เมษาลืมตาขึ้นอีกครั้งในเช้าวันใหม่ แสงแดดที่สาดเข้ามาในห้องสวีทสุดหรู บนชั้นบนสุดของโรงแรมห้าดาว อย่าง แมนดาริน โอเรียนทอล ปลุกให้เขาตื่นขึ้นจากความอ่อนเพลีย
ดวงตากลมกระพริบถี่ๆเพื่อปรับให้เข้ากับแสงสว่างของดวงอาทิตย์ในช่วงกลางวัน ประตูบานเลื่อนกระจกเผยให้เห็นร่างกายกำยำในชุดคลุมอาบน้ำของใครบางคนกำลังยืนคุยโทรศัพท์อยู่ที่ริมระเบียง
ควันบุหรี่ลอยอ้อยอิ่งขึ้นสู่ม่านฟ้าเกาะฮ่องกง เมษาเสยผมตัวเองลวกๆก่อนหยิบเอาเสื้อคลุมมาคลุมร่างของตัวเอง ดวงตาของเขาจ้องมองเสี้ยวหน้าคมของอาเมนนิ่งๆ และรีบหลบสายตาเมื่ออีกฝ่ายหันมามอง
เขาพาร่างกายที่บอบช้ำของตัวเองไปที่ห้องน้ำหรู เมดโรงแรมคงเข้ามาเตรียมน้ำอาบเอาไว้ให้แล้ว เมษาค่อยๆถอดเสื้อคลุมออกจากร่างกายของเขา ร่องรอยมากมายปรากฏสู่สายตา เขามองมันอย่างเจ็บปวด อีกนัยก็คงปลง เพราะเขามีชีวิตที่วิ่งวนทับซ้อนไปมาเหมือนหนูติดจั่น ไม่เคยหนีออกไปไหนได้อยู่แล้ว
เขารวบผมตัวเองไว้อย่างลวกๆ ก่อนพาตัวเองลงแช่น้ำ กระแสน้ำอุ่นๆทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายและสบายขึ้น เมษานิ่งคิด ทบทวนถึงชีวิตกว่าจะดำเนินมาได้ถึงจุดนี้ แล้วก็รู้สึกจุกในอกขึ้นมาแปลกๆ
สุดสัปดาห์นี้เขาจะได้เดินแบบในงานฮ่องกง แฟชั่น วีค ไม่ใช่ด้วยความสามารถ เขาไม่ได้หลงใหลอะไรกับวงการแฟชั่นอยู่แล้ว เมษาอยากเป็นครู นั่นคือความฝันของเขา แต่แน่นอน ด้วยอำนาจเงินของอาเมน และพันธมิตรของเขาอย่าง เจิ้งเสี้ยวชุน เมษาจึงได้มาเดินแบบงานใหญ่ยักษ์นี้
ไม่ดีเลยสักนิด เขาสกปรกไปหมด ทั้งร่างกาย ทั้งจิตใจ แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น- ถึงแม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น เมษาก็ทำอะไรไม่ได้ เขาจนใจยอมรับว่าเขาต้องทำ ทุกอย่างเพื่อคนในครอบครัวของเขา ค่ารักษาพยาบาลของแม่ ค่าเล่าเรียนของน้อง ลำพังวุฒิมอหกของเขา ไม่มีวันที่จะรับผิดชอบทั้งหมดนั้นได้อยู่แล้ว
เมษาจ้องมองฟองสบู่ที่ลอยอ้อยอิ่งอยู่บนผิวน้ำ เขาคิดอะไรไม่ออกแล้ว ไม่รู้อาเมนได้ติดต่ออะไรกับพี่นัชชาหรือโมเดลลิ่งของเขาหรือเปล่า แต่จู่ๆ สองวันก่อน เขาก็โดนลากมาฮ่องกงโดยไม่มีใครบอกกล่าว มือถือแบตหมด ตอนนี้ก็ยังเปิดไม่ได้ ติดต่อใครก็ไม่ได้ เขาเบี้ยวงานทั้งๆที่ไม่ได้อยากจะทำ คิดถึงความเดือดร้อนที่เกิดจากเขาแล้วก็ปวดใจ
สองวันที่แทบไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวัน เขาถูกกักตัวไว้ในห้องหรู กลางวันเป็นกลางคืน กลางคิืนเป็นกลางวัน เขาถูกทำรักซ้ำๆจนระบมไปทั้งร่าง อาเมนกอดเขาไม่ปล่อยยกเว้นเวลาที่หมอนั่นออกไปธุระด้านนอก เมษาถึงจะได้นอนเอาแรงหรือลุกขึ้นมาจัดการตัวเองบ้าง
ไม่รู้ว่าพวกเขาเริ่มต้นความสัมพันธ์บิดเบี้ยวนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ จากนายจ้างและลูกจ้าง กลายเป็นคู่นอนที่ขาดไม่ได้ เมษายังจำได้ถึงค่ำคืนแรกที่อาเมนบุกมาที่คอนโดของเขา ตอนนั้นเขาเพิ่งเข้ามาอยู่กรุงเทพฯใหม่ๆ เพิ่งเริ่มงาน ถูกเทรนด์บนรันเวย์ทุกวัน อาเมนเมามาในตอนกลางดึกคืนหนึ่ง เขาทั้งกรีดร้อง ทั้งปัดป่าย แต่สุดท้ายก็ไม่สู้แรง ความเจ็บปวดในคืนนั้นยังจำได้ เสียงนาฬิกาตีบอกเวลาเที่ยงคืนยังดังก้องอยู่ในหู วินาทีที่อาเมนเสือกกายใหญ่โตเข้ามา เขาหลอนเสียงนาฬิกาอยู่หลายวัน และจากวันเป็นเดือน แต่พอมานั่งคิดดูทีหลัง บางทีเขาอาจจะถูก 'ซื้อ' มาด้วยเหตุผลนี้ด้วยก็ได้ คู่นอน-นางบำเรอ-ที่ระบายความใคร่ ถึงอย่างไร เมษาก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องหรืออุทธรณ์อะไรอยู่แล้ว
เมษาเรียนรู้ที่จะยอมเพื่อสวัสดิภาพของชีวิตตัวเองและครอบครัว เขายอม ยอมหมดแล้วทุกอย่าง แม้ว่าจะเจ็บปวดแค่ไหนก็ตามที เมษาเกลียดอาเมน เขาอนุมานว่าเกลียดสุดหัวใจ เขาไม่เคยพูดดีด้วย จริงๆก็แทบไม่ได้พูดกันอยู่แล้ว เมษาตอบเฉพาะคำถามที่ต้องตอบ พูดในเวลาที่จำเป็น นอกจากนั้นในเวลาที่อยู่ในห้องเดียวกัน พวกเขาทำเหมือนอีกฝ่ายไม่มีตัวตน ทั้งๆที่นอนร่วมเตียงกันตลอดค่ำคืน
หลังจากแช่น้ำจนพอใจ เขาก็ลุกขึ้นมาสวมชุดคลุมอาบน้ำ เสื้อผ้าไม่ได้ติดตัวมาสักชิ้น มีแค่ชุดที่สวมใส่มาเท่านั้น และได้ส่งซักไปเรียบร้อยแล้ว เขาเดินออกไปยังด้านนอกด้วยเส้นผมที่เปียกชื้น ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศทำให้ต้องห่อตัวกับเสื้อคลุมอาบน้ำที่สวมใ่ส่อยู่ เขาทำเป็นมองไม่เห็นอาเมนที่เอนกายอยู่บนโซฟากลางห้องนั่งเล่น แล้วเดินไปยังส่วนห้องอาหารแทน
มันถูกกั้นออกจากกันไว้ด้วยตู้โชว์คริสตัลตู้ใหญ่ ถึงจะไม่อยากจะรับรู้ แต่เมษาก็รู้ดีว่าผู้ชายคนนั้นนั่งอยู่ตรงนั้น อาหารจากรูมเซอร์วิสคงมาส่งนานแล้ว มันดูเหมือนจะเย็นชืด แต่เขาไม่ใส่ใจนักหรอก มีให้กินก็ดีแค่ไหน อาหารไม่ตกถึงท้องมาตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็น เขาถูกกักตัวไว้บนเตียงไม่ได้กระดิกไปไหน วินาทีที่กรีดร้องอย่างสุขสมนั้น ความเจ็บปวดก็ยังจุกอกอยู่ทุกครั้ง
“เดี๋ยวไปแต่งตัวด้วย"
เสียงจากพื้นที่ข้างห้องดังขึ้นทำให้เมษาชะงักส้อมที่อยู่ในมือ เขาเงยหน้าขึ้นมองผ่านกระจกคริสตัล
“ครับ?”
“บอกให้แต่งตัว จะออกไปข้างนอก" อาเมนพูดขึ้นเรียบๆ
“แต่ผมไม่มีชุด"
“กองอยู่ตรงนี้เป็นสิบ มาเลือกเอาเอง เร็วด้วยล่ะ ฉันให้เวลาแค่สิบห้านาที" อาเมนว่าอย่างเย็นชา นั่นทำให้เมษาต้องลุกจากโต๊ะอาหารเดินมายังห้องนั่งเล่น เป็นจริงดังที่อาเมนพูด ถุงและกล่องเครื่องแต่งกายจากแบรนด์ดังจำนวนมากวางกองสุมกันอยู่ข้างโซฟาตัวใหญ่ เมษาเดินมาเปิดถุงสามสี่ใบ ก่อนหยิบเอาเสื้อเชิ้ตกับกางเกงยีนส์เดินกลับเข้าไปในห้อง เขาไม่อิดออดหรือต่อรองอะไรหรอก ไม่อยากเจ็บตัวกับอะไรทั้งนั้น
ไม่ถึงสิบห้านาที เมษาก็ปรากฏตัวอีกครั้งในชุดที่ใหม่เอี่ยม ผมที่ยาวเกือบเลยบ่าถูกเป่าจนแห้งสนิท เขาไม่พูดอะไร นั่งรอที่โต๊ะอาหารเงียบๆจนกระทั่งประตูห้องสวีทถูกเคาะ และเปิดออกโดยคนสนิทของอาเมน
“รถพร้อมแล้วครับ" ชายในชุดสูทสีดำเอ่ย เมษาไม่รู้ชื่อของเขาหรอก เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับอาเมนสักอย่างนั่นแหละ
“อืม" ร่างกำยำเดินผ่านหน้าเมษาไปอย่างเย็นชา เขาทำเพียงแค่ปรายตามอง นั่นทำให้เมษาต้องลุกเดินตามไปอย่างเสียมิได้
พวกเขาลงลิฟท์ไปพร้อมกัน มันเงียบสนิท ไม่มีแม้แต่เสียงลมหายใจ ลิฟท์เปิดออกอีกทีเมื่อถึงชั้นล็อบบี้ คนสนิทเดินนำไปยังเมอร์ซีเดสคันหรูที่จอดอยู่หน้าโรงแรม เมษาก้าวตามร่างใหญ่โตเข้าไปในรถหรู
พวกเขาไม่ได้พูดอะไรกัน อาเมนคุยอะไรสองสามคำกับคนสนิทที่นั่งอยู่ด้านหน้า ก่อนที่รถจะเคลื่อนตัวผ่านถนนที่คลาคลั่งไปด้วยผู้คนและรถ ไม่ถึงสิบนาที ขบวนรถหรูก็หยุดลงตรงหน้าช็อปแบรนด์เนมราคาสูง เมษาจำได้ พี่นัชชาให้เขาเรียนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับวงการแฟชั่น รวมถึงแบรนด์ไฮ-เอนด์ต่างๆด้วย
เขาก้าวตามอาเมนไปในร้านค้า พนักงานสาวปรี่มาต้อนรับอย่างรวดเร็ว เมษาเดินตามเข้าไปแล้วไอ้แต่ยิ้มเฝื่อนๆให้กับพนักงานที่พากันยิ้มแย้มต้อนรับเขา กายโปร่งสาวเท้าเข้าไปหยุดกลางร้าน มองอาเมนชี้นิ้วเลือกสินค้าหลายชิ้นเงียบๆ ก่อนเลือกที่จะไปนั่งรอที่โซฟาหนังสีดำกลางร้านแทน
เขานั่งมองพนักงานสาวเดินขวักไขว่ผ่านหน้าไปมา ก่อนเอ่ยขอบคุณเบาๆเมื่อหล่อนเดินเอาน้ำมาเสิร์ฟให้ เขาลืมไปด้วยซ้ำว่าเขายังไม่ได้ดื่มน้ำเลยสักหยดตั้งแต่เช้า รู้ตัวอีกทีก็เมื่อน้ำผ่านริมฝีปากที่แห้งผากเข้าไปนั่นแหละ
เขาวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะกระจก ก่อนเดินไปอีกฟากหนึ่งของร้าน เหลือบตามองสินค้าเทียบกับป้ายราคาแล้วถอนหายใจ ราคาของบางชิ้น สำหรับครอบครัวเขา ใช้ได้เป็นปีๆหรือหลายปีเลยด้วยซ้ำ เขาไม่เข้าใจคนที่ซื้อสินค้าพวกนี้เลยสักนิด ไม่เข้าใจอาเมนนั่นแหละถึงจะถูก แต่การที่จะสอดเข้าไปก็ไม่ใช่เรื่อง เมษาไม่อยากมีเรื่องอะไรทั้งนั้น
เขากวาดตามองกระเป๋าหนังราคาแพงก่อนที่บอร์ดี้การ์ดคนหนึ่งจะเดินมาสะกิดเขา บอกว่าอาเมนเรียกให้ไปหา เมษาถอนหายใจเบาๆ รับคำก่อนเดินไปหาชายหนุ่มร่างสูงที่ยืนอยู่กลางร้าน
อาเมนยืนกอดอกอยู่หน้าพนักงานสาวที่ยกเสื้อสองตัวเทียบกัน เขาเหลือบตามองก่อนเดินเข้าไปใกล้กับชายหนุ่มมากขึ้น อาเมนปรายตามองนิดหน่อยเมื่อเห็นว่าเมษาหยุดยืนอยู่ข้างเขาเรียบร้อยแล้ว
“มีอะไรเหรอครับ?” เมษาเอ่ยถามเบาๆ อาเมนไม่ตอบก่อนพยักเพยิดไปยังเสื้อเชิ้ตสองตัวตรงหน้า
“ให้ผมเลือกเหรอครับ?” เมษาเอ่ยถามอย่างแปลกใจ
“สีไหนดีกว่า" เขาถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาเหมือนไม่ใส่ใจเหมือนเดิม เมษามองเสื้อเชิ้ตตรงหน้าสลับกัน ตัวหนึ่งเป็นสีดำ อีกตัวเป็นสีเบจ
“ผมว่าตัวสีอ่อน" เมษาตอบ "แต่สำหรับคุณคงต้องไซส์ใหญ่กว่านี้" เมษาบอกไปตามใจคิด เขาชะงักเมื่อเห็นสายตาอาเมนจ้องมองมา
“ผม-ผมแค่แสดงความเห็น ขอโทษถ้าคุณไม่พอใจ" เมษารีบแก้ตัว อาเมนปรายตามองอีกครั้ง ก่อนหันไปคุยกับพนักงานสาวเป็นภาษาอังกฤษที่เมษาพยายามจะฟังแต่ก็ฟังไม่เข้าใจ สุดท้ายแล้วเขาก็เลือกที่จะเดินจากออกไปอีกครั้ง
หลังจากซื้อของจากหลายๆร้านจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว คนสนิทก็เดินนำพาพวกเขาออกไปยังด้านนอกถนนพร้อมกับผู้ติดตามอีกสองสามคน ผู้คนมากมายเดินสวนกันไปมา พวกเขาเดินไปจนหยุดอยู่ที่หน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง ชายชุดดำพูดอะไรกับพนักงานต้อนรับสองสามคำก่อนที่บริกรสาวจะพาพวกเขาเดินเข้าไปในร้านอาหาร ภัตตาคารหรูราคาแพงทำเอาเมษารู้สึกประหม่าเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ปริปากอะไรออกไป
โต๊ะที่จองเอาไว้อยู่มุมในสุดของร้าน ติดกับกระจกใส ร้านอยู่บนชั้นสองทำให้เห็นผู้คนเดินสวนกันมากมายบนถนนจนเหมือนตัวหนอน เมษาไม่กล้านั่งร่วมโต๊ะกับอีกฝ่าย จนกระทั่งอาเมนส่งสายตาดุมาให้ เขาจึงทรุดตัวลงตรงข้ามกัน
มันกระอักกระอ่วน แต่ก็ไม่รู้ว่าจะหนีไปไหนได้ เมษาได้แต่ผินหน้ามองออกไปนอกกระจก ถ้าทำได้เขาแทบจะแนบหน้ากับกระจกไปแล้วด้วยซ้ำเพื่อที่จะไม่ต้องเห็นหน้าใครบางคนที่เอาแต่ทำเหมือนเขาไม่มีตัวตน เมษารู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนของตัวเองที่ปะทะกระจก เขาดึงตัวเองกลับมานั่งพิงพนักเก้าอี้เมื่อรู้สึกมึนหัวเล็กน้อย
อาหารมาเสิร์ฟในเวลาไม่นานมากนัก จานแรกเป็นออเดิร์ฟ เมษาไม่กล้าตักทานจนอาเมนนึกรำคาญใจจนต้องบอกให้กินได้แล้ว จะนั่งนิ่งไปถึงเมื่อไหร่ นั่นทำให้เมษาต้องจัดการกับอาหารตรงหน้าอย่างเสียมิได้ อาหารอร่อยสมราคาที่แพงจนหูฉี่ แต่เมษารู้สึกว่ามันอึดอัดจนแทบกินอะไรไม่ลง ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงเกลียดคนตรงหน้าได้ถึงขนาดนี้ ไม่อยากจะมองหน้าหรือร่วมโต๊ะด้วยซ้ำ
อาหารจานต่อไปถูกเสิร์ฟมาเรื่อยๆ ด้วยตัวพวกเขาสองคนนั้นกินไปได้ไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ อาหารจานที่สี่เป็นเนื้อเป็ดผัดพริกไทยดำหอมฉุย กลิ่นของมันทำให้รู้สึกอยากอาหาร เมษาตักมาเพียงนิดหน่อยเท่านั้นด้วยความเกร็ง แต่พอลิ้มรสเข้าจริงๆ เขากลับรู้สึกพะอืดพะอมจนกลืนแทบไม่ลง
“สำออยอะไรอีก?” คำถามทำร้ายน้ำใจที่มาพร้อมกับรอยยิ้มเหยียดนั่นทำเอาเมษาชะงีกกึก อาเมนไม่เคยรักษาน้ำใจ พอๆกับที่ไม่เคยทำอะไรให้เขารู้สึกดีทั้งนั้น
เมษาที่กลืนอาหารเข้าไปทั้งคำแล้วได้แต่ส่ายหัวพร้อมกับสีหน้าที่ไม่ค่อยดีนัก
“เปล่าครับ"
“จะกินไม่กิน"
“ผม-”
“น่ารำคาญ เรียกร้องความสนใจอยู่ได้ ไม่กินก็ไม่ต้องกิน" คำพูดเสียงแทงจากคนตรงหน้าทำเอาเมษาเม้มปากแน่น น้ำตาเหมือนจะไหลออกมาให้ได้ เขารู้สึกเจ็บใจจนพูดอะไรไม่ออก กำมือแน่น กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ให้อีกคนเห็นความอ่อนแอ
อาเมนไม่ได้ง้อหรือพูดอะไรเพื่อปลอบใจสักคำ เขาไม่ทำ-ไม่มีวันทำอยู่แล้ว เมษารู้ได้ ไม่ได้หวังลมๆแล้งๆแต่บางทีก็แค่อยากให้พวกเขาพูดจากันดีๆเท่านั้น แม้ว่าด้วยฐานะแล้วไม่มีวันที่มันจะเกิดขึ้น แต่เขาก็เคยคิด แอบคิดอย่างบ้าๆบอๆ
เมษานั่งนิ่งราวกับตุ๊กตา เขาแทบไม่มองคนตรงหน้า จนกระทั่งจบอาหารจานสุดท้าย อาเมนสั่งเช็คบิลพร้อมกับลุกออกไปโดยไม่รอใครอีกคน เมษาได้แต่พาตัวเองเดินตามไปอย่างช้าๆ เขารู้สึกสมองหนักอึ้งเล็กน้อย ท่าทางการนอนน้อยและการอดอาหารของเขาจะทำให้ร่างกายไม่ค่อยจะไหวเอาเสียแล้ว
หลังจบมื้อเที่ยง มาเฟียหนุ่มเดินเลือกของอีกสองสามร้าน ก่อนที่รถคันหรูจะมาจอดรับเพื่อขนของและพาเขาไปยังที่ต่อไป หลังจากจบมื้อเที่ยง ไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกจากปากเมษาอีก เขานิ่ง เงียบ ไม่ต่อล้อต่อเถียง ไม่มองหน้าด้วยซ้ำ อาเมนเองก็เช่นกัน เขาเอาแต่ปรายตามองแบบที่ชอบทำ และไม่ใส่ใจว่าเมษาจะไปไหนหรือจะทำอะไร
พวกเขาขึ้นนั่งข้างๆกันบนรถคันหรู เมอร์ซีเดสพาแล่นออกไปยังบริเวณนอกตัวเมือง เมษาหยีตาสู้กับแดดร้อนๆก่อนเอนหัวพิงกระจกนิ่ง เขารู้สึกหนักหัว หูอื้อ และปวดตาจนต้องหลับตาลง แสงแดดทำเอาตาพร่ามัว ในสมองมีประจุความคิดลอยกระจัดกระจาย เขามาทำอะไรที่นี่? กำลังทำอะไรอยู่? เขาคือใครกันแน่...เขายังหายใจอยู่...ใช่ไหม
จู่ๆน้ำตาก็ไหลออกมาทั้งๆที่แทบไม่มีสติหลงเหลืออีกแล้ว เมษารู้สึกหนาวจากไอเย็นของเครื่องปรับอากาศ เขาคิดถึงครอบครัว คิดถึงแม่ คิดถึงเมฆ คิดถึงม่อนแจ่ม-บ้านของเขา คิดถึงมิถุนา-มีอะไรต้องขอโทษอีกเยอะแยะ สัมผัสของฝ่ามืออุ่นๆที่แตะลงมาบนท่อนแขนทำให้เขาขดตัวเข้าหามันนิ่ง และจู่ๆศีรษะก็เหมือนโดนถ่วง หลังจากนั้น...เขาก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย...
เมษาเอียงใบหน้าหนีเมื่อไอเย็นของอะไรบางอย่างแนบลงบนหน้าผาก เขาปรือตาขึ้นอย่างยากลำบาก ฝ่ามือหนาที่บังการมองเห็นของเขาเอาไว้ทำให้เมษาต้องเบือนหน้าหนี เขายกมือแตะหน้าผาก ก่อนพบว่ามันเป็นความเย็นจากเจลลดไข้
ฝ้าเพดานคุ้นเคยของห้องที่ซุกหัวนอนมาสองวันสองคืนเต็มๆทำให้เขาหรี่ตามอง เมษาเหลือบมองไปข้างเตียง เขาเห็นแผ่นหลังของใครบางคนยืนอยู่และค่อยๆเดินห่างออกไป เขาไอแห้งๆออกมา สาบานได้ว่าไม่ได้เรียกร้องความสนใจแบบที่ใครตราหน้าเอาไว้ แต่ลำคอเหมือนจะแห้งเป็นผุยผงเสียแล้ว
ขวดน้ำแร่ราคาแพงของโรงแรมถูกโยนลงมาข้างตัว เมษามองไม่ค่อยชัดนัก ปวดหัวหนักจนไม่ค่อยจะรับรู้อะไร แต่ใบหน้าของคนๆนั้นก็เหมือนจะชัดเจนขึ้นทุกทีๆ เมษารับขวดน้ำมาเปิด แค่หยิบน้ำให้ เขาก็รู้สึกขอบคุณจนไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว
“กี่โมง...แล้วครับ" เมษาถามอย่างยากลำบาก เขาเห็นเจลเย็นอีกแผ่นวางอยู่ข้างหัวเตียง มองแล้วก็อดที่หัวใจจะเต้นแรงไม่ได้
อาเมนชะงักมือที่กำลังจะเปิดระเบียงออกก่อนปรายตามองนิ่งๆ
“หกโมง"
“คุณ...ไม่ทำธุระต่อเหรอ" เมษาจำได้ว่าพวกเขาไม่ได้จะกลับโรงแรม แต่ตอนนี้ เขากำลังนอนอยู่บนเตียงนุ่มในโรงแรม
“ยังมีหน้ามาถาม" เขาตอบอย่างเย็นชา เมษาปิดปากฉับ
“ขอโทษ"
“นอนซะ อย่าพูดมาก มันน่ารำคาญ" อาเมนว่า ก่อนเอื้อมมือเลื่อนเปิดประตูออก "เพราะฉันยังต้องใช้งานนายหรอกนะ ถ้านายหมดประโยชน์เมื่อไหร่ อย่าหวังเลยว่าฉันจะสนใจอะไรอีก"
คำพูดโหดร้ายเสมอ แต่เมษากลับไม่รู้สึกเจ็บปวดหรือเสียดแทงยอดอกเหมือนทุกๆครั้ง เขาเอนกายกับเตียงนุ่มอีกครั้ง หลับตานิ่งอย่างไม่ดื้อดึง ปลายจมูกแสบๆนิดหน่อยเพราะเหมือนน้ำตาจะไหลออกมาอย่างไร้สาเหตุ เขาเพลียเหลือเกิน...แต่หัวใจก็เหมือนจะไม่ยอมแพ้ หยุดเต้นให้ช้าลงสักนิด
เมษาครึ่งหลับครึ่งตื่นในความรู้สึก เขาถูกโอบรั้งเอาไว้ ถูกลูบศีรษะอย่างเบามือ ในความฝันเขาคล้ายจะฝันดี เขานอนหลับอย่างมีความสุขเป็นคืนแรกในรอบหลายเดือน ความฝันกับความจริงเหมือนจะถูกคั่นออกจากกันไว้เพียงเส้นด้ายสีแดงบางๆเท่านั้น
tbc.
มาแล้วๆ ขอบคุณที่รอนะคะ มาช้าหน่อยอย่าว่ากันนะคะ ไม่ทิ้งแน่นอนเด้อ
หายป่วยหลังจากพักไปสามวันเต็ม และเคลียร์งานต่ออย่างบ้าคลั่งเพราะเตรียมจะออกแล้ว 555
สำหรับตอนนี้ถ้าใครอ่านแล้วจะกรีดร้อง ก็กรีดร้องได้ ด่าได้ แต่อย่าลืม "อย่าด่าไคลี่" กรั่กๆๆๆๆ
ส่วนที่ถามกันว่า เมษาจะคู่กับอาเมนจริงหรือ, เมษาจะมีคู่ไหม ฯลฯ
บอกได้แค่ว่า ลุ้นกันต่อ ตอนนี้ก็ยังไม่ใช่บทสรุปหรอกนะคะ เพราะไม่มีใครรู้ว่าบทสรุปของอาเมน จะเป็นยังไง 5555555555
โอ้ย ชั่วร้ายๆ เจอกันตอนหน้าจ้า
ฝากแฟนเพจด้วยนะ พันกว่าคนแล้วจ้ะ มาอยู่ด้วยกันนะ ยินดีต้อนรับทุกคนค่ะ ^^