(เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอกดารา คืออาชีพนักแสดงที่สามารถมอบความบันเทิงแด่ผู้คน
นักแสดง ต้องแสดงให้ได้ทุกบท
บท ไม่ว่าจะถูกใจหรือไม่ ก็ต้องแสดงออกมาให้สมจริงให้ได้
เพื่อเกียรติยศในอาชีพ
เพื่อชื่อเสียงเงินทอง“อะไรนะเจ๊บลูม่า จะให้ผมรับเล่นหนังเรื่องนี้จริงๆเหรอ บ้าไปแล้วเหรอเจ๊!!?”เสียงทุ้มแหบ เอ่ยลั่นไปทั่วห้องของตนเอง ณ คอนโดห้องน้อยของตน
‘สดายุ’ ดาราหนุ่มวัยยี่สิบตอนปลาย ผู้ว่างเว้นจากงานแสดงมาพักใหญ่ๆ รับแต่งานอีเว้นท์โฆษณาเป็นพักๆเท่านั้น จำนวนงานแปรผกผันโดยสิ้นเชิงกับอายุ ยิ่งอายุเพิ่มขึ้นมากเท่าไหร่ งานก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้น สดายุรู้ตัวดีว่าเขาแก่เกินจะไปเทียบพวกพระเอกใหม่วัยรุ่นหน้าใหม่ไฟแรงที่ผุดขึ้นราวกับดอกเห็ด ในปัจจุบันนี้ ‘พระเอก’ ก็เหมือนปลาในตลาดสด ยิ่งสด คนก็ยิ่งอยากบริโภค แถมยิ่งมีสดๆให้เลือกสรรเยอะแค่ไหน ปลาเริ่มบูดอย่างเขาก็ยิ่งหมดค่าลงไปเท่านั้น นี่แหละคือวัฏสังสารของ ‘วงการมายา’
“โถ น้องยุคะ นี่เป็นโอกาสดีที่น้องจะได้กลับไปโลดแล่นในแถวหน้าเหมือนเดิมนะ บทของหนังเรื่องนี้ก็ดีจะตาย ผู้กำกับเขาก็มีชื่อเสียง การันตีได้เลยว่าเรื่องนี้จะต้องดังเปรี้ยงปร้างแน่ๆ”
เสียงติดไปทางดัดจริตเล็กๆของบลูม่ากะเทยสาววัยดึกซึ่งกำลังจีบปากจีบคอ โอ้โลมพระเอกในสังกัดเบอร์หนึ่งของตัวเองให้รับเล่นภาพยนตร์เรื่องหนึ่งอยู่
“แต่ว่าเจ๊...หนังเรื่องนี้มัน...”
“น้องยุคะ น้องอยากตกต่ำลงเรื่อยๆอย่างนี้ต่อไปหรือไง? นี่เจ๊เสนอทางเลือกที่ดีที่สุดให้น้องแล้วนะคะ เชื่อเจ๊สิยุ”
คำว่า ‘ตกต่ำ’ กระแทกใจอย่างจัง เขาเคยเป็นถึงพระเอกที่ขายดีที่สุดของบริษัท เคยเล่นละครควบกันตั้งหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ โฆษณา หรืองานพรีเซ็นเตอร์ เขาไม่เคยพลาดที่จะได้เป็น แบรนด์แอมบัสเดอร์ ของผลิตภัณฑ์ชื่อดัง แต่นั่นมันก็เป็นเรื่องเมื่อสามปีมาแล้ว พอเข้าปีที่สี่ ความดังพลุแตกของเขาก็เริ่มมอดราวไฟราเชื้อ พอมีพระเอกหน้าใหม่มากหน้าหลายตาเข้ามาคุณค่าของเขาก็เริ่มถดถอยลงไป โดยเฉพาะปีหลังๆที่เริ่มมีข่าวคาวข่าวซุบซิบกับสาวคนโน้นที คนนั้นที แถมยังมีการปล่อยคลิป ปล่อยภาพไม่บังควรออกไปทางโซเชียลเน็ตเวิร์คจนเป็นข่าวอีก ยิ่งทำให้เขาเสื่อมคุณค่าลงเรื่อยๆ แม้ไม่อยากจะยอมรับ แต่สุดท้ายก็ต้องจนใจเพราะทั้งหลายทั้งสิ้น ล้วนมาจากตัวเขาเอง ที่หลงมัวเมาในแสงสีและภาพมายาแห่งวงการบันเทิง ทำให้เขาหลงระเริงไปว่าสิ่งที่อยู่ในกำมือนั้นมันจะคงทนถาวร หน้าตาดี ความสามารถสูงเสียอย่าง งานย่อมไหลมาเป็นน้ำป่าอยู่แล้ว งานมา เงินมี เหล้า ยา นารีไม่เคยขาดมือ แม้จะหยิ่งยะโส โอหังอวดดีแค่ไหน ก็มีแต่คนง้องอน
แต่แล้ววันหนึ่ง เวลาแห่งความสำราญก็จบลง เมื่อเสเพลจนเข้าขั้นเหลวแหลก งานการที่เคยมีเข้าไม่ขาดนั้นก็เริ่มกระท่อนกระแท่น งานละครไม่มี งานโฆษณาไม่มา จนในที่สุด เขาก็กลายเป็น ‘พระเอกตกกระป๋อง’
และนี่อาจเป็นโอกาสสุดท้ายของเขาแล้ว...
“แสดงคู่กับใครครับเจ๊?”
น้ำเสียงแหบเสน่ห์ถามออกไปอย่างปลงตก ถึงตอนนี้เขาไม่มีสิทธิ์เลือกอีกแล้ว ผู้ให้สวยหรูก็คงพูดได้ว่า ‘ด้วยสปิริตในอาชีพนักแสดงแล้ว ไม่ว่าบทแบบไหนก็ต้องเล่นให้ได้’ แต่ถ้าพูดแบบดาษๆ ก็คง ‘ไม่ทำก็ไม่มีอะไรกิน!!’
“คุณ ‘กฤตเมธ’ จ๊ะ”
“กฤตเมธ!? ไอ้เมธนั่น!? มันรับเล่นเรื่องนี้ด้วยเหรอ? ระดับมันเนี่ยนะเจ๊?”
สดายุร้องเหวอจนเสียงหลง เมื่อได้ยินว่านักแสดงที่จะต้องเล่นคู่กันคือใคร ‘กฤตเมธ’ ดาราหนุ่มใหญ่วัยสามสิบสองปี พระเอกหนุ่มผู้ได้ฉายาว่า ‘เทพบุตรแห่งวงการ’ นอกจากจะเป็นพระเอกเนื้อทองที่งานไม่เคยขาดแล้ว ยังถือเป็นบุคคลคุณภาพที่ยิ่งอายุมากขึ้นงานยิ่งมากขึ้นตามไปด้วย ช่วงหลังถึงเจ้าตัวจะไม่ค่อย รับงานแสดงเท่าไหร่ เพราะผันตัวไปอยู่เบื้องหลัง และทำธุรกิจส่วนตัว แต่ความเป็นพระเอกที่ไม่ว่าผู้จัดค่ายไหนก็ต้องการ กฤตเมธจึงสามารถเข้าออกวงการได้เรื่อยๆโดยไม่มีใครไม่ยอมรับ
“หึหึ...งานใหม่หลังจากหายหน้าจากวงการไปนานของนายสดายุ คือหนังเกย์ แถมยังได้ประกบคู่กับพระเอกระดับเทพบุตรแห่งวงการ คุณกฤตเมธ... หึหึ คราวนี้เก้งกวางคงเล็งล่อตูดผมกันเป็นโขยงแน่ๆ”
สดายุประชดประชันออกไปเล็กน้อย แค่พอระบายความอัดอั้น เพราะไม่ว่าจะต้องการหรือไม่ เขาก็เลี่ยงไปไหนไม่ได้อีกแล้ว
“แหม น้องยุคะ อย่าพูดอย่างนั้นสิ เอาเป็นว่า เจ๊ถือว่ายุตกลงแล้วนะคะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เจ๊มารับไปฟิตติ้ง แล้วนี่ค่ะบท คืนนี้อ่านซะให้จบนะคะคุณน้อง”
“โอเคครับเจ๊ ขอบคุณนะครับที่อุตส่าห์หางานให้ผม ขอบคุณนะครับที่เจ๊ไม่ทิ้งผม”
สดายุยอมรับในที่สุด ชายหนุ่มเอื้อมมือไปรับบทมาแต่โดยดี และกล่าวขอบคุณบลูม่าผู้จัดการส่วนตัวของเขาออกไปจากใจ ขอบคุณที่ทั้งที่เขาเป็นพระเอกที่ขายไม่ได้แล้ว แต่บลูม่ายังคงพยายามหางานให้ ไม่เคยทอดทิ้งกันให้ต้องหัวเดียวกระเทียมลีบ ความตกต่ำสอนให้เขาเป็นผู้เป็นคนขึ้นเยอะ
“เราสู้มาด้วยกันตั้งเยอะนะคะน้องยุ เจ๊ไม่มีทางทิ้งน้องไปแน่นอนค่ะ”
บลูม่าหันมายิ้มกว้างให้สดายุ แม้ดาราหนุ่มคนนี้จะเคยสร้างเรื่องสร้างราวให้หล่อนตามแก้ไม่ได้หยุดหย่อน จนกระทั่งสุดท้ายตัวชายหนุ่มเองก็ตกต่ำ หมดราคาพระเอกดาวรุ่งในที่สุด แต่ถึงอย่างไร สดายุก็คือคนที่บลูม่าอุตส่าห์ปั้นมากับมือ พระเอกในสังกัดรุ่นแรกที่ทำให้บลูม่าลืมตาอ้าปากได้ เหน็ดเหนื่อยมาด้วยกันเยอะจนไม่สามารถปล่อยมือได้ บลูม่ารักสดายุไม่ต่างจากน้องชาย ดังนั้นหล่อนไม่มีทางทิ้งชายหนุ่มลงเด็ดขาด
“เฮ้ย...มีฉากเลิฟซีนเยอะจังว๊ะ นี่หนังโรงหรือหนังโป๊วะเนี่ย! อึ๋ย ฉากข่มขืนก็มี แม่งใครเขียนบทว๊ะ!!?”
สดายุอ่านบทไปบ่นไปเป็นหมีกินผึ้ง ภาพยนตร์ที่เขากำลังจะได้เล่นคือเรื่อง ‘สุดปลายทางของ...หัวใจ’ ในเรื่องเขาต้องเล่นเป็น ‘ภุมรา’ นายแบบผู้ป่วยเป็นเนื้องอกในสมอง แถมยังตามรักพระเอกที่ชื่อ ‘นคินทร์’ อยู่ข้างเดียว ถูกด่าถูกทำร้ายสารพัดก็ยังไม่ยอมตัดใจ ขนาดถูกข่มขืนอย่างทารุณจากคนที่ตัวเองชอบก็ยังจะรักอยู่นั่น ในสายตาของสดายุแล้ว ตัวละครที่ชื่อว่า ‘ภุมรา’ นั้นโง่มาก ถ้าเป็นตัวเขา เขาจะไม่มีวันทุ่มเทบ้าบอขนาดนั้นให้ผู้ชายที่ไม่รักตัวเองเด็ดขาด ยิ่งคิด พระเอกหนุ่มยิ่งท้อ เพราะขนาดอ่านบทเขายังทำอารมณ์อินไปกับตัวละครไม่ได้ แล้วเขาจะเล่นเรื่องนี้ได้อย่างไรกัน
ถึงจะบ่น ถึงจะไม่ถูกใจ แต่สุดท้ายสดายุก็ต้องตั้งสมาธิแล้วคล้อยตามลทละครนี้ไปให้ได้ เพราะนี่คือก้าวสำคัญที่อาจจะทำให้เขาสามารถหวนกลับคืนสู่วงการได้อีกครั้ง ดังนั้นเขาจะพลาดไม่ได้เด็ดขาด
*
*
*
*
*
“น้องยุ ทางนี้ค่ะ เร็วเข้า”
เสียงบลูม่าตะโกนเรียกมาแต่ไกล ทำเอาสดายุต้องวิ่งตามเสียงไปจนหอบ วันนี้เป็นวันฟิตติ้ง ซึ่งจากเวลานัดเดิมนัดกันไว้ที่บ่ายโมง แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ๆบลูม่าก็โทรมาเรียกตัวเขาตั้งแต่เก้าโมงเช้า บอกว่ามีการเปลี่ยนเวลากะทันหัน นี่ถ้าเป็นเมื่อก่อนสมัยที่เขายังขึ้นหม้ออยู่คงโดนเหวี่ยงกันทั้งทีมงานไปแล้ว แต่ตอนนี้ที่ชายหนุ่มทำได้คงมีเพียงการวิ่งมาให้ทันตามเวลานัดเท่านั้น
“ทำไมถึงเปลี่ยนเวลากะทันหันนักล่ะครับเจ๊? ไม่ให้ตั้งตัวเลยเนี่ย?”
สดายุถามขึ้นทันที ที่เดินมาถึงตัวบลูม่า ฝ่ายผู้จัดการสาวข้ามเพศก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะอธิบายออกมาอย่างเหนื่อยใจ
“ก็คุณกฤตเมธน่ะสิคะ เธอติดธุระด่วนตอนบ่ายเลยขอนัดมาแคสตอนเช้าเลย เจ๊เองก็เพิ่งรู้ตอนโทรหาน้องยุน่ะแหละค่ะ”
“...แค่หมอนั่นคนเดียว ต้องเปลี่ยนเวลากันหมดทั้งกองเนี่ยนะ มันจะมากไปแล้ว”
พระเอกหนุ่มกระแทกเสียงออกไปแบบไม่พอใจนัก ทางบลูม่าเองก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือกๆ
“เอาเถอะค่ะน้องยุ จะโกรธจะเดือดยังไงเราก็ทำอะไรเขาไม่ได้หรอกค่ะ เรามันคนล่ะระดับกัน แถมคุณกฤตเมธเขาก็อายุมากกว่าน้องยุตั้งหลายปีนะคะ ยังไงซะตอนอยู่ต่อหน้าคนอื่นในกองถ่าย น้องยุต้องนอบน้อมกับคุณกฤตเมธเขาด้วยนะ อย่าไปหือด้วยเชียว เธอไม่พอใจขึ้นมาเดี๋ยวงานจะเข้ากันทั้งพี่ทั้งน้อง”
“...ครับเจ๊ ผมเข้าใจ ผมไม่ทำให้เจ๊ผิดหวังแน่ครับ”
สดายุรับคำแต่โดยดี เพราะยังไงซะตอนนี้เขาก็ยังด้อยกว่าอีกฝ่ายเยอะ ชายหนุ่มยังต้องพึ่งบารมี กฤตเมธ ในการกลับสู่วงการ ดังนั้นเขาจะทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจไม่ได้ จะต้องให้สวมหน้ากาก ให้เฟคยังไง เขาก็ยอมทำทั้งนั้น
‘ไว้ฉันกลับมาผงาดในวงการได้อีกครั้งเหอะ...’
แกร๊ก...
“สวัสดีค๊าพี่ๆ อุ้ย!พี่อ๊อด สวัสดีค๊า ขอโทษที่ช้าไปหน่อยนะคะพี่ เนี่ยพอพี่โทรมาพวกหนูก็รีบออกมาเลยนะคะ”
พอเปิดประตูเข้าไปในสตูดิโอปุ๊บ บลูม่าก็เข้าไปฉอเลาะกับผู้กำกับปั๊บตามเสต็ปเทพของผู้จัดการดาราระดับแถวหน้าทันที
“พี่น่ะไม่มีปัญหาหรอก บลูม่า โน่นพระเอกเนื้อทองของเราต่างหาก พวกเธอปล่อยให้เขารอตั้งเกือบครึ่งชั่วโมง พ่อจะกินหัวพี่อยู่แล้ว”
ผู้กำกับอ๊อดบ่นอุบขึ้นมาทันที
“อุ้ย! แล้วจะเป็นไรหรือเปล่าคะพี่ ตายแล้วหนูกับน้องยุเนี่ยรีบมากันแล้วจริงๆนะคะ”
“เอาเถอะๆ มากันครบก็ดีแล้วล่ะ เดี๋ยวพี่เคลียร์กับ ‘เมธ’ เขาเอง พาสดายุไปเตรียมตัวเถอะ”
“ค่ะๆ ขอบคุณนะคะพี่อ๊อด”
บลูม่าถึงกับต้องไหว้ขอโทษขอโพยผู้กำกับคนดังประหลกๆ ที่พวกตนมาช้า โดยเฉพาะการมาช้ากว่าตัวพระเอกที่ดูเหมือนจะมีอำนาจที่สุดในกองถ่าย
“เอ่อ สวัสดีครับพี่อ๊อด...”
พอเห็นว่าบลูม่ากับอ๊อดคุยกันเสร็จ สดายุก็เข้าไปสวัสดีอ๊อดตามมารยาทบ้าง ความนอบน้อมผิดรูปลักษณ์และความทรงจำเดิมๆ ทำเอาผู้กำกับวัยดึก อดยิ้มชมเชยออกมาไม่ได้
“เอ้อ หวัดดีๆ สดายุ เป็นไงบ้างเรา ไม่เจอกันพักใหญ่ๆเลยนี่ สบายดีมั้ย?”
อ๊อดทักทายออกไปอย่างเป็นมิตร เรียกกำลังใจของสดายุขึ้นมาหน่อย อย่างน้อยกับผู้กำกับที่เคยร่วมงานเมื่อครั้งยังโลดแล่นในระดับแถวหน้า ก็ดูเหมือนจะเป็นไปด้วยดี
“ก็เรื่อยๆครับพี่...”
“เราจะเริ่มกันได้หรือยังครับ พี่อ๊อด หรือยังต้องรออะไรอีก?”
“.......!!!?”
เสียงทุ้มนุ่ม แต่วาจากลับเชือดเฉือนให้ได้เจ็บจี๊ดนี้ไม่ใช่ของใครอื่น นอกจากพระเอกรุ่นใหญ่ เจ้าของฉายา ‘เทพบุตรแห่งวงการบันเทิง’ นามว่า ‘กฤตเมธ’ นั่นเอง ไม่รู้ว่าชายหนุ่มเดินมาอยู่ข้างหลังสดายุตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำเอาทั้งสามคนที่ยังยืนล้อมวงกันอยู่ถึงกับหยุดชะงัก
“อุ้ย! สวัสดีค่ะคุณเมธ แหม ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ”
บลูม่ารีบกล่าวทักทายออกไปโดยเร็ว หล่อนสามารถรักษาหน้าที่ของตัวเองได้อย่างแข็งขัน จนอ๊อดกับสดายุยังต้องยอมรับ
“ก็ดีครับคุณบลูม่า ขอโทษนะครับที่วันนี้ผมขอเปลี่ยนเวลากะทันหัน บังเอิญผมติดธุระด่วนตอนบ่ายพอดีน่ะครับ”
“อ๋อ...ไม่เป็น...”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ถึงจะต้องตาลีตาเหลือกกันมาให้ทัน แต่ถ้าเป็นเพราะคุณเมธติดธุระ พวกเราก็ยินดีครับ”
“น้องยุ!!?”
บลูม่าร้องตัดบทขึ้นทันทีเมื่อสดายุของหล่อนเริ่มจะก้าวร้าว หล่อนกลัวใจชายหนุ่มจริงๆ ใจคอจะให้เละเทะกันตั้งแต่วันแรกเลยรึไง!!?
“อ๊ะ! ผมไม่ได้หมายความไม่ดีนะครับคุณเมธ”
เสียงแหบหวานของสดายุดังขึ้นทันที น้ำเสียงดูร่าเริง จริงใจ ใบหน้าหวานคมยิ้มพิมพ์ใจ หากแต่ละถ้อยคำที่พูดออกมาล้วนจิกกัด ตามประสาคนปากไว
“...ขอบคุณที่เข้าใจครับ คุณสดายุ”
หากอีกฝ่ายกลับไม่สะทกสะท้าน กฤตเมธ ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย ก่อนตอบขอบคุณเสียงนุ่ม แต่ใครเห็นก็ต้องรู้สึกได้ ว่าสายตาของทั้งสองหนุ่มนั้น ทอประกายฟาดฟันกันอยู่
“เอาล่ะๆ เดี๋ยวพี่ว่า เราเริ่มฟิตติ้งกันเลยแล้วกันนะ เอ้าพาพระนายไปแต่ตัวเร็วหน่อย พวกคอสตูม”
อ๊อดออกคำสั่งบรรดาลิ่วล้อให้ได้เริ่มทำงานกันเสียที ฝ่ายพระเอกทั้งสองก็ยอมเดินไปแต่งตัวแต่โดยดีแบบไม่มีอาการกระฟัดกระเฟียดใดๆให้ได้เห็น อ๊อดเบาใจขึ้นหน่อยที่อดีตพระเอกขี้วีนอย่าง สดายุ รู้จักสงบปากสงบคำลงเสียบ้าง แต่ก็ไม่สามารถเดาได้เลยว่า เมื่อไหร่ที่นิสัยเดิมจะออก แต่ในเมื่อทางผู้จัดและผู้กำกับอย่างเขาตกลงปลงใจอยากได้ทั้งสองหนุ่มแล้ว พวกเขาย่อมรู้ดีว่า ควรเตรียมใจรอไว้หน่อย คนหนึ่งก็เคยร้าย ส่วนอีกคนยิ่งร้ายกว่า ถ้าไม่ใช่เพราะความเหมาะสมกับบทละครล่ะก็ อ๊อดอยากหลบเลี่ยงสองคนนี้เสียเหลือเกิน
“เอาล่ะครับ คุณเมธ คุณยุ รบกวนมายืนตรงหน้าเฟรมนี้ก่อนนะครับ”
เสียงตากล้องบอกท่าทางให้สองหนุ่ม
“เอ่อ เดี๋ยวภาพแรก ผมขอแบบนี้ก่อนแล้วกันนะ คุณเมธรบกวนไปยืนอยู่ข้างหลังคุณยุนะครับ แล้วใช้มือขวาโอบเอวคุณยุไว้ ย่า อย่างนั้นแหละครับ อื้อแล้วมือซ้ายจับคางคุณยุให้เงยขึ้น ใช่ครับ ก้มหน้าลงนิดนึงครับ ใกล้ๆกันหน่อย เอ่อคุณยุช่วยทำหน้าเหมือนกำลังเศร้ามากๆหน่อยได้มั้ยครับ ดีครับ...”
‘ทำไมต้องให้ทำท่าน่าขนลุกนี้ด้วยว๊ะ!!’
สดายุคิดเคืองอยู่ในใจลึกๆ เมื่อถูกจัดท่าฟิตติ้งแบบไม่ค่อยสบอารมณ์
ไม่สบอารมณ์ที่เขาเตี้ยกว่าอีกฝ่าย (กฤตเมธสูง 192 เซ็นต์ สดายุสูง 179 เซ็นต์)
ไม่ชอบเลยที่ตัวเองผอมบางกว่า
แค้นเคืองตัวเองอย่างยิ่งที่ดันตาโตเกินไป ขนตายาวเกินไป ทำให้ต้องมาเล่นบทแบบนี้
‘บทนางเอก!!’*********************************************************************************
เปิดเรื่องใหม่อีกแล้ว...เรื่องเก่ายังไม่เห็นจะถึงไหน!!
กำลังจะจบ 2 เรื่อง
กำลังแต่ง 1 เรื่อง
กำลังรีไรท์เตรียมรวมเล่ม 2 เรื่อง
อื่นๆ...
แล้วยังจะมีหน้า มาเปิดเรื่องใหม่อีก (โดนรุบตื๊บ ตายคากองเลือด)

ที่เปิดเรื่องใหม่ไม่มีอะไรหรอกค่ะ บังเอิญตอนนี้กำลังปั่นตอนพิเศษของ ‘เกลียวบาป’ อยู่ค่ะ
แล้วตันมุกมากๆ คิดไม่ออก จะไปเขียนเรื่อง ‘ภูถู่’ หรือ ‘ขิงราพณ์’ ก็เขียนไม่ออก ‘ปักษาน้อย’ ยิ่งตันเข้าไปใหญ่ เพราะห่างไปนาน คิดเรื่องต่อได้ แต่เขียนตอนเชื่อมไม่ถูก...(เก๊าขอโทษ)
ส่วนเรื่องนี้นั้น....ก็ไม่มากมายค่ะ พล็อตเรื่องสั้นๆ ขอสนองตัญหาก่อน ปิดเรื่องอื่นๆนิดนึงค่ะ เปลี่ยนอารมณ์ อิอิ
ขอโทษสำหรับทุกท่านที่ตามเรื่องอื่นอยู่ รับรองว่ามาต่อแน่ค่ะ (ขอไปรีไรท์ เจ้าแฝด ให้จบก่อนนะคะ)
ขอบคุณค๊า
อนาคี 99

ปล. ภาพยนตร์ที่สดายุต้องแสดงเรื่อง 'สุดปลายทาง...ของหัวใจ' นั้น...อิอิ เก๊าเป็นคนเขียนบท เอง กำกับเองจร๊า 555+
ชอบจังค่ะ นิยายลิงค์กัน
