## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษสุดท้าย [ ๒๑ / ๐๑ / ๒๕๖๐ ]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ## บันทึกรักสีม่วง ## ตอนพิเศษสุดท้าย [ ๒๑ / ๐๑ / ๒๕๖๐ ]  (อ่าน 268029 ครั้ง)

ออฟไลน์ panari

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
เหมือนนายรพีจะเริ่มดีขึ้น(รึเปล่า?)

ออฟไลน์ matame

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 706
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-1
ตกลงพระเอกไม่รู้ใจตัวเองรึนี่ ยิ้มแล้วๆ

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
มีแอบยงแอบยิ้ม 55555

ออฟไลน์ liza sarin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-14

ออฟไลน์ Veesi3

  • coHon3 {ต้นฝ้าย}
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 715
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
อั้ยยยย ส่อแววไปในทางที่ดีแล้ววว

ออฟไลน์ wargroup

  • Twitter/IG : @inaSSusani
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 454
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +52/-3
เค้าค่อยๆซึมซับกันและกันอย่างช้าๆ โอ้ย สนุกจังเลย ชอบๆๆๆๆๆๆ
รออ่านอยู่ตลอดนะคะ นอกจากลุ้นรุ่นพ่อ ยังรอลุ้นรุ่นลูกด้วย
แต่ไม่ทันจะอะไร ...เจ้าทานตะวันมันดันเริ่มฝ่อซะแล้วนี่สิ 5555
เด็ดดอกฟ้าไปเลยค่ะหนู ยากดี มีคุณค่า
ปล. ขอด่ายัยนลินย้ำอีกทีว่า อีบ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ 

ออฟไลน์ Ipatza

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 932
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-7
เรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวเลยที่ทำให้เข้ามาดูทุกวัน
อย่างแรกที่เข้ามาจะนึกถึงเรื่องนี้และจะเปิดหา
....เพราะเรื่องที่ชอบๆเขาไม่มาแต่งต่อสะที 5555+
ล้อเล่นจ้า ติดเรื่องนี้งอมแงมแล้ว
อยากจะรู้จริงๆรพีจะจัดการยังไงกับความรุ้สึกของตัวเอง
รวมทั้งอีเมียเก่าบ้านั้นด้วย
ไม่แคล้วว่าจะต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับตะวัน
บ้อบอสิ้นดี

ออฟไลน์ Roman chibi

  • Death is not the end. Death can never be the end. Death is the road. Life is the traveller. The soul is the guide.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-3
คุณรพีนี่ หนุ่มซึนชัดๆ o13

ออฟไลน์ Pz_ready

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 53
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +107/-1
เย็นวันจันทร์ในวิทยาลัยสายอาชีพที่ตะวันเรียนอยู่ วันนี้อาจารย์เม่นที่เอ็นดูคอยมอบวิชาความรู้นอกตารางเรียนให้มาโดยตลอด วันนี้ก็เช่นกันที่เรียกให้ตะวันมาดูตอนที่ตัวเองเชื่อมเหล็กดัดที่ทางวิทยาลัยวานให้อาจารย์เม่นช่วยทำ

งานตรงหน้าทำให้ตาคมเบิกตาตื่นเต้นกับสิ่งที่เห็น อาจารย์คนโปรดเชื่อมเหล็กเส้นแต่ละเส้นเข้าด้วยกันทั้งเส้นเล็กเส็นใหญ่ปะปนกันจนออกมาตามแบบ ตลอดเวลาที่อาจารย์ทำก็คอยสอนเทคนิคตามของตัวเองไปด้วยทั้งยังลองให้ตะวันทำให้ส่วนของชิ้นเล็กๆแม้จะเสียเวลามากขึ้นแต่ในฐานะคนเป็นครู เห็นคนที่รักเรียนรู้ก็อดที่จะสอนอย่างเต็มที่ไม่ได้ แถมยังสัญญากับลูกศิษย์ว่าคราวหน้าจะลองให้ทำแบบที่ใหญ่กว่านี้

หน้าคมยิ้มกว้างทันทีที่อาจารย์พูด ถึงตอนนี้ไม่มีความจำเป็นเรื่องการเงินอีกแต่ตะวันก็ค้นพบตัวเองว่าชอบทางด้านนี้จริงๆ จากตอนแรกคิดไว้ว่าจะเรียนแค่ปวช แล้วจะออกมาทำงานหาเงินให้ไวที่สุด

แต่ตอนนี้ความคิดของเด็กหนุ่มเปลี่ยนไป อยากจะเรียนให้สูงที่สุดในด้านนี้ วิศวะ...คำนี้ฟังดูเท่ห์ในจิตใจของตะวัน และถ้าทำได้พ่อปิงปองคงจะภูมิใจในตัวลูกชายคนนี้แน่ๆ

“อ่าวเย็นขนาดนี้แล้วเหรอ”อาจารย์เม่นเงยหน้ามองดูนาฬิกาที่ห้องปฏิบัติงานพบว่าเข็มสั้นมันเลยเลขหกไปเกือบจะถึงเลขเจ็ดอยู่รอมร่อ ทำงานจนลืมเวลา ส่วนลูกศิษย์ข้างๆก็เรียนอย่างลืมเวลาเช่นกัน

“กลับไปก่อนไป แล้วนี่โทรบอกที่บ้านหรือยัง”

“บอกเรียบร้อยแล้วครับอาจารย์ ถ้าอย่างนั้นผมลานะครับ ขอบคุณอาจารย์มากๆนะครับ”บอกขอบคุณอาจารย์พร้อมไหว้อย่างสวยงามและจริงใจ ก่อนจะเดินออกมาด้วยรอยยิ้ม มีความสุขกับการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ในหัวกำลังทบทวนทุกอย่างที่อาจารย์สอนให้เมื่อครู่ซ้ำไปซ้ำมา

“ฮัลโหลครับพ่อ...ครับกำลังจะกลับ พ่อมีอะไรให้ตะวันกินบ้าง”ทันทีที่ออกมาจากวิทยาลัยร่างโปร่งก็กดมือถือโทรหาพ่อปิงปองบอกว่ากำลังจะกลับบ้าน ไม่วายอ้อนถามหาของกินอย่างที่เคยทำ

“มีต้มปลา ผัดหมี่ เดี๋ยวพ่อทอดไข่เพิ่มให้นะกับข้าวส่วนใหญ่พวกพี่ดาวกินกันหมดแล้ว”อดุลย์ตอบกลับ เรียกดาวว่าพี่ดาวแทนคำพูดของตะวันอย่างเอ็นดู

“วันนี้คุณศูรบ่นด้วยนะว่าตะวันเริ่มไม่กลับมาทานข้าวเย็นด้วย”ได้ยินคนแก่บ่นน้อยใจว่าตะวันคงติดเพื่อนเลยไม่กลับมาทานข้าวเย็นกับตัวเอง ตะวันหัวเราะขำๆกลับไม่ได้พูดอะไรต่อ

“อาจารย์เม่นเรียกไปสอนเชื่อมเหล็กดัด สนุกมากเลยพ่อ”

“ดีแล้วครับ ว่างๆพ่อจะทำกับข้าวไปฝากขอบคุณอาจารย์ของตะวันนะ ฝากถามทีว่าอาจารย์ชอบทานอะไร”อดุลย์บอกเสียงใสนึกขอบคุณอาจารย์อีกคนที่เอ็นดูลูกชายของตัวเอง ได้ยินตะวันพูดถึงอาจารย์คนนี้อยู่บ่อยๆ เห็นว่าคอยสอนอะไรมากมายนอกตำราเรียน

“ครับ เดี๋ยววันหลังตะวันถามให้นะ”

“แล้วนี่จะถึงบ้านตอนไหน รถจะติดมั้ยให้พ่อไปรอที่หน้าหมูบ้านมั้ยจะได้ไม่ต้องนั่งรอรถมอไซด์เข้ามา?”ดูเวลาก็ทุ่มหนึ่งแล้วถึงจะยังไม่ดึกแต่กว่าตะวันจะกลับมาถึงหมู่บ้านคงซักสองทุ่ม แล้วลูกชายก็บ่นว่าเวลานั้นหารถรับจ้างยากเพราะคนใช้บริการเยอะ

“คงติดครับเดี๋ยววันนี้ตะวันว่าจะนั่งรถเมล์กลับขี้เกียจไปต่อรถหลายรอบพ่อไม่ต้องมารอหรอก”ตะวันบอก วันนี้เหนื่อยเกินกว่าจะไปต่อรถไฟฟ้าลงใต้ดินแล้วต่อรถเมล์อีกสองป้ายตามปรกติทุกวันแต่ถ้านั่งรถตู้ที่หน้าวิทยาลัยจะมีสายที่นั่งไปถึงแถวหน้าหมู่บ้านได้ แล้วค่อยต่อรถรับจ้างเข้าไป

“โอเคครับ จะถึงแล้วโทรมาบอกพ่อนะเดี๋ยวพ่อเตรียมทำอาหารไว้ให้ อยากกินอะไรเพิ่มหรือเปล่าครับ”

“ไม่เป็นไรครับพ่อ เดี๋ยวพ่อจะเหนื่อยเปล่าๆ”ตะวันตอบเอาใจคนเป็นพ่อก่อนจะวางสายเมื่อเห็นว่ารถเมล์คันที่ตัวเองต้องขึ้นกำลังมาถึงป้ายในไม่ช้า ยังได้รับคำอวยพรบอกให้กลับบ้านอย่างปลอดภัยแบบในทุกๆวัน

ตะวันเดินขึ้นรถเมล์สายที่ปรกติไม่ค่อยจะได้ใช้บริการเท่าไรนักนอกจากวันที่ไม่อยากไปติดฝูงคนในเวลาตอนหัวค่ำแบบนี้ รถเมล์สายนี้เหมือนจะนั่งอ้อมไปซักหน่อยแต่ก็ดีกว่าจะเหนื่อยเบียดกับคนอื่น

 บนรถมีผู้คนไม่มากเท่าไรนัก พอจะมีที่นั่งพอให้ตะวันได้นั่งแอบงีบหลับได้อยู่ ดีกว่ารถคันนี้เป็นรถเอกชนเป็นรถแอร์ค่าโดยสารแพงนิดหน่อยถ้าเทียบกับระยะเวลาที่ต้องเสียไป

ทันทีที่ได้ที่นั่งตะวันก็นั่งหลับตาทันที ความเหนื่อยล้าที่สะสมมาทั้งวันทำให้ไม่ยากที่ทำให้ร่างกายต้องการการพักผ่อน แม้จะหลับๆตื่นๆตลอดเวลาที่รถจอดหรือมีคนเดินผ่าน

และพอไม่ถึงครึ่งทางคนที่ครึ่งหลับครึ่งตื่นก็ได้ตื่นเต็มๆตา เสียงโวยวายของกลุ่มเด็กผู้ชายเกือบสิบคนกำลังขึ้นมาบนรถที่ตะวันนั่งอยู่ ผู้คนรอบข้างเริ่มกระซิบกระซาบอย่างกังวล

...เด็กวิทยาลัยช่างเหมือนเขาแต่คนละสถาบัน...

ถึงคนตาคมไม่ได้กังวลถึงเรื่องที่เพื่อนส่วนใหญ่ชอบมาบ่นให้ฟัง เพราะเรียนมาจนจะขึ้นเทอมที่สองก็ไม่เคยมีเรื่องมีราวกับเขาซักที เคยได้ยินข่าวมาเหมือนกันว่าคนในสถาบันไปมีเรื่องชกต่อยกับอีกทีที่เป็นอริกัน แต่ตะวันก็ยังรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องไกลตัวเองเสียเหลือเกิน

“เห้ยไอ้ปืน! นั่นมันใช่ไอ้คนที่มีข่าวว่าเป็นหัวหน้าแก๊งค์ของวิทลัยนู้นป่ะวะ”เสียงของชายที่พึ่งขึ้นมาบนรถตะโกนคุยกับเพื่อนที่ชื่อปืนทั้งๆที่ก็ยืนอยู่ไม่ไกลกัน ทันทีที่คนพูดพูดจบทุกสายก็มองมาที่คนที่พึ่งตื่น

ไหล่ของตะวันเกร็งขึ้นด้วยความระวังภัย ตาสายเริ่มสอดส่ายมองหน้ากลุ่มคนที่มองมายังตัวเองทีละคนทีละคนเพื่อพิจารณาว่าเคยเห็นกลุ่มคนตรงหน้าหรือไม่ แต่ก็พบว่าตัวเองไม่เคยรู้จักพวกนี้แม้เลยซักคน

“เห้ย!! อย่ามามีเรื่องกันบนรถ”คำตวาดของชายคนขับรถดังอย่างไม่นึกเกรงกลัว และด้วยผู้คนที่เริ่มยกมือถือตัวเองขึ้นมาถ่ายรูปถ่ายวิดีโอหรือแม้กระทั้งโทรหาคนที่พอจะมาช่วยยืนยันความปลอดภัยของตัวเองทำให้ชายฉกรรจ์กลุ่มนั้นเงียบและเดินเลยตะวันไปนั่งอยู่ท้ายสุดของรถ

“เฮ้อ...”เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ของตะวันดังทันทีที่กลุ่มชายพวกนั้นเดินไปนั่งเรียบร้อย รู้สึกถึงสายตาที่มองมาอยู่ด้านหลังแต่ก็ไม่ได้กังวลมากเท่าไร เพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงไม่ได้ทำอะไรตัวเองเพราะแน่ใจว่าไม่รู้จักกันแน่ๆ อีกอย่างคนในรถก็มีอยู่เยอะอย่างไรเขาคงปลอดภัย

แต่ตะวันไม่เข้าใจ...ไม่เข้าใจว่าตลอดมาตัวเองอยู่ในที่ที่ปลอดภัยมาตลอด

แต่ตั้งแต่ตะวันเข้ามาเป็นเรืองรัตนโยดม...เป็นหนึ่งในสิ่งที่ควรจะเป็นที่รักของรพี

ตะวัน...ก็ไม่ปลอดภัยอีกต่อไป



••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••••




ท่ามกลางงานเลี้ยงสังสรรค์เปิดตัวคอนโดใหม่ภายใต้บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอสังหาริมทรัพย์ รพีแสดงใบหน้ายิ้มเรียบๆอยู่ภายในงานที่เลี่ยงไม่ได้เนื่องจากเจ้าของบริษัทเป็นคนที่รู้จักกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อ แถมยังเป็นคู่ค้าคนสำคนของเรืองรัตนโยดมอีกด้วย

ในงานเต็มไปด้วยเหล่าคนดังมากมายทั้งในวงการธุรกิจและวงการโทรทัศน์ รวมถึงสื่อมากมายที่มารวมทำงานในงานนี้ รพีเป็นหนึ่งในบุคคลที่สื่อให้ความสนใจเพราะเรื่องหย่าร้างที่เกิดขึ้นเป็นประเด็นที่สามารถทำข่าวได้ แถมฝ่ายหญิงยังคลุกคลีอยู่ในวงการสื่อ ทำให้ในงานรพีถูกล้อมหน้าล้อมหลังด้วยกล้องถ่ายรูป พึ่งจะแยกตัวออกมาได้เพราะมีดาราที่กำลังเป็นข่าวดังเข้ามาในงาน

วัชรที่ถูกบังคับให้มาทำงานนอกเวลาด้วยยื่นแก้วน้ำเปล่าที่ยังมีไอเย็นให้เจ้านาย บางทีก็หนักใจแทนคนแบบรพี ที่โดนสื่อจ้องจะถามข่าวแทบจะฉีกร่างสูงอยู่แล้ว

“เหนื่อยหน่อยนะครับ แล้วเดี๋ยวคุณภาวิดาจะขอคุยด้วยน่ะครับ”รพีพยักหน้ารับ ภาวิดาเป็นเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ทั้งยังเป็นเจ้าของงานนี้ แถมยังเป็นเพื่อนรุ่นน้องของศูร รู้จักกันมานานแต่ก็ไม่ได้สนิทอะไรกันมากนัก ส่วนใหญ่จะเจอกันในงานแบบนี้เท่านั้น

“แล้ว...คุณนลิน เธอมางานนี้นะครับ”คิ้วเข้มขมวดอย่างขัดใจ แสดงออกชัดเจนว่าไม่อยากเห็นหน้าผู้หญิงหน้าไหว้หลังหลอกคนนั้น ต่อหน้าพูดถึงแต่ความรักที่มีให้เขา ลับหลังกับจ้องทำลาย

คงหวังเพียงแค่เงิน...ผู้หญิงแบบนี้มันก็ได้เท่านี้

“มาในฐานะอะไร?”คำถามเหยียดๆจากรพีเล่นเอาวัชรถึงกับยิ้มแห้งๆ แค่ฟังก็รู้สึกถึงความหยิ่งยะโสของคนพูดได้แล้ว เจ้านายเขาก็เป็นแบบนี้กับอะไรที่ตัวเองไม่ชอบหรือเกลียดก็ไม่เคยจะสนใจและจะดูถูกเหยียดหยามแบบสุดๆ

แต่กับสิ่งที่รพีชอบ...ไม่รู้สิหนุ่มตาตี๋เองก็ไม่เคยเห็นซักที

“คงได้รับเชิญเหมือนกันครับอย่างน้อยเขาก็เคยเป็นหนึ่งในสื่อที่มีอิทธิพลมาก”...แถมถ้าเชิญคู่สามีภรรยาที่กำลังจะหย่าร้างกันมางานเดียวกันพวกสื่อเองก็คงแห่กันมาแบบไม่ต้องนัดเลย...วัชรไม่ได้พูดออกไป กลัวรพีเวลาเจอกับเจ้าของงานจะแสดงท่าทีไม่พอใจให้เสียงานซะเปล่าๆ

“หึ...”หัวเราะลงคอ ไม่ได้นึกใส่ใจการมาของอดีตภรรยามากนัก ผิดกับวัชรที่นึกระแวงเมื่อกี้ที่เจอใบหน้าสวยของนลินดูมีความสุขเอ่อล้นแม้ในยามที่ให้สัมภาษณ์เรื่องหย่า ใบหน้าที่ดูไม่ได้เป็นคนแพ้เลยซักนิด

“สวัสดีครับคุณรพี มางานนี้ด้วยเหรอ”เสียงทักของชายที่เข้ามาทักอย่างสนิทสนมทำให้ร่างสูงต้องหันไปให้ความสนใจ คนที่เข้ามาทักมีสองคน คนข้างๆคนที่ทักเป็นผู้หญิงสาวที่ดูแล้วคงเป็นลูกของนายศรันย์ เคยถูกแนะนำให้รู้จักครั้งหนึ่งแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจจะจำ

“ครับคุณศรันย์ เป็นอย่างไรบ้างครับ”ทักกลับอย่างสุภาพแม้ใบหน้าจะไม่ได้ยิ้มแย้มซักเท่าไร แต่ก็ไม่มีใครถือสาเป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่ารพีเป็นเสือยิ้มยากขนาดไหน

“สบายดีครับ เกดสวัสดีพี่เขาซิ”หญิงสาวข้างๆสวัสดีสวยงาม ยิ้มแย้มมาให้ รพีก็แค่พยักหน้ารับเท่านั้น รู้สึกแปลกไปซักหน่อยที่จะให้คนที่อายุไม่น่าจะถึงยี่สิบห้ามาเรียกคนที่จะอายุสี่สิบอีกไม่กี่ปีว่าพี่

“แล้วคุณรพีเป็นยังไงบ้างครับ เรื่องหย่าถึงไหนแล้ว เมื่อครู่ผมเห็นคุณนลินอยู่ทางนู้น ยังสวยไม่สร่างจริงๆ”คำพูดไปเรื่อยของคนตรงหน้าทำให้รพีนึกขัดใจขึ้นมานิดหน่อย

“ก็ดีครับ”ร่างสูงเลี่ยงตอบคำถาม หันไปมองหน้าวัชรที่ส่งยิ้มแห้งๆให้ สายตาเจ้านายบ่งบอกว่าให้เขาหาเรื่องพาตนออกไปจากตรงนี้ แต่วัชรเองก็หนักใจเหมือนกันเพราะเขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ถ้าเป็นเรื่องเอกสารงานต่างๆวัชรพร้อมจะรับมือ ให้มาสู้รบกับสิ่งมีชีวิตแบบนี้หนุ่มตาตี๋คงขอลา

“ถ้าหย่าเสร็จเมื่อไรอย่าลืมน้องเกดนะครับคุณรพี นี่พอเห็นรายชื่อแขกว่ามีคุณรพีมาด้วยยัยเกดก็เร้าๆให้ผมพามาด้วยปรกติก็ไม่เห็นจะชอบมางานแก่ๆแบบนี้เท่าไร”รพีขมวดคิ้วอย่างเคย รำคาญนายศรันย์นี่เต็มทน พูดจาอะไรออกมาเหมือนเป็นคนไม่มีมารยาท เรื่องที่พูดออกมาคิดยังไงก็ไม่สมควรพูดออกมา

“...”

“โอ้ นี่เกดอยากลองทำงานที่ห้างคุณรพีมั้ย ลองขอพี่เขาซิ”เสียงจิ๊ปากที่ลอบทำดังเล็ดลอดออกมา คงมีแต่หนุ่มตาตี๋ที่ยิ้มไม่ค่อยจะออกที่ยืนอยู่ข้างๆเท่านั้นที่ได้ยิน

“เอ่อ...ขอโทษนะครับแต่เหมือนว่าได้เวลาที่งานจะเปิดตัวแล้วครับ ขออนุญาตพาคุณรพีไปที่โต๊ะก่อนนะครับ”วัชรเอ่ยปากพลางขอโทษขอโพยคนคู่ตรงหน้า ส่วนคนเป็นเจ้านายเดินหนีไปทันทีที่ลูกน้องเอ่ยขัดบทสนทนาแล้ว

คิ้วเข้มขมวดขัดใจอย่างที่เคยทำไม่ชอบใจกับพวกที่เข้ามาเสนอตัวลูกสาวอย่างกับพวกแม่เล้าพ่อเล้า ขนาดแต่ก่อนเขามีภรรยาเป็นตัวเป็นตนก็ยังมีมาเรื่อย ทำตัวเหมือนพวกปลิงที่อยากมาเกาะดูดคนที่มากไปด้วยทรัพย์สินเงินทองแบบรพี

แค่เจอหน้าเขาก็ออกอาการสั่นระริกอยากเข้าใกล้จนตัวสั่น...ถ้าทำตัวแบบไอ้คนหน้าขาวตัวบางที่พอเจอมีแต่ไหล่เกรงถิยหนียังจะดูน่ารักซะกว่า

...ป่านนี้คงนั่งดูทีวีรอให้เขากลับแล้วปิดบ้านเองเพราะไล่ดาวกับป่านไปนอนก่อนอย่างทุกที...

ทันทีที่ในกระหวัดนึกไปถึงอดุลย์ก็สั่นหัวแรงๆไล่ความคิดที่ช่วงนี้ชอบเผลอนึกไปถึงอีกคนบ่อยๆ รพีคิดว่าก็คงเป็นแค่เจอหน้ากันทุกวันแถมช่วงนี้ก็ชอบมาทำให้เขาไม่เข้าใจตัวเองบ่อยๆซะอีก

“ว่าไงซัน สบายดีเหรอค่ะ”ทันทีที่นั่งลงคำทักทายที่เจอมาตลอดตั้งแต่เข้ามาในงานเกิดขึ้นอีกหนึ่งครั้ง ต่างแค่ตอนนี้คนที่ทักทายเป็นอดีตภรรยาที่ใบหน้ายิ้มแย้มเท่านั้น ทันทีที่เห็นว่าเป็นใครก็เกิดเสียงแปะเนื่องจากการตัวหน้าผากตัวเองเบาๆของวัชร

...เมื่อกี้พึ่งจะอารมณ์เสียจากสองพ่อลูก...

...ขออย่างให้เจ้านายหลุดกลางงานเถอะ...

 “....”

“ไม่ทักทายกันหน่อยเลยเหรอซัน”เสียงเว้าวอนจากคนตรงหน้าบอก นัยตาคู่สวยฉ่ำไปด้วยความรักที่มีแม้จะเลิกร้างแต่หญิงสาวตรงหน้าก็คงยังยึดติดกับสิ่งที่ตนคิด

“...”

“เอาเถอะ ซันคงเกลียดลินแล้วซินะ เพราะลินไปอยากได้หุ้นของบริษัทที่ซันรักเหรอ?”เสียงออดอ้อนของนลินทำให้ตาคมต้องจ้องมองเหยียดๆ ผู้หญิงตรงหน้าทำท่าใสซื่อได้เสแสร้งจริงๆ

“ทำไมเธอถึงมานั่งแถวเดียวกันชั้น”คำตอบที่ไม่ตรงคำถามแถมยังกลายเป็นคำถามกลับคืนอีกฝ่าย สร้างความไม่พอใจเล็กน้อยให้หญิงสาวข้างๆ

“อะไรกัน อย่างน้อยลินก็ยังไม่ได้เปลี่ยนนามสกุลนี่ จะให้ลินไปยืนไม่มีโต๊ะแบบนั้นคุณภาวิดาคงไม่อยากให้ใครมาดูถูกคนรักของคุณล่ะมั้ง”

“...ชั้นไม่เคยรักเธอ...”คำพูดเย็นชาที่ทำให้คนที่ยิ้มแย้มเมื่อครู่ถึงกับหุบยิ้มลง ทั้งๆที่นลินเตรียมใจมารับคำถางถากของรพีอยู่แล้วแต่ใจรักก็ทนไม่ได้เมื่อได้คำที่ทำร้ายกันซึ่งๆหน้าแถมหน้าตาคนพูดยังบ่งบอกว่าสิ่งที่พูดเป็นเรื่องจริงแท้แน่นอน

“อย่าสำคัญตัวผิดไป ถึงจะเป็นภรรยาก็ไม่ได้แปลว่าชั้นรัก”

“...พ..พอเถอะ อย่าทำร้ายลินแบบนี้ คิดถึงใจคนที่รักคุณบ้าง”

“รักชั้น?...หรือรักเงินของชั้น?”คำแล้วคำเล่าที่ทำให้หัวใจต้องเจ็บช้ำ หน้าเรียวของนลินก้มลงมองมือที่จิกเนื้อตัวเองอย่างอดกลั้นความโกรธไม่ให้พวยพุ่งออกมา เลือดที่ซึ่มออกมาเพื่อสะกดกลั้นอารมณ์เอาไว้ก่อนที่หน้าสวยจะเงยหน้ามองคนที่ตัวเองรักอย่างหน้ามืดตามัวอีกครั้ง

“...ลินรักคุณจริงๆนะซัน รักจนคุณอาจจะคิดไม่ถึงเลยล่ะ”น้ำเสียงที่แปลกไปจากเมื่อครู่มาพร้อมกับรอยยิ้มพิศวงที่ไม่เคยเห็น รพีอาจจะมองว่าที่นลินแต่งงานเพราะอยากได้เงิน

...แต่มันไม่ใช่ทั้งหมด

“อย่ามาพูดเรื่องไร้สาระกับชั้น และอย่าหวังว่าจะได้อะไรจากชั้น”รอยยิ้มขมๆที่ยิ้มทันทีที่รพีบอก

“คุณรู้จักผู้หญิงน้อยไปนะซัน ถ้าผู้หญิงอยากได้อะไรก็ต้องได้”

“คนอย่างเธอจะทำอะไรได้”คำปรามาสกับรอยยิ้มเหยียดดูถูกเต็มที่ส่งไปให้หญิงสาวที่เพียงแค่หัวเราะเบาๆ ดวงตาที่ปรากฏไฟลุกโชนอยู่ภายในบ่งบอกว่านี่คือธาตุแท้จริงๆของผู้หญิงคนนี้

“ไม่รู้สิ...แต่ถ้าเป็นเอาภาพของเด็กบางคนที่เรียนช่างไปปล่อยข่าวว่าเป็นศัตรูกับอีกโรงเรียนช่างอีกทีแค่สร้างข่าวที่ทำให้คนคนนั้นไม่ได้รับความปลอดภัย...ลินว่าลินทำได้นะ”นลินพูดเยาะเย้ยก่อนจะลุกอย่างเสียมารยาทเพราะงานกำลังดำเนินงานทำให้ทุกคนจ้องมองคนที่ลุกพรวดพราดออกจากห้องอย่างสงสัย

...นลิน...พูดถึงใคร?

ครืนน ครืนน

ไม่ทันได้นึกสงสัยอะไรเสียงสั่นของโทรศัพท์ก็ดังมาจากเลขาฯที่นั่งอยู่ข้างๆ

“คุณอดุลย์โทรเข้ามาครับ?”วัชรเอ่ยบอกรพี ที่รู้สึกจิตใจพะว้าพะวงแปลกๆ หน้าคมพยักหน้ารับโทรศัพท์ขึ้นมาป้องปากรับสาย แต่สิ่งที่คนโทรเข้ามาพูดทำให้มือหนาไร้เรี่ยวแรงขนาดที่ปล่อยโทรศัพท์ตกลงพื้นจนหน้าจอแตก




....ฮึก...ค...คุณรพี....ช่วยด้วยครับ...ตะ...ตะวัน...ฮึก...ตะวันถูกทำร้ายที่หน้าหมู่บ้าน....





ออฟไลน์ Veesi3

  • coHon3 {ต้นฝ้าย}
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 715
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
ม๊ายยยยยยยยยยยยยยยยย  :ling1: ตะวันนนน ฮือออ อย่าเป็นอะไรนะลูกกก  :o12:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ IRIS

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 434
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
นางเป็นชะนีโรคจิตสินะ แบบนี้ต้องจับถ่วงทะเลซะให้สิ้น :z6:

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
ชะนีแก่น่ารำคาญ ฮึ่มๆๆๆๆ

ออฟไลน์ Roman chibi

  • Death is not the end. Death can never be the end. Death is the road. Life is the traveller. The soul is the guide.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-3
เกลียดชะนีนลิน หน้าด้านมาก
ปล.ตะวันอย่าเป็นอะไรมากนะ  :katai4: :ling3:

ออฟไลน์ liza sarin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-14
นลินเธอเป็นโรคจิตใช่ไหม

ออฟไลน์ valenna yy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
นลิน  ผญ.โรคจิต
ตะวันนนน~ :mew4:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
เห็นด้วยกับความคิดเห็นก่อนหน้า(หลายๆความคิดเห็น) นลินคงจะเป็นโรคจิตอ่อนๆ(หรืออาการเริ่มต้น/แอบแฝง)สินะ
ตะวันจะเป็นอะไรมากมั้ย ก็คิดอยู่ว่าไม่กล้าทำตอนอยู่บนรถ แต่ถ้าลงรถแล้วคงถูกรุมอ่ะ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
 :katai4: อยากกระโดดถีบนังลินทำไมทำตัวร้ายกาจได้ขนาดนี้นะ  :o12:

ออฟไลน์ panari

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
เกลียดนังนลิน ทำร้ายตะวันได้ไง

ออฟไลน์ Ipatza

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 932
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-7
นี้ไงสิ่งเลวร้าย
ที่จะตกมาสู่ลูกมาแล้ว
การทำร้ายกันของผู้ใหญ่ที่จะต้องลากคนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามา
เห่อ
อินี้มันน่าตบล้างน้ำจริงๆ.......

ออฟไลน์ double9JH

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1808
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-7
ตะวันนนนนน  :mew2:   :serius2:

 :katai1: :katai1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
เกลียดผู้ใหญ่ รังแกเด็ก ตะวันอย่าเป็นอะไรมากนะ รพีจัดการลินให้ย่อยยับซะ

ออฟไลน์ yisren.

  • #คนที่ฉันไม่เคยลืม
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 830
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-4
ยัยป้านลินมาทำร้ายน้องตะวันของชั้นได้ยังไง ขอสาปแช่งแก  :ling1: :hao5:

saymillo

  • บุคคลทั่วไป
ค่ะ สำหรับเรื่องนี้นะคะ...หนูว่ามีการดำเนินเรื่องดี และสนุกมากๆเลยค่ะ
(แหะๆ...พึ่งแสดงความคิดเห็นหลังเป็นนักอ่านเงามานาน?)

พี่รู้ไหมคะ...หนูสมัครมาเพื่อแสดงเป็นกำลังใจให้พี่โดยเฉพาะ  :mew2:

ออฟไลน์ Pz_ready

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 53
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +107/-1
กลิ่นยาฆ่าเชื้อที่เป็นเอกลักษณ์ของสถานพยาบาลลอยอบอวลไปทั่วทั้งห้อง บนเตียงมีร่างของเด็กชายที่เป็นดวงใจของทุกคนนอนหลับอยู่ ร่างกายมีผ้าพันแผลพันไว้หลายที โดยเฉพาะใบหน้าที่ตอนนี้ออกสีม่วงบวมมีเลือดคลั่งอยู่ภายในสร้างความสงสารให้คนที่นั่งอยู่โซฟาข้างๆ
 
ร่างบางนั่งน้ำตาซึมมองดูตะวันที่นอนหายใจเบาๆอยู่เงียบๆ เขาใจแทบสลายตอนมีพลเมืองดีใช้มือถือของตะวันโทรมาหาเขาแล้วแจ้งบอกว่าตะวันถูกทำร้ายอยู่ที่ป้ายรถเมล์หน้าหมู่บ้าน ทันทีที่รู้ก็รีบวิ่งออกไปทันที เห็นสภาพของตะวันก็ปล่อยโฮออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่
 
มือสั่นปากสั่นทำอะไรไม่ถูก หยิบมือถือขึ้นมากดโทรหาเบอร์ของรพีที่พึ่งโทรมาสั่งว่าวันนี้กลับดึกสั่งให้ดาวรอปิดบ้าน หลังจากนั้นอดุลย์ก็เหมือนไม่รู้ตัว จำอะไรไม่ได้ ในใจมีแต่ความกลัวที่จะเสียลูกไป จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองนั่งรถมูลนิธิที่มารับตะวันไปส่งโรงพยาบาล ไม่รู้ว่ามีร่างสูงของอีกคนมายืนอยู่ข้างๆหน้าห้องฉุกเฉินตอนไหน
 
รู้ตัวอีกทีก็อีกเกือบชั่วโมงต่อมาตอนที่หมอออกมาบอกว่าตะวันปลอดภัยไม่ได้เป็นอะไรมาก เหมือนสติทุกอย่างกลับเข้ามาพอรับรู้สิ่งรอบตัวก็พบว่ามีคนที่บ้านมากันครบทั้งศูร รพี ลุงโชน ดาวกับป่านก็มา แถมยังมีวัชรมาด้วยอีกคน
 
แต่ตอนนี้ทุกคนแยกย้ายกันไปพักผ่อนหมดเพราะตะวันเองก็ยังไม่ฟื้น อดุลย์อาสาจะเฝ้าลูกชายเองและเขาก็ทำหน้าที่นั้นจริงๆเพราะอดุลย์นั่งจ้องลูกชายเงียบๆตลอดเวลาตั้งแต่เมื่อเช้าจนตอนนี้ดวงอาทิตย์ขึ้นมาเข็มนาฬิกาชี้เลขเจ็ดแล้ว
 
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
 
เสียงเคาะประตูดังขึ้นมาเรียกความสนใจตาตากลมโตที่บวมช้ำและนัยน์ตาสีแดงเนื่องจากการอดนอน รพีเดินเข้ามามอไปที่ลูกชายที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงก่อนจะหันมองพ่ออีกคนของลูกที่นั่งตาแดงอยู่ที่โซฟาข้างๆ
 
“ได้นอนบ้างหรือเปล่า”
 
“...”อดุลย์ไม่ได้ตอบอะไร เอาแต่ก้มหน้าทำตาเศร้าสร้อยราวว่าเจ็บปวดกว่าคนเจ็บที่นอนอยู่เสียอีก แบบนั้นยิ่งทำให้รพีรู้สึกแย่มากขึ้นไปกันใหญ่ เขาไม่รู้ว่าจริงๆแล้วสาเหตุที่ตะวันถูกทำร้ายเนื่องมาจากสาเหตุอะไร แต่ที่นลินพูดเมื่อคืนทำให้...ทำให้คิดได้แต่ว่าที่ตะวันโดนทำร้าย...ก็เพราะตัวของเขา
 
หลังจากเมื่อคืนได้รับโทรศัพท์จากอดุลย์ รพีมีความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดมาก่อน มือชาเท้าชาไปชั่วขณะ รู้สึกราวกับว่าโดนของแข็งทุบที่หัวเข้าอย่างจัง ยิ่งได้ยินเสียงสะอื้นปานจะขาดใจของปลายสายยิ่งรู้สึกมากเข้าไปกันใหญ่

มาถึงโรงพยาบาลเห็นคนที่ตาลอยร้องไห้จนหน้าเปรอะเปื้อนไปหมดยิ่งรู้สึกสงสัยจนเจ็บในใจ ทำไมอดุลย์ถึงรักตะวันที่ไม่ได้เป็นลูกชายแท้ๆของตัวเองได้มากมายขนาดนั้น สิ่งที่ไม่เข้าใจที่สุดคือตัวเขา

...ทำไมความรู้สึกห่วงใยที่พวยพุ่งในอกมันคืออะไร...

“ตำรวจติดต่อมาว่าพอตะวันฟื้น เขาจะขอเข้ามาสอบปากคำ”

“ครับ”คำตอบรับจากร่างบางทำให้ใจชื้นว่าไม่ได้คุยอยู่คนเดียว

“ชั้น...”

“...?”เพราะคำพูดที่ไม่ได้ต่อให้เต็มประโยค อดุลย์เลยหันไปมองคนที่เดินเข้ามาใหม่ รพีมีท่าทางอึกอัก ตกใจตัวเองที่เมื่อกี้จะเอ่ยคำว่าขอโทษออกไปเพียงเพราะคิดว่าที่ตะวันเป็นแบบนี้เป็นเพราะตนเอง

“ชั้น...เฮ้อ ชั้นจะจัดการทุกอย่างเอง นายดูแลตะวันให้ดีๆ”อดุลย์พยักหน้ารับก่อนจะหันกลับไปมองคนที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงคนไข้ต่อ กว่านาทีที่ทั้งห้องเงียบเชียบจนน่าอึดอัด

“ชั้นไปซื้อกาแฟก่อนนะ”อีกครั้งที่อดุลย์หันมาสนใจรพีที่ไม่ยอมนั่งซักที พอทวนประโยคของรพีในใจจึงพอนึกได้ หันมองดูนาฬิกาที่แขวนบนผนังอุทานเบาๆอย่างตกใจ  เจ็ดโมงเช้าปรกติรพียังไม่ลงมาจากข้างบนห้องด้วยซ้ำ

“เอ่อ เดี๋ยวผมไปซื้อให้มั้ยครับ”อดุลย์ยังคงเป็นตัวเอง เสนอตัวเองคอยช่วยคนอื่นเสมอ แถมตอนนี้เขาก็ลืมกลัวร่างสูงเหมือนที่ทีที่อยู่ด้วยกันสองคน ไหล่ไม่เกร็งเหมือนกัน แม้กระทั้งสายตาก็ไม่กรอกไปมาอย่างหวาดๆ

อดุลย์สนใจแค่ความเจ็บปวดของลูกชายทั้งหมด

“รบกวนด้วยแล้วกัน”เสียงเข้มพูดบอก หยิบยื่นทั้งกระเป๋าสตางค์ให้อดุลย์ มือบางชะงักนิดหน่อยที่จะรับของแต่ดูเหมือนรพีจะไม่อยากสนทนาด้วยเพราะหยิบหนังสือพิมพ์ฉบับที่อ่านไปแล้วเมื่อเย็นวานขึ้นมาอ่าน และอดุลย์เองก็ไม่มีเงินติดตัวซักบาท

“เอ่อ คุณรพีครับถ้ายังไงผมขอยืมเงินก่อนซักพันหนึ่งนะครับ ผมไม่ได้พกกระเป๋าสตางค์มา”อดุลย์ตัดสินใจบอกรพีเมื่อหยิบกระเป๋าเงินของคนๆนั้นขึ้นมาแนบอก ลงไปทั้งทีก็จะไปหาซื้อของใช้ในห้องน้ำมาติดไว้ ไม่อยากเป็นภาระของคนที่บ้านให้ขนมาให้

“ใช้ๆไปเถอะ ถ้าเงินไม่พอก็กดในบัตรรหัส 2519”พูดอย่างไม่ใส่ใจแล้วหันไปอ่านสิ่งที่อยู่ตรงหน้าต่อ ร่างบางจึงกล่าวขอบคุณแล้วเดินเลี่ยงออกไปจากห้องตรงไปยังร้านสะดวกซื้อที่อยู่หน้าโรงพยาบาล

พอพ้นร่างบางที่พึ่งออกไป รพีจึงวางหนังสือพิมพ์ที่ตัวเองอ่านไปแล้วลง ขายาวลุกขึ้นพาตัวเองมาเดินหยุดอยู่ที่ข้างๆเตียงคนไข้ที่ยกราวกั้นขึ้นสูง มือหนาวางลงเบาๆที่ราวเหล็ก

ภาพเบื้องหน้าของเขาคือเด็กที่ใบหน้าปูดโปนสีม่วงช้ำน่ากลัว ผ้าผันแผลมีเลือดซึมออกมาถึงพอรู้ว่าแผลที่อยู่ตามแข้งขาเป็นแผลถลอกธรรมดาก็ตามก็ยังอดห่วงไม่ได้...ห่วง

ความรู้สึกห่วงงั้นเหรอ...ใช่ว่ารพีจะไม่เคยมีความรู้สึกนี้มา เขาเคยมีแต่มันนานมากแล้ว นานจนเขาเองยังแทบจะลืมมันไป...ความห่วงขนาดที่ว่าอยากเจ็บแทนแบบนี้

ทำไมถึงเกิดขึ้นกับคนที่ไม่เคยมีความผูกพันมาก่อน จะว่าเป็นเพราะความเป็นลูกเป็นพ่อ...งั้นเหรอ?

“อึก...อึก”รพีสะดุ้งเฮือกใหญ่ที่ระหว่างกำลังมองตะวันพลางคิดอะไรในหัว ร่างของคนเจ็บก็บิดไปมาเล็กน้อย ส่งเสียงในลำคอเบาๆก่อนจะลืมตาช้าๆขึ้นมามอง

“...”ไร้เสียงพูดอะไรไปชั่วครู่ ตะวันมองพ่อแท้ๆของตัวเองอย่างบอกความรู้สึกไม่ถูก ความทรงจำฉายชัดขึ้นมาว่าเมื่อวานตนโดนทำร้ายอะไรไป พอตื่นมาก็เป็นหน้าของรพีมายื่นเกาะราวเหล็กกั้นเตียงทำเหมือนกับรอการฟื้นของเขาอย่างไรอย่างนั้น

“พ่อนายพึ่งลงไปซื้อของข้างล่าง ซักพักนั้นแหละถึงจะขึ้นมา”เสียงเข้มบอกก่อนจะวางฟอร์มเก็บสีหน้าเหร่อหราเมื่อครู่เดินกลับไปนั่งลงที่โซฟาตัวเดิมที่นั่งอยู่เมื่อครู่

“เอ่อ...”

“...? จะเอาอะไรหรือเปล่า”รพีถาม เห็นคนที่พึ่งฟื้นทำอึกอักอยู่บนเตียงเลยถามออกไป

“คือผม..คอแห้ง”เสียงแหบที่ผิดปรกติบ่งบอกว่าคนพูดไม่ได้โกหก รพีลุกยืนอีกคนเดินไปที่ข้างเตียงที่มีเหยือกน้ำกับแก้วที่คว่ำอยู่ก่อนจะเทน้ำใส่แล้วยื่นให้คนที่ร้องขอ

“ขอบคุณครับ”ตะวันกล่าวขอบคุณแล้วรับน้ำมาดื่นแก้กระหายอย่างรวดเร็ว จนทำให้ปากหนาเกือบจะเผลอพูดเตือนออกไปว่าให้ดื่มช้าๆเดี๋ยวสำลัก...แต่ก็ไม่ได้พูดออกไป

“เจ็บตรงไหนมั้ย? จะเอาอะไรอีกหรือเปล่า”

“ไม่แล้วครับ ขอบคุณนะครับ”แม้คำพูดจะดูห่างเหินแต่ตะวันก็ยิ้มอ่อนใยนให้รพี ร่างสูงชะงักนิดๆเหมือนจะเห็นริ้วสีแดงขึ้นมาบนใบหน้าหน่อยๆ

“ขับรถเป็นหรือเปล่า?”จู่ๆร่างสูงก็เอ่ยเปลี่ยนบทสนทนาดื้อๆ ตะวันจึงหุบยิ้มทำหน้าตาสงสัย ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆด้วยสีหน้าบูดเบี้ยวด้วยความปวดระบมไปหมดทั้งตัว แค่ขยับหน้าก็สะเทือนไปหมด

“ทำไมหรือครับ”

“งั้นเดี๋ยวไปเรียนขับรถ แล้วต่อไปนี้ใช้รถส่วนตัวเอาหรือไม่ก็หาคนรถรับ-ส่ง”

“ดะ...เดี๋ยวครับคือผมไม่”ตะวันตั้งท่าจะขัด คนที่ยืนอยู่ส่งสายตาคมที่เหมือนกันราวกับคนเดียวมองขู่มาที่ตะวัน

“ชั้นสั่งเพื่อความปลอดภัยทั้งนั้น”ตะวันหน้าบูดเบี้ยวแม้จะยังอ่อนล้าแต่ในดวงตาก็ฟ้องว่าไม่เห็นด้วยกับคนตรงหน้า

“ผมไม่อยากให้มันวุ่นวาย คราวนี้ผมว่ามันเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด ผมยังอยากไป-กลับด้วยตัวเอง”เสียงแข็งตอบอย่างไม่ยอมแพ้กับอีกคนที่เข้าไม่ค่อยถูกทางกับตะวันซักเท่าไร ทั้งๆที่เมื่อกี้รู้สึกดีด้วยแล้วแท้ๆ แต่เพราะตัวตะวันไม่ชอบให้ใครมาชี้นิ้วบังคับ

ขนาดพ่อปิงปองยังต้องหาเหตุผลร้อยแปดคำขู่สารพัดอย่างมาใช้กับเขาถ้าอยากให้เขาทำอะไรที่ไม่อยากทำซักอย่าง

“ถ้าชั้นบอกว่าไม่ได้เป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด จะยอมทำตามที่ชั้นพูดหรือเปล่า”ใบหน้าจริงจังของรพีทำเอาตะวันต้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่ การที่บอกว่าไม่ได้เป็นเรื่องเข้าใจผิดแสดงว่าตัวเขากำลังถูกจ้องทำร้ายอยู่อย่างนั้นหรือ

เป็นไปไม่ได้...เขาไม่เคยไปมีเรื่องกับใครมาก่อนเลย

“แต่...”

“ชั้นไม่อยากจะให้มันเกิดขึ้นอีก นายไม่เห็นด้วยกับชั้นก็ถือว่าสงสาร...พ่อของนายแล้วกัน...ตะวัน”ประโยคของคนตรงหน้าบอกออกมา ชั่วแว่บตะวันรู้สึกเหมือนว่ารพีพูดมันออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดูน่าสงสาร

ราวกับ...อิจฉา

“พ่อ...พ่อปิงปองน่ะเหรอครับ”

“ใช่ เขาห่วงนายจนชั้นก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนที่เจ็บกันแน่”ตะวันนึกภาพออก แต่ก่อนเขาเคยทะเลาะกับไอ้ดำ ต่อยกันหน้าบวมทั้งคู่แต่ก็ยังกอดคอกันกลับมามาให้พ่อปิงปองช่วยทำแผลให้ทั้งน้ำตา

“...ครับ แต่ผมขอไว้คุยกับพ่อก่อนได้มั้ยครับ”คำตอบรับเสียงแผ่วของตะวันทำให้รพีรู้สึกพอใจที่สั่งคนในอาณัติได้ก็จริง แต่ถึงอย่างนั้นก็ขัดใจทุกทีที่ตะวันเรียกอดุลย์ว่าพ่อ

“เอ่อ...แล้ว...ไม่ไปทำงานหรือครับ”ตะวันถามพลางมองดูเวลา เขาไม่รู้หรอกว่ารพีไปทำงานตอนไหนส่วนใหญ่เขามักจะออกจากบ้านเป็นคนแรกอยู่แล้ว แต่บ่อยครั้งเห็นรพีไปทำงานวันเสาร์หรืออาทิตย์อีกฝ่ายจะแกจากบ้านราวๆแปดโมงเช้า นี่ก็เจ็ดโมงครึ่งแล้ว

“การที่ชั้นอยู่เฝ้านาย...ไม่ได้ทำให้เสียงงานมากนักหรอก เดี๋ยวจะให้ตำรวจเข้ามาสอบปากคำ ชั้นก็อยู่รอฟังด้วย”เป็นคำพูดเรียบๆที่แฝงด้วยความหยิ่งที่ไม่ระคายหู

เพราะถ้าฟังดีๆมันจะเต็มไปด้วยความรู้สึกด้านบวกเต็มอยู่ภายใน และตะวันก็สามารถรับรู้ได้ถึงมัน

แอ๊ด

“ต..ตะวัน!!”ทันทีที่ประตูเปิดออกร่างบางคนที่เข้ามาก็ตาโตทันที พร้อมๆกับร่างทั้งร่างวิ่งมาสวมกอดเต็มๆที่ลูกชาย น้ำตาที่หยุดไหลไปได้ซักพักก็หยดแหยะมาจากตาคู่ที่ยังช้ำแดงไม่หาย

“พ่อ...พ่อเป็นห่วง..กลัว”คำพูดไม่เป็นคำของอดุลย์ทำเอาคนสองคนฟังไม่รู้เรื่อง ตะวันกอดตอบพ่อปิงปองความรู้สึกผิดที่ตัวเองเป็นคนทำให้พ่อต้องร้องไห้ตีตื้นขึ้นมา ดวงตาคู่คมเอ่อล้นไปด้วยน้ำตาด้วยเวลาไม่ถึงวินาที

“ผ...ผมขอโทษ”คำขอโทษทั้งๆที่ตัวเองเป็นคนบาดเจ็ดยิ่งทำให้อดุลย์ร้องไห้หนักกว่าเก่า

รพีมองคนสองคนที่กอดกันแน่นแล้วร้องไห้พูดจาไม่รู้เรื่องกันทั้งคู่นิ่ง ถ้าเป็นแต่ก่อนคงนึกรำคาญเรื่องราวน้ำเน่าของคนอื่นแบบสุดจะทน แต่ตอนนี้รู้สึกสงสารปนเสียใจทำเขาเป็นคนที่ทำให้ทั้งสองต้องเสียน้ำตาแถมตะวันยังโดนทำร้ายอีก

นานหลายนาทีที่สองพ่อลูกกอดแล้วกล่าวขอโทษกันอยู่อย่างนั้น จนเมื่ออดุลย์ผละออกมาจากตัวลูกชายถึงได้เห็นว่ามือของตัวเองถือถุงกระดาษของร้านกาแฟยี่ห้อดังอยู่ในมือพร้อมๆกับถุงพลาสติกที่มีของใช้ส่วนตัวของเขาอีก

“เอ่อ...ขอโทษครับคุณรพี นี่ครับกาแฟ”

“ขอบใจ”รพีรับถุงมาถือไว้ ความร้อนที่ออกมาจากถุงทำให้นึกอยากกาแฟขึ้นมาทันที พอเปิดออกดูคิ้วเข้มก็ขมวดหากันแต่ไม่ทันได้ถามอะไรออกไปก็มีจานแก้วที่มาพร้อมกับเลม่อนสีเหลืองฝานบางๆมาตรงหน้า

“นี่ครับ”กาแฟแบบตรงหน้าคือกาแฟแบบที่เขากินทุกเช้าที่บ้าน ที่จริงก็ไม่ได้เรื่องมากเพราะเวลาทานกาแฟข้างนอกเขาดื่มอะไรก็ได้ขอแค่เป็นกาแฟร้อน การที่ได้กาแฟแบบที่ดื่มทุกวันทั้งๆที่ซื้อกินเป็นเรื่องที่น่ายินดีไม่น้อย

“ขอบใจ”ปากน้อยยกยิ้มเล็กๆที่ไม่มีใครได้เห็นก่อนจะรับของไป

“เอ่อ...พ่อครับ...เออะ”เสียงจากคนป่วยดังขึ้น แต่ก็ต้องทำหน้าตาเหร่อหราแท้เพราะคนที่หันมาที่ปรกติควรมีแค่คนเดียวแต่วันนี้มีคนหันมาถึงสอง

มันก็ไม่ผิดอะไร...เพราะทั้งคู่ก็เป็นพ่อด้วยกันจริงๆ

“เอ่อ...พ่อปิงปองครับ”

“ครับ..?”รพีหน้านิ่งก่อนจะก้มลงสนใจกาแฟต่อพอรู้ว่าไม่ได้เรียกตัวเอง

“คือ...เรื่องรถที่เราเคยคุยกันไว้”ตะวันเริ่มขึ้นต้นไม่ค่อยถูก สมัยก่อนเคยคุยเรื่องที่จะมีรถคันเล็กๆไว้ใช้ในบ้านเหมือนกัน ถึงตอนนี้จะเปลี่ยนสถานะแต่ตะวันก็ยังคงเป็นตะวันคนเดิม ยังคิดจะทำอะไรยังไงก็ต้องเริ่มต้นที่พ่อปิงปองก่อนคนแรกเสมอ

“คือ...”

“ชั้นจะให้ตะวันใช้รถไปเรียน หรือไม่ก็จ้างคนขับรถมา”พอเห็นว่าคนพูดพูดไม่ออกรพีจึงบอกแทนง่ายๆ

“เอ่อ จะดีเหรอครับ”เสียงหัวเราะในลำคอของคนที่พึ่งยกกาแฟขึ้นมาจิบเบาๆ ก่อนจะปรากฏรอยยิ้มที่ทำเอาคนที่คุยด้วยชะงัก รพีกำลังยิ้ม...ยิ้มที่ไม่ได้ดูร้ายอย่างที่เคยเป็นมา

“คุยกันเองแล้วกัน ชั้นคุยกับตะวันแล้ว”เพราะความเหมือนของทั้งคู่ทำให้รพีนึกขำ ตะวันได้นิสัยแบบอดุลย์มาเต็มๆ

“คือพ่อว่าไงอ่ะ ตะวันแล้วแต่พ่อ”ถึงจริงๆเขาจะอยากได้ไว้ใช้เหมือนกันแต่ตะวันไม่ใช่เด็กเอาแต่ใช้ที่อยากได้ก็ต้องได้ เขาอยากได้รถมาใช้แต่ก็ไม่ใช่ว่าพอเข้ามาอยู่ในบ้านหลังโตมีเงินทองมีรถรามากมายตะวันจะหยิบมาใช้อย่างสนิทใจ

...ตะวันเป็นเด็กแบบนั้น...

“...พ่อก็เป็นห่วงตะวันเหมือนกันนะ งั้นเอางี้มั้ย เดี๋ยวพ่อดาวน์รถมือสองซักคัน แล้วเดี๋ยวพ่อคอยรับส่งตะวันเองนะ”รพีขมวดคิ้วขัดใจ ก่อนจะแทรกกลางปล้องอย่างเสียมารยาท

“ชั้นเป็นคนสั่งให้ตะวันใช้รถ ถ้าอยากได้รถใหม่เดี๋ยวชั้นซื้อเอง ส่วนนายไม่ได้ทำหน้าที่เป็นคนขับคนอยากได้ก็จ้างคนที่บริษัทเอา”บอกออกไปอย่างหงุดหงิดแบบไม่เข้าใจสาเหตุ แค่รู้สึกว่ามันไม่ใช่หน้าที่ของอดุลย์ที่จะทำแบบที่อดุลย์เองเป็นคนเสนอ

ทั้งๆที่เขาก็ไม่รู้ว่าหน้าที่อดุลย์คืออะไรกันแน่

“ไม่ต้องถามอะไรมาก ชั้นสั่ง แค่ทำตามก็พอ”คนที่เอาแต่ใจมาตลอดพูดจบบทสนทนา สองพ่อลูกมองหน้ากันงงๆแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาปล่อยให้มีแต่บรรยากาศเงียบๆแต่ไม่ชวนอึดอัดไม่เหมือนคราวก่อนๆ ที่ต้องอยู่ในสถานที่เดียวกับรพี

“เอ่อ พ่อครับ”อีกครั้งที่พอตะวันเรียกแล้วผู้ชายที่อยู่ในห้องหันมามองเขาในเวลาพร้อมกัน

“ขอบคุณนะครับ”ตะวันพูดเสียงราบเรียบ ก่อนจะยิ้มอย่างสุดปากจนตาหยี

“...พ่อ...ซัน”








ที่จริงกะจะอัพวันพรุ่งนี้เพราะวันนี้พึ่งพาเด็กๆไปซาฟารี่มา ร่างกำลังจะพัง แต่พอเข้ามาอ่านเม้นแล้วก็เลยนั่งพิมอย่างกับคนบ้า
ขอบคุณมากๆค่ะสำหรับกำลังใจ
ปล. คนเขียนยังไม่แก่นะคะ เป็นคุณแม่ยังสาว  :o8:

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
บอกตามตรงว่าหลงเข้ามา  :hao7:

เขียนได้ดีนะคะ ชอบสำนวน อ่านง่ายไม่สะดุด

จะเป็นกำลังใจให้ค่ะ  :L2:

ออฟไลน์ double9JH

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1808
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-7

ออฟไลน์ Yarkrak

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3

ออฟไลน์ liza sarin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-14
อดุลย์เลี้ยงลูกได้ดีมากเลย จะดีใจมากถัารวมเล่ม

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
รพีเริ่มหงุดหงิดงุ่นง่านแล้วสิ
เริ่มรู้สึกถึงครอบครัวแล้วสินะ คุณปู่ศูรตัดสินใจไม่ผิดจริงๆ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ

ออฟไลน์ Veesi3

  • coHon3 {ต้นฝ้าย}
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 715
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
 :katai2-1:  :impress2: :impress2: มันกำลังจะดีๆๆๆ  :man1: รพีแบบไม่ยอมให้ปิงปองทำอะไรเลยอ่ะ หวงหราาา  :hao7:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด