บทที่ 198 Differentiate
เภสัชกรหนุ่มเงยหน้ามองท้องฟ้าอย่างสนใจ ก่อนจะถอดถุงมือที่เพิ่งใส่มาเมื่อครู่ตอนเดินออกจากร้านเบเกอรี่นั้น เขาใช้มือที่ปราศจากอาภรณ์นั่นแกว่งไปในอากาศอย่างพิจารณา รอยยิ้มน้อยๆ ผุดขึ้นที่ริมฝีปากของเขา
“เพิ่งออกมาจากร้านเหรอ” ชายหนุ่มเอ่ยถาม
“ออกมานานแล้วนะพี่ แต่เมื่อกี้ผมเพิ่งแวะเข้าไปหาอะไรกินในร้านสะดวกซื้อ ก่อนจะออกมาอีกรอบแล้วก็หกล้มเนี่ยพี่ โอ๊ย พูดแล้วเซ็ง” เด็กชายพูดเล่าเหตุการณ์พร้อมทำหน้าอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นัก
“อืมมม” ชายผู้อาวุโสกว่าคลี่ยิ้มออกมาในที่สุด
“ตกลงพี่หาทางได้แล้วเหรอพี่ ทำยังไงอะ พี่ช่วยผมหน่อย ถ้าผมแยกไม่ได้ ผมตายแน่ๆ” เด็กหนุ่มพูดต่ออย่างเร่งเร้า
“ตามมาดิ เดี๋ยวจะทำอะไรให้ดู” ชายหนุ่มพูดอย่างสบายๆ พร้อมกับเดินนำเด็กหนุ่มไปตามทางเดินในเมืองเล็กๆ แห่งนั้น
“ไหนเอาขวดทั้งหมดมาสิ”
ชายเจ้าของผิวขาวสะอาดพูดพร้อมกับยื่นมือออกไปข้างหน้า ตอนนี้พวกเขาทั้งคู่มาอยู่ตรงบริเวณที่คล้ายกับจัตุรัสตรงกลางใจหมู่บ้านแห่งนั้น บริเวณดังกล่าวค่อนข้างเงียบและไม่มีผู้คน ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะขณะนี้ลมพัดแรงอยู่พอสมควร จุดที่ไร้กำบังแห่งนี้จึงหนาวและดูไม่เป็นที่ต้องการเท่าไหร่
เด็กหนุ่มอีกคนไม่ได้พูดตอบอะไรออกไปนอกจากส่งขวดทั้งสี่ที่ยังถือติดอยู่ในมือให้ พร้อมกับเลื่อนมือมาจัดเสื้อกันหนาวให้กระชับขึ้น และถูมือไปมาอย่างต้องการความอบอุ่น
ชายหนุ่มนำขวดบรรจุของเหลวใสทั้งสี่มาไว้ในบริเวณร่องนิ้ว ก่อนจะถือยกขึ้นให้ได้รับลมหนาวเหล่านั้นอย่างไม่มีสิ่งใดกำบัง อากาศที่มีอุณหภูมิลดต่ำลงเหล่านั้นทำให้เด็กหนุ่มอีกคนไม่ค่อยสนใจคนที่มาด้วยเท่าไหร่นัก หากแต่มัวจัดการเครื่องนุ่งห่มของตนให้ช่วยบรรเทาความรู้สึกจากกระแสอากาศภายนอก ณ ขณะเวลานี้
“ปริศนากระจ่างแล้ว”
ชายหนุ่มผู้ที่กำลังถือของต้องสงสัยเหล่านั้นพูดออกมาในที่สุด ประโยคนั้นเองเรียกความสนใจทั้งหมดมาจากเด็กหนุ่มอีกคนที่มัวแต่สนใจเรื่องอื่นอยู่อย่างชะงัดนัก ดวงตาคู่นั้นเบิกโตขึ้นด้วยความดีใจอย่างปิดไม่มิด
“เฮ้ยยย พี่ พี่ทำสำเร็จแล้วเหรอ” เจ้าของปัญหาถามอย่างตื่นเต้น
“แน่นอน ขวดที่เริ่มขุ่นนี่คือน้ำมันมะพร้าว และขวดที่ยังใสอยู่นี้คือน้ำเชื่อม”
เภสัชกรหนุ่มพูดพร้อมกับยื่นขวดที่บรรจุน้ำมันให้เด็กหนุ่มก่อน และตามด้วยขวดที่บรรจุของเหลวที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบในภายหลัง
“ทำได้ไงอะพี่ พี่ใช้การ์ดเวทมนตร์ทำให้น้ำมันขุ่นได้ด้วยเหรอ”
เด็กหนุ่มพูดอย่างสงสัย พลางนำปากกาที่เตรียมไว้จุดไปบริเวณใต้ฐานขวด โดยแบ่งประเภทเป็นจุดและสองจุดเพื่อแบ่งแยกสารที่อยู่ภายใน
“น้ำมันมะพร้าวมีจุดหลอมเหลวสูงกว่าน้ำเชื่อม ดังนั้น ถ้าอุณหภูมิลดต่ำลง น้ำมันมะพร้าวย่อมกลายสภาพเป็นของแข็งก่อนน้ำเชื่อม เหตุผลก็มีอยู่เท่านี้เอง” เขาอธิบาย
“พี่โคตรเจ๋งเลยหวะ” เด็กคนนั้นตอบออกมาอย่างชื่นชม
“ไม่เป็นไรช่วยๆ กัน”
“ขอบคุณพี่มากๆ เลย ถ้าไม่ได้พี่ช่วยไว้ ผมตายแน่”
“ยินดีช่วยเหลืออยู่แล้ว” เฟี๊ยตพูดอย่างยิ้มๆ
“ยังไงผมขอตัวไปจัดการเรื่องส่งของต่อก่อนนะครับ ไปแล้วพี่”
เด็กหนุ่มโค้งตัวเป็นการขอบคุณซ้ำๆ ก่อนจะหันหลังเดินกลับไปในเส้นทางที่ไปสู่บริเวณที่พวกเขาได้เจอกันครั้งแรก
ปังงงงงงงงงงงงงงง
“ชื่อ ความสุข (Happiness) ประเภท MC (ไพ่เวทมนตร์) ระดับ 5 ความสามารถ ใช้ส่งต่อให้กันเพื่อแสดงความขอบคุณ”
หลังจากแยกทางกับคนรับจ้างซื้อของเมื่อครู่แล้ว เฟี๊ยตก็เดินเตร่ไปในเมืองอย่างสบายๆ ในมุมมองของเขา เขาคิดว่าคนในเมืองนี้มีแต่ปัญหาเต็มไปหมด หรืออีกนัยหนึ่งคือ เกมนี้สร้างเรื่องราวมาให้นักเดินทางแก้ไขเพื่อเก็บไพ่ความสุขนั่นเอง ไม่ว่าจะพิจารณาในมุมไหน เขาก็คิดว่าหมู่บ้านนี้เป็นเพียงหน้าด่านแรกที่จะเข้าสู่เมืองมีนาคมเท่านั้น บางที อาจจะเป็นเพราะมีประชากรไปแออัดที่เมืองใหญ่ใกล้ๆ นี่มากเกินไป เกมมาสเตอร์จึงจำเป็นต้องหาวิธีการกรองคนให้เข้าสู่เมืองให้น้อยลง จากการใช้จิตดูคร่าวๆ คนในเมืองนี้ไม่มีชี่อยู่เลย หรือจะแปลว่าคนเหล่านี้เป็นเพียงตัวละครที่เกมสร้างขึ้นเท่านั้น
อากาศวันนี้ค่อนข้างหนาวไปสักหน่อย ตั้งแต่เขาเข้ามาในตัวหมู่บ้านก็สังเกตได้ว่าลมพัดค่อนข้างแรง ประกอบกับหมู่บ้านที่ไม่มีสิ่งใดขวางกั้นลมที่พัดมาจากทิศตะวันออกเลย อุณหภูมิตอนนี้เลยต่ำกว่าปรกตินิดหน่อย ผู้คนที่ออกมาเดินเล่นตามท้องถนนในวันนี้เลยดูบางตาพอสมควร แต่เมื่อมองไปให้บ้านแต่ละหลังที่กระจายกันอยู่นั้นก็พบถึงความมีชีวิตชีวาอยู่พอสมควร
เฟี๊ยตทอดน่องไปทางถนนอีกด้านหนึ่งที่เขายังไม่ได้ไปมาก่อน อีกฟากหนึ่งของจัตุรัสดูจะมีร้านรวงมากกว่าฝั่งแรกอยู่พอสมควร เขามองเห็นร้านค้าสไตล์ร้านกาแฟกลางแจ้งอยู่ร้านถัดออกไม่ไกลนั้น โต๊ะทรงกลมกับเก้าอี้ลายไม้เรียงตัวยาวเลียบไปกับถนนที่ปูขึ้นด้วยหินนั้น ร่มคันโตกางเรียงรายเคียงคู่กับบริเวณสำหรับนั่งจิบกาแฟนั่น แต่ดูเหมือนว่าพวกมันจะหงอยเหงาเป็นพิเศษในวันนี้ เพราะไม่มีลูกค้าอยู่เลยในร้านค้านั้น อากาศหนาวทำเอาคนส่วนใหญ่หนีเข้าไปในร้านในร่มหมด แต่ดูเหมือนจะมีข้อยกเว้นหนึ่งสำหรับกรณีนี้ เภสัชกรหนุ่มมองเห็นลูกค้าคนหนึ่งนั่งเอาหน้าฟุบกับโต๊ะอยู่ในร้านกาแฟแห่งนั้น ตรงบริเวณที่เรียกได้ว่าเป็นโต๊ะตัวสุดท้ายของร้านนั้นเลยทีเดียว
“มีอะไรให้ช่วยไหมครับ”
เฟี๊ยตเอ่ยกับลูกค้าผมสั้นประคอที่นั่งฟุบหน้าอยู่กับโต๊ะเพียงคนเดียวในร้านกาแฟกลางแจ้งแห่งนั้น กระแสลมยังพัดมาไม่หยุดหย่อนจนเขาเองก็เริ่มสงสัยว่าคนตรงหน้านี่อดทนต่อความหนาวเย็นนี้อยู่ได้อย่างไร
“หือออ”
คนตรงหน้านั้นเงยหน้าขึ้นมามองหน้าเขาพร้อมกับครางในลำคออย่างสงสัย ดูเหมือนว่าเฟี๊ยตเองจะเข้าใจผิดไปพอสมควร คนตรงหน้าไม่ใช่เด็กหนุ่มอย่างที่คิด หากแต่เป็นหญิงสาวผิวสีน้ำผึ้งที่ไว้ผมทรงซอยสั้นซึ่งขณะนี้กำลังเงยหน้ามามองเข้าอย่างสนใจ
“เอ่อออ มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ ผมเห็นคุณมานั่งตากลมหนาวอยู่คนเดียว กลัวจะไม่สบาย”
เฟี๊ยตพูดต่ออย่างไม่รู้จะดึงประเด็นใดมาเป็นหลักในการพูดคุยนัก เมื่อเขามองให้ชัดลงไปยังคนตรงหน้า เขาก็พบว่าดวงตาคู่นั้นของเธอดูจะแดงเรื่อไปราวกับเพิ่งผ่านการร้องไห้มาหมาดๆ
“นายคิดว่าผู้หญิงอกหักคนหนึ่งจะต้องการให้ผู้ชายแปลกหน้าช่วยอะไรอย่างนั้นเหรอ” คนตรงหน้าเขาตอบออกมาอย่างไม่ค่อยเป็นมิตร ดูเหมือนเธอจะไม่ค่อยสบอารมณ์อยู่เท่าไหร่ในตอนนี้
“อกหัก?” เสียงของเขาเอ่ยสูงขึ้นอย่างสงสัย
“ก็ไม่ถึงกับอกหักหรอก แค่รวบรวมความกล้าไปชวนผู้ชายที่แอบชอบมากินกาแฟด้วยกันแล้ว...” เสียงนั้นเงียบไปในลำคอก่อนที่ประโยคจะจบลง
“แล้ว” เสียงของเฟี๊ยตเอ่ยต่ออย่างแผ่วเบาเช่นกัน
“แล้วเขาก็ไม่มา” เสียงนั้นตอบออกมาในที่สุด
“ผมพอจะช่วยอะไรคุณได้บ้างไหม” เฟี๊ยตพูดอย่างเห็นใจ
“การนั่งกินกาแฟกับคนแปลกหน้าไม่ช่วยทำให้ความรู้สึกของฉันดีขึ้นหรอก แต่ช่างเถอะ”
หญิงสาวคนนั้นตอบขึ้น พร้อมกับตัดสินใจลุกขึ้นจากโต๊ะกาแฟนั้นอย่างตัดสินใจในที่สุด เธอกระชับเสื้อกันหนาวตัวหนา ก่อนจะมายืนอยู่ตรงหน้าเขาในเวลานี้
“ให้ผมเดินไปส่งคุณที่บ้านไหม” เฟี๊ยตถามขึ้นอีกครั้งพร้อมรอยยิ้ม
“ความจริงวันนี้ฉันไม่ได้วางแผนไว้จะให้ใครเดินไปส่งฉันที่บ้านหรอก ฉันวางแผนไว้ในเรื่องอื่นมากกว่า ถ้าคุณสนใจจะช่วย ฉันก็ยินดี” หญิงสาวตรงหน้าเขาคลี่ยิ้มออกมาเป็นครั้งแรก
“คุณจะให้ผมช่วยอะไรครับ” เฟี๊ยตตอบรับพร้อมกับประสานสายตากับคนตรงหน้า
หญิงสาวตรงหน้าไม่ตอบออกมาเป็นประโยคบอกเล่าใดใดทั้งสิ้น แต่กลับใช้มือที่อยู่ในถุงมือคู่สวยนั้นจับปกเสื้อหนาของเขา พร้อมกับดึงโน้มมันลงมาตามแรงโน้มถ่วง ศีรษะของชายหนุ่มจึงก้มลงมาประจันหน้ากับเธออย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้ตั้งตัว และยังไม่ทันที่เขาจะทันได้อุทธรณ์ใดๆ ออกไปในสถานการณ์นี้ หญิงสาวตรงหน้าเขาก็บรรจงประทับรอยจุมพิตลงบนริมฝีปากของเขา
ดวงตาของชายหนุ่มเบิกกว้างและเขาทำได้เพียงแต่กลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น เหตุการณ์ตรงหน้านี้ดูจะเกินความคิดของเขาไปมาก และแน่นอนว่าเขามีมารยาทเพียงพอที่จะไม่ปฎิเสธหญิงสาวไปได้ในเวลาแบบนี้
ถึงแม้ว่าจะไม่ลึกซึ้งลงถึงความรู้สึกของคนทั้งสอง แต่มันก็มากเพียงพอจะสร้างความอิ่มเอมให้คนทั้งคู่ได้พอสมควร หญิงสาวถอนริมฝีปากออกจากเขาในที่สุดหลังจากเวลาผ่านไปนานเท่าใดที่เขาก็ประมาณไปได้อย่างไม่ถูกต้องนัก ดวงตาตรงหน้าเขานี้ดูมีร่องรอยแห่งชีวิตชีวาเพิ่มขึ้นพอสมควร
“นี่คือสิ่งที่ฉันตั้งใจจะทำในวันนี้ค่ะ”
หญิงสาวพูดพร้อมกับเอื้อมมือขวามาเช็ดรอยลิปสติกที่เปื้อนอยู่บนริมฝีปากของเขา ก่อนที่เธอจะกระชับเสื้อกันหนาวและหันหลังเดินจากตัวเขาไป
ปังงงงงงงงงงงงงงง
“ชื่อ ความสุข (Happiness) ประเภท MC (ไพ่เวทมนตร์) ระดับ 5 ความสามารถ ใช้ส่งต่อให้กันเพื่อแสดงความขอบคุณ”
เฟี๊ยตเอื้อมมือไปหยิบการ์ดสีเขียวที่ลอยอยู่บนอากาศเบื้องหน้า พร้อมกับเก็บลงในสมุดอย่างดีใจ เท่านี้เขาก็เคลียร์ภารกิจเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มยิ้มอย่างสะใจที่จะได้เอาคืนเจ้าเด็กหนุ่มสายฟ้าปากมากเสียที
แต่ไม่ทันที่ความคิดเขาจะได้สิ้นสุดบริบูรณ์ลง เขาก็ได้พบกับชายคนหนึ่งที่ยืนห่างออกไปเบื้องหน้าในระยะที่เอื้อมไม่ถึง สายตาของคนทั้งคู่ประสานกันหลังจากที่ฝ่ายหนึ่งได้เก็บไพ่ลงในสมุดเรียบร้อยแล้ว เค้าหน้าของชายคนนั้นเป็นคนที่แสนจะคุ้นเคย แต่ความรู้สึกที่แฝงอยู่ในแววตานั้นเป็นสิ่งที่กลับไม่มีความคุ้นเคยแม้แต่นิดเดียว
ธัน...
เย่
www.facebook.com/allornonetheauthor