มิถุนาตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดเมื่อยตามเนื้อตัว พิษไข้เล่นงานจนเนื้อนวลแดงก่ำ เพดานห้องที่คุ้นเคยเป็นสิ่งเดียวที่ยืนยันว่าเขาปลอดภัยและช่วยต่อลมหายใจให้กับความหวังอันลมๆแล้งๆ ความเย็นบนหน้าผากทำให้อาการปวดหัวทุเลาลง การตื่นมาไม่เจอใครนั้นทำให้เขารู้สึกเคว้งคว้างเล็กน้อย แต่ก็ไม่เป็นไร...
ไม่รู้ว่าเฌอปรางไปไหน แต่ตอนนี้เขาหิวจนแสบท้องไปหมด ยาที่กินเข้าไปก่อนนอนกำลังกัดกระเพาะ มิถุนาพยายามยันตัวลุกขึ้น พอดีกับที่ประตูห้องน้ำเปิดออก พร้อมกับร่างเล็กของคนที่คุ้นเคยก้าวออกมา
เสียงกะละมังใบเล็กที่หล่นลงบนพื้นปาร์เกต์และเสียงน้ำที่กระฉอกหกเลอะพื้นไปหมดเรียกสติให้มิถุนากลับมาสนใจ ผู้จัดการส่วนตัวของเขายืนนิ่งราวกับถูกสาป มิถุนานิ่งอึ้ง เขาพูดไม่ออก ไม่รู้จะพูดอะไร เริ่มต้นตอนไหนมันถึงจะเหมาะสมกับสถานการณ์ตอนนี้ พี่นัชชาที่เขาเคารพมาตลอดหักหลังเขา...ความเชื่อใจหมดสิ้นไปพร้อมกับคำโกหกหลอกลวงที่ล่อมิถุนาให้ตกนรกทั้งเป็น
“ม...มิ...”
“......”
“มิ พี่ขอโทษ ฮึก...พี่ขอโทษ" เสียงหวานละลักละล่ำบอกปนสะอื้น ใบหน้าเปรอะเปื้อนคราบน้ำตาไปหมด มิถุนาได้แต่นิ่งค้างราวกับแช่แข็ง เขารู้...คิดว่ารู้ดี...ว่าพี่นัชชาไม่ได้อยากทำแบบนั้น แต่เป็นใครก็ปฏิเสธไม่ได้ ใช่ ก็เหมือนกับมิถุนาปฏิเสธอะไรไม่ได้อีกเลยหลังจากที่ถูกกระบอกปืนจ่อหัวอย่างเลือดเย็น
“......”
“พี่ก็รู้ว่าทางเอเจนซี่ส่งเด็กไปให้คนใหญ่คนโตหลายครั้งแล้ว แต่...ฮึก...แต่พี่ไม่คิดว่า...วันหนึ่งพี่ต้องทำ แล้วคนที่พี่ต้องหักหลังคือมิที่พี่รักมากๆ ฮึก...แต่พี่ไม่มีทางเลือก ฝ่ายนั้นคือคุณจอมทัพ ฮึก...พี่ไม่รู้จะทำยังไง...พี่กลัว"
มิถุนามองพี่ผู้จัดการร่างเล็กที่ยืนสะอึกสะอื้นตรงหน้าด้วยหัวใจที่อ่อนยวบ ไม่มีแววโกหกอยู่ในนั้น มิถุนาเชื่อจริงๆว่าพี่นัชชาไม่ได้อยากทำ ตลอดมาพี่นัชชาคอยระวังให้เขา แต่คราวนี้คือของจริง จอมทัพคือสิ่งเลวร้ายที่มิถุนาต้องเผชิญ
“พี่นัชชาไม่ต้องร้องไห้นะฮะ...มิเข้าใจ ไม่ใช่ความผิดของพี่ มิ...มิไม่เป็นไร”
คำว่าไม่เป็นไรเอ่ยขึ้นอย่างยากเย็นนัก แต่มิถุนาก็เลือกที่จะฝืนพูดมันออกไป พี่นัชชาเดินเข้ามากอดเขาเอาไว้แน่น มีคนร้องไห้เพราะเขาอีกแล้ว มิถุนาไม่รู้จริงๆ...ไม่รู้เลยสักนิดว่าจะทำยังไงต่อไป ชีวิตข้างหน้าจะทำอย่างไรให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม
มันคือความจริงที่ว่าไม่มีอะไรในโลกที่ได้มาโดยไม่ต้องแลกเปลี่ยน และแน่นอนว่าการแปลกเปลี่ยนบางอย่างก็ช่างคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม มิถุนาไม่เคยคิดเช่นนั้นเลยสักครั้งจนกระทั่งวันนี้ งานที่หลั่งไหลเข้ามามากมายจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน ปกนิตยสารหัวนอกที่คนในวงการทุกคนใฝ่ฝันจะได้เป็นแบบ พรีเซนเตอร์ของแบรนด์ชั้นนำ งานเดินแบบที่แย่งจองคิวมิถุนาจนผิดวิสัย รวมทั้งงานถ่ายเอ็มวีที่เขาไม่เคยคิดจะลอง นึกสมเพชตัวเองเหลือเกิน...แค่แลกร่างกายเพียงครั้งเดียว สิ่งตอบแทนมากมายขนาดนี้ มิถุนาไม่เคยรู้สึกดีใจเลยสักครั้ง กลับกัน เขาเกลียดตัวเองเหลือเกิน เกลียดที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้ เกลียดที่ตัวเองต้องยอม เอาตัวเข้าแลกกับเงินทองและชื่อเสียงที่ได้มาด้วยวิธีสกปรก
เขาไม่เคยปริปากบอกเรื่องคืนนั้น อยากให้จบ...ให้มันเป็นความลับตายไปพร้อมกับเขา เฌอปรางกับตะวันถามจนเลิกถาม เพราะคงรู้ว่ามิถุนาไม่มีวันพูดออกมา เขาไม่อยากตอกย้ำความเจ็บปวดในค่ำคืนนั้น ไม่อยากรื้อฟื้น ไม่อยากให้ใครถาม อยากให้มันจมดิ่งหายไป หายไปเหมือนไม่เคยเกิดขึ้น
“.........มิ"
“มิ...มิ! มิถุนา"
“ห...หืม?”
“เหม่ออีกแล้วนะ เป็นอะไรหรือเปล่า...” เฌอปรางเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง เธอมองหน้าเพื่อนรักอย่างไม่สบายใจ มิถุนายังสวยเหมือนเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือดวงตาที่เหมือนไร้แววและไม่ร่าเริงเลยสักนิด ทั้งตะวันและเธอต่างพยายามชวนมิถุนาไปทำสิ่งต่างๆมากมายตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาไม่ให้มีช่วงเวลาว่าง แต่ก็ไม่ช่วยสักนิด
เฌอปรางและตะวันไม่ได้โง่ พวกเขาพอรู้ว่ามันเกิดอะไรไม่ดีขึ้น เพียงแค่ไม่รู้รายละเอียด และไม่กล้าถามมิถุนาออกไป
“ปละ...เปล่า ขอโทษที เมื่อคืนนอนน้อยน่ะ"
“งานชุกก็อย่างงี้แหละมิ ทานอาหารเสริมบ้าง คุณท็อปหิ้วมาฝากเป็นตะกร้า ได้ทานบ้างไหม?” ก็ตะวันตัวดีนั่นแหละ ที่โทรไปจิกสั่งให้แทนไทซื้อของบำรุงมิถุนาที่ซีดลงทุกวันจนเหมือนจะมองทะลุได้อยู่แล้ว
มิถุนายิ้มเจื่อนๆ เป็นคำตอบว่าไม่
“เฮ้อ...ดูแลตัวเองบ้างสิ"
ตลอดสัปดาห์ เฌอปรางผลัดเปลี่ยนมานอนค้างเป็นเพื่อนมิถุนากับตะวัน แต่ก่อนตะวันก็อยู่คอนโดเดียวกับทั้งสอง แต่เพราะงานที่ก้าวหน้าไปไกลกว่าเพื่อน ตะวันถูกย้ายไปอยู่ที่คอนโดหรูใกล้ออฟฟิศเพื่อง่ายต่อการไปทำงาน แต่ก็ยังคงแวะเวียนมาหามิถุนาและเฌอปรางบ่อยๆ
“ขอโทษนะ...” ริมฝีปากบางเอ่ยอย่างไม่สบายใจ
เฌอปรางมองดวงหน้าหวานก่อนถอนหายใจ "ขอโทษทำไม...เราสิต้องขอโทษที่คอยจู้จี้ขี้บ่นอยู่แบบนี้ แต่เราเป็นห่วงจริงๆ มิแปลกไปนะ"
“อืม...เราขอโทษ เราจะพยายาม...ทำให้ทุกอย่างดีกว่าเดิม"
มิถุนาฝันร้ายบ่อยๆ...บ่อยครั้งที่เขาสะดุ้งตื่นขึ้นมาบนเตียงกลางดึก เหงื่อโซมใบหน้า ภาพฝันที่เห็นคือเขาที่อยู่ในอ้อมกอดของจอมทัพ แรงรักที่กระแทกกระทั้น ริมฝีปากที่บริภาษถ้อยคำแสนร้ายกาจ และปลายกระบอกปืนเย็นเฉียบ ขัดขืนไม่ได้ หากขัดขืนเขาคงต้องตาย และยังไม่รู้ว่ามีใครต้องตายอีก มิถุนาร้องไห้ด้วยขวัญผวาเกือบทุกคืน นอนหลับไม่เคยสนิทเลย หลับตาลงครั้งใด ก็เหมือนยังมีปีศาจร้ายคอยตามหลอกหลอน ราตรีที่มืดมิดผ่านไปอย่างช้าๆและแสนเปล่าเปลี่ยว ความหวาดกลัวความมืดนั้นเป็นสิ่งที่มิถุนาไม่คิดว่าจะต้องเผชิญ
“ไปเปลี่ยนชุดกัน" เฌอปรางยิ้มให้กำลังใจเหมือนที่ทำมาโดยตลอด มิถุนาพยักหน้ารับก่อนกล่าวขอบคุณพ่ีช่างแต่งหน้า มือบางถูกเพื่อนรักจับจูงไปยังฝ่ายคอสตูม ระหว่างที่กำลังรับเสื้อผ้าจากพี่ๆคอสตูม ประตูหลังเวทีก็ถูกเปิดออก และนางแบบคู่อริอันดับหนึ่งของเฌอปรางก็เดินเข้ามา...
“ยัยเมนี่ คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน นี่อีกสามสิบนาทีเริ่มงาน นี่งานกาล่าเปิดตัวเครื่องเพชรนะยะไม่ใช่งานแห่ขันหมากที่จะแต่งหน้าสิบนาทีเสร็จ" เฌอปรางพึมพำจิกกัดอย่างหมั่นไส้ และดูเหมือนว่าพี่ฝ่ายคอสตูมสาวประเภทสองก็จะเห็นด้วยกันเธอ
“ว้ายน้องปราง พูดจาถูกใจมากค่ะ คราวก่อนก็มาแบบนี้ เล่นเอาวุ่นวายกันทั้งทีมงาน แถมยังไม่ถูกใจที่เจ๊พิชชี่แต่งหน้าให้อีก จะให้แก้ ไม่รู้จะเอาแต่ใจไปถึงไหน"
“โธ่ ก็มีคุณ
จอมทัพถือหางไงคะ ถึงได้เป็นวัวลืมตีนขนาดนั้น" ชื่อของใครบางคนทำเอามิถุนาใจกระตุกวูบ
“น้องปรางตกข่าวนะคะ คุณจอมทัพสลัดเมนี่ทิ้งแล้วค่าาา นี่ข่าววงในสุดๆไปเลยนะคะ กระเทยช่างทำผมมาเม้าท์ให้ฟังว่ากองถ่ายแบบแทบพังเพราะนางกรี๊ดๆๆๆไม่หยุดเลยค่า นางโทรไปหาคุณจอมทัพแล้วอีกฝ่ายไม่ไยดีเลยสักนิด"
วงใน มิถุนายากจะเชื่อเหลือเกิน เพราะตั้งแต่อยู่ในวงการนี้มา ข่าวทั้งจริงและเท็จลือหึ่งไปหมด ทุกคนอ้างตัวว่าตัวเองเป็นวงใน ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่จริง มิถุนายืนฟังไปเงียบๆโดยทำเป็นไม่สนใจ ทั้งๆที่หัวใจเต้นแรงตั้งแต่ได้ยินชื่อของคนๆนั้น ทั้งที่มอบให้แต่ความเจ็บปวดที่ยากจะลืมเลือน แต่มิถุนากลับไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไม...ทำไมถึงคอยแต่จะคิดถึงเขา นึกแต่หน้าของคนๆนั้น
มิถุนาถอนหายใจเบาๆ เขารับชุดของตัวเองแล้วเดินเข้าไปในห้องแต่งตัว เหมือนมีหลุมอากาศเกิดขึ้นกลางใจ ทุกความรู้สึกผสมปนเปกันจนแยกไม่ออก
พยายามจะไม่สนใจ แต่สุดท้าย พระเจ้าก็ใจร้าย...คอยเหวี่ยงให้เขากลับเข้าไปสู่วังวนแสนเจ็บปวดตลอดเวลา
จอมทัพเคาะนิ้วกับขอบโต๊ะเป็นจังหวะ ใบหน้าหล่อเหลาดูเคร่งเครียดอย่างใช้ความคิด เจย์ที่ยืนประสานมืออยู่อีกฝั่งของโต๊ะทำงานเองก็แทบไม่ขยับ เอกสารหลายแผ่นบนโต๊ะทำงานของมาเฟียหนุ่มดูจะเป็นต้นเหตุของบรรยากาศน่ากดดดัน ไม่แน่ใจว่าหากมีใครทะเล่อทะล่าเข้ามาในช่วงเวลานี้จะโดนมาเฟียหนุ่มเป่ากบาลหรือไม่ ดวงตาคมกวาดมองมันเป็นเวลานาน หลายนาทีต่อมา จอมทัพจึงค่อยเลื่อนกระดาษออก
“ให้คนจับตาดูเอาไว้ก่อน อย่าเพิ่งฟันธง ถ้ามีอะไรตุกติกเกิดขึ้นรีบรายงานฉัน"
“ครับ"
เจย์รับคำก่อนรวบเอกสารใส่ซองอย่างมืออาชีพ ร่างขาวจัดของมือขวาละออกไป จอมทัพยังคงนั่งนิ่งไม่แสดงทีท่าว่ารู้สึกอย่างไร แต่ไหนแต่ไรเขาก็ไม่ชอบแสดงความรู้สึกผ่านสีหน้าอยู่แล้ว แต่นั่นก็ดี เพราะมันเป็นเกราะกำบังชั้นดีสำหรับการทำธุรกิจ ยิ่งอีกฝ่ายไม่รู้ว่าเขาคิดอะไร เขาก็ยิ่งเป็นต่อ
เจย์รายงานว่าตัวเลขของบ่อนคาสิโนแห่งหนึ่งที่ชายแดนภาคเหนือมีความผิดปกติ แม้จะเป็นจุดเล็กๆ แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นเจย์ ฟาน ข้อบกพร่องเล็กๆไม่เคยรอดผ่านสายตาไปได้ เจย์คิดว่ามีหนอนบ่อนไส้ เขาเอาเอกสารที่ค้นหามาตลอดคืนส่งให้จอมทัพ นายเหนือหัวนั่งจ้องอยู่นานแต่ไม่ปักใจเชื่อ เจย์ไม่รู้หรอกว่าเจ้านายคิดอะไรอยู่ แต่คงมิใช่เรื่องน่ายินดีเป็นแน่
“ขอกาแฟดำแก้วหนึ่ง"
ดูเหมือนว่าพักหลังมานี้เจ้านายของเจย์จะใช้พลังงานมากเป็นพิเศษไปกับงาน เช่นเดียวกับวันนี้ที่เข้าบริษัทแต่เช้าทั้งๆที่มีประชุมตอนบ่าย แต่เจย์และวิคเตอร์ก็ไม่ได้ปริปากถามอะไรออกไป ดูเหมือนเจ้านายจะมีอะไรในใจที่ไม่อยากให้เขาล่วงรู้เป็นแน่
“วันนี้มีอะไรบ้าง?” เสียงทุ้มเอ่ยถามคนสนิท เจย์ที่กำลังจัดการเอกสารสำหรับประชุมจึงหยุดมือลง
“หลังประชุมเสร็จ ตามตารางมีเข้าตรวจท่าเรือคลองเตย แล้วก็...คุณเอเลนมีประสงค์จะส่งนางงามที่ได้รับตำแหน่งล่าสุดเข้าพบท่านคืนนี้"
“ปฏิเสธไป"เจย์แทบไม่เชื่อหู เขาแทบอยากให้เจ้านายย้ำคำตอบ แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล เมื่อจอมทัพไม่ปริปากอะไร กลับนั่งไล่ดูหุ้นที่กำลังขึ้น-ลงในแท็ปเล็ตราวกับไม่ใส่ใจ เสือผู้หญิงอย่างเจ้านายปฏิเสธนางงามซึ่งได้ชื่อว่าสวยเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ เจย์ไม่รู้ว่าท่านคิดอะไรอยู่ แต่ก็ไม่ได้ถามออกไป ทั้งๆที่จริงๆแล้วจอมทัพแทบไม่เคยว่างเว้นจากสาวๆสักคืน
“ครับ งั้นวันนี้ผมจะได้ให้พ่อครัวที่เซฟเฮ้าส์เตรียมอาหารเย็นไว้ให้"
ตึกสูงระฟ้าแห่งนี้คืออาคารสำนักงานของธุรกิจตระกูลหวังทั้งหมด และสิบชั้นสุดท้ายของตึกหรูที่ประดับด้วยกระจกราคาแพงแห่งนี้คือเซฟเฮ้าส์ของจอมทัพ...หรือที่เขาเรียกมันว่า บ้าน นั่นเอง จอมทัพไม่ใช่คนเรื่องมากหรือเจ้ายศเจ้าอย่างเท่าไหร่นัก เขาไม่ได้ต้องการคฤหาสน์หลังใหญ่ ตั้งแต่มารับหน้าที่บริหารธุรกิจของตระกูลที่บิดาได้วางรากฐานไว้ในประเทศไทยเมื่อเกือบสิบปีก่อน จอมทัพก็ใช้เซฟเฮ้าส์ด้านบนของตึกเป็นที่ซุกหัวนอน เพราะมันทั้งสะดวกและอยู่ใจกลางเมือง
“ไม่ต้อง"
“ครับ? งั้นนายท่านอยากทานภัตตาคารไหน ผมจะได้โทรจองก่อ...”
“หาที่อยู่ของมิถุนามาให้ฉัน เช็คตารางงานมาด้วย ถ้ามีงานตอนกลางคืน สั่งผู้จัดการยกเลิกให้หมด"
“ครับ?” เป็นครั้งแรกที่เจย์เลิกคิ้วสงสัยอย่างไม่ปิดบัง เขาประหลาดใจอย่างจริงจัง ปกติแล้วถ้ามาเฟียหนุ่มถูกใจคนไหน เขาจะเรียกมารับใช้ในคืนถัดๆไปแทบจะทันที แต่นี่จอมทัพเรียกหามิถุนาที่ดูเหมือนจะไม่ใส่ใจอีกเลยนับตั้งแต่คืนนั้นที่ได้ตัวไป ปล่อยให้เวลาล่วงเลยมาเป็นอาทิตย์ๆ ลึกๆแล้วเจย์ก็อดเชื่อไม่ได้ว่าเจ้านายของตนกำลังติดใจนายแบบคนสวยอยู่เป็นแน่
“ไม่เข้าใจตรงไหน?”
“เปล่าครับ ผมจะรีบจัดการให้ตามคำสั่ง"
เจย์รีบกดโทรศัพท์หาคู่หูแทบจะทันทีเมื่อเดินออกจากห้องทำงานของมาเฟียหนุ่ม ไม่ใช่ว่าเขาจะหาที่อยู่ของมิถุนาให้นายท่านไม่ได้ เรื่องง่ายแค่นั้นไม่กี่นาทีข้อมูลก็แทบวิ่งมานอนแทบเท้าแล้ว แต่ที่น่าสนใจกว่านั้นคือการที่เจ้านายเรียกหาคุณมิถุนา นายแบบคนสวยที่โดนย่ำยีจนช้ำไปทั้งร่าง เจย์เองเห็นสภาพครั้งแรกก็นึกสงสารจับใจ นายท่านไม่ได้มีใจชอบเพศเดียวกัน แต่ก็มีบ้างที่จะมีผู้ชายสวยๆเข้ามารับใช้ ซึ่งไม่บ่อยเท่าไหร่ มิถุนาท่าทางไม่ประสาขนาดนั้นนายท่านคงนึกเบื่อแล้วไม่คิดเรียกกลับไปรับใช้อีกเป็นแน่ แต่ไม่ใช่...ไม่เป็นอย่างที่คิดเลยสักนิด
(ว่าไงครับคุณเจย์) เสียงรับจากปลายสายยียวนเหมือนเดิม
“ไม่ต้องมาเล่นลิ้น รู้ไหมว่านายท่านจะไปที่ไหนคืนนี้"
(อ่าฮะ ผมจะไปรู้ได้ยังไงล่ะครับ นี่ก็กำลังจัดการไอ้พวกที่มันมากระตุกหนวดเสือนายท่านอยู่) งานใช้กำลังน่ะ วิคเตอร์ถนัดนัก เพียงแค่ออกคำสั่งเท่านั้นแหละ วิคเตอร์จัดให้นายท่านได้อย่างถึงใจ เจย์ถอนหายใจยาวทันทีที่ได้ยินเสียงร้องโหยหวนดังเข้ามาในสายโทรศัพท์
“นายท่านจะไปคอนโดคุณมิถุนา"
(คุณมิถุนา?)
“ใช่"
(นายแบบสวยๆคนนั้น?)
“ใช่แล้ว ทีนี้นายจะเลิกกวนตีนแล้วตกใจได้หรือยัง"
(ครับ ผมตกใจอยู่ แล้วคุณจะให้ผมทำอะไรหรือ เจย์)
“ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น คืนนี้ก็พานายท่านไปคอนโดคุณมิถุนาด้วยกันก็แล้วกัน"
เจย์ตัดสายโทรศัพท์ก่อนกระแทกวางบนโต๊ะทำงานอย่างหงุดหงิด วิคเตอร์เป็นคู่หูที่ดี รู้ใจและเข้าขากันที่สุด เป็นทั้งเพื่อนและพี่น้องร่วมสาบาน แต่บางครั้งวิคเตอร์ก็กวนประสาทเสียจนน่ารำคาญ แต่ถึงอย่างนั้น...วิคเตอร์ก็เป็นเพียงคนเดียวในโลกนอกเหนือจากนายท่านที่เจย์เลือกที่จะเชื่อใจ และเป็นเพียงคนเดียวบนโลกที่เจย์คอยเรียกหาและยอมแสดงด้านอ่อนแอให้เห็น
TBC.
วันนี้ได้หยุดค่า เย้ๆๆๆๆๆ ตื่นตั้งเที่ยงเลย แต่ตอนที่2นี้แต่งมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว
จริงๆวันนี้อยากออกไปหาอะไรกิน พักผ่อนตามประสาคนได้วันหยุด คริคริ แต่ขี้เกียจออกไปผจญกับรถติดตอนเย็นมากๆเลย เอาจริงๆช่วงนี้รถติดมากกกก จนเราเข็ดกับการขับรถเลยทีเดียวแต่ก็ต้องขับ T___T
ตอนที่สองนี้ไม่ค่อยมีอะไรเลยเนอะ ไม่ค่อยมีบทบาทกันเท่าไหร่นักเลย แต่มันคือการดำเนินเรื่องนั่นแหละ เลยต้องค่อยๆ ใจเย็นๆ เดี๋ยวก็มาค่ะ ตอนหน้าก็มาแล้ว 5555 แต่ถ้าจอมทัพปล้ำหนูมิอีกเนี่ย คนอ่านจะเลิกอ่านไหม เห็นด่าป๋าจอมทัพกันทุกคอมเม้นท์ในตอนที่แล้ว ฮ่าๆๆๆ
ว่าแต่เราได้อิมเมจจอมทัพแล้วค่าาาา แต่ขอไม่บอกชื่อคนในรูปเนาะ ถ้าใครรู้จักอยู่แล้วก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าไม่รู้จักจะได้ไม่ยึดติดกับตัวจริงของคนในภาพเนาะ
นี่คือจอมทัพในความคิดของเราค่ะ (อาจจะไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์แต่ก็คล้ายที่สุดแล้ว เราว่าเขาให้ฟีลคล้ายป๋าอาซามิด้วย)


ฝากติดตามกันตลอดไปนะคะ have a good weekend ka ขอบคุณค่าาาาาาา
*เจอคำผิดฝากแจ้งด้วยนะจ๊ะ จุฟๆ*