อ่าน Side Story อาเมน-เมษา ต่อได้ที่นี่ค่ะ >> http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42481.0
Falling Slowly
จอมทัพพลิกนาฬิกาข้อมือเพื่อดูเวลา ขายาวก้าวฉับหลังจากที่การประชุมเสร็จสิ้นลงและบานประตูถูกผลักออก มาเฟียหนุ่มก้าวไวๆไปตามทางเดิน เจย์เดินตามหลัง ทวนตารางงานให้เขาอีกครั้ง จอมทัพเงี่ยหูฟัง เขาพยักหน้ารับ ก่อนเดินนำเจย์และวิคเตอร์ตรงไปยังลิฟท์ที่จะนำพวกเขาไปยังชั้นเซฟเฮ้าส์
จอมทัพแสกนรูม่านตา เขากดลิฟท์ เมื่อประตูเปิดออกเขาจึงก้าวเข้าไปด้านใน มือหนาคลายเนคไทด์และกระดุมเสื้อไปด้วย งานประชุมกินเวลาไปมากกว่าที่คิด คืนนี้เขาไปงานต่อ แถมยังไปบังคับใครบางคนเอาไว้ ป่านนี้ใครบางคนที่ว่าคงนั่งหน้างอรออยู่ที่คอนโดแล้วมั้ง
“เจย์โทรบอกมิถุนาทีว่าเรากำลังจะไป” จอมทัพว่า สแกนรูม่านตาอีกครั้งที่ประตูบานใหญ่ ก่อนที่มันจะเปิดออก เขาเดินเข้าไปด้านใน จากนั้นจึงผลักประตูห้องนอนออก แล้วหันมาบอกกับมือขวาที่กำลังเลื่อนไอแพดมือระวิงอยู่
“ครับ”
พวกเขากลับมาจากภูกระดึงได้อาทิตย์กว่าๆแล้ว และตกลงใจที่จะแยกกันอยู่
...แยกกันอยู่... ใช่ จริงๆมันก็ควรจะเป็นเช่นนั้น แต่ถ้าให้มิถุนาพูด มันก็คงเป็น
...ตามมาอยู่ด้วย... เสียมากกว่า เพราะจอมทัพไม่ยอมให้มิถุนาอยู่คนเดียว เขาแวะเวียนมานอนด้วยที่คอนโดของนายแบบหนุ่ม แต่ทิศทางที่ดีขึ้น...คือจอมทัพไม่เคยบังคับมิถุนาอีกเลย
มาเฟียหนุ่มถอดเสื้อเชิ้ตออก สวมเสื้อเชิ้ตสีดำตัวใหม่ที่อัดกลีบจนเรียบ เขาหยิบชุดสูทเนื้อวูลสีเทาเข้มมาสวมทับ มองตัวเองในกระจกบานใหญ่สองสามครั้ง ก่อนถอดสูทออกแล้วเดินไปเลือกเนคไทด์...
นึกอยากให้มิถุนาอยู่ด้วยกันตอนนี้ เขาชอบรสนิยมของมิถุนา...
จอมทัพเปิดตู้กระจกออก เขาไล่ปลายนิ้วหาเนคไทด์ที่น่าจะเข้ากับชุด เนคไทด์กว่าร้อยเส้นวางซ้อนกันอยู่ จอมทัพนึกหัวเสียขึ้นมาว่าทำไมเขาจึงเก็บเนคไทด์ไว้มากมายขนาดนี้ และมาเลือกไม่ได้ตอนเวลารีบเร่งเช่นนี้ มาเฟียหนุ่มกวาดตามอง ก่อนที่จะชะงัก เมื่อสะดุดตาเข้ากับเนคไทด์สีไวน์เนื้อดีอันหนึ่ง เขาพลิกมันไปมาสองสามที ก่อนจะดึงมันออกมา
เขาจำมันได้ดี...
เจ้าของของมันจากเขาไปตลอดกาลแล้ว แต่ไหนยังคอยวนเวียนเป็นความทรงจำอยู่ได้บ่อยครั้งไป...
พวกเขาครั้งหนึ่งผูกพันกันด้วยจิตวิญญาณ เสียงหัวเราะของจุนคือแรงบันดาลใจของเขา ใบหน้ามุ่นคิ้วของเขาคือความไม่สบายใจของจุน เซฟเฮ้าส์แห่งนี้จุนก็เคยบินมาด้วยกันกับเขาตั้งแต่ที่เขายังไม่มีความคิดที่จะย้ายมาหลงหลักปักฐานที่นี่ จุนช่วยเขาแต่งห้อง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพวกเขาอยากจะอยู่ด้วยกันในที่แห่งนี้มากแค่ไหน แม้หลังจากที่จุนจากไป ห้องเซฟเฮ้าส์เก่าที่เคยเลือกตกแต่งด้วยกันนั้น จอมทัพสั่งรื้อทิ้งหมดเพราะเขาไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ในความทรงจำเหล่านั้นได้
ความทรงจำที่ครั้งหนึ่งเคยทำร้ายเขาเจียนตาย แต่ตอนนี้ไม่แล้ว...ไม่อีกเลย...
จอมทัพอมยิ้ม แล้วเรื่องราวเก่าๆก็ผุดขึ้นมาในสมอง...
“เปเปอร์เสร็จแล้วยังเฮีย ไปดื่มกันเหอะ”
คืนนั้นเป็นคืนที่หิมะตกในเดือนธันวาคม เป็นหน้าหนาวปีสุดท้ายของเขาและวิคเตอร์ในนิวยอร์ค หลังจากที่จากบ้านเกิดมาเกือบหกปี จอมทัพไม่เคยกลับไป พ่อเขาก็ไม่ได้คิดถึงถึงขนาดต้องเรียกตัวเขากลับฮ่องกง จอมทัพกับวิคเตอร์จึงใช้เวลาตลอดหกปีในอเมริกาและใช้วันหยุดท่องเที่ยวไปในประเทศอื่นๆ ---ไม่เคยคิดเลยที่จะกลับฮ่องกงในช่องหยุดหน้าร้อน พวกเขารู้ดีว่าหกปีนี้คือหกปีแห่งการใช้ชีวิต มันต้องคุ้มค่า ชีวิตที่อเมริกาไม่มีคนตามไล่ล่า ไม่มีภาระอันหนักอึ้ง ไม่มีตำแหน่งค้ำคอ ไม่มีอะไรคอยระบุตัวตนของเขา เขาเป็นเพียงแจ็คกี้ นักศึกษาวิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจากฮ่องกง ส่วนวิคเตอร์เรียนด้านถ่ายภาพในวิทยาลัยศิลปะชื่อดังของนิวยอร์ค ไม่มีคนรู้ว่าพวกเขาคือใคร แต่ถึงรู้พวกเขาก็ไม่ปริปากและมองข้ามมันซะ จอมทัพเป็นผู้ชายธรรมดาๆตลอดหกปีนั้น เอาแต่ทำเรื่องบ้าระห่ำ เมาเละเทะผลัดกันกับวิคเตอร์ลากคอกันและกันกลับบ้าน จัดปาร์ตี้สุดเหวี่ยง เดทสาวๆ แอบพ่อทำงานพิเศษ แบ็คแพ็คไปเรื่อยเปื่อยกับมือซ้ายที่เป็นเหมือนกับน้องชายร่วมสาบานของเขา เขารักชีวิตที่นั่น อย่างน้อยก็มีความสุขและเป็นตัวของตัวเองได้ หกปีเท่านั้นที่จะได้ใช้ชีวิต ทั้งเขาและวิคเตอร์รู้ดีว่าสักวันเวลาจะหมดลง และคงไม่มีวันที่จะได้กลับมาทำอะไรแบบนี้อีกแล้ว
วิคเตอร์ชวนเขาไปดื่มในคืนวันศุกร์แห่งชาติ--- ศุกร์สิ้นเดือน เขาว่ามันบ้าระห่ำสิ้นดีแต่ก็เอาเถอะ จอมทัพปิดคอมพิวเตอร์ เขาสวมโค้ท สวมรองเท้าผ้าใบคู่เก่า แล้วเดินกอดคอกันออกไปกับวิคเตอร์ อากาศหนาวเหน็บชะมัดเมื่อก้าวออกมาด้านนอก พวกเขาทิ้งรถไว้ที่บ้าน ตัดสินใจเรียกแท็กซี่เพราะคิดว่าคืนนี้คงเมาปลิ้น
“อัลเทอร์บาร์”
วิคเตอร์บอกจุดหมาย บาร์อัลเทอร์เนทีฟร็อคที่พวกเขาชื่นชอบ มันดิบ เถื่อน และลึกถึงใจ บ้าร์กรังๆที่ผู้คนเบียดเสียดกันเพื่อฟังดนตรีชั้นเยี่ยมจากวงใต้ดินเพื่อปลดปล่อยความบ้าคลั่ง นี่ก็เป็นอีกสิ่งที่พวกเขาจะได้ทำที่นี่ แต่ไม่มันวันที่จะได้แม้แต่จะย่างก้าวเข้าไปหากอยู่ที่ฮ่องกง
แท็กซี่จอดรถตรงหน้าบาร์ มีผู้คนต่อแถวรอกันอยู่แล้วเพื่อซื้อบัตร จอมทัพกับวิคเตอร์ยืนหนาวอยู่ด้านหน้าเกือบสิบนาทีก่อนจะได้เข้าไปด้านใน พวกเขาขึ้นบันไดไปชั้นสองเพื่อที่จะเอาเสื้อโค้ทไปเก็บในล็อคเกอร์ ก่อนที่ลงมาที่บาร์เพื่อแลกเครื่องดื่ม พวกเขาได้เบียร์คนละขวด พากันแทรกตัวไปที่หน้าเวทีเพื่อรอวงถัดไปขึ้นเลย เที่ยงคืนกว่าแล้ว คนกำลังได้ที่ พวกเขายืนอยู่ท่ามกลางผู้คน จากนั้นเสียงกลองก็ดังขึ้น พร้อมกับเสียงดนตรีที่ดังมาจากทั่วทุกสารทิศ บรรดานักท่องราตรีทุกเชื้อชาติส่งเสียงโห่ร้อง เขากับวิคเตอร์ก็ด้วย พวกเขาชนขวดเบียร์ แล้วตะโกนไปตามจังหวะ การแสดงสดตลอดหนึ่งชั่วโมง ขวดเบียร์ขวดแล้วขวดเล่าถูกกระดกลงลำคอ และจอมทัพก็ต้องยอมรับว่าเขาเริ่มรู้สึกมึนๆขึ้นมาแล้วจริงๆ
แสงไฟวูบวาบเข้ามาในดวงตา จอมทัพสะบัดหัวไล่ความมึนงง แต่ดูเหมือนว่าเสียงดนตรีก็ยังคงไล่ต้อนให้เขาเมามายมากขึ้นเรื่อยๆ ดวงตาคมกริบกวาดไปรอบๆ เขามองเห็นแสงไฟตกกระทบ ได้ยินเสียงกลองหนักหน่วง เสียงเบสทุ้มกังวาล ท่ามกลางความืดมิด จังหวะที่เพลงจบลง สายตาเขาจึงได้เห็นใบหน้าขาวกระจ่างนั่น ในความมืดแท้ๆแต่คนๆนั้นกลับโดดเด่นท่ามกลางผู้คน ผู้ชายตัวเล็ก...ใบหน้าขาวหวานนั่นทำให้เขาหายเมาไปชั่วขณะ ดวงตากลมโต แก้มเหมือนจะระเรื่อแดง เวลาที่คนๆนั้นยกยิ้ม เหมือนพวงแก้มจะถูกยกขึ้นไป ตาเรียวเล็กเป็นสระอิ เขาหัวเราะกับผู้ชายตัวโตข้างตัว เขามากับเพื่อนกลุ่มใหญ่หลากเชื้อชาติ
จอมทัพละสายตาไม่ได้ พอๆกับที่รู้ว่าจะปล่อยผ่านไปไม่ได้นั่นแหละ
เหมือนวิคเตอร์จะรู้ เขาเหลือบมองหน้าพี่ชายร่วมสาบาน ก่อนยิ้มกระเซ้า
“ผมรู้นะเฮียมองใครอยู่” วิคเตอร์ยิ้มเผล่ จอมทัพไม่ตอบ ไม่ละสายตาจากแผ่นหลังเล็กเลยด้วยซ้ำ “เข้าไปเลยไหม”
“เดี๋ยวก่อนสิวะ” จอมทัพหัวเราะหึ
“เร็วเถอะ ฟีโรโมนกระจายขนาดนั้น เดี๋ยวก็โดนตัดหน้าไปก่อนหรอก”
“จะใจร้อนกว่าฉันทำไมวะวิคเตอร์” จอมทัพส่ายหัว เพลงใหม่กำลังจะเริ่ม เขาแทบจะปล่อยมันลอยผ่านหูไป เพลงที่เขาชอบด้วยซ้ำ ชอบมากด้วยล่ะ...
I've been roaming around, I was looking down at all I see
Painted faces fill the places I can't reach
...ชอบจริงๆ...
จอมทัพไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าเขาทำบ้าอะไรลงไป แต่รู้ตัวอีกทีเขาก็แทรกตัวเข้าไปจนถึงด้านหลังของผู้ชายคนนั้นได้สำเร็จ ใบหน้านั่นเปื้อนยิ้ม ตะโกนร้องเพลงเสียงดัง จอมทัพคว้าข้อมือเล็กนั่นเอาไว้ คนตัวเล็กชะงักนิดหน่อย ก่อนเอี้ยวตัวกลับมามอง ข้อมือที่ถูกจับเอาไว้ถูกชูขึ้นมาสูงในระดับสายตา แต่จอมทัพไม่สน เขาจ้องหน้าคนตรงหน้าเงียบๆ และเกือบลืมที่จะพูดอะไรสักอย่างออกไป
ใบหน้าหวานชะงักงัน เขามองหน้าจอมทัพ รอยยิ้มค่อยๆหายไปแทนที่ด้วยใบหน้าตื่นตระหนก จอมทัพไม่รอให้อีกฝ่ายตื่นตกใจไปมากกว่านี้...
“ขอเลี้ยงเบียร์สักขวดสิ”
You know that I could use somebody
You know that I could use somebody
ใบหน้าของคนตัวเล็กแสดงสีหน้าว่าไม่เข้าใจ ก่อนที่จะแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มแล้วหัวเราะออกมาเสียงดัง จอมทัพเผลอหลุดยิ้มไปด้วย ก่อนที่อีกฝ่ายจะพยักหน้าเบาๆ ท่าทางดูกึ่มแอลกอฮอล์แล้ว
“จะจีบเราเหรอ” เสียงใสถามใกล้ใบหูจอมทัพ “เราจะกลับมะรืนแล้ว ไม่ต้องจีบเราหรอก” แล้วก็หัวเราะ
จอมทัพอมยิ้ม “กลับไปไหน”
“ญี่ปุ่นน่ะ”
Someone like you and all you know and how you speak
Countless lovers under cover of the street
You know that I could use somebody
You know that I could use somebody
Someone like you
“นั่นแหละ...” จอมทัพยังยืนยัน “เอายี่ห้ออะไร”
“อืม...” คนตัวเล็กกว่าทำหน้าครุ่นคิด “นึกไม่ออก เอายี่ห้อเดียวกับคุณก็แล้วกัน”
จอมทัพพยักหน้า เขาหันกลับไปมองวิคเตอร์ ฝ่ายนั้นขยิบตาให้เขาพลางนัวสาวผมทองไปด้วย มาเฟียหนุ่มเดินไปที่บาร์ สั่งเบียร์สองขวด เดินกลับมาพร้อมกับที่ว่างเล็กๆข้างๆกายหนุ่มญี่ปุ่นคนนั้นกลายเป็นของเขาเรียบร้อยแล้วในค่ำคืนนี้
Someone like me, someone like me
Someone like me, somebody
อากาศด้านนอกยังคงหนาวเหน็บ ตีสองกว่าๆจอมทัพก็จับจูงมือคนตัวเล็กกว่าแทรกกายผ่านเหล่านักท่องราตรีออกมายังนอกบาร์ เมื่อผลักประตูออก...ลมหนาวก็พัดปะทะวูบเข้าที่ร่างเขาทันที เกล็ดหิมะโปรยปรายลงมา หิมะแรกของปี หนุ่มญี่ปุ่นร้องว้าวออกมา ดวงตาจับจ้องปุยขาวนั้นล่องลอยสู่พื้นดิน จอมทัพมองเสี้ยวหน้านั่นอย่างนึกเอ็นดู...
และกว่าที่ใครจะคาดคิด จอมทัพก้าวลงมายืนที่พื้นด้านล่าง หนุ่มญี่ปุ่นยังคงยืนอยู่บนขั้นบันไดที่หนึ่ง ดวงหน้าขาวลอยเด่น ฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำเอาดวงตาฉ่ำเยิ้ม จอมทัพปล่อยให้เกล็ดหิมะโปรยปรายลงมาตกลงบนใบหน้าหวานนั่น เขาใช้ฝ่ามือประคองใบหน้าเล็กเอาไว้ นิ้วโป้งเกลี่ยเอาเกล็ดหิมะออกจากริมฝีปากล่าง ไม่รอคำอนุญาตใดๆ เขาค่อยๆแนบริมฝีปากลงไป ความรู้สึกในตอนนั้นราวกับว่ามีคนมาจุดดอกไม้ไฟในหัวของเขา...
จุดมันขึ้นมากลางหน้าหนาวเช่นนี้
I've been roaming around, I was looking down at all I see
จอมทัพจูงมืออีกคนวิ่งข้ามถนน พวกเขาเรียกแท็กซี่ตรงดิ่งไปยังบ้านของจอมทัพ ประตูหน้าถูกเปิดออกด้วยรหัสสี่ตัว จอมทัพถอดผ้าใบออกลวกๆ เขารั้งกายขาวเหนี่ยวไว้ข้างกาย เสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้น ร่างเล็กนั่นถูกดันติดผนัง จอมทัพรุกไล่จูบริมฝีปากหวานนั่นราวกับเสพติด...
เสื้อผ้าถูกปลดลงทีละตัวตลอดทางที่พวกเขาเดินไปยังห้องนอนของเจ้าของบ้าน จอมทัพอุ้มอีกฝ่ายโยนลงบนเตียงคิงไซส์ พวกเขาจ้องตากัน และเรื่องราวต่อจากนั้นก็ดำเนินราวกับพายุหมุน
“ยังไม่รู้จักชื่อนายเลย”
เสียงใสเอ่ยถามระหว่างนอนคว่ำกายตีขาไปมาเหมือนเด็กๆ จอมทัพเอนกายนั่งอยู่ตรงขอบเตียง เขาสวมยีนส์หมิ่นเหม่ที่สะโพกสอบ ริมฝีปากคาบกัญชามวนยาเส้น ควันคลุ้งลอยไปทั่วห้อง...
ทุกอย่างจบลง และจอมทัพก็คิดขึ้นมาเสียเฉยๆว่า เขาไม่เคยมีเซ็กส์ที่ดีขนาดนี้มาก่อนเลย
“แจ็คกี้” จอมทัพตอบ “แจ็คกี้ หวัง”
“ทาเคยามะ จุน” หนุ่มญี่ปุ่นบอกชื่อโดยไม่ต้องให้ถาม จอมทัพอมยิ้ม เขาขยี้มวนกัญชากับที่เขี่ยตรงหัวเตียง
“อ่าฮะ”
“คนฮ่องกงเหรอ” จุนถาม
“อืม” ทายาทมาเฟียหนุ่มพยักหน้า เขาเอนกายลงนอนข้างๆจุน หนุ่มญี่ปุ่นเอื้อมมือสางผมสีดำขลับอย่างเบามือ จอมทัพจ้องตาอีกฝ่าย รั้งมือเล็กๆนั่นมาจุมพิตเบาๆที่ปลายนิ้ว “กลับมะรืนนี้กี่โมง”
“จริงๆจะเรียกว่าเป็นพรุ่งนี้ก็ได้” จุนหัวเราะเบาๆ “ตีสาม”
“อ่า...”
“นายเรียนที่นี่เหรอ” จุนถามต่อ
“อืม ปีที่หกแล้ว”
“ของฉันปีที่สอง” จุนชูสองนิ้ว จอมทัพรวบนิ้วเล็กๆนั่นไว้
“เรียนอะไร”
“...ออกแบบน่ะ” จุนตอบ เหม่อมองออกไปยังหน้าต่างด้านนอกตรงหัวเตียง
“จะกลับไปทำงานที่ญี่ปุ่นหรือ”
“อืม” คนตัวเล็กครางรับในลำคอ “ใช่...ประมาณนั้นแหละ แต่คงไม่ได้ทำด้านออกแบบ”
“แล้วทำอะไร” จอมทัพนึกรำคาญที่ตัวเองซอกแซกเหลือเกิน
จุนยิ้ม แล้วยกมือแตะริมฝีปากจอมทัพ “...ความลับ”
ทายาทมาเฟียได้แต่อมยิ้มออกมา เขานอนแนบกายจุนเงียบๆ ให้เนื้อแนบเนื้อ ให้ความหนาวบรรเทาลง...
“ขอคอนแทคได้ไหม” จอมทัพเอ่ยถามขึ้นดื้อๆ เขาก็ไม่ค่อยเข้าใจตัวเองเหมือนกัน จุนเลิกคิ้ว เหมือนจะไม่ค่อยเห็นด้วย...
“ไม่ดีหรอก” จุนว่าเบาๆ เขาเหม่อมองไปข้างนอกอีกครั้ง “มันไปไม่รอดหรอกแจ็คกี้”
“......” จอมทัพเงียบ
“แต่ถ้าเราบังเอิญเจอกันครั้งหน้า ฉันจะยอมให้ก็ได้นะ”
จุนหัวเราะเหมือนทีเล่นทีจริง จอมทัพไม่เซ้าซี้ต่อ เขารั้งกายจุนเอาไว้ใกล้และต่อบทรักรอบที่สอง และจุนก็กลับไปในเช้าวันถัดมาหลังจากจบมื้อเช้า แจ็คกี้ถอดใจไปแล้วด้วยซ้ำกับเรื่องนี้ แต่ดูเหมือนว่าคนที่ไม่เชื่อในความบังเอิญอย่างเขาจะโดนน็อคลงอีกครั้งหลังจากนั้นอีกสองปีต่อมา... เมื่อเขาไปเจรจาธุรกิจที่ญี่ปุ่นกับพรรคยากูซ่าของทาเคยามะ ตัวแทนเจรจาที่เดินเข้ามาในห้องในวันนั้นทำให้ทั้งเขาและวิคเตอร์ต้องเลิกคิ้ว จุนยิ้มแบบคืนนั้น รอยยิ้มที่ทำเอาพวงแก้มถูกยกขึ้นจนตาปิด และเขาก็ทำตามสัญญาเดทแรกของพวกเขา...ที่เกียวโต จุนให้เนคไทด์สีไวน์เส้นนี้เป็นของขวัญ คืนนั้นจุนเปลือยเปล่า ทั้งร่างมีแค่เนคไท์เส้นนี้ผูกไว้หลวมๆที่คอ และพวกเขาก็ตกลงคบกันนับจากนั้น ไม่มีคำพูดที่ชัดเจนยืนยัน แต่พวกเขาต่างรู้ดีว่าพวกเขาหลงรักกันมากแค่ไหน...