(เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว] แจ้งจองรวมเล่ม Home The Series P.6
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว] แจ้งจองรวมเล่ม Home The Series P.6  (อ่าน 59030 ครั้ง)

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-08-2014 16:50:47 โดย ExecutioneR »

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
Re: Moving In
«ตอบ #1 เมื่อ30-07-2013 15:59:18 »

เรื่องสั้นที่มี theme เกี่ยวกับ "บ้าน" อีกหนึ่งเรื่อง ไม่กี่ตอนจบ
ตัวละคร สถานที่ อาชีพ ทุกสิ่งล้วนแต่งขึ้น ไม่ต้องจับผิดนะครับ มองข้ามๆ บ้างก็ได้ 5555

หากต้องการจะแนะนำ ติชม หรือพูดคุยอะไร ที่ไม่อยากคอมเมนท์ในเล้าให้กระทู้ออกทะเล ไปที่แฟนเพจได้นะครับ

อ่านแล้วก็คอมเมนท์กันได้นะ จะชมจะด่า รับได้หมด ขอให้เม้นเป็นพอ

ขอให้มีความสุขกับการอ่านครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-07-2013 16:05:00 โดย ExecutioneR »

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
Re: Moving In
«ตอบ #2 เมื่อ30-07-2013 15:59:56 »

M o v i n g  I n


ตอนที่ ๑


ผมว่าผมคงเป็นตัวอย่างสำหรับคนประเภทที่เรียกว่า ‘เนิร์ด’ หรือ ‘หนอนหนังสือ’ ที่ดีที่สุดแล้วล่ะมั้ง ตั้งแต่เด็กยันโต ผมมักจะจมอยู่กับตัวเองและการอ่านหนังสือทุกประเภท แม้กระทั่งหนังสือเรียนหรือหนังสือวิชาการผมก็ชอบอ่าน ถึงจะหัวดีและประสบความสำเร็จในการเรียนและหน้าที่การงานมาโดยตลอด แต่กลับขาดการปฏิสัมพันธ์กับคนในสังคมรอบข้าง ชีวิตทางสังคมของผมเรียกได้ว่าต่ำจนเกือบจะถึงศูนย์ ก็จริงอยู่ที่ผมมีเพื่อนและเพื่อนร่วมงาน แต่ผมกลับไม่เคยได้คลุกคลีหรือสนิทสนมกับใครเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอาชีพหมออย่างผมด้วยแล้ว เวลาทำงานหรือเข้าเวรทีก็ไม่เคยมีเวลาได้สุงสิงกับใคร และพอเลิกงานผมก็มักตรงดิ่งกลับบ้านมานอนพักผ่อน พอมีวันหยุดผมก็มักจะเก็บตัวอ่านหนังสืออยู่กับบ้าน จนคนอื่นๆ เรียนรู้ว่าผมเป็นคนอย่างนี้ และเลิกวุ่นวายที่จะลากผมให้ออกไปสังสรรค์ด้วยไปโดยปริยาย

นั่นคือเหตุผลหลักที่ทำให้ผมไม่เคยมีแฟนมาจนถึงทุกวันนี้ แถมนอกจากจะไม่มีแฟนแล้ว ผมยังไม่เคยมีอะไรกับใครเลยมาตลอด 27 ปีเต็มอีกต่างหาก ถ้าถามว่าเหงาบ้างมั้ย ผมก็บอกได้เลยว่าผมเหงามาก แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ในเมื่อผมทำตัวของผมเองแบบนี้

ผมไม่เคยมองว่าตัวเองเป็นคนหน้าตาดี ไม่เคยมั่นใจในตัวเอง ผมไม่ใช่คนหล่อ ก็แค่หน้าตี๋ๆ จืดๆ ขาวๆ ใส่แว่น หุ่นก็ไม่ดีเหมือนคนอื่นเขา ไม่เคยออกกำลังกายจริงจังนอกจากจะว่ายน้ำบ้างเท่านั้น พูดง่ายๆ คือ ผมไม่ใช่คนแบบที่เวลาเดินผ่านแล้วใครจะหันมามองให้ความสนใจเลยสักนิด

ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าที่ผ่านมาทำไมผมถึงไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้แบบจริงๆ จังๆ สักที จนกระทั่งอายุเท่านี้แล้วผมถึงเพิ่งรู้สึกตัวว่าผมตัวคนเดียวและเหงามากขนาดไหน เพื่อนๆ ของผมก็เริ่มทยอยแต่งงานกันไปทีละคนสองคน แต่ผมก็ยังตัวคนเดียว ไม่เคยมีแฟน และไม่เคยมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับใครเป็นพิเศษ นอกจากเมื่อตอนยังเด็กแค่เพียงครั้งเดียว แต่มันก็ห่างไกลจากคำว่า ‘แฟน’ ไปคนละทิศละทาง ส่วนเหตุการณ์เพียงครั้งเดียวที่ใกล้เคียงกับเรื่องอย่างว่าที่สุด ก็เกิดขึ้นนานยิ่งกว่าก่อนหน้านั้นเสียอีก และผมก็ไม่ค่อยอยากคิดถึงมันเท่าไหร่นักด้วย

ผมมีความสามารถในการผลักเรื่องที่ตัวเองไม่อยากจำไปไว้ส่วนหลังสุดของสมองด้วยการก้มหน้าก้มตาเรียน จนบางทีผมก็หลอกตัวเองได้ว่าผมลืมมันไปแล้ว แต่นั่นก็เป็นเพียงการลืมแบบชั่วคราวเท่านั้น เมื่อใดก็ตามที่ผมอยู่คนเดียวและหวนคิดถึงช่วงเวลาในตอนนั้นขึ้นมา มันก็มักทำให้ผมต้องหวั่นไหวและรู้สึกกลัวใจตัวเองขึ้นมาทุกครั้ง

ผมอาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็กๆ หลังหนึ่งตัวคนเดียวมาเกือบห้าปีแล้ว พี่ชายกับพี่สาวของผมต่างก็แยกย้ายกันไปอยู่คนละจังหวัด พ่อกับแม่ของผมก็เสียไปแล้วเมื่อสี่ปีก่อน ด้วยงานและนิสัยของผม ผมจึงไม่ค่อยได้ปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านเท่าไหร่นัก นานๆ ทีเวลาผมเจอใคร เราก็จะยิ้มทักทายให้กันบ้าง แต่ถึงแม้ผมไม่เคยได้รู้จักหรือใกล้ชิดใครจริงๆ จังๆ สักคน พวกเขาก็เป็นมิตรกับผมดี

เช้าวันอาทิตย์วันหนึ่ง ผมตื่นขึ้นมาตั้งแต่เจ็ดโมงและชะโงกหน้าออกไปมองดูนอกหน้าต่าง เหล่าต้นหญ้าและวัชพืชในสวนบ้านหน้าของผมที่ไม่ได้รับการดูแลมาเกินกว่าอาทิตย์หนึ่งเต็มๆ ต่างก็แข่งกันเจริญงอกงามจนผมคิดว่าผมคงต้องจัดการดูแลมันบ้างสักหน่อยแล้ว

หลังจากมื้อเช้าง่ายๆ และนั่งอ่านงานวิจัยการแพทย์ที่เคยอ่านค้างไว้จบ ผมก็เดินออกไปหยิบเครื่องตัดหญ้าและอุปกรณ์ทำสวนมาดูแลสนามหญ้าและต้นไม้หน้าบ้าน ลุงที่อยู่บ้านเลยไปหน่อยเดินผ่านมาเห็นผมกำลังนั่งก้มๆ เงยๆ อยู่ก็กล่าวทักทายและหยุดคุยกับผมครู่หนึ่งก่อนจะออกเดินต่อ เมื่อเวลาผ่านไปจนถึงช่วงเที่ยง แดดก็เริ่มแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ความชื้นในอากาศเพราะฝนที่ตกมาตลอดจนถึงเมื่อคืนทำให้ผมรู้สึกร้อนจนแทบอึดอัด ผมตัดสินใจหยุดพัก เดินเข้าบ้านไปหยิบโค้กเย็นๆ ออกมาดื่ม และเมื่อเดินกลับออกมาหน้าระเบียงบ้านอีกครั้ง ผมก็เห็นรถกระบะคันหนึ่งจอดอยู่ที่หน้าบ้านฝั่งตรงข้ามซึ่งไม่มีคนอยู่มากว่าครึ่งปีแล้ว ชายหนุ่มสองคนกำลังช่วยกันขนของลงจากรถเข้าไปในบ้าน ผมรู้สึกสนใจนิดหน่อยว่าสองคนนี้จะเป็นคนที่ย้ายเข้ามาอยู่ หรือเป็นแค่คนขนของที่ถูกจ้างมา แต่ผมก็ไม่เห็นว่าจะมีใครคนอื่นอยู่อีกนอกจากพวกเขา

“ไอ้แมน!! มึงออกมาช่วยกูยกชั้นหนังสือนี่ก่อน!” ผมได้ยินหนึ่งในสองคนนั้นตะโกนเรียกเพื่อนของเขา

ในระหว่างที่กำลังเล็มกิ่งไม้ใบไม้อยู่ ผมก็คอยแอบลอบมองบ้านฝั่งตรงข้ามไปด้วย แต่ไม่ว่าอย่างไร ผมก็ไม่สบโอกาสที่จะได้เห็นหน้าพวกเขาชัดๆ สักที จนกระทั่งเมื่ออากาศเริ่มร้อนมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาก็ถอดเสื้อยืดของตัวเองออก ทำให้ผมเห็นร่างกายกำยำที่ได้รับการดูแลอย่างดี ซึ่งสำหรับหนุ่มบริสุทธิ์อย่างผมแล้ว มันคือสิ่งที่สามารถดึงดูดความสนใจและความอยากรู้อยากเห็นของผมได้มากที่สุด ถึงแม้ด้วยอาชีพของผม ผมจะเห็นคนแก้ผ้าต่อหน้าไม่รู้กี่สิบกี่ร้อยคนต่อสัปดาห์อยู่แล้วก็ตามที

เวลาผ่านไปอีกราวๆ ครึ่งชั่วโมง ผู้ชายคนที่ตัวใหญ่กว่าและผิวเข้มกว่าหันมาเห็นผมเข้า เขาพยักหน้าเป็นเชิงทักทายให้แก่ผม ผมจึงพยักหน้าตอบเขาไปด้วยความตกใจแล้วก็รีบก้มหน้าพรวนดินใส่ปุ๋ยให้ต้นไม้ต่อ เมื่อเวลาผ่านไปอีกเกือบหนึ่งชั่วโมง ผมที่จัดการดูแลต้นไม้บริเวณนั้นเสร็จแล้วลุกขึ้นยืนและบิดตัวแก้อาการปวดหลัง จากนั้นก็หันไปเห็นผู้ชายอีกคนกำลังตั้งท่าจะยกลังกระดาษใบใหญ่ลงจากหลังรถ เมื่อผมสบโอกาสได้เห็นหน้าของเขาชัดๆ หัวใจของผมก็เต้นแรงขึ้นทันที ไม่ใช่แค่เพราะว่าเขาหน้าตาดียิ่งกว่าคนแรกเสียอีก แต่เพราะเขาคือคนที่ผมเคยรู้จักมาก่อนและไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีกต่างหาก

ชายหนุ่มคนนั้นหันมาทางผมราวกับรู้สึกได้ว่าผมกำลังมองเขาอยู่ เมื่อเราสบตากันแล้ว เสี้ยววินาทีหนึ่งผมก็นึกสงสัยว่าเขาจะจำผมได้หรือเปล่า แต่รอยยิ้มกว้างที่ฉายขึ้นบนใบหน้าของเขาก็ช่วยตอบคำถามนั้นได้เป็นอย่างดี เขาวางลังกระดาษลงบนพื้นและรีบวิ่งตรงเข้ามาหาผมทันที

“พี่เก้า!!” เขาร้องเรียกชื่อผมพลางโบกมือไปมา

“รัก”

เด็กหนุ่มที่อายุน้อยกว่าผมสองปีวิ่งข้ามถนนมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านของผม “พี่เก้าอยู่ที่นี่เหรอ โห! นี่ผมไม่ได้เจอพี่มาตั้งกี่ปีแล้วเนี่ย!”

“ก็ 10 ปีได้แล้วมั้งครับ ตั้งแต่รักขึ้น ม. ปลาย ใช่มั้ยล่ะ”

“นั่นดิพี่ ผมดีใจนะที่ได้เจอพี่อีกครั้งอะ! อย่างน้อยๆ ผมก็มีคนรู้จักแล้วคนนึงล่ะ!” เขายิ้มกว้าง ผมคิดในใจว่าเขายังคงมีรอยยิ้มสดใสและเป็นคนร่าเริงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

“นี่แปลว่าคนที่จะย้ายมาอยู่บ้านนั้นคือรักเหรอ” ผมถาม

“ใช่ครับ ผมเพิ่งซื้อต่อจากเจ้าของเก่าน่ะ จริงๆ ผมก็ไม่คิดหรอกนะว่าจะได้มีบ้านของตัวเองเร็วขนาดนี้น่ะ แต่ก็นี่แหละพี่ ผมเพิ่งจะย้ายมาวันนี้ เลยให้เพื่อนมันมาช่วย”

“อ้าว รักมาอยู่คนเดียว ไม่มีใครมาแชร์ด้วยเลยเหรอ”

“ไม่มีครับ ผมอยู่คนเดียว เดี๋ยวพอเย็นๆ ขนของเสร็จแล้วเพื่อนผมมันก็ต้องไปธุระต่อ เพราะงั้นพวกผมก็ต้องรีบกันหน่อยล่ะ ยังดีนะที่ของไม่เยอะ แต่ก็ยังต้องเก็บกวาดบ้านอีก จริงๆ นี่ก็ใกล้จะเสร็จแล้วล่ะ” เขาตอบ “ว่าแต่พี่ล่ะ พ่อกับแม่เป็นไงบ้าง แล้วพี่ชายกับพี่สาวพี่ล่ะไม่มีใครอยู่บ้านเหรอ”

“พี่ย้ายมาอยู่ที่นี่คนเดียวครับ ย้ายมาได้ราวๆ ห้าปีแล้วล่ะ เพราะต้องทำงานแล้วก็เรียนที่โรงพยาบาลใกล้ๆ นี่ ส่วนพ่อกับแม่พี่เค้าเสียไปแล้วครับ ส่วนพี่ฟ้ากับพี่สนก็แยกย้ายกันไปอยู่ที่อื่น”

“อ้าว ผมไม่รู้เรื่องเลย ขอโทษนะครับพี่” เขาหน้าเจื่อนๆ ลงเล็กน้อย “งั้นพี่ก็อยู่คนเดียวเลยน่ะสิ”

“อื้อ ใช่” ผมตอบ รู้สึกกังวลๆ กับคำตอบของตัวเองยังไงบอกไม่ถูก แถมตลอดเวลาที่เราคุยกัน หัวใจของผมก็เต้นแรงอยู่ตลอดเวลา นอกจากนั้นผมยังไม่สามารถละสายตาไปจากใบหน้าหล่อเหลาของเขาได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว

“แล้วเมื่อกี้ที่พี่บอกว่าพี่เรียนกับทำงานที่โรงพยาบาล... แปลว่าตอนนี้พี่เป็นหมอเหรอ”

ผมพยักหน้า “ใช่ครับ หมอผิวหนังน่ะ”

“โห พี่เก้าก็ยังเก่งเหมือนเดิม! ทั้งเรียนดี การงานดี หน้าตาก็ดีอีก น่าอิจฉาจริงๆ”

คำพูดนั้นของเขาทำเอาผมเขินจนหน้าแดง “ไม่ถึงขนาดนั้นมั้ง ว่าแต่รักเองเถอะ ตอนนี้ทำงานอะไรอยู่”

“ผมเป็นพ่อครัวอยู่ร้านอาหารครับ เอาจริงๆ ลำพังเงินเดือนผมอย่างเดียวคงไม่พอซื้อบ้านอยู่ได้หรอก แต่เมื่อไม่กี่เดือนก่อน ย่าของผมเค้าเพิ่งเสีย และผมได้มรดกส่วนนึงมา เลยอยากจะมาตั้งตัว อยากมีอะไรเป็นของตัวเองบ้าง ผมเลยมาซื้อบ้านหลังน้อยนี้อยู่นี่แหละ ไม่อยากเช่าห้องเล็กๆ เค้าอยู่แล้ว แต่ผมก็ยังไม่มีปัญญาทำอะไรกับมันมากหรอกนะครับ ยังดีที่เจ้าของเก่าเค้าทิ้งเฟอร์นิเจอร์ใหญ่ๆ ไว้ให้ ถ้าผมตบแต่งเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว ผมจะชวนพี่เข้าไปดูนะ”

“ยินดีครับ ถ้ามีอะไรให้พี่ช่วยก็บอกแล้วกัน”

“ขอบคุณครับ พี่เก้า แต่ถ้าไงเอาไว้เดี๋ยวค่อยคุยกันอีกทีนะพี่ ผมต้องไปเก็บบ้านต่อแล้ว เดี๋ยวเพื่อนมันจะด่าเอา” เขาหัวเราะเบาๆ

“โอเคครับ... เอ่ออ รัก ยังไงหลังจากเสร็จแล้ว ถ้ารักกับเพื่อนอยาก... มานั่งพักกินเบียร์ที่บ้านพี่ก็ได้นะ พี่ยินดีต้อนรับ”

“ขอบคุณครับ เพื่อนผมมันคงต้องรีบกลับน่ะ แต่ยังไงตอนเย็นผมจะเดินมาหาแล้วกันนะ ไม่ได้เจอพี่ตั้งนาน อยากคุยด้วยเหมือนกัน”

ผมพยักหน้าและยิ้มตอบเขากลับไป ก่อนที่เขาจะเดินกลับไปยังบ้านของตัวเอง

ผมอยู่ที่นี่มากว่าห้าปี แต่บทสนทนาที่ผมมีกับรักเมื่อครู่ นับว่าเป็นหนึ่งในบทสนทนาที่ยาวที่สุดที่ผมเคยมีกับเพื่อนบ้านไม่ว่ากับคนไหนก็ตามแล้ว

เมื่อเดินกลับเข้าไปในบ้าน ผมก็รินน้ำเย็นใส่แก้วให้ตัวเองแล้วเดินมานั่งลงบนโซฟาในห้องรับแขก ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผมจะได้เจอกับรักอีกครั้งหลังจากที่ผ่านมาร่วม 10 ปี เขากำลังจะกลายมาเป็นเพื่อนบ้านผม แถมยังโตขึ้นเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลายิ่งกว่าเมื่อตอนเด็กๆ เสียอีก

ย้อนกลับเมื่อสมัยที่ผมรู้จักกับรักครั้งแรก เราเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกัน โดยที่เขาเป็นรุ่นน้องของผมหนึ่งปี ผมบังเอิญเจอกับเขาตอนที่ผมอยู่ ม. 4 วันนั้นผมต้องไปส่งงานวิชาชีวะที่ห้องพักครู เมื่อผมเปิดประตูเข้าไปแล้ว ก็พบว่ามีเด็กคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนพื้น โดยที่มีอาจารย์ที่เคยสอนผมตอน ม. 3 กำลังตักเตือนเขาอยู่ ผมเดินเข้าไปวางสมุดรายงานลงบนโต๊ะอาจารย์ของผม แต่ด้วยความที่มันอยู่ติดกันกับพวกเขา ผมจึงได้ยินที่สิ่งที่อาจารย์กำลังพูดอยู่อย่างไม่ได้ตั้งใจ

“เธอจะทำกิจกรรม จะเป็นนักกีฬาอะไร ครูไม่ว่าหรอกนะ ลักษณ์ธิสุทธิ์ แต่เธอต้องอย่าลืมใส่ใจการเรียนของตัวเองด้วย อย่าลืมว่าหน้าที่หลักของนักเรียนก็คือการเรียน เธอจะทำตัวเหลวไหลไม่ทำการบ้าน ไม่ทำงานส่งครูบ่อยๆ แบบนี้ไม่ได้ เข้าใจมั้ย”

“ครับ อาจารย์ลักขณา ผมเข้าใจครับ และผมก็ไม่ได้ตั้งใจจะเหลวไหลด้วย แต่...”

“ไม่มีแต่ นอกจากจะสอนวิชาวิทยาศาสตร์เธอแล้ว ครูยังเป็นครูที่ปรึกษาของเธอด้วยนะ เพราะฉะนั้นครูไม่ปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปเฉยๆ แน่ เราเคยมีข้อตกลงกันแล้วไม่ใช่รึไง”

“ครับ...”

อาจารย์ลักขณาเงยหน้าขึ้นมาเจอผมเข้าพอดี “อ้าว ก้าวตะวัน เป็นยังไงบ้าง สบายดีนะ”

“สวัสดีครับ อาจารย์” ผมยกมือขึ้นไหว้ “ผมสบายดีครับ”

“นี่ไง ลักษณ์ธิสุทธิ์ เธอต้องดูพี่คนนี้ไว้เป็นตัวอย่าง ตั้งใจเรียน เรียนดี ไม่เคยขาดงาน แถมพอขึ้น ม. 4 ก็ยังได้ไปอยู่ห้องคิงด้วย” อาจารย์หันไปพูดกับลูกศิษย์ของตัวเองต่อ

เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผม เมื่อเห็นหน้าเขาชัดๆ ผมกลับต้องรู้สึกเขินขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ดวงตากลมโตและดำขลับของเขาแลดูสำนึกผิด สีหน้าเจื่อนๆ ของเขาแลดูน่ารักอย่างบอกไม่ถูก ผมถึงกับต้องหันหลบไปมองทางอื่นเพราะไม่สามารถสู้แววตาของเขาได้ทีเดียว

“เธอต้องตั้งใจเรียนมากกว่านี้นะ ลักษณ์ธิสุทธิ์ ครูจะให้เวลาหนึ่งอาทิตย์นับตั้งแต่วันนี้ในการเคลียร์งานของครูที่ค้างอยู่ทั้งหมดมาส่ง รวมทั้งวิชาอื่นๆ ด้วย และถ้าหากเธอตกสอบเก็บคะแนนที่เราจะมีในวันศุกร์หน้านี้ล่ะก็ ครูจะต้องเชิญผู้ปกครองมาคุยจริงๆ แล้ว”

“โหหหห... อาจารย์ครับ!” เขาโอดครวญ

ผมที่เริ่มรู้สึกกระอักกระอ่วนบอกขอตัวกลับไปยังห้องเรียน แต่หลังจากที่เพิ่งเดินออกจากห้องพักครูไปได้ไม่ไกล ผมก็ได้ยินเสียงร้องตะโกนเรียกเรียกชื่อของตัวเองดังมาจากทางด้านหลัง

“พี่ๆ! พี่เก้า!”

ผมหยุดเดินและหันกลับไปมองว่าใครที่กำลังเรียกผมอยู่

รักวิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม “พี่ชื่อไรอะ ผมเรียกพี่ว่าพี่เก้าเพราะเห็นอาจารย์แกเรียกชื่อจริงพี่แบบนั้น ไม่รู้เหมือนกันว่าใช่ชื่อเล่นพี่รึเปล่า”

“อ... เอ่อ... พี่ก็ชื่อเก้านั่นแหละครับ”

“อ้าวเหรอ เออ ฟลุ้คดีเว้ย” เขาหัวเราะ “ตอนแรกก็ลังเลอยู่ว่าจะเรียกพี่ว่าตะวันหรือเก้าดี แต่เก้ามันสั้นกว่าก็เลยเรียกแบบนั้น ผมชื่อแมนนะครับ แต่เพื่อนๆ เรียกผมว่า ไอ้รัก เรียนอยู่ ม. 3 พี่จะเรียกผมว่ารักเหมือนกันก็ได้”

“ครับ” ผมตอบกลับไป ยังไม่รู้ว่าเขาวิ่งตามผมมาเพื่ออะไร

“พี่ คือผมมีเรื่องอยากรบกวนพี่หน่อยอะ ตอนนี้ผมกำลังลำบากโคตรเลย อยากให้พี่ช่วยอะไรนิดนึงอะครับ”

“เรื่องอะไรเหรอครับ”

“เรื่องเรียนไงพี่ ก็อย่างที่พี่ได้ยินเมื่อกี้อะ ตอนนี้ผมกำลังแย่เลย และผมไม่รู้จะทำยังไงแล้วด้วย ถ้าพี่มีเวลา ผมอยากจะปรึกษาพี่เรื่องเรียนไรงี้หน่อยอะ พี่สะดวกรึเปล่า”

“หาาา พี่เนี่ยเหรอ” ผมตกใจ “แล้วรักจะให้พี่ช่วยยังไงครับ”

ยังไม่ทันที่เขาจะตอบ เสียงออดเริ่มคาบเรียนก็ดังขึ้น

“เอ้า! ออดดังแล้ว วิชานี้ผมเข้าสายไม่ได้ด้วย! งั้นเอาไว้ค่อยคุยกันอีกทีนะครับพี่ เอาเป็นว่าตอนเย็นหลังเลิกเรียนผมจะรอเจอพี่ที่หน้าอาคารหกนะ มาเจอผมก่อนกลับบ้านนะ พี่เก้า แป๊บเดียวเอง ผมจะรอนะครับ!”เขาพูดทิ้งท้ายเอาไว้แบบนั้นก่อนจะรีบวิ่งจากไป

ผมที่ยังคงงงๆ อยู่ได้แต่มองตามหลังของเขา ก่อนที่จะรู้สึกตัวและรีบวิ่งกลับไปยังห้องของตัวเองด้วยเหมือนกัน หลังจากนั้นจนถึงคาบสุดท้าย ผมก็ได้แต่คิดถึงรักและคำขอร้องของเขา ผมรู้สึกลังเลว่าควรจะไปพบเขาดีหรือไม่ เพราะผมไม่รู้จักเขา และก็ไม่แน่ใจด้วยว่าเขาจะแค่ล้อเล่นหรือจงใจแกล้งผมหรือเปล่า ด้วยความเป็นคนที่ขี้อายและไม่กล้าพบปะพูดคุยกับใครเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงทำให้ผมตัดสินใจไม่ไปพบกับเขา และรีบตรงกลับบ้านทันทีโดยพยายามเลี่ยงไม่เดินผ่านอาคารหกที่เขานัดเจอผมเอาไว้

ที่จริงผมก็รู้สึกผิดอยู่เหมือนกัน แต่ลึกๆ แล้วผมรู้สึกกลัวที่จะคุยกับเขามากกว่า ผมก็ไม่ได้ชอบที่ตัวเองเป็นคนแบบนี้หรอก ยิ่งสมัยก่อน ผมยิ่งอาการหนักกว่าที่ผมเป็นอยู่ตอนนี้เสียอีก จริงๆ แล้วพอมาคิดดูดีๆ สาเหตุที่ทุกวันนี้ผมยังไม่มีแฟนมันก็คงไม่ใช่เพราะเรื่องเรียนหรือเรื่องงาน แต่เป็นที่ตัวผมเองล้วนๆ ถ้าหากผมคิดจะโทษใครหรืออะไร ผมก็ต้องโทษตัวเองที่เป็นคนเก็บตัวและไม่กล้าเปิดใจให้คนอื่นก่อน อย่างเช่นเรื่องของรักในตอนนั้นที่ผมไม่ไปพบเขาตามนัด คืนนั้นผมเองก็แทบจะนอนไม่หลับเพราะความรู้สึกผิดต่อเขา ผมได้แต่คิดว่าเขาจะรอผมอยู่นานขนาดไหนและจะโกรธผมหรือเปล่า แต่ผมก็พยายามบอกตัวเองว่าเขาคงจะไม่คิดอะไร และเราก็อาจจะไม่ได้เจอหรือคุยกันอีกด้วยซ้ำ

แต่ผมคิดผิด เพราะอีกแค่สองวันถัดมา ในขณะที่ผมกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะเรียน เพื่อนคนหนึ่งก็เดินมาบอกว่ามีคนมาถามหาผม และเมื่อเดินออกไปดูนอกห้อง ผมก็เห็นรักกำลังยืนรอผมอยู่

“หวัดดีครับ พี่เก้า” เขายกมือขึ้นไหว้ผม แต่ไม่ดูกระตือรือร้นเหมือนเมื่อครั้งแรกที่เราเจอกัน

“หวัดดีครับ รัก...” ผมตอบ รู้สึกกระอักกระอ่วนบอกไม่ถูก “เอ่อ คือ เมื่อวานพี่ขอโทษทีนะ พอดีพี่ คือ... พี่ต้องรีบกลับบ้านน่ะครับ”

เขามองหน้าผมอยู่ครู่หนึ่ง “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมผิดเองแหละที่จู่ๆ ก็วิ่งไปขออะไรพี่แบบนั้นและยังไม่ทันจะคุยกันรู้เรื่องก็วิ่งหายไปก่อนเอง”

“แล้วว่าแต่รักรู้ได้ไงว่าพี่อยู่ห้องนี้”

“ก็เมื่อวันก่อนอาจารย์แกก็บอกไงว่าพี่อยู่ห้องคิง ไม่เห็นยากเลย” เขาตอบ “คืองี้พี่ ผมไม่อยากกวนเวลาพี่นาน ผมเข้าเรื่องเลยแล้วกัน คือพี่ก็รู้ว่าผมกำลังมีปัญหาเรื่องเรียน และผมอยากรบกวนพี่หน่อยอะครับ ผมต้องทำงานอีกหลายชิ้นเลย แล้วยังต้องอ่านหนังสือสอบอาทิตย์หน้าอีก สองวันมานี้ผมก็พยายามแล้วนะ แต่มันไม่ไหวจริงๆ ผมเลยอยากรบกวนขอเวลาพี่สักวันละชั่วโมง สองชั่วโมง หรือเสาร์อาทิตย์ถ้ามีพี่ว่าง ตอนไหนก็ได้ ให้พี่ช่วยติวผมหน่อยดิ ได้มั้ย นะๆๆ นะครับ ผมขอร้องล่ะนะ”

“หาาา! จะให้พี่เนี่ยเหรอ ติวให้!” ผมตกใจ “แต่ว่าพี่ไม่เคยติวให้ใครมาก่อนเลยนะครับ”

“นะครับพี่ ช่วยผมหน่อยนะ แล้วพี่จะให้ผมทำอะไรให้ ผมยอมทุกอย่างเลย” เขาขอร้องผมด้วยสายตาวิงวอน

ที่จริงผมก็สงสารเขาอยู่หรอกนะ และยิ่งเห็นหน้าเศร้าๆ ของเขาแบบนั้นด้วยแล้ว ผมก็ชักรู้สึกใจอ่อนขึ้นมา แต่ด้วยนิสัยของผม ผมกลับไม่รู้สึกสบายใจที่จะทำแบบนั้น

“แล้วเพื่อนๆ เราล่ะ ให้เพื่อนเราติวให้จะไม่ดีกว่าเหรอ”

“เพื่อนผมมันช่วยผมไม่ได้หรอกครับพี่ และไอ้พวกคนเก่งๆ ในห้องมันก็ไม่อยากช่วยคนอื่นหรอก ผมไม่เหลือใครแล้วจริงๆ ถ้าหากว่าอาจารย์ลักขณาเรียกพ่อแม่ผมมาคุยล่ะก็ คราวนี้เรื่องใหญ่แน่ ผมต้องหยุดเล่นกีฬา หยุดกิจกรรมทุกอย่าง โดนกักบริเวณหรือไม่ก็หักค่าขนมแหงๆ เพราะงั้นพี่ช่วยผมหน่อยนะครับ นะ ผมขอร้องจากใจเลยพี่ แล้วผมสัญญา ผมจะตอบแทนพี่ทุกอย่างทุกครั้งที่พี่ต้องการเลย อะไรก็ได้ ขอให้พี่บอกมา ผมไม่ผิดสัญญาแน่นอน”

สรุปเรื่องราวที่เหลือสั้นๆ คือหลังจากที่ผมลังเลและใช้เวลาตัดสินใจอยู่ครึ่งค่อนวัน สุดท้ายผมก็ยอมตอบตกลงจนได้ จากวันนั้นมา ผมจึงได้เจอกับเขาทุกเย็นเพื่อช่วยติววิชาชีวะให้เขาจนกระทั่งถึงวันที่เขาสอบ และถึงจะผ่านพ้นช่วงสอบไปแล้ว เราก็ยังได้เจอกันอยู่เรื่อยๆ เขาขยันมาหาผมที่ห้อง นั่งกินข้าวกับผม และซื้อขนมมาฝากผมเป็นประจำ จนกระทั่งเขากลายมาเป็นเพื่อนคนหนึ่งของผมที่ผมสนิทและคุยด้วยมากที่สุดไปโดยปริยาย

ถึงแม้ในตอนแรกผมจะอึดอัดใจอยู่บ้างที่ต้องนั่งสอนหนังสือให้เขาสองต่อสอง แต่เพราะความช่างพูด เปิดเผย และเป็นกันเองของเขา ช่วยทำให้ผมรู้สึกสบายใจเวลาที่อยู่กับเขามากขึ้น และเมื่อเวลาผ่านไป ความสบายใจนั้นก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งผมปล่อยให้เขาถูกเนื้อต้องตัวกันอย่างใกล้ชิดได้ ไม่ว่าจะจับแขน จับขา กอดคอ หรือแม้แต่กอดเอว

ตอนแรกๆ ที่เขาทำแบบนั้นผมก็ใจเต้นแรงและรู้สึกกลัวอยู่เหมือนกัน เปล่าหรอก ผมไม่ได้กลัวเขา แต่ผมกลัวใจตัวเองมากกว่า ผมกลัวว่าเขาจะรู้ว่าผมชอบผู้ชาย และผมกลัวว่าตัวเองจะคิดอะไรเกินเลยไป ถึงแม้ว่าตอนนั้นผมจะยังไม่มั่นใจในตัวเองนักก็ตามที

เมื่อถึงจุดๆ หนึ่ง ผมที่รู้สึกกลัวการเข้าไปใกล้ชิดกับคนอื่นยิ่งกว่าที่เป็นในตอนนี้ไม่รู้กี่เท่า ก็เริ่มถอยห่างออกมาจากเขา ผมไม่อยากเจ็บ ไม่อยากรู้สึกหวาดกลัวกับความใกล้ชิดและสิ่งไม่คาดฝัน ก่อนหน้านั้นผมเคยต้องสูญเสียบางสิ่งบางอย่างไปแล้ว และผมไม่ต้องการให้มันเกิดขึ้นอีก ดังนั้นผมจึงเริ่มเจอและพูดคุยกับเขาน้อยลง จนในที่สุด เมื่อเขาขึ้น ม. 4 และย้ายไปเรียนที่อื่น ผมก็ขาดการติดต่อกับเขาไปอย่างสิ้นเชิง

แม้ว่าจะไม่ได้คุยหรือเจอกับเขาอีก แต่ผมก็ไม่เคยลืมเขาเลย ถึงผมจะพยายามหันเหความสนใจของตัวเองไปที่การเรียนมากเท่าไหร่ ผมก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าลึกๆ แล้ว ผมเคยรู้สึกดีๆ กับเขามาก่อน แต่เพราะความกลัวหลายอย่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือกลัวการคิดไปเอง จึงทำให้ผมเลือกที่จะเดินต่อและใช้ชีวิตอยู่คนเดียวโดยที่มีเขาเป็นความทรงจำจางๆ คอยให้นึกถึงขึ้นมาบ้างในเวลาที่ตัวเองเหงาใจ

แต่แล้ววันนี้ จู่ๆ ผู้ชายคนที่เคยใกล้ชิดกับผมที่สุดและทำให้ผมหวั่นไหวเป็นคนแรกก็กลับเข้ามาในชีวิตของผมอีกครั้งในฐานะเพื่อนบ้านคนใหม่ แถมยังเป็นเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้กันแค่เพียงถนนเล็กๆ คั่นอีกด้วย นอกจากนั้นเขายังดูดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ผมที่เบื่อการต้องอยู่คนเดียวแบบนี้ใจจะขาดอยู่แล้วรู้สึกหสั่นไหวขึ้นทันทีตั้งแต่นาทีแรกที่ผมเห็นหน้าเขา ผมชักไม่แน่ใจแล้วว่าผมจะรอดจากความใกล้ชิดครั้งใหม่นี้ไปได้อย่างไร

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-07-2013 20:31:26 โดย ExecutioneR »

ออฟไลน์ patek

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #3 เมื่อ30-07-2013 16:39:52 »

จิ้มคนแรกเลย น่าติดตามตอนต่อไปมากๆคับคุณต้น ไหนๆก็เป็นตอนแรกสำหรับวันนี้ ขอแถมอีกสักตอนหรือมากกว่าก็ได้นะคับ

- คราส -

  • บุคคลทั่วไป
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #4 เมื่อ30-07-2013 18:24:09 »

ชื่อ รัก นี่มันก๊าวแฮะ  พอบอกคิดถึงรัก รักเหมือนกัน  :ling1:

ติดตามค่ะ

ออฟไลน์ ลิงภูเขา

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 816
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-4
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #5 เมื่อ30-07-2013 18:55:43 »

รอค้าบบบบบบบบบบ :impress2:

ออฟไลน์ pachth

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-5
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #6 เมื่อ30-07-2013 19:31:44 »

เพื่อนของรักนี่จะมีบทบาทหรือเปล่านะ
โผล่มาแป๊บเดียวแต่เราชักชอบละสิ

ออฟไลน์ BaoBao

  • Moderator
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +485/-2
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #7 เมื่อ30-07-2013 20:03:01 »

 :katai2-1: เนื้อเรื่องยังไม่กล่าว เพราะเนื้อความยังเพิ่งเริ่ม

แต่เก๊าจะมากล่าวถึงบรรยากาศของตัวอักษร
อ่านแล้วเก๊านึกถึงบรรยากาศตอนที่ตัวเองอ่าน เรื่องสั้นนึง
...ที่นายเอกคิดว่าเพื่อนตายอ่ะ แล้วสุดท้ายไปได้กะน้องชายเพื่อนอ่ะ (จำชื่อเรื่องไม่ได้แฮะ ><)

เก๊าชอบฟิวลิ่งแบบนี้จัง  :give2:

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #8 เมื่อ30-07-2013 20:08:17 »

มันคือโชคชะตาที่พามาให้พบต้องรีบคว้าไว้นะหมอเก้า

ออฟไลน์ ★KVH™★

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 516
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #9 เมื่อ30-07-2013 21:01:24 »

รัก..

กดเก้าโดยด่วนน   :hao7:

จะได้หายตื่นคน   :katai5:

รอตอนต่อไปฮะ     :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: (เรื่องสั้น) Moving In
« ตอบ #9 เมื่อ: 30-07-2013 21:01:24 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #10 เมื่อ30-07-2013 21:34:17 »

รัก ดูสดใสน่ารัก ส่วน เก้า ก็ดูขรึมๆ มีเกราะป้องกันตัวเองอยู่
อยากรู้จริงว่ารักจะเอาเกราะของเก้าออกได้ยังไง ^^

ออฟไลน์ patek

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #11 เมื่อ31-07-2013 00:02:09 »

อย่าหายไปนานนะคับคุณต้นเก้ารอรักอยู่

ออฟไลน์ Also

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #12 เมื่อ31-07-2013 01:05:08 »

 :mew1: ต้อนรับเรื่องใหม่ค่ะ

หมอเก้าเป็นพวกปิดกั้นตัวเองเหรอเนี๊ย ต้องให้รักช่วยรักษาแล้วหละ
เอาใจช่วยนะคะ

ออฟไลน์ KaorPaor

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 669
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-4
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #13 เมื่อ31-07-2013 01:18:59 »

เรื่องใหม่น่าสนใจ

ออฟไลน์ netkung

  • เป็ดกูรู
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #14 เมื่อ31-07-2013 09:01:18 »

คิดถึงงพี่ต้นมากกก เรื่องนี้น่าสนมากๆครับ ดูอบอุ่นดี มาลงใหม่เร็วๆน้อพี่  o18

ออฟไลน์ aloney

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 743
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-4
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #15 เมื่อ31-07-2013 09:16:24 »

หวังว่ารักคงยังไม่มีใครเนาะ

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #16 เมื่อ31-07-2013 11:20:24 »

สองคนนี้ จะคุยกันยังไงน๊า
เหตุผลที่รักไม่เรียนต่อที่เดืมคือไรเกี่ยวกับเก้าหรือป่าว
 :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #17 เมื่อ31-07-2013 12:14:30 »

ตามมาอ่านครับ

Ramika

  • บุคคลทั่วไป
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #18 เมื่อ31-07-2013 13:48:02 »

ไม่อยากให้เป็นแค่เรื่องสั้นเลย

ออฟไลน์ HaLF333

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-1
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #19 เมื่อ31-07-2013 16:31:49 »

มารอลุ้นความรักของคุณหมอ  :give2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: (เรื่องสั้น) Moving In
« ตอบ #19 เมื่อ: 31-07-2013 16:31:49 »





ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #20 เมื่อ31-07-2013 17:54:17 »

โสดจนอายุปูนนี้ พี่เก้าจะมัวกลัวอยู่ไม่ได้แล้วนะ

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #21 เมื่อ31-07-2013 20:30:52 »

ตอนที่ ๒


ผมนั่งคิดถึงเรื่องเมื่อสมัยมัธยมอยู่หน้าทีวีจนกระทั่งเวลาผ่านเลยไปถึงตอนเย็น มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ออดหน้าบ้านดังขึ้น ทำเอาผมสะดุ้งจนสุดตัว ผมลุกออกจากโซฟาและชะโงกหน้าออกไปมองก็เห็นว่ารักกำลังยืนรอผมอยู่ที่หน้ารั้วบ้าน ผมหันไปมองดูนาฬิกาบนผนังจึงพบว่ามันเป็นเวลาห้าโมงเกือบครึ่งแล้ว

เมื่อรักเห็นผมกำลังเดินออกไปรับ เขาก็ฉีกยิ้มกว้างทันที ในมือของเขาถือถุงผ้าใบเล็กๆ เอาไว้อยู่ด้วย “โทษทีนะครับ พี่เก้า ผมเพิ่งเก็บของเสร็จน่ะ... จริงๆ ก็ยังไม่เสร็จหรอก แต่ก็ยังเหลือจัดนู่นจัดนี่ให้เข้าที่ ย้ายเฟอร์นิเจอร์อีกนิดหน่อย อะไรพวกนั้นน่ะครับ แต่เอาไว้ทำพรุ่งนี้ก็ได้”

“แล้วเพื่อนละครับ กลับไปแล้วเหรอ”

“ใช่ครับ”

“เอ้า ไงก็เข้าบ้านมาก่อนสิ เอาเบียร์เย็นๆ สักหน่อยมั้ย” ผมเสนอพลางเดินนำเขาเข้าไปในตัวบ้าน

“แจ่มเลยพี่ ขอบคุณนะครับ แต่ก่อนอื่น ผมมีเรื่องอยากรบกวนพี่หน่อยอะ ถ้าพี่จะไม่ว่าอะไรน่ะนะ คือผมอยากรบกวนขอใช้ห้องน้ำพี่หน่อยได้มั้ย พอดีว่าฝักบัวห้องน้ำบ้านผมมันไม่ดีอะ จริงๆ ผมคงต้องออกไปซื้อมาเปลี่ยน แต่ผมไม่อยากให้พี่รอนาน แต่ก็ไม่อยากมานั่งคุยกับพี่ทั้งๆ ที่เหม็นเหงื่อแบบนี้อีก เดี๋ยวพี่จะสลบไปซะเปล่า” เขาหัวเราะแหะๆ

“ไม่เป็นไรครับ ตามสบายเลย แต่ที่จริงก๊อกฝักบัวห้องน้ำพี่ก็ไม่ค่อยดีเหมือนกันนะ พี่ว่าจะเปลี่ยนๆ มาตั้งนานแล้ว ก็ยังไม่มีเวลาได้ทำสักที”

“งั้นเดี๋ยวผมมาเปลี่ยนให้พี่ก็ได้ เป็นการตอบแทน”

“อืมม... ก็ดีนะ เอาไว้หลังจากนี้เราค่อยออกไปซื้ออุปกรณ์ด้วยกันแล้วกันนะครับ”

“โอเคครับ ว่าแต่ห้องน้ำพี่อยู่ตรงไหนล่ะ” เขาถามขณะที่ถอดรองเท้า

“ตามพี่มาเลยครับ เพราะพี่ต้องปรับหัวก๊อกให้เราดูอยู่แล้วด้วย” ผมเดินนำเขาตรงไปยังห้องน้ำด้วยความรู้สึกปั่นป่วนในท้องเล็กน้อย เมื่อคิดว่าเขากำลังจะมาอาบน้ำในบ้านของผม

ช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา ทำให้รักโตขึ้นเป็นชายหนุ่มหล่อเหลา เขามีร่างกายแบบที่ผู้หญิงคนไหนก็คงอยากจะครอบครอง และผู้ชายหลายๆ คนคงต้องอิจฉา ส่วนผมที่ชอบผู้ชายแต่ไม่เคยแสดงออกหรือใกล้ชิดใครมาก่อน ก็ได้แค่แอบชื่นชมและใฝ่ฝันอยากจะสัมผัสกล้ามของเขาดูสักครั้ง

รักเอาผ้าขนหนูผืนเล็ก สบู่ และยาสระผมของตัวเองติดตัวมาด้วย ถึงแม้ว่าผมจะยินดีให้เขาใช้ของผมอยู่แล้วก็ตาม เมื่อผมจัดการปรับก๊อกน้ำและน้ำอุ่นเสร็จและหันไปหาเขา ผมก็ต้องตกใจที่เห็นว่าเขากำลังถอดเสื้อผ้าอยู่ เขากำลังยืนหันหลังให้กับผม แถมจังหวะที่ผมหันไปก็เป็นตอนที่เขากำลังดึงกางเกงบ็อกเซอร์ลงพอดี ทำให้ผมเห็นบั้นท้ายขาวเนียนเข้าเต็มๆ ตา

“เอ่ออ พี่เปิดน้ำแล้วก็ปรับน้ำอุ่นให้แล้วนะครับ ถ้าอยากจะปรับอุณหภูมิก็ค่อยๆ ปรับอย่างที่พี่บอกไปเมื่อกี้ก็แล้วกัน” ผมพยายามพูดออกไปโดยไม่ให้เสียงมันสั่นจนผิดสังเกต “ถ้างั้นพี่ไปก่อนนะครับ ตามสบายเลย”

“ขอบคุณครับ พี่เก้า เดี๋ยวอีกแป๊บเดียวผมตามลงไป” เขาตอบพลางทำท่าจะหันมาหาผม ผมจึงรีบต้องเดินออกจากห้องน้ำและปิดประตูตามหลังลงอย่างรวดเร็ว

ผมลงมายังชั้นล่างและเดินตรงเข้าไปในครัว หัวใจของผมยังคงเต้นแรงอยู่เลย ถึงแม้ว่าผมจะเห็นคนไข้แก้ผ้าต่อหน้ามาไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่แล้ว แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนกัน เพราะคนๆ นี้คือ รัก คนที่ผมเคยรู้จัก แถมยังทั้งหน้าตาดีและหุ่นดีจนทำให้ผมต้องหวั่นไหวแบบไม่เคยเป็นมาก่อนอีกต่างหาก นอกจากนั้น เวลาผมทำงานและได้เจอกับคนไข้ที่นานๆ จะมีหน้าตาดีหรือหุ่นดีสักคน แต่พวกเขาก็มาหาผมเพราะอาการป่วยหรือปัญหาทางผิวหนัง ซึ่งบางครั้งก็เป็นสิ่งที่ไม่น่าดู หรืออยู่ในบริเวณที่ไม่ชวนกระตุ้นอารมณ์สักนิดด้วยซ้ำ

ผมพยายามสะบัดภาพที่เพิ่งเห็นเมื่อครู่ออกไปจากหัวด้วยการเตรียมของว่างให้เขา ผมเปิดตู้เย็นดูว่ามีอะไรที่เอาออกมากินเล่นได้บ้าง ผมเจอไส้กรอกของซีพีที่เหลืออยู่แพ็คหนึ่ง จึงเอามันออกมาอุ่นและหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ จากนั้นก็แกะห่อเลย์แล้วเทมันลงในชามอีกอย่าง ผมยกของว่างทั้งสองอย่างออกไปวางที่โต๊ะไม้หน้าระเบียงบ้าน แล้วจึงเดินกลับมาหยิบเบียร์อีกสองกระป๋อง ก่อนจะไปนั่งรอเขาที่นั่น

อีกไม่ถึงห้านาที รักก็เดินตามมาสมทบผม เขานั่งลงบนเก้าอี้พร้อมกับบอกขอบคุณผมยกใหญ่

“ขอบคุณมากนะครับ พี่เก้า พี่ช่วยชีวิตผมไว้แท้ๆ เลยเนี่ย ถ้าไม่ได้พี่ คืนนี้ผมเน่าแน่!”

“ไม่เป็นไรครับ พี่ยินดี” ผมยื่นเบียร์ให้เขา

“ขอบคุณครับ และโห ดูดิ๊เนี่ย มีของกินเล่นอีกต่างหาก”

“พี่เดาว่าเราน่าจะหิวน่ะ เลยคิดว่ามีอะไรกินเล่นๆ รองท้องก่อนไปกินข้าวน่าจะดี”

“เยี่ยมเลยครับพี่!” เขาพูดพลางหยิบไส้กรอกเข้าปาก

ผมแอบชำเลืองมองเขาที่อยู่ในเสื้อกล้ามสีขาวและกางเกงบอลสีเทาอ่อน ร่างกายของเขาช่างแลดูสมส่วนไปเสียหมด แม้แต่ขาของเขาก็ยังดูแข็งแรงและมีแต่กล้ามเนื้อ ผมไล่สายตาขึ้นสำรวจใบหน้าของเขาอีกครั้ง และก็ต้องพบว่าเขากำลังมองหน้าผมและยิ้มรออยู่แล้ว

ผมรีบหันหน้าหลบเขาด้วยความเขินทันที

“พี่ว่าเดี๋ยวเราออกไปซื้อของกันกี่โมงดีครับ” เขาถามขึ้น

“เอ่ออ พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน หลังจากที่รักหายเหนื่อยแล้วก็ได้ พี่น่ะไม่รีบหรอก”

“ครับพี่ แต่ผมเหนื่อยมากจริงๆ ว่ะ ยอมรับเลย นี่ผมว่าไม่เกินสองทุ่มผมก็คงจะหลับแล้วด้วยซ้ำ พรุ่งนี้ต้องตื่นมาจัดของต่ออีก” เขาเหยียดแขนและขาออกบิดขี้เกียจ

ผมสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวที่เป้ากางเกงของเขาและเดาเอาว่าเขาคงจะไม่ได้ใส่กางเกงใน เพราะไอ้น้องชายของเขามันดันกางเกงที่ใส่อยู่จนเห็นเป็นเค้าโครงอย่างชัดเจน

รักน่าจะรู้ตัวว่าผมกำลังมองอะไรอยู่ เพราะเขาเลื่อนมือมาจับไอ้น้องชายตัวเองพร้อมกับหัวเราะเบาๆ “ขอโทษทีนะ พี่เก้า พอดีผมลืมหยิบกางเกงในมาด้วยน่ะ”

“ไม่เป็นไรครับ พี่ไม่ถือ” ผมตอบทั้งๆ ที่รู้สึกเขินจนร้อนไปหมด “อีกอย่าง พี่เป็นหมอนะ เพราะงั้นพี่เห็นไอ้นั่นทุกวันนั่นแหละ”

“เอ้อ จริงด้วย แหม น่าอิจฉาจริงๆ นะครับเนี่ย ฮ่าๆๆ”

ผมยกกระป๋องเบียร์ที่ถืออยู่ในมือขึ้นดื่ม ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าที่เขาพูดนั้นหมายความว่าอย่างไร “ไม่น่าอิจฉาหรอกครับ พี่เป็นหมอผิวหนัง ก็ต้องตรวจร่างกายคนไข้ เราแน่ใจเหรอว่าอยากเห็นทุกอย่างแบบที่พี่ได้เห็นจริงๆ น่ะ”

“เออว่ะ งั้นไม่เอาดีกว่าครับ ผมขอหั่นหมูหั่นไก่ล้างผักทำกับข้าวในครัวเหมือนเดิมดีกว่า” เขาพูดพลางกลั้วเสียงหัวเราะในลำคอ

“นั่นสินะ แต่พอเรื่องของพี่เถอะ รักเล่าเรื่องของเราให้พี่ฟังบ้างดีกว่า” ผมพยายามเปลี่ยนเรื่อง

“อ๋อ ผมก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ พอเรียนจบมหาลัยก็สมัครงานหลายที่ เคยทำงานบริษัทได้ปีกว่าแต่ไม่ชอบ สุดท้ายก็มีโอกาสได้มาลองเป็นพ่อครัว แล้วดันชอบ มีความสุขมากกว่า ก็เลยทำมาตลอด” เขาเล่าอย่างอารมณ์ดี

“ถ้าพี่จำไม่ผิด ตอนนี้รักอายุ 25 แล้วใช่รึเปล่าครับ”

“ใช่ครับ” เขาพยักหน้า

“แปลว่ารักชอบทำอาหารน่ะสิ”

“ใช่ครับ ผมว่ามันสนุกดีนะ ถึงจะเหนื่อย แต่ก็ท้าทายไปอีกแบบ แรกๆ ก็ปรับตัวเยอะเหมือนกัน เพราะไม่ค่อยได้เจอผู้คน แต่ผมก็จะหาโอกาสออกมาทักทายลูกค้าเรื่อยๆ แหละครับ เพราะหัวหน้าผมเค้าใจดี และชอบให้พนักงานคุยกับลูกค้าแบบเป็นกันเอง เรื่องของเรื่องคือเจ้าของร้านเป็นพี่ชายของเพื่อนสนิทผมน่ะครับ”

“ก็ฟังดูน่าสนใจดีนะครับ พี่ยังไม่เคยเจอร้านไหนที่พ่อครัวออกมาคุยกับลูกค้าเลย”

“ใช่มั้ยล่ะครับ ผมถึงได้ชอบทำงานที่นี่ไง แต่ก็อย่างที่บอกอะครับว่าเงินเดือนมันก็ไม่ได้เยอะแยะอะไรมากมาย นี่ถ้าไม่ได้เงินที่ย่าทิ้งไว้ให้ ผมก็คงไม่มีโอกาสได้มีบ้านของตัวเอง ต้องเช่าเค้าอยู่ไปวันๆ ในห้องเล็กๆ แถมคงไม่มีโอกาสได้มาเจอพี่เก้าอีกครั้งแบบนี้ด้วย” เขาจบประโยคด้วยการหันมายิ้มให้ผม “พี่รู้มั้ยว่าผมดีใจมากเลยนะ ที่ได้เจอพี่อีกครั้งอะ ไม่อยากเชื่อเลยว่าโลกเรามันจะกลมขนาดนี้”

ผมได้แต่ยิ้มตอบเขา แต่ไม่กล้าพูดออกไปว่าผมก็ดีใจเหมือนกัน “แล้วเรื่องกีฬาของเราล่ะ”

“ผมก็เข้ามหาวิทยาลัยไปด้วยทุนนักกีฬานั่นแหละครับ แต่ผมรู้ตัวน่ะพี่ ว่าผมหากินกับมันไปไม่ได้ตลอดหรอก ใช่มั้ยล่ะ”
ผมพยักหน้าให้เขาอีกครั้ง

หลังจากนั้นอีกสองชั่วโมงกว่าพวกเราก็นั่งคุยเรื่องต่างๆ กันมากมาย ตั้งแต่เรื่องงานของเขา ไปจนถึงเรื่องเศรษฐกิจ การเมือง กีฬา งานอดิเรก ชีวิตมหาวิทยาลัย เรื่องราวของผมเล็กน้อย จนเมื่อรู้สึกตัวอีกทีฟ้าก็มืดแล้ว ทั้งผมและเขาต่างก็เริ่มหิวกันทั้งคู่ แต่จากตอนแรกที่เราคิดว่าจะดื่มเบียร์กันแค่คนละกระป๋องก็กลายเป็นเขาดื่มไปสามกระป๋อง ส่วนผมดื่มไปสอง เราจึงตัดสินใจบอกเลื่อนการออกไปซื้ออุปกรณ์มาซ่อมห้องน้ำไปเป็นวันพรุ่งนี้แทน เพราะผมยังมีวันหยุดอีกหนึ่งวัน สุดท้ายเราก็ย้ายจากหน้าระเบียงบ้านมานั่งในบ้านและจัดการต้มมาม่ากันคนละสองห่อ เพราะเขาบอกผมว่าเขาเหนื่อยเกินกว่าจะออกไปกินข้าวนอกบ้านแล้ว และผมเองก็ไม่มีของสดพอที่จะทำกับข้าวสำหรับสองคนด้วย

“โทษทีนะครับ รัก สุดท้ายเลยต้องมากินมาม่าแบบนี้ เพราะตอนแรกพี่ตั้งใจไว้ว่าพรุ่งนี้ถึงจะออกไปซื้อของเข้าบ้านน่ะ”

“เฮ้ย! ไม่เป็นไรพี่ แค่นี้ก็สุดยอดแล้ว” เขาตอบพลางก้มหน้าก้มตากินม่ามาในชามของตัวเองต่อ

ผมนั่งมองหน้าเขาแล้วอมยิ้มให้กับตัวเอง ผมไม่เคยนั่งคุยและใช้เวลากับเพื่อนบ้านคนไหนนานเท่านี้มาก่อนเลย และเมื่อครู่นี้ เราก็ได้คุยกันหลายเรื่อง ถึงเขาจะเป็นฝ่ายพูดมากกว่าผมก็ตาม ผมชอบที่จะฟังเขาเล่าเรื่องต่างๆ นะ เขาเป็นคนที่มีเสน่ห์เวลาพูดมาก แต่ผมต้องยอมรับว่าหลายๆ ครั้งผมก็ไม่ได้ตั้งใจฟังสิ่งที่เขาพูดนักหรอก เพราะแค่การได้มองรอยยิ้มและดวงตาของเขา ก็ทำให้ผมมีความสุขและเผลอคิดอย่างอื่นไปไกลแล้ว แถมไอ้น้องชายของเขาที่อยู่ใต้กางเกงบางๆ นั่นก็ทำให้ผมเขวไปหลายหนอีกเหมือนกัน

หลังจากที่กินเสร็จ เขาก็ขอตัวกลับบ้านไปนอนก่อน เรานัดกันไว้ว่าจะเจอกันอีกครั้งพรุ่งนี้เช้าตอน 10 โมงครึ่งเพื่อออกไปซื้อของด้วยกัน ผมเดินออกไปส่งเขาที่หน้าบ้าน และมองดูจนกระทั่งเขาเดินข้ามถนนเข้าไปยังบ้านของตัวเอง แต่ก่อนจะปิดประตูลง เขาก็หันมายิ้มและโบกมือให้ผม ผมจึงโบกมือตอบกลับไป

ผมเดินกลับเข้ามาในบ้านแล้วจากนั้นก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ผมรู้สึกสบายใจที่ได้คุยกับเขาแบบที่ไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อนเลย แต่ในขณะเดียวกันผมก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย กลัวว่าเขาจะรู้ตัวว่าผมแอบมองเป้ากางเกงเขาอยู่บ่อยๆ แต่อีกใจหนึ่งผมก็คิดว่าเขารู้ตัวนะ เพราะระหว่างที่คุยกัน เขาชอบนั่งถ่างขาหรือยกขาข้างหนึ่งขึ้นชันบนเก้าอี้เหมือนกับจะจงใจให้ผมเห็น แต่ผมก็ไม่อยากจะคิดไปเอง เพราะปกติผู้ชายหลายคนก็ชอบนั่งท่านั้นอยู่แล้ว

ก่อนนอน ผมเลยต้องจัดการช่วยตัวเองไปหนึ่งหน เป้ากางเกงตุงๆ ของเขาเมื่อครู่มันเหลือพื้นที่ไว้ให้ผมจินตนาการน้อยเหลือเกิน แล้วไหนจะยังบั้นท้ายขาวเนียนของเขาที่ผมเห็นในห้องน้ำอีก คืนนั้นแม้จะเข้านอนแล้ว ผมก็ยังคงเอาแต่คิดถึงเขาจนหลับไม่สนิทดี ผมรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เจอเขาอีกครั้งในตอนเช้าราวกับตัวเองเป็นเด็กที่กำลังจะได้ออกเดทครั้งแรกยังไงอย่างนั้น แถมการได้พบกับเขาก็ยิ่งตอกย้ำผมอีกด้วยว่า พื้นที่ว่างบนเตียงขนาดควีนไซส์ของผมนั้นแท้จริงแล้วมันว่างเปล่ายิ่งกว่าที่ผมเคยคิดขนาดไหน

เช้าวันรุ่งขึ้น เราสองคนออกไปซื้อของพร้อมกัน และเมื่อกลับมาแล้ว เขาก็มาช่วยเปลี่ยนฝักบัวให้ผมตามที่รับปากเอาไว้ ผมดีใจมากที่เราได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น บางอย่างในตัวของเขาทำให้ใจผมเต้นแรงแบบที่ไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อน และเขาก็ทำให้ผมยิ่งดีใจและตื่นเต้นมากขึ้นไปอีก เมื่อเขาเอ่ยปากบอกว่าอยากกินข้าวเย็นด้วยกันอีกครั้ง แต่เนื่องจากผมไม่ถนัดทำอาหารเท่าไหร่นัก ส่วนเขาเองก็ยังมีอุปกรณ์เครื่องครัวไม่พร้อม เราจึงคุยกันว่าจะออกไปนั่งกินข้าวนอกบ้านแทน

เอาเป็นว่าแทนที่ผมจะได้นั่งอ่านวารสารทางการแพทย์หรือหนังสือเรียนต่างๆ ตามปกติ ผมกลับไม่มีสมาธิจะเป็นอันทำอะไรเลยตลอดทั้งวัน เพราะเอาแต่ตื่นเต้นและเฝ้ารอเวลาที่จะได้เจอเขาอีกครั้งในตอนเย็นราวกับเด็กๆ ที่รอจะได้ออกไปเที่ยวนอกบ้าน

ที่ร้านอาหาร เราได้พูดคุยและทำความรู้จักกันมากขึ้นอีก การได้เจอกับเขาอีกครั้งหลังจากที่เราแยกย้ายหายกันไปนานหลายปีแบบนี้ มันทำให้ผมรู้สึกราวกับผมได้รู้จักเพื่อนใหม่คนหนึ่งที่เคยรู้จักมานานแล้ว... จะว่ายังไงดีล่ะ คือผมว่าผมยังมีเรื่องที่ไม่เคยรู้เกี่ยวกับเขาอยู่อีกหลายอย่าง เพราะผมในตอนนั้นก็ไม่ใช่คนช่างพูด และค่อนข้างจะเก็บตัวยิ่งกว่าตอนนี้เสียอีก นอกจากนั้น ช่วงเวลาที่หายไปร่วม 10 ปีก็ทำให้เราแทบไม่ต่างจากคนแปลกหน้าไปแล้ว แต่ในขณะเดียวกัน ความคุ้นเคยและความสนิทสนมระหว่างเราที่เคยมีอยู่ได้ก่อตัวขึ้นอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ซึ่งบางทีมันอาจจะเป็นเพราะผมที่เป็นผู้ใหญ่ขึ้นและรู้สึกเบื่อกับนิสัยเดิมๆ ของตัวเองเต็มทีแล้ว รวมถึงตัวของรักเองที่เป็นคนมีเสน่ห์แบบที่ทำให้ผมไหวหวั่นได้ถึงเพียงนี้

สิ่งหนึ่งที่ผมสังเกตได้เกี่ยวกับรักคือ ถึงแม้เขาจะดูถ่อมตัวในเรื่องอาชีพ การงาน หรือแม้แต่เรื่องเรียนของเขา แต่ผมรู้สึกว่าแท้จริงแล้วเขาเป็นคนมีไหวพริบดีและมีความรู้รอบตัวสูงมากคนหนึ่ง ไม่ว่าเราจะคุยกันในหัวข้ออะไร เขาก็จะสามารถแสดงความคิดเห็นและแบ่งปันความรู้ที่มีได้แทบทุกเรื่อง และถ้าหากว่าเรื่องไหนที่เขาไม่มีความรู้หรือไม่ถนัด เขาก็จะไม่ทำตัวอวดฉลาด แต่กลับยินดีที่จะรับฟังและเรียนรู้จากผมอย่างตั้งใจ ซึ่งผมไม่ค่อยพบคนประเภทนี้มากนัก อาจจะเพราะสายงานของผมหรืออะไรก็แล้วแต่ ที่ทำให้ผู้คนรอบข้างเป็นพวกจมไม่ลงกันเสียส่วนใหญ่ ซึ่งสำหรับผมแล้วการต้องคุยกับคนเหล่านั้นนับเป็นเรื่องที่น่าเบื่อมากทีเดียว

อีกครั้งที่เวลาแห่งความสุขผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อรู้สึกตัวอีกทีก็เป็นเวลาสามทุ่มกว่าแล้ว เราสองคนที่มานั่งที่ร้านกันตั้งแต่พระอาทิตย์เพิ่งเริ่มตกดินจึงตัดสินใจว่าถึงเวลาควรจะกลับบ้านเสียที แต่ก่อนที่เราจะแยกจากกันที่หน้าบ้าน เขาก็เป็นฝ่ายเอ่ยปากนัดเจอผมอีกครั้งเมื่อเวลาว่างของเราตรงกัน ซึ่งแน่นอนว่าผมก็รีบตกลงรับปากด้วยความเต็มใจ

เมื่อกลับเข้ามาในบ้าน ผมก็ทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาและหวนคิดถึงว่าสองวันที่ผ่านมานี้ช่างเป็นวันหยุดที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยมีในรอบหลายปีเลยจริงๆ ผมรู้สึกเศร้าๆ โหวงๆ แบบบอกไม่ถูก เมื่อต้องกลับมาอยู่ในบ้านที่ว่างเปล่าอย่างเหงาๆ คนเดียวแบบนี้ ผมไม่อยากจะอยู่ห่างจากเขาเลย การนึกถึงเขามันทำให้ผมใจหายบอกไม่ถูก แต่อีกใจก็พยายามปลอบตัวเองว่าสัปดาห์หน้าผมก็น่าจะได้ใช้เวลากับเขาอีกครั้งแล้ว ผมจะต้องทนให้ได้สิ


ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #22 เมื่อ31-07-2013 21:05:42 »

รักมีใจให้ หรือแค่เล่นๆนะ

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #23 เมื่อ31-07-2013 21:11:26 »

เหมือนจะไปด้วยกันได้ดีนะ

- คราส -

  • บุคคลทั่วไป
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #24 เมื่อ31-07-2013 21:19:13 »

โอกาสที่กลับมาอีกครั้ง
จะเป็นอย่างไรต่อหนอ

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #25 เมื่อ31-07-2013 21:52:46 »

รักดูกระตือรือร้นดี ถึงจะยังไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ก็เถอะ
พี่หมออกจะแตกตายแล้ว...

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #26 เมื่อ31-07-2013 22:11:16 »

แหม่....ตกหลุมรัก

ออฟไลน์ netkung

  • เป็ดกูรู
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #27 เมื่อ31-07-2013 23:00:26 »

 :3123:มาต่อทุกวันเลยนะครับ ชอบๆ

ฺBieKung

  • บุคคลทั่วไป
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #28 เมื่อ31-07-2013 23:53:25 »

ฟินๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
อยากอ่านตอนต่อไปมากกกกกก

ติดตามๆ อาทิตย์หน้าค๊าบบบบบบบ
 :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ patek

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: (เรื่องสั้น) Moving In
«ตอบ #29 เมื่อ01-08-2013 00:26:25 »

สนุกดีคับ ชวนลุ้นตลอด แต่รักก็น่าจะมีใจให้พี่เก้าอยู่เหมือนกันนะคับ มาต่ออีกนะคับ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด