ตอนที่ 8 (ครึ่งหลัง)
ในเวลาไม่ต่างกันนักในบ้านไม้หลังเล็กๆ อดุลย์กำลังยกกับข้าวจานแล้วจานเล่าออกมาวางที่โต๊ะอาหารไม้เหลือใช้ที่ตะวันเป็นคนต่อให้ สีหน้าของร่างเล็กเดี๋ยวดำเดียวขาวอย่างกังวลใจ
คำขอร้องของชายสูงอายุที่ยากจะปฏิเสธแม้ตัวเองไม่อยากจะทำตาม แต่เพราะอีกฝ่ายเป็นผู้ใหญ่กว่า และว่ากันตามความจริง...ฝ่ายนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องมาขอร้องเขาแบบนี้เลย
ศูรขอให้บอกเล่าเรื่องราวให้ตะวันรับรู้ บอกว่าที่จริงแล้วตะวันคือใคร เป็นคำขอที่ฟังดูเห็นแก่ตัวหากไม่ได้พูดร้องขอด้วยน้ำเสียงติดแหบหน่อยๆที่ปรกติเคยมีอำนาจไม่ต้องอ้อนวอนใคร หากไม่ใช่เป็นความปรารถนาของปู่ที่ต้องอยู่ใกล้ชิดกับหลาน
อดุลย์คง...ไม่ตัดสินใจแบบนี้
“หือ...ใครจะมาบ้านเราเหรอครับพ่อ”เสียงใสของตะวันบอกเมื่อเดินเข้ามาหลังจากเรียนเสร็จเจอกับกับข้าวนานาชนิดวางเรียงรายอยู่ต่อหน้า ช่วงนี้เขาขอลางานจากอู่เพื่อรีบกลับมาดูแลพ่อ ถึงพ่อปิงปองของเขาจะไม่ได้เจ็บมากมายแต่ด้วยความเป็นตะวัน...ก็ยังไม่ไว้ใจปล่อยพ่อทิ้งไว้คนเดียวในบ้านนานๆ
“ไม่มีหรอก ทำไม? พ่ออยากทำกับข้าวให้ลูกชายกินไม่ได้หรือ ของชอบตะวันทั้งนั้นเลยนะ”แกล้งดุไม่จริงจังเรียกรอยยิ้มจากลูกชายได้ไม่ยาก ตะวันฉีกยิ้มเดินไปดูกับข้าวให้ชัดๆก็พบว่าตามที่พ่อปิงปองพูดเป็นจริง มีแต่ของชอบของตัวเองทั้งนั้น
กับข้าวฝีมือพ่อ...คือของโปรดของตะวัน
“พ่อหยุดอยู่บ้านแบบนี้ก็ดีไปอย่าง ช่วงนี้มีแต่คนทักว่าตะวันอ้วนขึ้น ดูมีเนื้อมีหนังไม่เหมือนแต่ก่อน สงสัยว่าเพราะแต่ก่อนกินแต่กับข้าวถุงแน่ๆ ไม่อร่อยเท่าอาหารที่พ่อปิงปองทำซักอย่าง”พูดเจื้อยแจ๋วไม่ได้เอะใจกับสีหน้าของอดุลย์ที่ถอดสี พลางคิดว่าแต่ก่อนเป็นอย่างที่ตะวันพูดจริงๆ เขาเองทำงานกับมาตอนเย็นก็แทบจะไม่มีนอนแล้ว แต่ละมื้อก็มีแต่อาหารถุงสำเร็จรูปจนเหมือนเป็นเรื่องปรกติไปแล้วที่จะทานอาหารแบบนั้น
“ตะวัน...ถ้าลูกรวย...มีเงินมากมาย...มีคนทำอาหารให้กินทุกวัน ไม่ต้องกินแกงถุง...มันจะดีกว่านี้มั้ย”คนที่กำลังเพลินกับการสำรวจอาหารหันกลับไปมองพ่อด้วยความแปลกใจ น้ำเสียงสั่นๆของพ่อก็ฟังแล้วแปลกหู
“มันก็ต้องดีกว่าซิครับ ตะวันรวย พ่อก็ต้องรวยด้วยไง แล้วทีนี้ตะวันก็จะให้พ่อไม่ต้องทำงาน อยู่บ้านทำกับข้าวให้ตะวันกินจนอ้วนเป็นหมูไปเลย”เด็กน้อยๆของอดุลย์ยิ้มตอบคำถามแม้จะรู้สึกแปลกกับน้ำเสียงผู้เป็นพ่อ แต่ตะวันยังคงอ้อนทำให้เกิดรอยยิ้มบนใบหน้าได้ไม่ยากเท่าไร
“งั้นกินข้าวเถอะ พ่อพึ่งทำเสร็จเลย กินร้อนๆ อร่อย”นึกอยากจะอ้อนต่อว่าถึงเย็นชืดแต่ฝีมือพ่อปิงปองของตะวันก็ไม่ได้อร่อยน้อยลง แต่พอคนพูดชวนทานข้าวพูดจนก็หันกลับไปหยิบจานช้อนในครัวไม่ได้อยู่ให้อ้อน
มื้ออาหารที่มีเสียงพูดของเด็กชายที่พูดไม่หยุด เรื่องราวที่วิทยาลัยถูกส่งให้อดุลย์ได้รับรู้ เรื่องราวที่ตลกบ้างหรือแสนแสบบ้างจนนึกอยากจับลูกชายขึ้นมาตีเบาๆที่มือเหมือนตอนยังเด็ก
“เดี๋ยวตะวันล้างจานให้”เมื่อทานเสร็จคนลูกอาสาหากแต่คนเป็นพ่อแตะมือเบาๆส่ายหน้าเป็นเชิงปฏิเสธ
“เอาไว้อย่างนี้ก่อน...พ่อขอคุยกับตะวันหน่อย”ตาคมมองหน้าพ่อ ไม่ได้นึกแปลกใจเท่าไรเพราะคิดว่าพ่อคงมีเรื่องอะไรแต่แรกแล้ว ที่ทำอาหารให้ทานคือเอาใจเล็กๆน้อยๆก่อนเท่านั้น
ตะวันยิ้มหน่อยๆให้พ่อก่อนจะรับคำแล้วเดินตามพ่อไปนั่งประจันหน้ากันที่โซฟาผ้าตัวเล็กกลางบ้าน อดุลย์ขมวดคิ้ว หนักใจกับเรื่องที่ตัดสินใจจะพูดออกมา ผิดกับคนตรงหน้าที่ใจจดใจจ่อว่าพ่อมีเรื่องอะไรจะบอก
เป็นหลายนาทีที่อดุลย์ปล่อยให้ลูกนั่งมองหน้าอยู่อย่างนั้นมีเพียงเสียงจากเครื่องโทรทัศน์ที่เปิดไว้ก่อนหน้าเท่านั้นที่ยังทำให้บ้านหลังนี้ไม่เงียบไปซะที่เดียว อดุลย์เองถึงจะเงียบแต่ในใจนั้นไม่ใช่...เขากำลังทะเลาะกับตัวเองอย่างเสียงดังภายในใจ
ลึกๆเขาไม่อยากเสียลูกชายคนนี้ให้ใครไป...ไม่ว่าคนๆนั้นจะเป็นใครก็ตาม
แต่ด้วยความสงสาร ด้วยความที่เข้าใจความเหงาที่ต้องโดดเดียว แม้จะต่างกันที่อดุลย์โดดเดี่ยวเพราะถูกทอดทิ้งแต่ศูรโดดเดี่ยวเพราะเลือกจะทอดทิ้ง แต่ความเหงา...คือความเหงา และมัน...ทรมาน
“พ่อ...”ตะวันครางเรียกพ่อ สีหน้ากังวลไม่ต่างกัน เพราะพ่อไม่ยอมพูดแถมยังทำสีหน้าอย่างกับจะร้องไห้อยู่ตรงหน้าทำให้รู้ว่าเรื่องที่จะพูดคง...ไม่ดี หัวสมองก็คิดไปถึงว่าตัวเองทำอะไรลงไปหรือเปล่า
“ตะวัน...พ่อ...ถ้า...ถ้าบอกว่าพ่อ...ไม่ใช่พ่อ”อดุลย์หยุดเงียบไม่กล้าจะพูดต่อ น้ำเสียงเบาหวิวไม่มั่นใจที่จะพูดออกมา ตะวันหน้าเกร็งไหล่เกร็ง ภาวนาอย่าให้เป็นเรื่องเดียวกับที่พึ่งโดนไอ้ดำเพื่อนสนิทแซวมา...ขอร้อง...
“ถ้าพ่อ...ไม่ใช่พ่อของตะวัน...”
พรึ่บ!!!!
ไม่ทันได้พูดจบร่างสูงเพรียวของลูกชายก็ยืนเต็มความสูง อดุลย์เงยหน้ามองอย่างกล้าๆกลัว ตาโตสบกับตาคมของลูกชายแล้วน้ำตาพาลไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว
ในดวงตาคู่คมกำลังสั่นไหวราวกับผิดหวังและเสียใจ...ตาคู่คมที่เคยมีความฝันความหวังกลับหม่นแสงไม่สะท้อนสีใดๆออกมา อดุลย์ตัวชาเมื่อได้เห็น
คิดว่าตะวันจะโวยวาย...กลัวไปก่อนว่าลูกจะโกรธมากมายแค่ไหน แต่ไม่เลย...ไม่เคยคิดเลยว่าลูกจะไม่โวยวาย ไม่แสดงท่าทีโกรธเกรี้ยว แต่...อดุลย์อยากให้ตะวันโกรธมากกว่าที่จะเป็นแบบนี้
“พ่อจะบอกอะไร!! ไอ้ดำมันพึ่งแซวตะวันมาว่าตะวันไม่ใช่ลูกพ่อ!! เพราะตะวันหน้าตาไม่เหมือนพ่อเลยแต่เหมือนผู้ชายที่มาเยี่ยมพ่อมากกว่า...ไม่จริงใช่มั้ยครับ ไอ้ดำมันเพ้อเจ่อใช่มั้ยครับพ่อ...พ่อปิงปองคือพ่อของตะวัน...ตะวัน...เป็นลูกพ่อใช่มั้ย”น้ำเสียงเหมือนพายุในตอนแรก แต่ท้ายประโยคกลับเป็นเสียงที่อ่อนแรง
อดุลย์เหมือนหัวใจจะหยุดเต้น น้ำตาจากตาคู่คมไหลออกมาโดยไม่สะอื้น แต่เขาจะทำอะไรได้...ทำได้แค่ก้มหน้าพร้อมกับส่ายหน้าเบาๆให้ลูกชายได้ยิน และเป็นเหมือนคำตอบที่ทำให้ใจดวงเล็กๆสลาย
ร่างสูงไม่รอฟังให้คนเป็นพ่อพูดเรื่องราวอะไรออกมาอีก ขายาวพาตัวเองออกจากบ้านหลังเล็กอย่างไร้จุดหมาย ไม่หันกลับไปมองด้านหลังเพราะด้วยกำลังเสียใจ แม้จะได้ยินเสียงตะโกนเรียกชื่อตัวเองตามหลังด้วยเสียงที่ราวกับขาดใจ
“ตะวัน....พ่อ...ขอโทษ”