"คุณกฤต! ปล่อยผมเดี๋ยวนี้นะ!!"
เด็กหนุ่มกรีดร้องและออกแรงทั้งทุบและเตะคนที่อุ้มตัวเองอยู่ แต่ก็ทำเช่นนั้นได้ไม่นานเพราะถูกเหวี่ยงลงหงายหลังบนเตียงกว้างจนจุก
"ฉันจำได้ว่าคืนนั้นเธอไม่พูดอะไรทำนองนี้สักคำเลยนะ"
กฤตภาสโถมตัวลงคร่อมทับเด็กหนุ่มและจับยึดข้อมือทั้งสองไว้ พอถูกทักถึงเรื่องที่ผับเมื่อสามสัปดาห์ก่อน โลหิตก็ฉีดซ่านไปทั่วผิวหน้าของคนฟัง
"ผมโดนวางยา! ตอนนั้นผมบอกคุณไปแล้วแต่คุณก็ไม่ยอมฟัง!! แถมยัง...แถมยัง..."
ธีระพูดต่อไม่ออกเพราะมีแต่จะเข้าตัว ถึงแม้จะพยายามสะกดจิตตัวเองให้ลืมเรื่องในคืนนั้นสักเพียงไร แต่กลิ่นน้ำหอมและวิสกี้ที่อวลอยู่ในลมหายใจของกฤตภาสก็ราวจะปลุกความทรงจำที่เขาพยายามเก็บกดไว้ให้พรั่งพรูกลับมา ร่างสูงมองใบหน้าที่ซ่านไปด้วยสีกุหลาบเพราะความอายแล้วก็ยิ้มอย่างสมใจ
"ตอนนั้นฉันก็ได้แต่ฟังจากเธอข้างเดียว แล้วจะมั่นใจได้ยังไงล่ะว่าเธอโดนยาเข้าไปจริงๆ?"
ชายหนุ่มเอ่ยพลางฝังจมูกลงบนซอกคอของเด็กหนุ่ม เขาสูดกลิ่นอ่อนๆ ที่โหยหามานับตั้งแต่คืนนั้นอย่างหิวกระหาย ขณะเดียวกันก็กระตุกชายเสื้อของธีระให้หลุดจากขอบกางเกงก่อนจะสอดมือเข้าลูบแผ่นอกตึงเรียบ ปลายนิ้วที่คลึงเคล้าอย่างเชี่ยวชาญทำให้ธีระสำลักลมหายใจ แต่เมื่อรู้ตัวว่าร่างกายกำลังอ่อนแรงอย่างไม่สมควรจะเป็น เขาก็พยายามดิ้นรนเพื่อให้เป็นอิสระอีกครั้ง
"เชื่อผมเถอะครับคุณกฤต คืนนั้นผมโดนวางยาจริงๆ ไม่อย่างนั้นผมไม่มีทางทำอะไรแบบนั้นกับคนแปลกหน้าเด็ดขาด ช่วยลืมเรื่องทั้งหมดไปเถอะครับ"
เด็กหนุ่มเอ่ยเสียงหอบ เขากลืนน้ำลายเมื่อกฤตภาสยันตัวขึ้นแล้วมองตาเขาตรงๆ แต่ขณะที่คิดว่าอีกฝ่ายคงกำลังพิจารณาคำขอของเขา ชายหนุ่มกลับก้มลงจูบเขาอีกราวกับไม่ได้ยินสิ่งที่เพิ่งพูดเลยสักคำ ป้านนิ้วหนาที่กดลงบนยอดอกแล้วคลึงไปมาปลุกเร้าความรู้สึกวาบหวามจนในหัวเริ่มคิดอะไรไม่ออก
บ้าเอ๊ยตี้...แค่เป็นผู้ชายด้วยกันก็พอแล้วรึไง สมควรแล้วที่พี่รงค์จะนึกว่าเราเคยนอนกับคนอื่นมาก่อนน่ะ...
ความคิดนั้นทำให้นัยน์ตากลมโตเหม่อลอยราวจิตใจโผบินไปที่อื่น กฤตภาสเห็นดังนั้นก็จับคางเรียวให้ตั้งใจมองตนด้วยความโมโห
"ตอนนี้อยู่กับฉัน ห้ามคิดถึงเรื่องอื่น"
คนถูกสั่งขมวดคิ้วอย่างงุนงง ธีระสับสนกับการกระทำของคนตรงหน้าเหลือเกิน ทั้งที่ตลอดสองสัปดาห์มานี้กฤตภาสไม่เคยแสดงท่าทีสนใจเขาเลยสักครั้ง แล้วทำไมจู่ๆ วันนี้ถึงต้องจงใจรื้อฟื้นเรื่องที่เขาอยากจะลืมด้วย?
"คุณกฤต...จะเรียกสาวๆ คนไหนมานอนด้วยก็ได้ไม่ใช่เหรอครับ? แล้วมาทำอย่างนี้กับผมทำไม?"
คำถามอย่างไร้เดียงสาพุ่งเข้าแทงใจของกฤตภาสอย่างจัง เขาเองก็หาคำตอบไม่ได้ว่าทำไม หากจะบอกว่าเขาหลงใหลร่างกายของธีระ...ก็ใช่ว่าเขาจะไม่เคยพบคู่นอนที่เรือนร่างเย้ายวนใจกว่านี้ ยินยอมพร้อมใจที่จะเป็นของเขามากกว่านี้ และที่สำคัญก็ไม่เคยตั้งคำถามชวนปวดหัวกับเขาเช่นนี้ด้วย
เรื่องเดียวที่เขารู้ในตอนนี้มีแค่...เขาอยากได้เด็กคนนี้อีกก็เท่านั้น...
"บางเรื่องก็ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลหรอก"
กฤตภาสรวบสองมือของธีระไว้เหนือศีรษะ จากนั้นก็ใช้มืออีกข้างปลดกระดุมเสื้อตัวเองออกจนหมดแผง ภาพของแผ่นอกแกร่งที่อยู่ตรงหน้าทำให้คนที่เห็นหน้าแดงและรีบเบือนหน้าหนี
"เธอรังเกียจฉันเหรอ?"
ชายหนุ่มถามพลางก้มลงจรดริมฝีปากบนผิวแก้มเนียนใส และนั่นทำให้ไหล่ของเด็กหนุ่มสั่นสะท้าน จะว่าเขารังเกียจกฤตภาสก็ไม่ใช่เสียทีเดียว เขายอมรับว่าตั้งแต่เข้ามาฝึกงานที่บริษัท มีหลายครั้งที่สายตาของเขาลอบมองตามอีกฝ่ายด้วยความชื่นชมเหมือนเป็นไอดอลคนหนึ่ง แต่นั่นเป็นคนละเรื่องกับการอยากมีความสัมพันธ์ด้วย เมื่อได้รู้ความจริงว่าคนที่กอดเขาเมื่อตอนที่อารมณ์ปั่นป่วนเพราะฤทธิ์ยาครอบงำคือเจ้าตัว เขาจึงสับสนจนไม่รู้ว่าควรทำตัวอย่างไร
"ผมไม่ได้เกลียดคุณกฤต แต่ว่า...อ๊ะ"
เด็กหนุ่มพูดไม่ทันจบก็ถูกประคองหน้าให้หันไปรับจูบ สัมผัสอันปลอบประโลมซึ่งต่างจากความก้าวร้าวดุดันเมื่อครู่ทำให้สมองของเขาสับสน ไออุ่นของฝ่ามือที่แนบบนแก้มทำให้เขารู้สึกราวกับตนได้รับการทะนุถนอม ขณะที่ความคิดมึนงงเพราะตามท่าทีที่เปลี่ยนไปของกฤตภาสไม่ทัน ร่างเพรียวก็สะดุ้งเมื่อฝ่ามือใหญ่อีกข้างเลื่อนลงใต้กางเกงและเคล้าคลึงแก่นกายให้อย่างอ่อนโยน
"เด็กดีนะ...ตี้"
เสียงกระซิบที่ตามมาหลังริมฝีปากอุ่นแนบบนขมับทำให้หัวใจของเด็กหนุ่มหวั่นไหวอย่างรุนแรง มือข้างที่แนบแก้มของเขาเลื่อนลงลูบต้นแขนผ่านเสื้อเชิ้ตอย่างปลอบโยน และธีระก็รับรู้ได้ว่าความตั้งใจของตนกำลังถูกความอบอุ่นนั้นสั่นคลอนมากขึ้นทุกที
และที่น่าหวั่นใจก็คือ...ครั้งนี้เขาไม่อาจอ้างได้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์ยากระตุ้นอีกแล้ว...
"คุณกฤต...อย่า...อื้ม"
ธีระถูกริมฝีปากที่แนบลงมาผนึกเสียงไว้ในคอ เขาไม่ได้อยากทำตัวปากอย่างใจอย่างเช่นนี้เลย แต่เพราะการรบเร้าอย่างไม่เปิดโอกาสให้รวบรวมความคิดของกฤตภาส ร่างกายของเด็กหนุ่มจึงพ่ายแพ้แก่การปรนเปรอที่ทวีความเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ
ถ้าหากได้พบว่าคนที่เคยกอดเขาในคืนนั้นเป็นคนแปลกหน้าโดยสิ้นเชิง ธีระอาจใจแข็งและพยายามใช้กำลังขัดขืนมากกว่านี้ แต่ว่านี่คือเจ้านายของเขา คนที่เขาทั้งชื่นชมแต่ก็ยำเกรงแม้จะเพิ่งได้ทำงานร่วมกันในเวลาไม่นาน จิตใจของเด็กหนุ่มจึงเกิดความขัดแย้งกันอย่างรุนแรง
ถ้าหากยอมให้คุณกฤตกอดคืนนี้...เขายังจะมีหน้ากลับไปฝึกงานที่บริษัทเดียวกันอยู่อีกหรือ...
ดูเหมือนกฤตภาสจะสัมผัสได้ถึงการต่อสู้กับจิตใจตัวเองของคนตรงหน้า จึงเลื่อนตัวขึ้นจูบหน้าผากของธีระก่อนจะเอ่ยอย่างใจเย็น
"ไม่ต้องคิดถึงเหตุผล ไม่ต้องคิดเรื่องอะไรทั้งนั้น ถามตัวเองว่ารังเกียจที่ถูกฉันทำแบบนี้จริงๆ หรือเปล่าก็พอ"
ประโยคนั้นทำให้นัยน์ตาที่ฉายแววสับสนหันกลับมามองคนพูดอีกครั้ง ใบหน้าที่ดูสะดุดตากำลังจ้องธีระด้วยนัยน์ตาลึกล้ำซึ่งอ่านไม่ออก ริมฝีปากบางเหยียดตรงหาได้หยักยิ้ม แต่น่าแปลกที่มันกลับทำให้ความคิดอันปั่นป่วนของเด็กหนุ่มสงบลง
“ถ้าคุณกฤตบอกว่าอยากได้อะไรก็ต้องได้ ทำใจหน่อยก็แล้วกัน”เด็กหนุ่มหวนนึกถึงบทสนทนาของรุ่นพี่เมื่อหลายวันก่อน ตอนนั้นคนพูดเพียงแต่เอ่ยปลอบใจเพื่อนร่วมทีมอีกคนที่บ่นว่ากฤตภาสสั่งให้ทำงานที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ ตอนนั้นเขาก็เห็นใจและยังคิดว่าตนโชคดีที่ไม่ถูกบังคับให้ทำอะไรยากๆ แต่ดูเหมือนบัดนี้สถานการณ์ของเขาเองจะย่ำแย่ยิ่งกว่าเสียอีก
รสชาติของวิสกี้ที่ถูกป้อนผ่านปลายลิ้นครั้งแล้วครั้งเล่าคงเป็นเหตุให้วงจรความคิดของเขาระส่ำระสาย แต่ถ้าอีกฝ่ายคิดว่าจะตะล่อมเขาให้ตอบตกลงได้ง่ายดายเหมือนเป็นลูกไก่เซื่องๆ ล่ะก็...ถือว่ามองเขาผิดไปถนัด
"คุณกฤต...ถ้าหากยังไงก็จะกอดผมให้ได้ล่ะก็...ผมมีเงื่อนไข"
กฤตภาสขมวดคิ้วมองสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเด็กหนุ่มในอ้อมแขน แววตาแน่วแน่นั้นเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นจากคู่นอนคนไหนมาก่อน จึงเงียบไปนิดหนึ่งก่อนจะตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้
"ว่ามาสิ"
"ผมจะไม่ปฏิเสธคุณกฤตก็ได้ถ้ายังยืนยันว่าจะกอดผม แต่ถึงยังไงผมก็ไม่ใช่พวกชอบสำส่อน ถ้าหากคุณกฤตอยากมีอะไรกับผมจริงๆ คุณกฤตต้องไปตรวจเลือดแล้วเอาผลมาให้ผมดูก่อน"
เงื่อนไขนั้นทำให้กฤตภาสถึงกับอึ้ง วูบแรกเขาเกือบหัวเราะเพราะนึกว่าเด็กหนุ่มพูดเล่น แต่เมื่อเห็นแววตาเอาจริงเอาจังก็ทำให้รู้ว่าคนพูดไม่ได้เล่นตลก
เด็กคนนี้...ดูเหมือนจะไม่ใช่พวกหัวอ่อนอย่างที่เขาเคยคิด...
จู่ๆ ความคิดนั้นก็ทำให้กฤตภาสอารมณ์ดีขึ้น เขาจ้องตาธีระที่ไม่ยอมหันหนีแล้วรอยหยักบนมุมปากก็ยิ่งกดลึก ร่างสูงยันตัวขึ้นนั่งและทิ้งระยะห่างจากเด็กหนุ่มอย่างจงใจ
"ถ้าทำตามเงื่อนไขที่เธอว่า หมายความว่าถ้าฉันอยากกอดเธอให้เร็วที่สุด ฉันก็ต้องรีบไปตรวจเลือดแล้วเอาผลมาให้เธอดูสินะ?"
"ผมให้เวลาถึงแปดโมงเช้าพรุ่งนี้เท่านั้น ถ้าเอาผลมาให้ผมได้ช้ากว่านั้นถือว่าโมฆะ และผมจะขอให้คุณกฤตห้ามมายุ่งกับผมอีกครับ"
ธีระตอบเสียงสะบัดขณะดันตัวขึ้นนั่งบ้าง สองมือจัดเสื้อที่ร่นขึ้นให้เรียบร้อยพลางจ้องคนตัวใหญ่กว่าอย่างระแวดระวัง ท่าทางเหมือนลูกแมวที่พยายามพองขนขู่ทำให้กฤตภาสยิ่งนึกสนุกมากขึ้น
เด็กเอ๋ยเด็ก กำลังคิดหาวิธีหนีอยู่สินะ...เดี๋ยวก็รู้...
"เธอเคยบริจาคเลือดบ้างหรือเปล่า?"
คำถามแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยของกฤตภาสทำให้ธีระมุ่นคิ้วมากยิ่งขึ้น เพราะเขาตีความไม่ออกว่านั่นเกี่ยวกับเงื่อนไขที่เพิ่งยื่นไปตรงไหน
"ไม่เคย...แต่หลังจากที่พลาดคืนนั้นผมก็ไปตรวจเลือดมาแล้วและได้ผลว่าไม่เป็นอะไร ดังนั้นผมจะไม่ยอมเสี่ยงนอนกับใครที่อาจจะทำให้ผมต้องติดโรคเด็ดขาด"
กฤตภาสเลิกคิ้ว เขาจ้องหน้าธีระแล้วก็รู้ทันทีว่ากำลังโดนกระแนะกระแหนว่าเขาคงเที่ยวนอนกับผู้หญิงไม่เลือกหน้าจนมีแต่โรคไม่พึงประสงค์ แต่ในขณะเดียวกัน การได้รู้ว่าเด็กหนุ่มเอาใจใส่สุขภาพถึงขั้นไปตรวจเลือดเพื่อความสบายใจก็ทำให้เขามองธีระในมุมใหม่เช่นกัน
นอกจากเด็กคนนี้จะไม่โง่แล้ว...ยังไม่ใช่คนที่จะเที่ยวร่านสวาทกับใครไปทั่วอีกด้วย...
ความคิดนั้นทำให้เขาอารมณ์ดีจนแทบหลุดเสียงหัวเราะออกมาดังๆ แต่ก็เพียงกระตุกยิ้มมุมปากขณะลุกขึ้นไปเปิดลิ้นชักโต๊ะที่มุมห้อง ท่าทางครึ้มอกครึ้มใจเหลือเกินนั้นทำให้ธีระได้แต่มองตามอย่างงุนงง ขณะเดียวกันสัญชาตญาณในการระวังตัวก็ยิ่งเข้มข้นเพราะเกรงว่าอีกฝ่ายอาจไม่พอใจที่เขาอิดออดจนใช้อาวุธ
แต่สิ่งที่กฤตภาสหยิบออกมากลับเป็นเพียงซองจดหมายสีขาวซองหนึ่ง
ชายหนุ่มหยิบกระดาษที่พับในซองออกคลี่แล้วกวาดตาอ่านเร็วๆ หนึ่งรอบ ก่อนจะพับทบอย่างเดิมแล้วเดินกลับมาโยนลงตรงหน้าธีระพร้อมกับซอง เด็กหนุ่มมองกระดาษที่ลักษณะเหมือนจดหมายแล้วก็เหลือบตาขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ
"ปกติฉันจะบริจาคเลือดปีละสองสามครั้งแล้วแต่จะมีเวลา การบริจาคเลือดนี่ดีนะ...เพราะเขาจะส่งผลการตรวจเลือดมาให้เราถึงบ้านโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรเลย"
เด็กหนุ่มมองรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของคนพูดแล้วก็หัวใจกระตุก เขารีบหยิบกระดาษแผ่นนั้นมาคลี่อ่านอย่างรวดเร็ว และพบว่าผลตรวจเลือดของกฤตภาสบ่งชี้ว่าเจ้าตัวปลอดภัยจากโรคติดต่อทุกชนิด
ที่สำคัญ...วันที่ส่งจดหมายซึ่งประทับอยู่บนซองก็เพิ่งจะผ่านมาไม่กี่วันเท่านั้นเอง...
"ฉันให้เวลาเธออาบน้ำระหว่างที่ฉันออกไปสูบบุหรี่ก็แล้วกัน แต่ถ้าฉันสูบเสร็จเร็วก็อาจตามเข้าไปอาบด้วยก็ได้ แล้วขัดสีฉวีวรรณให้ตัวหอมๆ เข้าไว้ล่ะ...ตี้"
กฤตภาสเชยคางเด็กหนุ่มขึ้นพลางลูบนิ้วโป้งบนริมฝีปากสีสดเบาๆ เขาเห็นประกายต่อต้านที่สะท้อนในดวงตากลมโต แต่ก็รู้ว่าตนถือไพ่เหนือกว่าแล้วขณะที่หยิบซองบุหรี่และไฟแช็คออกไปที่ระเบียง
ธีระยังนั่งอยู่ที่เดิมขณะมองกฤตภาสซึ่งกำลังจุดบุหรี่สูบอย่างสบายใจ แล้วก็นึกอยากเขกหัวตัวเองแรงๆ ที่ดันยื่นเงื่อนไขที่ทำให้กลืนน้ำลายตัวเองไม่ได้ เพราะตอนนี้เท่ากับว่ากฤตภาสมีข้ออ้างในการขอมีอะไรกับเขาได้อย่างสมบูรณ์แล้ว
ทำไมเขาถึงชอบขุดหลุมฝังตัวเองโง่ๆ อย่างนี้อยู่เรื่อยเลยนะ...
เด็กหนุ่มขยำกระดาษแผ่นนั้นเป็นก้อนกลมแล้วก็ปาไปที่มุมห้อง เขาได้แต่พยายามบังคับลมหายใจที่รัวแรงขณะเดินลงส้นเข้าห้องน้ำ ตอนแรกเขานึกว่าหากยื้อเวลาได้ถึงพรุ่งนี้เช้า อย่างน้อยเขาคงมีเวลาคิดหาวิธีหนีหรือบ่ายเบี่ยงที่จะทำให้ไม่ต้องทอดร่างให้อีกฝ่ายเชยชมได้ แต่เนื่องจากกฤตภาสดันมีผลตรวจเลือดมารองรับพอดี เขาจึงได้แต่ต้องกัดฟันยอมทำตามข้อตกลงที่เสนอไปเท่านั้น
ธีระปิดล็อคประตูห้องน้ำก่อนจะถอดเสื้อผ้าออกโยนลงตะกร้า การทำงานเมื่อช่วงค่ำบวกกับเหตุการณ์ตื่นเต้นเมื่อครู่ทำให้ร่างกายเขาเหนียวเหนอะไปด้วยเหงื่อ เมื่อได้ชำระล้างร่างกายจึงทำให้รู้สึกสบายตัวขึ้นมาก ขณะเดียวกันก็ได้ระบายความเครียดออกไปชั่วระยะจนพอจะรวบรวมความคิดกลับมาได้อีกครั้ง
คนบ้าอะไร...ชอบเอาชนะแม้กระทั่งกับเด็กที่อ่อนกว่าเป็นรอบ...ส่วนเขาเองก็บ้าเหมือนกันที่ดันเสนออะไรแบบนั้นไปโดยไม่ทันคิด
สายน้ำหลั่งไหลลงบนตัวของเด็กหนุ่มขณะที่เขาได้แต่ยืนนิ่ง ใจหนึ่งเขานึกโมโห แต่อีกใจกลับปลงคล้ายยอมรับสิ่งที่กำลังจะเกิดด้วยความรู้สึกเหมือนถูกโชคชะตากลั่นแกล้ง ไม่เช่นนั้นทำไมเขาจะต้องวนกลับมาเจอผู้ชายที่เคยกอดตัวเองโดยไม่ตั้งใจด้วยเล่า
เด็กหนุ่มนึกถึงศันสนีย์กับสุเมธซึ่งชวนเขาออกไปเที่ยวที่ผับในคืนนั้น แล้วก็อดสงสัยไม่ได้ว่าหากเพื่อนทั้งสองได้รู้ว่าพวกตนเป็นต้นเหตุให้เขาต้องมาเจอสถานการณ์เช่นนี้จะมีปฏิกิริยาอย่างไร แต่ความคิดนั้นก็สะดุดลงเมื่อมีเสียงเคาะประตู
"อาบน้ำเสร็จรึยัง? ในนั้นไม่มีประตูลับให้โผล่ไปที่อื่นหรอกนะ"
ธีระฟังแล้วก็รู้สึกว่าเลือดฉีดซ่านขึ้นบนผิวหน้า แต่ก็ไม่แน่ใจว่าเพราะอายหรือโกรธมากกว่า เพราะเมื่อครู่ก็มีอยู่แวบหนึ่งที่เขานึกอยากให้ในห้องน้ำมีหน้าต่างบานใหญ่ๆ จะได้ปีนหนีออกไปอยู่เหมือนกัน แต่นั่นคงเป็นเรื่องที่เกิดได้แค่ในหนังหรือการ์ตูน เพราะช่องระบายลมของที่นี่อยู่สูงและเล็กจนแค่จะยืดแขนออกไปก็ยังทำไม่ได้
"ยังไม่เสร็จครับ ผมกำลัง 'ขัดสีฉวีวรรณ' ตามที่คุณกฤตสั่งอยู่"
เขาตอบด้วยหางเสียงติดจะสะบัดเล็กน้อย และได้รับคำตอบเป็นเสียงหัวเราะตามด้วยเสียงฝีเท้าที่ถอยออกไป จึงได้แต่เม้มปากและคิดว่ายังไงก็รีบทำให้มันจบๆ ไปก็แล้วกัน กฤตภาสคงแค่สนใจเขาขึ้นมาเพราะดันกลับมาเจอกันอย่างเหนือความคาดหมาย หลังจากนี้ก็คงจะไม่มีครั้งที่สามอีกแล้ว
ธีระรู้ดีว่ากำลังทำเรื่องบ้าระห่ำที่ยอมให้อีกฝ่ายมัดมือชก แต่จะเป็นไรไป...เขายังมีอะไรให้เสียอีกในเมื่อครั้งแรกเขาก็มอบให้คนอื่นไปแล้ว และไม่มีวันที่คนคนนั้นจะย้อนกลับมาหาเขาอีกแล้วด้วย
ความหงุดหงิดของเด็กหนุ่มมอดลงเมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เขายื่นมือออกไปปิดฝักบัวก่อนจะหยิบผ้าขนหนูมาซับน้ำบนร่างกาย ขณะเดียวกันก็พยายามปลุกปลอบหัวใจที่กำลังแหว่งวิ่นจากความรู้สึกเหมือนกำลังเฉือนมีดทำร้ายตัวเอง
ไม่เป็นไรนะตี้ ถ้าหากจะต้องมีอะไรกับผู้ชายที่ไม่ได้มีใจให้เขาเลยอีกสักครั้ง ก็ขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายก็แล้วกัน...
++---TBC---++
A/N: ขอกำลังใจให้น้องตี้และคนเขียนกันหน่อยนะค้า การเขียนพระเอกแบบกฤตภาสนี่ทำเอาอยากสติแตกตามน้องตี้ไปด้วยเลย 