกมาก เรื่องนู้นก็สงสารนายเอกเกือบค่อนๆ เรื่อง
พระเอกนี่ตอนรออยู่หน้าห้องนี่อยากกอดปลอบ HE

ส่วนเรื่องนี้ ยุ ก็เป็นคาแรคเตอร์ที่มีเอกลักษณ์ดีครับ(อันที่จริง คู่รักอึมครึม 2 ด. นี่ก็ unique ด้วยแฮะ)
ชอบฝีมือการเขียนของคุณมากๆ เลยครับ

ออฟไลน์ gambee

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 451
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0

ออฟไลน์ Kfc_Pizza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1

ออฟไลน์ Fragrant

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
โอ๊ย จัดเต็มมากค่ะ
รอทุกเรื่องเลยจ้า  :L2:

ออฟไลน์ อนาคี99

  • อยากให้ชีวิตมีปุ่ม SKIP
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +460/-3
    • อนาคี99เพจ
ผมคือ...นางเอก
#แถลงรัก
(ครึ่งแรก)


อะภิวาทะนะสีลิสสะ นิจจัง วุฒาปะจายิโน จัตตาโร ธัมมาวัฑฒันติ อายุ วัณโณ สุขัง พลัง

"สาธุ..."

เสียงสวดให้พรยามเช้าของผู้ทรงศีล กับเสียงรับพรของฆราวาส นำพาให้รู้สึกว่าเช้านี้ เป็นอีกวันที่ชีวิตยังต้องดำเนินไป 

เช้าวันใหม่เริ่มขึ้นด้วยความสุขสงบ สองแม่ลูกกราบลาพระสงฆ์ที่ผ่านมาบิณฑบาต รอจนพระท่านเดินจากไป แล้วพากันเดินเข้ารั้วบ้าน ก่อนผู้เป็นแม่ จะชำเลืองไปเห็นใครบางคนที่มาหยุดยืนอยู่ข้างกันเสียก่อน

แม่ชีท่านนี้ จะมาเรี่ยรายบุญอย่างนั้นหรือ?

เพราะภาพแรกที่เห็นแปลกตา และไม่คุ้นหน้าสักเท่าไหร่ บุหงาจึงเผลอคิดไปว่าอาจเป็นแค่แม่ชีทั่วไป ที่เดินมาขอเรี่ยรายเงินทำบุญ อย่างที่เคยพบเห็นอยู่บ่อยครั้ง ทว่าพอลองเพ่งพินิจพิจารณาดูให้ดีเท่านั้น ใบหน้าหญิงวัยกลางคนก็พลันตื่นตระหนก

"...ชิด...ชิดจันทร์??"

ได้ยินเสียงเรียก แม่ชีก็ส่งยิ้มน้อยๆให้คนที่เคยบาดหมาง สองแม่ลูกที่เธอเคยชังแสนชัง วันนี้แทบจำไม่ได้แล้วว่าเคยเกลียดด้วยเรื่องอะไร คนคนนี้เคยทำอะไรให้ เมื่อก่อนที่แค่นึกถึงในหัวใจก็เดือดพล่าน ทว่าตอนนี้...

ชิดจันทร์จำความรู้สึกอย่างนั้น ไม่ได้แล้วสักอย่างเดียว

“สวัสดีค่ะ ขอฉันเจอพ่อหน่อยได้หรือเปล่าคะ?”  เห็นว่าคนตรงหน้ายังคงละล้าละลัง ชิดจันทร์ก็เอ่ยปากขอด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
 
ด้วยเพราะผิดจากความทรงจำชนิดหน้ามือหลังมือจึงยิ่งทำให้บุหงาลนลานยิ่งกว่าเก่า  “ช..เชิญค่ะ” คำเชิญเข้าบ้านจึงเงอะๆงะๆ จนน่าสงสาร ร่างผอมแห้งของหญิงวัยกลางคนรีบเดินนำแม่ชีเข้าบ้านไป โดยมีลูกชายวัยสิบขวบเดินประกบติดพร้อมสีหน้าระแวดระวัง เพราะไม่ค่อยคุ้นเคยกับคนที่จู่ๆก็โผล่มา เด็กน้อยกลัวเหลือเกิน ว่าประวัติจะซ้ำรอย เหมือนกับตอนผู้มาเยือนที่ชื่อว่า เสน่ห์จันทร์

สายตากลมโตของเจ้าตัวจ้อย จ้องมองชิดจันทร์อย่างหวั่นหวาด คนถูกมองเพียงหันมายิ้มน้อยๆให้ ไม่พูดอะไร นอกจากเดินตามบุหงาเข้าไปในบ้าน
ตั้งแต่เหยียบเข้าประตูรั้วมา กระทั่งถึงธรณีประตูใหญ่ ความคิดเดียวที่แล่นอยู่ในหัวของแม่ชีคือ 'เก่า'  บ้านหลังนี้มันดูเก่าเหลือเกิน...เก่าเกินกว่าในความทรงจำ จนแทบจำไม่ได้ นอกจากจะเก่าตามกาลเวลาแล้ว ยังดูทรุดโทรมซอมซ่อ จนไม่เหลือเค้าโครงของอดีตคฤหาสน์เจ้าสัวใหญ่เลยแม้แต่นิด สิ้นทั้งศักดิ์ ไร้ทั้งศรี   

"ฉันรอพ่อที่ตรงนี้ก็ได้"  ชิดจันทร์หยุดรออยู่ตรงห้องที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นห้องรับรองแขกห้องใหญ่ แม้ว่าตอนนี้ มันจะรกรุงรังไปด้วยข้าวข้องเก่าเก็บราวกับเป็นเศษขยะ

"เขาออกมาหาแม่ชีไม่ได้หรอก แม่ชีเข้ามาหาเขาเองได้ไหมคะ?"  บุหงาชี้ชวนด้วยถ้อยคำถ้อยทีถ้อยอาศัย ใบหน้าหย่อนคล้อยตามวัยฉายแววกังวลเล็กๆ แม้อีกฝ่ายจะนุ่งขาวห่มขาว บุหงาก็ยังรู้สึกเกรง จนรู้สึกลำบากใจที่จะขัดใจ แต่พอเห็นชิดจันทร์พยักหน้ารับ แล้วยอมเดินตามมาแต่โดยดี สีหน้าหนักอกหนักใจนั้น ก็เริ่มคลายกังวลเล็กน้อย

บุหงานำชิดจันทร์เข้าไปที่ห้องพักฟื้นของสมภพ เปิดประตูออกด้วยความลังเลเล็กๆ ก่อนเดินนำเข้าไปที่เตียงที่มีคนป่วยนอนหลับลึกรออยู่ บุหงาค่อยๆยอบกายลงนั่งที่ข้างเตียงน้อย กระซิบเรียกชื่อสามีเบาๆ เพื่อปลุกให้อีกฝ่ายได้ขึ้นมาพบกับคนที่กำลังรอจะเจอ

ภาพที่ปรากฏต่อหน้าของชิดจันทร์ ทำแม่ชีตกประหม่าไม่น้อย ภาพนั้นช่างกระแทกความรู้สึก ภาพนั้นช่างต่างจากความทรงจำ จนเกือบไพล่นึกไปว่าหล่อนอาจมาผิดบ้าน  ภาพของพ่อ ผู้เป็นอดีตอดีตลูกเจ้าสัวเสเพล ผู้หยิ่งทะนงองอาจ  พ่อที่มีชีวิตร่ำรวยฟุ้งเฟ้อที่ไม่เคยชายตามาสนใจลูกนอกคอกอย่างหล่อน...พ่อคนนั้น

คือคนเดียวกันกับผู้ชายที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงนี้จริงๆหรือ?

“...พ่อ?” ชิดจันทร์ขานเรียกผู้เป็นบิดาด้วยเสียงที่เบาราวกับเสียงกระซิบ ถึงสภาพที่เห็นตรงหน้าจะต่างจากบิดาในความทรงจำ ชนิดที่ไม่สามารถเอาไปเทียบกันได้ แต่แค่เห็นแววตา ก็พอรู้ว่าเป็นคนคนเดียวกัน ชิดจันทร์นิ่งมองร่างของพ่อ ที่ไม่ตอบสนองสิ่งใดกลับมานอกจาก ดวงตาที่เบิกกว้างและริมฝีปากที่พะเงิบพะงาบกับเสียงที่เล็ดลอดออกมาก็ราวกับเสียงลูกหนูตัวเล็กๆ เสียงที่ถ้าเงี่ยหูฟัง ก็พอจับใจความได้ ว่าพ่อกำลังขานชื่อหล่อน 'ชิดจันทร์...ลูกพ่อ'

“...เขาเป็นอัมพาต...ขยับไม่ได้มาเกือบสิบปีแล้ว...” บุหงาอธิบายความ ทว่ากลับไม่กล้าเอ่ยถึงสาเหตุที่ทำให้สมภพนอนแน่นิ่ง  “เส้นเลือด....เส้นเลือดในสมองแตก ผ่าตัดช่วยชีวิตไว้ได้ แต่...ก็ต้องกลายเป็นอัมพาต” 

"ตั้งแต่...วันนั้นใช่ไหม? วันที่ฉันกับทศมาที่นี่..."  แต่แม้บุหงาจะพยายามไม่เอ่ยถึง ก็ดูเหมือนชิดจันทร์จะพอรู้ตัว วันที่ผู้เป็นพ่อล้มลงไปตรงหน้า แต่หล่อนไม่คิดดูดำดูดี ภาพสะเทือนใจจนจำได้ติดตาขนาดนั้น ชิดจันทร์ไม่มีวันลืมได้ลงหรอก

จบคำชิดจันทร์ บุหงาไม่ได้ตอบอะไร แค่เพียงหลุบตาต่ำลงอย่างไม่รู้จะพูดอะไรดีเท่านั้น แต่ในที่สุดก็เอ่ยปากในบางสิ่งขึ้นมา  “เมื่อไม่กี่วันก่อน คุณเสน่ห์จันทร์ก็มาที่นี่ค่ะ”

“แม่น่ะเหรอ? มาทำไม?”

"มา...เพื่อทวงความเป็นธรรมให้คุณค่ะ เพราะพี่ภพเขา...ละเลยคุณ...เพราะไอ้ระยำพวกนั้น...มัน...ทำร้ายคุณ คุณเสน่ห์จันทร์เขาต้องการ...สะสาง..."  บุหงาอยากอธิบาย อยากเล่าให้ชิดจันทร์ฟังมากกว่านี้ แต่ราวกับถ้อยประโยคเหล่านั้นจะมาตีบตันอยู่ที่คอหอย เต็มตื้ออยู่ในทรวงอก จึงทำได้เพียงอธิบายสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงที่สั่นพร่าเต็มไปด้วยความวิตกกังวลเท่านั้น

“แม่นี่...ยังเก่งแต่โทษคนอื่นเหมือนเดิมเลย...” ชิดจันทร์ยิ้มบาง พร้อมถอนหายใจเหนื่อยอ่อน “เหมือนกัน...ไม่มีผิด” เหมือนจะเป็นประโยคต่อว่าทับถมเสน่ห์จันทร์ผู้เป็นมารดา หากแต่ประโยคต่อมา ถึงได้รู้ว่าเป็นการทับถมตัวเองของชิดจันทร์ด้วย

“ขอคุยกับพ่อหน่อยได้ไหม?”  เมื่อสูดหายใจเข้าปอดลึกๆครั้งหนึ่ง เหมือนจะสามารถปกปิดความรู้สึกบางอย่างให้จมลึกลงไปในดวงตาฉาบแววเศร้าสร้อย บุหงาขยับตัวออกจากตำแหน่งเดิมทันทีที่ชิดจันทร์ร้องขอ ปล่อยแม่ชีเข้าไปนั่งที่ข้างเตียงของสมภพ แล้วตัวเองก็ออกมายืนอยู่ตรงหน้าประตูกับลูกชายที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว

ชิดจันทร์นั่งลงตรงข้างร่างแน่นิ่งของบิดา สายตามองสบไปยังสายตาที่จดจ้องมาอยู่ก่อนแล้วเบื้องหน้า ใบหน้าซูบตอบอิดโรยเปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตาถะถั่งทั้งสองข้างแก้ม

“สวัสดีค่ะ คุณพ่อ” คำแรกที่ผู้เป็นบุตรสาวในชุดขาวบริสุทธิ์เอ่ยเอื้อน  รอยยิ้มบางๆที่ปรากฏบนใบหน้าอ่อนวัยนั้น ยิ่งทำให้สมภพครางสะอื้น

“....อิด....อัน......” (ชิดจันทร์) สมภพพยายามอ้าปากเรียกบุตรสาวที่อยู่ตรงหน้า  “...อิด.....อัน...อู้ก...” (ชิดจันทร์ลูก) แม้เสียงจะอู้อี้ไม่เป็นภาษา แต่สมภพก็พยายามเอื้อนเอ่ยทุกคำนั้นออกมาอย่างเต็มความสามารถ เพื่อให้ชิดจันทร์เข้าใจ เพื่อให้สามารถสื่อสารกับลูกสาวคนนี้ได้

อยากคุยด้วยเหลือเกิน อยากขอโทษกับช่วงเวลาเลวร้ายในอดีต ขอโทษสำหรับความไม่เป็นโล้เป็นพายของตน ขอโทษที่แม้แต่ช่วงที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของชิดจันทร์ คนเป็นพ่อแท้ๆอย่างตนกลับปกป้องอะไรลูกไม่ได้เลย

“.....อิด....อั...น....อ้อ....อ๋อ...โอ้ด....” (ชิดจันทร์ พ่อขอโทษ) อยากแก้ไขอดีต แต่ทำได้เพียงขอโทษกับความขลาดเขลาของตน สมภพร้องไห้ อยากกอด อยากจับมือ ร่างกายก็ไม่อาจขยับเขยื้อน แม้แต่คำว่าขอโทษที่กว่าจะเอ่ยออกมาได้แต่ละถ้อยคำ ใบหน้าก็เกร็งกระตุกไปหมด ริมฝีปากบิดเบี้ยวที่พยายามกลั่นแต่ละคำออกมานั้นก็เต็มไปด้วยน้ำลายไหลย้อยเปรอะเปื้อน ทั้งอย่างนั้นสมภพก็ยังเกร็งหน้าเกร็งตา พยายามสื่อสารความหมายแห่งคำนั้น พร้อมน้ำตาที่ถะถั่งจากดวงตาโบ๋ลึก เพื่อมอบคำว่า ‘ขอโทษ’ ให้กับลูกสาว ที่ตนสุดรักที่ตนเคยปล่อยปละละเลย 

มือผอมแห้งแข็งเกร็งพยายามเอื้อมเกี่ยวมือลูกรัก พยายามแล้วพยายามเล่า ขอเพียงได้สัมผัสแม้เพียงชายผ้าขาว หัวใจรวดร้าวเจ็บลึกดวงนี้ อาจพอได้อุ่นขึ้นมาบ้าง

ด้วยแรงพยายามนั้น ในที่สุดก็ทำให้ชิดจันทร์ได้เห็น สิงมือเรียวขาวของแม่ชี ยกขึ้นตระกองมือเหี่ยวแห้งของสมภพไว้ ก่อนมอบถ้อยคำปลอบประโลมใจ ให้สมภพได้คลายสะอื้น

“หยุดร้องเถอะค่ะคุณพ่อ...ถ้าพ่อจะโทษตัวเองที่ปล่อยปละละเลยหนูล่ะก็ พ่อได้ชดใช้กรรมนั้น โดยการเป็นที่พ่อต้องเป็นอยู่แบบนี้แล้ว ไม่ต้องรู้สึกติดค้างแล้วค่ะ” ชิดจันทร์พูดพลางโน้มกายต่ำลงหาผู้เป็นบิดาใกล้ขึ้น หล่อนยังไม่ได้ร้องไห้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่รู้สึกเจ็บปวด ชิดจันทร์รู้ดี ทั้งหล่อนและบิดาในตอนนี้ กำลังต้องการการปลดปล่อยซึ่งกันและกัน “หนูอโหสิกรรมให้พ่อทุกอย่างเลยค่ะ” เลิกผูกพยาบาท เลิกก่อกรรมซึ่งกันและกัน “หนูเอง ก็ต้องขออโหสิกรรมกับพ่อด้วย...หนูขอโทษนะคะ ที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้พ่อต้องเป็นแบบนี้ อภัยให้ลูกคนนี้ด้วยนะคะ”

ร่างของสมภพยิ่งสั่นสะท้าน เมื่อได้ฟังสิ่งที่ชิดจันทร์พูดจนจบ เสียงสะอื้นหนักหน่วงดังขึ้นอย่างน่าสงสาร แต่สมภพก็ยังพยายามพยักหน้าจนได้ ยอมรับการอโหสิกรรม และยอมอโหสิกรรม ในทุกๆสิ่งที่ชิดจันทร์ขอมา

ทว่า การมาของแม่ชีชิดจันทร์ในวันนี้ ไม่ใช่เพื่อขออโหสิกรรมกับผู้เป็นบิดาเพียงอย่างเดียว อย่างที่ทุกคนคิด แต่มาเพื่อแจ้งบางสิ่ง ที่น่าสะเทือนใจยิ่งกว่า

“มีอีกเรื่องค่ะ ที่หนูอยากจะบอก” น้ำเสียงของแม่ชียังคงอ่อนหวาน ใบหน้าหมองเศร้านั้นก็หามีหยาดน้ำตามาแต่งแต้มไม่ แม่ชีราวกับเป็นตุ๊กตากระเบื้องเคลือบไร้จิตใจ ทั้งที่เรื่องที่กำลังเผชิญนั้นช่างแสนสาหัส

“พ่อขา...แม่ตายแล้วค่ะ”

สิ้นคำชิดจันทร์ ความเงียบงันน่าใจหายก็เข้าปกคลุมทั้งห้องในพริบตา ข่าวการตายของเสน่ห์จันทร์ จากปากของชิดจันทร์ช่างเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ บ้านสมภพไม่ทราบเรื่องการตายของเสน่ห์จันทร์เลยแม้แต่นิด บ้านพวกเขาไม่มีทีวี หรือเครื่องมือที่จะรับสัญญาณสื่อสารกับโลกภายนอก ไม่รับรู้ข่าวสารใดๆ ทั้งดีหรือร้าย เพราะแค่กระเสือกกระสนเอาตัวรอดไปวันๆก็เต็มกลืนเต็มแก่  เงินก้อนเดียวที่เพิ่งได้มาจากเสน่ห์จันทร์เมื่อไม่นานมานี้ ก็ต้องเขียมใช้ เพื่อเป็นค่ายา ค่ารักษาตัวของสมภพ รวมทั้งเป็นค่าเล่าเรียนของเชน ลูกชายคนเดียว

ดังนั้นเรื่องการตายของเสน่ห์จันทร์ จึงเป็นเรื่องที่น่าตกใจไม่น้อย โดยเฉพาะสมภพที่เกือบจะช็อคหมดสติ

“แม่เขาถูกคนร้ายยิงตายค่ะ...ตายเพราะไปช่วยหนู ที่ถูกจับตัวเรียกค่าไถ่...”  ชิดจันทร์เริ่มเล่าสาเหตุให้ฟัง ด้วยใบหน้าซีดสลด ทว่าถึงอย่างไร ก็ยังคงไร้ซึ่งหยาดน้ำตา “แม่ต้องตาย เพราะความโง่ของหนูเอง...”

“พ่อขา...หนูไร้ทางจะเดินแล้ว หนูไม่รู้จะไปไหน  ในวันนั้นที่ยังมีแม่...หนูเคยหยิ่งทะนงคิดเสมอว่าตัวเองไม่จำเป็นต้องมีใคร แต่ในวันนี้หนูรู้แล้ว...ว่าหนูอยากกลับไปในวันนั้นเหลือเกิน เพราะวันนี้...หนูไม่เหลือใครแล้วจริงๆ...”

ถ้อยสารภาพพร่างพรู ชิดจันทร์ที่กำลังอัดอั้น ชิดจันทร์ที่นิ่งงันมาตลอด พอมาเจอญาตเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ ก็ถึงกับกักเก็บความรู้สึกเหล่านั้นเอาไว้ไม่ไหว จริงอยู่ผ้าขาวที่ห่มกายไว้ทำให้หล่อนสงบลง แต่มันก็ได้เพียงภายนอกเท่านั้น หล่อนยังไม่สามารถทำใจได้ ทุกอย่างดูสดใหม่ และยังต้องใช้เวลา

ฝ่ายสมภพนั้น ยิ่งพอได้ยินสิ่งที่ชิดจันทร์พูด ยิ่งได้สดับถึงเสียงครางเครือเจ็บร้าวของบุตรสาว เขาก็ร้องไห้ออกมาอีกคำรบ ชิดจันทร์กำลังทรมาน และอีกแล้ว ที่เขาไม่อาจช่วยเหลืออะไรได้ แม้แต่การกอดปลอบขวัญ แม้ลูกจะไม่ร้องไห้ แต่คนเป็นพ่อย่อมรู้ดีว่าลูกเจ็บปวดแค่ไหน

โถ...ชิดจันทร์ของพ่อ

ลูกเอ๋ย พ่อขอโทษ...


ตั้งแต่ให้กำเนิด เคยอยู่ดูแลแค่ไม่กี่หน เติบใหญ่ให้ความสำคัญแค่เงินทองของใช้ ไม่ได้ให้เวลาหรือความอบอุ่น กระทั่งในเวลาที่ลูกต้องเผชิญกับความเลวร้าย เขายังไม่เคยนึกเอะใจ ไม่เคยนึกถามแม้ยามที่ลูกดูแปลกไป คราวที่ลูกหนีออกจากบ้านไปนั่นแหละ ถึงได้รู้ว่าตัวเองเป็นพ่อที่เลวระยำยิ่งกว่าคนพวกนั้นมากแค่ไหน คนที่เฝ้าแต่ตักตวงเพียงความสุขส่วนตน ไม่สนใจลูกเต้า จะแปลกตรงไหนเล่าที่ลูกจะหักหาญหนีหน้า

และแม้อีกครั้งที่ลูกกลับมา พร้อมกับความหายนะของบ้าน พ่อเลวอย่างเขาก็ไม่มีสิทธิ์โกรธ

สมภพมองหน้าเศร้าสร้อยของชิดจันทร์ มองอยู่อย่างนั้นทั้งน้ำตา อยากกอด อยากปลอบใจ อยากทำให้ลูกอบอุ่น ให้สบายใจ แต่กลับทำอะไรไม่ได้แม้แต่จับมือ

ใบหน้าไร้อารมณ์ของชิดจันทร์ก้มต่ำ ปากยังคงพร่ำพล่ามเรื่องความน้อยเนื้อต่ำใจ และความขมขื่น

"หนูเกลียดแม่...เพราะแม่ไม่เคยกอดหนู ไม่ยอมปลอบใจตอนหนูร้องไห้ ทิ้งหนูไว้กับอาม่า เย็นชา และสุดท้ายก็ทิ้งหนูไว้ที่นี่ไม่ใยดี..."

"หนูเกลียดแม่...ที่พรากทุกอย่างไปจากชีวิตใหม่ที่หนูโหยหา...พรากสิ่งที่หนูรัก แล้วยัดเยียดสิ่งที่ตัวเองเห็นชอบมาให้โดยไม่ยอมถามหนูสักคำว่าหนูชอบหรือเปล่า..."

"หนูเกลียด ที่แม่แอบอ้างการดูแลจัดการชีวิตของหนู ทั้งที่ตัวเองไม่เคยมีสำนึกของความเป็นแม่

น้ำเสียงแสดงความเกลียดชังกังวาลชัดในประโยคแรกๆ แต่หลังจากนั้น มันก็แผ่วลงเรื่อยๆ

"หนูคิดอย่างนั้นมาตลอด...กระทั่งตอนนี้..."

"...ทั้งที่คิดว่าถึงยังไงแม่ก็ต้องชดใช้ให้หนูแท้ๆ...แต่มันไม่ใช่แบบนี้ แม่ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อชดใช้ให้หนูสิ ไม่ใช่...ตายหนีกันไปแบบนี้..."

"...แม่ทิ้งหนูอีกแล้ว...หนู...ไม่ให้อภัยเด็ดขาด..."

ชิดจันทร์พูดพร่ำ วนไปวนมาด้วยความสับสน "หนูยังไม่ได้ให้อภัยแม่เลยนะ...ทำไม ถึงทิ้งหนูไปอีกแล้ว..."

น้ำตาหยดน้อยหลั่งลงมาจาดวงตาเหม่อลอยเป็นหยดแรก  "พ่อขา...ทำไมทุกคนถึงทอดทิ้งหนู..." 

ที่ผ่านมาไม่ใช่ไม่เจ็บถึงได้ไม่ร้องไห้ แต่เพราะเจ็บจนตื้อจนชา น้ำตาเลยหลั่งรดอยู่ในหัวใจไม่ไหลออกมาที่ด้านนอก แต่ตอนนี้ ความเจ็บมันเกินจะรับไหว จนน้ำตาท่วมหัวใจไหลหลั่งมาด้านนอก

ไม่ใช่ชิดจันทร์ไม่ร้อง

แต่ร้องไห้อยู่ตลอดเวลาเลยต่างหาก...

หมับ!

ในที่สุด ความพยายามอย่างสุดแรงกล้าของสมภพก็สำฤทธิ์ผล มือเกร็งแห้งเหี่ยวสามารถคว้ามือนิ่มของบุตรสาวเอาไว้ได้แล้ว แม้จะกอดไม่ได้ ใจของสมภพก็ยังคาดหวังเต็มล้น ว่าจะสามารถส่งผ่านความรักสุดชีวิตนี้ ส่งผ่านมือไปให้ถึงหัวใจของชิดจันทร์

รับรู้เถอะชิด ลูกยังมีพ่อ พ่อขอสาบาน

"อิด...อ้อ...อะอู่...อับอู้ก..." (ชิด พ่อจะอยู่กับลูก)  ริมฝีปากเกร็งเบี้ยวอ้าออกเสียงประโยคสำคัญ

อย่าเพิ่งแตกสลายไปนะลูกนะ ได้โปรดให้พ่อได้ชดเชย

“อ้อ...อะไอ้...อิ้งอู้ก...เอ็ดอ๋าด” (พ่อจะไม่ทิ้งลูกเด็ดขาด)  สมภพพยายามพูดให้ชิดจันทร์ฟัง โดยเฉพาะประโยคสุดท้าย ที่ตั้งใจออกเสียงให้ชัดถ้อยที่สุด
 
“พ...พ่อ....ร...ร...รัก...ลู...ก...นะ...”
 
เหมือนการรอคอยอะไรบางอย่างได้จบลง ชิดจันทร์ทรุดกายลงสะอื้นฮั่กอยู่กับมืออุ่นของบิดา

ตอนแรกที่ตั้งใจมา ก็เพียงเพื่อมาลาครั้งสุดท้าย และแจ้งข่าวการตายของผู้เป็นแม่เท่านั้น ไม่ได้ตั้งใจอยู่นาน เพราะแท้จริงแล้วชิดจันทร์เองก็ไม่ได้รู้สึกสนิทใจกับผู้เป็นพ่ออย่างสมภพนัก ภาพความทรงจำยังคงมีแต่ความห่างเหิน ยังดีหน่อยอาจเป็นที่ชิดจันทร์อยู่กับอาม่า เลยสนิทคุ้นเคยกับบิดามากกว่าความรู้สึกด้านลบที่มีให้คนเป็นแม่ แต่ก็นั่นแหละ ถึงอย่างไรก็ไม่ได้สนิทใจ

ก็แค่พ่อแม่พรรค์นั้น...

ชิดจันทร์คิดทบทวนอยู่ในหัวใจที่กลวงโบ๋ของตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตั้งใจบวชชี และใช้พุทธธรรมคำสั่งสอนขององค์ศาสดามาช่วยเยียวยาจิตใจรวดร้าว หวังพึ่งพระศาสนาช่วยบรรเทาความคั่งแค้น หวังใจอยากหลุดพ้นความทุกข์ตรมทั้งปวงผอง ตั้งใจเดินต่อไปข้างหน้าในทางที่ตัวเองเลือก ไม่คิดเหลียวหลังกลับอีกไม่ว่าใครจะฝืนดึงรั้ง หล่อนมันตัวคนเดียว ตัวคนเดียวมาตั้งแต่ต้น จะอยู่หรือไป ก็คงไม่มีผลต่อชีวิตใครมากนัก

ดีเสียอีก โลกที่ไม่มีชิดจันทร์ แผ่นดินอาจสูงขึ้น

น่าแปลกที่ไม่มีความคิดอยากฆ่าตัวตาย ทว่าก็ไม่เหลือความคิดอยากใช้ชีวิตบนโลกใบนี้ต่อ จึงออกจากบ้าน ขับรถเรื่อยเปื่อยมาจนถึงวัดที่ใช้จัดงานศพของเสน่ห์จันทร์ผู้เป็นแม่ แต่ชิดจันทร์ก็ไม่ได้คิดที่จะเข้าไปในงาน ไม่มีกะจิตกะใจจะเข้าไปเคารพศพ ไม่อยากเห็น และไม่มีหัวคิดที่จะทำอะไรทั้งนั้น จอดรถไว้ที่ลานจอด เดินผ่านศาลาที่มีศพแม่ตนตั้งอยู่  ผ่านไปจนถึงโบสถ์ด้านใน ที่มีสระเลี้ยงปลาสระใหญ่ อยู่ด้านหลัง ไม่ได้แวะไหว้พระประธาน แต่ผ่านไปยังสระใหญ่นั่นแทน ซื้อเพียงอาหารปลามาถุงใหญ่ โปรยเลี้ยงปลาไปเรื่อยๆ ด้วยจิตใจที่เลื่อนลอย นั่งอยู่แบบนั้นจนเวลาผ่านไปไม่รู้เท่าไหร่ แม่ชีคนท่านหนึ่งจึงเดินเข้ามาหา

“ทุกข์ไม่มีวันหายได้เพียงใช้ตามอง แต่สามารถบรรเทาลงได้โดยใช้ใจมองนะลูก”

“ทุกข์ เป็นเรื่องของมนุษย์ทุกผู้  ทุกข์ใจไม่ใช่เรื่องแปลก แต่การแบกทุกข์ไว้ จะทำให้เราก้าวต่อไปได้ยาก”

“หากลูกไม่มีที่ไป อยู่กับแม่ที่นี่ให้พอคลายทุกข์ได้นะ”

คำสอนของแม่ชี ทำให้อะไรบางอย่างในหัวใจของชิดจันทร์พบเห็นทางสว่าง แม้จะไม่สามารถหลุดพ้นจากความมืดมนอนธกาลในหัวใจได้ แต่อย่างน้อยก็ยังพอเห็นแสงส่องทางริบหรี่ ในที่สุดชิดจันทร์จึงตัดสินใจบวชชีในวันนั้นตามคำชวนของแม่ชี 

ได้รับคำสอนหลายๆอย่าง จนได้สติ จนสามารถตัดสินใจเข้าร่วมพิธีเผาศพมารดาในที่สุด ได้แสดงความกตัญญุตาครั้งสุดท้าย ได้เก็บเถ้ากระดูก และได้มาที่นี่ ได้เจอกับพ่ออีกครั้ง 

พ่อที่ตนไม่คิดจะยี่หระ ทว่าแค่พอเห็นสภาพความเป็นอยู่อันแสนเอน็จอนาถของคฤหาสน์ซอมซ่อ รวมถึงสภาพของพ่อที่แทบไม่เหลือเค้าโครงเดิม อะไรหลายๆอย่างเปลี่ยนไปแล้ว อดีตไม่อาจย้อนคืน แม้จะฝืนรั้งไว้แค่ไหนสุดท้ายก็หลุดมือไปวันยังค่ำ

‘บางครั้งเราต้องตัดใจทิ้งบางสิ่งไว้เบื้องหลัง เพียงเพื่อจะสามารถก้าวต่อไปข้างหน้าได้’  คือคำสอนที่แม่ชีให้ไว้  ตอนนี้ชิดจันทร์เข้าใจคำนั้นกระจ่างแล้ว เพราะ ‘หากยังโอบกอดความแค้นเอาไว้ ’ หล่อนจะไม่สามารถหนีออกไปจากวังวนนี้ได้เลย ปิดหูปิดตา เฝ้าโทษบิดามารดามาทั้งชีวิต ทั้งที่คนที่ควรจะโทษที่สุดคือตัวเอง

ชิดจันทร์กุมมือบิดาไว้ ขณะที่ยังสะอื้นไห้ไม่หยุด น้ำตาที่หยุดไหลไปตั้งแต่วันที่เสน่ห์จันทร์จากไป ถะถั่งหลังไหลออกมาราวกับทำนบแตก ร้องออกมาให้หมด ร้องออกมาราวกับเด็กเล็กๆ ร้องเพื่อที่จะได้พบกับตัวตนใหม่ เมื่อหยาดน้ำตาเหือดแห้งลง

เวลาผ่านไปเนิ่นนาน กว่าสองพ่อลูกจะหยุดร้องไห้ได้ และมันราวกับการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของทั้งคู่จริงๆ นับจากที่น้ำตาหยดสุดท้ายเหือดแห้ง ทั้งชิดจันทร์และสมภพ รู้สึกได้ว่าหัวใจของพวกตนเบาขึ้น ความอัดอั้นตันใจ หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เคยถ่วงหนักในความรู้สึก ตอนนี้ เหมือนมันจะค่อยผ่อนคลาย ละลายหายไปบ้างแล้ว

ดีเหลือเกินที่ยังทนมีชีวิตอยู่ เพื่อเจอลูก

ดีเหลือเกินที่ได้มาหาพ่อวันนี้...


ในที่สุดชิดจันทร์ก็ยิ้มได้ แม้จะยังขมขื่นเต็มทน สองมือยังคงสั่นน้อยๆ ขณะล้วงบางอย่างออกจากกระเป๋าย่ามสีขาวข้างตัว สิ่งนั้นคือตลับแก้วใสตลับน้อยที่ใส่เศษเถ้ากระดูกของเสน่ห์จันทร์เอาไว้ หล่อนบรรจงใส่ตลับนั้นไว้ในมือของบิดามั่น

“พ่อคะ...หนูฝากดูแลแม่ด้วยนะคะ”   ชิดจันทร์ฝากฝัง ก่อนจะตัดใจเอ่ยคำลาเมื่อถึงเวลาอันสมควร “ในสักวันหนูจะกลับมาหาพ่อใหม่ ถึงตอนนั้นสัญญาได้ไหมคะ ว่าพ่อจะหายดี”  ชิดจันทร์เอ่ยคำลาออกมาด้วยเสียงเครือสั่น ดวงตาอ่อนล้าที่ทอดมองร่างแน่นิ่งของบิดานั้นเริ่มมีหยาดน้ำตารื้นขึ้นอีกครั้ง

สิ้นคำของบุตรสาว สมภพก็ถึงกับสะอื้นฮั่ก เพราะมีทั้งน้ำมูกน้ำตาไหลเลอะเปรอะ ทำให้ลำคอตีบตันจนไม่อาจตอบคำถาม หรือให้คำมั่นใดๆเป็นคำพูดแก่ชิดจันทร์ได้อีก ทำได้เพียงเกร็งคอพยายามพยักหน้าตอบรับคำมั่นอย่างเอาเป็นเอาตายเท่านั้น

“ขอบคุณค่ะ...คุณพ่อ”  ชิดจันทร์ยิ้มให้ผู้เป็นบิดาทั้งน้ำตานองหน้า  ก่อนเอ่ยคำลาพร้อมก้มกราบแทบฝ่ามือเหี่ยวแห้ง ทว่าแสนอบอุ่น  “หนูไปก่อนนะคะ”   แล้วตัดใจเดินออกจากตรงนั้นโดยไม่หันหลังกลับไปอีก หล่อนยังต้องเดินทาง

ก่อนจากชิดจันทร์ฝากฝังบุหงาไว้ ให้ติดต่อไปทางสุริยาวดี เพื่อรับความช่วยเหลือทางการเงิน ในการรักษาสมภพ การซ่อมแซมบ้าน ค่าเล่าเรียนศึกษาของเชน ผู้เป็นน้องชายต่างมารดา รวมทั้งอาชีพของบุหงาที่ต้องมีไว้หาเลี้ยงชีพ

ไม่ได้เรียกว่าเคลียร์แล้วทุกอย่าง แต่อย่างน้อยก็พอรู้สึกว่า ได้สะสางบางอย่างได้บ้างแล้ว ชิดจันทร์จึงออกเดินทางไกล ที่หมายคือวัดเล็กๆวัดหนึ่งในจังหวัดห่างไกล ตามที่แม่ชีผู้ชี้ทางสว่างท่านแรกได้ให้แนวทางไว้

แม่ชีชิดจันทร์สูดหายใจเข้าปอดเพื่อกลั่นพลังชีวิต สายตาแน่วแน่มองตรงไปยังทางเบื้องหน้า

ก้าวเดินเนิบช้าจากไป ทิ้งอดีตที่แสนปวดร้าวไว้เบื้องหลัง มือขวาล้วงลงในกระเป๋าเสื้อขาว กอบกำตลับเล็กอีกตลับที่เก็บติดตัวไว้แน่น

อย่างน้อยๆ ก็ไม่ได้อยู่ลำพัง

อย่างน้อยๆ ในสักวันอาจยืนหยัด และกลับมาได้..

ในสักวัน





 :n1:

ปล.ใครมีคำถามอยากสัมภาษณ์พี่เมธ น้องยุไหมคะ อิอิ ฝากเอาไว้ได้นะถ้าว่าง  เดี๋ยวจะกลายร่างเป็นนักข่าวสาวเข้าไปแจมสัมภาษณ์ให้จ๊า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-09-2015 09:44:17 โดย อนาคี99 »

ออฟไลน์ อนาคี99

  • อยากให้ชีวิตมีปุ่ม SKIP
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +460/-3
    • อนาคี99เพจ


ตะวันสายโด่งแยงตา ทำสองร่างที่ยังคงนอนกอดกันแน่นใต้ผ้าห่มอุ่น ตื่นลืมตา

ฟอด...

คนนอนสวมกอดอยู่ด้านหลังที่ตื่นก่อน แอบขโมยหอมแก้มคนที่ยังหลับอุตุในอ้อมแขนด้วยความรักใคร่ กลิ่นแก้มละมุนติดปลายจมูกเรียกร้องให้ย้ำสูดย้ำดมกลิ่นกายชื่นใจนั่นให้นานขึ้นไปอีก

นาน…จนคนถูกลักหลับรู้สึกตัวในที่สุด

“ฮื่อ…อย่าน่า มันจั๊กจี้นะ หนวดมึงอ่ะ…”  น้ำเสียงงัวเงียเอ็ดขึ้นเบาๆ เมื่อคนหยอกเย้ายังไม่คิดถอนตัว

“หวงตัวไปไหนล่ะ อือ...มึงตัวหอมจัง” โดนบ่นว่า ก็หาได้ระคายหูผู้กระทำไม่ เพราะยิ่งรุจน์บ่น พอร์ชยิ่งซุกไซ้ร์หน่วงหนัก ทั้งหอม ทั้งจูบ จนรุจน์แทบจะอ่อนระทวยไปทั้งตัว

“ฮื่อ...ไอ้บ้านี่...อื้อ อย่าไซร้นักสิ มันเสียว”  รุจน์บ่นอุบ มือไม้เริ่มออกอาการขัดขืน เพราะรู้ดีว่าถ้าไม่ห้ามไว้แต่เนิ่นๆ สักพักคงได้ไหลตามพอร์ชไป จนเลยเถิดถึงไหนต่อไหนอีกแน่ๆ

“แล้วเมื่อไหร่จะยอมให้ซั่มเสียทีล่ะ?” แต่ดูท่าผลที่ได้จะตรงกันข้ามกับที่ใจต้องการเสียแล้ว เพราะยิ่งโดนผลักพอร์ชกลับยิ่งรุก ทั้งยังยิงคำถามตรงเผง ตรงแสกหน้ารุจน์ ชนิดที่สามารถทำให้คนฟังหน้าแดงจนแทบแตกโพล๊ะออกมาได้ รุจน์ถึงกับกัดฟันกรอด แอบก่นด่าในใจว่า 'ขอซั่มแต่เช้าเลยนะ ไอ้ลามก!!'

“จะบ้าเหรอ? กูยังไม่พร้อมอ่ะ มึงรออีกหน่อยไม่ได้เหรอ…”  แต่ถึงจะอยากด่ามากแค่ไหน พอถูกพอร์ชรุกเร้าหนักเข้า รุจน์ก็ได้แต่โอนอ่อน แล้วออดอ้อนขอความเมตตาเสียงอ่อยเท่านั้น

“ทำไมเล่นตัวจัง…เราใจตรงกันแล้วไม่ใช่เหรอ?” ทว่าพอร์ชเองก็ไม่ยอมแพ้ ใบหน้าหล่อเหลาแสร้งส่งสายตาหน้าสงสารออดอ้อนคนในอ้อมแขน ก่อนพลิกกายขึ้นคร่อมรุจน์ไว้ เผื่อคนรักจะใจดียินยอมยกให้ในที่สุด

หนุ่มหล่อทอดสายตากรุ้มกริ่ม อย่าหาว่าเขาหื่นเลย เชื่อว่าผู้ชายสายนักล่าร้อยทั้งร้อยย่อมไม่ต่างจากเขาหรอก เมื่อมีคนรักนอนยั่วอยู่ใต้ร่างแบบนี้ ใครมันจะไปทนไหวกัน อยากบังคับจับกินเสียเดี๋ยวนี้เลยสิไม่ว่า ถ้าไม่ติดสัญญาที่ให้กันไว้ รับรองว่ารุจน์ไม่มีทางรอด

สัญญาฆ่าตัวตายของเขาชัดๆ วันนั้นดันดีใจมากไปหน่อยที่ใจตรงกัน เขาเผลอดีใจมากไปหน่อย ขนาดที่ว่าเขายอมทำได้ทุกอย่างเลยเพียงแค่รุจน์ขอมา แม้แต่การให้สัญญาว่า 'จะรอจนกว่ารุจน์จะพร้อม' เขาก็เผลอตกปากรับคำไปเสียได้ นี่ถ้ารู้ว่าต้องรอนานเป็นเดือนขนาดนี้ วันนั้นเขาควรมีข้อต่อรองพร้อมเงื่อนไขแบบจัดหนักเสียก็ดี จะได้ไม่ต้องมานั่งเป็นเสือโหย ที่ได้แต่กลืนน้ำลายมองชิ้นเนื้อแสนอร่อยเย้ายวนอยู่ตรงหน้า แต่ไม่อาจแตะต้อง

บอกตรงๆ ว่าของเขาจะระเบิดตายอยู่แล้ว...

“เปล่าเล่นตัวเสียหน่อย…” รุจน์บ่นอุบอิบ “กูก็แค่…ยังหวงความซิงหน่อยๆเท่านั้นเอง…”  เสหน้าหลบสายตาร้อนแรงของพอร์ชไปอีกทาง ในฐานะผู้ชายด้วยกันทำไมเขาจะไม่รู้ว่าพอร์ชต้องอดทนขนาดไหน รู้สึกได้ทุกครั้งที่ได้สัมผัสกัน ทรมานจะแย่ที่ได้สัมผัสกันแต่ไม่อาจถึงฝั่งฝัน ไม่ใช่ว่ารุจน์ไม่ชอบ การได้นัวเนียกับพอร์ชเป็นอะไรที่เขาชอบมาก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เหมือนกันว่ากลัว ทั้งกลัวเจ็บ ทั้งกลัวการเปลี่ยนแปลง กลัวไปทุกอย่างจนไม่กล้ามีอะไรกับพอร์ชมากไปกว่าการเป็นมือขวาของกันและกัน (-///-")

“จะหวงไปไหน…สาวน้อยรึไงเรา?”  พอร์ชกระเซ้า ความจริงเขาก็พอเข้าใจรุจน์อยู่นั่นแหละ ทั้งยังอยากทะนุถนอมมากเลยด้วย แต่ที่ดื้อด้านเย้าๆจะเอาจะเอาอยู่นี่ ก็ไม่ใช่เพราะต้องการมีเซ็กส์กับรุจน์เท่านั้นเหรอกนะ มันเป็นความรู้สึกที่อยากผูกพันลึกซึ้งกับคนที่ตัวเองรักมากกว่า ในฐานะของพอร์ชตอนนี้ ก็ออกจะปฏิเสธความคิดดำมืดของตัวเองยากหน่อยว่า อยากเป็นเจ้าของรุจน์มาก เพราะรัก จึงอยากครอบครอง อยากได้ทุกอย่างของคนรักมาเป็นของตัวเอง

“จิ๊!...กูก็แค่ขอเวลาล่ำลา ถ้ามึงรีบนัก ก็เป็นฝ่ายให้กูซั่มสิ!” โดนแซวเข้าหน่อย รุจน์ก็อดของขึ้นไม่ได้ ชายหนุ่มขึ้นเสียงใส่คนรักเล็กน้อย ด้วยความไม่พอใจ แต่แท้จริงก็ไม่ได้โกรธจริงจังอะไรหรอก

ทว่าเรื่องที่หลุดปากพูดไป กลับทำให้อีกฝ่ายนึกจริงจังขึ้นเสียแล้ว

“…ถ้าเป็นความต้องการของมึง…กูยอมให้ครั้งหนึ่งก็ได้นะ…” พอร์ชตีหน้าเศร้า ก้มลงกระซิบด้วยเสียงทุ้มต่ำอยู่ที่ข้างหูของรุจน์ แท้จริงเขารู้ดีว่านั่นเป็นแค่คำประชดขำขันของคนรัก แต่บังเอิญว่า มันดันเข้าทางเล่ห์เหลี่ยมของเขาพอดี

“…มึง…เอาจริงดิ?” รุจน์ถึงกับต้องถามย้ำ ใบหน้าอ่อนใสดูเหรอหราจนน่าสงสาร ถึงจะอายุเท่ากัน แต่ดูเหมือนรุจน์จะอ่อนเดียงสากว่าพอร์ชเยอะ ดังนั้นเพียงแค่ถูกอีกฝ่ายต้อนเข้าหน่อย รุจน์ก็ออกอาการลนลานจนตั้งตัวไม่ติดเสียแล้ว และสภาพแบบนี้ ยิ่งทำให้พอร์ชรุกเร้าหนัก ตีหน้าเศร้า เล่าความเท็จ ตีบทแตกกระจุย

“…ก็กูรักมึง...แล้วทำไมกูจะให้มึงไม่ได้กัน…”  ทั้งยังจี้ใจดำ จนรุจน์ถึงกับสะอึกอีกด้วย

“หมายถึง...มึงยอมเปลี่ยนโพสิชั่นกับกู?”  เห็นใบหน้าเศร้าสร้อยของพอร์ชเข้า รุจน์ก็เริ่มใจอ่อน โดยเฉพาะพอเจอประโยค 'เพราะรักจึงยอม' ของพอร์ชเข้าไปอีก ยิ่งทำให้ใจของรุจน์อ่อนยวบ ดูก็รู้แล้วว่าพอร์ชเป็นฝ่ายรุกโดยกำเนิด และฝ่ายรุจน์เองก็ไม่ได้รังเกียจที่จะเป็นฝ่ายรับ (แต่ขอเวลาทำใจสักระยะก่อน) ดังนั้น เรื่องยอมถูกรุกนี่ แท้จริงคงเป็นสิ่งที่ฝืนใจพอร์ชไม่น้อย แต่ฝ่ายนั้นกลับยอมเพราะรัก ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า รุจน์แอบซึ้งใจจนน้ำตาแทบไหล โถ...พอร์ช

“ถ้าแค่ครั้งเดียวล่ะก็…”  พอร์ชตอบคำเสียงเศร้า ก่อนทิ้งตัวลงมานอนทับช่วงอกของรุจน์เอาไว้ ซุกไซร้ ออดอ้อน จนรุจน์ใจอ่อนยวบไปหมด สงสารพอร์ชจับใจ จนไพล่นึกไปว่า...จะลองรุกดีไหมนะ

“พอร์ช…คือ...”

“แต่ถ้ามึงได้กูแล้ว…กูพลิกทันทีเลยนะ”

“ห๊ะ!?”  แต่ในจังหวะสุดท้าย ที่รุจน์กำลังจะใจอ่อน ยอมรุกให้ พอร์ชก็ดันเผยไต๋ออกมาเสียก่อนว่าที่ตีหน้าเศร้าเล่าความลวงมาทั้งหมดนั้น แค่เรื่องล้อเล่นทั้งเพ

“(ยิ้ม)” แถมพอเห็นว่ารุจน์รู้ตัวแล้ว เจ้าตัวโตตัวร้ายยังอุตส่าห์ทำหน้าทะเล้น เงยหน้าขึ้นจากอกบางขึ้นมาส่งยิ้มหวานให้อย่างน่าหมั่นไส้

“ไม่เอาแล้ว!...กูยังไม่อยากซั่มหมีควาย…”  พอรู้ว่าเป็นเรื่องอำ รุจน์จึงได้แต่แอบแขวะกลับไปขำๆ ให้พอได้สะใจเล็กๆ ลงอีหรอบนี้เชื่อเถอะ ว่าถ้าเกิดเขาหน้ามืดจับไอ้ตัวโตนี่กดขึ้นมาจริงๆ คงไม่แคล้วโดนมันหาข้ออ้างจับพลิกได้ตั้งแต่ยังไม่ทันได้เสียบแน่ๆ ดีนะที่ไหวตัวทัน

“หึหึ...ข้ออ้างล่ะสิ” และนั่นก็ทำให้พอร์ชหัวเราะร่า ถูกใจกับปฏิกิริยาของรุจน์ไม่น้อย เอาเถิด ถ้าคนคนรักตัวน้อยๆของเขายังไม่พร้อม พอร์ชก็ยินดีจะรอโดยไม่ฝืนบังคับฝืนใจให้คนรักต้องรู้สึกแย่...แค่อย่าให้รอนานก็พอ

รุจน์หงุดหงิดในตอนแรกที่ถูกพอร์ชอำเล่น แต่พอเห็นใบหน้าที่ซุกอกเขาเล่นอยู่แล้วก็คิดขึ้นได้ 'ให้รอนาน มันซมซานสินะ' ได้กอดได้จูบอยู่ทุกวัน แต่ทำมากกว่านั้นไม่ได้ ในฐานะเพศผู้ที่มีสัญชาตญาณทางเพศพลุ่งพล่านแล้ว พอร์ชคงทรมานไม่น้อยเลยทีเดียว อย่าว่าแต่พอร์ชเลย...แม้แต่เขาเองก็รู้สึก...

ว่าบางครั้งมันยังไม่พอ...

เอาวะ!...

“…รอหนังฉายก่อนนะ”

“!!?” 

“หนังฉายรอบแรกเมื่อไหร่…กูจะยอม…ให้มึง…ซั่ม...”

ทันทีที่คำอนุญาตพร้อมเดดไลน์ชัดเจนหลุดออกจากปากของรุจน์ พอร์ชที่นอนซบอกนิ่งอยู่ในตอนแรก ก็ถึงกับโหย่งตัวขึ้นมองหน้าคนพูดหน้าตาตื่น ในหัวบันทึกทุกประโยคของรุจน์เอาไว้เป็นหลักฐานเรียบร้อย แต่เพื่อความชัวร์จึงต้องขอถามย้ำเพื่อความมั่นใจ

ให้ตายเถอะ เขาดีใจจนเนื้อเต้นแล้วเนี่ย

 “แน่ใจเหรอ?...พรุ่งนี้ก็รอบปฐมทัศน์แล้วนะ?...วันมะรืนก็...รอบแรก..” พอร์ชถามไถ่เสียงสั่น ทั้งที่จริงแล้วอยากทำตัวเท่กว่านี้ต่อหน้าคนรักเสียหน่อย แต่พอเป็นเรื่องนี้ เ ขาทนแอ๊บต่อไปไม่ไหวจริงๆ ยิ่งพอเห็นหน้าที่แดงเป็นลูกตำลึงของรุจน์ด้วยแล้ว พอร์ชแทบอยากจะให้หนังฉายเสียคืนนี้ให้รู้แล้วรู้รอด

“…อืม กูก็…ไม่อยากรอแล้วเหมือนกัน” ( -//_//- )

และคำตอบของรุจน์ ก็ทำเอาพอร์ชแทบคลั่ง ร่างหนาสั่นระริก เพราะต้องสะกดกลั้นอารมณ์หวามไหวที่กำลังปะทุโชน ด้วยแรงเสน่หา ‘อยากจับกดเสียตอนนี้เลย!’ แต่ก็ต้องกัดฟันทนเอาไว้ อยากจะกัดลิ้นตัวเองให้ตาย ทำไมเจ้าตัวแสบของเขาถึงได้น่ารักขนาดนี้กันนะ

สุดจะทนไหว พอร์ชจึงทรุดกายลงมาซุกอกของรุจน์อีกครั้ง พร้อมสอดสองแขนแกร่งเข้าไปโอบรัดลำตัวบางของรุจน์ไว้แน่น กอด รัด ฟัด ให้สาแก่ใจกับความน่ารักที่อีกฝ่ายมอบให้ “รุจน์…กูรักมึงนะ”  เพราะแรงหื่นกดดันหน่วงหนัก เสียงบอกว่ารัก จึงกระเส่าจนแทบเป็นเสียงครางต่ำ พอร์ชเจ็บใจตัวเองนัก แบบนี้มันน่าขายหน้าที่สุด

“อืม…กูก็เหมือนกัน”

จุ๊บ...ขณะที่พอร์ชกำลังสะกดความหื่นของตัวเองอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่นั้น แทนที่รุจน์จะให้ความร่วมมือโดยการนอนแข็งเป็นหินไปเฉยๆ ก็กลับทำสิ่งที่อันตรายยิ่งกว่าเดิม นั่นคือการบอกรัก และจุ๊บเหม่งของพอร์ช 

งานนี้ตายเป็นตาย พอร์ชไม่ขอทนอีกต่อไปแล้ว "งั้น...ขอมัดจำหน่อยได้ไหม?" เมื่อหื่นจนตาลาย ก็ขอทำอะไรเพื่อผ่อนคลายอารมณ์หน่อยเถอะ

"อะไรอีกล่ะ? อื้อ...เมื่อคืนกูเลิกงานดึกนะ มึงจะยังกวนกันแต่เช้าอีก" เมื่อถูกรุกรานโดยปลายจมูกโด่งอีกครั้ง รุจน์ก็จำต้องรีบผลักไสคนบนร่างออกให้พ้นทาง พร้อมเหตุผลอันสมควรให้สงสาร

แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ช่วยอะไร คงเพราะน้ำเสียงที่ใช้ขอร้อง มันออกจะติดกระเส่าเล็กๆ แทนที่จะทำให้พอร์ชเห็นใจ ผลมันเลยกลับตรงกันข้ามเสียอย่างนั้น

"ก็กูอยาก...กูรอมึงมาตั้งนาน ขอหน่อยไม่ได้หรือไง?" พอร์ชกระซิบเสียงพร่า อารมณ์หื่นกระพือโหมเต็มพิกัด โดยปกติก็เปิดอกคุยกันได้ทุกเรื่องอยู่แล้ว ดังนั้นในเรื่องแบบนี้ พอร์ชก็ไม่ได้คิดบิดเบือนคำพูดให้สวยหรูน่าฟังขึ้นเลยแม้แต่นิด ตรงไปตรงมาอย่างเร่าร้อน

"หน่อยพ่อง...เมื่อคืนก็รีดกูไปยก จนกูสลบเหมือดคามือ มันยังไม่พอใจมึงอีกเหรอไอ้พอร์ช แม่ง ไอ้หื่นนี่ คบกันมาเป็นสิบๆปี กูไม่นึกเลยนะว่ามึงจะบ้ากามขนาดนี้ ไอ้บ้า" แน่นอนว่าคำพูดของพอร์ชทำเอารุจน์ใจเต้นไม่เป็นจังหวะได้อีกครั้ง คนตัวเล็กแสร้งโวยวายเพื่อกบเกลื่อนใบหน้าแดงก่ำ แต่ดันโวยออกไปแบบลืมคิด ประโยคที่หลุดออกไป ทำให้แทนที่จะสามารถหยุดคนรักได้ กลายเป็นเปิดประเด็นให้รุกต่อแบบหมดทางสู้

"ก็มึงยั่ว..." พอร์ชส่งยิ้มร้าย ขณะมือปลาหมึกกำลังทำหน้าที่อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยการจับรุจน์น้อยปอกเปลือก!

และมันก็ไม่ได้ยากนัก

" ตรงไหนวะ!? งื้อ!  อย่ามาแก้ผ้ากันง่ายๆนะไอ้บ้า!" รุจน์ทั้งห้าม ทั้งด่า ดิ้นรนออกจากใต้ร่างของพอร์ชอย่างเอาเป็นเอาตาย เพื่อเอาตัวรอดจากมือปลาหมึกมหาประลัย ทั้งๆที่หัวหูเห่อแดงด้วยความเขินอายไปทั้งร่าง ดิ้นได้ไม่ถึงไหนก็ถูกกดไว้ใต้ร่างอีกครั้ง และอีกครั้ง แพ้ทั้งกำลังกาย แถมเสียงทุ้มละลายใจของพอร์ชเองก็ยังคงทำหน้าที่โจมตีได้ไม่ขาดช่วง

"...ก็ตรงนี้ไง...ตรงนี้ด้วย…ทั้งตัวเลย" ไม่พูดเปล่าพอร์ชถือโอกาสก้มลงจูบเบาๆที่หน้าผากมนของรุจน์แทนการปลอบขวัญ จากนั้นก็ลากเรื่อยมาจนถึงแก้มใส และริมฝีปากสีชมพูอ่อน เพียงเท่านี้รุจน์ก็แทบจะละลายไปกับความหวานหวามที่พอร์ชปรนเปรอให้ไม่ขาดช่วง ร่างบางหลับตาปี๋ เหงื่อแตก ตัวสั่น แต่อาการนั้นแทนที่จะน่าสงสาร กลับดูน่ารักน่าชัง ทั้งยังน่าหม่ำเหลือเกินในสายตาของพอร์ช ริมฝีปากผ่าวร้อนจึงไม่อาจยั้งใจไม่ให้ก้มลงเบียดจูบอยู่บนซอกคออุ่นของเจ้าลูกแมวน้อย พยายามเหลือเกินที่จะดูดดุนเพียงแผ่วเบาพยายามไม่ให้เกิดรอยน่ารัก

จนสุดท้ายรุจน์ถึงกับครางไม่เป็นภาษาเมื่อเสื้อยืดตัวบางถูกถอดหลุดจากตัว  พอร์ชลากลิ้นร้อนไปตามผิวเนียนของเหยื่อรักตรงหน้าอย่างย่ามใจ ได้ยินทั้งเสียงห้าม ก่นด่า และเสียงครางหวานน่ากลั่นแกล้ง ตุ่มไตสีน้ำตาลอ่อน แข็งตัวชูช่อขึ้นท้าทายสายตา และพอร์ชเองก็ไม่มีทางรอช้าที่จะครอบครองยอดอกอ่อนไหวของรุจน์ทันที

"!!?...ไอ้พอร์ช! อื้อ....ฮว้า...ไอ้บ้า!...อ๊ะ! อย่าเพิ่งดูด อื้อ มันเสียว...อร๊างงง...." รุจน์ดิ้นรนหนัก รีบผลักหน้าของพอร์ชออกจากหน้าอกตัวเองอย่างทุลักทุเล แต่พอร์ชเองก็ไม่ได้ทางยอมจะปล่อยรุจน์ไปง่ายๆ เช่นกัน

“อือ…พอร์ชขอนะรุจน์…นิดเดียว…นะครับคนดี…” เสียงเว้าวอนของพอร์ชเร่งเร้าหน่วงหนัก ทำให้รุจน์เริ่มหมดเรี่ยวแรง และในจังหวะนั้นเอง เจ้าตัวน้อยก็ตกเป็นเหยื่อกามของคนใจร้ายที่ได้ชื่อว่าคนรักอีกครั้งหนึ่งแล้ว

“อ๋ายยยย!!! มะ ไม่เอาแล้ว อ๊ะ อื้ม ไอ้พอร์ช! ไอ้บ้า!” รุจน์ถึงกับดิ้นพล่าน เมื่อยอดอกของตนถูกพอร์ชทั้งดูดทั้งดุนด้วยลิ้นร้อน ใช่ว่านี่คือครั้งแรกที่ถูกพอร์ชทำเรื่องลามกกับร่างกาย มากกว่านี้ก็เคยมาแล้วไม่รู้กี่หนต่อกี่หน ครั้งแรกก็ตอนซ้อมบท ต่อมาก็ตอนเข้าฉาก และจากนั้น…ก็ตอนหลังจากที่ต่างก็ได้สารภาพรักซึ่งกันและกัน ว่าใจตรงกันแล้ว สภาพหลังจากนั้นของรุจน์ก็กลายสภาพจากอดีตเพื่อนรัก เป็นคนรักที่ถูกพอร์ชถึงเนื้อถึงตัวแทบจะตลอดเวลาที่เจอหน้ากัน

“อย่าทำเสียงอย่างนั้นสิรุจน์ มันยิ่งจะหยุดไม่ได้เอานะ” พอร์ชเตือนขึ้นข้างหู ขณะกำลังซุกไซร้อยู่ตรงเนื้ออ่อนตรงต้นคอขาว ความจริงรุจน์ก็อยากจะหุบปากตามที่พอร์ชบอกอยู่หรอก แต่เพราะถูกรุกรานไม่หยุดให้หายใจหายคออยู่แบบนี้ รุจน์เลยไม่สามารถทนหุบปากอยู่ไหว จะว่าไม่ชินก็ไม่ใช่ แต่พอร์ชไม่เคยเปิดโอกาสให้ทำความเคยชินเลยต่างหาก และไม่ใช่ไม่ชอบด้วย…ก็เพราะชอบนี่แหละ ขืนให้พอร์ชรู้เข้า รุจน์รู้ดีเลยว่าตัวเองคงถูกจับย่ำยียี่สิบสี่ชั่วโมงเลยแน่ๆ ดังนั้นขัดขืนไว้ก่อนได้เปรียบ…ละมั้ง

“อย่านะ! เหวอไอ้พอร์ช! ทำอะไรวะ ไม่เอานะ!! ~อื้อ!!” ( >//^//< ) ยังไม่ทันได้ตั้งตัวเพราะมันแต่คิดเตลิด มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่กางเกงบ็อกเซอร์ตัวจ้อยกำลังถูกถอดออกไปพร้อมกางเกงในตัวจิ๋ว ในหัวของรุจน์ตอนนี้มึนงงไปหมด ทำไมกันนะทั้งที่เขาก็ออกจะขัดขืนจริงจังขนาดนี้ ทำไมยังไม่ทันจะได้ทำอะไร ก็ถูกจับลอกคราบ เหลือแต่ตัวล่อนจ้อน ปล่อยให้ทุกสิ่งทุกอย่างในร่างกายออกมาสู่โลกกว้างแบบนี้กันเล่า!?

ถึงตรงนี้รุจน์เข้าใจถึงความร้ายการของพอร์ชแล้ว เจ้าบ้ากามคนนี้ใช้เวลาโอ้โลมเขาไม่กี่นาที จับเขาปิ้งไปปิ้งมาสองสามรอบ มารู้ตัวอีกทีก็ไม่เหลืออะไรติดตัวซะแล้ว งานนี้รุจน์ถึงกับเหงื่อแตกพลั่ก

‘ไอ้บ้าเอ้ย!! นี่มึงเก่ง รึกูง่ายกันแน่ว๊ะ ปั๊ดถ่อออไอ้บ้ากามมมม!!??’ (>//□//<) ความคิดที่ยังหลงเหลืออยู่ในหัวของรุจน์ตอนนี้ มันสับสนวุ่นวายไปหมด และในขณะที่คนตัวเล็กยังนอนทำตัวเย้ายวนอย่างมึนๆอยู่นั้น พอร์ชเองก็ถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกด้วยเช่นกัน

“ถึงได้บอกไงล่ะ ว่าถ้าร้องแบบนั้น มันจะหยุดไม่ได้เอา…ดูนี่สิ” หลังเปลื้องอาภรณ์ตัวเองจนเกลี้ยง ล่อนจ้อนไปพร้อมกับรุจน์แล้ว พอร์ชก็ทาบกายลงแนบสนิทกับรุจน์อีกครั้ง กระซิบเย้าพอให้อีกฝ่ายได้สติ และจับมือของรุจน์นำทางมายังความร้อนระอุกลางร่างกายของตนเอง เพื่อให้อีกฝ่ายได้ประจักษ์ถึงหลักฐานประกอบคำให้การชิ้นสำคัญ ที่กำลังขยายตัวเต็มที่

“ไอ้บ้าพอร์ช! ไอ้โรคจิต มึงให้กูจับอะไรเนี่ย!!?” (>//□//<) เป็นอีกครั้งที่รุจน์สติแตก แต่ก็ต้องสะดุ้งไหวอีกครั้ง เมื่อถูกสัมผัสกลางร่างกายแข็งชันของตน ด้วยอะไรที่เหนือชั้นกว่า และภาพตรงหน้า ก็แทบทำให้รุจน์เป็นลมเสียงตรงนี้

ภาพที่พอร์ชกำลังใช้อวัยวะใหญ่โตเสียดสีไปมากับของสงวนของตนอยู่ ทำเอารุจน์แทบสิ้นสติ

พอร์ชไม่พูดอะไรอีก เพราะต้องใช้สติและความอดทนอดกลั้นอย่างมหาศาล ทำให้ชายหนุ่มทำได้เพียงกัดฟันทน และรุกรานคนรักในส่วนที่ตัวเองมีสิทธิ์เท่านั้น

ความปรารถนา อันใหญ่โตของพอร์ช แทรกเข้ามาระหว่างขาที่หนีบเข้าหากัน รูปทรงแท่งหรรษาลักษณะชัดเจนเสียดสีเข้าออกอยู่ตรงโคนขาหนีบอ่อนไหว สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าความใหญ่โตนั้นร้อนระอุเพียงใด เล่นเอารุจน์ถึงกับสะอื้นฮั่ก ปกติเป็นมือของกันและกัน วันนี้มาเหนือชั้นกว่า รุจน์จึงตั้งตัวไม่ติด

โดยเฉพาะตอนที่ถูกมือใหญ่กำรวบตัวตนของเขาทั้งคู่เข้าไว้ด้วยกัน แล้วเริ่มชักพาไปสู่ดินแดนแห่งใหม่ ที่ยังไม่เคยไปถึงมาก่อน

ประตูแห่งสวนอีเดน เปิดแง้มกว้างขึ้น…

ความร้อนรุ่มถูกเสียดสี จนร่างของรุจน์จำต้องแอ่นสะท้านไปเพราะแรงเร่งเร้าจากมือหนั่นหนาและความปรารถนาอันแข็งแกร่งและร้อนจัดของพอร์ช เสียงน้ำคัดหลั่งที่ถูกรีดเร้นผสมผสานกันจนเกิดเสียงฉ่ำแฉะ ฟังแล้วรู้สึกลามกจนแทบอยากเอามือปิดหู

ร่างกายเพรียวบางบิดเร่า พรึงเพริดไปกับรสสัมผัสที่ผู้นำบนร่างชักนำให้ แม้ไม่ได้ตั้งใจรุจน์ก็เผลอเด้งสะโพกรับการปรนเปรอจากมือร้อนของพอร์ชด้วยแรงอารมณ์พุ่งสูง

ในชีวิตจริงเจ้าหนูรุจน์ไม่ยอมปล่อยเสียงหวานๆออกจากคอ เหมือนตอนซ้อมบทสักเท่าไหร่ เจ้าตัวน้อยทั้งข่มทั้งกลั้นทั้งอั้นเอาไว้ จนเหลือเพียงเสียงลมหายใจหอบสะท้าน

ขัดใจพอร์ชเหลือเกิน

เพราะวันนี้ก็เป็นอีกครั้ง ที่พอร์ชทำไม่สำเร็จ อุตส่าห์โหมกระพือเร่งเร้า จนอารมณ์คนใต้ร่างเตลิดเปิดเปิงถึงขนาดนี้แล้ว เสียงหวานที่อยากฟังยังเล็ดลอดมาถึงหูได้เพียงเล็กน้อย ร่างหนากัดฟันกรอด นึกนอยด์ในฝีมือของตัวเองเล็กๆว่าอาจเจ๋งไม่พอ

"อ๊ะ! พอร์ช!...ก...กูไม่ไหวแล้ว....เสร็จ...จะเสร็จ..." นี่คงเป็นเสียงอ้อนเสียงเดียวที่พอร์ชได้ยิน มันหวานล้ำ แต่ว่าไม่พอ

"รอก่อน...รอกูก่อน..." พอร์ชยั้งไว้ จริงอยู่ว่าแค่เสียงอ้อนของรุจน์ก็ทำเข้าเกือบถึงฝั่งฝัน แต่เขายังไม่เต็มอิ่มเลย ยังต้องขอตักตวงอีกหน่อย อีกแค่นิดเดียว

"อะ...ไอ้บ้า...จ...จะไม่ไหว...อื้มมม..."  ณ โค้งสุดท้าย รุจน์ไม่อาจรั้งรอได้อีกต่อไป เสียงหวานครางถี่เร่งเร้า ก่อนจะถูกประกบปิดด้วยริมฝีปากร้อนผ่าวของผู้กระทำ

ความหฤหรรษ์ถาโถม จนจิตสำนึกละลายหายไปกับอากาศ ความรู้สึกราวถูกซัดขึ้นไปยังยอดคลื่นสูงชัน แล้วถูกม้วนร่างกลับลงมาสู่ท้องทะเล เป็นอย่างนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า จนรุจน์นึกกลัวว่าเขาอาจหลงมัวเมาในทะเลน้ำผึ้งนี้ จนไม่อาจฟื้นคืนสติได้อีกแล้ว  ถึงจะคิดได้อย่างนั้น แต่ถึงอย่างไร ตอนนี้เขาก็ไม่อาจหยุดตัวเองให้เพลิดเพลินตามพอร์ชไปได้อีกแล้ว ปล่อยร่างล่องลอยสู่กระแสนำพา แล้วถลาขึ้นจุดสูงสุดของความหฤหรรษ์

เมื่อถึงจุดสูงสุดแห่งยอดคลื่น สองร่างที่ประคองกันดั้นด้นมาก็กระตุกไหว ดื่มด่ำไปกับการปลดปล่อยเพียงชั่วเสี้ยววินาที ทว่าแสนยาวนานในความรู้สึก ขอบฟ้าที่ได้พากันไปสัมผัสครั้งแล้วครั้งเล่านั้น นำพาความสุขสมล้นปรี่ปะทุรุนแรงเปรอะไปทั้งหน้าท้องลามถึงแผ่นอกของคนข้างใต้ และมีบางส่วนที่ไปไกลกว่านั้น

เสียงหอบกระเส่าดังก้องไปทั้งห้องนอนยามสาย การถึงจุดหมายที่รุนแรงเกินไปทำเอารุจน์หน้ามืด คนตัวเล็กถึงกับกะปลกกะเปลี้ยลงทันทีที่แตะขอบฟ้าได้ หมดแรง หมดสิ้นทุกอย่าง ปล่อยร่างให้พอร์ชซุกไซร้ด้วยความรักใคร่ต่ออย่างสบายใจ ไม่มีขัดขืนอีก  หรือต่อให้จะถูกขอต่ออีกรอบ รุจน์ก็คงไม่เหลือแรงขัดขืน

"รุจน์...กูรักมึงนะ..."  เสียงหอบต่ำกระซิบคำรักหวานล้ำฉ่ำสุขอยู่ข้างหู คนฟังย่นคอเล็กน้อยเพราะจั๊กจี้ แต่ก็รู้สึกดีจนคนที่เหนื่อยแทบจะขาดใจตายอย่างรุจน์ ยังอดอมยิ้มออกมาไม่ได้ ดวงตาฉ่ำน้ำวามวามปรือปรอย มองพอร์ชที่คว้าทิชชู่มาเช็ดทำความสะอาดให้ด้วยความลุ่มหลง ไพล่นึกไปถึงคำที่พอร์ชเคยบอกเอาไว้ตั้งแต่เริ่มทำเรื่องลามกกันครั้งแรก ฝ่ายนั้นบอกว่าคิดหื่นกับเขาตั้งแต่ตอนยังเป็นเพื่อนกัน ถึงตรงนี้รุจน์ก็อดคิดไม่ได้ถึงตัวเองว่า แล้วเขาล่ะ เคยคิดหื่นกับพอร์ชบ้างหรือเปล่า 

และคำตอบที่ได้ ก็ทำเอาใบหูร้อนฉ่า…

"รัก...ก็อย่าทรมานกูนักสิ เดี๋ยวกูก็ตายหนีมึงไปก่อนหรอก" เพราะดันนึกถึงเรื่องไม่เป็นเรื่องเข้าตอนกำลังถูกยบอกรัก คำตอบรับที่รุจน์มอบกลับให้พอร์ชจึงไม่หวานเหมือนที่พอร์ชมอบให้ แต่กลับเป็นคำค่อนขอดเบาๆแบบทีเล่นทีจริงแก้เขินเท่านั้น ซึ่งนั่นก็ดูน่ารักน่าหยอกไม่น้อยในสายตาของพอร์ช

“ไม่ยอมให้ตายหนีกันหรอก ต่อให้มึงตายกูก็จะตามไปด้วย”  พอร์ชจึงเย้าขึ้นบ้าง ขณะช่วยทำความสะอาดปลายคางที่มีบางอย่างกระเด็นขึ้นมาเปื้อนให้ด้วยปลายลิ้นร้อน เรียกเสียงครางแผ่วด้วยความเขินอายของรุจน์ออกมาเป็นระยะ ช่างน่ารักน่าใครจนพอร์ชอดที่จะมอบจุมพิตลึกล้ำให้อีกครั้งไม่ได้ ก่อนจะกลิ้งตัวลงจากร่างเล็กลงไปนอนอยู่ข้างกันแล้วกอดร่างนั้นเข้าซุกในอ้อมแขนจนแทบจะจมลงไปในอก รัก รัก รัก รักรุจน์เหลือเกิน

“บ้า...ห้ามตายนะ เออๆ กูจะอยู่กับมึงไปจนแก่เลย” พอได้ยินว่าอีกฝ่ายถึงกับจะตายตาม แม้จะแค่คำหยอกเย้า รุจน์ก็ไม่ใคร่ชอบฟังเท่าไหร่นัก จะบ่นก็ใช่ที่เพราะคนที่เริ่มประเด็นมันดันเป็นตัวเขาที่เริ่มก่อน ดังนั้น จึงจำต้องยอมรับผิดและขอแก้ไขใหม่ให้น่าฟังขึ้น โดยการให้คำมั่นว่าจะอยู่ด้วยกันไปจนแก่แทน พร้อมซุกกายเข้าหาอ้อมกอดของพอร์ชมากขึ้น จู่ๆก็นึกอยากสูดกลิ่นกายของฝ่ายตรงข้ามขึ้นมา

 อืมมม...หอมจัง กลิ่นของพอร์ช คือกลิ่นที่รุจน์ชอบที่สุด

“อืม...จะเอาจนแก่เหมือนกัน...”  ทว่า ชื่นใจอยู่ได้ไม่นาน เสียงกระซิบที่ดังมาจากบนศีรษะ ก็ทำเอาอารมณ์เคลิบเคลิ้มของรุจน์ถึงกับสะดุด 

ความคุกรุ่นแบบไม่ต้องถามที่มา จึงกระพือโหมขึ้นภายในชั่วแล่น

โป๊ก!!

“เลิกลามกหน้าตายเสียทีเถอะ ไอ้บ้านี่” เสียงดังฟังชัด ทั้งมะเหงกที่เขกลงตรงกลางกระหม่อมหนา ทั้งเสียงก่นด่า ที่ดังอยู่ตรงหน้า แต่ความเจ็บที่มาพร้อมกับหน้าหงิกของคนในอ้อมแขนนั้นไม่ได้ทำให้พอร์ชสลดลงได้แม้แต่นิด ก็ใครกันล่ะสะไปสลดกับหน้าแดงๆอย่างนั้นได้ เคลิ้มไปเลยสิไม่ว่า

“หึหึ คร๊าบๆ...ยอมแล้วๆ...” พอร์ชยิ้ม พร้อมรับคำทะเล้น ด้วยแววตากรุ้มกริ่ม ทีเล่นทีจริง เล่นเอารุจน์ถึงกับถอนหายใจเหนื่อยหน่าย พร้อมกับบ่นกับตัวเองในใจว่า เขากับพอร์ชคบกันมาตั้งแต่เด็ก เห็นอีกฝ่ายขรึมๆนิ่งๆมาตลอด ไม่คิดเลยว่าแท้จริงจะเป็นคนที่หื่นได้ขนาดนี้ เขาละขอซูฮกเลยจริงๆ

รุจน์ถึงกับถอนหายใจพรู ไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งจะต้องเดินมาในสายทางนี้ แถมยังเป็นกับใครไม่เป็น ยังเป็นกับเพื่อนสนิทที่สุดในชีวิตอีกด้วย ลมแทบจับแน่ะ วันแรกที่ได้รู้ว่า เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ

แต่ก็เอาเถอะ ถึงอย่างไรก็รักไปเสียแล้ว จะให้ทำอย่างไรได้

คิดถึงตรงนี้ รุจน์ก็ชำเลืองมองหน้าเจ้าของอ้อมแขนอีกครั้ง ใบหน้าหล่อเหลาที่มองกลับมานั้น คืออดีตเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดของตนไม่ผิดแน่ เฮ้อ รักไปได้ยังไงนะ รักถึงขนาดนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่นะ รักขนาดที่ยอมพลีกายให้แบบไม่คิดเล็กคิดน้อยแบบนี้ ตั้งแต่ตอนไหนนะ มันเริ่มเมื่อไหร่ไม่รู้แฮะ เพราะพอรู้ตัวอีกที ตอนนี้ก็รักหมดใจไปเสียแล้ว

รักโดยไม่มีเงื่อนไข ชนิดที่ต่อให้เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม

คิดได้ดังนั้น รุจน์ก็ซุกกายเข้ากอดพอร์ชอีกครั้ง ขาขาวยกขึ้นก่ายตรงสะโพกของพอร์ชไว้ราวกับกำลังกอดหมอนข้างใบเขื่อง พอร์ชเองก็กอดก่ายรุจน์แน่นเช่นกัน สองร่างเปล่าเปลือย หยอกเย้ากันไปมาราวกับลูกแมวน้อย ก่อนจะผล็อยหลับกันไปอย่างมีความสุข

พวกเขายังเด็ก และยังไม่คิดที่จะเอาอะไรมาเป็นสาระในชีวิตให้มากเกินไป รุจน์อาจกังวลกับความสัมพันธ์ต้องห้ามนี้เล็กน้อย เพราะตระหนักว่าถึงอย่างไรเขาทั้งคู่ก็ยังต้องอยู่ในวงการ การมีข่าวฉาวคงไม่เป็นผลดีนัก โดยเฉพาะกับพอร์ชที่ดังกว่าตน ทว่าพอร์ชกลับคิดต่าง เขาอยู่ตรงนี้เพราะรุจน์ และจะอยู่ต่อไปเพื่อรุจน์ หากการสิ่งใดที่เขาทำแล้วอาจส่งผลให้คนรักมีภัย เขาพร้อมออกจากวงการนี้ทันที

และอีกไม่นานนี้ เขาก็พร้อมที่จะประกาศให้สังคมได้รู้ทั่วกันแล้วว่า เขาจะไม่ขออยู่ในฐานะนักแสดงอีกต่อไป ถึงอย่างไรมันก็ไม่ใช่ทางที่เขาตั้งใจเลือกไว้ตั้งแต่ต้น ที่วันนี้ยืนอยู่จุดนี้ ก็เป็นเพราะเขาตามมาประกบรุจน์หวานใจเขาไว้ เพื่อไม่ให้แมลงร้ายที่ไหนมาราวีต่างหาก ซึ่งตอนนี้ เขามาจนสุดทางแล้ว จากนี้ไปพอร์ชตั้งใจจะออกไปช่วยดูแลเป็นเบื้องหลังให้รุจน์อย่างจริงจัง ตามทางที่ตัวเองเลือกไว้อย่างเต็มที่เสียที

ยังดีที่เขาไม่ยอมเซ็นสัญญากับที่ไหน ดังนั้น หลังหนังเรื่อง ‘สุดปลายทางของ…หัวใจ’ ออกโรงเมื่อไหร่

พอร์ชก็จะประกาศเลิกรับงาน และออกจากวงการดาราทันทีเช่นกัน

*******************************************
ตอนนี้ 5 Reply ล่ะ แต่เอาไป 2 ก่อนนะ 3-5 กำลังปั่นยิกๆ
ตัดมาลงไม่ได้ เพราะเดี๋ยวจะขาดตอน อิอิ
อีกครึ่งหลัง ศุกร์นี้เจอกันจ๊า

ปล.ขอบคุณที่ช่วยตั้งชื่อเรื่องใหม่น๊า เดี๋ยว Reply ที่เหลือ เรามาเจอกันว่ามีชื่อไหนเด็ดๆบ้าง

ขอบคุณที่ช่วยติดตามค่ะ
อนาคี # Thearboo

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-09-2015 00:56:54 โดย อนาคี99 »

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ทั้งดีและร้ายไหลวนไปตามการกระทำ!!

ออฟไลน์ NuTonKaw

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด