เล่ห์ลวงใจ บทที่ 9เมื่อกฤตภาสเดินออกมาจากห้องน้ำอีกครั้งในสภาพผมเปียกลู่และเหน็บผ้าขนหนูไว้รอบเอว เขาก็เห็นธีระซึ่งสวมเสื้อเชิ้ตกับกางเกงที่ใส่มาเมื่อคืนเรียบร้อยแล้ว เรือนผมที่หมาดชื้นถูกเสยลวกๆ จนเห็นผิวหน้าเนียนใส เด็กหนุ่มนั่งชันเข่าพิงขอบเตียงและทำอะไรบางอย่างกับโทรศัพท์มือถือของเขา ชายหนุ่มจึงเดินเข้าไปฉวยออกจากมือ
"เมื่อกี้ทำอะไร?"
"ลบรูปกับคลิปเสียง ไม่ต้องห่วง ผมไม่ยุ่งกับข้อมูลอย่างอื่นของคุณหรอก ผมไม่ต่ำขนาดนั้น"
เด็กหนุ่มจงใจเน้นคำว่า 'ต่ำ' ราวกับตั้งใจกระทบกระเทียบ แต่กฤตภาสไม่สนใจ เขาเดินไปหยิบผ้าขนหนูอีกผืนมาขยี้ผมที่เปียกพลางเปิดเช็คข้อมูลในโทรศัพท์ไปด้วย
"ไม่เป็นไร ถึงลบจากมือถือไปแล้วก็ยังอยู่ในอีเมล์ฉันอยู่ดี เธอลบไฟล์พวกนี้ออกก็แค่ทำให้เครื่องฉันเหลือพื้นที่เก็บข้อมูลเยอะขึ้นเท่านั้นแหละ"
ธีระเม้มปากพลางขมวดคิ้วมุ่น เขาหยัดตัวลุกขึ้นแล้วเดินไปยืนหลังกฤตภาสที่กำลังเช็ดผมอยู่หน้ากระจก
"คุณกฤต ผมไม่ใช่ดารานางแบบที่คุณชอบควงด้วยนะ ถึงจะแบล็คเมล์ผมไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก ลบทุกอย่างทิ้งซะเถอะครับ ผมรับรองว่าหลังจากนี้จะไม่โผล่ไปที่บริษัทหรือเข้ามายุ่งกับคุณอีกแน่นอน"
หลังจากมีเวลาได้รวบรวมความคิดเมื่อครู่ ธีระก็คิดตกแล้วว่ากับกฤตภาสนั้นใช้วิธีโกรธเกรี้ยวใส่ก็มีแต่จะทำให้ประสาทเสียเองเปล่าๆ เพราะอีกฝ่ายไม่สะดุ้งสะเทือนไม่ว่าจะโดนทำอะไร แถมมีแต่เขาที่ยิ่งอาละวาดก็ยิ่งเหนื่อย ในเมื่อเป็นแบบนี้มิสู้เจรจากันอย่างคนมีอารยธรรมซะดีกว่า
"เธอคิดว่าฉันคบกับพวกนั้นเพราะอะไร? เพื่อจะได้อาศัยเกาะชื่อเสียงให้คนรู้จักงั้นเหรอ? ทำแบบนั้นไม่ได้ช่วยให้บริษัทฉันมีลูกค้าเยอะขึ้นหรอกนะ"
ธีระฟังแล้วก็อ้ำอึ้ง เพราะตอนที่ฟังจากรุ่นพี่ว่ากฤตภาสเคยควงดาราคนนั้นคนนี้ เขาก็หลงนึกว่านั่นคงเป็นเหตุผลที่เจ้าตัวเลือกคบกับคนในวงการนอกจากเรื่องรูปโฉมที่โดดเด่นกว่าคนทั่วไปอยู่เหมือนกัน
"ผมไม่อยากรู้รสนิยมของคุณตราบใดที่ไม่มายุ่งกับผม ผมแค่อยากให้คุณลบรูปกับคลิปเสียงเมื่อคืนทิ้ง ถ้าหากคุณเบื่อนางแบบพวกนั้นแล้วอยากลองนอนกับผู้ชาย ผมก็คิดว่ามีคนอื่นที่เต็มใจมากกว่าผมเยอะแยะ"
กฤตภาสไม่ตอบ เพียงแต่ขยี้ผมจนหมาดแล้วคล้องผ้าไว้รอบคอ จากนั้นก็หยิบหวีขึ้นมาหวีผมที่ยุ่งเหยิงพลางมองกระจกไปด้วยเหมือนไม่ได้ยินอะไร ธีระเริ่มมีน้ำโหจึงรั้งข้อมือที่ถือหวีเอาไว้
"คุณกฤต นี่ได้ยินที่ผมพูดบ้างรึเปล่า?"
"ได้ยินสิ แล้วตอนนี้ก็เริ่มหนวกหูเป็นบ้าเลย"
ธีระส่งเสียงอย่างตกใจเมื่อจู่ๆ ก็ถูกรั้งเอวให้ขึ้นไปนั่งบนโต๊ะหน้ากระจก จากนั้นกฤตภาสก็เข้ามายืนแทรกกลางระหว่างขาและก้มลงจูบปิดปากเขาอย่างหนักหน่วง
"อื้อ!"
ธีระตกใจในวูบแรก แล้วก็ได้แต่หลับตาปี๋เมื่อเม้มปากไม่ทันปลายลิ้นของกฤตภาสที่สอดเข้ามา ฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งประคองท้ายทอยของเขาไว้ไม่ให้หันหนี ส่วนมืออีกข้างก็สอดเข้าใต้เสื้อเชิ้ตที่ไม่ได้ยัดชายเข้าในกางเกงแล้วลูบแผ่นหลังเนียนขึ้นลง
บ้าเอ๊ย! ทำไมยังพูดกันไม่รู้เรื่องก็ชอบจู่โจมเขาแบบนี้อยู่เรื่อยเลยนะ!
ธีระนึกขัดใจร่างกายของตัวเองที่โอนอ่อนง่ายยามถูกสัมผัส ส่วนหนึ่งในใจเขาบอกให้ทุบตีกฤตภาสเพื่ออีกฝ่ายจะได้ปล่อย แต่สุดท้ายกลายเป็นว่าเขาเพียงแต่จิกเล็บลงบนไหล่กว้างเท่านั้น
"เธอก็ดูจะไม่ได้เกลียดฉันนี่"
กฤตภาสเอ่ยในที่สุดหลังจากถอนริมฝีปากออก ทว่ามือทั้งสองข้างยังคงโอบกอดธีระที่นั่งบนโต๊ะเครื่องแป้งเอาไว้ ไออุ่นจากแผงอกเปลือยเปล่าที่ห้อมล้อมทำให้เด็กหนุ่มหน้าแดง
"กรุณาอย่าเหมาเอาเองครับ การไม่เกลียดกับการไม่อยากนอนด้วยมันเป็นคนละเรื่องกัน"
"เหรอ แต่ฉันดันชอบนอนกับเธอแฮะ..."
ชายหนุ่มเอ่ยพลางก้มลงไล้จมูกบนผิวแก้มที่ยังเย็นนิดๆ ทว่าคนฟังกลับรู้สึกอุ่นวาบบนผิวหน้าเพราะคำพูดประโยคนั้น
หรือว่า...หมายความว่ายังไง...คุณกฤตชอบเขางั้นหรือ...
เด็กหนุ่มใจเต้นโครมครามจนต้องรีบบอกตัวเองให้ใจเย็นๆ เพราะถึงอย่างไรพวกเขาสองคนก็ยังรู้จักกันน้อยเหลือเกิน หากกฤตภาสยอมรับว่ามีใจให้เขาจริงๆ ธีระก็อยากให้ทั้งสองได้ทำความรู้จักกันมากกว่านี้ และเรียนรู้นิสัยกันไปตามลำดับขั้นตอนที่ควรจะเป็นมากกว่า เขาผ่านความสัมพันธ์แบบที่ก้าวกระโดดแล้วก็มีอันจบลงในเวลาอันแสนสั้นมาแล้ว และเขาไม่ต้องการเป็นเพียงเพื่อนแก้เหงาของใครอีก
แต่แล้วความหวั่นไหวที่ผุดขึ้นชั่ววูบก็มีอันถูกทำลายในนาทีถัดมา
"ปกติฉันเจอแต่พวกผู้หญิงอายุไล่ๆ กันที่คลิกกันง่าย พักนี้เวลามีเซ็กส์ด้วยก็เลยเหมือนแค่ทำสนองความอยากให้เสร็จๆ ไป เพิ่งมีเธอนี่แหละที่ทำให้รู้สึกว่าเซ็กส์ค่อยกลับมาท้าทายเหมือนสมัยเป็นวัยรุ่นบ้าง"
ธีระกำมือทั้งสองข้างแน่นพลางบอกตัวเองให้ใจเย็น เขารอให้กฤตภาสซุกไซ้ใบหน้าเขาจนพอใจ กระทั่งอีกฝ่ายถอยออกและได้สบตากันจึงค่อยเอ่ยถาม
"ตกลงว่าสำหรับคุณ...การมีเซ็กส์กับผมมันแปลกใหม่ดี?"
"จะคิดอย่างนั้นก็ได้ แล้วฉันก็ไม่ได้รู้สึกแบบนี้กับใครง่ายนักหรอก"
กฤตภาสตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ร่างสูงผละไปหยิบเสื้อกับกางเกงจากตู้เสื้อผ้ามาสวม ฝ่ายธีระได้แต่เหลือบตาลงมองพื้นขณะที่ความคิดปั่นป่วนราวถูกพายุถาโถมเข้าใส่
นี่หมายความว่าอะไรกัน? กฤตภาสกำลังจะขอให้เขาเป็นเพื่อนแบบที่มีผลประโยชน์ต่อกันงั้นน่ะหรือ? คนที่คบกันเพียงเพราะว่าลีลาบนเตียงเข้ากันได้ดี?
นี่เขาถูกมองว่ามีค่าแค่นั้น?
เท้าของกฤตภาสมาหยุดยืนบนจุดที่สายตาของเขากำลังจับจ้อง ก่อนที่มือใหญ่จะเชยคางของธีระให้เงยหน้าขึ้น นัยน์ตากลมโตฉายแววสับสนขณะสบประสานกับแววตาสีเข้มที่ทอดลงมอง
"ฉันไม่ได้ขอให้มานอนด้วยฟรีๆ หรอก ถ้าหากไม่พอใจจะให้ฉันช่วยออกค่าขนมระหว่างที่มาฝึกงานก็ได้ เพราะถึงยังไงเธอก็ทำงานได้ดี แล้วบริษัทฉันก็ยังต้องการคนช่วยงานอยู่"
เด็กหนุ่มรู้สึกว่าเลือดในกายเดือดปุดจนร้อนไปทั้งตัว เขาปัดมือใหญ่ที่เชยคางออกอย่างแรงด้วยความฉุนเฉียว
"ผมไม่ใช่ไอ้ตัว แล้วบ้านผมก็ไม่ได้จน ผมไม่อยากได้เงิน"
"งั้นก็แล้วไป ก็แค่สนุกด้วยกันเพื่อคลายเครียดตอนที่ว่างจากงาน ถ้าเธอตกลงซะฉันก็จะได้ไม่ต้องแชร์รูปกับคลิปเสียงไปให้คนอื่นด้วย มองยังไงก็วิน-วินใช่ไหมล่ะ? "
ธีระยิ่งฟังก็ยิ่งนึกอยากให้มีของมีคมหรือปืนอยู่ใกล้มือเหลือเกิน เพราะเขาคงจะหยิบมาใช้กับคนตรงหน้าอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย
"คุณกำลังขู่ผมให้ยอมมีอะไรกับคุณทั้งที่ไม่เต็มใจ"
"ไม่ได้ขู่เฉยๆ แต่ทำแน่ ได้ยินว่าตอนนี้เธอก็ว่างอยู่ ถ้างั้นถึงนอนกับฉันก็ไม่เสียหายตรงไหนนี่?"
เด็กหนุ่มรู้สึกว่ามือที่กำไว้กำลังสั่นระริกเพราะดีกรีความโกรธที่พุ่งขึ้นไม่หยุด ผู้ชายคนนี้แค่ถูกใจใครที่เขาไม่เต็มใจจะนอนด้วยก็ใช้วิธีสกปรกแบบนี้มาบีบงั้นหรือ?
"คุณรู้หรือเปล่าว่าการนอนกับคนที่ไม่ได้รักมันไม่มีวันจะมีความสุข ที่คุณไม่หยุดหาคู่นอนทุกวันนี้ก็เพราะยังไม่เจอคนที่ทำให้อยากหยุดสักทีไง แทนที่จะมาหาความสุขชั่วครั้งชั่วคราวกับผม สู้คุณไปหาใครสักคนที่รับนิสัยแย่ๆ ของคุณได้แล้วก็หยุดที่เธอคนนั้นคนเดียวไม่ดีกว่าเหรอ?"
กฤตภาสเลิกคิ้วเมื่อถูกสั่งสอนราวกับคนพูดไม่ได้อายุน้อยกว่าสิบสองปี ทว่านั่นก็ทำให้เขาได้เรียนรู้เพิ่มอีกอย่างว่าธีระไม่ได้มีความคิดไร้เดียงสาเหมือนหน้าตาเลย และมีแต่คนที่ผ่านเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจอย่างแรงมาแล้วเท่านั้นถึงจะออกปากได้อย่างมั่นใจขนาดนี้
น่าเสียดายที่เมื่อพูดกับเขาก็ไม่ต่างจากตักน้ำรดหัวตอสักเท่าไหร่
"ฉันไม่มีเวลาว่างขนาดนั้นหรอก อีกอย่างนะ ยิ่งเธอพยายามบ่ายเบี่ยงฉันก็ยิ่งอยากนอนกับเธอมากขึ้นเท่านั้นแหละ"
"นี่คุณ!!"
ธีระจนด้วยถ้อยคำที่จะยกมาโน้มน้าวต่อ ตกลงว่าสมองของผู้ชายคนนี้นอกจากเวลางานแล้วมีแต่เรื่องใต้สะดือหรือไงกัน ถึงแม้ตอนที่คบกับณรงค์จะมีบางเวลาที่ฝ่ายนั้นเรียกร้องจากเขาค่อนข้างเยอะไปบ้าง แต่ก็ไม่เคยแสดงท่าทางว่าหื่นกระหายการมีเซ็กส์ทั้งที่ไม่ได้ขาดแคลนเช่นกฤตภาสเลยสักครั้ง
ชายหนุ่มมองสีหน้าของคนที่กำลังโกรธจนหน้าดำหน้าแดงแล้วก็ยิ้มมุมปาก เขาเลื่อนลิ้นชักหยิบบุหรี่กับไฟแช็คมาจุดก่อนจะอัดควันเข้าปอดอึกหนึ่ง จากนั้นจึงค่อยหันกลับมาถามธีระที่ยังนั่งอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย
"สามเดือนเป็นไง?"
เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว ความโมโหทำให้เขาหัวตื้อจนตามความคิดของกฤตภาสไม่ทัน
"สามเดือนอะไร?"
"ฉันยอมรับว่าถูกใจเธอ แต่ถ้านอนกันไปนานๆ เราอาจจะเบื่อกันก็ได้ ดังนั้นฉันเลยยื่นข้อเสนอว่าเราจะทำข้อตกลงกันแค่สามเดือนที่เธอมาฝึกงาน ถ้าพ้นช่วงนั้นไปแล้วฉันจะลบข้อมูลทุกอย่างจากอินบ็อกซ์ให้ เธอเองก็จะได้ไม่ต้องพะวงว่าจะถูกแบล็คเมล์หลังจากไม่ได้เจอกันแล้วด้วยไง แบบนี้ยุติธรรมดีใช่ไหมล่ะ?"
ยุติธรรมกับผีน่ะสิ! ฟังยังไงเขาก็ถูกข่มขู่ให้ต้องรับเงื่อนไขอยู่ชัดๆ!
ธีระยังไม่ทันจะเอ่ยสวน สายตาก็ดันตกต้องบนรอยเปื้อนที่ซึมขึ้นมาบนเสื้อเชิ้ตสีครีมของกฤตภาส รอยสีแดงเป็นจุดๆ บนหัวไหล่ทำให้เขาไม่สงสัยเลยว่ามันคือรอยเปื้อนจากอะไร
"คุณกฤต คุณเลือดออก"
ใบหน้าของเด็กหนุ่มซีดไปถนัดตา เพราะถึงอย่างไรแผลนั่นก็มาจากฝีมือเขา ส่วนกฤตภาสเพียงปรายตามองไหล่ตัวเองนิดหนึ่งอย่างไม่ใส่ใจ
"โดนกัดซะจมเขี้ยวแบบนั้นมันก็ต้องเลือดออกอยู่แล้วล่ะ เธอก็ไม่ยักเตือนไว้ก่อนว่าเป็นพวกชอบความรุนแรง เมื่อกี้ฉันเลยไม่ทันได้ระวังตัว"
น้ำเสียงนั้นมีสำเนียงล้อเลียนเจืออยู่ ธีระจึงขึงตามองคนที่กำลังอัดควันเข้าปอดอย่างหมั่นไส้ เขาคร้านจะนับแล้วว่าเช้านี้เขาโมโหกฤตภาสจนอยากทำร้ายร่างกายไปกี่ครั้ง
"กล่องยาอยู่ไหน? ถึงยังไงผมก็เป็นคนทำคุณมีแผล ผมจะทำแผลให้"
ถึงจะโมโหจนควันแทบออกหู แต่เด็กหนุ่มก็แยกแยะได้ว่าเรื่องนี้เขาก็ผิด ต่อให้นึกอยากให้กฤตภาสเลือดไหลออกมาเยอะๆ จนเป็นลมเป็นแล้งยังไงก็ต้องแสดงความรับผิดชอบ
กฤตภาสเลิกคิ้วนิดหนึ่ง แต่ก็เพียงหันหลังแล้วเดินออกไปจากห้องนอน ธีระจึงลงจากโต๊ะเครื่องแป้งแล้วเดินตามเข้าไปในห้องนั่งเล่น ร่างสูงใหญ่เปิดตู้เหนือที่วางโทรทัศน์แล้วควานหาอยู่สักครู่ก็หยิบกล่องสีขาวมาส่งให้
“ตั้งแต่ได้มาก็ไม่เคยเปิดใช้ ยาหมดอายุหรือยังฉันก็ไม่รู้หรอกนะ”
กฤตภาสเอ่ยพลางหันไปพ่นควันบุหรี่อีกทางก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา ท่าทางที่บ่งบอกว่าจะไม่อำนวยความสะดวกให้มากกว่านี้ทำให้ธีระได้แต่พยายามสงบจิตใจ เขาตัดปัญหาด้วยการเข้าไปนั่งข้างๆ แล้วก็ช่วยปลดกระดุมและรั้งเสื้ออีกฝ่ายลงจากไหล่เพื่อจะได้ง่ายต่อการทำแผล
เด็กหนุ่มหยิบสำลีแผ่นออกจากถุงแล้วก็เทแอลกอฮอลล์ลงจนชุ่ม ตอนแรกเขาเพียงแค่เช็ดรอบๆ แผลตามวิธีทำความสะอาดที่ถูกต้อง แต่พอเห็นกฤตภาสยังเอาแต่สูบบุหรี่เลยจงใจกดสำลีแรงๆ จนแอลกอฮอลล์ซึมเข้าปากแผลเสียเลย คราวนี้เขาถึงค่อยสมใจที่ได้เห็นคนตัวใหญ่สะดุ้งและสูดปากบ้าง
“พยาบาลคนนี้มือหนักจังนะ”
“ผมนึกว่าคุณตายด้านแล้วก็เลยทดสอบดูเฉยๆ”
ธีระตอบพลางทำเป็นไม่แยแสกฤตภาสที่ก้มลงมาเป่าลมหายใจรดหน้าผาก เด็กหนุ่มใช้สำลีอีกแผ่นซับแอลกอฮอลล์จนแห้งจึงค่อยใส่ยาแล้วปิดพลาสเตอร์ทับ ท่าทางใจจดใจจ่อของเขาเปิดโอกาสให้กฤตภาสพิจารณาใบหน้าเนียนใสในระยะใกล้ได้อย่างเต็มที่
“ผมสงสัยมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ลายสักบนแขนคุณนี่มันรูปอะไร?”
คนถูกถามเลิกคิ้ว ชายหนุ่มอัดควันเข้าปอดอีกครั้งก่อนจะหันไปขยี้ก้นกรองใส่ที่เขี่ยบุหรี่บนโต๊ะ “คิดว่าเป็นรูปอะไรล่ะ?”
ธีระเพ่งมองลวดลายตรงหน้าครู่หนึ่ง เมื่อคืนเขาเห็นรอยสักนี้ไม่ชัดจึงนึกว่าเป็นรูปงูหรือมังกร แต่เมื่อได้เห็นรายละเอียดทั้งหมดใต้แสงตอนกลางวันถึงค่อยดูออกว่าส่วนที่ดูเหมือนหัวนั้นแท้จริงแล้วคือหาง
“แมงป่องเหรอ?”
“ใช่ ตามราศีเกิดฉันเอง พอดีแพ้พนันเพื่อนสมัยเรียนก็เลยต้องไปสัก ไหนๆ แล้วก็เลยเลือกภาพที่เป็นสัญลักษณ์ที่เกี่ยวกับตัวฉันหน่อย”
คนราศีพิจิก...มิน่า...เซ็กส์จัด เจ้าอารมณ์ เอาแต่ใจ...
“อะไรนะ?”
ธีระไม่รู้ตัวว่าเผลอพึมพำออกเสียงอีกแล้ว เขาเพียงแต่เก็บอุปกรณ์ทุกอย่างลงกล่องด้วยท่าทีไม่สนใจ
“เปล่า”
“ไม่ยักรู้ว่าเธอชอบเรื่องดูดวงด้วย”
มือของเด็กหนุ่มที่กำลังปิดกล่องปฐมพยาบาลชะงักเล็กน้อย แต่แล้วก็เพียงปิดล็อกต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ผมแค่จำของบางราศีได้ก็เท่านั้น”
ราศีพิจิก...ราศีเดียวกับหนุ่มลูกครึ่งคนนั้น...คนที่พี่รงค์ไม่เคยลืมสักชั่วขณะแม้กระทั่งเวลาที่โอบกอดเขาในอ้อมแขน ถึงแม้ระหว่างเวลาสั้นๆ ที่ได้คบกัน เขาจะเจ็บใจที่ตัวเองมาทีหลังจึงไม่อาจเอาชนะความทรงจำที่ณรงค์มีร่วมกับผู้ชายคนนั้นได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า เขาก็ต้องยอมรับว่าต่อให้ได้พบกับณรงค์ก่อน...ก็ไม่ได้หมายความว่าฝ่ายนั้นจะปักใจกับเขาอยู่ดี
ถ้าหากพรหมลิขิตมีจริง เขากับณรงค์ก็ไม่ได้ถูกกำหนดมาให้คู่กัน
“เธอนี่ใจลอยบ่อยจังเลยนะ”
เสียงที่กระซิบข้างหูดึงธีระออกจากภวังค์ เขาหันกลับไปมองกฤตภาสที่โน้มตัวเข้ามาหาจนแผงอกกว้างที่ยังไม่กลัดกระดุมเสื้อชนอยู่บนไหล่ แล้วก็ให้นึกขึ้นได้ถึงสาเหตุที่ตนมานั่งอยู่ตรงนี้
“คุณต้องการอะไรจากผมกันแน่?”
เด็กหนุ่มถามเสียงแข็ง เขาพยายามไม่เอนตัวหนีเพราะนั่นมีแต่จะแสดงความอ่อนแอเหมือนกำลังหงอ และเขาไม่อยากให้กฤตภาสได้ความพอใจจากท่าทีเช่นนั้น ถึงแม้จะอดเหลือบลงมองอย่างกังวลไม่ได้ว่าริมฝีปากคู่นั้นจะโน้มลงมาทาบทับริมฝีปากเขาอีกหรือเปล่า
“ก็ตามที่บอกไป เราทำสัญญาเป็นเซ็กส์เฟรนด์กันสามเดือน พอพ้นช่วงนั้นไปก็ถือว่าสัญญาสิ้นสุด ทั้งฉันและเธอไม่มีพันธะผูกมัดกันอีก ฉันจะยอมให้เธอเป็นคนลบไฟล์ทุกอย่างในอีเมล์ของฉันเอง”
ในที่สุดก็พูดออกมาจนได้ เซ็กส์เฟรนด์...ที่แท้เขาถูกมองว่ามีค่าแค่นี้...
ธีระแค่นหัวเราะ เขาเบี่ยงหน้าหนีกฤตภาสที่ก้มลงมาไซ้ปลายจมูกข้างใบหู แม้สัมผัสนั้นจะชวนให้รู้สึกวาบหวาม แต่ตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์ร่วมตามเอาเสียเลย
“ผมควรภูมิใจสินะที่คุณประทับใจลีลาจนถึงกับต้องถ่ายรูปไว้ขู่ว่าจะแบล็คเมล์”
“อย่างน้อยฉันก็มีกำหนดเวลาให้ชัดเจนนะ ไม่ได้กะจะผูกมัดเธอไว้ตลอดไปสักหน่อย ถ้าไม่ชอบใจที่ฉันตั้งเงื่อนไขอยู่คนเดียว จะลองเสนอเงื่อนไขของเธอเองบ้างก็ได้ ถ้าหากรับได้ฉันจะพิจารณาดู”
แบบนั้นมันต่างกับการตั้งเงื่อนไขคนเดียวที่ไหนกัน สุดท้ายคนที่มีอำนาจต่อรองก็คือเจ้าตัวเท่านั้นไม่ใช่รึไง
ธีระคิดอย่างหงุดหงิดขณะที่กฤตภาสขยับเข้ามาใกล้มากขึ้น ท่อนแขนแข็งแรงที่สอดมารอบเอวและปลายจมูกที่กดลงบนเรือนผมอย่างเรียกร้องความสนใจทำให้กระบวนความคิดของเขายุ่งเหยิงมากขึ้นทุกที
ชีวิตนี้เขาหนีคนที่ชอบใช้ประโยชน์จากร่างกายเขาไม่ได้เลยหรือไงกัน...
เด็กหนุ่มขมวดคิ้วโดยไม่แสดงอาการต่อต้านหรือโอนอ่อน กฤตภาสมองใบหน้าเฉยเมยที่หันข้างให้เขาอย่างนึกสนุกว่าจะแกล้งทำเฉยได้นานแค่ไหน จากนั้นก็ใช้มือข้างหนึ่งเชยคางเรียวให้หันมาหา
แววตาสองคู่สบประสานกันครู่หนึ่งโดยไม่มีใครยอมหลบตา ก่อนที่กฤตภาสจะเป็นฝ่ายโน้มใบหน้าลงไปเองโดยธีระไม่ได้หันหนี เด็กหนุ่มพริ้มตาลงเมื่อริมฝีปากอุ่นแนบลงสัมผัส วินาทีนั้นเขาก็ตัดสินใจได้ทันที
ยังไงก็จะใช้ทั้งไม้อ่อนไม้แข็งไม่ให้เขาปฏิเสธเลยใช่ไหม ก็ได้...สามเดือนมันจะสักแค่ไหนกัน...
ครั้งนี้กฤตภาสไม่ได้สอดปลายลิ้นเพื่อให้จูบลึกล้ำ เขาเพียงแนบริมฝีปากลงบนริมฝีปากของธีระอย่างอ้อยอิ่งก่อนจะผละออก จากนั้นก็ถามคนที่หลุบตาลงด้วยน้ำเสียงเนิบนาบแต่แฝงแววคาดคั้นอยู่นัยๆ
“ว่าไง?”
ธีระเม้มปากขณะดึงมือกฤตภาสลงจากหน้า จากนั้นก็เหลือบตาขึ้นอย่างแน่วแน่ ในเมื่อบ่ายเบี่ยงไม่ได้เพราะถูกปิดโอกาสทุกประตู เขาก็ได้แต่ต้องสร้างเงื่อนไขเพื่อไม่ให้ถูกเอาเปรียบจนเกินควร
อย่าให้เขารู้พาสเวิร์ดจนแฮกเข้าอีเมล์ได้ก่อนก็แล้วกัน...
“เอาล่ะ ถือว่าผมยอมรับกำหนดเวลาสามเดือน แต่ผมก็มีเงื่อนไขสองข้อที่ขอให้คุณกฤตยอมรับด้วย”
กฤตภาสเลิกคิ้ว แต่ก็พยักหน้าไปก่อนเพื่อแสดงความใจกว้าง “อะไรมั่งล่ะ?”
“ข้อหนึ่ง เมื่อคืนผมบอกไปแล้วว่าผมไม่ใช่คนสำส่อน ถ้าระหว่างสามเดือนนี้คุณอยากนอนกับผมก็ห้ามไปนอนกับคนอื่น ต่อให้ใช้เครื่องป้องกันก็ห้าม ถ้าผิดสัญญาเมื่อไหร่ต้องยกเลิกข้อตกลงทันที แล้วก็ต้องลบไฟล์ของผมทิ้งให้หมด”
ชายหนุ่มเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า เงื่อนไขข้อนี้ไม่ได้ยากเย็นอะไร พักหลังนี้เขาก็ไม่ได้คบหาใครอื่นนอกจากอรณิชซึ่งเขาเองก็เริ่มเบื่อแล้วด้วย
“ได้ ข้อนี้ฉันไม่มีปัญหา”
เชอะ! แล้วจะคอยดูว่าจะทนได้แค่ไหน พวกผู้ชายแท้ยังไงก็ต้องอยากกลับไปหาผู้หญิงอยู่วันยังค่ำ!
ธีระคิดอย่างหมั่นไส้ แต่ก็รีบบอกเงื่อนไขข้อที่สองต่อ
“ข้อสอง ห้ามบังคับกะเกณฑ์ให้ผมต้องมาอยู่ที่นี่ด้วยในช่วงสามเดือนนี้ ถึงยังไงผมก็ไม่อยากให้คนที่บริษัทสงสัยเรื่องผมกับคุณ การที่ผมยอมเป็นเซ็กส์เฟรนด์ไม่ได้หมายความว่าผมเป็นเมียเก็บ ดังนั้นไม่ต้องมาเสนอเรื่องให้เงินหรือค่าตอบแทนอีก ไม่งั้นถือว่าข้อตกลงเป็นโมฆะเหมือนกัน”
คราวนี้กฤตภาสมุ่นคิ้วอย่างไม่ค่อยพอใจส่วนแรกของเงื่อนไข แต่เมื่อเห็นสีหน้าเอาจริงเอาจังของธีระก็ได้แต่เงียบ ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นเรื่องที่เขาสามารถปรับตามสถานการณ์ได้ในภายหลัง และที่สำคัญ...การไม่ปล่อยให้เด็กคนนี้เข้าใกล้เขามากเกินไปก็ดีเหมือนกัน
กฤตภาสยอมรับว่าเวลานี้เขาถูกใจธีระจริงๆ แต่ไม่มีใครรับประกันได้ว่าเมื่อผ่านสามเดือนไปแล้วเขาจะไม่เบื่อ บางทีการให้อีกฝ่ายมีพื้นที่ส่วนตัวบ้างอาจดีกว่าสำหรับคนที่เกลียดการถูกผูกมัดอย่างเขาก็ได้
แล้วถ้าเลยกำหนดสามเดือนไปแล้วเขายังติดใจเด็กคนนี้อยู่...ค่อยไปคิดหาวิธียืดกำหนดเวลาก็ยังไม่สาย...
แน่นอนว่ากฤตภาสไม่ต้องการให้ธีระรู้ว่ากำลังคิดอะไร จึงแสร้งทำเป็นอิดออดก่อนจะยักไหล่เหมือนยอมอย่างเสียไม่ได้ “โอเค ตกลงว่าฉันรับเงื่อนไขของเธอทั้งสองข้อ คราวนี้คงไม่มีปัญหาแล้วนะ”
“ผมรู้ ไม่ต้องห่วงหรอก ผมไม่บิดพลิ้วให้คุณมีโอกาสส่งไฟล์พวกนั้นไปหาคนอื่นแน่”
กฤตภาสหัวเราะหึกับคำประชดพลางยื่นมือขวาออกไปข้างหน้า ธีระมองมือนั้นอย่างชั่งใจก่อนจะยอมยื่นมือไปจับตอบ แต่กลับถูกกระชากร่างเข้าไปจนปะทะกับแผงอกแกร่งโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
"บางทีพอใกล้หมดสามเดือนแล้วเธออาจจะอยากต่อสัญญาก็ได้นะ"
ร่างสูงใหญ่เอ่ยชิดริมฝีปากนุ่ม ฝ่ายธีระได้แต่ข่มความปั่นป่วนในใจแล้วตอบกลับด้วยเสียงที่พยายามกดให้นิ่ง
"ผมแทบรอวันที่ครบสามเดือนไม่ไหวแล้วล่ะครับ"
กฤตภาสหัวเราะก่อนจะก้มลงจูบริมฝีปากของธีระเร็วๆ อย่างมันเขี้ยว จากนั้นก็ลุกขึ้นพลางถอดเสื้อเชิ้ตที่ยังเกาะบนไหล่อย่างหมิ่นเหม่ออกโยนลงตะกร้า
"จริงๆ ก็อยากจะทำอะไรต่อมิอะไรมันซะตอนนี้หรอกนะ แต่เดี๋ยวไปหาอะไรกินก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวฉันเปลี่ยนเสื้อใหม่ก่อนค่อยออกไป"
ธีระไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ เขาเพียงแต่มองแผ่นหลังของกฤตภาสที่เดินหายเข้าไปในห้องนอน จากนั้นก็รู้สึกปวดหัวจี๊ดจนต้องก้มหน้าลงแล้วเอาสองมือประคองศีรษะไว้
ทำไมจู่ๆ เขาก็รู้สึกเหมือนเพิ่งได้ทำเรื่องผิดพลาดที่ร้ายแรงที่สุดในชีวิตลงไปนะ...
++---TBC---++
A/N: แอบรู้สึกว่าน้องตี้ฝากแผลให้ตากฤตน้อยไปแฮะ (ไม่เป็นไร เรายังมีโอกาสอีกเยอะ กร๊ากกกก) สำหรับตอนนี้บางคนอาจเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของน้องตี้ ซึ่งมันก็เป็นการตัดสินใจของเด็กหนุ่มคนหนึ่งในสถานการณ์ที่ค่อนข้างจะจำกัดทางเลือกอยู่สักหน่อย ถ้าหากจะโทษที่น้องตัดสินใจแบบนี้ ก็โยนความผิดทั้งหมดให้ตากฤตคนเดียวไดัเลยค่ะ แบบว่าคนเขียนลำเอียงอย่างไม่อายฟ้าดินเลยน่ะ 5555++
มีเรื่องอยากแจ้งนิดหน่อยเกี่ยวกับการอัพเดทเรื่องนี้ เนื่องจากตอนก่อนๆ เราจะอัพเดทค่อนข้างถี่คือสัปดาห์ละสองครั้ง แต่หลังจากตอนนี้ไปอาจจะต้องทิ้งช่วงหน่อยคือสัปดาห์ละครั้งหรือสองสัปดาห์ครั้งค่ะ เนื่องจากงานที่บริษัทเริ่มยุ่งแล้ว ก็เลยอาจหาเวลาเขียนและตรวจทานได้น้อยกว่าช่วงเดือนที่ผ่านมา ยังไงก็อย่าเพิ่งทิ้งเรื่องนี้กันไปน้า แล้วพบกันใหม่ตอนที่สิบค่า 