ตอนที่ 24 กลับมารักตัวเอง
เนื่องจากฤทธิ์ของยาแก้ปวดหัว ทำเอาผมหลับมาตลอดทางเลยพอถึงนครสวรรค์คนเริ่มลงผมจึงรู้สึกตัวคับ
ผมมองดูนาฬิกาที่ข้อมือ ตอนนี้เป็นเวลา เกือบ 5 โมงเย็นแล้ว ผมจึงรีบต่อรถสองแถวเข้าบ้านก่อนที่จะมืดค่ำ
ผมกลับมาถึงบ้านก็เห็นแม่ผมกำลังขะมักเขม้นทำกับข้าวอยู่ในครัว
" แม่ครับ..ต้นกลับมาแล้วคับ…" ผมสวัดดีแม่
" อ้าว….มาแล้วหรอลูก.." แม่ผมยังไม่ได้หันมาคับมันแต่เก็บของเข้าตู้นิดหน่อย
สักครู่แม่ผมก็หันมาหาผม
" ต๊ายย!!!!!!!! ลูกแม่….ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะลูก …" แม่ผมอุทานจนเสียงดังจนผมก็ตกใจเหมือนกัน
แล้วแม่ก็รีบเดินมาจับตัวผม สำรวจไปทั่วรางกายผม ผมก็ยังคงงว่าร่างกายผมมันผิดปกติจนน่าตกใจขนาดนั้นเลยหรอ
" ลูกไปโดนอะไรมาลูก ทำไมหัวล้างข้างแตก เนื้อตัวฟกช้ำแบบนี้ละลุก…." แม่ผมถามผมด้วยความเป็นห่วงผม
" เอ่อ..คือผมตกบันไดอ่ะคับแม่..ไม่เป็นอะไรมาก..เย็บสองสามเข็มเอง.." ผมตอบแม่เพื่อให้แม่สบายใจคับ
" แล้วทำไมรสภาพร่างกายเรามันดูโทรมแบบนี้ล่ะลุก …มันคนละคนกับครั้งก่อนที่ลุกกลับมาเลยนะ "
สภาพร่างผมตอนนี้มันคงดูแย่มากเลยทีเดียว ผมเองก็ไม่ได้สังเกตตัวเองสักเท่าไร เลยไม่รู้ว่าตอนนี้สภาพตัวเองเป็นอย่างไรแล้ว
" เอ่อ..คือต้นสอบบ่อยอ่ะคับแม่..เรียนหนักด้วย ..ต้นเลยนอนดึกๆเป็นประจำ "
" ยิ่งช่วงสอบต้นคงเครียดไปหน่อยเลยปล่อยให้ร่างกายโทรมแบบนี้" …ผมบอกกับแม่โดยอ้างเรื่องการเรียนแทน
แม่ผมก็ได้แต่มองหน้าผมด้วยความสงสารลูก..แล้วท่านก็กอดผมแล้วลุบหัวผมเบาๆ
อ้อมกอดของแม่มันทำให้ผมอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก…ความรู้สึกอึดอัดต่างๆมันล้นออกมาจนผมร้องไห้น้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัว
แม่ผมคงรู้ว่าตอนนี้ผมร้องไห้แล้ว ..ทานจึงลุบหัวปลอบผม
" ไม่เป็นไรนะลุก..ไม่ต้องเครียดมันแล้วนะ…แม่ไม่ได้หวังให้ลุกแม่ต้องเป็นที่หนึ่ง
แม่อยากเห็นลุกแม่มีความสุขมากกว่า….ถ้ามันหนักมากลูกพักสะก่อนนะ "
คำพูดของแม่เปี่ยมล้นไปด้วยความรักและความห่วงใยผม วินาทีนั้นมันก็ทำให้ผมคิดได้ว่า
ทำไมเราต้องปล่อยตัวเองให้เป็นแบบนี้ด้วย…ใช่อยู่ว่าภีมคือคนที่รักมาก เราย่อมเสียใจมาก
แต่ทำไมเราไม่เคยคิดว่า คนที่รักเราที่สุดมากกว่าไอ้ภีมหรือคนไหนๆในโลกนี้ อยู่ตรงนี้
ทำไมเราต้องทำให้ท่านต้องเป็นห่วงเรา ทำไมต้องทำให้ท่านไม่สบายใจด้วย
ในโลกนี้คนที่เราสามารถไว้เนื้อเชื่อใจได้มากที่สุด มันก็คือตัวเราเองและพ่อแม่ของเรานั่นเอง
ถ้าเราเป็นอะไรขึ้นมา แม่เราจะเป็นทุกข์ขนาดไหน เราทำถูกแล้วหรือที่มัวแต่ฟุ้งซ่านเรื่องความรักจนส่งผลต่างๆมากมายในชีวิตเราขนาดนี้
ทั้งเรื่องการเรียน อนาคต และคนที่ตั้งความหวังไว้กับเรา
ผมคิดได้ดังนั้นจึงหยุดร้องไห้..และผละออกจากแม่คับ
" แม่คับ…ผมขอโทษที่ทำให้แม่เป็นห่วง…ต่อไปนี้ผมสัญญาผมจะไม่ทำให้แม่เป็นห่วงขนาดนี้อีก
ผมจะเข้มแข็งคับแม่…ผมจะมีสติจะคิดจะทำอะไรผมจะคิดให้ดีก่อน เพื่อตัวของผมเองและผมก้ทำเพื่อแม่ด้วย
ผมอยากให้แม่ภูมิใจในตัวผม..เมื่อวันนึงผมประสบความสำเร็จในชีวิต "
" ผมรักแม่คับ…" แล้วผมก็กอดกับแม่ แม่เองก็กอดผมพร้อมกับน้ำตาของท่านก็ไหลออกมา
เมื่อท่านเห็นว่าลุกชายคนนี้ โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว
หลังจากนั้นแม่ผมก็บอกให้ผมเอากระเป๋าไปเก็บที่ห้องแล้วอาบน้ำเพื่อลงมากินข้าวคับ
เมื่อผมถึงห้องผมก็จัดการข้าวของเข้าที่แล้วเตรียมตัวไปอาบน้ำคับ
แต่ก่อนที่จะอาบน้ำผมก็ส่งเมสเสจไปบอกไอ้ภีมว่าถึงบ้านแล้วคับ…กลัวมันจะเป็นห่วงนะคับ
เมื่อเข้าไปในห้องน้ำผมเลยได้เห็นสภาพตัวเองแบบเต็มๆตาสะที
สภาพผมตอนนี้มันก็ไม่ต่างจากคนที่ป่วยอย่างหนัก ร่างกายดูซูบผอม
ใบที่เคยผุดผ่องกลับซีดเซียว ดวงตาหมองคล้ำ ดวงตาแดง
ตามเนื้อตัวยังมีรอยฟกช้ำจากการตกบันไดอีก ผมเห็นตัวเองแล้วก็อดสมเพชไม่ได้
" นี่กรูทรมานตัวเองขนาดนี้เลยหรอ…" ผมพูดกับตัวเองหน้ากระจก
" ต่อไปนี้เราต้องเริ่มต้นใหม่..ความรักก็คือความรัก แต่เราต้องรักให้เป็น และต้องรักตัวเองให้มากที่สุด
อย่าให้ความรักมาทำลายอนาคตของเรา…ตัวไอ้ภีมนั้นเราก็คิดสะว่าเรากับมันเป็นคนที่มีความรู้สึกที่ดีให้กันและกัน ถึงแม้ว่าตอนนี้เราจะอยู่ในฐานะอะไรก็ตาม "
แล้วผมก็ยิ้มให้ตัวเองในกระจกหนึ่งที แล้วก็เดินไปเปิดฝักบัวราดลงมาที่หัวเพื่อให้สายน้ำช่วยชะล้างสิ่งต่างๆที่มันอึดอัดในหัวผมออกไปให้หมด
ผมใช้เวลาอาบน้ำอยู่นานทีเดียว จึงออกมาแต่งเนื้อแต่งตัว และพร้อมที่จะเป็นต้นคนเดิมอีกครั้ง
ช่วงเวลาที่ผมอยู่บ้านผมมีความสุขกับการที่ได้อยู่กับครอบครัวของผม แม้ผมจะไม่มีพ่อแต่แม่ก็ไม่ได้ทำหน้าที่บกพร่องและผมก็ไม่ได้เอาจุดนี้มาเป็นปมด้อยตัวเอง
แต่มันกลับทำให้ผมแข็งแกร่งกว่าเดิม เพื่อที่ผมจะต้องมีอนาคตที่ดี และต้องทำให้แม่ของผมภูมิใจ
ส่วนไอ้ภีมนั้นมันก็ไม่ได้หายไปหรอกคับ…มันยังทำตามคำพูดของมัน
มันโทรหาผมตลอดช่วงที่ผมกลับบ้าน มันยังคงพูดคุยออดออ้นผมเหมือนที่เคยเป็น
มันยังบอกรักผมทุกครั้งที่คุยกัน ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้โทรมาทุกวันก็ตาม
ผมไม่ได้คิดแล้วแหละว่ามันจะโกหกผม จะนอกใจผมยังไง อย่างน้อยมันก็เป็นคนนึงที่รักผม
หวังดีกับผม เป็นห่วงผม และผมเองก็ยังรักมันเหมือนเดิมไม่ได้ลดน้อยไปจากเดิมเลย
ทำให้ผมไม่คิดเรื่องมันมากเหมือนเดิมจนฟุ้งซ่านขนาดต้องพึ่งยาทุกวัน
เดี๋ยวนี้ก็มีคิดบ้างแต่ก็เล้กๆน้อยๆ ตามประสาคนที่ยังรักกัน
ตอนนี้สภาพร่างกายผมดูดีขึ้นมามากแล้ว คงเป็นเพราะผมได้กำลังใจดีๆจากแม่ผมนี่แหละคับ
ผมอยู่บ้านมาจนเกือบจะสองอาทิตย์แล้ว ตลอดเวลาที่ผมกลับมาบ้านผมก็จะเขียนไดอารี่ของผมทุกวัน
เหมือนมันเคยชินไปสะแล้ว เนื้อหาที่เขียนส่วนนใหญ่ในช่วงนี้ก็คงมีแต่เรื่องแม่ผมแหละคับแต่ทุกครั้งผมก็จะเขียนถึงไอ้ภีมลงไปด้วย
ส่วนใหญ่ก็จะเขียนบอกว่า ให้ไอ้ภีมกลับมาหาผมสะที ผมเองก็หวังไว้แบบนี้ทุกๆวันที่มันจะกลับมาเป็นภีมคนเดิมของผม
อีกสองวันผมก็ต้องกลับกรุงเทพแล้ว ผมก็เลยขอแม่มาที่ห้างเพื่อซื้อของนิดหน่อยกลับกรุงเทพ
ผมก็เดินๆเลือกของอยู่ในห้องก็พบกับ ชายหนุ่มผู้หนึ่งคับ …ยิ้มหล่อให้ผมเลยทีเดียว
จะใครละคับ พี่เต้ไงล่ะ
" อ้าว…น้องต้นปิดเทอมหรอคับถึงกลับมาบ้านน่ะ " พี่เต้ทักทายผม
" สวัดดีคับพี่เต้..ผมปิดเทอมมาอาทิตย์กว่าแล้วพี่ ตอนนี้จะเปิดเทอมอีกแล้วเลยออกมาซื้อของใช้สะหน่อยอ่ะคับ "
" อืม..แล้วมาคนเดียวหรอคับ…" พี่เต้ถามผมแต่แกคงถามถึงไอ้ภีมด้วย
"เอ่อ..คับ…" ผมตอบสั้นๆพี่เต้ไป
" แล้วภีมไม่มาด้วยหรอคับ.." ใช่อย่างที่ผมคิดไว้จริงๆด้วย
" คือ..ภีมสอบเสร็จทีหลังนะคับ " เลยมาไม่ได้กลับมาด้วยคับ ผมบอกพี่เต้ไปด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
" หรอ…มีอะไรรึเปล่าน้องต้น…สีหน้าเราแปลกๆนะ "
พี่แกคงจับพิรุตผมได้นะคับ เพราะปกติผมไม่พูดจาตะกุกตะกักแบบนี้ รวมถึงสีหน้าที่เศร้าลงมานิดหน่อย
แต่มันก็พอทำให้พี่เต้รู้คับ ว่าผมกำลังมีปัญหา
" ทะเลาะกันหรอคับ…." เกือบถูกแล้วเพ่
" เอ่อ..เปล่าคับ " ผมตอบไปคับ
" พี่ว่าเราไปหาที่นั่งคุยให้สบายใจกันดีกว่าเนาะ…" พี่เต้บอกผมคับ
ผมและพี่เต้จึงมานั่งกันในร้าน KFC คับ พี่เต้สั่งไก่มาสองชุด พี่แกเลี้ยงผมด้วย
ระหว่างการกินพี่เต้ก็ถามเรื่องราวต่าง จนผมต้องเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้พี่เต้ฟังคับ
" อืม…ดีแล้วแหละที่เราคิดได้ว่าต้องรักตัวเองให้มากๆ…" พี่เต้บอกหลังจากฟังเรื่องราวของผมจบ
" แล้วเราคิดว่าเราจะทำไงต่อไปล่ะต้น.." พี่เต้ถามผมคับ
" เอ่อ…ต้นคงปล่อยให้ภีมมันคิดเองแหละพี่ ถ้าเค้ายังดีต่อผมผมก็ไม่อยากไปทำให้เค้าไม่มีความสข
แต่บางทีถ้าภีมกับน้องรหัสมันรักกันจริงๆ ต้นก็ไม่เสียใจนะที่จะให้ภีมไปจากต้น ต้นไม่อยากรั้งไว้หรอก "
" อืม….เราคิดว่าจะทำแบบนั้นหรอ…" พี่เต้ถามผมอีกครั้ง
" ก็..คงต้องเป็นแบบนั้นแหละคับ…ผมคงไม่ไปตามล่า ตามด่าเอาภีมคืนหรอกคับ "
" แล้วเราคิดว่าภีมยังรักเราอยู่มั้ยล่ะ…" พี่เต้ถามคำถามนี้ทำให้ผมคิดหนักคับ
" ในความคิดผม เค้าก็ยังรักผมอยู่ แต่อาจจะน้อยลงไปเรื่อยๆ จนหมดในสักวันนี่แหละพี่ " ผมตอบพี่เต้ไปคับ
" แต่พี่ว่าไม่นะต้น…พี่คิดว่าเค้าเองก็รักต้นไม่น้อยไปจากเดิมหรอก..ที่เค้าเป็นแบบนั้นก็เพราะความเหงาของภีมเท่านั้นเอง "
" พี่คิดว่างั้นหรอคับ…" ผมถามพี่เต้กลับ
' งั้นเรามาพิสูจน์กันมั้ยล่ะ…" ว่าภีมมันยังรักต้นเหมือนเดิมรึเปล่า
" ก็อยากนะพี่…แล้วผมต้องทำไงบ้างอ่ะ …" ผมถามพี่เต้กลับคับ
พี่เต้มองผมยิ้มๆ…แล้วบอกแผนการพิสูจน์ความรักของไอ้ภีมกับผมคับ
" เอ่อ…เอาแบบนี้ มันจะได้ผลหรอพี่…" ผมถามพี่เต้หลังจากพี่เต้บอกแผนการทั้งหมด
" เชื่อพี่เหอะน่า…..คนอย่างนายภีมมันต้องเจอแบบนี้แหละ มันถึงจะรู้สึก "
ผมมองดูพี่เต้ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ผมเองก็ต้องลองดูสักตั้งเพื่อจะได้รู้ไปเลยว่าภีมมันยังรักผมรึเปล่า
วันนี้สะใจมากมาย เห็นน้องแก้มร้องเพลง มีความสุขมากอ่ะ น้องแกเก่งจริงๆ ร้องได้ดีทุกแนว ยังไงรักต้น ชอบเรื่องของต้น
ช่วยโหวตให้น้องแก้มเป็น เดอะสตาร์ด้วยนะคับ น้องแก้ม เบอร์ 4