จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: จะขอเก็บไว้ในความทรงจำ  (อ่าน 136339 ครั้ง)

ออฟไลน์ บุหรง

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 854
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +709/-3
    • My FB
๑๙ เมิน

...กูว่าแล้ว นั่งอยู่นั่นไง นั่งอยู่ได้ที่เดิมๆ มึงไม่คิดจะเปลี่ยนไปนั่งมุมอื่นของห้องมั่งเหรอไงวะ...
...สมาธิดีเหมือนเดิมนะมึง ตั้งอกตั้งใจอ่านใหญ่ เพลินตรงไหนวะ อ่านหนังสือเนี่ย...

ปอนึกถึงวันนั้น ที่ตั้มนั่งลอกสมุดจดงานของ ราญ อยู่ที่โต๊ะตัวนั้น ขนาด ปอ เดินเข้าไปนั่งเก้าอี้ข้างๆ ตั้ม ก็ยังไม่รู้สึกตัว เพราะกำลังมีสมาธิกับสมุดจดงานตรงหน้า เป็นที่รู้กันในกลุ่มเพื่อนว่า หากตั้มทำงานหรืออ่านหนังสือด้วยท่าทางตั้งอกตั้งใจแบบนั้นละก็ ต่อให้ฟ้าถล่มมันก็ไม่สนใจ
ปอ มองไปยังหน้าใสๆรูปไข่ ปอยผมที่ลงมาปรกหน้าผากอยู่บางๆ รับกับคิ้วที่เป็นเส้นเรียวยาวไปจนจรดหางตา กรอบแว่นกลมๆ ยิ่งทำให้ดวงตาโตใต้เลนส์เหมือนยิ่งมีประกายมากกว่าเคย

...อ้าว มันเปลี่ยนแว่นทำไมวะนั้น แล้วทำไมมันมีแว่นหลายอันจังวะ... ปอ นึกขณะที่ ตั้ม เปลี่ยนแว่นจากอันที่กรอบเป็นวงกลม มาเป็นกรอบแว่นตาทรงรีไปตามยาว

ความที่สายตาของตั้มผิดปรกติกว่าคนทั่วไป ตาซ้าย-ปรกติ ขณะที่ตาขวา-สั้นถึง ๕๕๐ มันจะทำให้ ตั้ม เกิดอาการ ‘เมา’คล้ายการเมารถหรือเมาเรือ หากเดินในขณะที่ใส่แว่นสายตากรอบทรงกลม ซึ่งตัดเลนส์มาเพื่อใช้สำหรับการอ่านหนังสือโดยเฉพาะ ตั้มจะเดินได้ตามปรกติ หากใส่แว่นสายตากรอบวงรีที่ตัดเลนส์มา ให้สายตาปรับภาพได้เหมาะกับการเดิน แต่ภาพที่เห็นในสายตาจะชัดเจนอยุ่ในระยะเพียง ๑-๒ เมตรเท่านั้น ในระยะที่ไกลกว่านั้น ก็จะเป็นเพียงภาพเบลอๆ ตั้ม จึงไม่สามารถรู้ได้ว่าคนที่ยืนอยู่ไกลๆนั้นเป็นใคร กรรมพันธุ์ทางสายตาของพ่อและแม่ ตกทอดมาสู่ลูกชายคนเล็กคนละครึ่งอย่างพอดิบพอดี  .....คนละข้าง....  ตาซ้ายจากพ่อ ตาขวาจากแม่

...เฮ๊ย แว่นกลมๆแม่งก็น่ารักขึ้นเยอะแล้ว แต่แว่นรีๆอันนี้ใส่แล้วน่ารักโคตรๆเลยหว่ะ... ปอนึก
...อ้าว แล้วมันจะไปไหนวะ มองเห็นกูแล้วเดินหนีเหรอวะ...ปอ มอง ตั้ม ที่เดินออกจากห้องสมุดไปทางอีกประตูหนึ่ง
“มึงนะมึง ทำเมินกู” ปอ คำรามเบาๆในลำคอ
..........................................................

...แม่งเดินหนีกูนะมึง... ปอ นึกพลงพลิกตัวไปมาบนเตียงนอน ...นอนไม่หลับอีกแล้วเว๊ย...
...หรือมันมองไม่เห็นวะ มันสายตาสั้นนี่หว่า... ปอ นึกแก้ตัวให้ ตั้ม ...ไม่สิ มันใส่แว่นแล้ว มันต้องเห็นชัดขึ้น มันต้องเห็น มันเห็นกูแล้วเดินหนี เมื่อก่อนมันไม่เคยทำแบบนี้ มันโกรธอะไรกูวะ หรือมันเกลียดกูแล้ว ... ปอ ยังพลิกตัวไปมา

...เฮ๊ย หรือพวกแม่งทำไปแล้ววะ ฉิบหายแล้ว ... ปอ ผลุนผลันลุกขึ้นนั่ง ... ไม่มังวะ ถ้าทำไปแล้ว พวกมันต้องคุยอวดแล้ว คงไม่เฉยกันแบบนี้ ... ปอ สบายใจขึ้นมาหน่อย เลยเอนตัวลงนอนต่อ ...เดี๋ยวพรุ่งนี้กูลองไปหามันที่ห้องใหม่ แล้วกูจะบอกมันยังไงวะ ถ้ามันถามว่าไปหามันทำไม ... ปอ กระสับกระส่าย พลิกตัวไปมา ...เออ ใช่ ต้องทำเป็นไปถามมันว่า ทำไมมันเดินหนีที่ห้องสมุด เออ เข้าท่าหว่ะ .... คิดถึงตอนนี้ ปอ ก็ผลอยหลับไป
.............................................................

ช่วงพักเที่ยงวันต่อมา ปอ ยืนพิงรั้วริมระเบียงอยู่แถวๆประตูหน้าห้อง ๖ คนในห้องบอกว่า ตั้ม ไปซื้อของที่ห้องสหกรณ์ของโรงเรียนกับคนที่ชื่อ วินท์ กับ เบ๊ รออยู่สักพัก ปอ ก็เห็นตั้มเดินมากับคนที่คิดว่าชื่อ วินท์ แต่ไกล ในมือทั้งคู่ถือกระดาษวาดเขียนมาคนละปึก

... เดินซะชิดกันเชียวนะมึง ไอ้ตี๋นี่เหรอวะที่ชื่อ วินท์ หล่อเหมือนกันนี่หว่าแต่สู้กูไม่ได้หรอก ฮ่าๆๆ ถึงจะสูงกว่ากูหน่อยก็เหอะ ยังไงกูกินขาด อ้าว คุยกันใหญ่นะมึง...
...เฮ๊ย มองกูแล้วเมินอีกแล้วเหรอวะ ... ปอ คิด เมื่อเห็นสายตาภายใต้กรอบแว่นรีๆมองมา แล้วหันกลับไปคุยกับคนข้างๆเหมือนกับมองไม่เห็นว่าเขายืนอยู่ตรงนั้น ...เดี๋ยวกูจะดูว่ามึงจะเมินกูอีกมั๊ย ...คิดแล้วปอก็เดินตรงไปที่คนทั้งสอง แล้วก็...................เดินสวนกับคนทั้งสองที่กำลังคุยกันไป

... เฮ๊ย กูเดินเฉียดขนาดนี้แล้วยังมองไม่เห็นกูอีกเหรอวะ ... ปอ หันกลับมามองทั้งสองคนที่เดินหายเข้าไปในประตูห้อง ๖
...มึงจำไว้นะ ทำเป็นไม่เห็นกู มึงเห็นเพื่อนใหม่สำคัญกว่ากู แล้วมึงจะรู้สึก...ปอ คิดแล้วอดพูดดังๆไม่ได้ “โมโหเว๊ย”

“โมโหอะไรวะ มาๆๆๆ พวกไอ้ศักดิ์อยู่ที่ห้องพอดี เข้าไปคุยกัน” สิทธิ์โผล่มาจากไหนไม่รู้ สะกิด ปอ ทางด้านหลัง
“เฮ๊ย มาเมื่อไรวะ” ปอ ตกใจ ... เมื่อกี้มันเห็นรึเปล่าวะ
“เดินมาจากห้องน้ำ กำลังจะกลับห้อง มองมาเห็นเอ็งพอดี ไปๆ ว่างก็ไปนั่งคุยกัน” สิทธิ์ พูดจบก็เดินไปยังห้อง ๒
...ไว้พรุ่งนี้ก็ได้วะ... ปอ คิดแล้วก็เดินตาม สิทธิ์ไป
.......................................................

“ตั้ม อยู่มั๊ย” ปอ ถามกลุ่มเดิมที่นั่งคุยกันอยู่ตรงประตูห้อง ๖
“อยู่ข้างในแน่ะ แป๊บ เดี๋ยวเรียกให้” หนึ่งในกลุ่มนั้นตอบ ปอ แล้วหันตัวตะโกนไปทางหลังห้อง “ตั้ม โว๊ย ตั้ม........มีหนุ่มหล่อมาหาอีกแล้วหว่ะ”  ตามด้วยเสียงเป่าปากวี๊ดวิ้วจากพวกที่เหลือในกลุ่มนั้น
“เจอตัวซะทีนะ เห็นมาหาหลายหนและ” คนหนึ่งในกลุ่มหันมาพูดยิ้มๆกับ ปอ

...ไหนดูหน่อยสิวะ ว่ามันนั่งตรงไหน... ปอ ชะโงกหน้ามองเข้าไปทางหลังห้อง เขาก็มองเห็น ตั้ม นั่งอยู่บนเก้าอี้ที่โต๊ะมุมในสุดของห้อง มีคนที่เขาจำได้ว่าชื่อ วินท์ ยืนอยู่ข้างๆ ท่าทางใกล้ชิด มือข้างหนึ่งของ วินท์ เหมือนจะโอบไหล่ ตั้ม อยู่ ในขณะที่อีกมือหนึ่งจับมือ ตั้ม วาดหรือระบายอะไรสักอย่างในกระดาษวาดเขียนตรงหน้า

... เฮ๊ย มึงอี๋อ๋อกันขนาดนี้เลยนะ ไม่อายคนในห้องมั่งเลยเหรอวะ ... ปอ คิดอย่างหัวเสีย ... อ้อ แบบนี้สินะ มึงถึงได้เมินกู...ปอ สะบัดหน้าเดินถอยห่างออกไปจากประตู

... แล้วทำไมยังไม่มาอีกวะ ทางแค่เนี๊ย เดินช้าจริงนะมึง ... มองเข้าไปอีกทีก็เห็น ตั้ม เดินก้มหน้ามองพื้น ค่อยๆเดินมาช้าๆ .. ทำไมมันเดินช้าขนาดนั้นวะ แล้วดูมัน เดินจับโต๊ะยังกับคนพิการ เดินไม่ได้

“ว่าไง ปอ” ตั้ม เดินมาถึงประตูห้อง แล้วเงยหน้ามามอง พอเห็นว่าเป็น ปอ ก็ยิ้มกว้างพร้อมกันทักทายออกมา
... หนอยทำมาเป็นยิ้มนะมึง น่ารักฉิบหาย หัวใจกูจะละลายเพราะยิ้มมึงนี่แหละ ... ปอ คิดในใจ ขณะที่มองหน้ายิ้มๆของ ตั้ม
...เฮ๊ย ไม่ได้ดิ กูต้องโกรธ อย่ายิ้มออกไปเชียวนะมึง ต้องทำท่าโกรธไว้ก่อน เดี๋ยวมันเหลิง ต้องปราบมันให้อยู่ซะตั้งแต่ตอนนี้ ...
“อ้อ.......ยังจำกูได้เหรอมึง......มานี่” ปอ คว้ามือ ตั้ม ลากตรงไปยังรั้วเหล็กริมระเบียง ... โอย นุ่มหว่ะ มือมันยังนุ่มเหมือนเดิม ตัวมึงยังหอมเหมือนเดิมมั๊ยวะ อ้าว แล้วฝืนตัวไว้ทำไมวะ ทำไมไม่เดินตามกูมา...ปอ คิด แล้วหันไปหา ตั้ม
“เป็นไร เห็นผู้ชายมาหาเลยทำเล่นตัวหรือมึง” ...แกล้งดุมันไป หน้าจ๋อยเชียวมึง...
“ปอ เราไม่อยากไปยืนตรงนั้นอะ เรากลัวความสูง” ตั้ม มันตอบทำหน้าแหยๆ ...เออ มันกลัวความสูงนี่หว่า ลืมไป บันไดบางตึกชันๆกว้างๆ มันยังเดินไม่ได้ ต้องมีคนจูงลงบ่อยๆ ลากมันไปคุยตรงไหนดีวะ อ้อ นึกได้แล้ว ...
“เออ กูลืมไป งั้นไปกับกูตรงโน้น”

พูดจบ ปอ ก็เดินลาก ตั้ม ให้เดินตามไปด้วยอย่างรวดเร็ว ไม่ได้สนใจกับอาการของตั้มที่หน้าซีดลง พลางเอามือกดหัวคิ้วไว้เหมือนมีอาการอะไรสักอย่าง

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-07-2008 08:35:47 โดย บุหรง »

ออฟไลน์ RN

  • Global Moderator
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1650/-14

อาจารย์..สีฟ้า

  • บุคคลทั่วไป
เข้ามาติดตามและให้กำลังใจเหมือนเดิมครับ   :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ AidinEiEi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 776
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-1
 o13 o13กำลังใจให้คุณเอาไปเลยจ้า

     :m13:แล้วก็รักตั้มเหมือนเดิม :m1: :m1:

ออฟไลน์ สาวตัวกลม

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-2
มารออ่านตอนต่อไปเหมือนกันจ้า :o8:

ออฟไลน์ บุหรง

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 854
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +709/-3
    • My FB
ขอบคุณสำหรับกำลังใจจากทุกคนครับ :o8: และขอบคุณสำหรับการแมสเซจมาบอกว่ามีการเขียนผิดในตอนที่ ๑๐ ด้วย  :sad2: ทำการแก้ไขเรียบร้อยแล้วครับ  o2



ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
ถ้าเป็นหนังสือต้องบอกว่าอ่านแล้ววางไม่ลง

สนุกมากค่ะ  รออ่านต่อนะคะ

ออฟไลน์ บุหรง

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 854
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +709/-3
    • My FB
๒๐  ที่ว่าอะไรมันคืออะไร

เมื่อหมดชั่วโมงเรียนคาบวิชาสุดท้ายของวัน หลังจากที่เพื่อนๆในห้อง ยกเก้าอี้ขึ้นวางคว่ำไว้บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว ผมก็เริ่มทำการกวาดห้องเรียนเริ่มจากทางโต๊ะ วินท์ ซึ่งเป็นมุมสุดทางหลังห้อง ไล่มาทางหน้าห้อง เพราะเป็นเวรทำความสะอาดห้องของผมพอดี

“แผลที่มือ ตั้ม ได้แต่ ใดมา” โจ้เดินเข้ามาชี้ที่ผ้ากอตที่แปะอยู่ง่ามมือผม ตามมาด้วยเสียงวี๊ดวิ๊ว ของเพื่อนๆ๒-๓ ในบริเวณนั้น
“......................” ผมอมยิ้มให้กับกลอนทะเล้นของโจ้ ไม่ได้ตอบอะไร
“ทะเลาะกับหนุ่มหล่อมา จึ่งได้” บัติ ต่อกลอนให้
 “ทะเลาะกันเรื่องใดนา วานบอก”โจ้ ยังไม่หยุด สมกับที่มี่ครูที่ปรึกษาเป็นครูสอนวิชาภาษาไทย
“หนุ่มหึงนึกว่านอกใจไซร้ จึ่งได้แผลมา ฮ่าๆๆ” ชัช เข้ามาร่วมวง พร้อมกับหัวเราะประสานกับสองคนนั้น
“ตลกแล้ว ใครหึงใคร พูดอะไรไม่เห็นจะรู้เรื่อง” ผมทนไม่ไหวเลยพูดออกไป แต่ยังคงกวาดพื้นไปเรื่อยๆ
“อ้าวก็หนุ่มคิ้วเข้มๆห้องการงาน ที่มาหานายตอนกลางวันบ่อยๆไง” โจ้บอก .....ผมกวาดพี้นอยู่ เลยฟังมั่ง ไม่ฟังมั่ง
“เห็นจูงมือลากกันไป ลากกันมา ตั้งแต่เรียน ม.๑ ไม่ใช่เหรอ” ชัช เสริม ผมฟังแล้วสงสัยว่าพวกนี้เห็นอะไร ตั้งแต่ตอนไหน
“นั่นดิวะ แล้วคบกันไปถึงไหนแล้ว อยากรู้หว่ะ” บัติ ยื่นหน้ายิ้มกวนๆเข้ามาถามผม
“ถ้าเป็นคนที่มาหาเราเมื่อกลางวัน ก็เรียนด้วยกันมาตั้งแต่ ม.๑ อะ ปอ เค้าไม่ค่อยชอบขี้หน้าเรา เกลียดเราออกจะตาย ไม่ได้สนิทอะไรกันหรอก” ผมตอบพลางกวาดพื้นไปเรื่องๆ ไม่ได้เห็นว่า ทั้งสามคน มองหน้ากันเลิกลั่ก
“ไม่จริงมั๊ง....อ้อ ชื่อ ปอ เหรอ ถ้าไม่สนิทกันทำไมมาหานายที่ห้องบ่อยๆ” โจ้ บอก
“บ่อยอะไรกัน ก็เพิ่งมาเมื่อกลางวันนี้ครั้งเดียวเองไม่ใช่เหรอ” ผมหยุดกวาดพื้น หันมามอง โจ้ ด้วยสีหน้า งง งง
“เอ็งอย่ามาทำไม่รู้เรื่อง คบกันไปถึงไหนแล้ว บอกมาเร็วๆ” บัติ พูดพลางยิ้มประหลาดๆ แล้วทั้งสามคนก็พร้อมใจกันยื่นหน้ากวนๆเข้ามาใกล้ๆ ทำท่าตั้งอกตั้งใจฟังคำตอบ

“ไหน ลองสาธิตให้ดูหน่อยดิ๊ ว่าไอ้ถึงไหนที่ว่าน่ะ มันคือถึงไหน” ผม ยื่นหน้าเข้าไปมั่ง แล้วพูดกับ บัติ ทั้งสามคนสะดุ้งถอยไปคนละก้าว วงแตกกระจาย
“เฮ๊ย.......เอ็งจะให้ข้าสาธิตกับเอ็งเนี่ยนะ เอ็งเอาจริงอะ” บัติ พูดทำท่าทางตกอกตกใจ
“อื้อ......ก็จะได้รู้ไง ว่าไอ้ถึงไหน ที่นายว่าเนี่ย มันคือ ถึงไหนกันแน่” ผมยังคิดอยู่ว่า ตกใจอะไรกันนักหนา แล้วไอ้ถึงไหนเนี่ย มันอะไร
“เอาอย่างละเอียดเลยป่ะวะ ตั้ม ฮ่าๆๆๆๆๆ” โจ้ถาม
“มีละเอียดไม่ละเอียดด้วยเหรอ ถ้ามันละเอียดมากก็ทีละนิดก็ได้อะ” ผมยังคงตอบไปด้วยสีหน้าจริงจัง
“ฮ่าๆๆๆๆๆ เอาเลยเว๊ย บัติ เอาเลย เอาเลย”โจ้ เชียร์
“นั่นดิเว๊ย บัติ เอาเลย เค้าท้ามาแล้วนะมึง ไม่งั้นเสียเชิงชายนะเว๊ย ฮ่าๆๆ” ชัช เชียร์อีกคน ผมมอง โจ้ กับ ชัช หัวเราะสลับกับ บัติ ที่ทำหน้าพิกลพิกล เพื่อนคนอื่นๆที่ทำเวรอยู่เริ่มหยุดมือหันมามอง
“ไม่ดีกว่าหว่ะ กูไม่อยากรู้แล้ว” บัติ ตอบ หลังจากเงียบไปสักพัก แล้วก็หัวเราะแหะๆ ค่อยๆเดินออกไปกวาดห้องอีกด้านหนึ่ง
“งั้นนายอะ สาธิตได้ป่ะ” ผมหันไปทาง โจ้
“เฮ๊ย......นายจะบ้าเหรอ” โจ้ ตะโกนอย่างตกใจ แล้วก็รีบเดินไปเอาที่โกยผง มาโกยขยะที่เมื่อสักครู่กวาดมารวมๆกันไว้
ผมหันไปทาง ชัช แต่ไม่ทันจะพูดอะไร ชัช ก็เดินหนีไปทำความสะอาดกระดานดำซะแล้ว มองไปดูคนอื่น เห็นก้มหน้าก้มตาทำเวรไป เหมือนมีบางคนแอบหัวเราะจนตัวสั่นชียว
“แล้วตกลง ไอ้ ‘ถึงไหน’ เนี่ยมันอะไรกันแน่” ผมบ่นพึมพัมกับตัวเอง แล้วก็กวาดพื้นห้องต่อไป
..............................................................................

“แบบนี้เรียกว่าอะไรดีวะ ซื่อ โง่ หรือไร้เดียงสาวะ” บัติ ถาม โจ้ หลัวจากที่ ตั้ม สะพายเดินเป้ออกไปจากห้อง
“กูบอกแล้ว มันไม่รู้เรื่องหรอก” ชัช พูด
“ว่าไปมันก็ตลกหว่ะ น่ารักดี แบบนี้กูถึงกล้าสนิทกับมัน ถ้าเป็นแบบกลุ่ม................... ก็คงไม่ไหว” โจ้ พูดถึงกลุ่มกระเทยกลุ่มใหญ่ของโรงเรียน แล้วก็พูดต่อ “ว่าไปกูเห็นใจไอ้คนชื่อ ปอ หว่ะ คงอีกนานกว่าไอ้ ตั้ม มันจะรู้จักเรื่องแบบนี้”
..............................................................................

หลังจากทำเวรเสร็จแล้ว ผมก็สะพายเป้เดินไปห้อง ๒ คิดว่าเดี๋ยวจะถาม ราญ ว่า ปอ เป็นอย่างไรบ้าง เพราะป่านนี้ ปอ คงกลับบ้านไปช่วยงานที่บ้านแล้ว
“เต่า กับ ราญ มันกลับบ้านไปแล้ว” ต่อ บอก
“งั้นเรากลับก่อนนะ” ผมบอก ต่อ กับ กร ที่นั่งทำงานด้วยกันอยู่  คงเป็นรายงานอะไรสักวิชา
“เออๆ เดี๋ยวบอก ตุ่ม กับ จก ให้ พวกมันไปซื้อขนมกันอยู่ เดี๋ยวพวกเราคงอยู่ทำรายงานกันก่อน เดี๋ยวค่อยกลับ” ต่อ บอก
“ตั้ม มือหายไวไวนะ แล้วระวังตอนอาบน้ำ อย่าให้โดนน้ำล่ะ เดี๋ยวจะหายช้า” กร พูดยิ้มๆ
“นายก็ไปอาบให้มันซะเลยสิ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ” ต่อ หัวเราะร่วน
“ถ้า ตั้ม เค้าอนุญาตนะ” กร หันมามองผมยิ้มๆ
“จะจับเรากดน้ำซะล่ะไม่ว่า” ผมหัวเราะตอบ กร ไป แล้วผมก็เดินออกมาจากห้อง ๒ ออกไปยังป้ายรถเมล์ที่ป้ายรถเมล์ฝั่งตรงข้ามโรงเรียน เพื่อขึ้นรถประจำทางกลับบ้าน ทั้งที่ในใจยังสงสัยในเหตุการณ์เมื่อกลางวันไม่หาย

..........ทำไม ปอ ถึงได้ดูโกรธขนาดนั้น แล้วพูดอะไรไม่เข้าใจสักอย่าง
......... ปอ ได้แผลมั่งหรือเปล่า ถึงได้ไปไม่ทำแผลที่ห้องพยาบาล
......... แล้ว ราญ คุยอะไรกับ ปอ บ้างเมื่อตอนกลางวัน ราญ คงไม่เล่าเรื่องนั้นให้ ปอ ฟังหรอกนะ

ก็พี่ชายสัญญากับน้องแล้วนี่ ผมยังจำได้ที่ ราญ.....พี่ชายที่แสนดี พูดกับผม
“อื้อ พี่ให้สัญญา พี่ไม่ไปมีเรื่องกับใครที่ไหนหรอก แล้วเรื่องนั้นด้วย เอาเป็นว่ามันเป็นความลับของพวกเราดีมั๊ย”

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-07-2008 08:41:38 โดย บุหรง »

YO DEA

  • บุคคลทั่วไป
^
^
^
|
|
|

มาๆๆๆ


คนเขียนครับ

ให้ผมจิ้มๆๆๆๆซะดีๆ

อิอิ

อาจารย์..สีฟ้า

  • บุคคลทั่วไป
เข้ามาเป็นกำลังใจให้เหมือนเดิมครับ   :L2: :L2: :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ สาวตัวกลม

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-2
ตามอาจารย์สีฟ้า มาให้กำลังใจจ้า  :L2: :L2: :L2: :L2:

อยากอ่านตอนต่อไปแล้วอ่ะ ชอบน้องตั้มจังเลย  :o8:

ออฟไลน์ AidinEiEi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 776
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-1
 :o8:เฮ่อ...น้องตั้มฉัน ช่างไร้เดียงสา
 

มาให้กำลังใจอีกเหมือนเดิมค่ะ o13


รอตอนต่อไปนะคะ  :o8: รักตั้มจ้า :o8:

ออฟไลน์ บุหรง

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 854
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +709/-3
    • My FB
พอดีว่าเมื่อวานมีงานด่วนเ้ข้ามา เลยไม่มีเวลาตรวจเรื่องก่อนลง ต้องขอโทษด้วยครับ  :m23:
ตอนนี้ก็เลยอยากจะบอกเพื่อนๆว่า ผมเองก็พยายามจะมาอัฟตอนใหม่ให้ได้ทุกวัน แต่บางทีถ้าหายไป ก็แปลว่ามีงานด่้วนเข้ามานะครับ  :m29:
แล้วก็ขอบคุณทุกกำลังใจครับ  :pig4:

.................................................................

๒๑ สัปดาห์นี้วุ่นวายจริง

ปรกติผมเป็นคนเข้านอนไว เพราะต้องตื่นตั้งแต่ตี ๕ พอเวลาประมาณสามทุ่มหรือสามทุ่มครึ่ง ผมก็จะหลับแล้ว แต่คืนนี้ ผมยังไม่หลับ ถึงแม้เวลาจะล่วงเลยมาถึงสี่ทุ่มกว่าๆแล้วก็ตาม ...ไม่เป็นไร พรุ่งนี้วันเสาร์ ตื่นสายได้...คิดได้แบบนั้น ผมก็นอนคิดต่อไปว่าทำไมสัปดาห์นี้ถึงได้มีเรื่องอะไรมาก่อกวนผมได้มากมายนัก เมื่อตอนกลางวันก็ไปมีเรื่องกับ ปอ จนได้แผลมา ที่บ้านคาดคั้นจะเอาความจริงให้ได้ เพราะไม่เชื่อที่ผมบอกว่า หกล้มแถวๆสวนหย่อม แล้วมือไปโดนขอบกระถางต้นไม้แถวนั้น
นั่นสิ เนื้อแหว่งเป็นรูแบบนั้น ใครจะเชื่อ แต่ผมก็ยังคงยืนยันแบบนั้น ถึงแม้จะถูกถามเอาตอนที่กำลังเผลอก็ตาม พอผมยืนยัน นั่งยัน กระทั่งอ่านหนังสืออยู่เพลินๆก็ยังยัน ขนาดนั้น ที่บ้านก็เลยเลิกถามไป

ผมไม่ยอมพลาดได้หรอกครับ เรื่องแบบนี้ ผมท่องไว้แล้วจนขึ้นใจตั้งแต่ตอนนั่งรถประจำทางมาต่อรถสองแถวคันโตๆกลับบ้าน รู้สึกผิดมากเหมือนกันที่โกหกออกไป แต่ถ้าผมพูดความจริง ผมไม่แน่ใจว่าทางบ้านผมจะไปเอาเรื่องกับ ปอ ถึงที่โรงเรียนหรือไม่ เพราะเคยมีเรื่องทำนองนี้มาแล้ว สมัยที่ผมเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาในโรงเรียนคริสต์แห่งหนึ่ง

พอมาตอนเย็น พวก โจ้ ก็มาทำเจ้าบทเจ้ากลอนอะไรไม่รู้ แต่ผมว่าเรื่องอะไรก็ไม่ทำผม งง เท่ากับเรื่องเมื่อตอนต้นสัปดาห์หรอกครับ
...............................................................................

เมื่อวันอังคารเวลาเย็นมากแล้ว หลังจากที่เพื่อนๆแยกย้ายกันกลับบ้าน ผมนั่งวาดรูปอยู่ที่โต๊ะตัวหนึ่งใต้ต้นหูกวางบริเวณสนามใหญ่ ความจริงผมไม่ค่อยมีหัวในเรื่องศิลปะแบบนี้มากนัก ถึงแม้ชื่อของผมน่าจะทำให้ดูเหมือนมีฝีมือก็ตาม ( ตั้งมาผิดแหงๆ -*- ตอนนั้นผมคิด แต่.......... ) ปรกติงานศิลปะผมจะได้คะแนนแย่มาก พอได้ วินท์ มาสอน ผมก็เข้าใจเรื่องของ แสง สีและเงา มากขึ้น งานของผมก็ได้คะแนนดีตามขึ้นมาด้วย ผมพยายามหาเวลาว่างและโอกาสในการฝึกเพิ่มเติม เพื่อให้สมกับที่ วินท์ อุตส่าห์มาช่วยสอนผมบ่อยๆในเวลาพัก เหมือนวันนี้ที่ผมกำลังแลเงารูปต้นหูกวางอยู่หลังจากที่ร่างเสร็จ ขณะที่สมาธิของผมกำลังอยู่ที่รูปบนกระดาษ ผมไม่ได้สนใจเลยว่ามีคนหลายคนเดินเข้ามาใกล้ๆ

“ทำอะไรอยู่วะ มึง” เสียงดังขึ้นข้างๆผม พร้อมกับมีคนนั่งลงมาข้างๆ บนเก้าอี้ยาวตัวที่ผมนั่งอยู่ แล้วมีคนอีกสองคนนั่งลงบนเก้าอี้ยาวฝั่งตรงข้ามผม
“วาดอะไรวะ กูดูหน่อย” คนที่นั่งข้างๆผมชะโงกหน้ามาดู นั่นแหละผมถึงได้รู้สึกตัว
“แฮะๆ อย่าดูเลย ไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไร” ผมยิ้มแห้งๆตอบ ศักดิ์ ที่ชะโงกหน้ามาดูรูปที่ผมกำลังวาดอยู่

ความจริงแล้วผมก็กลัวๆเหมือนกันว่า พวกนี้จะเข้ามาแกล้งอะไรผมอีกหรือเปล่า แต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่า คงไม่มีอะไรกระมัง เพราะพอขึ้น ม.๓ แล้วเหมือนว่าพวกนี้จะหยุดแกล้งผมไปโดยไร้สาเหตุ ผมคิดว่าอยู่ต่างห้องกัน เลยไม่ค่อยเจอกัน จึงไม่มีโอกาสซะละมากกว่า เพราะเวลาผมไปห้อง ๒ ผมมักอยู่กับกลุ่มเพื่อนเก่าและเพื่อนใหม่ที่เพิ่งรู้จักเสมอ แต่บางทีผมก็หันไปยิ้มทักพวกนี้บ้าง ก็เคยเรียนด้วยกันมาตั้ง ๒ ปีนี่ครับ จะให้ทำเป็นเมินเหมือนคนไม่รู้จักกันมันก็กระไรอยู่ มันเป็นมารยาทอันพึงปฎิบัติที่ทางบ้านผมสอนไว้ ซึ่งพวก ราญ จะคอยบอกผมเสมอว่าพวกนี้นั่งรวมกันอยู่ตรงไหน เพราะผมมองไม่ค่อยชัดหรอกครับ T-T

“วาดรูปมันจะไปสนุกอะไรวะ ไปทำอะไรสนุกๆกับพวกกูดีกว่า” ศักดิ์ พูด แล้วก็ยิ้มแปลกๆมาให้ผม
“ทำอะไรเหรอ” ผมหันไปมอง ศักดิ์ ด้วยความสงสัย ในขณะที่ สิทธิ์ กับ สมชาย หัวเราะกันเบาๆ
“ป่ะ ตามกูมา เดี๋ยวพวกกูจะพามึงขึ้นสววรค์” ศักดิ์ พูดแล้วทำท่าจะคว้ามือผม
“อะไรของนาย ชวนเราไปตายเหรอ ม่ายเอาอะ” ผมเลื่อนมือหลบมือของศักดิ์ ตอบไปพลางส่ายหน้าดิ๊กๆ พวกนั้นมองเห็นอาการตกใจ บนหน้าผมแล้วก็หัวเราะกันร่วน
“ตายบ้านมึงสิ” สมชาย พูด “พวกกูจะพามึงไปมีความสุขต่างหากละเว๊ย”
“ความสุขไร ต้องขึ้นสวรรค์” ผมยังถามออกไปอย่าง งงๆ พวกนี้จะทำอะไรกันแน่
“มึงไม่เข้าใจจริงๆ หรือแกล้งโง่วะ” สิทธ์ พูดขึ้นมาบ้าง “ไปให้พวกกูเอาแล้วมึงจะมีความสุขเหมือนขึ้นสวรรค์ไง” แล้วก็ตามมาด้วยเสียงหัวเราะดังๆของทั้งสามคน

ผม นึกไปถึงเนื้อหาบางเรื่องของวิชาสุขศึกษาที่ได้เรียนมา เริ่มเข้าใจถึงเรื่องอะไรอย่างเลือนลาง เพราะสิ่งที่เขียนอยู่ในแบบเรียนนั้น ยังไม่ได้เกิดขึ้นกับตัวผม
“เราไม่เข้าใจ” ผมพูดออกไป
“ไม่เข้าใจอะไรวะ พูดแบบนี้มึงยังแกล้งไม่รู้เรื่องอีกเหรอ” ศักดิ์ พูดด้วยอาการฉุนเฉียว
“เราเข้าใจเรื่องที่พวกนายเริ่มเป็นผู้ใหญ่ เลยต้องหาทางระบายออก แต่เราไม่เข้าใจว่า ทำไมพวกนายมาหาเราแบบนี้ เราไม่ใช่ผู้หญิงนะ ที่สำคัญ พวกนายเกลียดเราไม่ใช่เหรอ”ประโยคสุดท้าย ผมพูดเสียงเบา พอพูดจบผมก็ก้มหน้านิ่ง
“กูแค่อยากลองเว๊ย ไม่ได้พิศวาสอะไรมึงนักหรอก” สมชายพูดขึ้นมา เสียงหยันๆ
“นั่นสิ” ผมเงยหน้าขึ้นมาพูด “ถ้าอย่างนั้นนายไม่ไปหาพวก ...........ไม่ดีกว่าเหรอ” ผมเอ่ยชื่อกลุ่มกะเทยที่จัดว่าดังเอาการโนโรงเรียน
“พวกนั้นกูลองมาแล้ว กูเลยอยากลองกับมึงบ้างไง” ศักดิ์ พูดกับผมด้วยตาวาวๆ ผมเริ่มกลัวแล้วครับ คิดไม่ออกว่าจะทำยังไงดี
“ว่าง่ายๆน่ะมึง ไปกับพวกกูดีกว่า แล้วมึงจะติดใจ” พูดจบ สิทธิ์ ก็ลุกขึ้นเดินมาหาผม
“ถ้าพวกนายจะลากเราไปทำอะไรแบบนั้น เราร้องจริงๆนะ เราจะร้องเรียกคนจริงๆนะ” ผมเริ่มรนแล้วครับ
“ทำเป็นเล่นตัวนะมึง อย่างมึงน่ะอย่าคิดว่าจะมีผู้ชายที่ไหนมาสนใจเลย แล้วมึงจะสียดายนะเว๊ยที่ไม่ไปกับพวกกูวันนี้” สมชายพูดด้วยน้ำเสียงเหยียดๆ ใส่ผม
“เออ กูไม่ยุ่งกับมึงก็ได้ เล่นตัวนักนะมึง แค่นี้ทำเป็นหน้าซีดจะร้องไห้ เห็นแล้วหมดอารมณ์หว่ะ” ศักดิ์พูด “เฮ๊ย ไปกันดีกว่าหว่ะ รำคาญแม่ง” พูดจบ ศักดิ์ก็เดินออกไปจากโต๊ะ มี สิทธิ์ กับ สมชาย เดินตามออกไป
...............................................................................

 เฮ้อ......มันอารายกานนนนนนนนนนนนนนนนนน .....ผมตะโดนดังๆอยู่ในใจ ดึกแล้วทำเสียงดังไม่ได้เดี๋ยวโดนดุ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-04-2008 23:47:43 โดย tumty »

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
ตั้มเอ้ย ทำไมมันใสซื่อเหลือเกิน

ต้องหาคนสอนแล้วละ

อาจารย์..สีฟ้า

  • บุคคลทั่วไป
เข้ามาติดตามและเป็นกำลังใจให้เหมือนเดิมครับ   :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ AidinEiEi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 776
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-1
 :L2: :L2: :L2:เอาไปอีกหนึ่งกำลังใจค่ะ

ตามอ่านต่อค่ะ สนุกดี ชอบ :m4:

 :m13:รักตั้มเหมือนเดิม :m13:


ออฟไลน์ บุหรง

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 854
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +709/-3
    • My FB
๒๒ ไอ้ลูกหมาตัวน้อย

“ไปไหนกันมาวะ ปล่อยให้กูนั่งรออยู่ตั้งนาน” ชัย พูดพลางหยิบชิ้นฝรั่งในถุงที่วางอยู่ตรงหน้าเข้าปาก
“พวกกูไปเดินเล่นมาหว่ะ” ศักดิ์ ตอบแล้วลงไปนั่งบนเก้าอี้ยาวฝั่งตรงข้าม ชัย
“เดินเล่นอะไรวะ กูเห็นนะ เอ็งไปคุยไรกับ ไอ้ตั้ม มันมาไม่ใช่เหรอไง”    แล้ว ชัย ก็เหลือบสายตามองไปยัง ตั้ม ที่นั่งนิ่งอยู่ที่โต๊ะใต้ต้นหูกวาง ไกลออกไปจากโต๊ะใต้ตึก ๗ ชั้น ที่พวกเขาอยู่พอสมควร
“อย่าไปพูดถึงมันเลย” สิทธิ์ พูดพลางนั่งลงไปข้างๆ ชัย  แล้วเอื้อมมือไปหยิบฝรั่งในถุงขึ้นมากินบ้าง
“นั่นดิวะ เล่นตัวฉิบหาย” สมชาย นั่งลงข้างๆ ศักดิ์  “ว่าแต่มึงเหอะ ไอ้ศักดิ์ ไหนว่าจะลากมันไปเลยไง ทำไมเปลี่ยนใจวะ”
“พวกมึงจะทำอะไรกันวะ อย่าบอกนะว่าจะลาก ไอ้ตั้ม มันไปรุมโทรม” ชัย ถามหน้าตาตื่น
“หัวไวนี่มึง” สิทธิ์  พูดแล้วตบหัว ชัย ไป ๑ ที “ไหนว่าไม่สน ไม่เอาด้วยไงวะ  คิดไวเชียว หรือมึงจะ เปลี่ยนใจเหรอไง”
“ใครว่ากูจะเอาด้วยวะ กูบอกแล้วกูทำไม่ลงหรอก นึกว่าพวกเอ็งพูดแหย่ ไอ้ปอ กันเล่นๆ นี่พวกเอ็งจะทำกันจริงๆเหรอวะ” ชัยขมวดคิ้ว
“กูก็ว่าจะทำอยู่หรอกวะ แต่ไม่แล้ว กูทำไม่ลง” ศักดิ์ หันไปพูดกับชัย พลางหยิบฝรั่งกินบ้าง
“หลงรักมันเข้าแล้วเหมือน ไอ้ปอ เหรอวะ เลยทำไม่ลง” ชัย พูดยิ้มๆ
“กูก็ทำไม่ลงหว่ะ” สิทธิ์ พูดขึ้นมาบ้าง “รู้สึกเหมือนกำลังจะข่มขืนเด็ก ๖ ขวบ กูยังไม่หื่นกามขนาดนั้นเหมือนไอ้นี่” สิทธิ์ ชี้ไปที่หน้า สมชาย
“เอี้ย...เล่นกูแล้วนะมึง ว่าไปเห็นหน้ามันซีดขนาดนั้นกูก็ทำไม่ลงหว่ะ จริงๆกูไม่ได้คิดอยากทำเรื่องแบบนี้หรอก” สมชาย ทำหน้าขึงขังขึ้น แล้วพูดเบาๆ “กูไม่ชอบกินถั่วดำหว่ะ ฮ่าๆๆ” พูดจบก็หัวเราะลั่น
“เออนะ แล้วเสือกตามพวกมันไปด้วยทำไมวะ” ชัย ถามยิ้มๆ
“ก็กูนึกว่าจะเข้าไปแหย่มันเล่นนิดหน่อย พอเป็นกระสายเหมือนที่เคยทำกัน แต่ไอ้นี่เด๊ะ” สมชาย พยักพเยิดไปที่ ศักดิ์ “เสือกเริ่ม กูเลยตามน้ำ กะว่าจะเข้าไปเป็นผู้สังเกตการณ์ ฮ่าๆๆ”
“ดีนะมึง มาลงที่กูคนเดียว” ศักดิ์ พูดบ้าง “กูก็คิดเหมือนไอ้สิทธิ์ มัน แล้วกูว่านะ ถ้าทำแบบนั้นเดี๋ยว ไอ้ปอ อาละวาดตายห่า แล้วจะมองหน้ากันไม่ติด”
“นั่นดิ แค่พวกมึงพูดกันวันนั้น มันยังงอนซะขนาดนั้น แล้วยังตามไปตรวจความเรียบร้อยไอ้ลูกหมาตัวน้อยของมันทุกวัน” ชัยว่า
“แล้วเป็นลูกหมาตัวน้อยของมึงด้วยรึเปล่าวะ” สิทธิ์ หันมาถาม ชัย
“ของมึงด้วยแหละ สาดนี่” ชัย พูดแล้วก็ตบหัว สิทธิ์ ไป ๑ ที แก้แค้นที่โดนไปเมื่อสักครู่

“ว่าแต่มึงเหอะ ไอ้ศักดิ์ มึงไปลองกับพวก...........นั้นมาตั้งแต่เมื่อไรวะ” สมชาย ยื่นหน้าถามด้วยความสนใจ
“ว่าไงนะ ไอ้ศักดิ์ เอ็งไปทำแบบนั้นตอนไหนวะ แล้วเป็นไงมั่งวะมึง มันส์ดีมะ” ชัย ยักคิ้วใส่ ศักดิ์
“เชี้ย กูยังไม่เคยเว๊ย สาด หาเรื่องกูกันอีกแล้ว กูไม่เอาไอ้พวกนั้นหรอก เดนใครมามั่งก็ไม่รู้” ศักดิ์ โวยวาย
“อ้าว ไหนเมื่อกี้มึงบอก ไอ้ตั้ม ว่ามึงไปลองมาแล้ว” สิทธิ์ ถามด้วยความสงสัย
“กูก็พูดไปงั้นแหละ พอแล้วพวกมึง เปลี่ยนเรื่อง ว่าแต่พรุ่งนี้เอาไง ไปทำรายงานกันบ้านใครดี” ศักดิ์รีบเปลี่ยนเรื่อง

ชัยเหลียวมองไปที่ต้นหูกวางต้นนั้นอีกครั้ง ก็ไม่เห็น ตั้ม อยู่ตรงนั้นแล้ว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-04-2008 20:38:47 โดย tumty »

ออฟไลน์ AidinEiEi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 776
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-1

ออฟไลน์ สาวตัวกลม

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-2
มารอๆๆๆๆๆ ตอนต่อไปจ้า :o8:

อาจารย์..สีฟ้า

  • บุคคลทั่วไป
เข้ามาติดตามและเป็นกำลังใจให้เสมอครับ   :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3

ออฟไลน์ บุหรง

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 854
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +709/-3
    • My FB
๒๓ ของเหลือหรือของฝาก

“ราญ ไม่อยู่หรอก ตั้ม เห็นบอกว่ามีธุระต้องไปทำก่อนไปทานข้าว เพิ่งไปเมื่อกี้นี้เอง” วา ตอบผมเมื่อผมถามถึง ราญ
“แล้วคนอื่นอะ ไปทานข้าวกันแล้วเหรอ” ผมถามถึงพรรคพวกที่เหลือ
“อื้อ ไปโรงอาหารกันซักพักใหญ่ๆแล้ว มานั่งคุยกันก่อนสิ” วา พูดพลางตบที่เก้าอี้ข้างๆเป็นสัญญาณว่าให้ผมไปนั่งตรงนั้น

คงเป็นเพราะเพิ่งจะพักกลางวันไปได้สักพักใหญ่ๆเท่านั้น ในห้องจึงมีคนเหลืออยู่เพียง ๕-๖ คน เพราะส่วนใหญ่ไปรวมกันอยู่กันที่โรงอาหารที่มีอยู่เพียงที่เดียวในโรงเรียน
“ไม่กวนดีกว่าอะ ทำงานอยู่ไม่ใช่เหรอ เราไปทานข้าวเลยแล้วกัน เดี๋ยวค่อยมาใหม่” ผม ตอบไป
“งั้นเราไปด้วย รอเดี๋ยวนะ” วา พูดจบก็เก็บสมุดจดงานและเครื่องเขียนเข้าไว้ในเก๊ะใต้โต๊ะเรียน แล้วเราก็พากันเดินไปยังโรงอาหาร

“แผลที่มือเป็นไงมั่ง” วา ถามขึ้นมาระหว่างทางลงบันไดตึก
“ไม่เป็นไรแล้ว ขอบใจนะวันนั้นที่ทำแผลให้เรา” จริงสิ ผมยังไม่ได้ขอบใจ วา เลยที่ทำแผลให้ผมวันนั้น
“เรื่องเล็ก ว่าแต่ทำไมมือนุ่มจัง แล้วนี่กลิ่นอะไรที่ตัว” วา ชะโงกมาทำจมูกฟุ๊ดฟิ๊ดแถวๆไหล่ผม
“ล้อเล่นแล้ว มือเราน่ะเหรอนุ่ม บางคนเค้าบอกว่า มือเราหยาบกว่า ซ่งตีง เค้าอีก” ผมพูดไปอย่าง งงๆ
“ฮ่าๆๆ เค้าแหย่เล่นน่ะสิ แล้วตกลงว่านี่กลิ่นอะไร” วาเอาจมูกมาดมที่แขนเสื้อผม แล้วเอาแขนมาโอบไหล่ผมไว้ ตอนนั้นเราเดินมาถึงชั้นล่างแล้ว กำลังจะเดินเข้าโรงอาหาร ที่อยู่ใกล้ๆกับตึก ๗ ที่ผมเดินลงมา
“ไม่เหม็นเหรอ ดมแบบนั้นอะ” ผมขมวดคิ้ว ก็พวก ศักดิ์ บอกว่าผมตัวเหม็นนี่นา
“เหม็นที่ไหนกัน ตัว ตั้ม หอมออก หอมอ่อนๆเหมือนกลิ่นดอกไม้ ชื่นใจดี”  ผมคิดไปว่า วา พูดอะไรแปลกๆ ยังไม่ทันพูดอะไรต่อก็ถึงโรงอาหารพอดี ผมเลยชวน วา เดินไปที่ร้านข้าวราดแกง โดยที่แขนของ วา ยังโอบไหล่ผมอยู่

“วา ไหนว่ายังไม่หิวไง ทำไมมากับ ตั้ม มันได้” เสียงเรียกมาจากข้างหลัง พวกผมหันกลับไปดู ...เต่า นั่นเอง... แต่ทำไมเสียงดุจัง
“ก็ ตั้ม มันไปหาพวกนายที่ห้องแล้วไม่เจอ เราเลยลงมาเป็นเพื่อน” วา พูดพลางรีบเอาแขนออกจากไหล่ผม
“เต่า ทานข้าวเสร็จยัง ถ้ายังเดี๋ยวเราไปนั่งด้วยนะ” ผมพูดกับเต่า “นั่งไหนกันอะ” ผมชะเง้อมองไปรอบๆ แต่มองไม่เห็นอะไรหรอกครับ มันเบลอๆ เต่าก็เลยชี้มือไปทางโต๊ะตัวหนึ่ง ผมมองตามไปก็เห็นมีมือใครชูขึ้นมาโบกไหวๆอยู่
“งั้นเดี๋ยวพวกเรารีบไปซื้อข้าวแล้วตามไปนะ” วา พูดแล้วก็บอกให้ผมรีบไปซื้อข้าว จากนั้นก็พากันไปนั่งกับพวกเต่า เหมือนพวกนั้นจะเว้นที่ไว้ให้ผมนั่งตรงกลางระหว่าง กร กับ ต่อ ส่วน วา นั่งข้างๆ เต่า ซึ่งนั่งถัดมาจาก จก และ ตุ่ม ทางฝั่งตรงข้าม

พอกินข้าวเสร็จ ผมก็ตามพรรคพวกไปนั่งรอ ราญ ที่ห้อง ๒ ตั้งใจว่าจะหาโอกาสคุยกับ ราญ เรื่องเมื่อวันศุกร์สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่รอจนใกล้จะหมดเวลาพักเที่ยง ราญ ก็ไม่มาสักที ผมจึงต้องกลับไปเตรียมตัวเข้าเรียนคาบวิชาต่อไป เพราะคาบวิชาหลังเที่ยงครูมักจะมาตรงเวลาเป็นส่วนใหญ่
.........................................................................

... ทำไมต้องมาคุยกันเรื่องรายงานวันนี้ด้วยนะ ป่านนี้แล้ว ราญ กลับบ้านไปรึยังเนี่ย ... ผมคิดในใจระหว่างที่รีบเดินไปให้ห้อง ๒ พอถึงก็ชะโงกหน้าเข้าไปดู ไม่เจอใครเลย แต่เดี๋ยว เหมือนมีใครชูแขนโบกมือเรียกผมอยู่ตรงโต๊ะริมหน้าต่าง
“ตั้ม มานี่เร็ว” ดูเหมือนว่าจะเป็นเสียง ชัย พอผมเดินเข้าไปใกล้ๆ ก็เห็นว่าเป็น ชัย จริงๆ
“อ๊ะ เอาไป” ชัย ยื่นอะไรบางอย่างมาให้ผม พอผมมองเห็นว่าเป็นอะไรก็ยิ้มกว้าง ถั่วตัดแสนอร่อยของบ้าน ชัย นั่นเอง ชัย จัดแจงยกเก้าอี้ที่คว่ำอยู่บนโต๊ะข้างๆลงมาให้ผมนั่ง
“พอดีเอามาฝากเพื่อนๆ แล้วเหลืออยู่ถุงนึง นายเอาไป เราขี้เกียจถือกลับบ้าน” ผมก็รับมาแต่โดยดี แต่ก็ฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้
“เหลือได้ไงอะ ของอร่อยแบบนี้ไม่น่าเหลือมาถึงตอนเย็นขนาดนี้นะ” ผมตั้งข้อสังเกต
“พวก ราญ มันกลับไปหมดแล้ว มัวแต่ทำอะไรอยู่มาเอาป่านนี้ นี่มันสี่โมงจะครึ่งอยู่แล้ว” ชัย เปลี่ยนเรื่องกระทันหัน
“ก็เพื่อนในกลุ่มรายงานให้อยู่คุยกันเรื่องแบ่งงานอะ พอดีอยู่กลุ่มเดียวกันหลายวิชา เลยคุยทีเดียวเลย เพิ่งจะเสร็จเนี่ย” ผมลืมเรื่องเมื่อกี้ไปแล้ว -*-
“งั้นรอเราก่อน อีกนิดเดียวงานเราจะเสร็จแล้ว จะได้ออกไปพร้อมกัน” ชัย พูด “เดี๋ยวกินถั่วตัดเล่นๆไปก่อนแล้วกัน” แล้ว ชัย ก็หยิบคัตเตอร์มากรีดปากถุงถั่วตัดออก แล้วหยิบถั่วตัดขึ้นมาชิ้นหนึ่งมายัดปากผม “กินซะ ของดีต้องกินเยอะๆ”ชัยยิ้ม ผมก็เลยหยิบถั่วตัดชิ้นหนึ่งยัดเข้าไปในปากชัยมั่ง ดูชัยตกใจนิดๆ คงไม่คิดว่าผมจะเล่นด้วย เราสองคนยิ้มให้กัน แล้วชัยก็หันไปทำงานต่อ

“อร่อยจังอะ เอามาฝากบ่อยๆก็ดีนะ อิ อิ” ผมพูดเมื่อหมดถั่วตัดไป ๒ ชิ้น ชัยได้ยินก็หันมามองผมตาวาวๆ
“อยากกินทุกวันก็ไปอยู่กับเราที่บ้านดิ เป็นน้องเราจะได้กินทุกวัน” ชัย พูด
“อย่าเลย จะหลอกให้เราไปใช้แรงงานเป็นลูกมือทำขนมละไม่ว่า คิ๊ก คิ๊ก” ผมตอบไปโดยที่ไม่ทันคิดอะไร
“เออนะมึง ทีอย่างนี้ทำเป็นรู้ทัน” ชัยถอนหายใจ ส่ายหน้า ๒-๓ ที แล้วก็หันไปทำงานต่อ

สักพักใหญ่ๆ พอ ชัย ทำงานเสร็จก็เก็บของลงเป้ แล้วหยิบหนังยางในเก๊ะมารัดปากถุงถั่วตัดส่งให้ผม พวกเราพากันเดินออกจากห้อง โดยที่ผมยังคงถือถุงถั่วตัดไว้ในมือข้างหนึ่ง ไม่ใส่ลงไปในเป้ เพราะกลัวว่ามันจะหักเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย



salapaw

  • บุคคลทั่วไป
อยากจะขอชมคนเขียนหน่อยนะคะ  ที่ทำให้คอ่านคนนี้เข้าใจง่าย เพราะบางที ก็เป็นตัวเอกพูด บางทีก้เป็นอีกคนพูด

แล้วก็ขอปรบมือด้วย ที่ใช้เลขไทย แล้วทบทวนเวลสาเขียนทุกครั้ง


เอาไป+1 :m4:

อาจารย์..สีฟ้า

  • บุคคลทั่วไป
เข้ามาติดตามครับ

เป็นกำลังใจให้เสมอ
  :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ AidinEiEi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 776
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-1
ตามมาให้กำลังใจค่ะ
ยิ่งอ่านยิ่งรักตัวละครในเรื่อง :m1: :m1:

ตามอ่านต่อ......



อ้อ...รักตั้มน้า....... :m1:

ออฟไลน์ บุหรง

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 854
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +709/-3
    • My FB
๒๔ นัดเจอ

“เอ็งรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่” ปอ ถามขึ้นมาเป็นประโยคแรก เมื่อ พบราญ

เมื่อวานนี้เอง เขาโทรศัพท์ไปนัด ราญ ให้มาคุยกันตอนช่วงพักเที่ยง ที่โต๊ะใต้ต้นหูกวางข้างๆสนามใหญ่ ด้านตึก ๓ ที่เขาอยู่ คงไม่มีใครมาเห็น ซึ่ง ราญ ก็ตกลงมาตามนัด
“เอาตอนไหน ตอนที่เริ่มรู้ หรือว่าตอนที่แน่ใจ” ราญ ถามย้อนไปยิ้มๆ
“มีแบ่งตอนด้วยเหรอวะ” ปอ สงสัย “งั้นเอาทั้งสองตอนเลย” ปอ ตอบไป
“เราเริ่มรู้สึกตอนที่นายชอบมาป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ ตั้ม มันนั่นแหละ มาแน่ใจเอาตอนที่เห็นพวกนายที่ห้องสมุด” ราญ ยิ้มอีก

ราญ นึกถึงตอนนั้น วันที่เขาตาม ตั้ม ไปที่ห้องสมุด เพราะคิดว่าเขาอาจช่วยให้ ตั้ม จดงานจากสมุดจดงานของเขาได้เร็วขึ้น ถ้าเขาอ่านให้ฟังแล้ว ตั้ม จดตามไป พอไปถึง เขาก็มองเห็น ปอ นั่งอยู่ข้างๆ ตั้ม กำลังมองหน้าของ ตั้ม อยู่ แต่เหมือนว่า ตั้ม จะไม่สนใจหรืออาจจะไม่รู้สึกตัว เพราะเวลาที่ ตั้ม ทำงานจะมีสมาธิมาก ไม่ได้สนใจสภาพรอบข้างเลย เขาจึงเดินอย่างแผ่วเบาเข้าไปใกล้ๆคนทั้งสอง กะว่าให้ห่างพอสมควร แล้วเขาก็ได้เห็นทุกอย่าง และได้ยินทุกคำพูดที่ ปอ ทำและพูดกับ ตั้ม วันนั้นเองที่เขามั่นใจว่าเขาดูไม่ผิด ..... ปอ รัก ตั้ม

“เฮ้ย นานขนาดนั้นเลยเหรอวะ” ปอ ตกใจ นี่เขาไม่รู้ตัวเลยว่ามีคนรู้ว่าเขาอย่างไรกับ ตั้ม มาตั้งนานแล้ว
“แล้วมีใครรู้อีกมั่งมั๊ยวะ” ปอ ถามด้วยน้ำเสียงกังวล
“ทำไม นายกลัวเหรอถ้ามีคนรู้” ราญ เริ่มเสียงแข็งเหมือนไม่พอใจ
“เออดิ แต่กูไม่ได้กลัว กูอายเว๊ย” ปอ หน้าแดง “กูอุตส่าห์เก๊กซะขนาดนั้น ขืนมีคนรู้กันเยอะๆ กูก็เสียฟอร์มสิวะ”

... นี่ถ้ามันรู้ความจริง ว่าทั้งโรงเรียนนี่คงมีแต่ ตั้ม คนเดียวที่ไม่รู้ มันคงชอคตาย... ราญ คิด ... เดี๋ยว ทั้งโรงเรียนคงมากไป เอาแค่ชั้น ม.๓ แล้วกัน ... ราญ นึกขำๆ ลองแหย่มันหน่อยดีกว่า

“ถามว่ามีใครไม่รู้มั่งดีกว่ามั๊ง ปอ” ราญ ลองแหย่ๆดู
“เฮ้ย ฉิบหายแล้ว จริงรึเปล่ามึง แล้วกูจะเอาหน้าไปไว้ไหนวะ” เห็นท่าตกใจของ ปอ แล้ว ราญนึกขำ ...น่าแกล้งมันอีกหน่อย ... ราญ คิดในใจ
“ล้อเล่นหว่ะ ปอ” เหมือนได้ยินเสียง ปอ ถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ตกลงนายห่วงตัวเองว่าจะอาย มากกว่าจะคิดห่วงว่า ตั้ม มันจะรู้สึกยังไงเหรอ” ราญ พูดต่อ
“กูไม่ได้หมายความว่ายังงั้น เอาเป็นกูขอโทษแล้วกัน ว่าแต่เอ็งรู้ได้ยังไงวะ” ปอ ถามต่อ
“ตาของนายมั๊ง เราหมายถึงแววตาของนายเวลามอง ตั้ม” ราญ ตอบแล้วพูดนิดหนึ่งเหมือนกับคิดอะไรสักอย่าง แล้วจึงพูดต่อ “แววตาที่มองคนที่เราเกลียด กับคนที่เราชอบมันต่างกันนะ ปอ แล้วอายุขนาดพวกเราน่ะ ดูไม่ยากหรอก วัยอย่างพวกเรายังซ่อนความรู้สึกทางแววตาไม่ได้หรอก”

ราญ นึกไปถึงแววตา ที่แสดงออกมาหมดทุกอย่างไม่เคยซ่อนเร้นอะไรไว้ได้เลยของ ตั้ม แล้วอดยิ้มไม่ได้ แววตาที่แสดงออกมาเพีงแค่ ชอบ กับไม่ชอบ ไม่เคยมีแววตาที่แสดงถึงความเกลียดออกมาเลย แววตาของความรักนั้นก็มีบ้าง แต่ก็เป็นความรักอย่างความรักเพื่อน รักพี่ชายอย่างเขา ไม่เหมือนแววตาของ ปอ ที่แสดงออกถึงความรักที่มีต่อ ตั้ม ว่าเป็นอย่างไร

“อืม คงอย่างนั้นมั๊ง” ปอ ทำท่าเห็นด้วย “แล้ว ตั้ม มันคิดยังไงกับกูวะ” ปอ ถามด้วยความกระตือรือร้น
“หึๆ” ราญหัวเราะในลำคอ
“หัวเราะแบบนี้แปลว่าอะไรวะ” ปอ เริ่มโมโหอีกแล้ว
“ใจเย็นดิ ปอ” ราญ มอง ปอ ยิ้มๆ “ใจร้อนแบบนี้ เดี๋ยวก็ไม่รู้เรื่องกันพอดี” ราญ ปราม “เราบอกนายหลายหนแล้ว ว่ายังไงตอนนี้ ตั้ม มันยังคิดว่านายเป็นเพื่อนอยู่ ตอนนี้นะ”
“ทำไมเอ็งเน้นจังวะว่า ตอนนี้” ปอ สงสัย
“เพราะอนาคตข้างหน้ามันยังไม่แน่น่ะสิ ปอ วันนึงข้างหน้านะ ตั้ม มันอาจจะรู้สึกกับใครสักคน เหมือนที่นายรู้สึกกับมันตอนนี้ ซึ่งอาจจะเป็นนาย หรืออาจจะเป็นเรา” ราญ คิดว่าน่าจะแกล้ง ปอ อีกสักที
“ไหนเอ็งบอกว่าไม่คิดอะไรไง” ปอ ทำท่าโกรธอีกแล้ว ... เออ สนุกดีเหมือนกัน ไว้ต้องหาโอกาสหยอดเข้าไปอีก ให้สมกับที่มันทำกับ ตั้ม ไว้เยอะ สัญญากับ ตั้ม ไว้ว่าจะไม่มีเรื่องกับใคร แต่การทำแบบนี้ ไม่นับว่ามีเรื่องนี่นา... ราญ คิด
“เราแค่สมมุติน่ะ นายใจร้อนแบบนี้จะรอ ตั้ม มันได้เหรอ” ราญ เริ่มการ ‘หยอด’
“ไหวๆ กูรอไหว”ปอ ยืนยันหนักแน่น “เอ็งมีวิธีเหรอ บอกมาเลยกูทำได้ทุกอย่าง”
“งั้น ก่อนอื่นนะ นายต้องระวัง อย่าทำให้ลูกหมามันกลัวจนวิ่งหนี แล้วไม่กล้าเข้าใกล้นายอีกเป็นครั้งที่สอง”
“ลูกหมามันมาเกี่ยวอะไรกับเรื่องของกูกับ ไอ้ตั้มวะ” ปอ พูดอย่างไม่เข้าใจ
“เฮ้อออออออออออออ.................” ราญถอนหายใจยาว “ก็นายเรียก ตั้ม มันว่า ไอ้ลูกหมาน้อยไม่ใช่เหรอไง”

......... นี่เขาคิดถูกหรือเปล่านะ ไม่อยากจะใช้คำว่า ‘โง่’ กับคนหน้าตาฉลาดอย่าง ปอ มันเลย

ออฟไลน์ AidinEiEi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 776
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-1
 :m4: :m4: :m4:
ตอนนี้ ปอ น่ารักขึ้นนะเนี่ย   หุหุ

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
ตั้ม..นี่เสน่ห์แรงจริงๆ มีแต่คนรัก


ออฟไลน์ nana

  • 아주마 애기 두명 ㅋㅋ
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
 :laugh:ไร้เดียงสามั้งคู่ :laugh:



 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

salapaw

  • บุคคลทั่วไป
 :m12: :m12: :m16: ตอนเดียวเอง  อยากอ่านเยอะๆๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด