ผมคือ...นางเอก
ซีน 14 (เต็มเหนี่ยว)"เอ้าๆ เซ็ทฉากกันถึงไหนแล้วเด็กๆ"
"เกือบเสร็จแล้วครับ-ค่ะ"
"ไอ้เกือบน่ะมันจะเกือบอีกนานแค่ไหนวะ จะเก้าโมงแล้วนะเว้ย แล้วนี่พระนางยังไม่มากันอีกเหรอนัดสามโมงเช้านะ ไม่ใช่สามโมงเย็น โว้ย พ่อคุณพ่อขนุนหนัง พ่อมหาจำเริญ พ่อดาราดังๆนี่ต้องสายโด่งเป็นคอนเซ็ปประจำตัวเลยใช่มั้ยเนี่ย..."
เสียงบ่นอุตลุตของอ๊อดดังไปทั่วห้องสูทของของโรงแรมระดับสี่ดาวที่เช่าชั่วคราวเพื่อถ่ายทำฉากสำคัญ เซ็ทฉากพร้อม คอสตูมพร้อม กล้องพร้อม ผู้กำกับพร้อม แต่...นักแสดงดูท่าจะไม่พร้อม เพราะนัดเก้าโมงตรงถ่ายทำ แต่นี่ยังไม่เห็นเงาใครมา สดายุเหลวไหลน่ะปกติ แต่กฤตเมธนี่เหนือความคาดหมายเสียจริง
"มาแล้วครับ...ขอโทษที่ช่นะครับ"
หงุดหงิดได้ไม่ถึงห้านาที ในที่สุดเทพบุตรก็โผล่หน้ามาถึง คำขอโทษพาใจอ่อนยวบยาบ สุดท้ายผู้กำกับยอดชายก็ให้อภัยไม่ถือโกรธ (เพราะเดี๋ยวพ่อคุณจะเหวี่ยงวืดไม่ยอมแสดง แล้วมันจะไปกันใหญ่)
"สายไปแค่ห้านาทีเอง ไม่เป็นไรๆ พี่ไม่ถือ อย่าคิดมาก 555+ "
อ๊อดหัวเราะร่าโดยมีสายตาของทีมงานจ้องมาเป็นตาเดียวในความหมายว่า 'แม่-ง...ต-อแห-ล...'
"ขอบคุณครับพี่อ๊อด บังเอิญผมช้าเองแหละครับ เลยดึงยุเขาช้าไปด้วย"
(ว่าแล้วก็ชี้บุ้ยใบ้ไปทางคนที่เดินหน้ามึนตามหลังมาติดๆ)
อื๋อ...ยุ?
"ยุเขาก็รีบขนาดผมเผ้ายังไม่ยอมเซ็ตเลยครับเนี่ย..."
(ว่าแล้วก็จับผมชี้โด่ชี้เด่ของสดายุ ก่อนจะขยุ้มศีรษะเล็กเบาๆ จากนั้นสดายุก็เบี่ยงหัวหลบก่อนหันไปค้อนเล็กๆ แต่ก็ไม่ได้โวยวายอะไร...)
หืออออ??? จับผมกับลูบหัวกันด้วย!!
ภาพที่ทุกคนได้เห็นล้วนแต่ทำให้ตะลึงกันตาคาเติ่ง การหยอกล้อที่เกินกว่าที่เคยนี้มันคืออะไร? สามวันที่ผ่านมามันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมคู่อาฆาตฟ้าประทานที่แทบจะฆ่ากันตายทุกครั้งที่เข้าฉาก ถึงได้กลายเป็นเพื่อนรู้ใจที่หยอกเย้ากันได้อย่างสนิทสนมเช่นนี้กันนะ!?
"...เอ่อ...แหม ดูสนิทกันขึ้นนะเรา เออ ดีๆ งานเราจะได้ราบรื่น..."
"ครับ พวกผมตั้งใจอย่างนั้นอยู่แล้ว"
ทันทีที่อ๊อดเปรย กฤตเมธก็รีบตอบรับออกไปก่อนที่สดายุจะทันได้อ้าปากคัดค้าน เพราะจริงๆแล้วภาพที่ทุกคนเห็นนั้นไม่ได้เป็นอย่างที่ใครๆคิดเลยแม้แต่นิดเดียว
...เพราะความจริงแล้วเรื่องมันมีอยู่ว่า...
ย้อนกลับไปเมื่อวานตอนเที่ยง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
"ยุ? คุณเป็นอะไรหรือเปล่า? ยุ?"
เสียงกฤตเมธเคาะประตูไต่ถาม เมื่อเห็นว่าคนที่บอกว่าจะเข้าไปแค่ล้างหน้านั้นกบดานเงียบอยู่ในห้องน้ำนานจนเกินไป
กึ่ง กึ่ง กึ่ง!!
"ยุ? เฮ้! ถ้าไม่เปิดตอนนี้ผมจะพังประตูแล้วนะ!!"
แกร๊ก!
กำลังจะเคาะซ้ำ ประตูก็เปิดทะลึ่งออกมาจนแทบยั้งมือไม่ทัน และใบหน้าที่ออกมาพร้อมบานประตูนั้นก็หงิกงอตามคาด กฤตเมธได้แต่ยืนนิ่งให้อีกฝ่ายค้อนจนตาแทบคว่ำ อยู่อย่างนั้นครู่ใหญ่ๆ เห็นว่าออกจะนานเกินไปเลยต้องรีบตัดบท กลัวอีกฝ่ายจะตาถลนออกจากเบ้ามาเสียก่อน
"...ออกมาจนได้นะ นึกว่าจะต้องพังประตูเสียแล้ว..."
"เลิกยุ่งกับผมซะทีได้มั้ย!! ถ้าไม่วอแวด้วยสักสามนาทีนี่มันจะขาดใจตายเหรอ!!?"
เสียงตะคอกแผดลั่นเต็มสองรูหูพร้อมร่างแบบบางที่กระแทกโครมใหญ่ผ่านออกจากห้องน้ำ แสดงให้เห็นชัดเจนว่าไม่สบอารมณ์สุดๆที่ถูกกวนเวลาส่วนตัว (ในห้องน้ำ?) แต่แค่นี้มีหรือที่กฤตเมธจะสะทกสะท้าน (มากกว่านี้ก็โดนมาจนด้านชาไปหมดแล้ว)
"...ตายครับ"
"…!!"
"ถ้าไม่ได้ยุ่งกับคุณ แค่ครู่เดียวผมก็ตายได้แล้วครับ"
"..ฮึ่ย...คุณนี่มัน!! กวนประสาทจริงๆเลยนะ!!"
“ผมก็เคยบอกแล้วไง...ว่าผมขอโอกาสดูแลคุณ...”
“แล้วใครให้คุณ!?”
“...หึหึ...ก็คุณไง...”
“....!!!?”
“อย่าลืมสิ เมื่อเช้าคุณเป็นคนบอกผมเองไม่ใช่เหรอว่า จะยกตัวคุณให้ผมเพื่อทดแทนการพึ่งพาผมกลับสู่วงการ...”
“นั่นมัน...!”
“แล้วผมก็ตกปากรับคำ...ยอมรับตัวคุณมาดูแลเรียบร้อยแล้วครับ ห้ามขัด...”
“...เฮ้ย!...”
“แต่…ถ้าคุณจะกลืนน้ำลายตัวเองผมก็ไม่ว่าอะไรหนอกนะ...”
น้ำเสียงนุ่มทอดหวานกรุ้มกริ่ม จุดชนวนคุกรุ่นของคู่สนทนาได้ไม่น้อย
“เพราะไม่ว่ายังไง…ผมก็ไม่ยอมคืนให้เด็ดขาด”
*
*
*
*
*
จากนั้นไม่ว่าสดายุจะทำท่าทีแหนงหน่ายขนาดไหน สุดท้ายก็ถูกคนอายุมากกว่าจอมเจ้าเล่ห์ทั้งป้อทั้งต้อนเข้าไปอยู่ในมุมที่ไร้ทางขัดขืนจนได้
…ยาวจนถึงตอนนี้ ที่สดายุกลายเป็นลูกไก่ถูกต้อนเข้าสุ่มไปโดยปริยาย…
“เอ้าๆ พระนาย แต่งองค์ทรงเครื่องเสร็จกันหรือยัง?”
"...จะให้แต่งอะไรวะพี่...แก้โล่งซะขนาดนี้"
สดายุบ่นอุบ เมื่อได้ยินคำถามชวนสงสัยของผู้กำกับอารมณ์ดี (แต่ไม่อยู่กับร่องกับรอยสักเท่าไหร่) สภาพของเขากับกฤตเมธตอนนี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ด้วยว่าพระเอกหนุ่มยังยังคงสวมเสื้อผ้าหล่อเหลาเต็มยศ แต่เขานี่สิเหลือเพียงผ้าขนหนูผืนน้อยปิดกายอย่างน่าสงสาร วันนี้เขากับกฤตเมธต้องเข้าฉากสะเทือนใจอีกครั้ง ทั้งที่ยังไม่ได้ทำใจเท่าไหร่นัก สามวันที่ผ่านมาชายหนุ่มเจอเรื่องสาหัสกับหัวใจมามากเกินไป จนกระทั่งตอนนี้ยังไม่แน่ใจเลยว่าจะสามารถทำสติอารมณ์เข้ากับบทบาทของภุมราได้สักกี่มากน้อย
เวลาล่วงเรื่อยจนเกือบจะสิบโมง ในที่สุดทุกอย่างก็พร้อมสรรพ ฉากบันเทิงใจอีกฉากกำลังจะได้เริ่มถ่ายทำในไม่ช้า หนึ่งใบหน้านิ่งงันเพราะกำลังมีสมาธิกับการแสดงอย่างเต็มที่ อีกหนึ่งก็กำลังจะสมาธิแตกเพราะยังไม่ทันจะได้ทำใจ
"เอ้า..ประจำที่กันได้เลยหนุ่มๆ"
หลังซักซ้อมคิวกันอยู่ครู่ใหญ่ ในที่สุดก็พรักพร้อม ผู้กำกับอ๊อดจึงเริ่มให้สัญญาณในการเริ่มถ่ายคิวแรก สดายุที่ถูกพรมน้ำจนฉ่ำพราวยืนรออยู่หลังบานประตูห้องน้ำบานสวย ส่วนกฤตเมธก็แสตนด์บายยืนกอดอกรออยู่ตรงกรอบประตู รอเวลาเริ่มต้นอย่างใจจดจ่อ
"แอ็คคคคคคค....ชั่น!!"
“อ๊ะ! เฮ้ย! นี่! ทำอะไรน่ะ นคินทร์!!??”
“โอ้ย! ปล่อยนะ!”
สิ้นเสียงเริ่มการถ่ายทำสดายุในคราบของภุมราก็เปิดประตูออกมาด้วยท่าทางเร่งรีบตามบทบาท และทันทีที่ออกมาก็ถูกมือแกร่งของกฤตเมธฉุดลากถูลู่ถูกังไปที่เตียง สดายุดิ้นรนอยู่ในอ้อมแขนนั้นอย่างพะว้าพะวัง เพราะถึงจะมั่นใจว่านุ่งไว้อย่างแน่นหนาแล้ว แต่ถ้ามันจะเกิดหลุดขึ้นมา คงไม่น่าโสภาสักเท่าไหร่
‘ผลั่ก...ตุบ’
โชคดีที่สุดท้ายก็ถูกย้ายร่างมาที่เตียงได้อย่างปลอดภัยไม่โป๊ แต่หลังจากคลายกังวลจากผ้าขนหนูผืนจ้อย ก็ต้องมาหัวใจกระตุกไหวกับสภาพที่ถูกคร่อมกายอยู่อย่างหมิ่นเหม่
‘ทนไว้ไอ้ยุ ท่องไว้นี่คือการแสดง นี่คือการแสดง...’
สดายุพยายามกัดฟันอยู่ในบทให้ได้สมบูรณ์ที่สุด สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปในบทนั้นค่อนข้างน่าหวั่นใจ แต่สิ่งที่น่าพรั่นพรึงกว่าคือร่างกายกับจิตใต้สำนึกบางเสี้ยวของเขากำลังผนึกบทละครกับเรื่องจริงที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานซืนเข้าด้วยกันอย่างสุดห้ามเสียแล้ว...
“แกจะไปไหน ภุมรา?”
“จะ...จะไปไหน...มันก็เรื่องของฉัน ไม่เกี่ยวกับนายสักหน่อย”
การต่อบทยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง สดายุทึ่งในตัวเองเล็กๆที่ยังสามารถรักษาสติอารมณ์ให้คงอยู่ในบทของตนไว้ได้อย่างแน่วแน่ แม้มันใกล้จะล่มเต็มทีแล้วก็เถอะ
“จะไปรับผู้ชายมา “กก” งั้นเหรอ”
“!!?? หยุดหยาบคายใส่ฉันสักทีได้มั้ย? นคินทร์!!”
สดายุในคราบของภุมรายกตัวขึ้นใช้มือบางผลักร่างตรงหน้า สองมือนั้นสั่นไหวจนแม้แต่กฤตเมธเองก็ยังรู้สึกได้ว่าสดายุกำลังเกิดอาการแปลกๆ แต่ก็แค่เพียงครู่เดียวที่รู้สึก เพราะเมื่อต่อบทถึงไดอะล็อคต่อไป สดายุก็กลับมาเป็นปกติ ไม่ว่าจะเป็นการส่งอารมณ์ หรือสายตาที่มาดหมายว่าเป็นภุมรา ไม่ใช่สดายุ
“ไม่ไปได้มั้ย?”
เมื่อโล่งใจว่าคู่แสดงยังคงความปกติ กฤตเมธก็ยังคงต่อบทตามคิว อีกเพียงแค่นิดเดียวก็จะจบเทคแรกแล้ว หวังใจให้สดายุยังคงอยู่ในบทได้ และหวังยิ่งกว่าให้เขาเอง ก็ยังอยู่ในบทด้วยเช่นกัน
“อะไร...นะ?....!!?”
‘มาแล้ว!!!’
เพราะรู้ดีว่าสิ่งที่ตัวเองหวาดหวั่นกำลังจะเริ่มต้นขึ้น ก่อที่กฤตเมธจะโถมร่างเข้าหาเจ้าตัวก็ชิงหลับตาปี๋ไปเสียก่อน โชคยังดีที่ถูกบังมุมกล้องพอดีเลยไม่ถูกสั่งคัทตั้งแต่เริ่ม (เพราะถ้าให้ถ่ายใหม่ ท่าทางอารมณ์จะไปไม่ไหวแล้ว)
และแล้วริมฝีปากอุ่นชื้นก็ประกบลงมาอย่างแผ่วเบา...ทว่าก็เพียงแค่ครู่รกที่ได้สัมผัสกันเท่านั้น
“อื้อ!!??”
ริมฝีปากหนาบดเบียดอย่างเร่าร้อน ทั้งเรียวลิ้นที่คว้านกระหวัดเข้าหากันดูดดื่ม ซึ่งกำลังจะทำให้บท ไม่ใช่บทอีกต่อไป
“อ๊า~”
เสียงหวานครางหวิว เมื่อโดนเลียชิมในโพรงปากอย่างเร่าร้อนและคุกคาม หากแต่ยิ่งถูกรุกราน ทั้งเรี่ยวแรงและสติสัมปชัญญะเริ่มหดหาย บทบาทที่สวมอยู่กำลังจะเปลี่ยนจากบทละครตามคำประพันธ์ เป็นบทละครชีวิตที่ทั้งคู่เคยสร้างมาด้วยกัน
“นคินทร์...ฉะ...ฉันต้อง...รีบไป...อ๊ะ!!...ดะ เดี๋ยว...อื้ม!!”
‘อย่า...อย่านะ...’
สดายุร้องห้ามไปตามบทเมื่อถูกกฤตเมธซุกไซ้ซอกคอขาว จิตใจของชายหนุ่มเริ่มพรั่นพรึงกับริมฝีปากหนาที่กำลังขบแทะดูดดุนอยู่บนผิวกายเปลือยเปล่า ร่างสดายุสะท้านเฮือกมือไม้เริ่มสั่นระริก ทุกครั้งที่ริมฝีปากร้อนผ่าวของร่างหนาประทับบนร่าง ความทรงจำที่ไม่ค่อยจะดีนักตีรวนสวนสติขึ้นมาอย่างสุดจะห้ามไหว
เรื่องคืนนั้นที่ถูกทำร้าย...
เรื่องคืนนั้นที่ถูกย่ำยี...
เรื่องคืนนั้น...
“อย่า!!!!!”
และเสี้ยวความอดทนก็มาถึงขีดจำกัด เมื่อยอดอกอ่อนไหวถูกจู่โจม สติยั้งคิดก็ขาดสะบั้นลง สองมือไร้เรี่ยวแรงพยายามผลักไส อย่างเอาเป็นเอาตาย ปากร้องตะโกนห้ามการกระทำเลวร้ายลั่นไปทั้งกองถ่ายอย่างไม่อายใครหน้าไหน ทั้งร่างของสดายุเกร็งขืน ผละจากการรุกรานที่แสนเลือดเย็นของกฤตเมธอย่างสุดความสามารถ แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้ออกแรงยึดจับ แต่สดายุก็พยายามเกร็งกายกระถดร่างให้พ้นการเกาะกุมเท่าที่จะเป็นไปได้ ปากยังคงร้องห้าม แม้ร่างจะขดเข้าหากันจนเป็นก้อนได้แล้วก็ตาม
"เฮ้ย! ไอ้ยุ? เฮ้ย..เป็นอะไรไปน่ะ!!?"
สภาพของสดายุที่จู่ๆก็เกิดอาการคล้ายหวาดผวาทำเอาทั้งอ๊อดและทีมงานคนอื่นๆพากันตื่นตระหนกตามกันไปหมด เพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับนางเอกของเรื่องกันแน่ ถึงได้ทำให้เกิดอาการกลัวเกร็งแบบนี้ขึ้น
"....ข...ขอโทษ...ครับ..."
แต่ก่อนที่ใครจะเข้าถึงตัว ดูเหมือนสดายุจะรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังทำตัวแปลกประหลาด ชายหนุ่มพยายามจะเอ่ยขอโทษ และกำลังพยายามหาคำแก้ตัวที่ดูสมน้ำสมเนื้อ
หมับ…!!
"ขอโทษนะครับพี่อ๊อด ผมขออยู่กับสดายุแค่สองคนหน่อยได้หรือเปล่าครับ เราต้องจูนบทกันนิดหน่อยน่ะครับ!"
ทว่ายังไม่ทันที่สดายุจะได้พูดอะไรมากกว่านั้น ทั้งร่างก็ถูกคลุมเอาไว้ด้วยผ้าคลุมผืนหนา และในระหว่างที่ยังคงมึนงงก็ได้ยินเสียงคนข้างกายเอ่ยขออยู่ตามลำพังกับผู้กำกับ อยากคัดค้านก็ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจะต้านทาน เพราะหัวใจยังคงกระหน่ำเต้นอย่างไม่ไว้หน้าเจ้าของ
เพียงครู่ ทั้งห้องก็เงียบกริบ ทุกคนคงยอมออกจากห้องไปเพื่อให้สดายุและกฤตเมธได้ทำอารมณ์ ได้คุย ได้หารือกันอีกครั้ง หลังจากที่คนเป็นนางเอกของเรื่องอารมณ์กระเจิดกนะเจิงไปแล้วหนึ่งรอบ ความเงียบทำให้สดายุลอบถอนใจเล็กน้อย ก่อนจะต้องสะดุ้งอีกครั้ง เมื่อถูกช้อนร่างขึ้นไปกกกอด
"เฮ้ย!?"
"ขอโทษ!"
"......!!?"
"ขอโทษนะ...ผมขอโทษ...ผมขอโทษ..."
".................."
"ผมขอโทษ...เพราะผมคุณถึงเป็นแบบนี้...สดายุ..."
"คุณ...กฤตเมธ...?"
"ผมขอโทษ...ขอโทษจริงๆ...ขอโทษ..."
เสียงสั่นพร่า กล่าวคำขอโทษซ้ำๆ ให้กับคนที่อยู่ในอ้อมกอด กฤตเมธรู้แจ้งแก่ใจดีว่าอาการตื่นตระหนกของสดายุที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นั้นมันเกิดมาจากอะไร และรู้ดีที่สุดว่าไอ้ชั่วคนไหนเป็นต้นเหตุ พระเอกหนุ่มกัดฟันกลั้นก้อนสะอื้นแห่งความสำนึกผิด พร่ำแต่โทษตัวเองว่าไม่ควรวู่วามจนขาดสติ ไม่ควรทำตัวเป็นเด็กวัยรุ่นจนไม่ยอมคิดหน้าคิดหลัง ไม่น่าเผลอทำร้ายสดายุไปแบบนั้น ไม่น่าทำในสิ่งที่เรียกคืนกลับมาไม่ได้จนต้องรู้สึกเจ็บปวดอยู่แบบนี้เลย
ฝ่ายสดายุที่ได้แต่ตัวแข็งทื่ออยู่ในอ้อมแขนของกฤตเมธนั้น ในตอนแรกก็อยากจะผลักใสออกไปเสียให้พ้อน แต่พอได้ยินคำพร่ำขอโทษแสนเว้าวอนไม่หยุดหย่อนเข้าไป มือไม้เจ้ากรรมที่พยายามขัดขืนในตอนแรกก็พาลอ่อนเปลี้ยไปหมดยิ่งเสียงนั้นสั่นเครือออดอ้อน หัวใจที่แตกตื่นอยู่เมื่อครู่นั้นก็เหมือนจะเปลี่ยนไปเป็นโอนอ่อน...
โอนอ่อนเพราะ...อ้อมกอดนั้นกระชับแน่น อ้อมกอดนั้นสั่นไหว อ้อมกอดนั้นอ่อนโยน และเป็นอ้อมกอดของคนที่รู้สึกผิดเต็มล้นในหัวใจ...อ้อมกอดของกฤตเมธ
'...อุ่น...'
เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง คำขอโทษก็เงียบหายไปบนไหล่เล็กของสดายุ แต่อ้อมกอดนั้นยังคงกอดรัดร่างแบบบางของนางเอกหนุ่มอยู่อย่างนั้น ไร้สรรพเสียงใด นอกจากเสียงของลมหายใจของคนทั้งคู่ แต่จู่ๆสิ่งที่ทำหัวใจของกฤตเมธให้สูบฉีดมากกว่าปรกติก็เกิดขึ้น เมื่อสองมือเรียวขาวของสดายุนั้นค่อยๆเลื่อนขึ้นมาโอบแผ่นหลังกว้างของเขาไว้ราวกับการกอด แถมศีรษะเล็กนั้นยังเอนซบตรงซอกคอแกร่งราวกับลืมตัวอีก การตอบรับแบบนี้ถือได้ว่าเป็นยิ่งกว่าซุปเปอร์เซอร์ไพรซ์ของกฤตเมธเลยก็ว่าได้
"...สดายุ...?"
"...ไอ้คนแก่โรคจิต..."
คำพูด(ด่า)เดียวเปลี่ยนบรรยากาศหวานเลี่ยน เป็นหวานล่มทันที แต่แค่นี้กฤตเมธก็ยินดีเหลือเกินแล้ว เพราะอย่างน้อยมันก็ดีกว่าที่ผ่านมา อย่าว่าแต่ดีกว่าหลังสัมพันธ์คืนนั้นเลย แบบนี้เรียกได้ว่าดีกว่าตั้งแต่แรกเจอหน้าเลยด้วยซ้ำ
'เพราะแม้จะเป็นคำด่าทอ...แต่น้ำเสียงนั้นกลับหวานล้ำ...'
"ปล่อยได้แล้ว! จะกอดให้เปื่อยเลยมั้ย?"
'...สดายุคนเดิมกลับมาแล้ว...'
เมื่อได้ยินเสียงขู่แฟ่ดๆเป็นลูกแมวว่าให้ปล่อยมือ กฤตเมธก็อมยิ้มเล็กๆพร้อมคลายวงแขนออกจากคนถือตัวแต่โดยดี แม้จะอดแอบคิดในใจไม่ได้ว่า 'เสียดายจัง' หรือ 'ไวจังเลย...' แต่ก็พอจะคลายความกังวลลงได้นิดหน่อย แม้ว่าความรู้สึกผิดภายในใจจะไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่นิดเลยก็ตาม
เพราะไม่ว่ายังไง การทำให้คนที่ตัวเองมีใจให้ต้องเจ็บช้ำไม่ว่าทางไหน แบบใด ผลก็คือทำให้ใจของตัวเองเจ็บช้ำไม่ต่างกัน
"ไปตามพวกพี่อ๊อดกลับมาซะทีเหอะคุณ ไม่รู้จะให้พวกพี่เขาออกไปทำอะไร เฮ้อ..."
หลังถูกปล่อยตัวเป็นอิสระ และสามารถจูนตัวเองกลับสู่สภาวะปกติได้แล้ว สดายุก็กลับมาเป็นคนแข็งกร้าวอย่างเดิมได้อย่างแนบเนียน มีเพียงริ้วสีแดงจางๆบนใบหน้าเท่านั้นที่พอทำให้รู้ว่า ความขวยเขินแสนหวานยังคงส่งผลเล็กๆ ให้จิตใจอ่อนไหวของเจ้าตัวแสบอยู่
"เฮ้ยนี่คุณ? จะออกไปตามคนอื่นเขาสภาพนั้นน่ะเหรอ?"
เมื่อเห็นว่าสดายุทำท่าว่าจะเดินโทงๆออกไปนอกห้อง ก็รีบร้องห้าม แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่สะทกสะท้านเท่าไหร่นัก
"แล้วไง? ยังนุ่งผ้าอยู่นี่ ไม่ได้โป๊เสียหน่อย"
'เถียงอีกแหน่ะ...เจ้าเด็กดื้อ...'
"ตามใจนะ ถ้าชอบเดินโชว์เปลือยผิวสวยๆ หน้าท้องขาวๆ ยั่วน้ำลายขนาดนั้นออกไปก็ตามใจคุณก็แล้วกันนะ"
เห็นว่าดื้อดึงนัก ก็เลยแกล้งเย้าเสียหน่อย และดูเหมือนจะได้ผล เพราะอย่างน้อยสดายุก็ยอมหันกลับมาคว้าเสื้อคลุมแม้ตาจะเริ่มเขียวๆขวางๆ
แกร๊กกก!!
"เฮ้ย! สดายุ ระวัง!!"
"....!!!??"
โครมมมมม!!! กึ่งงงง!! เคร้งงงงงง!!!!
จังหวะกระชากเสื้อคลุมของสดายุ ดูท่าจะแรงไปหน่อย เพราะเหวี่ยงไปโดนขาค้ำเสากล้องเก็บรายละเอียดมุมสูงจนเสียสมดุล และในจังหวะนั้นเองโครงค้ำเสากล้องที่ตั้งไว้เผินๆก็เอียงล้มลงใส่สดายุที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวเข้าพอดี
"...โอยยย..."
สองเสียงครางฮือด้วยความเจ็บแปลบ ที่ต้องลงไปนอนไถลบนพื้นใต้เสาโครงค้ำกล้องต้นไม่เล็กนัก สดายุเจ็บยอกจนต้องร้องโอดโอย แต่เพียงครู่ก็เริ่มรู้สึกได้ว่าตัวเองไม่ได้เจ็บจากการโดนโครงเหล็กทับร่างเท่าที่ควร
"......เฮ้ย!!!??"
พอลืมตาได้สดายุก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อได้เห็นว่ามีอีกคนที่ค่อมอยู่เหนือร่าง และคนคนนั้นก็เป็นคนรับโครงเหล็กดุ้นแทนเขาทั้งตัว
"...เป็นยังไงบ้างสดายุ!? บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า!"
พอเริ่มจะหายมึน กฤตเมธก็รีบถามไถ่ถึงอาการของคนใต้ร่างที่ยังคงนอนเบิกตาโพลงด้วยความตกใจทันที
แหมะ...
แปะ แปะ แปะ แปะ
ทว่ายังไม่ทันที่จะได้คำตอบใดๆจากปากของสดายุ ความเจ็บจี๊ดก็แล่นปราดขึ้นจากท้ายทอย เล่นเอากฤตเมธถึงกับต้องซีดปาก และจากนั้นหูของเขาก็แทบดับ กับเสียงตะโกนร้อยแปดสิบเดซิเบลของสดายุ"คุณกฤตเมธ!!! เลือดดดดด!!!!!!!!??"***********************************************************************
มาเต็มแล้วจร๊า...
ต่อจากนี้ไปจะเป็นยังไงนะ...
ฉากนี้สมควรเรียกว่า “ฉากเรียกเลือด” ที่แท้จริง
เพราะเลือดสาด เลือดอาบกันเลยทีเดียว อิอิ
ขอโทษที่หายหัวไปหลายวันนะคะ
เก๊าไม่ฉะเบย...
จุ๊บๆๆๆ
Thearboo / อนาคี99
ปล. เพราะดูท่าเรื่องจะยาวกว่าเรื่องสั้นไปหน่อย เลยขออนุญาตเอาคำว่าเรื่องสั้นออกค่ะ
รู้สึกผิดจริงจัง ที่ไม่สามารถทำให้มันสั้นสมใจได้ เพราะดูท่าจะถึง 20 ตอนแน่นอนค่ะ
(กระซิก กระซิก)