ตอนที่ 23 ช่วงเวลาที่แสนทรมาน
ตอนนี้ก็เปิดเทอมใหม่ของผมแล้วคับ..ผมก็ใช้เวลาในการเรียนเต็มที่คับเพราะไม่อยากให้เรื่องส่วนตัวมากระทบการเรียนของผม
จนช่วงนี้ผมทำตัวเงียบๆ เครียดมากไปรึเปล่าก็ไม่รู้ จนเพื่อนๆเริ่มทักผม
"ต้น…ช่วงนี้เป็นอะไรรึเปล่าดูต้นเครียดๆนะ.." พีทบอกผม
" นั่นดิต้น…ต้นดูโทรมไปมากเลยนะ.." เมย์บอกกับผมอีกคน
" เอ่อ..ไม่เป็นอะไรหรอกเราอาจคงอ่านหนังสือดึกไปหน่อยนะ.." ผมแก้ตัวไปคับ
" ต้น..อย่าเครียดมากสิ…เดี๋ยวร่างกายจะไม่ไหวนะ.." กิ๊บเตือนผมคับ
" อืม..เราไม่เป็นไรหรอก …เอ่อ..เดี๋ยวเราว่าจะกลับห้องแล้วเดี๋ยวรีบไปก่อนนะเดี๋ยวรถเมย์คนเยอะ "
ผมรีบบอกเพื่อนๆผมไปคับ เพราะไม่อยากขึ้นรถเมย์คนเนอะๆคับ
" อ้าว…เดี๋ยวนี้ภีมไม่มารับหรอต้น.." แพรวถามผมคับ
" อ่อ…ภีมไม่ค่อยว่างนะ..อีกอย่างไม่อยากรบกวนด้วยนะแค่นี้เองกลับได้ "
ผมยิ้มให้พวกเพื่อนผมพร้อมรีบเดินออกไปเลยคับ
พอผมกลับมาถึงห้องผมก็ใช้ชีวิตแบบเดิมๆ คับ ทำความสะอาดห้องจัดห้องดูแลความเรียบร้อยต่างทั้งของผมและภีม
หลังจากนั้นผมก็จะอาบน้ำ กินข้าว อ่านหนังสือคับ…ผมมักอ่านจนประมาณ ตี 2 - 3 คับ
บางทีก็หลับคาโต๊ะไปเลยคับ ผมมักจะเป็นแบบนี้เวลาผมอยู่คนเดียวคับถ้าวันไหนไอ้ภีมอยู่มันจะมาเรียกผมเข้านอนตั้งแต่ตี 1 คับ
เพราะมันจะไม่ให้ผมนอนดึกเกินนี้คับ
สาเหตุที่ผมต้องอ่านหนังสือดึกๆแบบนี้ใช่เพราะขยันนะแต่อ่านแล้วมันไม่ค่อยเข้าหัวคับ มันไม่มีสมาธิเลยคับเพราะคิดมากเรื่องไอ้ภีมนั่นแหละคับ
และก็ต้องระบายด้วยการเขียนระบายความรู้สึกของผมตอนนี้คับ
ที่ผมดูผ่านๆนี่ผมเขียนระบายความรู้สึกเกือบจะครึ่งเล่มแล้วในระยะเวลาสองเดือนที่ผ่านมาที่ผมต้องเป็นแบบนี้คับ
และจากการที่ผมเครียดมากจนเกินไปและพักผ่อนน้อยทำให้ผมรู้สึกปวดหัวบ่อยๆจนผมรู้ตัวว่าเป็นไมเกรนแน่ๆ
ผมเลยต้องพกยาแก้ปวดหัวประจำคับและก็ต้องพึ่งมันนี้แหละเพื่อจะได้นอนหลับสบายๆหน่อยคับ
บางครั้งไอ้ภีมกลับมาห้องเห็นยามันก็ถาม ผมก็ตอบว่ายาแก้ปวดหัวธรรมดามีไว้กันเวลาไม่สบาย
แต่จริงๆผมกินทุกวันแหละคับ
วันนี้ผมก็ไปเรียนตามปกติคับแต่เดี๋ยวนี้เริ่มโหนรถเมย์มาเรียนคับเพราะไอ้ภีมไม่ค่อยกลับห้อง วันไหนมันอยู่มันก็มาส่งผมคับ
ผมนั่งเรียนไปเรื่อยๆรู้สึกเหมือนปวดหัวขึ้นมาคับผมก็นั่งอดทนเรียนจนจบคับ
วันนี้ผมไม่ได้พกยามาด้วยสิ พอเลิกเรียนผมก็เดินออกมาจากห้องพร้อมพวกเพื่อนๆผมแหละคับ
" ต้น…ไม่สบายหรอ…หน้าซีดมากเลยนะ.." กิ๊บถามผมคับ
" เออ…ปวดหัวนิดหน่อยนะ.." ผมตอบไปคับ
" เราว่านายไปให้อาจารย์หมอตรวจหน่อยดีมั้ย…" พีทบอกผมคับ
" ไม่เป็นอะไรมากหรอกเดี๋ยวก็หาย…" ผมตอบไปไม่ให้ใครเป็นห่วงผมคับซึ่งจริงตอนนี้ผมปวดหัวแทบจะระเบิด
ผมเดินไปได้ไม่นานคับ…ผมรู้สึกหน้ามืดทันทีคับ…ผมล้มลงทันทีเลยคับและผมก็ไม่รู้เรื่องอะไรอีกเลย
ผมตื่นมาอีกทีก็รู้ว่าตัวเองได้มานอนที่โรงพยาบาลสะแล้ว ก็โรงพยาบาลที่ผมเรียนอยู่นี่แหละคับ อิอิ
" ต้น…ตื่นแล้วหรอ…เป็นไงบ้าง…" พีทถามผมทันทีที่เห็นว่าผมตื่นแล้ว
" เอ่อ..ยังมึนๆหัวอยู่เลยอ่ะพีท…เดี๋ยวนอนพักอีกหน่อยคงหายแล้วแหละ " ผมตอบไปเพราะไม่อยากให้ใครเป็นห่วงผม
" นี่ต้น…ตอนที่อาจารย์หมอมาตรวจต้นเมื่อกี้..อาจารย์หมอบอกว่าต้นเป็นไมเกรนนะ…" กิ๊บพูดขึ้นมาคับ
" อืม…เราก็รู้ว่าเราเป็น…แต่วันนี้เราลืมเอายามาด้วยนะ…" ผมตอบออกไป
" นี่ต้น..ทำไมนายถึงเป็นแบบนี้อ่ะ..เมื่อก่อนต้นไม่เคยเป็นนี่..เครียดเรื่องอะไรก็บอกพวกเราซิ " แพรวพูดขึ้นมาคับ
" เอ่อ…เราไม่เป็นไรมากหรอกเราคงแค่เครียดเรื่องเรียนนิดหน่อยเท่านั้นเอง.." ผมตอบออกไป
" ต้น…ดูแลตัวเองบ้างนะ..รู้ตัวมั้ยเดี๋ยวนี้ต้นโทรมลงมากเลยนะ.." เมย์บอกกับผม
" อืม…ต่อไปเราจะดูแลตัวเองมากขึ้นแล้วกันพวกเธอไม่ต้องเป็นห่วงนะ…" ผมบอกกับเพื่อนๆผมเพื่อให้พวกเธอสบายใจคับ
วันนั้นผมเลยกลับห้องไปด้วยอาการอ่อนเพลีย พอไปถึงห้องได้ก็ซัดยาเข้าไป 3 เม็ด แล้วผมก็หลับไปด้วยความอ่อนเพลีย
ผมตื่นมาอีกทีก็ประมาณ ตี 4 ผมหันมาดูข้างก็พบว่าเตียงว่างเปล่า นี่แสดงว่าวันนี้ไอ้ภีมก็ยังไม่กลับห้องอีกแล้ว
ผมก็เลยเดินไปดูโทรศัพท์ผมก็เห็นข้อความของไอ้ภีมส่งเข้ามาตอนเวลาประมาณสามทุ่มคับ
เป็นปกติคับถ้าไอ้ภีมมันไม่กลับมันต้องบอกผมทุกครั้งบางครั้งก็โทรมาบอกแต่เดี๋ยวนี้ส่งข้อความเอาคับ
ผมมองดูโทรศัพท์แล้วก็เศร้าๆ คับ ผมเลยพยายามข่มตานอนให้หลับแต่ก็ไม่เป็นผลคับ
ในหัวผมตอนนี้มันนึกถึงไอ้ภีมคับ ตอนนี้มันคงนอนกอดกันกับน้องรหัสมันซินะ
ผมนอนร้องไห้อย่างหนักจนฟ้าเริ่มสว่าง ผมเลยลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวไปเรียนคับ
ผมไปเรียนด้วยร่างการที่ไร้วิญญาณ…สมองไม่ค่อยรับรู้อะไร ทำให้ผมไม่รู้เรื่องเลยว่าวันนี้อาจารย์สอนอะไรบ้าง
เพื่อนๆผมก็คอยถามผม เป็นห่วงผมตลอดแต่ผมก็ฝืนทำเป็นยิ้มเหมือนไม่เป็นอะไรให้พวกเธอสบายใจไปก็เท่านั้น
ช่วงเวลาช่วงนี้ทำให้ผมทำควิชไม่ค่อยได้ คะแนนผมตกลงค่อนข้างมากทีเดียวแต่ก็ไม่ถึงกับตก
ชีวิตที่ทรมานของผมก็เป็นแบบนี้มาเรื่อยๆ จนใกล้จะสอบปลายภาคของชั้นปีสองแล้ว
ผมก็พยายามอ่านหนังสือให้เต็มที่…เพราะผมรู้ว่าคะแนนเก็บผมไม่ดีมากนัก
ถ้าปลายภาคทำไม่ได้อีกมีหวังเทอมนี้เกรดผมลดเหลือสองกว่าๆแน่นอน ผมจึงอ่านหนังสือแทบจะโต้รุ่งเกือบทุกวันช่วงสอบ
ส่วนไอ้ภีมนั่นหรอคับ เดี๋ยวนี้อาทิตย์นึงมันจะกลับมาห้องประมาณ 2 วันต่ออาทิตย์ เสาร์อาทิตย์ก็ไม่ค่อยอยู่ห้อง
บ้างก็กลับดึกดื่น จนบางครั้งผมกับมันแทบจะไม่ได้มีโอกาสคุยกันสักเท่าไรคับ
มันกลับมาที่ห้องมันก็ยังคงดูแลเทคแคร์ผมอย่างดี เหมือนที่มันเคยเป็นมา
มันก็ทักผมเหมือนกันนะว่าผมดูโทรมลงไปเยอะ มันบอกว่ามันเป็นห่วง
ผมก็ได้แต่ยิ้มและบอกมันว่าจะดูแลตัวเองไม่ต้องห่วง
และก็มาถึงการสอบปลายภาคที่แสนทรหดของนักศึกษาแพทย์ปีสองคับ จากการที่ผมอ่านหนังสือโต้รุ่งมาเป็นเวลาหลายวันติดต่อกัน
ทำให้ผมไม่ค่อยมีสติมากนักเวลาสอบ มันเบลอไปหมด ข้อสอบบางข้อง่ายๆผมกับทำไม่ได้ ผมทำข้อสอบแบบเบลอๆแทบทุกวิชา
ผมฝืนตัวเองจนสอบถึงวันสุด
เมื่อสอบเสร็จผมก็รู้สึกว่าร่างกายตัวเองไม่ไหวแล้ว ผมพยายามลุกขึ้นมาเพื่อเอาข้อสอบมาส่งอาจารย์ที่หน้าห้องสอบคับ
ห้องที่ผมสอบเป็นห้องสโลปคับ ที่ที่ผมนั่งสอบก็อยู่ประมาณขั้นที่ 6-7 นี่แหละคับ สูงพอสมควรคับ
ผมเดินก้าวลงมาได้เพียงสองขั้น …ขาผมก็อ่อนยวบทันที ผมกลิ้งตกลงมาจากขั้นบันไดของห้องสโลป
ความรู้สึกตอนนั้นผมบอกไม่ได้หรอกนะว่าเจ็บมั้ย เพราะตั้งแต่เมื่อขาผมอ่อนลงสติผมก็หายไปแล้วคับ
ผมตื่นมาอีกทีก็พบว่าตัวเองได้มานอนที่ห้องพยาบาลอีกแล้ว เพื่อนๆผมก็อยู่กันครบเลยคับ
ทันทีที่ผมตื่นขึ้นมาพวกเธอก็รีบเดินเข้ามาหาแล้วร้องไห้ใหญ่เลย
" ต้น…เจ็บมากมั้ย..ทำไมต้นปล่อยให้ตัวเองเป็นแบบนี้..ฮือๆๆ…" กิ๊บร้องไห้ไปพุดไปคับ
" ต้นรู้มั้ยพวกเพื่อนที่คณะตกใจกันทั้งคณะเลย..ที่จู่ๆต้นร่วงมาจากบันไดลงมาแบบนั้น "
" เอ่อ…เราขอโทษ…" ผมบอกพวกเธอไป
" แล้วทำไมภีมปล่อยให้ต้นเป็นแบบนี้หละ.." จู่พีทก็ถามผมขึ้นมา
ทำเอาผมสะอึกไปเลยคับ
" เอ่อ…คือ ภีมเค้าก็บอกเราแล้วแต่เราดื้อเองแหละพีท อย่าไปว่าภีมเลย " ผมบอกพีทไปเพราะไม่อยากให้ใครมารู้ปัญหาของผมคับ
สรุปว่าผมถือว่าโชคดีมากคับ ไม่เป็นอะไรมาก แค่หัวแตกเย็บไปสามเข็ม และก็ฟกช้ำนิดหน่อย
แค่นอนให้น้ำเกลือ 1 คืนคับ โดยที่ไอ้ภีมมันก็คงไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับผม
มันก็ยังคงส่งข้อความมาบอกเหมือนเดิมคับว่าคืนนี้ติวหนังสือสอบกับเพื่อนที่ หอเพื่อน นี่ถ้าผมตายมันจะรู้มั้ยนะ
ก่อนที่ผมจะกลับอาจารย์หมอก้เรียกผมไปคุยคับ ท่านบอกผมว่าผมมีอาการไมเกรนค่อนข้างรุนแรง
ทำให้ระบบประสาทสั่งการของผมทำงานผิดปกติ ทำให้ผมมักเบลอๆ บ่อยเหมือนคนไม่มีสติ ความรู้สึกช้า
ถ้าหากเป็นมากๆ อาจทำให้เส้นเลือดในสมองแตก ถ้าเป็นเส้นเลือดฝอยเล็กๆที่ไม่สำคัญมากนักก็ไม่น่าหนักใจ
แต่ท่านเกรงว่าจะเป็นเส้นเลือดที่สำคัญอาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิต ท่านเลยสั่งให้ผมอย่าเครียดมากและพักผ่อนเยอะก็จะช่วยได้เยอะ
และท่านก็สั่งยาพวกยาบำรุง วิตตามินต่างๆ รวมถึงยานอนหลับให้ผมด้วยท่านให้ผมทานเวลาที่นอนไม่หลับจริงๆ
ซึ่งผมก็เข้าใจคับเพราะยานอนหลับนี่แพทย์จะไม่สั่งให้ใครพร่ำเพื่อคับเพราะทานไปมากนานๆจะส่งผลไม่ดีต่อร่างกายคับ
หลังจากนั้นผมก็กลับมาที่ห้องคับ เพื่อเตรียมตัวเก็บข้าวของเพื่อจะกลับบ้านคับเพราะผมสอบเสร็จแล้ว
ผมอยากจะกลับบ้านไปให้เร็วๆเพราะอยู่ที่นี่ผมต้องเครียด คิดมากจนเส้นเลือดในสมองแตกแน่ๆ
หลังจากผมเก็บเสื้อผ้าไม่กี่ตัวใส่กระเป๋า ผมก้หยิบไดอารี่ที่ผมซ่อนไว้ที่ใต้ลิ้นชักโต๊ะอ่านหนังสือของผมขึ้นมาอ่านคับ
" นี่ก็เกือบปีแล้วสินะ..ที่เราต้องอยู่ในสภาพแบบนี้…" ผมพูดกับตัวเองพร้อมเปิดดูไดอารี่ผ่านๆก็อดน้ำตาไหลไม่ได้
" ทำไมนะ…ทำไมมันทรมานแบบนี้ว่ะ…" ผมตะโกนออกมาแล้วก้มหน้าร้องไห้กับโต๊ะ
ผมร้องไห้ระบายอารมณ์สักพัก..ก็เก็บไดอารี่ใส่กระเป๋าเพื่อเอากลับไปที่บ้านด้วย
และก็เข้าไปอาบน้ำเตรียมตัวกลับบ้านคับ
เมื่อผมอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว…จึงโทรหาไอ้ภีมคับ จะโทรไปบอกมันว่าผมจะกลับบ้านวันนี้
" ว่าไงต้น…" มันทักผมคับ
" ภีม..วันนี้ต้นกลับบ้านแล้วนะคับ..ตนสอบเสร็จแล้ว.." ผมบอกมันไปคับ
" อ้าว…ไมไม่เห็นรู้เลยว่าสอบเสร็จวันนี้อ่ะ…" มันโวยวายขึ้นมาเหมือนกับว่าทำไมมันไม่รู้
" เอ่อ…เราขอโทษที่ไม่ได้บอก …ต้นเห็นภีมยุ่งติวหนังสือกับเพื่อน ..ไม่ค่อยได้กลับห้องด้วยต้นเลยไม่ได้บอก "
ผมบอกมันไปทั้งๆที่จริงแล้วมันมากกว่าที่ไม่ได้สนใจเรื่องของผมเลย
" อืม…ไม่เป็นไรหรอกต้น..จริงๆภีมผิดเองแหละที่ช่วงนี้ไม่มีเวลาให้ต้นเลย .." มันพูดน้ำเสียงรู้สึกผิด
" คิดมากนะภีม…เราต่างคนต่างยุ่งแหละน่า.." ผมบอกมันเพื่อให้มันสบายใจคับ
" ภีมล่ะอีกไม่กี่วันก็สอบแล้ว…อ่านหนังสือเยอะนะเดี๋ยวเกรดไม่ดีนะ…" ผมบอกมันไปคับ
" ค้าบบบบบ….เนี่ยะทุกวันนี้ก้ติวให้เพื่อนบ้างเพื่อนติวบ้างแล้วรายงานก็เยอะด้วย .." มันบอกผม
" อืม…พักผ่อนบ้างนะภีม..เดี๋ยวจะไม่สบายเอา…" ผมบอกมันด้วยความเป็นห่วงทั้งๆที่รู้ว่ามันโกหกผม
" ไม่สบายก็ให้แฟนรักษาซิคับ..แฟนเค้าเป็นหมอนี่นา…" มันยังอ้อนผมเหมือนเดิมคับ
ผมเงียบ..ไม่พูดอะไรเพราะพุดอะไรไม่ออก..มันรู้สึกแปลกๆไงก็ไม่รู้ที่มันยังเรียกเราว่าแฟนอยู่ทั้งที่ตอนนี้มันมีคนอื่น
" เอ่อ…งั้นต้นไปแล้วนะภีม..เดี๋ยวจะถึงค่ำ…" ผมรีบพูดตัดบทคับ ไม่อยากคุยต่อคับเดี๋ยวร้องไห้อีก
" อืม..ค้าบบ…เอ่อ..แล้วต้นจะกลับบ้านนานเปล่า .." มันถามผมคับ
" ต้นกลับประมาณสองอาทิตย์น่ะคับ..ปิดเทอมแปปเดียว.." ผมบอกมันคับ
" อืม..กลับดีๆนะต้นถึงบ้านโทรบอกด้วยเค้าเป็นห่วง..ช่วงอยู่บ้านเดี๋ยวเค้าโทรหานะ .." มันบอกกับผม
" อืม..แค่นี้นะคับ.." ผมบอกมัน
" คับ…เค้ารักตัวเองนะ.." มันบอกผมก่อนที่ผมจะวางสายไป
พอวางสายผมก็น้ำตาไหลออกมาทันที..ผมยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาแล้วหยิบกระเป๋าสะพายหลังเดินออกจาห้องเพื่อไปขึ้นรถกลับบ้านคับ
ในสมองผมตอนนี้ไม่อยากคิดอะไรมากคับเพราะผมก้ห่วงสุขภาพตัวเองเหมือนกันแต่มันก็อดไม่ได้คับ..ผมเลยทายาไมเกรนกันไว้ก่อน
แล้วผมก็นั่งรถตู้กลับไปบ้านเพื่อไปพักผ่อนจิตใจอันอ่อนล้าของผมเพื่อว่ามันจะแข็งแรงขึ้นมาบ้าง
แต่ผมก็ไม่รู้ว่ามันจะช่วยเยียวยาใจดวงนี้ที่มีเลือดไหลซึมตลอดเวลาจากการทำร้ายของคนที่ผมรักที่สุดโดยที่ผมไม่รู้เลยว่าเค้าเคยรู้ตัวบ้างมั้ย
ที่เค้าทำให้ผมเจ็บเจียนตายมาแรมปีดวงนี้ ได้มากน้อยแค่ไหน
เอาไปอีกตอนนะคับ ช่วงนี้เศร้าหน่อยนะคับ เรื่องจริงมันเศร้ามากกว่านี้มากมายมันไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นตัวหนังสือหรือคำพูดได้หรอกคับ ใครที่ไม่เคยโดนกับตัวไม่รู้สึกหรอกคับ เดี๋ยววันนี้กะว่าจะลงให้อีกตอนนะ เป็นการขอโทษที่ไม่ได้มาลงให้หลายวันนะคับ แต่หลังจากดูเดอะสตาร์ก่อนนะ วันนี้จะเชียร์น้องแก้ม...

รักหมอต้น ชอบเรื่องที่หมอต้นแต่ง ช่วยโหวตให้น้องแก้ม ผู้หยิงหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่บนเวทีเดอะสตาร์ ให้เธอได้เป็นผู้หญิงคนแรกที่ชนะในการประกวดร้องเพลงในประเทศไทย...น้องเค้ามีความสามารถจริงๆ แต่คนอื่นหมอต้นก็ว่าเก่งนะคับ ไม่ว่าจะต้น หรือ รุจ ทุกคนต่างมีคาแร็กเตอร์ที่แตกต่าง แต่หมอต้นชอบแก้มเนาะ

โหวตแก้ม หมายเลข 4 นะคร้าบบบบ