ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)  (อ่าน 1267718 ครั้ง)

ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
ตื่นมาออกกำลังกายแต่เช้าเชียวนะเด็กๆ หนุ่มๆนี่ดีจังงงง

อโหสิกรรมให้กันแล้ว หวังว่าชิดจันทร์จะกลับมาแบบดีๆ
รอตอนต่อไปเนาะ

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
 :haun4:  คู่พอร์ชรุจน์น่ารักจังอยากให้หนังฉายเร็วอ่ะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ วัวพันปี

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1310
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-3
มันก๊าวใจ มาก คู่เด็กมามันทำให้ชุ่มฉ่ำใจจริงๆ
รออ่านคู่ขิงแก่ พี่อ๊อดกับเจ้าหัวใจค่ะ
คู่ตะไค้ใบมะกรูดพี่ซอลพี่บลูก็รอนะคะ

ออฟไลน์ valenna yy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
ยอมๆไปเถอะรุจน์เอ้ยยย
คนรออย่างป้าก้จะไม่ไหวละ :hao6:

ออฟไลน์ klaew

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1258
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
มาแล้วววววววววววว  :hao7: :hao7:
กำลังรออยู่เลยอ่ะ
คึคึ..   :z1: :z1: ..กำเดาแทบพุ่งกับฉากกุ๊กกิ๊กบนเตียงของพอร์ช-รุจน์
ฟินเวอร์เจ้าค่ะ  :heaven :heaven

แต่แอบน้ำตาซึมกับฉากชิดจันทร์เหมือนกันนะเจ้าคะ  :monkeysad: :monkeysad:
ซีนครอบครัวเนี่ยเรียกน้ำตาได้เยอะเลยเจ้าค่ะ...ซึ้งอ่ะ
ปล.
ขีดปฏิทินรอวันศุกร์

ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4

ออฟไลน์ nekko

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +422/-4
เด็กๆๆๆๆน่ารัก :mew1:

 :กอด1: :L2: :pig4:

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
 :katai2-1:

ดีงามค่ะตอนนี้

ออฟไลน์ rmlab

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1679
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-2
รอคู่น้องยุนะเจ้าคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0


ที่เหลืออยู่ไหน..............

จะเอา..........

มาต่อไวๆนะขอรับ

รออยู่ขอรับ


ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
เป็นกำลังใจให้คนเขียนและรอตอนต่อไปนะคะ
กอดดดด

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
เขินหนักมากกกก ตอนท้าย

ออฟไลน์ YMP

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1062
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-2

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1586
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
พอร์ชจองจะ...รุจน์ ทุกนาที ฮ่าๆๆๆ





ขอให้ แม่ชีชิดจันทร์พบทางสว่างในชีวิต และหัวใจ

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
clear ประเด็นกันไปเป็นคู่ๆ

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
ประเด็นชิดจันทร์คงไม่มีอะไรแล้ว

พอร์ชกับรุจก็น่ารัก  รอวัน.. :hao6:

ออฟไลน์ kinjikung

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
รุจน์ พอร์ช น่ารัก ฟินอ่ะ รักกันเบา ๆ

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6
รักเธอ~~~~~ รอคอยเสมอนะค่ะ

ออฟไลน์ Chrysan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
เราก็อโหสิให้แม่ชีชิดจันทร์แล้วนะ
ที่เคยด่าก่อนหน้านี้ในหลาย ๆ ตอน
หวังว่าแม่ชีจะอโหสิให้เราเช่นกัน
             :heaven

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Paparazzi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1050
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-11
รักคนเขียน :กอด1:
ทุกตอนโดนหมด แต่งเก่งจริงแม่คู้ณ o13

ออฟไลน์ farfarneenee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
ฟินก่อนนอนนนนนน คือดีอะ  :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ JaaJaaJaaJaa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
 :pighaun:คะคะคะแค่มัดจำก็จะตายแล้ววววววววววว กรี๊ดดดดดดดด รอวันจ่ายสด งดเชื่อ เบื่อทวง นะคะ  :hao3:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
 :katai5: :katai5: ย่องมาดู มาหรือยัง

ออฟไลน์ thearboo

  • อยากให้ชีวิตมีปุ่มSkip...!
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 475
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-1
    • thearbooเพจจ๊า
ชะแว๊บ...
เพิ่งเลิกงานจ๊า กลับถึงบ้านปุ๊บ
เดี๋ยวดึกๆ มาลงให้เน่อ
สารภาพว่าไม่จบตอนค่ะ...
แต่ก็ได้ 3 รี อยู่แหละ
แวะกินข้าวแป๊บ เดี๋ยวเจอกันจ้า

จุ๊บๆๆๆ
อนาคี99

ออฟไลน์ The_Beggar

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 128
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ปูเสื่อรอ....

ออฟไลน์ อนาคี99

  • อยากให้ชีวิตมีปุ่ม SKIP
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +460/-3
    • อนาคี99เพจ
ผมคือ...นางเอก
#ปฐมทัศน์
(ส่วนหนึ่งของ #แถลงรัก)

สุดปลายทางของ...หัวใจ


แชะ...

แชะ แชะ แชะ...


แสงแฟลชวูบวาบ จับภาพเหล่านักแสดงนำในเรื่อง ที่ตบเท้าเข้าร่วมชมภาพยนตร์ที่ตนแสดง ในรอบปฐมทัศน์อย่างครบครัน กฤตเมธในชุดสูทเนื้อดีสีดำสนิททั้งตัว ขับความหล่อคมให้เด่นชัด ควงคู่มาพร้อมสดายุที่อยู่ในชุดสูทลำลองพับแขนขึ้นมาครึ่งหนึ่งตามแบบแฟชั่นสมัยนิยม ถึงจะเป็นสูทลำลอง แต่ก็หล่อเนี๊ยบสมกับงานเปิดตัวหนัง ตามมาด้วยพอร์ชและรุจน์ ในชุดสูทดูดีตามสมัยนิยมเช่นกัน ตบท้ายด้วยแตงกวา นักแสดงสาวน้อยคนเดียวในหมู่กระทาชายหล่อล่ำ หล่อนมาในชุดราตรีสีหวาน เหมาะกับงานเปิดตัว รวมถึงนักแสดงสมทบคนอื่นๆคับคั่ง ทุกคนล้วนยิ้มแย้มแจ่มใส ให้หน้ากล้องอย่างเป็นมิตร รอยยิ้มการค้าที่เรียกเสียงกรี๊ดปรอทแตกได้ทุกครั้ง

เนื่องด้วยเป็นหนังเฉพาะกลุ่ม การโปรโมทจึงไม่ได้เข้มข้น เหมือนภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ แต่อย่างน้อยค่ายที่ทำก็เป็นค่ายดังในสังกัดของเจ้าแม่เสน่ห์จันทร์โดยตรง ทั้งยังเป็นภาพยนตร์ในการดูแลเรื่องสุดท้าย ก่อนการจากไปของท่านประธาน ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงค่อนข้างเป็นที่จับตามองพอสมควร 

ดังนั้นในงานเปิดตัว “สุดปลายทางของ...หัวใจ” ที่มีนักแสดงนำคือ กฤตเมธและสดายุนั้น ในรอบปฐมทัศน์นี้ได้จัดฉายที่โรงหนังยักษ์ใหญ่ เพื่อเป็นรอบเปิดตัวและเป็นรอบการกุศล เพื่อนำรายได้ส่วนหนึ่ง มอบเป็นทุนการศึกษาให้กับเด็กที่เกิดจากมารดาผู้ติดเชื้อ H.I.V ทั้งนี้ ยังเปิดโอกาสให้แฟนคลับสามารถพบปะใกล้ชิดกับดาราที่ตนชื่นชอบ แน่นอนว่าสองหนุ่มจากบ้านล่าฝัน มีแฟนคลับตามมาเชียร์ล้นหลาม

พร้อมกันนี้ยังมีความพิเศษยิ่งกว่า เพราะนอกจากจะเป็นงานเปิดตัวภาพยนตร์อย่างเป็นทางการแล้ว ในรอบปฐมทัศน์นี้ ยังได้เชิญแฟนๆและผู้ชมภาพยนตร์ที่สนใจร่วมชมภาพยนตร์รอบแรก ก่อนใครพร้อมสัมผัสที่แสนใกล้ชิดแบบ ถึงเนื้อถึงตัวสุดๆ โดยที่สามารถ ร่วมถ่ายรูปเซลฟี่กับนักแสดงที่จะมาทักทายผู้ชมถึงในโรงภาพยนตร์ชั้นเฟิร์สคลาส ถึงตั๋วแต่ละที่นั่งจะแพงหูฉี่ แต่สำหรับแฟนคลับขั้นเทพ แน่นอนว่ายอมจ่ายไม่อั้น

แต่แน่นอนว่า ทุกคนที่เหมือนเข้าถึงได้ง่าย เป็นกันเองกับเหล่าแฟนคลับ  กลับเป็นไปได้ยากที่เหล่านักข่าวสายเหยี่ยวจะเข้าหา โดยเฉพาะรอบกายของนักแสดงนำอย่าง กฤตเมธ และสดายุ ที่มีการ์ดมือดีที่สุริยาวดีจัดไว้ คอยประกบติดอยู่ไม่ห่าง เพราะได้ออกประกาศไปแล้วว่าจะมีการเปิดแถลงข่าว และทุกคำถามจะทำการตอบให้ในที่แถลงข่าวเพียงที่เดียวเท่านั้น เพราะฉะนั้น ในวันนี้หากมีนักข่าวหรือสื่อมวลชนสำนักไหน ออกตัวแรง อยากสัมภาษณ์นอกเหนือจากเรื่องของภาพยนตร์แล้วล่ะก็ จะถูกการ์ดกันตัวออกไปจากการสัมภาษณ์ทั้งหมด

ดังนั้นในวันนี้กฤตเมธและสดายุจึงยังพอมีพื้นที่หายใจอยู่บ้าง

วันนี้สดายุยังคงยิ้มได้ เพราะข้างกายนั้นมีแต่คนที่คอยหวังดีด้วยไม่เหมือนครั้งเก่าก่อน ที่ต้องเดียวดาย ข้างกายมีเพียงพี่บลูม่าผู้จัดการส่วนตัวที่ต้องแบกรับปัญหาทุกอย่างของเขาไว้เพียงลำพัง ทว่าวันนี้ บลูม่าคนดียังคงยืนอยู่ที่ตรงนั้น พร้อมทั้งเหล่าเพื่อนผู้ให้ความรักใคร่เอ็นดูในตัวเขาอีกหลายชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนนักแสดง หรือแม้แต่ทีมงานที่คอยให้กำลังใจไม่ขาด


และที่สำคัญ ข้างใจนี้ยังมี กฤตเมธ ที่คอยยืนป้องภัยอยู่เบื้องหน้า และจับมือกันไว้ไม่ปล่อยให้หลุดลอยไปไหนอยู่เสมอ

วันนี้สดายุจึงยังยิ้มได้อย่างเต็มที่ และมั่นใจเหลือเกินว่า ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเกิดอะไร ตราบใดที่ยังมีคนเหล่านี้อยู่รอบกาย เขาก็จะไม่เดียวดายอีกต่อไป

ยิ้มไว้สดายุ...ยิ้มเพื่อคนที่รักทุกๆคน
.
.
.
.
.

ในที่สุด ภาพยนตร์เรื่อง‘สุดปลายทางของหัวใจ’ ก็ได้ฤกษ์ฉายรอบปฐมทัศน์ หนังเกย์อิงกระแส ที่ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนอย่างท่วมท้น ทั้งเพราะหนังเรื่องนี้กำกับด้วยผู้กำกับมากฝีมือแล้ว ผู้จัดของเรื่องยังเป็นถึงผู้มีชื่อเสียงมากในวงการด้วย และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือเหล่านักแสดงนำ ที่มีข่าวฉาวรอให้ขุดคุ้ยไม่ขาด

แต่การสัมภาษณ์ที่แท้จริงยังไม่ใช่ตอนนี้ หลังภาพยนตร์ฉายไปได้สักระยะก่อนต่างหาก ถึงจะถูกเรียกออกสื่อสัมภาษณ์กันอย่างจริงจัง
 
ในระหว่างรอเวลา โรงหนังระดับวีไอพี ที่จะเปิดประตูต้อนรับแขกผู้มีเกียรติให้เข้าสู่ด้านใน ในเวลาทุ่มตรง เหล่าทีมงานนักแสดง ทีมผู้จัด ทีมผู้เกี่ยวข้องในสาขาต่างๆ และผู้ชมอีกส่วนหนึ่งที่ได้ตั๋วชมรอบพิเศษ มาแบบพิเศษๆ ก็ได้ทำการร่วมทานอาหารแบบค็อกเทล ร่วมถ่ายรูป พูดคุยกันระหว่างดาราและแฟนคลับ ทั้งยังเป็นช่วงให้สัมภาษณ์แบบขำๆกับเหล่าข่าวบันเทิงเก็บตก

และแน่นอน วันนี้เป็นวันที่พี่อ๊อดหน้าบานที่สุด เพราะคนรักที่อุตส่าห์อ้อนแทบเป็นแทบตาย ในที่สุดก็ยอมตกลงเคลียร์คิวอื่น เพื่อมาร่วมงานฉายหนังรอบปฐมทัศน์ในวันนี้ด้วย วันนี้หนุ่มใหญ่อย่างอ๊อด ที่ปกติผมเซอร์ฟูฟ่อง หนวดเครารกครึ้ม ก็เปลี่ยนมาดใหม่ เป็นหนุ่มใหญ่หน้าเกลี้ยง ผมหวีเรียงเส้นรวบตึง ราวกับคุณชายหลุดมาจากภาพวาดอย่างไรอย่างนั้น ทำมาทั้งหมดนี้ ก็เพียงเพื่อจะได้เดินควงเข้างานคู่กับหนุ่มใหญ่หน้าใสกิ๊งอีกคนได้อย่างไม่มีขัดเขิน ตามที่ถูกออกคำสั่งเป็นข้อแลกเปลี่ยนไว้ต้องแต่แรกนั่นเอง

"หืม...พี่อ๊อด หล่อมากเลยค่ะ อย่างกับคนละคนกับตาลุงที่เห็นอยู่ทุกวันแน่ะ"  แตงกวาพูดขึ้นกลางวงนักแสดงนำ ทันทีที่สายตาชำเลืองไปเจอ ผู้กำกับขาโหด ที่ยืนยิ้มร่าควงตากล้องมือพระกาฬให้สัมภาษณ์อยู่ตรงซุ้มนักข่าว

"ไม่ยักรู้ ว่าลุงหมีนั่นหน้าตาจะเหมือนมนุษย์ปกติอย่างคนทั่วไปด้วย เนอะแตงกวา" รุจน์รีบสมทบกับเพื่อนสาว ซึ่งแตงกวาก็รีบพยักหน้ารับยิกๆ เม้าท์แตกเม้าท์แตนกันอยู่สองคน โดยมีพอร์ช สดายุ และกฤตเมธยืนขำอยู่ใกล้ๆ 

เหล่านักแสดงนำ ได้ที่นั่งวีไอพีติดกัน เลยมาชุมนุมยืนรอกันเป็นกระจุก สี่หนุ่มหนึ่งสาว ที่ดูจะเจิดจรัสที่สุดในงานคืนนี้

คุยกันได้สารพัด ยกเว้นเรื่องส่วนตัวของกฤตเมธและสดายุ ที่ถูกหลีกเลี่ยงการพูดถึงอย่างชัดเจน ซึ่งในจุดนี้ สดายุนึกขอบคุณน้องๆที่น่ารักทั้งสามคนเป็นที่สุด

การคุยออกรสชาติ จนคนคนหนึ่งเดินเข้ามาในคลองสายตา

รูปร่างสูงใหญ่บึกบึน ที่แอบมายืนยิ้มแผล่ ซ้อนอยู่ที่ด้านหลังของสดายุตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ จนกฤตเมธต้องกระแอมออกมาเบาๆ เพื่อเตือนว่า 'อย่าเล่นกับของคนอื่นให้มันออกหน้าออกตานัก' นั่นแหละถึงจะยอมถอยมาอยู่ข้างกฤตเมธแทน พร้อมตีเนียนเข้าไปอยู่ในวงสนทนาราวกับสนิทกับอีกสามคนที่เหลือมานาน

การมาของดนัย ทำให้สดายุรีบหันไปสอดส่องสายตาหาอีกคนที่เขาให้บัตรเชิญเป็นการส่วนตัวไว้ 

"หาไม่เจอหรอก ผมให้เขาปลอมตัวมา"  คงเพราะเห็นสายตาของสดายุที่สอดส่ายหาใครบางคน ไปกระทบกับสายตาของดนัยเข้า ชายหนุ่มที่รู้ๆกันจึงก้มกระซิบบางอย่างที่รู้กันอยู่เพียงสองคนให้สดายุได้ฟัง

"ไอ้หนุ่มเซอร์ แว่นดำผมยาวตรงสิบนาฬิกา"  คือพิกัดของบดินทร์ที่ดนัยหมายถึง

แค่เห็นเข้า สดายุก็ถึงกับอมยิ้ม 'จำแทบไม่ได้จริงด้วย'  (วิก) ผมยาวปรกไหล่ ใส่หมวกแก็ป สวมแว่นตากรอบดำหนาใหญ่แบบไม่มีเลนส์ แถมใส่มาส์กปิดหน้า อีกนิดเดียว ถ้าเปลียนแว่นนั่นเป็นแว่นตาดำล่ะก็ เขาคงคิดว่าเป็นโจร หรือผู้ก่อการร้ายไม่ผิดแน่  แต่ก็เข้าใจบดินทร์แหละนะ เพราะสถานะของชายหนุ่มนั้น คือดาราราชาข่าวฉาวที่หายสาบสูญ  หากจู่ๆโผล่พรวดพราดมาในงานที่ถือว่าเป็นดงนักข่าวโดยไม่พรางตัวอะไรเลยแบบนั้น คงได้ถูกรุมทึ้งแทบตายแน่ๆ

แบบนี้ก็ดีแล้วล่ะ

"พามาจนได้นะ" กฤตเมธเปรยขึ้นเบาๆกับดนัย สายตาออกแนวเคืองเล็กๆ ส่งตรงถึงน้องชายตัวแสบ ไม่ติดว่ากำลังรักษาภาพพจน์ล่ก็ กฤตเมธคงออกปากไล่ให้ดนัยเอาคนคนนั้นกลับไปเสียเดี๋ยวนี้

ช่วยไม่ได้ที่กฤตเมธจะไม่ชอบบดินทร์ เพราะนอกเหนือจากเรื่องเลวร้ายที่บดินทร์เคยทำไว้กับสดายุ ขนาดที่ว่าต่อให้สดายุยอมยกโทษให้ แต่เขาอภัยให้ไม่ได้แล้วนั้น ตอนนี้สำหรับกฤตเมธแล้ว บดินทร์ขวางหูขวางตายิ่งกว่าอะไรทั้งหมด เพราะอะไรนะหรือ...

ก็เพราะ สดายุของเขา ดันเริ่มรู้สึกดี (เกินไป) กับไอ้ตัวร้ายนั่นขึ้นมาแล้วน่ะสิ!! ถึงขนาดแอบเอาตั๋วพิเศษฝากไปให้ เพื่อจะได้มาร่วมงานด้วยกันนี่ บอกตรงๆเลย ว่ากฤตเมธยิ่งเหม็นหน้าบดินทร์ขึ้นมาอีกโข!

ว่าแล้วก็หันไปค้อนน้องรักอีกครั้ง พร้อมคาดคั้นทางสายตากลายๆว่า  'ฮึ่ย! เมื่อไหร่ แกจะเผด็จศึกไอ้มารหัวใจนั่นไปให้พ้นๆตาฉันเสียที!!'  ก่อนจะหันกลับมาทำสีหน้าราวเทพบุตรเช่นเดิม

ดนัยเองก็ได้แต่เหงื่อแตกซึมหลังเบาๆ เฮ้อ...ด้านมืดของพี่ชายเขานี่ช่างน่ากลัวเหลือเกิน พี่เมธของเขาที่แสนดีไปเสียทุกอย่าง พอเป็นเรื่องของสดายุขึ้นมาเท่านั้นแหละ หึงโหดขึ้นมาเชียว ทั้งๆที่เมื่อก่อน พี่ชายเขาคนนี้ออกจากไม่แคร์ใครแท้ๆ ขายรอยยิ้มเทพ ขายมารยาทพระเอกเนื้อทอง แต่โคตรจองหอง ใครจะไปนึกว่าจะมาตกม้าตายกับผู้ชายด้วยกันอย่างสดายุได้  คนเรานี่เปลี่ยนได้เพราะรักจริงๆ...

ดนัยยิ้มกริ่ม... 'แต่ก็ดีแล้วล่ะที่คนที่พี่เมธของเขาเลือก คือสดายุ'  เหมาะสมกันโคตร...

ทุ่มตรงตามเวลา ในที่สุดประตูโรงหนังระดับวีไอพี ก็พร้อมเปิดรับแขกผู้มีเกียรติ ให้เข้าสู่ความยิ่งใหญ่ของโรงหนังราคาแพงลิบ สมกับการเปิดตัวหนังนอกกระแส แต่แบ็คใหญ่ ป๋าดัน สปอนเซอร์เพียบ ซ้ำยังกระพือกระแสทำบุญ เป็นหนังเพื่อการกุศลเสียอีกด้วย

เพียงไม่นาน เมื่อผู้คนต่างได้นั่งประจำที่ หลังดูตัวอย่างหนังเรื่องต่างที่กำลังจะทยอยเข้าฉาย และยืนทำความเคารพแล้ว เพียงอึดใจต่อมา จอภาพก็ขยายใหญ่ขึ้น ก่อนที่โฆษณาสุดท้ายจะปรากฏ นั่นคือโฆษณารณรงค์ให้ปิดโทรศัพท์มือถือ จากนั้นหน้าจอก็มืดไปอีกครั้ง คราวนี้ภาพของโลโก้ของบริษัทผู้จัดยักษ์ใหญ่ก็ฉายชัดเด่นหราอยู่ที่กลางจอ พร้อมเพลงประกอบชวนจดจำ ก่อนจอจะมืดไปอีกครั้ง พร้อมเสียงคนคุยโทรศัพท์เสียงแรกดังขึ้น

‘อะไรนะ พี่จะให้ผมรับงานถ่ายแบบอีกงั้นเหรอ พี่ก็รู้ว่าผมไม่ค่อยสะดวก ผมไม่ไหวหรอกนะครับ’ 

เสียงแหบหวานของชายคนหนึ่ง กำลังคุยง่วนอยู่กับเสียงแหลมสูงที่ดังมาจากปลายสายโทรศัพท์ ‘แค่สองอาทิตย์เองนะภู่ เป็นงานที่เน้นความเป็นธรรมชาติ ไม่หนักมากหรอก และที่สำคัญนะ งานนี้จะไปถ่ายทำกันถึงเกาะมัลดีฟแน่ะ เธอก็เหมือนได้ไปพักผ่อนนั่นแหละ ไม่ดีเหรอ?’

ชายคนที่ปรากฏบนแผ่นฟิล์มนั้นกำลังเปลือยท่อนบน เผยผิวขาวน่ากัด แม้เห็นเพียงด้านหลังยังให้ความรู้สึกเซ็กซี่ ชายคนนั้นอยู่อริยาบทสบายๆ โดยการใช้ศีรษะหนีบมือมือไว้กับไหล่กว้าง พลางควานหาเสื้อยืดตัวโปรดใส่ หลังอาบน้ำเสร็จ คุยไปพลาง พยายามใส่เสื้อไปพลาง อย่างเป็นธรรมชาติ

‘ถึงอย่างนั้นก็เถอะครับ ผมอยากพักอยู่บ้านมากกว่าอีก’  คำพูดแสดงความลำบากใจ พร้อมกับคนที่หันหลังคุยอยู่ตลอดเวลา ได้หันมาให้กล้องจับภาพที่ใบหน้าได้เสียที 

หล่อตรึงตา...

ภาพของสดายุที่ยังใส่เสื้อคาไว้ที่ไหล่อย่างขาดๆเกิน หันหน้ามาเผชิญกับหน้ากล้อง โดยมีห้องสีขาวปลอดเป็นแบคกราวด์ช่วยส่งเสริมให้คนที่ขาวอยู่แล้ว ดูสะอาดตาขึ้นไปอีก โดยเฉพาะกับผู้ชายหุ่นน่ากิน ที่มีซิคแพคเป็นลอนน้อยๆน่าบดขยี้

ภาพนั้นของสดายุ ในวันที่ยังหุ่นเฟิร์มสมชาย ไม่ผอมแห้งหยองกรอดอย่างปัจจุบัน ในวันนั้น สดายุยังคงมีเสน่ห์ความเป็นชายอย่างเหลือร้าย ขนาดที่ว่ากฤตเมธที่นั่งดูอยู่ข้างๆกับตัวจริง ยังรู้สึกอยากผิวปากแซวออกไปเสียที

‘งั้นเหรอครับ...ถ้าเขารู้ว่านายแบบเป็นผมเขาคงจะขอถอนตัวแน่’  ใบหน้าฉาบความสลดเศร้า ฉายชัดออกมาทางแววตา ดูเจ็บปวด ทั้งๆที่ตัวละครในเรื่องยังไม่ทันจะได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ

แค่ฉากแรกก็บีบอารมณ์ได้ถึงขนาดนี้แล้ว ยากที่จะทำใจไม่ให้ยอมรับความสามารถอันโดดเด่นของสดายุ พรสวรรค์อันเหลือเชื่อนี้ ช่างเหมาะสมกับรูปร่างหน้าตาประหนึ่งเทวดาปั้นแต่งนี้เสียเหลือเกิน

หล่อจนคนดูถึงกับลืมไปเลย ว่าเคยเป็นดาราตกอับมาก่อน

หนังดำเนินตามท้องเรื่องของมันไปเรื่อยๆ กระทั่งถึงฉากแรกที่ได้พบกัน ของตัวเอกทั้งคู่ พระนางที่เป็นชายทั้งแท่ง การปรากฏตัวของกฤตเมธในบทนคินทร์ก็ใช่ย่อย ตากล้องหนุ่มร่างใหญ่ใบหน้าคมดุ มาดเซอร์มีไรหนวดเขียวครึ้ม กระชากใจแม่ยกที่แอบนั่งกรี๊ดอยู่ด้านหลังได้เป็นโขยง
 
ลำนำรักหักเหลี่ยมโหดระหว่างอดีตเพื่อนสนิท ดำเนินมาจนถึงจุดแตกหักของเรื่อง หรือก็คือฉากเลิฟซีนสำคัญ ที่สดายุหวาดหวั่นกับมันที่สุด เขายังไม่เคยเห็นภาพจริงที่ตัดต่อออกมาแล้ว จึงไม่อาจวางใจได้เลยว่ามันจะออกมาในรูปแบบไหน

นั่งลุ้นได้เพียงแค่อึดใจ ไม่ต้องใช้เวลนาน ฉากที่น่ากลัวนั่นก็มาถึง

เสียงผู้ชายสองคนทะเลาะกันดังลั่น ภาพของกฤตเมธในบทนคินทร์คว้าคอกระชากทั้งร่างของสดายุในคราบของภุมราจนปลิวติดตามมือดูรุนแรง นคินทร์กำลังโกรธเกรี้ยว ส่วนภุมราก็กำลังอยู่ในอารมณ์ที่เลวร้ายถึงขีดสุด เสียงแหบหวานร้องห้ามโวยวาย ดวงตาฉายแววสิ้นหวังอย่างน่าเวทนา ความรู้สึกหดหู่ปกคลุมชัดเจนไปทั้งโรงหนัง น่าสงสารจับใจ

‘แคว่ก!!’ เสื้อเชิ๊ตเนื้อดีถูกฉีกขาด กล้องถ่ายเพียงด้านหลังของร่างสูงใหญ่ของกฤตเมธที่กำลังกดร่างสดายุติดเตียง ภาพฉายตัดไปมาระหว่าง ภาพมุมกว้างที่เห็นการกระทำย่ามใจของร่างใหญ่ชัดเจน กับภาพซูมหน้าใกล้ ที่ถ่ายให้เห็นว่า กฤตเมธในเรื่องนั้นกำลัง แนบริมฝีปากเข้ากับซอกคอขาวของสดายุอย่างจาบจ้วง จงใจให้ดูรุนแรง และกักขฬะ ดวงตาของสดายุเบิกกว้าง ร้องขอความเมตตาอย่างสุดกำลัง

คำพูดว่าร้ายเหยียดหยันถูกพ่นออกมาไม่ขาด แสดงให้เห็นถึงความชิงชังและการใช้กำลังข่มเหงอย่างแจ่มแจ้ง ร่างกายที่ยังคงสมส่วนของสดายุดิ้นพล่าน ต่อสู้กับคนที่บึกบึนกว่าอย่างกฤตเมธอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ก็ได้แค่นั้น ความที่ตัวบางกว่าอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ดิ้นรนเท่าไหร่ ก็เหมือนไม่มีวันหลุด

เสียงแหบเครือตะเบ็งห้าม สองมือยังคงผลักใส ทั้งทุบทั้งชกไปที่ร่างหนาเสียงหมัดกระทบเนื้อดังปั่กๆ แน่นหนัก ถึงตรงนี้สดายุที่นั่งดูตัวเองโดนย่ำยี่อยู่แบบแผ่นหนังก็จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าตอนนั้น เขากับกฤตเมธยังเกลียดกันแทบไม่เผาผี ฉากนี้ดูเหมือนจะสมจริงมาก โดยเฉพาะตรงบทที่ต้องออกแรงกดให้เขาเจ็บจนแทบแหลกคามือ คิดแล้วก็อดเคืองกฤตเมธที่นั่งอยู่ข้างกันไม่ได้ จนต้องแอบหันไปค้อนใส่เบาๆ 

"อย่า!!"  เสียงตะโกนห้ามดังชัดมาจากลำโพงโรงหนัง เรียกสติของสดายุให้หันกลับไปจดจ่อกับฉากหนังตรงหน้าอีกครั้ง ตอนนี้เขาในบทภุมราถูกกฤตเมธโถมร่างคร่อมไว้ และกดตรึงข้อมือทั้งสองข้างลงบนเตียงใหญ่ ราวกับถูกพันธนาการ ท่อนบนถูกกดทับ แต่ท่อนล่างยังคงดิ้นรนเตะถีบ ภาพมุมกว้างถ่ายตอนที่สดายุพยายามกระทุ้งเข้าซี่โครงของกฤตเมธอย่างเอาเป็นเอาตาย จำได้ว่านั่นเขากำลังนอกบท แต่บังเอิญมันแมทช์กับเนื้อเรื่องและดูสมจริงสมจัง พี่อ๊อดเลยไม่ตัดทิ้ง เพียงไม่นานจากนั้น ภาพก็ซูมเข้าไป ขณะที่เขาถูกกฤตเมธทาบทับ ถูกบดจูบจนริมฝีปากเจ่อบวม ภาพการซุกไซร้หยาบโลนที่ไม่ต้องใช้มุมกล้อง

ฉากตอนที่ภุมราถูกนคินทร์ฉีกทึ้งเสื้อผ้าออกจากร่างนั้น ถูกฉายออกมารวดเดียวจบ ไม่ได้ถ่ายออกมาให้เห็นถึงขั้นตอน เหมือนตอนถ่ายทำ แต่ตัดออกมาเพียงเศษเสี้ยว ให้เห็นถึงความโหดร้ายของนคินทร์ และความน่าสงสารของภุมราเท่านั้น

ฉากข่มขืนเต็มพิกัดเริ่มต้นขึ้น เมื่อกล้องฉายภาพด้านข้างเพียงครึ่งตัวของตัวเอก ที่ผู้กระทำจับขาของผู้ถูกกระทำแยกกว้าง แต่ในภาพฉายให้เห็นเพียงแค่การจับตรงเข่าแยกออกจากกัน ไม่ได้ฉายให้เห็นมากกว่านั้นจนกลายเป็นภาพอาณาจาร

จากนั้นก็ไม่มีเสียงของตัวละครอีก เพราะตัดเป็นเสียงเพลงประกอบแสนเศร้าสร้อย แทนหัวใจที่แหลกสลายของภุมราในเรื่องแทน ภาพทั้งหมดถูกถ่ายทอดออกมาอย่างมีศิลปะ มากกกว่าเป็นฉากร่วมรักที่สักแต่ให้ขยับตามธรรมชาติ ตั้งแต่เริ่มจนจบถูกฉายเป็นภาพเคลื่อนไหวยาวต่อเนื่อง

บางจุดที่เน้นอารมณ์เจ็บเจียนตายของภุมรานั้นก็จะใช้เป็นฉากสโลโมชั่นซูมไปที่ดวงตาที่เบิกกว้างของสดายุที่กำลังมีน้ำตานองเจิ่ง ให้ความรู้สึกราวกับจะแหลกสลายให้ได้เสียตอนนี้ ส่วนจุดไหนที่ต้องการเน้นความดุดันของทางด้านนคินทร์ ภาพก็จะฉายเป็นปกติไปที่หน้าของกฤตเมธที่กำลังแสยะยิ้มหยันจ้องลงมาที่สดายุราวกับจะทำลายทิ้งให้ป่นปี้

ฉากขืนใจอันโหดร้ายเจ็บปวดนี้ ไม่ได้ยาวนานเหมือนดังที่คิด เพียงแค่ครึ่งหนึ่งของเพลงประกอบ ทุกอย่างก็จบลง

ภาพสุดท้ายของฉากคือภาพสโลโมชั่นซูมไปที่ด้านข้างของสดายุ ที่ถูกร่างของกฤตเมธที่ถูกทำให้เบลอกว่ายังขยับเชื่องช้าทาบทับอยู่ ใบหน้าขาวซีด ดวงตาเบิกกว้างเลื่อนลอย ก่อนที่ภาพจะตัดมาที่หน้าตรงของสดายุอีกครั้ง ขณะค่อยๆหลับตาลงแล้วปล่อยน้ำตาให้กลิ้งลงข้างแก้มเปรอะเปื้อนอย่างช้าๆ พร้อมกับเพลงท่อนสุดท้ายที่จบลงอย่างเศร้าสร้อย

จากนั้นภาพก็มืดลงครู่หนึ่ง เพื่อข้ามไปยังฉากต่อไป

ถึงตรงนี้สดายุถึงกับถอนหายใจพรู ดูจะไม่เลวร้ายนักสำหรับฉากเลิฟซีนรุนแรงที่เขากังวล เพราะตอนถ่ายทำเล่นจัดท่ากันเสียเต็มที่ เลยออกจะหวั่นใจเล็กๆว่าภาพที่ออกมาจะดูลามกอาณาจารจนเกินรับไหว เห็นแบบนี้แล้วก็อดรู้สึกทึ่งทั้งพี่อ๊อดและทีมงานไม่ได้ ที่สามารถตัดต่อฉากแบบนี้ออกมาให้ดูแล้วรู้สึกไปกับบทบาทของตัวละครมากกว่าจะคิดไปในแง่ของเรื่องเพศ และที่น่ายกย่องที่สุดคงเป็นคุณกมล ตากล้องขวัญใจผู้กำกับรุ่นใหญ่อย่างพี่อ๊อด ต้องขอยอมรับอย่างไม่มีข้อกังขาเลยว่า พี่แกเป็นตากล้องขั้นเทพจริงๆ ที่สามารถถ่ายฉากบนเตียงออกมาให้ดูงดงาม และกระชากอารมณ์ได้ถึงขนาดนี้

หลังจากฉากผาดโผนที่สดายุตั้งใจลุ้นอย่างแน่วแน่ผ่านพ้นไป เขาก็พอมีสมาธิกับเนื้อเรื่องในส่วนต่อมามากขึ้น ช่วงตั้งแต่กลางเรื่องที่เริ่มมีปฏิสัมพันธ์อันดีต่อกัน ฉากกุ๊กกิ๊กที่ดูแล้วรู้สึกจั๊กจี้ไม่หยอก อินไปกับเนื้อหาของเรื่องบ้าง หลุดไปคิดถึงตอนที่ถ่ายทำฉากนั้นๆบ้าง นั่งวิเคราะห์การแสดงของตัวเองไปบ้างว่ายังขาดตกบกพร่องไปตรงไหน ทั้งยังแอบยิ้มไปกับพัฒนาการทางการแสดงที่ดีขึ้นในทุกๆฉากของพอร์ชกับรุจน์ด้วย

ในส่วนของกฤตเมธนั้น สดายุไม่ได้ให้ความสำคัญเท่าไหร่นัก สำหรับคนที่แสดงเก่งจนเป็นของตาย น่ามองตรงไหนกัน ^^

มาถึงฉากไคลแม็กซ์กลางเรื่อง คือเลิฟซีนครั้งที่สองของพระนาย และฉากล้มในห้องน้ำ ซึ่งจะเป็นฉากเปิดดราม่า ในเลิฟซีนเปิดตัวที่ผ่านมาสดายุลุ้นภาพที่จะออกมาจนค่อนข้างเครียด แต่พอมาถึงตรงนี้ เขากลับออกอาการใจเต้นเสียมากกว่า ตามที่เห็นนั้น ภาพไม่ได้ออกมาหวือหวาเหมือนในฉากแรก แต่ออกไปทางละมุนกลมกล่อม ดูแล้วไม่ได้เกิดอารมณ์ปลุกเร้า แต่เป็นแนวให้ใจเต้นเสียมากกว่า...สำหรับคนที่ชอบแนวนี้แหละนะ เพราะถ้าไม่ใช่แนว ก็อาจมีขนลุกเล็กๆเพราะความจั๊กเดียมในหัวใจได้ แม้ตอนจบของฉากนั้นจะเต็มไปด้วยความเจ็บปวดมากมายเลยก็ตาม


 :n1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-09-2015 01:29:52 โดย อนาคี99 »

ออฟไลน์ อนาคี99

  • อยากให้ชีวิตมีปุ่ม SKIP
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +460/-3
    • อนาคี99เพจ
 :L1:

สดายุนั่งนิ่งดูหนังเรื่องที่ตัวเองแสดงนำอย่างพินิจพิจารณา บนจอใหญ่มีร่างบอบบางเปลือยเปล่า ยืนเหม่อลอยปล่อยสายน้ำจากฝักบัวกระทบหน้าเพื่อซ่อนเร้นหยาดน้ำตาที่เอ่อท้น สดายุจ้องมองตัวเองที่ไม่ใช่ตัวเองในจอหนังนั้น พลางกลั้นหายใจอย่างรู้จังหวะ เพราะในขณะนั้นตัวเขาที่เป็นภุมราในเรื่องก็กำลังโงนเงนเสียศูนย์ ของเหลวสีแดงสดไหลหยดออกจากโพรงจมูงโด่งรั้น ก่อนที่ทั้งตัวจะร่วงลงไปกองกับพื้นราวกับเป็นร่างไร้กระดูก 

ณ ขณะนั้นเอง ที่มือขวาของสดายุก็รู้สึกได้ถึงสัมผัสอุ่น ชำเลืองดูก็เห็นว่าเป็นมือใหญ่ของกฤตเมธที่กอบกุมมือเขาไว้ ทว่าเจ้าของมือนั้นกลับไม่ได้มองมาที่เขาแม้เพียงชำเลืองหางตา ใบหน้าหล่อเหลาราวรูปสลักนั้นขมวดคิ้วจดจ้องภุมราในจอหนัง ที่ล้มลงหมดสติ ขณะที่เลือดกำเดายังไหลเจิ่ง ภาพนั้นคงกรีดหัวใจรุ่นใหญ่ไม่น้อย จนสดายุยังต้องลอบยิ้ม พลางโน้มกายไปกระซิบใกลๆ เบาๆ "อินไปหรือเปล่าลุง?"

กฤตเมธยิ้มน้อยๆ แต่ก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร นอกจากกระชับมือของสดายุแน่นขึ้น สดายุขำออกมาเบาๆก่อนหันกลับไปจดจ่ออยู่กับภาพยนตร์ดังเดิม

ฉากเลิฟซีนสุดท้ายของเรื่อง ไม่ใช่จบด้วยคู่เอกอย่างนคินทร์และภุมรา แต่เป็นคู่รอง ที่สดายุก็เคยเห็นตอนถ่ายทำอยู่ ตอนนั้นเขาเห็นเป็นเพียงแค่การแสดง แต่พอมาเห็นที่เป็นภาพสำเร็จแล้วในหนัง ก็รู้สึกว่า เป็นจากที่เลิฟซีนที่เยี่ยมพอสมควร เริ่มต้น ไคลแม็กซ์ จบ สั้นๆเพียงไม่กี่นาที เป็นฉากที่ต้องการให้ไม่มีพิธีรีตองอะไรมาก แต่กลับเป็นฉาก One Night Stand ที่อัดแน่ด้วยอารมณ์ความรู้สึก คือจุดเริ่มต้อนของความสัมพันธ์ที่ตัดไม่ขาดของคนสองคนขึ้นมา รุจน์กับพอร์ชแสดงได้ดี จนสดายุนึกชม เพราะสามารถทำเขาทั้งลุ้นทั้งอินไปด้วยได้ไม่น้อยเลย

ฉากเลิฟซีนร้อนแรงขนาดนี้ สดายุชักอยากเห็นหน้าเจ้าของบทที่นั่งถัดๆกันไป แค่เพียงหันมองทางซ้ายก็จะเจอหน้าของแตงกวาเป็นคนแรก กะจะมองข้ามไป แต่พอเห็นหญิงสาวกำลังทำหน้าปลื้มเต็มที่ สดายุก็เลยมองข้ามไม่ได้ สายตาแปล่งประกายระยิบระยับของแตงกวาจับจ้องไปที่จอหนังแบบไม่มีกระพริบ ขนาดโรงหนังมีเพียงแสงสว่างจากจอหนัง ยังเห็นได้ชัดถึงใบหน้าเนียนเห่อแดง ทว่าแปล่งออร่าแห่งความสุขชัดเจน ถัดออกไปหน่อยก็เป็นรุจน์ แต่สดายุกลับเห็นหน้านิ่งๆของพอร์ชที่ตัวสูงกว่าก่อน เด็กคนนั้นยังคงความเงียบขรึมตามสไตล์ แต่คนข้างๆนี่สิ หน้าแดงและแข็งเป็นหินไปนานแล้ว...สมกับเป็นไอ้รุจน์น้อยตัวแสบจริงๆ

เห็นแบบนั้น สดายุก็ได้แต่หันกลับมายิ้มกับตัวเอง ดูหนังต่อพร้อมไพล่คิดไปถึงตอนที่ถ่ายทำ แน่นอนว่าฉากเหล่านี้เคยผ่านตาเขามาหมดแล้ว แต่เป็นการผ่านแบบที่เป็นฟิล์มดิบในจอมอนิเตอร์ เนื้อหาทั้งหมดมโนเอาจากบทที่ได้อ่าน พอได้มาดูของจริง ต้องยอมรับว่าทึ่ง จริงอยู่ว่าเขาคือตัวละครหลัก คือตัวขับเคลื่อน แต่มันจะไม่สำเร็จงดงามขนาดนี้เลยถ้าขาดคนเรียบเรียงตัดต่อมืออาชีพ มันลงตัวและดูดี จนสดายุอดยิ้มออกมาไม่ได้

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้แสดงหนัง ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาได้มานั่งดูรอบปฐมทัศน์ของหนังที่ตัวเองแสดงนับครั้งไม่ถ้วน ตื่นเต้นบ้างในช่วงแรกๆ หลังจากนั้นมันคืองาน และเขามั่นใจว่ามันออกมาดีเยี่ยมอย่างไม่ม่ข้อกังขา

แต่เรื่องนี้มันแตกต่าง เป็นเรื่องที่ลุ้นตั้งแต่ฉากแรกยันฉากปัจจุบัน คงเพราะหนังเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่ได้เล่นหลังจากที่ออกจากวงการไปนาน กลัวฝีมือจะขึ้นสนิม กลัวเข้าไม่ถึงบทบาท กลัวทำให้กฤตเมธต้องเสียเครดิตไปด้วย กลัวไปหมดจนต้องนั่งลุ้นเสียตัวเกร็ง
ลุ้นที่สุดก็คงเป็นผลตอบรับจากทางผู้ชม ว่าจะรับได้กับการกลับมาของเขามากแค่ไหน และหากรับไม่ได้ แล้วมีข่าวว่าเขากับกฤตเมธคบกันอีก จะเป็นการทำให้กฤตเมธต้องเดือดร้อนหรือไม่...

...รู้ว่าเขาไม่สมควรคิดเรื่องนี้ ไม่สมควรใส่ใจอีก เพราะเคยรับปากกับกฤตเมธเอาไว้แล้วว่าจะไม่โทษตัวเองอีก

แต่ใครจะไปทนไหวกันเล่า ใครจะทนปล่อยให้ตัวเองทำคนรักลำบากได้กัน...เขาทนไม่ได้หรอก

ขณะกำลังคิดไม่ตกกับปัญหาที่ยังคาอยู่ในใจ เสียงสะอื้นเบาๆจากรอบกายก็ดังขึ้น มากันครบทั้งเสียงสูกน้ำมูก และเสียงสะอึกสะอื้น ครั้งพอหันกลับไปมีสติกับหน้าจอหนังใหม่อีกครั้ง ก็พบว่า เรื่องราวมันได้ดำเนินมาถึงตอนที่ ภุมรากำลังจะเข้าห้องไอซียู ฉากนั้น เป็นตอนที่ภุทราใช้เรียวแรงที่เหลือเพียงน้อยนิด ประคับประคองสติหลุดลอยของตัวเองไว้ เพื่อบันทึกความทรงจำกับคนที่ตัวเองรักอย่างสุดหัวใจเป็นครั้งสุดท้าย

สดายุจำได้ว่า เป็นฉากที่บิ้วอารมณ์กันนานพอสมควร หลังจบซีนแล้วยังยิ้มแทบไม่ค่อยออก เพราะยังคงค้างเติ่ง ตื้อไปกับอารมณ์ของตัวละคร

สดายุรู้ดีเลยว่าฉากนี้มันกระชากอารมณ์แค่ไหน โดยเฉพาะฉากต่อไปที่เป็นฉากอารมณ์เดี่ยวๆของนคินทร์ ที่ต้องทนอ่านบันทึกของคนรักที่กำลังอยู่ในห้อง ICU อย่างทุกข์ทรมาน ภาพผู้ชายนิสัยแข็งๆคนหนึ่ง ที่ปกติไม่ค่อยแสดงอารมณ์ออกมาทางสีหน้าเท่าไหร่ ผู้ชายทื่อๆที่ตอนนี้กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นกับตัวเองราวกับเป็นเด็กๆ นั้น สร้างอารมณ์หน่วงให้กับคนที่ได้พบเห็น ให้ได้ร้องไห้ตามกันไปเป็นทิวแถว ยกตัวอย่างเช่นแตงกวากับรุจน์ที่นั่งอยู่ข้างๆ ที่ตอนนี้ก็กำลังสูดน้ำมูก ปาดน้ำตากันอยู่เป็นการใหญ่

แม้แต่สดายุเองยังรู้สึกว่าอยากร้องไห้ตามไปด้วย

ทั้งร้องทั้งลุ้นกันจนมาถึงฉากที่ภุมรารอดจากเงื้อมมือมัจจุราชมาได้ และลืมตาตื่นขึ้นมาเป็นครั้งแรก สดายุได้เห็นตัวเองในจอภาพยังรู้สึกใจหาย ภุมราในเรื่องนั้นผอมจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ดวงหน้าซูบตอบทั้งยังซีดเผือด  ทั้งเจาะคอ ทั้งออกซิเจน ระโยงระยาง ถึงตัวสดายุเองจะรู้อยู่แก่ใจว่าทั้งหมดนั้นคือเอฟเฟคที่แต่งเพิ่ม บวกกับการแต่งภาพให้ดูป่วยหนัก แต่ถึงอย่างไรก็อดสงสารภุมราในเรื่องไม่ได้จริงๆ สงสารตัวเองด้วย ที่จนถึงตอนนี้ก็ยังผอมกร๋องแกร๋งอยู่...คิดถึงมัดกล้ามในวันวานแทบขาดใจ

ในที่สุดภาพยนตร์ก็ดำเนินมาถึงตอนจบ ทุกคนที่ได้ดื่มด่ำกับภาพยตร์เรื่องนี้มา ถึงกับถอนหายใจตามกันเมื่อถึงฉากสุดท้าย ที่พระนายประคองกันเดินออกจากห้องไป เปิดประตูสู่แสงสว่าง  Happy Ending เป็นอะไรที่สมบูรณ์และเติมเต็มที่สุด

และตอนที่เพลงประกอบเริ่มดังขึ้น ก่อนที่ End Credit จะวิ่งเป็นจอดำนั้น จอภาพเปลี่ยนเป็นสีขาวสนิท พร้อมลวดลายดอกไม้สวยหวานที่ค่อยๆเลื้อยเข้ามาประกอบที่ขอบจอ และจากนั้นเพียงอึดใจ รูปของเสน่ห์จันทร์ก็ถูกฉายออกมาตรงกลางจอ ในรูปนั้นเสน่ห์จันทร์อยู่ในท่วงท่าสบายๆ และยิ้มให้กล้องด้วยรอยยิ้มที่สวยที่สุด พร้อมกับคำลงท้ายใต้รูปว่า

แด่ เสน่ห์จันทร์

เครดิตส่งท้าย ที่เหล่านักแสดง และทีมงานทุกคนในโรงภาพยนตร์แห่งนี้ พร้อมใจกันยืนขึ้นเพื่อไว้อาลัย และปรบมือให้เกียรติแก่ผลงานชิ้นสุดท้าย ที่เสน่ห์จันทร์ได้ดูแลก่อนจากโลกนี้ไป

พอออกมาจากโรงหนังได้ ก็ถึงฤกษ์ที่ต้องให้สัมภาษณ์กันอีกรอบเกี่ยวกับความรู้สึกที่ได้ดู และคำวิจารณ์พอสังเขปที่จะใช้นิยามหนังเรื่องนี้ เพื่อที่จะเอาไปใส่ใน Preview และโฆษณาหนัง ก่อนที่จะฉายจริงทั่วประเทศ ในรอบเย็นของวันรุ่งขึ้น   ช่อดอกไม้แสดงความยินดี ถูกส่งมอบให้เหล่านักแสดงนำ และคณะทีมงาน โดยเฉพาะผู้กำกับอย่างพี่อ๊อด

“แล้วเอาไงต่อ”  พี่อ๊อดถามสดายุและกฤตเมธขึ้น เมื่อนักข่าวที่คอยมะรุมมะตุ้มกันอยู่เมื่อครู่สลายตัวไป

“แล้วเอาไงต่อ...ยังอยู่ในแผนเดิมใช่ไหม?”  พี่อ๊อดถามกฤตเมธที่ยืนอยู่คนเดียวขึ้น เมื่อนักข่าวที่คอยมะรุมมะตุ้มกันอยู่เมื่อครู่สลายตัวไป เพราะใกล้เวลาที่เหล่าดาราคนสำคัญจะต้องกลับออกจากงาน 

“ครับพี่ คงไม่มีอะไรเปลี่ยน” กฤตเมธตอบฉะฉาน ด้วยสีหน้านิ่งงันไม่แสดงอารมณ์ใดๆ และอ๊อดเองก็พยักหน้ารับรู้ด้วยนึกว่าน้องชายกำลังปั้นหน้าหลอกนักข่าว

ผู้กำกับหนุ่มใหญ่หันซ้ายแลขวา กำลังจะอ้าปากถามถึงสดายุ เพราะปกติดสองคนนี้มันจะอยู่ติดกันเป็นตังเม แต่ก็นึกขึ้นได้ว่า อาจเป็นเพราะการอยู่ด้วยกันมากเกินไปในตอนที่ยังมีนักข่าวเสนอหน้าสลอนอยู่แบบนี้ อาจถูกตั้งคำถามอะไรที่น่าปวดหัวขึ้นมาอีกแล้วก็ได้ ดังนั้นทั้งคู่จึงตัดสินใจอยู่ห่างกันบ้าง...

ซึ่ง...เป็นเรื่องที่อ๊อดเข้าใจไปเองทั้งนั้น

เพราะเรื่องจริงก็คือ สดายุเป็ยคนปล่อยให้กฤตเมธยืนแกร่วอยู่คนเดียว แล้วตัวเองก็ไปยืนทำเนียนคุยกับดนัย ที่มีบดินทร์ยืนเนียนเป็นแฟนคลับอยู่ข้างๆต่างหากล่ะ  เพราะอย่างนี้ไงะ หน้ากฤตเธถึงนิ่ง(ตึง)นัก

ไม่ใช่แค่นิ่ง แต่กำลัง(โคตรจะ) เคืองนิ่งๆอยู่ต่างหาก

“ขอบใจนะ ที่มาดู” สดายุเปรยขึ้นเบา ระหว่างยืนอยู่ตรงกลางระหว่างดนัยและบดินทร์ ดนัยรู้ตัวดีว่าประโยคนี้สดายุคงไม่ได้หมายถึงตน จึงเลือกที่จะหุบปากนิ่ง มีเพียงรอยยิ้มประจำกายประดับบนใบหน้าเท่านั้น

“ขอบใจนะ...ที่อุตส่าห์เชิญมา...” คนที่เป็นเป้าตัวจริงตอบเสียงแผ่ว ใบหน้าที่ซ่อนไว้ใต้กรอบแว่นหนาและผ้าปิดปากนั้นเห่อแดงขึ้นอย่างปิดไม่อยู่ “แสดงได้เยี่ยมเหมือนเดิมเลย...”  ก่อนจะชื่นชมออกมาอย่างอดไม่ได้

“ของมันแน่อยู่แล้ว” สดายุตอบรับคำชื่นชมอย่างไม่มีขัดเขิน พร้อมส่งยิ้มบางให้กับคนตรงหน้า ก่อนจะขอตัวลากลับก่อน เพราะหากคุยนานกว่านี้ พวกนักข่าวจะผิดสังเกตุเอา

“อีกสองอาทิตย์”   แต่ไม่ทันที่สดายุจะได้เอ่ยลา บดินทร์ก็ชิงพูดบางอย่างขึ้นมาเสียก่อน ใบหน้าที่ก้มต่ำอยู่ตลอด เงยหน้าขึ้นสบตาสดายุตรงๆอีกครั้ง

“อีกสองอาทิตย์...กู...กูจะไปทำงานกับดนัยที่ฮอลีวูด...”

น้ำเสียงไม่ได้ดังนัก แต่ก็ไม่ได้เบาจนจับใจความไม่ได้ ประโยคบอกเล่าที่บดินทร์ว่ามา ถึงกับทำให้สดายุเอียงหน้าฉงน น้ำเสียงไม่ได้ดังนัก แต่ก็ไม่ได้เบาจนจับใจความไม่ได้ ประโยคบอกเล่าที่บดินทร์ว่ามา ถึงกับทำให้สดายุเอียงหน้าฉงน จ้องมองกลับไปที่สายตาคมกล้าของบดินทร์ที่ส่งมาอย่างจริงจัง ก็เห็นได้ว่าไม่ใช่เรื่องอำกันเล่น ‘ไปทำงานกับดนัย’ ทำให้สดายุนึกขึ้นได้ว่าตั้งแต่เกิดเรื่อง บดินทร์กับดนัยตัวติดกันตลอด ถึงจะไม่ได้เจอกันบ่อย แต่เจอทีไรก็เห็นอยู่ด้วยกันทุกครั้ง คงเพราะอำนาจลับๆที่ดนัยมีอยู่สามารถช่วยเหลือบดินทร์ในยามนี้ได้ ก็คงไม่แปลกที่ในท้ายที่สุดแล้วบดินทร์จะมีโอกาสได้ติดตามดนัยไปไกลถึงฮอลีวูด ในเมื่อในเมืองไทยนี้ ยากแล้วที่บดินทร์จะมีที่ยืน

สดายุคิดแบบนั้น เพราะไม่รู้ตื้นลึกหนาบางในความสัมพันธ์ในเชิงลึกระหว่างบดินทร์กับดนัย ทำให้พาลนึกไปว่าสิ่งที่เกิดระหว่างคนทั้งคู่คือมิตรภาพที่สวยงาม และความเอื้ออาทร

ทั้งที่จริงแล้ว มันอาจเป็นเพียงตรวนโซ่ ที่พันธนาการข้อเท้าของบดินทร์อยู่แค่นั้นเอง

“ก็ดีแล้วล่ะ มึงได้เริ่มต้นชีวิตใหม่เสียที อยู่ที่นี่ไปก็เอาแต่หลบๆซ่อนๆ ไหนจะเจ้าหนี้ ไหนจะนักข่าว ไปได้ดีก็ดีแล้ว กูอวยพรให้” เห็นเพื่อนเก่าจะไปได้ดีสดายุก็ดีใจด้วย มือบางตบไหล่บดินทร์เบาๆ เพื่อส่งกำลังใจให้กลายๆ “ว่าแต่เรื่องบ่อนนั่น ไม่มีปัญหากับครอบครัวมึงใช่ไหม?” แต่ก็ยังอดห่วงเล็กๆไม่ได้  จึงอดไม่ได้ที่จะถามไถ่ ถึงอย่างไร สดายุก็ยังตัดบดินทร์ไม่ลง

“เรื่องนั้น...เคลียร์ได้หมดแล้วล่ะ...คุณดนัยเขาให้ยืมเงิน...” บดินทร์อึกอักตอบคำ ดีใจที่สดายุเป็นห่วงเป็นใย แต่ก็ค่อนข้างอึดอัดใจที่จะตอบคำถามในส่วนที่เกี่ยวข้องกับคนที่ยัดเยียดตัวเองมาเป็นเจ้าชีวิตของเขา...บดินทร์ขบกรามเบาๆ เพราะเขาไม่อยากพูดถึงดนัยสักเท่าไหร่นัก

“งั้นเหรอ ดีแล้วล่ะที่ดนัยไม่เกลียดมึงน่ะ ได้เป็นมิตรกับหมอนี่ ได้ดีไปทั้งชีวิต” สดายุพูดพลางส่งยิ้มพราวให้ดนัยที่ยืนอยู่ข้างกันด้วย เขาหมายความตามนั้นจริงดังที่พูด โดยไม่สังเกตุเลยว่าสีหน้าของบดินทร์เจื่อนลงจนเห็นได้ชัด คงเพราะบดินทร์ไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่สดายุต้องการจะสื่อ ที่สดายุพูดออกมาแบบนั้น เพราะรู้มาจากกฤตเมธอีกทีว่าดนัยเป็นคนไม่เอาใครเป็นมิตรง่ายๆ แถมยังเป็นชายที่เป็นศัตรูที่โคตรร้ายกาจ แต่ถ้าได้เป็นเพื่อนแล้วก็โคตรจะโชคดี เพียงแต่บดินทร์ไม่รู้ในจุดนี้ ดังนั้นชายหนุ่มจึงไม่อาจเห็นด้วยไปกับคำพูดของสดยุได้

แต่ก็เถียงอะไรไม่ได้เลยเช่นกัน

“อ๊ะ พี่บลูโทรมา งั้นกูไปก่อนนะ บายดนัย” 

บดินทร์กำลังจะอ้าปากพูดบางอย่าง ก็พอดีกับที่สดายุมีสายเข้า ทำให้ไม่อาจจะพูดคำขอร้องสุดท้ายออกไปจากปาก แล้วได้แต่ยืนมองแผ่นหลังของคนที่ตัวเองรักสุดใจ เดินจากไปช้าๆ

“อ่ะ ไปวันไหนก็โทรมาบอกแล้วกันนะ รู้เบอร์อยู่นี่ เดี๋ยวไปส่งที่สนามบิน”  ทว่าเดินออกจากวงได้ไม่กี่ก้าว สดายุก็หันกลับมาบอกให้บดินทร์โทรหา แล้วยังบอกว่าจะไปส่ง ก่อนจะเดินจากไป โดยที่ไม่หันกลับมาหาบดินทร์อีก แต่แค่นี้ก็เกินฝันแล้วสำหรับอดีตเพื่อนเลวอย่างบดินทร์ แค่นี้ก็มีค่ามากพอให้น้ำตาไหลได้แล้ว

“อยากเกิดเป็นยุจังเลยน๊า”  ระหว่างที่บดินทร์กำลังซาบซึ้งตื้นตันอยู่กับน้ำใจของสดายุอยู่นั้น จู่ดนัยที่ยืนอยู่ข้างกันก็เอ่ยคำขัดหูขึ้น
 
“คุณจะได้เชื่องกับผมแบบนี้บ้าง”

คำพูดตอกย้ำสถานภาพที่บดินทร์เกลียดแสนเกลียด แต่ในเมื่อมันคือความจริง เขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากก้มหน้ารับ และหุบปากสนิทไปไม่ตอบโต้ แต่ครั้นจะให้ยืนเป็นเป้าเชื่องๆ มันก็คงฝืนใจเกินไป ดังนั้นบดินทร์จึงตัดสินใจเดินออกไปจากตรงนั้นทันทีแบบไม่มีการหันไปมองดนัยเลยแม้แต่หางตา ถึงอย่างไรเจ้าหนี้ ก็ไม่ใช่เจ้าชีวิต

เห็นแบบนั้นดนัยก็เหยียดยิ้มร้าย รู้อยู่แล้วกับปฏิกิริยาที่คาดเดาได้อย่างง่ายดายของบดินทร์ แบบนี้แหละถึงจะสมกับเป็นบดินทร์ เหยื่อที่ยังมีลมหายใจและมีชีวิตชีวา น่าเร้าใจเสมอ การฝึกสัตว์ร้ายเป็นเรื่องท้าทายที่ดนัยรู้สึกสนุกจนเนื้อเต้น

ฝึกให้เชื่องได้เมื่อไหร่ ดนัยคงอิ่มเอมใจไม่น้อย

แล้วเขาจะเลือกใช้วิธีไหนดีนะ...

คิดแล้วก็ยิ้มกับตัวเองเล็กๆ ก่อนเดินตามบดินทร์ไปห่างๆ ที่นัดหมายคือลานจอดรถชั้นพิเศษปลอดคน ไม่ต้องตามคุมดนัยก็รู้ดีว่าบดินทร์ไม่มีทางหนีจากมือเขาไปไหนรอด เพราะฉะนั้นการปล่อยให้ได้ใช้ชีวิตของตัวเองบ้าง จึงเป็นวิธีการเลี้ยงแบบแรก ที่ดนัยเลือกใช้   

“ไงเรา คุยเพลินเชียวนะ นึกว่าลืมพี่ไปเสียแล้ว”

เดินกลับมาถึงตัวกฤตเมธที่ยืนหอบดอกช่อใหญ่อยู่เดียวดาย ท่ามกลาง ฉากหลังที่เป็นเหล่าแฟนคลับของพอร์ชรุจน์ที่กำลังกรี๊ดกร๊าดอยู่กับดาราขวัญใจ เห็นแบบนั้นแล้วสดายุก็นึกสงสาร แต่พอชำเลืองไปเจอผู้กำกับอ๊อดที่ยืนยิ้มหวานอยู่ข้างคุณกมล สดายุก็เริ่มรู้สึกผิดเล็กๆ สองคนนี้ คงยืนเป็นการ์ดช่วยกันนักข่าวให้กฤตเมธอยู่แน่ๆ แล้วพอเขาเดินเข้ามาสมทบ ก็ถูกร่างสูงใหญ่ของคนรักโน้มมากระซิบค่อนขอดแบบเนียนๆ

“ใครจะลืมลงล่ะครับ ตัวโตสะดุดตาขนาดนี้”  ก็ได้แต่กระซิบตอบแบบขอไปที ก่อนจะรายงานสถานการณ์ที่บลูม่าติดต่อเข้ามารายงาน “พี่บลูมารอผมอยู่ตรงล็อบบี้แล้วล่ะ เดี๋ยวผมขอตัวออกไปก่อนเลยแล้วกันนะ”

กฤตเมธพยักหน้ารับ อยากจะบ่นอะไรต่ออีกสักหน่อย แต่พอดีกับที่สดายุหันไปร่ำลากับผู้กำกับอ๊อดเสียก่อน หนุ่มใหญ่เลยตัดใจ เพราะถึงอย่างไร เดี๋ยวก็ต้องกลับไปเจอกันที่คอนโดอยู่แล้ว ถึงตอนนั้นค่อยจัดการก็ยังได้

เพราะเปิดตัวหนังวันนี้ งานวันนี้เป็นงานที่นักแสดงนำที่ยังมีข่าวรอขุดคุ้ยอย่างกฤตเมธและสดายุเป็นตัวเด่น การป้องกันการถูกจับตามองจึงเป็นเรื่องยาก ดังนั้นทั้งคู่จึงจำต้องแยกกันมา โดยสดายุมากับกลูม่า และกฤตเมธมากับรถหรูของทางบริษัทที่สุริยาวดีจัดไปรับ

ตราบเท่าที่พวกเขายังอยู่ในสัญญาหนัง ตราบเท่าที่ยังไม่ได้เปิดแถลงข่าว พวกเขายังต้องวางตัวให้เหมาะสมที่สุด

งานเปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง ‘สุดปลายทางของหัวใจ’ จบลงด้วยดีตามที่คาดหวัง จากนี้ไปสิ่งที่กฤตเมธและสดายุต้องทำคือ การเดินสายโปรโมทภาพยนตร์ต่อ เหมือนทั้งเดือนที่ผ่านมาที่ต้องออกรายการแนะนำหนังน่าดูอยู่หลายรายการ อีกเพียงอึดใจก็จบแล้ว อีกแค่ไม่กี่สัปดาห์หากหนังไม่ได้เป็นที่นิยมมาก ทุกอย่างก็จะจบได้เร็วขึ้น

หนังจบ ก็จะเป็นการแถลงข่าว

หลังแถลงข่าวก็ตกงาน...

ชีวิตบนเวทีนี้กำลังดำเนินมาจนเกือบสุดทางแล้ว ชีวิตหลังจากนี้ไปจะเป็นแบบไหนสดายุก็ไม่อาจพยากรณ์ได้ จะดีจะร้ายก็คงต้องกัดฟันและฝ่าฟันไปให้ได้เท่านั้น คิดได้ก็ชำเลืองมองไปทางกฤตเมธที่ยังยืนอยู่ข้างกัน เห็นใบหน้านั้น สดายุก็ยิ้มออกมา

จะไปทุกข์ทำไมเล่า ไม่เห็นต้องคิดมากเลย

เพราะเขาไม่ใช่ตัวคนเดียวอีกต่อไปแล้ว...


 :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2015 23:33:28 โดย อนาคี99 »

ออฟไลน์ อนาคี99

  • อยากให้ชีวิตมีปุ่ม SKIP
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +460/-3
    • อนาคี99เพจ
 :pig2:


-   หนังเครียดชิบหาย

-   หมดกันพี่เมธกู

-   เลิฟซีนเร่าร้อนมาก

-   กรี๊ด ฟินค๊าครบรสมาก น้ำตาแตก น้ำลายหก กันไปเลยค๊า

-           หนังเกย์?

-   เนื้อหาดีมากค่ะ พี่เมธกับพี่ยุก็แสดงเข้าถึงบทดีมาก ชื่นชมค่ะ ดิฉันถึงกับร้องไห้ไม่หยุดเลยค๊า

-   หืม...เลิฟซีนขนาดนี้ อยากเป็นนางเอกเลยค๊า

-   สดายุสาวแตกมากอ่ะ

-   เลือดพุ่งค่ะ...

-   ผมว่าหนังมันโอเคเลยนะ ถึงจะเป็นเรื่องของเพศที่สาม แต่ดูแล้วไม่รู้สึกอึดอัดเท่าไหร่ ให้ความรู้สึกคล้อยตามได้ง่าย คงเพราะนักแสดงแสดงดี และคงเพราะฉากสวย มุมกล้อมแจ่มด้วย เลยยิ่งทำให้หนังออกมาสวยกว่าที่คิด ขนาดฉากเลิฟซีนผู้ชายด้วยกันที่คิดว่าต้องรับไม่ได้แน่ๆ ยังออกมาสมูท จนขนลุก ขอชื่นชมจริงๆครับ

-   ตอนแรกก็ว่าจะไม่ดู แต่ถูกแฟนบังคับพาไป สุดท้ายก็สนุกดีนะ เป็นหนังชายรักชายที่ดูไม่ลามกเหมือนเรื่องอื่นๆ ไม่ออกแนวหื่นสักเท่าไหร่ พอไหว โดยเฉพาะฉากที่ภุมราใกล้ตาย แฟนผมนี่ร้องไห้อย่างกับญาติเสีย ขอปรบมือให้เลยครับ

-   สดายุ น่ากินมาก หนังสนุกสุดๆ ชอบๆๆๆ

-   รันทดไปไหน? ชีวิตภุมรามันคือโศกนาฏกรรมชัดๆ ยังดีที่ยังดำเนินเรื่องได้ไม่ขัดนัก สามารถบิ้วอารมณ์คนดูให้อินตามได้ ตรงผมถือว่าเยี่ยมครับ ตัวของภุมราแสดงออกมาได้อินมาก คาแรคเตอร์แข็งนอกอ่อนในชัดเจน ประเภทคนหล่อมีปม สาวๆหลง แถมยังป่วยอีก (มันจะอะไรกันนักกันหนา) เป็นตัวละครที่มืดมนดีครับ  ฉากเลิฟซีน โฉ่งฉ่าง ใช้ได้เลย รุนแรง และโจ่งแจ้ง พอสมควร แต่ตรงนี้ผมขอชื่นชมมุมกล้อง กับองค์ประกอบหลายๆอย่างที่ ทำออกมาให้ดูไม่เป็นเรื่องลามกอณาจาร แต่มันคือเซ็กส์ของคนสองคน ซึ่งมันเป็นเรื่องธรรมชาติ (ขนาดฉากข่มขืนยังออกมาสวยเลย) ทั้งยังไม่ได้โป๊จนเห็นอวัยวะใดๆ ถือว่าโอเคครับ ไม่ดูเป็นหนังที่เก๊เกย์จนเกินไป

-   ฉากเลิฟซีนนี่ได้กันจริงเปล่าวะ คิดว่าจะแข็งกันไหม?แอร๊ย ขนตูดลุกซู่

-   อยากลองสดายุบ้างว่ะ ในหนังแม่งน่ากินฉิบหาย

-   พี่เมธเล่นบทเกย์ กรี๊ด! รับไม่ได้!!

-   เล่นเก่งกันทั้งคู่เลยอ่ะ ช่วงกลางเรื่องร้องจนตาบวม แต่ฉากจบนี่ยิ้มตามจนแก้มแทบแตก กรี๊ดมากเลยค่ะ

-   คู่แข่งแม่เบี้ย

-   ฟินตัวแตก


หนึงสัปดาห์ต่อมาหลังจากภาพยนตร์ลงจอฉาย  สารพัดคำวิจารณ์ก็ยิ่งมากขึ้นตามโลกโซเชียล ทั้งชื่นชม ทั้งบ่น ทั้งเกรียนใส่ มากมายหลายความคิดเห็น ทั้งที่ได้ดูแล้ว และยังไม่ได้ดู ช่วงนี้ที่สดายุกับกฤตเมธที่หมดงานจากการโชว์ตัว ในรายการและอีเว้นท์ต่างๆแล้วนั้น ก็ได้พักอยู่บ้านสบายๆอยู่ระยะหนึ่ง พวกเขาหยุดรับงานเพิ่มแล้ว เหลือเพียงเคลียร์งานเก่าให้เสร็จสิ้น ก็เป็นอิสระจากวงการอย่างหมดจดเสียที เพียงแต่คำว่าหมดจดในที่นี้ หมายถึงแค่ในเรื่องตัวงานเท่านั้น เพราะถึงอย่างไร ความที่เคยเป็นบุคคลสาธารณะ พวกเขาหลบเลี่ยงไม่ได้หรอกที่จะยังเป็นกระแส เป็นข่าว และเป็นที่จับตามองไปอีกสักพักใหญ่ๆ ซึ่งอาจจะเป็นแค่หลักสัปดาห์ หลักเดือน หรือหนักหน่อยก็หลักปี แน่นอนว่าในจุดจุดนี้ ทั้งสดายุและกฤตเมธ ได้ทำใจรับไว้เรียบร้อยแล้ว

หนังไม่ได้ดังเปรี้ยง เพราะเป็นหนังเฉพาะกลุ่ม แต่ก็ทำเงินได้ตามเป้าที่ตั้งไว้  เพราะถึงจะเป็นหนังเกย์ แต่อย่างน้อยเหล่านักแสดงหลักของเรื่องก็เป็นคนที่มีชื่อเสียง และมีแฟนคลับ กับพวกคอวิจารณ์หนัง ที่ถึงจะไม่ใช่แนวที่ชอบก็มักจะตีตั๋วเข้าดู เพื่อจะได้เขียนบทวิจารณ์ได้อย่างถูกต้อง

บทวิจารณ์หนังมีเยอะ มากหลังผ่านมาได้หนึ่งสัปดาห์ ทั้งชม ทั้งด่ามหาศาล แค่พิมพ์คำว่า ‘สุดปลายทางของหัวใจ’ เข้าไปที่ช่องค้นหาในเว็ปไซด์กูเกิ้ล บทวิจารณ์ต่างๆที่มีทั้งดีร้ายก็เด้งหน้าขึ้นมาโชว์ตัวกันล้นหลามเต็มหน้าเพจไปหมด ทั้งในเว็ปดัง ไม่ดัง ขึ้นมาให้อ่านเพียบ 

 “เอาแต่อ่าน คอมเม้นท์พวกนี้อีกแล้วนะยุ อ่านไปให้ได้อะไรขึ้นมาหืม?”

เสียงทุ้มถามขึ้น ขณะเดินเช็ดผมเปียกๆของตน ก่อนลงนั่งอยู่ข้างกันกับสดายุที่นั่งจดจ่ออยู่กับไอเพดมินิในมือ

“ผมก็แค่อยากรู้ว่าคนดูเขามีฟีดแบคยังไงบ้างเท่านั้นเอง” สดายุเถียงเบาๆ ความจริงเขาถูกกฤตเมธห้ามเอาไว้ตั้งนานแล้วว่าให้เลิกอ่านพวกวิจารณ์หนังเรื่องนี้เสียที เพราะยิ่งอ่าน สดายุก็ยิ่งเครียด แต่จนถึงตอนนี้ สดายุก็อดไม่ได้ที่จะเปิดเข้าไปอ่านเสียที

เห็นคนรักยังคงเถียง กฤตเมธก็ได้แต่ถอนหายใจ ก่อนจะเอ่ยเตือนสดายุออกไปด้วยความหวังดี  “เลือกอ่านเฉพาะอันที่สร้างสรรค์ กับอันที่ติเพื่อก่อก็พอนะ ส่วนพวกที่มีแต่ทำให้ใจเราห่อเหี่ยว ทำให้ความรู้สึกเราติดลบ ก็อย่าไปดูมันเลย แค่รับรู้ไว้ว่ามีพวกนั้นอยู่ แต่อย่าเก็บเอามาใส่ใจเลยนะ”

“ก็อ่านหมดนั่นแหละ ไหนๆมันก็อยู่กระทู้เดียวกัน”

“อย่าขยันทำร้ายตัวเองนักสิ ซาดิสต์เหรอเราน่ะ”

“เปล่าสักหน่อย”

“พอแล้ว เลิกอ่าน ตามทุกวันเลยนะไอ้เพจด่าดาราเนี่ย”

“ก็แค่อ่านเอง ไม่เห็นเป็นอะไรเลย ลุงจะเยอะไปไหนเนี่ย?”

“ยุ!”

“พี่เมธ!!”

การโต้เถียงยาวนานกว่าทุกครั้ง เพราะความดื้อดึงของสดายุ และความขี้เป็นห่วงเกินกว่าเหตุของกฤตเมธ คบกันนานเข้าต่างฝ่ายต่างก็เปิดใจเข้าหากันมากขึ้น แน่นอนว่าคนเด็กกว่าย่อมเอาแต่ใจ และคนแก่กว่าก็ย่อมจ้ำจี้จ้ำไชด้วยความเป็นห่วงเป็นใยเป็นธรรมดา

“เฮ้อ...พี่ก็แค่ไม่อยากให้ยุต้องคิดมาก ก็รู้ๆอยู่ไม่ใช่เหรอว่าตัวเองเป็นยังไง” เห็นเด็กน้อยเริ่มอารมณ์บูด ผู้ใหญ่กว่าก็ต้องยอมลงให้บ้าง  แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะยอมให้ดื้อด้วยได้ง่ายๆหรอกนะ

“ผมไม่เป็นไรหรอกน่า...กับเรื่องแค่นี้ ผมเจอมาทั้งชีวิตแล้ว” สดายุแก้ตัวไปพลาง ยังคงก้มหน้าก้มตาอ่านคอมเม้นท์ ในกระทู้วิจารณ์อย่างออกรส

ก็เพราะสดายุเป็นเสียแบบนี้นี่แหละ คนรักอย่างกฤตเมธ ถึงได้ต้องตามดูแลหัวใจให้ไม่ห่าง ช่างขยันหาเรื่องเหนื่อยอกหนักใจเหลือเกิน  และในจังหวะนั้นเอง กฤตเมธก็ไม่คิดหยวนให้เด็กน้อยอีก ร่างสูงจึงขยับเข้าใกล้แล้วแย่งสื่อออนไลน์ออกจากมือของสดายุ เพื่อเป็นการหยุดคนรักให้เลิกเสพสื่อด้านลบ

“อะไรของลุงเนี่ย? เอาคืนมาเลย” โดนลิดรอนสิทธิความเป็นส่วนตัวเข้าหน่อย สดายุก็เริ่มฉุน เอื้อมคว้าของของตัวเองคืนจากตาลุงเจ้ากี้เจ้าการเป็นระวิง…ทว่า

จุ๊บ…

“…….”  จู่ๆก็ถูกกฤตเมธขโมยกันดื้อๆ เล่นเอาอารมณ์ฉุนค้างถึงกับสะดุด ได้แต่นั่งนิ่งขมวดคิ้วมองโจรแก่ตรงหน้าอย่างไม่ค่อยพอใจนัก

“ลงโทษเด็กดื้อไง” ขโมยจูบกันดื้อๆยังไม่พอ กฤตเมธยังอุตส่าห์ส่งสายตาเจ้าเล่ห์ใส่สดายุพร้อมบอกว่าเป็นการโลงโทษเสียอีก มาไม้นี้เล่นเอาสดสยุถึงกับไปต่อไม่ถูก โดนคนรักอายุมากกว่ามาเล่นมุขตาแก่โรคจิตใส่ด้วยใบหน้าเจ้าเล่ห์แบบนี้  จะให้โกรธเขาก็ดันโกรธไม่ลงเสียแล้ว

“เป็นตาเฒ่าหัวงูหรือไง?” ถึงจะไม่ได้โกระอะไร แต่ก็อดไม่ได้ที่จะค่อนแคะ แซะให้กฤตเมธได้รู้ตัวบ้างว่าตัวเองน่าหมั่นไส้แค่ไหน แต่ถึงสดายุจะว่าอะไรไป ก็ดูจะไม่ระคายผิวผู้สูงวัยกว่าสักเท่าไหร่นัก

เพราะยิ่งโดนว่า กฤตเมธยิ่งยิ้มจนตาหยี ก่อนจะยิงมุกคนแก่ใส่คนรัก ให้ได้เขินเล่นกันบ้าง “เป็นหรือเปล่า ยุต้องพิสูจน์เองบนเตียงเสียแล้วล่ะ” และไม่ใช่แค่ปากว่าเสียด้วย มือปลาหมึกยังรุกเร็วไม่แพ้ปาก เผลอแปบเดียว ก็ลากเรื่อยมุดหายเข้าไปในเสื้อยืดตรงหน้าท้องแบนๆของสดายุเสียแล้ว พร้อมยังแสร้งเลียริมฝีปากของตัวเองเบาๆ เป็นการหยอกเย้าสดายุกลายๆ

“ตายอดตายอยากมาจากไหนเนี่ย?”   สดายุกระซิบบ่นข้างหูของกฤตเฒธบ้างอย่างนึกสนุก ใครจะไปยอมตกเป็นเหยื่ออยู่ฝ่ายเดียวกัน

“มีเมียเด็กก็งี้แหละ โดนเนื้ออ่อนๆยั่วทั้งวัน ใครจะไปทนไหว”  แต่การโต้ตอบของกฤตเมธที่มาพร้อมริมฝีปากอุ่นที่ค่อยๆเคลื่อนลงสัมผัสแนบลำคอขาวขึ้นเรื่อยๆ ก็พาสดายุใจสั่นไม่น้อย คงเพราะตั้งแต่กฤตเมธถูกยิง ก็มีแต่เรื่องให้เครียด กิจกรรมเติมเต็มความรัก จึงค่อนข้างเหินห่าง

และด้วยความที่เริดร้างกันมาสักพักใหญ่ๆนี่แหละ พอจุดติดได้เท่านั้น ไฟสวาทก็พร้อมกระพือโหม

“โรคจิตจริงๆนะเนี่ย…หึหึ แต่เอาเถอะ อย่าไปหื่นใส่ใครนอกจากผมแล้วกัน” สดายุว่า ขบขันไม่น้อยกับคำตอบยียวนของกฤตเมธ แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร ทั้งยังช่วยแหงนคอเชิดเพื่ออำนวยความสะดวกแก่คนรัก ที่กำลังคึกคักอยู่กับเนินเนื้อหนุ่ม

“หึหึ…หึงเหรอ?” ได้ยินคำสั่งของคนรัก หนุ่มใหญ่ก็ยิ้มพราว สองมือที่สอดลึกเข้าไปใต้เสื้อเชิ๊ตเนื้อบาง เพิ่มแรงบดขยี้ผิวเนื้ออ่อนจนร้อนแทบลุกเป็นไฟ พร้อมฝังริมฝีปากระอุลงบนไหปลาร้านูนเด่นของสดายุ ทั้งยังกัดแทะด้วยความเพลิดเพลิน ขณะฟังคำตอบว่า “มาก” ของสดายุด้วยความปรีเปรม

และแม้ว่าการสัมผัสร่างกายซึ่งกันและกันจะรุนแรงขึ้นทุกขณะ การโต้ตอบระหว่างกฤตเมธและสาดยุก็ยังไม่ได้ขาดตอนลง ราวกับกำลังแข่งกันอยู่กลายๆ ว่าใครจะสามารถครองสติไว้ได้นานที่สุด

“สาบานเลย พี่จะมีแค่ยุคนเดียวตลอดไป” เพราะคำตอบที่ได้มันน่าชื่นใจ กฤตเมธจึงอดไม่ไหวที่จะมอบจุมพิตเบาๆให้สดายุเป็นของขวัญ พร้อมทั้งให้คำมั่นจากใจ ว่าจะไม่ยอมมีใครอื่นอีกเลย ไปทั้งชีวิตที่เหลือ

“ดีมาก…ฮื่อ…อย่าเพิ่งสิ เช็ดผมให้แห่งก่อนดีกว่าไหม? เดี๋ยวก็ได้เป็นหวัดหรอก” กำลังจะชื่นชมเสียหน่อยว่าน่ารัก แต่กฤตเมธดันไม่ปล่อยโอกาสให้สดายุได้ว่าง เผลอเพียงนิด ตาแก่ตัวร้ายก็ก้มลงดูดดุนหัวนมชูช่อของสดายุนอกเสื้อเสียอย่างนั้น ทำเอาร่างบางถึงกับกระตุกหวือ ความเสียดเสียวที่แล่นวาบ ทำให้สดายุต้องรีบยั้งคนหื่นให้สงบลงบ้าง

“ไม่เป็นไร เพราะเดี๋ยวก็เปียกเหงื่ออยู่ดี” และแน่นอนว่า มันไม่มีทางได้ผล

“…ตาเฒ่าลามกเอ้ย” ถึงปากจะบ่น แต่ก็ยอมให้คนรักขยี้ริมฝีปากร้ายๆจนพึงใจ เผลอร้องออกมาหน่อยเพราะตกใจที่จู่ๆก็โดนช้อนตัวอุ้มขึ้นในท่าเจ้าสาว เซอร์ไพรซ์กับกำลังฮึดของคนแก่ไม่น้อย เพราะถึงตอนนี้เขาจะผอมมาก แต่ก็ไม่ใช่จะเบาเหมือนผู้หญิง กระดูกวัยหนุ่มทั้งแน่นทั้งหนัก แต่ดูท่ากฤตเมธจะเอาอยู่

“เดี๋ยวก็ได้หลังเดาะ” สดายุกระเซ้าเบาๆ ขณะใช้แขนขาวคล้องคอหนาเอาไว้กันร่วง

“ไม่เดาะง่ายๆหรอก หลังพี่ใช้ดีถึงเช้า” กฤตเมธหันมายิ้มให้คนในวงแขน แล้วเดินเฉิบๆมุ่งตรงไปห้องนอน แบบสบายๆ ราวกับว่าตัวสดายุนั้นเบาเท่าหมอนขนนก

“หึหึ...ให้มันจริง”

“เดี๋ยวก็รู้”

 :n1:

*****************************************************
กราบขออภัยอย่างแรงกล้าหน้าด้านที่ไม่สามารถลงจนจบได้เจ้าค่ะ
#แถลงรักครึ่งตอนสุดท้าย มาReplyหน้าแน่นอนค่ะ
จึงขออนุญาตตั้งชื่อตอนนี้ว่า #ปฐมทัศน์
อันเป็นSubset ของตอน #แถลงรักไปก่อนก็แล้วกันนะเจ้าคะ
กราบ…

ใครรู้บ้าง 23 กันยายนนี้  น้องยุเราครบ 2 ขวบแล้วล๊า 555+
นิยายเรื่อง “ผมคือ...นางเอก” เขียนมาครบ 2 ปีแล้วน๊า
จากแรกเริ่มที่เป็นแค่เรื่องสั้น กะให้จบตั้งแต่อยู่มัลดีฟส์
กลายเป็นเรื่องยาว ที่ยาวที่สุดเท่าที่เคยเขียนมาซะได้
เผลอแป๊บเดียว 2 ปีกับ 55 ตอน เข้าไปแล้ว เย้ๆ
(ไม่ใช่แค่เพราะเรื่องมันยาว...แต่เพราะคนเขียนอู้อิบอ๋ายด้วย อิอิ) TT^TT
ถ้ามาทันล่ะก็เก๊าจะพยายามปั่น #แถลงรัก# ลงให้ทันภายในวันที่ 23 นะคะ
(แต่ติดเดินทางไปเชียงใหม่ 20-21ล่ะ เก๊าจะทำทันไหมเนี่ย TT^TT)

ใครคิดถึงพอร์ช+รุจน์ มาลงให้หายคิดถึงไปแล้วนะจ๊ะ
คู่นี้เขาบทน้อย ปั๊บปี้เลิฟเบาๆ มีต่อตอนหน้ากับตอนพิเศษเน่อ
**ใครอย่าว่าพอร์ชมันหื่นเลยนะ มันรักของมันมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย
แค่มันไม่จับรุจน์ปล้ำไปตั้งแต่ซ้อมบท ก็บุญหัวไอ้รุจน์แค่ไหนแล้ว
อิอิ #ทีมพอร์ช

ส่วนชิดจันทร์เคลียร์สนิทแล้วนะคะ ไม่มีบทในเนื้อเรื่องอีกต่อไปแล้วจ๊า
บ๊าย บาย ชิดจันทร์... Mission Completed

ปล.ขอบคุณที่ช่วยตั้งชื่อเรื่องใหม่น๊า เดี๋ยว Reply สุดท้าย  เรามาเจอกันว่ามีชื่อไหนเด็ดๆบ้าง

ปลล. รู้นะว่ารอฉากหื่น (จะให้เป็นบทขึ้นต้นของ Re หน้าเลยจ๊า)

ปลลล. แบ่งเป็น 2 รีไม่ได้เพราะตัวอักษรเกินเลยต้องมาเป็น 3รี... (เหลือของตอนหน้าอีก 2รี...ยาวไปไหนเนี่ย)

ขอบคุณที่ช่วยติดตามค่ะ
อนาคี # Thearboo


 :กอด1:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2015 23:44:03 โดย อนาคี99 »

ออฟไลน์ ppoi

  • When nothing goes right... GO LEFT.
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 720
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-12
 :z13: :z13: :z13: ไม่ได้จิ้มมานาน บังเอิญเปิดมาเจอ ขอจิ้มหน่อย 555

ละค่อยไปอ่าน  :katai5:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด