พิมพ์หน้านี้ - (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว] แจ้งจองรวมเล่ม Home The Series P.6

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => เรื่องสั้น => ข้อความที่เริ่มโดย: ExecutioneR ที่ 30-07-2013 15:58:58

หัวข้อ: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว] แจ้งจองรวมเล่ม Home The Series P.6
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 30-07-2013 15:58:58
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 
หัวข้อ: Re: Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 30-07-2013 15:59:18
เรื่องสั้นที่มี theme เกี่ยวกับ "บ้าน" อีกหนึ่งเรื่อง ไม่กี่ตอนจบ
ตัวละคร สถานที่ อาชีพ ทุกสิ่งล้วนแต่งขึ้น ไม่ต้องจับผิดนะครับ มองข้ามๆ บ้างก็ได้ 5555

หากต้องการจะแนะนำ ติชม หรือพูดคุยอะไร ที่ไม่อยากคอมเมนท์ในเล้าให้กระทู้ออกทะเล ไปที่แฟนเพจ (https://www.facebook.com/ExecutionerNovel)ได้นะครับ

อ่านแล้วก็คอมเมนท์กันได้นะ จะชมจะด่า รับได้หมด ขอให้เม้นเป็นพอ

ขอให้มีความสุขกับการอ่านครับ
หัวข้อ: Re: Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 30-07-2013 15:59:56
M o v i n g  I n


ตอนที่ ๑


ผมว่าผมคงเป็นตัวอย่างสำหรับคนประเภทที่เรียกว่า ‘เนิร์ด’ หรือ ‘หนอนหนังสือ’ ที่ดีที่สุดแล้วล่ะมั้ง ตั้งแต่เด็กยันโต ผมมักจะจมอยู่กับตัวเองและการอ่านหนังสือทุกประเภท แม้กระทั่งหนังสือเรียนหรือหนังสือวิชาการผมก็ชอบอ่าน ถึงจะหัวดีและประสบความสำเร็จในการเรียนและหน้าที่การงานมาโดยตลอด แต่กลับขาดการปฏิสัมพันธ์กับคนในสังคมรอบข้าง ชีวิตทางสังคมของผมเรียกได้ว่าต่ำจนเกือบจะถึงศูนย์ ก็จริงอยู่ที่ผมมีเพื่อนและเพื่อนร่วมงาน แต่ผมกลับไม่เคยได้คลุกคลีหรือสนิทสนมกับใครเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอาชีพหมออย่างผมด้วยแล้ว เวลาทำงานหรือเข้าเวรทีก็ไม่เคยมีเวลาได้สุงสิงกับใคร และพอเลิกงานผมก็มักตรงดิ่งกลับบ้านมานอนพักผ่อน พอมีวันหยุดผมก็มักจะเก็บตัวอ่านหนังสืออยู่กับบ้าน จนคนอื่นๆ เรียนรู้ว่าผมเป็นคนอย่างนี้ และเลิกวุ่นวายที่จะลากผมให้ออกไปสังสรรค์ด้วยไปโดยปริยาย

นั่นคือเหตุผลหลักที่ทำให้ผมไม่เคยมีแฟนมาจนถึงทุกวันนี้ แถมนอกจากจะไม่มีแฟนแล้ว ผมยังไม่เคยมีอะไรกับใครเลยมาตลอด 27 ปีเต็มอีกต่างหาก ถ้าถามว่าเหงาบ้างมั้ย ผมก็บอกได้เลยว่าผมเหงามาก แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ในเมื่อผมทำตัวของผมเองแบบนี้

ผมไม่เคยมองว่าตัวเองเป็นคนหน้าตาดี ไม่เคยมั่นใจในตัวเอง ผมไม่ใช่คนหล่อ ก็แค่หน้าตี๋ๆ จืดๆ ขาวๆ ใส่แว่น หุ่นก็ไม่ดีเหมือนคนอื่นเขา ไม่เคยออกกำลังกายจริงจังนอกจากจะว่ายน้ำบ้างเท่านั้น พูดง่ายๆ คือ ผมไม่ใช่คนแบบที่เวลาเดินผ่านแล้วใครจะหันมามองให้ความสนใจเลยสักนิด

ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าที่ผ่านมาทำไมผมถึงไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้แบบจริงๆ จังๆ สักที จนกระทั่งอายุเท่านี้แล้วผมถึงเพิ่งรู้สึกตัวว่าผมตัวคนเดียวและเหงามากขนาดไหน เพื่อนๆ ของผมก็เริ่มทยอยแต่งงานกันไปทีละคนสองคน แต่ผมก็ยังตัวคนเดียว ไม่เคยมีแฟน และไม่เคยมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับใครเป็นพิเศษ นอกจากเมื่อตอนยังเด็กแค่เพียงครั้งเดียว แต่มันก็ห่างไกลจากคำว่า ‘แฟน’ ไปคนละทิศละทาง ส่วนเหตุการณ์เพียงครั้งเดียวที่ใกล้เคียงกับเรื่องอย่างว่าที่สุด ก็เกิดขึ้นนานยิ่งกว่าก่อนหน้านั้นเสียอีก และผมก็ไม่ค่อยอยากคิดถึงมันเท่าไหร่นักด้วย

ผมมีความสามารถในการผลักเรื่องที่ตัวเองไม่อยากจำไปไว้ส่วนหลังสุดของสมองด้วยการก้มหน้าก้มตาเรียน จนบางทีผมก็หลอกตัวเองได้ว่าผมลืมมันไปแล้ว แต่นั่นก็เป็นเพียงการลืมแบบชั่วคราวเท่านั้น เมื่อใดก็ตามที่ผมอยู่คนเดียวและหวนคิดถึงช่วงเวลาในตอนนั้นขึ้นมา มันก็มักทำให้ผมต้องหวั่นไหวและรู้สึกกลัวใจตัวเองขึ้นมาทุกครั้ง

ผมอาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็กๆ หลังหนึ่งตัวคนเดียวมาเกือบห้าปีแล้ว พี่ชายกับพี่สาวของผมต่างก็แยกย้ายกันไปอยู่คนละจังหวัด พ่อกับแม่ของผมก็เสียไปแล้วเมื่อสี่ปีก่อน ด้วยงานและนิสัยของผม ผมจึงไม่ค่อยได้ปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านเท่าไหร่นัก นานๆ ทีเวลาผมเจอใคร เราก็จะยิ้มทักทายให้กันบ้าง แต่ถึงแม้ผมไม่เคยได้รู้จักหรือใกล้ชิดใครจริงๆ จังๆ สักคน พวกเขาก็เป็นมิตรกับผมดี

เช้าวันอาทิตย์วันหนึ่ง ผมตื่นขึ้นมาตั้งแต่เจ็ดโมงและชะโงกหน้าออกไปมองดูนอกหน้าต่าง เหล่าต้นหญ้าและวัชพืชในสวนบ้านหน้าของผมที่ไม่ได้รับการดูแลมาเกินกว่าอาทิตย์หนึ่งเต็มๆ ต่างก็แข่งกันเจริญงอกงามจนผมคิดว่าผมคงต้องจัดการดูแลมันบ้างสักหน่อยแล้ว

หลังจากมื้อเช้าง่ายๆ และนั่งอ่านงานวิจัยการแพทย์ที่เคยอ่านค้างไว้จบ ผมก็เดินออกไปหยิบเครื่องตัดหญ้าและอุปกรณ์ทำสวนมาดูแลสนามหญ้าและต้นไม้หน้าบ้าน ลุงที่อยู่บ้านเลยไปหน่อยเดินผ่านมาเห็นผมกำลังนั่งก้มๆ เงยๆ อยู่ก็กล่าวทักทายและหยุดคุยกับผมครู่หนึ่งก่อนจะออกเดินต่อ เมื่อเวลาผ่านไปจนถึงช่วงเที่ยง แดดก็เริ่มแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ความชื้นในอากาศเพราะฝนที่ตกมาตลอดจนถึงเมื่อคืนทำให้ผมรู้สึกร้อนจนแทบอึดอัด ผมตัดสินใจหยุดพัก เดินเข้าบ้านไปหยิบโค้กเย็นๆ ออกมาดื่ม และเมื่อเดินกลับออกมาหน้าระเบียงบ้านอีกครั้ง ผมก็เห็นรถกระบะคันหนึ่งจอดอยู่ที่หน้าบ้านฝั่งตรงข้ามซึ่งไม่มีคนอยู่มากว่าครึ่งปีแล้ว ชายหนุ่มสองคนกำลังช่วยกันขนของลงจากรถเข้าไปในบ้าน ผมรู้สึกสนใจนิดหน่อยว่าสองคนนี้จะเป็นคนที่ย้ายเข้ามาอยู่ หรือเป็นแค่คนขนของที่ถูกจ้างมา แต่ผมก็ไม่เห็นว่าจะมีใครคนอื่นอยู่อีกนอกจากพวกเขา

“ไอ้แมน!! มึงออกมาช่วยกูยกชั้นหนังสือนี่ก่อน!” ผมได้ยินหนึ่งในสองคนนั้นตะโกนเรียกเพื่อนของเขา

ในระหว่างที่กำลังเล็มกิ่งไม้ใบไม้อยู่ ผมก็คอยแอบลอบมองบ้านฝั่งตรงข้ามไปด้วย แต่ไม่ว่าอย่างไร ผมก็ไม่สบโอกาสที่จะได้เห็นหน้าพวกเขาชัดๆ สักที จนกระทั่งเมื่ออากาศเริ่มร้อนมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาก็ถอดเสื้อยืดของตัวเองออก ทำให้ผมเห็นร่างกายกำยำที่ได้รับการดูแลอย่างดี ซึ่งสำหรับหนุ่มบริสุทธิ์อย่างผมแล้ว มันคือสิ่งที่สามารถดึงดูดความสนใจและความอยากรู้อยากเห็นของผมได้มากที่สุด ถึงแม้ด้วยอาชีพของผม ผมจะเห็นคนแก้ผ้าต่อหน้าไม่รู้กี่สิบกี่ร้อยคนต่อสัปดาห์อยู่แล้วก็ตามที

เวลาผ่านไปอีกราวๆ ครึ่งชั่วโมง ผู้ชายคนที่ตัวใหญ่กว่าและผิวเข้มกว่าหันมาเห็นผมเข้า เขาพยักหน้าเป็นเชิงทักทายให้แก่ผม ผมจึงพยักหน้าตอบเขาไปด้วยความตกใจแล้วก็รีบก้มหน้าพรวนดินใส่ปุ๋ยให้ต้นไม้ต่อ เมื่อเวลาผ่านไปอีกเกือบหนึ่งชั่วโมง ผมที่จัดการดูแลต้นไม้บริเวณนั้นเสร็จแล้วลุกขึ้นยืนและบิดตัวแก้อาการปวดหลัง จากนั้นก็หันไปเห็นผู้ชายอีกคนกำลังตั้งท่าจะยกลังกระดาษใบใหญ่ลงจากหลังรถ เมื่อผมสบโอกาสได้เห็นหน้าของเขาชัดๆ หัวใจของผมก็เต้นแรงขึ้นทันที ไม่ใช่แค่เพราะว่าเขาหน้าตาดียิ่งกว่าคนแรกเสียอีก แต่เพราะเขาคือคนที่ผมเคยรู้จักมาก่อนและไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีกต่างหาก

ชายหนุ่มคนนั้นหันมาทางผมราวกับรู้สึกได้ว่าผมกำลังมองเขาอยู่ เมื่อเราสบตากันแล้ว เสี้ยววินาทีหนึ่งผมก็นึกสงสัยว่าเขาจะจำผมได้หรือเปล่า แต่รอยยิ้มกว้างที่ฉายขึ้นบนใบหน้าของเขาก็ช่วยตอบคำถามนั้นได้เป็นอย่างดี เขาวางลังกระดาษลงบนพื้นและรีบวิ่งตรงเข้ามาหาผมทันที

“พี่เก้า!!” เขาร้องเรียกชื่อผมพลางโบกมือไปมา

“รัก”

เด็กหนุ่มที่อายุน้อยกว่าผมสองปีวิ่งข้ามถนนมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านของผม “พี่เก้าอยู่ที่นี่เหรอ โห! นี่ผมไม่ได้เจอพี่มาตั้งกี่ปีแล้วเนี่ย!”

“ก็ 10 ปีได้แล้วมั้งครับ ตั้งแต่รักขึ้น ม. ปลาย ใช่มั้ยล่ะ”

“นั่นดิพี่ ผมดีใจนะที่ได้เจอพี่อีกครั้งอะ! อย่างน้อยๆ ผมก็มีคนรู้จักแล้วคนนึงล่ะ!” เขายิ้มกว้าง ผมคิดในใจว่าเขายังคงมีรอยยิ้มสดใสและเป็นคนร่าเริงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

“นี่แปลว่าคนที่จะย้ายมาอยู่บ้านนั้นคือรักเหรอ” ผมถาม

“ใช่ครับ ผมเพิ่งซื้อต่อจากเจ้าของเก่าน่ะ จริงๆ ผมก็ไม่คิดหรอกนะว่าจะได้มีบ้านของตัวเองเร็วขนาดนี้น่ะ แต่ก็นี่แหละพี่ ผมเพิ่งจะย้ายมาวันนี้ เลยให้เพื่อนมันมาช่วย”

“อ้าว รักมาอยู่คนเดียว ไม่มีใครมาแชร์ด้วยเลยเหรอ”

“ไม่มีครับ ผมอยู่คนเดียว เดี๋ยวพอเย็นๆ ขนของเสร็จแล้วเพื่อนผมมันก็ต้องไปธุระต่อ เพราะงั้นพวกผมก็ต้องรีบกันหน่อยล่ะ ยังดีนะที่ของไม่เยอะ แต่ก็ยังต้องเก็บกวาดบ้านอีก จริงๆ นี่ก็ใกล้จะเสร็จแล้วล่ะ” เขาตอบ “ว่าแต่พี่ล่ะ พ่อกับแม่เป็นไงบ้าง แล้วพี่ชายกับพี่สาวพี่ล่ะไม่มีใครอยู่บ้านเหรอ”

“พี่ย้ายมาอยู่ที่นี่คนเดียวครับ ย้ายมาได้ราวๆ ห้าปีแล้วล่ะ เพราะต้องทำงานแล้วก็เรียนที่โรงพยาบาลใกล้ๆ นี่ ส่วนพ่อกับแม่พี่เค้าเสียไปแล้วครับ ส่วนพี่ฟ้ากับพี่สนก็แยกย้ายกันไปอยู่ที่อื่น”

“อ้าว ผมไม่รู้เรื่องเลย ขอโทษนะครับพี่” เขาหน้าเจื่อนๆ ลงเล็กน้อย “งั้นพี่ก็อยู่คนเดียวเลยน่ะสิ”

“อื้อ ใช่” ผมตอบ รู้สึกกังวลๆ กับคำตอบของตัวเองยังไงบอกไม่ถูก แถมตลอดเวลาที่เราคุยกัน หัวใจของผมก็เต้นแรงอยู่ตลอดเวลา นอกจากนั้นผมยังไม่สามารถละสายตาไปจากใบหน้าหล่อเหลาของเขาได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว

“แล้วเมื่อกี้ที่พี่บอกว่าพี่เรียนกับทำงานที่โรงพยาบาล... แปลว่าตอนนี้พี่เป็นหมอเหรอ”

ผมพยักหน้า “ใช่ครับ หมอผิวหนังน่ะ”

“โห พี่เก้าก็ยังเก่งเหมือนเดิม! ทั้งเรียนดี การงานดี หน้าตาก็ดีอีก น่าอิจฉาจริงๆ”

คำพูดนั้นของเขาทำเอาผมเขินจนหน้าแดง “ไม่ถึงขนาดนั้นมั้ง ว่าแต่รักเองเถอะ ตอนนี้ทำงานอะไรอยู่”

“ผมเป็นพ่อครัวอยู่ร้านอาหารครับ เอาจริงๆ ลำพังเงินเดือนผมอย่างเดียวคงไม่พอซื้อบ้านอยู่ได้หรอก แต่เมื่อไม่กี่เดือนก่อน ย่าของผมเค้าเพิ่งเสีย และผมได้มรดกส่วนนึงมา เลยอยากจะมาตั้งตัว อยากมีอะไรเป็นของตัวเองบ้าง ผมเลยมาซื้อบ้านหลังน้อยนี้อยู่นี่แหละ ไม่อยากเช่าห้องเล็กๆ เค้าอยู่แล้ว แต่ผมก็ยังไม่มีปัญญาทำอะไรกับมันมากหรอกนะครับ ยังดีที่เจ้าของเก่าเค้าทิ้งเฟอร์นิเจอร์ใหญ่ๆ ไว้ให้ ถ้าผมตบแต่งเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว ผมจะชวนพี่เข้าไปดูนะ”

“ยินดีครับ ถ้ามีอะไรให้พี่ช่วยก็บอกแล้วกัน”

“ขอบคุณครับ พี่เก้า แต่ถ้าไงเอาไว้เดี๋ยวค่อยคุยกันอีกทีนะพี่ ผมต้องไปเก็บบ้านต่อแล้ว เดี๋ยวเพื่อนมันจะด่าเอา” เขาหัวเราะเบาๆ

“โอเคครับ... เอ่ออ รัก ยังไงหลังจากเสร็จแล้ว ถ้ารักกับเพื่อนอยาก... มานั่งพักกินเบียร์ที่บ้านพี่ก็ได้นะ พี่ยินดีต้อนรับ”

“ขอบคุณครับ เพื่อนผมมันคงต้องรีบกลับน่ะ แต่ยังไงตอนเย็นผมจะเดินมาหาแล้วกันนะ ไม่ได้เจอพี่ตั้งนาน อยากคุยด้วยเหมือนกัน”

ผมพยักหน้าและยิ้มตอบเขากลับไป ก่อนที่เขาจะเดินกลับไปยังบ้านของตัวเอง

ผมอยู่ที่นี่มากว่าห้าปี แต่บทสนทนาที่ผมมีกับรักเมื่อครู่ นับว่าเป็นหนึ่งในบทสนทนาที่ยาวที่สุดที่ผมเคยมีกับเพื่อนบ้านไม่ว่ากับคนไหนก็ตามแล้ว

เมื่อเดินกลับเข้าไปในบ้าน ผมก็รินน้ำเย็นใส่แก้วให้ตัวเองแล้วเดินมานั่งลงบนโซฟาในห้องรับแขก ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผมจะได้เจอกับรักอีกครั้งหลังจากที่ผ่านมาร่วม 10 ปี เขากำลังจะกลายมาเป็นเพื่อนบ้านผม แถมยังโตขึ้นเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลายิ่งกว่าเมื่อตอนเด็กๆ เสียอีก

ย้อนกลับเมื่อสมัยที่ผมรู้จักกับรักครั้งแรก เราเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกัน โดยที่เขาเป็นรุ่นน้องของผมหนึ่งปี ผมบังเอิญเจอกับเขาตอนที่ผมอยู่ ม. 4 วันนั้นผมต้องไปส่งงานวิชาชีวะที่ห้องพักครู เมื่อผมเปิดประตูเข้าไปแล้ว ก็พบว่ามีเด็กคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนพื้น โดยที่มีอาจารย์ที่เคยสอนผมตอน ม. 3 กำลังตักเตือนเขาอยู่ ผมเดินเข้าไปวางสมุดรายงานลงบนโต๊ะอาจารย์ของผม แต่ด้วยความที่มันอยู่ติดกันกับพวกเขา ผมจึงได้ยินที่สิ่งที่อาจารย์กำลังพูดอยู่อย่างไม่ได้ตั้งใจ

“เธอจะทำกิจกรรม จะเป็นนักกีฬาอะไร ครูไม่ว่าหรอกนะ ลักษณ์ธิสุทธิ์ แต่เธอต้องอย่าลืมใส่ใจการเรียนของตัวเองด้วย อย่าลืมว่าหน้าที่หลักของนักเรียนก็คือการเรียน เธอจะทำตัวเหลวไหลไม่ทำการบ้าน ไม่ทำงานส่งครูบ่อยๆ แบบนี้ไม่ได้ เข้าใจมั้ย”

“ครับ อาจารย์ลักขณา ผมเข้าใจครับ และผมก็ไม่ได้ตั้งใจจะเหลวไหลด้วย แต่...”

“ไม่มีแต่ นอกจากจะสอนวิชาวิทยาศาสตร์เธอแล้ว ครูยังเป็นครูที่ปรึกษาของเธอด้วยนะ เพราะฉะนั้นครูไม่ปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปเฉยๆ แน่ เราเคยมีข้อตกลงกันแล้วไม่ใช่รึไง”

“ครับ...”

อาจารย์ลักขณาเงยหน้าขึ้นมาเจอผมเข้าพอดี “อ้าว ก้าวตะวัน เป็นยังไงบ้าง สบายดีนะ”

“สวัสดีครับ อาจารย์” ผมยกมือขึ้นไหว้ “ผมสบายดีครับ”

“นี่ไง ลักษณ์ธิสุทธิ์ เธอต้องดูพี่คนนี้ไว้เป็นตัวอย่าง ตั้งใจเรียน เรียนดี ไม่เคยขาดงาน แถมพอขึ้น ม. 4 ก็ยังได้ไปอยู่ห้องคิงด้วย” อาจารย์หันไปพูดกับลูกศิษย์ของตัวเองต่อ

เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผม เมื่อเห็นหน้าเขาชัดๆ ผมกลับต้องรู้สึกเขินขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ดวงตากลมโตและดำขลับของเขาแลดูสำนึกผิด สีหน้าเจื่อนๆ ของเขาแลดูน่ารักอย่างบอกไม่ถูก ผมถึงกับต้องหันหลบไปมองทางอื่นเพราะไม่สามารถสู้แววตาของเขาได้ทีเดียว

“เธอต้องตั้งใจเรียนมากกว่านี้นะ ลักษณ์ธิสุทธิ์ ครูจะให้เวลาหนึ่งอาทิตย์นับตั้งแต่วันนี้ในการเคลียร์งานของครูที่ค้างอยู่ทั้งหมดมาส่ง รวมทั้งวิชาอื่นๆ ด้วย และถ้าหากเธอตกสอบเก็บคะแนนที่เราจะมีในวันศุกร์หน้านี้ล่ะก็ ครูจะต้องเชิญผู้ปกครองมาคุยจริงๆ แล้ว”

“โหหหห... อาจารย์ครับ!” เขาโอดครวญ

ผมที่เริ่มรู้สึกกระอักกระอ่วนบอกขอตัวกลับไปยังห้องเรียน แต่หลังจากที่เพิ่งเดินออกจากห้องพักครูไปได้ไม่ไกล ผมก็ได้ยินเสียงร้องตะโกนเรียกเรียกชื่อของตัวเองดังมาจากทางด้านหลัง

“พี่ๆ! พี่เก้า!”

ผมหยุดเดินและหันกลับไปมองว่าใครที่กำลังเรียกผมอยู่

รักวิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม “พี่ชื่อไรอะ ผมเรียกพี่ว่าพี่เก้าเพราะเห็นอาจารย์แกเรียกชื่อจริงพี่แบบนั้น ไม่รู้เหมือนกันว่าใช่ชื่อเล่นพี่รึเปล่า”

“อ... เอ่อ... พี่ก็ชื่อเก้านั่นแหละครับ”

“อ้าวเหรอ เออ ฟลุ้คดีเว้ย” เขาหัวเราะ “ตอนแรกก็ลังเลอยู่ว่าจะเรียกพี่ว่าตะวันหรือเก้าดี แต่เก้ามันสั้นกว่าก็เลยเรียกแบบนั้น ผมชื่อแมนนะครับ แต่เพื่อนๆ เรียกผมว่า ไอ้รัก เรียนอยู่ ม. 3 พี่จะเรียกผมว่ารักเหมือนกันก็ได้”

“ครับ” ผมตอบกลับไป ยังไม่รู้ว่าเขาวิ่งตามผมมาเพื่ออะไร

“พี่ คือผมมีเรื่องอยากรบกวนพี่หน่อยอะ ตอนนี้ผมกำลังลำบากโคตรเลย อยากให้พี่ช่วยอะไรนิดนึงอะครับ”

“เรื่องอะไรเหรอครับ”

“เรื่องเรียนไงพี่ ก็อย่างที่พี่ได้ยินเมื่อกี้อะ ตอนนี้ผมกำลังแย่เลย และผมไม่รู้จะทำยังไงแล้วด้วย ถ้าพี่มีเวลา ผมอยากจะปรึกษาพี่เรื่องเรียนไรงี้หน่อยอะ พี่สะดวกรึเปล่า”

“หาาา พี่เนี่ยเหรอ” ผมตกใจ “แล้วรักจะให้พี่ช่วยยังไงครับ”

ยังไม่ทันที่เขาจะตอบ เสียงออดเริ่มคาบเรียนก็ดังขึ้น

“เอ้า! ออดดังแล้ว วิชานี้ผมเข้าสายไม่ได้ด้วย! งั้นเอาไว้ค่อยคุยกันอีกทีนะครับพี่ เอาเป็นว่าตอนเย็นหลังเลิกเรียนผมจะรอเจอพี่ที่หน้าอาคารหกนะ มาเจอผมก่อนกลับบ้านนะ พี่เก้า แป๊บเดียวเอง ผมจะรอนะครับ!”เขาพูดทิ้งท้ายเอาไว้แบบนั้นก่อนจะรีบวิ่งจากไป

ผมที่ยังคงงงๆ อยู่ได้แต่มองตามหลังของเขา ก่อนที่จะรู้สึกตัวและรีบวิ่งกลับไปยังห้องของตัวเองด้วยเหมือนกัน หลังจากนั้นจนถึงคาบสุดท้าย ผมก็ได้แต่คิดถึงรักและคำขอร้องของเขา ผมรู้สึกลังเลว่าควรจะไปพบเขาดีหรือไม่ เพราะผมไม่รู้จักเขา และก็ไม่แน่ใจด้วยว่าเขาจะแค่ล้อเล่นหรือจงใจแกล้งผมหรือเปล่า ด้วยความเป็นคนที่ขี้อายและไม่กล้าพบปะพูดคุยกับใครเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงทำให้ผมตัดสินใจไม่ไปพบกับเขา และรีบตรงกลับบ้านทันทีโดยพยายามเลี่ยงไม่เดินผ่านอาคารหกที่เขานัดเจอผมเอาไว้

ที่จริงผมก็รู้สึกผิดอยู่เหมือนกัน แต่ลึกๆ แล้วผมรู้สึกกลัวที่จะคุยกับเขามากกว่า ผมก็ไม่ได้ชอบที่ตัวเองเป็นคนแบบนี้หรอก ยิ่งสมัยก่อน ผมยิ่งอาการหนักกว่าที่ผมเป็นอยู่ตอนนี้เสียอีก จริงๆ แล้วพอมาคิดดูดีๆ สาเหตุที่ทุกวันนี้ผมยังไม่มีแฟนมันก็คงไม่ใช่เพราะเรื่องเรียนหรือเรื่องงาน แต่เป็นที่ตัวผมเองล้วนๆ ถ้าหากผมคิดจะโทษใครหรืออะไร ผมก็ต้องโทษตัวเองที่เป็นคนเก็บตัวและไม่กล้าเปิดใจให้คนอื่นก่อน อย่างเช่นเรื่องของรักในตอนนั้นที่ผมไม่ไปพบเขาตามนัด คืนนั้นผมเองก็แทบจะนอนไม่หลับเพราะความรู้สึกผิดต่อเขา ผมได้แต่คิดว่าเขาจะรอผมอยู่นานขนาดไหนและจะโกรธผมหรือเปล่า แต่ผมก็พยายามบอกตัวเองว่าเขาคงจะไม่คิดอะไร และเราก็อาจจะไม่ได้เจอหรือคุยกันอีกด้วยซ้ำ

แต่ผมคิดผิด เพราะอีกแค่สองวันถัดมา ในขณะที่ผมกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะเรียน เพื่อนคนหนึ่งก็เดินมาบอกว่ามีคนมาถามหาผม และเมื่อเดินออกไปดูนอกห้อง ผมก็เห็นรักกำลังยืนรอผมอยู่

“หวัดดีครับ พี่เก้า” เขายกมือขึ้นไหว้ผม แต่ไม่ดูกระตือรือร้นเหมือนเมื่อครั้งแรกที่เราเจอกัน

“หวัดดีครับ รัก...” ผมตอบ รู้สึกกระอักกระอ่วนบอกไม่ถูก “เอ่อ คือ เมื่อวานพี่ขอโทษทีนะ พอดีพี่ คือ... พี่ต้องรีบกลับบ้านน่ะครับ”

เขามองหน้าผมอยู่ครู่หนึ่ง “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมผิดเองแหละที่จู่ๆ ก็วิ่งไปขออะไรพี่แบบนั้นและยังไม่ทันจะคุยกันรู้เรื่องก็วิ่งหายไปก่อนเอง”

“แล้วว่าแต่รักรู้ได้ไงว่าพี่อยู่ห้องนี้”

“ก็เมื่อวันก่อนอาจารย์แกก็บอกไงว่าพี่อยู่ห้องคิง ไม่เห็นยากเลย” เขาตอบ “คืองี้พี่ ผมไม่อยากกวนเวลาพี่นาน ผมเข้าเรื่องเลยแล้วกัน คือพี่ก็รู้ว่าผมกำลังมีปัญหาเรื่องเรียน และผมอยากรบกวนพี่หน่อยอะครับ ผมต้องทำงานอีกหลายชิ้นเลย แล้วยังต้องอ่านหนังสือสอบอาทิตย์หน้าอีก สองวันมานี้ผมก็พยายามแล้วนะ แต่มันไม่ไหวจริงๆ ผมเลยอยากรบกวนขอเวลาพี่สักวันละชั่วโมง สองชั่วโมง หรือเสาร์อาทิตย์ถ้ามีพี่ว่าง ตอนไหนก็ได้ ให้พี่ช่วยติวผมหน่อยดิ ได้มั้ย นะๆๆ นะครับ ผมขอร้องล่ะนะ”

“หาาา! จะให้พี่เนี่ยเหรอ ติวให้!” ผมตกใจ “แต่ว่าพี่ไม่เคยติวให้ใครมาก่อนเลยนะครับ”

“นะครับพี่ ช่วยผมหน่อยนะ แล้วพี่จะให้ผมทำอะไรให้ ผมยอมทุกอย่างเลย” เขาขอร้องผมด้วยสายตาวิงวอน

ที่จริงผมก็สงสารเขาอยู่หรอกนะ และยิ่งเห็นหน้าเศร้าๆ ของเขาแบบนั้นด้วยแล้ว ผมก็ชักรู้สึกใจอ่อนขึ้นมา แต่ด้วยนิสัยของผม ผมกลับไม่รู้สึกสบายใจที่จะทำแบบนั้น

“แล้วเพื่อนๆ เราล่ะ ให้เพื่อนเราติวให้จะไม่ดีกว่าเหรอ”

“เพื่อนผมมันช่วยผมไม่ได้หรอกครับพี่ และไอ้พวกคนเก่งๆ ในห้องมันก็ไม่อยากช่วยคนอื่นหรอก ผมไม่เหลือใครแล้วจริงๆ ถ้าหากว่าอาจารย์ลักขณาเรียกพ่อแม่ผมมาคุยล่ะก็ คราวนี้เรื่องใหญ่แน่ ผมต้องหยุดเล่นกีฬา หยุดกิจกรรมทุกอย่าง โดนกักบริเวณหรือไม่ก็หักค่าขนมแหงๆ เพราะงั้นพี่ช่วยผมหน่อยนะครับ นะ ผมขอร้องจากใจเลยพี่ แล้วผมสัญญา ผมจะตอบแทนพี่ทุกอย่างทุกครั้งที่พี่ต้องการเลย อะไรก็ได้ ขอให้พี่บอกมา ผมไม่ผิดสัญญาแน่นอน”

สรุปเรื่องราวที่เหลือสั้นๆ คือหลังจากที่ผมลังเลและใช้เวลาตัดสินใจอยู่ครึ่งค่อนวัน สุดท้ายผมก็ยอมตอบตกลงจนได้ จากวันนั้นมา ผมจึงได้เจอกับเขาทุกเย็นเพื่อช่วยติววิชาชีวะให้เขาจนกระทั่งถึงวันที่เขาสอบ และถึงจะผ่านพ้นช่วงสอบไปแล้ว เราก็ยังได้เจอกันอยู่เรื่อยๆ เขาขยันมาหาผมที่ห้อง นั่งกินข้าวกับผม และซื้อขนมมาฝากผมเป็นประจำ จนกระทั่งเขากลายมาเป็นเพื่อนคนหนึ่งของผมที่ผมสนิทและคุยด้วยมากที่สุดไปโดยปริยาย

ถึงแม้ในตอนแรกผมจะอึดอัดใจอยู่บ้างที่ต้องนั่งสอนหนังสือให้เขาสองต่อสอง แต่เพราะความช่างพูด เปิดเผย และเป็นกันเองของเขา ช่วยทำให้ผมรู้สึกสบายใจเวลาที่อยู่กับเขามากขึ้น และเมื่อเวลาผ่านไป ความสบายใจนั้นก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งผมปล่อยให้เขาถูกเนื้อต้องตัวกันอย่างใกล้ชิดได้ ไม่ว่าจะจับแขน จับขา กอดคอ หรือแม้แต่กอดเอว

ตอนแรกๆ ที่เขาทำแบบนั้นผมก็ใจเต้นแรงและรู้สึกกลัวอยู่เหมือนกัน เปล่าหรอก ผมไม่ได้กลัวเขา แต่ผมกลัวใจตัวเองมากกว่า ผมกลัวว่าเขาจะรู้ว่าผมชอบผู้ชาย และผมกลัวว่าตัวเองจะคิดอะไรเกินเลยไป ถึงแม้ว่าตอนนั้นผมจะยังไม่มั่นใจในตัวเองนักก็ตามที

เมื่อถึงจุดๆ หนึ่ง ผมที่รู้สึกกลัวการเข้าไปใกล้ชิดกับคนอื่นยิ่งกว่าที่เป็นในตอนนี้ไม่รู้กี่เท่า ก็เริ่มถอยห่างออกมาจากเขา ผมไม่อยากเจ็บ ไม่อยากรู้สึกหวาดกลัวกับความใกล้ชิดและสิ่งไม่คาดฝัน ก่อนหน้านั้นผมเคยต้องสูญเสียบางสิ่งบางอย่างไปแล้ว และผมไม่ต้องการให้มันเกิดขึ้นอีก ดังนั้นผมจึงเริ่มเจอและพูดคุยกับเขาน้อยลง จนในที่สุด เมื่อเขาขึ้น ม. 4 และย้ายไปเรียนที่อื่น ผมก็ขาดการติดต่อกับเขาไปอย่างสิ้นเชิง

แม้ว่าจะไม่ได้คุยหรือเจอกับเขาอีก แต่ผมก็ไม่เคยลืมเขาเลย ถึงผมจะพยายามหันเหความสนใจของตัวเองไปที่การเรียนมากเท่าไหร่ ผมก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าลึกๆ แล้ว ผมเคยรู้สึกดีๆ กับเขามาก่อน แต่เพราะความกลัวหลายอย่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือกลัวการคิดไปเอง จึงทำให้ผมเลือกที่จะเดินต่อและใช้ชีวิตอยู่คนเดียวโดยที่มีเขาเป็นความทรงจำจางๆ คอยให้นึกถึงขึ้นมาบ้างในเวลาที่ตัวเองเหงาใจ

แต่แล้ววันนี้ จู่ๆ ผู้ชายคนที่เคยใกล้ชิดกับผมที่สุดและทำให้ผมหวั่นไหวเป็นคนแรกก็กลับเข้ามาในชีวิตของผมอีกครั้งในฐานะเพื่อนบ้านคนใหม่ แถมยังเป็นเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้กันแค่เพียงถนนเล็กๆ คั่นอีกด้วย นอกจากนั้นเขายังดูดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ผมที่เบื่อการต้องอยู่คนเดียวแบบนี้ใจจะขาดอยู่แล้วรู้สึกหสั่นไหวขึ้นทันทีตั้งแต่นาทีแรกที่ผมเห็นหน้าเขา ผมชักไม่แน่ใจแล้วว่าผมจะรอดจากความใกล้ชิดครั้งใหม่นี้ไปได้อย่างไร

หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: patek ที่ 30-07-2013 16:39:52
จิ้มคนแรกเลย น่าติดตามตอนต่อไปมากๆคับคุณต้น ไหนๆก็เป็นตอนแรกสำหรับวันนี้ ขอแถมอีกสักตอนหรือมากกว่าก็ได้นะคับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: - คราส - ที่ 30-07-2013 18:24:09
ชื่อ รัก นี่มันก๊าวแฮะ  พอบอกคิดถึงรัก รักเหมือนกัน  :ling1:

ติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงภูเขา ที่ 30-07-2013 18:55:43
รอค้าบบบบบบบบบบ :impress2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: pachth ที่ 30-07-2013 19:31:44
เพื่อนของรักนี่จะมีบทบาทหรือเปล่านะ
โผล่มาแป๊บเดียวแต่เราชักชอบละสิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 30-07-2013 20:03:01
 :katai2-1: เนื้อเรื่องยังไม่กล่าว เพราะเนื้อความยังเพิ่งเริ่ม

แต่เก๊าจะมากล่าวถึงบรรยากาศของตัวอักษร
อ่านแล้วเก๊านึกถึงบรรยากาศตอนที่ตัวเองอ่าน เรื่องสั้นนึง
...ที่นายเอกคิดว่าเพื่อนตายอ่ะ แล้วสุดท้ายไปได้กะน้องชายเพื่อนอ่ะ (จำชื่อเรื่องไม่ได้แฮะ ><)

เก๊าชอบฟิวลิ่งแบบนี้จัง  :give2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 30-07-2013 20:08:17
มันคือโชคชะตาที่พามาให้พบต้องรีบคว้าไว้นะหมอเก้า
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: ★KVH™★ ที่ 30-07-2013 21:01:24
รัก..

กดเก้าโดยด่วนน   :hao7:

จะได้หายตื่นคน   :katai5:

รอตอนต่อไปฮะ     :กอด1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 30-07-2013 21:34:17
รัก ดูสดใสน่ารัก ส่วน เก้า ก็ดูขรึมๆ มีเกราะป้องกันตัวเองอยู่
อยากรู้จริงว่ารักจะเอาเกราะของเก้าออกได้ยังไง ^^
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: patek ที่ 31-07-2013 00:02:09
อย่าหายไปนานนะคับคุณต้นเก้ารอรักอยู่
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: Also ที่ 31-07-2013 01:05:08
 :mew1: ต้อนรับเรื่องใหม่ค่ะ

หมอเก้าเป็นพวกปิดกั้นตัวเองเหรอเนี๊ย ต้องให้รักช่วยรักษาแล้วหละ
เอาใจช่วยนะคะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: KaorPaor ที่ 31-07-2013 01:18:59
เรื่องใหม่น่าสนใจ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: netkung ที่ 31-07-2013 09:01:18
คิดถึงงพี่ต้นมากกก เรื่องนี้น่าสนมากๆครับ ดูอบอุ่นดี มาลงใหม่เร็วๆน้อพี่  o18
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 31-07-2013 09:16:24
หวังว่ารักคงยังไม่มีใครเนาะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 31-07-2013 11:20:24
สองคนนี้ จะคุยกันยังไงน๊า
เหตุผลที่รักไม่เรียนต่อที่เดืมคือไรเกี่ยวกับเก้าหรือป่าว
 :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 31-07-2013 12:14:30
ตามมาอ่านครับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: Ramika ที่ 31-07-2013 13:48:02
ไม่อยากให้เป็นแค่เรื่องสั้นเลย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: HaLF333 ที่ 31-07-2013 16:31:49
มารอลุ้นความรักของคุณหมอ  :give2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 31-07-2013 17:54:17
โสดจนอายุปูนนี้ พี่เก้าจะมัวกลัวอยู่ไม่ได้แล้วนะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 31-07-2013 20:30:52
ตอนที่ ๒


ผมนั่งคิดถึงเรื่องเมื่อสมัยมัธยมอยู่หน้าทีวีจนกระทั่งเวลาผ่านเลยไปถึงตอนเย็น มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ออดหน้าบ้านดังขึ้น ทำเอาผมสะดุ้งจนสุดตัว ผมลุกออกจากโซฟาและชะโงกหน้าออกไปมองก็เห็นว่ารักกำลังยืนรอผมอยู่ที่หน้ารั้วบ้าน ผมหันไปมองดูนาฬิกาบนผนังจึงพบว่ามันเป็นเวลาห้าโมงเกือบครึ่งแล้ว

เมื่อรักเห็นผมกำลังเดินออกไปรับ เขาก็ฉีกยิ้มกว้างทันที ในมือของเขาถือถุงผ้าใบเล็กๆ เอาไว้อยู่ด้วย “โทษทีนะครับ พี่เก้า ผมเพิ่งเก็บของเสร็จน่ะ... จริงๆ ก็ยังไม่เสร็จหรอก แต่ก็ยังเหลือจัดนู่นจัดนี่ให้เข้าที่ ย้ายเฟอร์นิเจอร์อีกนิดหน่อย อะไรพวกนั้นน่ะครับ แต่เอาไว้ทำพรุ่งนี้ก็ได้”

“แล้วเพื่อนละครับ กลับไปแล้วเหรอ”

“ใช่ครับ”

“เอ้า ไงก็เข้าบ้านมาก่อนสิ เอาเบียร์เย็นๆ สักหน่อยมั้ย” ผมเสนอพลางเดินนำเขาเข้าไปในตัวบ้าน

“แจ่มเลยพี่ ขอบคุณนะครับ แต่ก่อนอื่น ผมมีเรื่องอยากรบกวนพี่หน่อยอะ ถ้าพี่จะไม่ว่าอะไรน่ะนะ คือผมอยากรบกวนขอใช้ห้องน้ำพี่หน่อยได้มั้ย พอดีว่าฝักบัวห้องน้ำบ้านผมมันไม่ดีอะ จริงๆ ผมคงต้องออกไปซื้อมาเปลี่ยน แต่ผมไม่อยากให้พี่รอนาน แต่ก็ไม่อยากมานั่งคุยกับพี่ทั้งๆ ที่เหม็นเหงื่อแบบนี้อีก เดี๋ยวพี่จะสลบไปซะเปล่า” เขาหัวเราะแหะๆ

“ไม่เป็นไรครับ ตามสบายเลย แต่ที่จริงก๊อกฝักบัวห้องน้ำพี่ก็ไม่ค่อยดีเหมือนกันนะ พี่ว่าจะเปลี่ยนๆ มาตั้งนานแล้ว ก็ยังไม่มีเวลาได้ทำสักที”

“งั้นเดี๋ยวผมมาเปลี่ยนให้พี่ก็ได้ เป็นการตอบแทน”

“อืมม... ก็ดีนะ เอาไว้หลังจากนี้เราค่อยออกไปซื้ออุปกรณ์ด้วยกันแล้วกันนะครับ”

“โอเคครับ ว่าแต่ห้องน้ำพี่อยู่ตรงไหนล่ะ” เขาถามขณะที่ถอดรองเท้า

“ตามพี่มาเลยครับ เพราะพี่ต้องปรับหัวก๊อกให้เราดูอยู่แล้วด้วย” ผมเดินนำเขาตรงไปยังห้องน้ำด้วยความรู้สึกปั่นป่วนในท้องเล็กน้อย เมื่อคิดว่าเขากำลังจะมาอาบน้ำในบ้านของผม

ช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา ทำให้รักโตขึ้นเป็นชายหนุ่มหล่อเหลา เขามีร่างกายแบบที่ผู้หญิงคนไหนก็คงอยากจะครอบครอง และผู้ชายหลายๆ คนคงต้องอิจฉา ส่วนผมที่ชอบผู้ชายแต่ไม่เคยแสดงออกหรือใกล้ชิดใครมาก่อน ก็ได้แค่แอบชื่นชมและใฝ่ฝันอยากจะสัมผัสกล้ามของเขาดูสักครั้ง

รักเอาผ้าขนหนูผืนเล็ก สบู่ และยาสระผมของตัวเองติดตัวมาด้วย ถึงแม้ว่าผมจะยินดีให้เขาใช้ของผมอยู่แล้วก็ตาม เมื่อผมจัดการปรับก๊อกน้ำและน้ำอุ่นเสร็จและหันไปหาเขา ผมก็ต้องตกใจที่เห็นว่าเขากำลังถอดเสื้อผ้าอยู่ เขากำลังยืนหันหลังให้กับผม แถมจังหวะที่ผมหันไปก็เป็นตอนที่เขากำลังดึงกางเกงบ็อกเซอร์ลงพอดี ทำให้ผมเห็นบั้นท้ายขาวเนียนเข้าเต็มๆ ตา

“เอ่ออ พี่เปิดน้ำแล้วก็ปรับน้ำอุ่นให้แล้วนะครับ ถ้าอยากจะปรับอุณหภูมิก็ค่อยๆ ปรับอย่างที่พี่บอกไปเมื่อกี้ก็แล้วกัน” ผมพยายามพูดออกไปโดยไม่ให้เสียงมันสั่นจนผิดสังเกต “ถ้างั้นพี่ไปก่อนนะครับ ตามสบายเลย”

“ขอบคุณครับ พี่เก้า เดี๋ยวอีกแป๊บเดียวผมตามลงไป” เขาตอบพลางทำท่าจะหันมาหาผม ผมจึงรีบต้องเดินออกจากห้องน้ำและปิดประตูตามหลังลงอย่างรวดเร็ว

ผมลงมายังชั้นล่างและเดินตรงเข้าไปในครัว หัวใจของผมยังคงเต้นแรงอยู่เลย ถึงแม้ว่าผมจะเห็นคนไข้แก้ผ้าต่อหน้ามาไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่แล้ว แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนกัน เพราะคนๆ นี้คือ รัก คนที่ผมเคยรู้จัก แถมยังทั้งหน้าตาดีและหุ่นดีจนทำให้ผมต้องหวั่นไหวแบบไม่เคยเป็นมาก่อนอีกต่างหาก นอกจากนั้น เวลาผมทำงานและได้เจอกับคนไข้ที่นานๆ จะมีหน้าตาดีหรือหุ่นดีสักคน แต่พวกเขาก็มาหาผมเพราะอาการป่วยหรือปัญหาทางผิวหนัง ซึ่งบางครั้งก็เป็นสิ่งที่ไม่น่าดู หรืออยู่ในบริเวณที่ไม่ชวนกระตุ้นอารมณ์สักนิดด้วยซ้ำ

ผมพยายามสะบัดภาพที่เพิ่งเห็นเมื่อครู่ออกไปจากหัวด้วยการเตรียมของว่างให้เขา ผมเปิดตู้เย็นดูว่ามีอะไรที่เอาออกมากินเล่นได้บ้าง ผมเจอไส้กรอกของซีพีที่เหลืออยู่แพ็คหนึ่ง จึงเอามันออกมาอุ่นและหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ จากนั้นก็แกะห่อเลย์แล้วเทมันลงในชามอีกอย่าง ผมยกของว่างทั้งสองอย่างออกไปวางที่โต๊ะไม้หน้าระเบียงบ้าน แล้วจึงเดินกลับมาหยิบเบียร์อีกสองกระป๋อง ก่อนจะไปนั่งรอเขาที่นั่น

อีกไม่ถึงห้านาที รักก็เดินตามมาสมทบผม เขานั่งลงบนเก้าอี้พร้อมกับบอกขอบคุณผมยกใหญ่

“ขอบคุณมากนะครับ พี่เก้า พี่ช่วยชีวิตผมไว้แท้ๆ เลยเนี่ย ถ้าไม่ได้พี่ คืนนี้ผมเน่าแน่!”

“ไม่เป็นไรครับ พี่ยินดี” ผมยื่นเบียร์ให้เขา

“ขอบคุณครับ และโห ดูดิ๊เนี่ย มีของกินเล่นอีกต่างหาก”

“พี่เดาว่าเราน่าจะหิวน่ะ เลยคิดว่ามีอะไรกินเล่นๆ รองท้องก่อนไปกินข้าวน่าจะดี”

“เยี่ยมเลยครับพี่!” เขาพูดพลางหยิบไส้กรอกเข้าปาก

ผมแอบชำเลืองมองเขาที่อยู่ในเสื้อกล้ามสีขาวและกางเกงบอลสีเทาอ่อน ร่างกายของเขาช่างแลดูสมส่วนไปเสียหมด แม้แต่ขาของเขาก็ยังดูแข็งแรงและมีแต่กล้ามเนื้อ ผมไล่สายตาขึ้นสำรวจใบหน้าของเขาอีกครั้ง และก็ต้องพบว่าเขากำลังมองหน้าผมและยิ้มรออยู่แล้ว

ผมรีบหันหน้าหลบเขาด้วยความเขินทันที

“พี่ว่าเดี๋ยวเราออกไปซื้อของกันกี่โมงดีครับ” เขาถามขึ้น

“เอ่ออ พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน หลังจากที่รักหายเหนื่อยแล้วก็ได้ พี่น่ะไม่รีบหรอก”

“ครับพี่ แต่ผมเหนื่อยมากจริงๆ ว่ะ ยอมรับเลย นี่ผมว่าไม่เกินสองทุ่มผมก็คงจะหลับแล้วด้วยซ้ำ พรุ่งนี้ต้องตื่นมาจัดของต่ออีก” เขาเหยียดแขนและขาออกบิดขี้เกียจ

ผมสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวที่เป้ากางเกงของเขาและเดาเอาว่าเขาคงจะไม่ได้ใส่กางเกงใน เพราะไอ้น้องชายของเขามันดันกางเกงที่ใส่อยู่จนเห็นเป็นเค้าโครงอย่างชัดเจน

รักน่าจะรู้ตัวว่าผมกำลังมองอะไรอยู่ เพราะเขาเลื่อนมือมาจับไอ้น้องชายตัวเองพร้อมกับหัวเราะเบาๆ “ขอโทษทีนะ พี่เก้า พอดีผมลืมหยิบกางเกงในมาด้วยน่ะ”

“ไม่เป็นไรครับ พี่ไม่ถือ” ผมตอบทั้งๆ ที่รู้สึกเขินจนร้อนไปหมด “อีกอย่าง พี่เป็นหมอนะ เพราะงั้นพี่เห็นไอ้นั่นทุกวันนั่นแหละ”

“เอ้อ จริงด้วย แหม น่าอิจฉาจริงๆ นะครับเนี่ย ฮ่าๆๆ”

ผมยกกระป๋องเบียร์ที่ถืออยู่ในมือขึ้นดื่ม ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าที่เขาพูดนั้นหมายความว่าอย่างไร “ไม่น่าอิจฉาหรอกครับ พี่เป็นหมอผิวหนัง ก็ต้องตรวจร่างกายคนไข้ เราแน่ใจเหรอว่าอยากเห็นทุกอย่างแบบที่พี่ได้เห็นจริงๆ น่ะ”

“เออว่ะ งั้นไม่เอาดีกว่าครับ ผมขอหั่นหมูหั่นไก่ล้างผักทำกับข้าวในครัวเหมือนเดิมดีกว่า” เขาพูดพลางกลั้วเสียงหัวเราะในลำคอ

“นั่นสินะ แต่พอเรื่องของพี่เถอะ รักเล่าเรื่องของเราให้พี่ฟังบ้างดีกว่า” ผมพยายามเปลี่ยนเรื่อง

“อ๋อ ผมก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ พอเรียนจบมหาลัยก็สมัครงานหลายที่ เคยทำงานบริษัทได้ปีกว่าแต่ไม่ชอบ สุดท้ายก็มีโอกาสได้มาลองเป็นพ่อครัว แล้วดันชอบ มีความสุขมากกว่า ก็เลยทำมาตลอด” เขาเล่าอย่างอารมณ์ดี

“ถ้าพี่จำไม่ผิด ตอนนี้รักอายุ 25 แล้วใช่รึเปล่าครับ”

“ใช่ครับ” เขาพยักหน้า

“แปลว่ารักชอบทำอาหารน่ะสิ”

“ใช่ครับ ผมว่ามันสนุกดีนะ ถึงจะเหนื่อย แต่ก็ท้าทายไปอีกแบบ แรกๆ ก็ปรับตัวเยอะเหมือนกัน เพราะไม่ค่อยได้เจอผู้คน แต่ผมก็จะหาโอกาสออกมาทักทายลูกค้าเรื่อยๆ แหละครับ เพราะหัวหน้าผมเค้าใจดี และชอบให้พนักงานคุยกับลูกค้าแบบเป็นกันเอง เรื่องของเรื่องคือเจ้าของร้านเป็นพี่ชายของเพื่อนสนิทผมน่ะครับ”

“ก็ฟังดูน่าสนใจดีนะครับ พี่ยังไม่เคยเจอร้านไหนที่พ่อครัวออกมาคุยกับลูกค้าเลย”

“ใช่มั้ยล่ะครับ ผมถึงได้ชอบทำงานที่นี่ไง แต่ก็อย่างที่บอกอะครับว่าเงินเดือนมันก็ไม่ได้เยอะแยะอะไรมากมาย นี่ถ้าไม่ได้เงินที่ย่าทิ้งไว้ให้ ผมก็คงไม่มีโอกาสได้มีบ้านของตัวเอง ต้องเช่าเค้าอยู่ไปวันๆ ในห้องเล็กๆ แถมคงไม่มีโอกาสได้มาเจอพี่เก้าอีกครั้งแบบนี้ด้วย” เขาจบประโยคด้วยการหันมายิ้มให้ผม “พี่รู้มั้ยว่าผมดีใจมากเลยนะ ที่ได้เจอพี่อีกครั้งอะ ไม่อยากเชื่อเลยว่าโลกเรามันจะกลมขนาดนี้”

ผมได้แต่ยิ้มตอบเขา แต่ไม่กล้าพูดออกไปว่าผมก็ดีใจเหมือนกัน “แล้วเรื่องกีฬาของเราล่ะ”

“ผมก็เข้ามหาวิทยาลัยไปด้วยทุนนักกีฬานั่นแหละครับ แต่ผมรู้ตัวน่ะพี่ ว่าผมหากินกับมันไปไม่ได้ตลอดหรอก ใช่มั้ยล่ะ”
ผมพยักหน้าให้เขาอีกครั้ง

หลังจากนั้นอีกสองชั่วโมงกว่าพวกเราก็นั่งคุยเรื่องต่างๆ กันมากมาย ตั้งแต่เรื่องงานของเขา ไปจนถึงเรื่องเศรษฐกิจ การเมือง กีฬา งานอดิเรก ชีวิตมหาวิทยาลัย เรื่องราวของผมเล็กน้อย จนเมื่อรู้สึกตัวอีกทีฟ้าก็มืดแล้ว ทั้งผมและเขาต่างก็เริ่มหิวกันทั้งคู่ แต่จากตอนแรกที่เราคิดว่าจะดื่มเบียร์กันแค่คนละกระป๋องก็กลายเป็นเขาดื่มไปสามกระป๋อง ส่วนผมดื่มไปสอง เราจึงตัดสินใจบอกเลื่อนการออกไปซื้ออุปกรณ์มาซ่อมห้องน้ำไปเป็นวันพรุ่งนี้แทน เพราะผมยังมีวันหยุดอีกหนึ่งวัน สุดท้ายเราก็ย้ายจากหน้าระเบียงบ้านมานั่งในบ้านและจัดการต้มมาม่ากันคนละสองห่อ เพราะเขาบอกผมว่าเขาเหนื่อยเกินกว่าจะออกไปกินข้าวนอกบ้านแล้ว และผมเองก็ไม่มีของสดพอที่จะทำกับข้าวสำหรับสองคนด้วย

“โทษทีนะครับ รัก สุดท้ายเลยต้องมากินมาม่าแบบนี้ เพราะตอนแรกพี่ตั้งใจไว้ว่าพรุ่งนี้ถึงจะออกไปซื้อของเข้าบ้านน่ะ”

“เฮ้ย! ไม่เป็นไรพี่ แค่นี้ก็สุดยอดแล้ว” เขาตอบพลางก้มหน้าก้มตากินม่ามาในชามของตัวเองต่อ

ผมนั่งมองหน้าเขาแล้วอมยิ้มให้กับตัวเอง ผมไม่เคยนั่งคุยและใช้เวลากับเพื่อนบ้านคนไหนนานเท่านี้มาก่อนเลย และเมื่อครู่นี้ เราก็ได้คุยกันหลายเรื่อง ถึงเขาจะเป็นฝ่ายพูดมากกว่าผมก็ตาม ผมชอบที่จะฟังเขาเล่าเรื่องต่างๆ นะ เขาเป็นคนที่มีเสน่ห์เวลาพูดมาก แต่ผมต้องยอมรับว่าหลายๆ ครั้งผมก็ไม่ได้ตั้งใจฟังสิ่งที่เขาพูดนักหรอก เพราะแค่การได้มองรอยยิ้มและดวงตาของเขา ก็ทำให้ผมมีความสุขและเผลอคิดอย่างอื่นไปไกลแล้ว แถมไอ้น้องชายของเขาที่อยู่ใต้กางเกงบางๆ นั่นก็ทำให้ผมเขวไปหลายหนอีกเหมือนกัน

หลังจากที่กินเสร็จ เขาก็ขอตัวกลับบ้านไปนอนก่อน เรานัดกันไว้ว่าจะเจอกันอีกครั้งพรุ่งนี้เช้าตอน 10 โมงครึ่งเพื่อออกไปซื้อของด้วยกัน ผมเดินออกไปส่งเขาที่หน้าบ้าน และมองดูจนกระทั่งเขาเดินข้ามถนนเข้าไปยังบ้านของตัวเอง แต่ก่อนจะปิดประตูลง เขาก็หันมายิ้มและโบกมือให้ผม ผมจึงโบกมือตอบกลับไป

ผมเดินกลับเข้ามาในบ้านแล้วจากนั้นก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ผมรู้สึกสบายใจที่ได้คุยกับเขาแบบที่ไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อนเลย แต่ในขณะเดียวกันผมก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย กลัวว่าเขาจะรู้ตัวว่าผมแอบมองเป้ากางเกงเขาอยู่บ่อยๆ แต่อีกใจหนึ่งผมก็คิดว่าเขารู้ตัวนะ เพราะระหว่างที่คุยกัน เขาชอบนั่งถ่างขาหรือยกขาข้างหนึ่งขึ้นชันบนเก้าอี้เหมือนกับจะจงใจให้ผมเห็น แต่ผมก็ไม่อยากจะคิดไปเอง เพราะปกติผู้ชายหลายคนก็ชอบนั่งท่านั้นอยู่แล้ว

ก่อนนอน ผมเลยต้องจัดการช่วยตัวเองไปหนึ่งหน เป้ากางเกงตุงๆ ของเขาเมื่อครู่มันเหลือพื้นที่ไว้ให้ผมจินตนาการน้อยเหลือเกิน แล้วไหนจะยังบั้นท้ายขาวเนียนของเขาที่ผมเห็นในห้องน้ำอีก คืนนั้นแม้จะเข้านอนแล้ว ผมก็ยังคงเอาแต่คิดถึงเขาจนหลับไม่สนิทดี ผมรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เจอเขาอีกครั้งในตอนเช้าราวกับตัวเองเป็นเด็กที่กำลังจะได้ออกเดทครั้งแรกยังไงอย่างนั้น แถมการได้พบกับเขาก็ยิ่งตอกย้ำผมอีกด้วยว่า พื้นที่ว่างบนเตียงขนาดควีนไซส์ของผมนั้นแท้จริงแล้วมันว่างเปล่ายิ่งกว่าที่ผมเคยคิดขนาดไหน

เช้าวันรุ่งขึ้น เราสองคนออกไปซื้อของพร้อมกัน และเมื่อกลับมาแล้ว เขาก็มาช่วยเปลี่ยนฝักบัวให้ผมตามที่รับปากเอาไว้ ผมดีใจมากที่เราได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น บางอย่างในตัวของเขาทำให้ใจผมเต้นแรงแบบที่ไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อน และเขาก็ทำให้ผมยิ่งดีใจและตื่นเต้นมากขึ้นไปอีก เมื่อเขาเอ่ยปากบอกว่าอยากกินข้าวเย็นด้วยกันอีกครั้ง แต่เนื่องจากผมไม่ถนัดทำอาหารเท่าไหร่นัก ส่วนเขาเองก็ยังมีอุปกรณ์เครื่องครัวไม่พร้อม เราจึงคุยกันว่าจะออกไปนั่งกินข้าวนอกบ้านแทน

เอาเป็นว่าแทนที่ผมจะได้นั่งอ่านวารสารทางการแพทย์หรือหนังสือเรียนต่างๆ ตามปกติ ผมกลับไม่มีสมาธิจะเป็นอันทำอะไรเลยตลอดทั้งวัน เพราะเอาแต่ตื่นเต้นและเฝ้ารอเวลาที่จะได้เจอเขาอีกครั้งในตอนเย็นราวกับเด็กๆ ที่รอจะได้ออกไปเที่ยวนอกบ้าน

ที่ร้านอาหาร เราได้พูดคุยและทำความรู้จักกันมากขึ้นอีก การได้เจอกับเขาอีกครั้งหลังจากที่เราแยกย้ายหายกันไปนานหลายปีแบบนี้ มันทำให้ผมรู้สึกราวกับผมได้รู้จักเพื่อนใหม่คนหนึ่งที่เคยรู้จักมานานแล้ว... จะว่ายังไงดีล่ะ คือผมว่าผมยังมีเรื่องที่ไม่เคยรู้เกี่ยวกับเขาอยู่อีกหลายอย่าง เพราะผมในตอนนั้นก็ไม่ใช่คนช่างพูด และค่อนข้างจะเก็บตัวยิ่งกว่าตอนนี้เสียอีก นอกจากนั้น ช่วงเวลาที่หายไปร่วม 10 ปีก็ทำให้เราแทบไม่ต่างจากคนแปลกหน้าไปแล้ว แต่ในขณะเดียวกัน ความคุ้นเคยและความสนิทสนมระหว่างเราที่เคยมีอยู่ได้ก่อตัวขึ้นอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ซึ่งบางทีมันอาจจะเป็นเพราะผมที่เป็นผู้ใหญ่ขึ้นและรู้สึกเบื่อกับนิสัยเดิมๆ ของตัวเองเต็มทีแล้ว รวมถึงตัวของรักเองที่เป็นคนมีเสน่ห์แบบที่ทำให้ผมไหวหวั่นได้ถึงเพียงนี้

สิ่งหนึ่งที่ผมสังเกตได้เกี่ยวกับรักคือ ถึงแม้เขาจะดูถ่อมตัวในเรื่องอาชีพ การงาน หรือแม้แต่เรื่องเรียนของเขา แต่ผมรู้สึกว่าแท้จริงแล้วเขาเป็นคนมีไหวพริบดีและมีความรู้รอบตัวสูงมากคนหนึ่ง ไม่ว่าเราจะคุยกันในหัวข้ออะไร เขาก็จะสามารถแสดงความคิดเห็นและแบ่งปันความรู้ที่มีได้แทบทุกเรื่อง และถ้าหากว่าเรื่องไหนที่เขาไม่มีความรู้หรือไม่ถนัด เขาก็จะไม่ทำตัวอวดฉลาด แต่กลับยินดีที่จะรับฟังและเรียนรู้จากผมอย่างตั้งใจ ซึ่งผมไม่ค่อยพบคนประเภทนี้มากนัก อาจจะเพราะสายงานของผมหรืออะไรก็แล้วแต่ ที่ทำให้ผู้คนรอบข้างเป็นพวกจมไม่ลงกันเสียส่วนใหญ่ ซึ่งสำหรับผมแล้วการต้องคุยกับคนเหล่านั้นนับเป็นเรื่องที่น่าเบื่อมากทีเดียว

อีกครั้งที่เวลาแห่งความสุขผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อรู้สึกตัวอีกทีก็เป็นเวลาสามทุ่มกว่าแล้ว เราสองคนที่มานั่งที่ร้านกันตั้งแต่พระอาทิตย์เพิ่งเริ่มตกดินจึงตัดสินใจว่าถึงเวลาควรจะกลับบ้านเสียที แต่ก่อนที่เราจะแยกจากกันที่หน้าบ้าน เขาก็เป็นฝ่ายเอ่ยปากนัดเจอผมอีกครั้งเมื่อเวลาว่างของเราตรงกัน ซึ่งแน่นอนว่าผมก็รีบตกลงรับปากด้วยความเต็มใจ

เมื่อกลับเข้ามาในบ้าน ผมก็ทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาและหวนคิดถึงว่าสองวันที่ผ่านมานี้ช่างเป็นวันหยุดที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยมีในรอบหลายปีเลยจริงๆ ผมรู้สึกเศร้าๆ โหวงๆ แบบบอกไม่ถูก เมื่อต้องกลับมาอยู่ในบ้านที่ว่างเปล่าอย่างเหงาๆ คนเดียวแบบนี้ ผมไม่อยากจะอยู่ห่างจากเขาเลย การนึกถึงเขามันทำให้ผมใจหายบอกไม่ถูก แต่อีกใจก็พยายามปลอบตัวเองว่าสัปดาห์หน้าผมก็น่าจะได้ใช้เวลากับเขาอีกครั้งแล้ว ผมจะต้องทนให้ได้สิ

หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 31-07-2013 21:05:42
รักมีใจให้ หรือแค่เล่นๆนะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 31-07-2013 21:11:26
เหมือนจะไปด้วยกันได้ดีนะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: - คราส - ที่ 31-07-2013 21:19:13
โอกาสที่กลับมาอีกครั้ง
จะเป็นอย่างไรต่อหนอ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 31-07-2013 21:52:46
รักดูกระตือรือร้นดี ถึงจะยังไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ก็เถอะ
พี่หมออกจะแตกตายแล้ว...
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 31-07-2013 22:11:16
แหม่....ตกหลุมรัก
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: netkung ที่ 31-07-2013 23:00:26
 :3123:มาต่อทุกวันเลยนะครับ ชอบๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: ฺBieKung ที่ 31-07-2013 23:53:25
ฟินๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
อยากอ่านตอนต่อไปมากกกกกก

ติดตามๆ อาทิตย์หน้าค๊าบบบบบบบ
 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: patek ที่ 01-08-2013 00:26:25
สนุกดีคับ ชวนลุ้นตลอด แต่รักก็น่าจะมีใจให้พี่เก้าอยู่เหมือนกันนะคับ มาต่ออีกนะคับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 01-08-2013 00:48:10
กลัวคุณหมอผิดหวัง
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: Also ที่ 01-08-2013 00:54:13
น้องรักแอบยั่วพี่หมอเก้านะเนี๊ย หุหุ

ลุ้นๆ ตอนต่อไปค่ะ
 :3123:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 01-08-2013 10:21:45
รักแอบยั่วและดูท่าทีพี่เก้ารึป่าว
ทั้งขอมาอาบน้ำแล้วยังไม่ใส่ กกน ท่านั่งยังหวาดเสียว
 รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: xeruoh ที่ 03-08-2013 01:11:40
แอบลุ้นน -/-
คุณหมอก็เปิดใจกับรักให้เยอะๆล่ะ
โอกาสมาแล้ววว ฮ่าๆๆ
มาถึงหน้าบ้านแน่ะ อิอิ

รอติดตามตอนต่อไปค่ะ
 :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: miracle22936 ที่ 03-08-2013 05:16:41
สนุกมากเลย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 03-08-2013 10:33:57
ตอนที่ ๓


ทันทีที่รู้แน่ว่าผมไม่ต้องเข้าเวรในวันอาทิตย์ ผมก็รีบโทรไปบอกรักทันที โชคดีที่เขาเองก็ได้วันหยุดในวันเสาร์และวันอาทิตย์ เราจึงนัดเจอกันที่บ้านของเขาในเย็นวันเสาร์หลังจากผมเลิกงาน เพื่อที่จะกินข้าวเย็นฝีมือของเขา ผมตื่นเต้นจนแทบจะรอให้ถึงวันนั้นเร็วๆ ไม่ไหว

เมื่อวันเสาร์มาถึง ผมก็โทรไปบอกเขาว่าจะไปถึงเวลาประมาณหนึ่งทุ่ม แต่เนื่องจากมีเคสที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นก่อนจะถึงเวลาเลิกงานไม่นาน ผมจึงต้องอยู่เคลียร์ปัญหาให้เสร็จก่อน จึงจะสามารถออกจากโรงพยาบาลได้ ทันทีที่ผมขึ้นรถ ผมก็รีบโทรบอกเขาทันทีว่าผมจะไปช้านิดหน่อย และสุดท้ายมันก็ทำให้ผมไปถึงที่บ้านของเขาช้าไปถึงเกือบหนึ่งชั่วโมง

ผมจอดรถที่หน้าบ้านของเขาและกดออดเรียก เขาเดินออกมาเปิดประตูรับผมพร้อมรอยยิ้มกว้าง

“รัก พี่ขอโทษที่มาช้า” ผมรีบพูดขึ้น

“ไม่เป็นไรน่า มาๆ ยินดีต้อนรับครับ”

“จะว่าไป นี่รักตัดผมเหรอ ตั้งแต่เมื่อไหร่”

“ช่ายพี่ มันร้อนๆ น่ะ ก็เลยสกินเฮดซะเลย เป็นไงมั่งล่ะ พี่คิดว่าไงครับ ชอบมั้ย”

“เอ่อออ ก็ดีนะ เหมาะกับรักดี” ผมตอบ รู้สึกเขินๆ ชอบกล ที่จริงผมสั้นๆ ก่อนหน้านี้ของเขาก็ทำให้เขาดูดีอยู่แล้วนะ แต่ยิ่งเขาตัดสกินเฮดแบบนี้ ผมว่าเขายิ่งดูน่ารักและเซ็กซี่ยิ่งกว่าเดิมเสียอีก “ว่าแต่ไปตัดที่ไหนมาล่ะ ร้านแถวนี้รึเปล่า”

“ไม่เลยครับ ตัดเองเมื่อกี้ตอนที่รอพี่นี่แหละ” เขาหัวเราะ “ผมมีบัตตาเลี่ยนน่ะ แต่ก่อนหน้านี้ผมก็ตัดผมเองประจำนะ เพราะเข้าร้านทีมันก็แพงว่ะพี่ บางทีช่างก็ตัดไม่ถูกใจด้วย เลยตัดเองมาหลายปีแล้วแหละครับ ผมมีครบเลยนะ ทั้งกรรไกรซอย กรรไกรธรรมดา บัตตาเลี่ยน”

“โห เก่งนะเนี่ย วันหลังตัดให้พี่มั่งสิ” ผมแซวเขาเล่น

“ได้เลยพี่ ถ้าพี่ไม่กลัวมันแหว่งน่ะนะ ฮ่าาๆ ว่าแต่พี่เก้าเหอะ เป็นไงมั่ง งานวันนี้ เหนื่อยมั้ยพี่”

“นิดหน่อยน่ะครับ แต่พี่ต้องขอโทษอีกครั้งจริงๆ นะรัก พี่ไม่คิดว่ามันจะสายขนาดนี้”

“โห ไม่ต้องคิดมากเลยพี่!” เขาหัวเราะเบาๆ พลางยกแขนขึ้นกอดคอผมพาผมเดินเข้าบ้าน “ผมรู้น่าว่างานของพี่มันเป็นยังไง ไม่ต้องคิดมากหรอกครับ ว่าแต่พี่เองเหอะ ไม่เหนื่อยเหรอ ไม่อยากกลับเข้าบ้านไปพักผ่อน อาบน้ำ รึทำอะไรก่อนเหรอ”

ผมรู้สึกเขินที่ได้สัมผัสร่างกายของเขาอย่างใกล้ชิดแบบนี้จนแทบจะหาคำพูดมาตอบเขาออกไปไม่ถูก “อ... เอ่ออ ก็ไม่เหนื่อยมากหรอกครับ ไม่เป็นไรหรอก พี่ไม่อยากให้รักรอนาน กลัวรักจะหิวด้วย”

“ฮ่าๆๆ พี่เก้านั่นแหละ หิวรึยัง มานั่งพักก่อนครับ ตามสบายนะพี่ เดี๋ยวผมยกน้ำมาให้ รึพี่จะเอาเบียร์” เขาปล่อยตัวของผมออกเมื่อเราเข้าไปถึงในบ้านแล้ว

“น้ำเปล่าก่อนก็ได้ครับ”

“โอเคเลย เดี๋ยวจัดให้” เขาพูดก่อนจะเดินหายเข้าไปในครัว

ผมมองไปรอบๆ บ้าน เขายังไม่มีเฟอร์นิเจอร์หรือของตบแต่งบ้านมากนัก แต่ทุกอย่างก็ดูเข้าที่เป็นระเบียบเรียบร้อยดีแล้ว นอกจากโซฟาขนาดเล็กที่ผมนั่งอยู่ ก็ยังมีเก้าอี้เอนหลังอีกหนึ่งตัว มีโต๊ะรับแขก ชั้นวางหนังสือ ชั้นวางของ ทีวีขนาดประมาณ 32 นิ้วอยู่อีกเครื่องหนึ่ง และมีชุดสเตอริโอขนาดกลางตั้งอยู่บนพื้น

“ผมยังไม่มีของอะไรมากหรอกครับ” รักพูดขึ้นในขณะที่เดินกลับเข้ามาในห้องนั่งเล่น จากนั้นเขาก็ยื่นแก้วน้ำให้ผม “ส่วนมากก็เอามาจากหอเก่าทั้งนั้น ก็มีทีวีนี่แหละครับ ที่เพิ่งซื้อมาใหม่ แล้วก็พวกตู้ โต๊ะ หรือชั้นต่างๆ พวกนั้นส่วนมากก็ซื้อมาจากอิเกีย ได้ไอ้โต๋เพื่อนผมที่มาช่วยขนของวันนั้นแหละครับ ช่วยขับรถขนให้”

ผมพยักหน้าเบาๆ “แต่พี่ว่าเท่านี้ก็โอเคแล้วนะครับ มีของมากไปก็เกะกะและทำความสะอาดยากเปล่าๆ บ้านพี่เองก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย ส่วนมากจะเป็นหนังสือกับกระดาษเท่านั้นแหละ”

“พี่เก้าอยากไปดูในห้องครัวมั้ย เดี๋ยวผมพาเดินดูบ้านหลังน้อยของผมก่อนกินข้าว” เขาหัวเราะ

“ไปสิครับ” ผมลุกออกจากโซฟา

บ้านของรักเป็นบ้านชั้นเดียว มีพื้นที่เล็กกว่าบ้านของผม นอกจากห้องนั่งเล่นแล้ว ถัดมาก็เป็นห้องกินข้าวที่แยกออกมาจากห้องครัว มีห้องนอน ห้องน้ำ และห้องเก็บของ อย่างละห้อง ส่วนภายนอกก็เป็นลานจอดรถและมีระเบียงบ้านที่รักบอกว่าหลังจากนี้เขาจะซื้อโต๊ะและเก้าอี้มาวางเหมือนกับที่ผมทำ เพื่อที่ว่าครั้งหน้าเราจะได้สามารถนั่งกินข้าวหรือดื่มเบียร์ที่หน้าบ้านของเขาได้บ้าง

หลังจากกลับมาที่ห้องรับแขกแล้ว เขาก็นั่งลงข้างๆ ผม เราคุยกันถึงเรื่องงานของพวกเราในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ก่อนที่เขาจะชวนผมย้ายไปนั่งที่โต๊ะกินข้าว เขาเดินเข้าไปในครัวและยกอาหารที่ทำเตรียมไว้ออกมา เขาเคยบอกผมแล้วว่าเขาทำอยู่ที่ร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่น อิตาเลี่ยน ไทย ฟิวชั่น และอาหารที่เขาเตรียมเอาไว้ให้ผมก็คือสเต๊กไก่ซอสขิง มีเฟรนช์ฟรายส์เป็นเครื่องเคียง เสิร์ฟพร้อมกับเชฟสลัดและซุปหัวหอมอีกอย่าง ทำเอาผมอึ้งจนแทบไม่กล้ากินเลยทีเดียว

“อ้าว เป็นอะไรอะพี่ กินเลยครับ ไม่ต้องเกรงใจ” เขานั่งลงฝั่งตรงข้ามผม “ไม่รู้จะถูกปากรึเปล่านะครับ เสียดาย ไม่มีไวน์มาเสิร์ฟด้วย”

“เฮ้ย ไม่ต้องหรอกครับ เท่านี้ก็หรูจนพี่ไม่กล้ากินแล้ว” ผมพูดไปตามที่คิดจริงๆ “นี่ใช้เวลาเตรียมนานมั้ยเนี่ย พี่รู้สึกเกรงใจมากเลยครับ”

“ไม่ต้องเกรงใจเลย พี่เก้า ลงมือได้เลยพี่ โดยเฉพาะซุปเนี่ย ต้องกินตอนร้อนๆ นะ ไม่งั้นเดี๋ยวเย็นแล้วชีสมันจะไม่อร่อย”

“ครับๆ งั้นพี่ขอชิมล่ะน่ะ”

“ลุยโลด!” เขายิ้มกว้าง

และก็เป็นอย่างที่ผมคิด รักไม่ใช่แค่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อครัวธรรมดาๆ แต่ฝีมือการทำอาหารของเขานั้นเรียกได้ว่ายอดเยี่ยม ผมจึงเอ่ยชมอาหารของเขาไม่ขาดปาก แม้จนกระทั่งเรากินเสร็จแล้วผมก็ยังไม่หยุดที่จะทำให้เขารู้ว่าผมชอบอาหารและฝีมือของมากเขาขนาดไหน เขาทำให้ผมอยากจะลองไปอุดหนุนร้านที่เขาทำงานอยู่ขึ้นมาเลยด้วยซ้ำ

“ผมดีใจนะพี่ แต่ถ้าพี่อยากกินอาหารแบบนี้อีกล่ะก็ ไม่ต้องไปถึงที่ร้านหรอก เดินมาบ้านผมก็ได้ เดี๋ยวผมทำให้ แต่แค่เมนูและวัตถุดิบอาจจะไม่ครบเหมือนในร้านแค่นั้นเอง” เขาหัวเราะ

“ถ้าไปกินที่ร้านพี่จะรู้สึกเกรงใจเราน้อยกว่านะ และอีกอย่างคือพี่จะได้ไปช่วยอุดหนุนด้วยไงครับ เผื่อเจ้าของร้านรู้ว่ามีลูกค้าขาประจำมาอุดหนุนเพราะฝีมือของพ่อครัว เค้าจะได้เพิ่มเงินเดือนให้ไง”

“ฮ่าๆๆ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกพี่ เวลาอยู่ร้านผมก็แค่ทำตามสูตรที่เค้ากำหนดไว้น่ะ แต่ที่บ้านเนี่ย ผมจะปรุงเป็นแบบของผมเอง แค่พี่ชอบผมก็ดีใจแล้วครับ”

หลังจากที่เก็บจานไปไว้ในครัวแล้ว พวกเราก็ออกมานั่งคุยและดูทีวีกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่น ผมเล่าให้เขาฟังเรื่องปัญหาเกี่ยวกับคนไข้และระบบของโรงพยาบาลที่เกิดขึ้นในที่ทำงานก่อนผมจะออกมา รวมทั้งเรื่องการเข้าเวรและการที่บางครั้งผมอาจจะโดนตามตัวด่วนถึงแม้ว่าจะเป็นวันหยุดก็ตาม เขาแสดงความเห็นใจและออกความเห็นว่าผมควรต้องมีเวลาพักผ่อนมากกว่านี้และมีคนช่วยดูแลเขาบ้าง หัวข้อที่กำลังจะเปลี่ยนไปในทิศทางนั้นเริ่มทำให้ผมรู้สึกอึดอัดเพราะกลัวว่าเขาจะถามเรื่องที่ว่าทำไมผมถึงไม่มีแฟนขึ้นมาอีก แต่สุดท้ายเขาก็เป็นฝ่ายเปลี่ยนหัวข้อคุยกลับมาเป็นเรื่องเกี่ยวกับสายงานของผมแทน ผมจึงพูดเรื่องเกี่ยวกับพวกธุรกิจเสริมความงามที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ในตอนนี้ให้เขาฟัง รวมถึงเรื่องของโรคผิวหนังที่พบได้ทั่วไปแต่คนมักไม่ค่อยรู้จักหรือระมัดระวังกันด้วย เขามีท่าทีแสดงความสนใจมากและถามผมใหญ่ว่าเช่นอะไร ผมจึงยกตัวอย่างเช่นไฝหรือขี้แมลงวันที่อาจเป็นเหตุของมะเร็งผิวหนังในภายหลังได้ขึ้นมา

“จริงดิพี่ ผมไม่เคยรู้เลยนะเนี่ย” เขาพูดด้วยน้ำเสียงแปลกใจ “แล้วอย่างผมเป็นคนมีไฝเยอะด้วยเนี่ย ต้องทำไงอะ”

ผมมองดูร่างกายของเขา “พี่ไม่เห็นมันจะเยอะเลยนี่ครับ”

“มันไม่ได้อยู่ในที่ที่มองเห็นนี่ พี่เก้า”

คำพูดของเขาทำเอาผมถึงกับอึ้งและรู้สึกเขินขึ้นมาเสียดื้อๆ

เมื่อรักเห็นสีหน้าของผมแล้วเขาก็หัวเราะออกมา “ผมหมายถึงบนหลังน่ะครับ บนหลัง โห พี่คิดอะไรเนี่ย”

“อ๋อ เปล่า ไม่ได้คิดอะไรหรอก” ผมโกหก “ว่าแต่เราเคยไปให้หมอตรวจดูบ้างรึเปล่าล่ะครับ”

“ไม่เคยหรอกครับ ผมไม่รู้ว่ามันจะเป็นอันตรายไง แต่อย่างตามแขนผมก็มีนะ พี่ดูสิ” เขายื่นแขนซ้ายออกมาให้ผมดู “เนี่ย แค่แขนซ้ายก็สามจุดแล้ว และยังตรงขาอีก”

ผมเหลือบมองดูต้นขาของเขาแล้วก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอ “แล้วทำไมไม่ลองไปให้หมอตรวจดูล่ะ”

“โห ก็อย่างที่บอกอะครับว่าผมไม่เคยรู้ว่ามันจำเป็น และอีกอย่าง ผมไม่มีเงินด้วย พอได้เงินก้อนนึงมาจากย่า ก็เอามาลงที่บ้านหลังนี้เกือบหมด แล้วไหนจะยังค่าเฟอร์นิเจอร์ ค่าซ่อมแซมอื่นๆ อีก ผมเลยต้องบริหารเงินดีๆ หน่อยน่ะครับ”

“ถ้างั้นจะให้พี่ดูให้มั้ยล่ะ ไม่ต้องไปเสียเงินเข้าคลินิกหรือโรงพยาบาล” ผมพูดทั้งๆ ที่ใจเต้นแรง

“จะดีเหรอพี่ มันเป็นอาชีพพี่นะ พี่ควรจะตรวจแล้วได้เงินสิ”

“แค่นี้เอง ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอกครับ มันก็เหมือนที่เราทำอาหารเลี้ยงพี่นั่นแหละ เอ่ออ... แต่ถ้าเกิดว่ารักลำบากใจก็ไม่เป็นไรนะ”

เขาไม่ตอบ แต่กลับลุกขึ้นยืนและถอดเสื้อยืดที่ใส่อยู่ออกทันที “จะลำบากใจอะไรล่ะครับ ยังกับพี่ไม่เคยเห็นผมตอนไม่ใส่เสื้องั้นแหละ”

ก็ใช่ แต่ถึงตอนนั้นผมจะเคยเห็นเขาตอนไม่ได้ใส่เสื้อมาแล้ว ผมก็ไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสได้สัมผัสร่างกายของเขาอย่างใกล้ชิดแบบนี้นี่

เขานั่งลงที่เดิมโดยหันหลังให้กับผม ผมจึงค่อยๆ ตรวจดูไฝแต่ละเม็ดบนแผ่นหลังของเขาอย่างละเอียด ถึงแม้วิชาชีพของผม จะทำให้ผมลืมคิดถึงเรื่องความใกล้ชิดครั้งนี้ของเราไปได้ชั่วขณะหนึ่ง แต่สุดท้าย ความเป็นผู้ชายโสดที่เหงามานานของผมก็ทำให้ผมรู้สึกเขินจนใจสั่นขึ้นมาจนได้ หลังจากที่ตรวจดูไฝบนแผ่นหลังของเขาเสร็จแล้ว เขาก็หันหน้ามาให้ผมช่วยดูที่แขนและต้นขาต่อ ซึ่งเมื่อผมวางมือลงบนต้นขาของเขา ผมก็ใจเต้นแรงยิ่งกว่าตอนแรกเสียอีก

“เอ่ออ พี่ว่ามันดูไม่มีปัญหาอะไรนะครับ แต่ถึงไงถ้าจะให้แน่นอนและปลอดภัย เราก็ควรจะให้หมอตรวจดูทุกๆ 2-3 เดือนนะ เผื่อมันจะมีอะไรเปลี่ยน โดยเฉพาะถ้าต้องออกแดดบ่อยๆ ยิ่งต้องระวัง ว่าแต่มีไฝตรงอื่นที่ไหนในร่างกายที่เรารู้และอยากจะให้ช่วยดูอีกรึเปล่าครับ”

“ฮ่าๆๆ ผมเคยได้ยินคนมาเล่นมุกอยากเห็นผมแก้ผ้าก็เยอะอยู่นะ พี่เก้า แต่นี่เป็นครั้งแรกเลยที่มีคนบอกว่าอยากให้ผมถอดเสื้อผ้าออกเพราะอยากดูไฝของผมน่ะ สงสัยคงเป็นเพราะผมไม่เคยออกเดทกับหมอผิวหนังมาก่อนล่ะมั้งงง”

เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนั้นผมก็ต้องตกใจและเขินจนรู้สึกหน้าร้อนผ่าวไปหมดทันที “เฮ้ย! พี่ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นครับ พี่ไม่ได้พูดเพราะอยากดูเราแก้ผ้าหรืออะไรสักหน่อย คือ พี่ว่าพี่คงติดมาจากตอนตรวจคนไข้ล่ะมั้ง เลยไม่ทันได้คิดว่ามันจะฟังดูแปลกเวลาที่มันอยู่นอกห้องตรวจน่ะ พี่ขอโทษครับ”

“คิดมากน่ะพี่ ผมแค่แซวเล่นเฉยๆ” เขาหัวเราะ “เอางี้ดีกว่า ไหนๆ พี่ก็บอกว่าผมควรจะต้องไปให้หมอผิวหนังตรวจดูไฝพวกนั้นทุกๆ 2-3 เดือนอยู่แล้ว และตอนนี้ผมก็แทบจะแก้ผ้าอยู่แล้วด้วย เพราะงั้นเรามาทำข้อแลกเปลี่ยนตกลงกันดีมั้ย ถ้าเกิดผมให้พี่ตรวจผมแบบหัวจรดเท้า แลกกับผมทำอาหารแบบฟูลคอร์สเลี้ยงพี่เมื่อไหร่ก็ตามที่พี่ต้องการ หรืออย่างน้อยๆ ก็ทุกครั้งที่พี่ตรวจให้ผม แบบนี้โอเคมั้ยล่ะครับ”

“เอ่อออ... รักหมายถึงจะถอดเสื้อผ้าออกหมดตอนนี้และให้พี่ลองตรวจดูไฝที่จุดอื่นตรงนี้เลยน่ะเหรอ” ผมชักไม่แน่ใจแล้วสิว่าบทสนทนานี้มันกำลังจะพาเราไปในทิศทางไหน

“ก็ใช่น่ะสิครับ พี่เคยบอกเองไม่ใช่เหรอว่าพี่เห็นของคนไข้มาเยอะแยะจนชินหมดแล้วน่ะ”

“มันก็ใช่...”

“อีกอย่าง ผมสารภาพเลยก็ได้...” เขาชะโงกหน้าเข้ามาหาผม “ว่าที่จริงผมก็มีไฝอยู่ที่ไอ้นั่นด้วยแหละ ตั้งสามเม็ดแน่ะ”

จากตอนแรกที่ผมแค่รู้สึกเขินเฉยๆ แต่เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนั้นแล้วก็กลายเป็นว่าไอ้น้องชายของผมมันเริ่มจะออกอาการขึ้นในทันที

“เอ่อ คือ ถ้ารักโอเค พี่ก็โอเคล่ะครับ เอาไว้พี่นัดเวลาให้เราไปตรวจที่โรงพยาบาลอาทิตย์หน้าหรืออะไรดีมั้ย”

“โห จะเสียเวลาไปถึงโรงพยาบาลทำไมครับ พี่เก้า! ไหนๆ พี่ก็อยู่ที่นี่แล้ว แถมยังเป็นส่วนตัวกว่าตั้งเยอะด้วย ถ้าพี่ไม่ว่าอะไร เราตรวจกันตอนนี้ก่อนเลยก็ได้” เมื่อพูดจบ รักก็ยืนขึ้นและเริ่มถอดกางเกงขาสั้นที่ใส่อยู่ออก “ไม่ต้องห่วงครับ ก่อนพี่จะมา ผมอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว เพราะงั้นหอมฉุยแน่นอน”

ตาของผมจ้องมองที่เป้ากางเกงในสีขาวที่นูนเป็นลำตรงหน้าอย่างไม่กะพริบ “เดี๋ยวนะ รักแน่ใจเหรอว่าให้พี่ตรวจให้จะโอเคจริงๆ เราไม่เขินพี่เหรอ ถ้าเป็นหมอคนอื่นจะโอเคกว่ามั้ย”

“โหพี่ ผมไม่เขินพี่หรอกครับ ตรงกันข้ามเลย ผมไว้ใจพี่ต่างหาก ถ้าเป็นคนอื่นผมคงไม่รู้สึกสบายใจที่จะให้มาดูมาจับไอ้น้องชายผมก็ได้... หรือว่าพี่ไม่สบายใจ ถ้าหากพี่ลำบากใจก็ไม่เป็นไรนะ”

“เฮ้ย เปล่า พี่จะลำบากใจเรื่องอะไร พี่แค่... คือ... เอ่ออ...” ผมอึกอัก ไม่มีทางที่ผมอยากจะปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยผ่านไปอย่างเด็ดขาด แต่ในขณะเดียวกัน นิสัยเสียเก่าๆ ของผมก็ทำให้ผมรู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูก “โอเคครับ งั้นพี่จะดูให้เลยก็แล้วกัน ถอดกางเกงในออกสิ”

เมื่อสิ้นเสียงของผม รักก็จัดการดึงกางเกงในอันเป็นปราการด่านสุดท้ายลงและเตะมันออกไป ไอ้น้องชายของเขาอยู่ในสภาพกึ่งแข็งตัว เมื่อประเมินด้วยสายตาดูแล้วน่าจะมีขนาดไม่ต่ำกว่าห้านิ้วได้ ผมอดคิดไม่ได้ว่าถ้าหากมันแข็งเต็มที่แล้วจะใหญ่ขนาดไหน

รักบอกให้ผมลองตรวจดูทางด้านหลังก่อนเพราะเขาไม่แน่ใจว่าเขามีไฝที่บั้นท้ายหรือที่หลังต้นขาบ้างหรือเปล่า เมื่อเขาหันหลังให้กับผมแล้ว ผมก็ใช้มือจับแก้มก้นของเขาเพื่อสำรวจหาไฝดูอย่างเบามือ จากนั้นก็ค่อยๆ ไล่ต่ำลงมาถึงที่โคนขา เมื่อไม่พบว่ามีไฝอยู่ที่อื่นนอกจากที่เคยตรวจดูไปเมื่อตอนแรกแล้ว ผมก็บอกเขาให้หันหน้ากลับมาเหมือนเดิม แต่คราวนี้ไอ้น้องชายของเขากลับแข็งขึ้นจนสุด รักยิ้มเขินๆ พร้อมกับพูดขอโทษ ผมจึงบอกเขาไปว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นบ่อยๆ ไม่ต้องเป็นห่วง แต่ผมไม่กล้าบอกให้เขารู้หรอกว่าในตอนนี้เขาไม่ใช่เพียงคนเดียวในห้องที่ไอ้น้องชายกำลังแข็งตัวอยู่แบบนี้

รักช่วยให้ผมสามารถหาไฝเจอได้ง่ายขึ้นด้วยการบอกตำแหน่งว่ามันอยู่ตรงไหน แถมยังช่วยจับไอ้น้องชายของเขาพลิกไปมาให้ผมดูอีกต่างหาก ผมเจอไฝทั้งหมดจำนวนสี่เม็ด บริเวณท่อนลำของเขาสองเม็ด ที่ไข่ของเขาหนึ่งเม็ด และตรงขาหนีบข้างขวาอีกเม็ด ผมตรวจดูไฝทั้งหมดแล้วก็พบว่ามันไม่มีอะไรที่ผิดปกติ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นไปหาเขา

“ทุกอย่างปกติดีครับ ไม่มีอะไรน่าห่วงนะ”

รักกำลังก้มลงมองดูผมพร้อมรอยยิ้มเล็กน้อย “ปกติแน่เหรอ”

“แน่สิ”

“ทั้งๆ ที่มันแข็งเด่เพราะโดนพี่จับแบบนี้ พี่ก็คิดว่าปกติเหรอ”

ผมหัวเราะเบาๆ อย่างกังวล ไม่กล้าที่จะพูดอะไรตอบกลับไป เพราะกลัวว่าเขาจะแค่กำลังล้อผมเล่นอยู่

“พี่เก้า พี่ว่ามันแปลกมั้ยที่ผมอายุก็เท่านี้แล้วยังรูดหนังหุ้มปลายลงให้สุดไม่ได้เลยน่ะ” เขาพูดพลางกำไอ้น้องชายของตัวเองแล้วรูดขึ้นลงเบาๆ

ผมมองดูภาพตรงหน้าด้วยดวงตาที่เบิกโพลง ไม่คิดว่าเขาจะทำถึงขนาดนี้ “อ... เอ่ออ... ก็ปกตินะครับ ยกเว้นแต่ว่าถ้ามันเจ็บมาก มีปัญหาเวลามีเพศสัมพันธ์หรือเวลาฉี่ ก็อาจจะขริบได้”

“ผมไม่อยากขริบอะพี่ พี่ลองช่วยดูให้ผมหน่อยสิว่ามันปกติรึเปล่า” เขาดึงมือของผมเพื่อไปจับที่ท่อนลำของเขา

ครั้งนี้ผมรีบชักมือออกด้วยความตกใจ แต่เขากลับเกร็งขืนเอาไว้ ในหัวของผมเริ่มคิดย้อนกลับไปนึกถึงเหตุการณ์หนึ่งเมื่อตอนที่ผมอายุ 12 ผมบังเอิญเปิดประตูห้องเข้าไปเจอพี่ชายของผมซึ่งตอนนั้นอายุ 15 กำลังนอนช่วยตัวเองอยู่บนเตียง ตอนนั้นผมยังไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่เขาทำคือสิ่งที่เรียกว่าการช่วยตัวเอง แต่ผมก็พอรู้ว่ามันไม่ใช่สิ่งที่เขาน่าจะอยากให้ใครเห็นแน่ๆ ผมยืนตัวแข็งด้วยความตกใจ เตรียมพร้อมที่จะโดนเขาด่าหรือไล่ออกจากห้อง แต่ทว่าแทนที่เขาจะทำแบบนั้น พี่สนกลับแค่ลุกออกจากเตียงและรีบเดินมาปิดประตูห้องลงเท่านั้น ผมมองดูร่างกายเปล่าเปลือยและไอ้น้องชายของเขาที่แข็งชี้มาทางผมด้วยความตื่นเต้น มันคือครั้งแรกที่ผมเคยเห็นของคนอื่นนอกจากของตัวเอง แถมยังเป็นของพี่ชายแท้ๆ ของผมที่ผมชื่นชมนับถือมาตลอดอีกต่างหาก

พี่สนเดินเข้ามาหาผมอย่างภาคภูมิใจในอาวุธของตน สำหรับผมในตอนนั้นมันดูใหญ่มาก และในตอนที่ผมยังมัวแต่ตกใจอยู่นั้น เขาก็คว้ามือของผมไปจับเข้าที่น้องชายของเขา ผมยังจำได้ถึงทุกวันนี้ว่าทันทีที่ฝ่ามือของผมสัมผัสโดนมันเข้า มันก็กระตุกเบาๆ ทันที แต่แน่นอนว่าด้วยความตกใจกลัว ผมจึงรีบชักมือออกและวิ่งหนีไปหลบอยู่นอกบ้านจนกระทั่งถึงเวลาอาหารเย็น

หลังจากนั้นผมก็ไม่กล้าอยู่ตามลำพังกับพี่สนหรือแม้แต่มองหน้าเขาอีกเลยเป็นเวลาเกือบเดือน เราไม่เคยคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้นอีก นอกจากนั้น ผมก็ยังไม่เคยได้ทำความเข้าใจถึงความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองด้วยเหมือนกัน ซึ่งนั่นคงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผมไม่กล้าสำรวจหรือยอมรับสิ่งที่ตัวเองเป็นจนกระทั่งมาถึงช่วงไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ ผมกลัวและสับสนอยู่นานนับ 10 ปี มันคือความทรงจำเลวร้ายที่ผมไม่มีวันลืม แต่ถึงอย่างนั้น หลายๆ ครั้งเวลาที่ผมช่วยตัวเอง ผมก็มักจะนึกย้อนไปถึงสิ่งที่เห็นและได้สัมผัสในตอนนั้นแล้วนึกสงสัยกับตัวเองว่า ‘ถ้าหากตอนนั้นเรา...’

ผมอดคิดแบบนั้นไม่ได้จริงๆ

ผมเงยหน้าขึ้นไปมองหน้ารักอีกครั้ง แต่คราวนี้ดวงตาและสีหน้าของเขาเปลี่ยนไปแล้ว

“ลองจับดูก่อนสิ พี่เก้า ลองรูดมันดู...” เขาพูดเบาๆ และในตอนนั้นเองที่ผมสังเกตเห็นน้ำหล่อลื่นหยดใสๆ ไหลออกมาจากไอ้น้องชายตัวเขื่องของเขาหยดหนึ่ง เขาใช้นิ้วชี้อีกข้างปาดมันออกพร้อมกับซี้ดปากเบาๆ “ดูดิ พี่ ผมน้ำจะเยิ้มอยู่แล้วเนี่ย อย่าบอกนะว่าพี่เองก็ไม่รู้สึกอะไรเลยน่ะ”

ผมรู้สึกว่าใจของผมมันเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมานอกอกอยู่แล้ว แถมยังรู้สึกทั้งเขินและกลัวจนไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปดี อีกใจผมก็อยากจะคว้าไอ้น้องชายของเขาแล้วจับมันเข้าปากทันที แต่อีกใจก็รู้สึกกลัวจนอยากจะวิ่งหนีกลับบ้านไปเสียให้ได้ ผมไม่สามารถที่จะทำแบบนั้นลงไปโดยไม่คิดถึงผลที่อาจจะตามมาก่อนได้

“เอาน่า พี่เก้า... อยากทำอะไรก็ทำเลยครับ...” เขาวางมือลงบนหัวไหล่ของผมแล้วลูบเบาๆ

ผมค่อยๆ เลื่อนมือข้างที่เขาจับเอาไว้ไปข้างหน้าเล็กน้อย เขาจึงยอมปล่อยมือของผมออก แต่ก่อนที่ผมจะทันได้สัมผัสไอ้น้องชายของเขา ผมก็รีบผุดตัวลุกขึ้นยืนและล้วงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง แสร้งทำเป็นว่ามีข้อความด่วนเข้ามา

“ขอโทษทีนะรัก พี่มีเคสด่วนเข้ามาน่ะ พี่คงต้องรีบกลับไปโรงพยาบาลแล้วล่ะ แล้วเอาไว้เดี๋ยวพี่โทรหานะครับ”

รักผงะไปด้วยความตกใจและมองหน้าผมงงๆ ส่วนผมก็รีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกจากบ้านไปโดยที่ไม่ได้หันกลับไปมองเขาที่ยังคงยืนอยู่ตรงโซฟาอีกเลย ผมรีบขับรถออกไปพร้อมกับความรู้สึกผิด กลัว ตื่นเต้น และสับสน ปนเปกันไปหมด ไอ้น้องชายที่แข็งอยู่ใต้กางเกงมาเป็นเวลานานแล้วก็ปวดตุบๆ จนผมรู้สึกทรมาน ภาพร่างกายที่เปลือยเปล่าและสีหน้ากับน้ำเสียงของเขาเมื่อครู่ ทำให้ผมตื่นเต้นจนแทบจะเป็นลม ผมตัดสินใจขับรถกลับไปที่โรงพยาบาลและจัดการช่วยตัวเองไปหนึ่งครั้ง จากนั้นก็นอนคิดถึงเหตุการณ์เมื่อช่วงหัวค่ำ ผมรู้ตัวว่าผมไม่ควรจะทำอย่างนั้น ผมอาจจะทำให้รักไม่พอใจ ทั้งที่เขาเองก็เปิดโอกาสให้ผมขนาดนี้แล้ว แต่ผมกลับเป็นฝ่ายวิ่งหนีเขาออกมา ผมรู้สึกชอบเขามากจริงๆ แต่เพราะการที่อยู่คนเดียวมาตลอด 27 ปี แล้วจู่ๆ ก็มาเจอเรื่องแบบนี้ มันทำให้ผมเสียศูนย์และตั้งหลักไม่ทัน ผมต้องการเวลาให้กับตัวเองอีกสักนิด ถึงแม้ผมจะไม่รู้ว่าผมต้องการมันไปสำหรับเรื่องอะไรก็ตาม

อย่างไรก็ตาม ปัญหาใหญ่ที่สุดคือหลังจากนี้ผมจะยังสามารถสู้หน้าเขาได้อีกหรือเปล่า เราสองคนจะไม่พูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีก ค่อยๆ ห่างกันไป จนไม่สนิทสนมกันเหมือนเดิมแบบเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นผมกับพี่สนมั้ย

ผมว่าผมคงต้องรีบโทรไปขอโทษเขาให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วล่ะ เพราะไม่อย่างนั้นผมอาจจะเสียเขาไปก็ได้ และถ้าเป็นแบบนั้น ผมจะไม่มีวันให้อภัยตัวเองเลย

“มึงคิดว่าเค้าจะยังรับสายรึอยากคุยกับมึงอยู่อีกเหรอวะ ไอ้เก้าเอ๊ย!” ผมพูดกับตัวเองพลางยกหมอนขึ้นปิดหน้า “แม่งงงง!!”

หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: Redz ที่ 03-08-2013 11:10:33
อ่านไปอ่านมา เหมือนพี่ต้นเอามาจากชีวิตจริงของพี่เอง  :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :m20: :m20: :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: netkung ที่ 03-08-2013 11:43:52
โอ้ย เจ็บปวด :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: xeruoh ที่ 03-08-2013 11:51:32
 :z13:

จิ้มไว้ก่อน
เดี๋ยวมาอ่านตอนมืดๆ
 :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 03-08-2013 12:15:12
เก้าเอ๋ย ปูนนี้แล้วยังสับสนยิ่งกว่าหนุ่มน้อยอีก
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 03-08-2013 13:04:57
จับไปก็หมดเรื่องแล้วหมอเอ้ยยยย 555
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 03-08-2013 14:24:54
เอาเป็นว่าพี่เก้าไม่ง่าย รักต้องลองวิธีใหม่แล้วหละ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 03-08-2013 14:47:32
อืม ถึงกับหนีออกมาตั้งหลักเลยเหรอหมอเก้า
 :mew5: :mew4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: phenomintna ที่ 03-08-2013 15:05:55
 :jul1: :hao5:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: patek ที่ 03-08-2013 16:51:09
น้องรักทอดสะพานให้พี่หมอถึงที่เลย ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับพี่หมอว่าจะสานต่อหรือไม่ ขอให้ทุกอย่างลงเอยด้วยดีเถอะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 03-08-2013 18:29:51
รักแร๊งงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: zeazaiz ที่ 03-08-2013 18:38:22
โธ่เอ้ย คุณหมอ หนีเขามาซะอย่างนั้น
รักนี่ก็ ใจร้อนเสียจริง 
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 03-08-2013 18:56:46
 :z1: :z1: :pighaun: :-[ :heaven :call: :pig4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 03-08-2013 19:38:56
555555555
รัก แรงงง นี่ก็หลอกหมอมาตรวจเหมือนกันใช่มั้ยเนี่ย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 04-08-2013 23:33:05
อ่านไปกรีดร้องไป เห้ยยยยยยยยยยยยยยยยย อ๊าคคคคคคคคคคคคคคค ไอ้รักกกกกกกกกกกกกกกก แรงงงงงงงงงงงงงงง หมอแม่งงงงงงงงงงงงงงงง
555 จริงๆนี่เนี่ย!
ว่าแต่เป็นการตรวจที่ลามกจริงๆคะ แต่มันก็เกิดขึ้นจริงๆนะ
ปล.ว่าแล้วเชียวว่ารักไม่ธรรมดา
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: netkung ที่ 05-08-2013 16:42:25
มาต่อโดยด่วนครับพี่ต้น  :katai1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: torto ที่ 05-08-2013 19:49:51
อ่านแล้วน่าติดตามตอนต่อไปมากๆ  จะมาปูเสื่อรอเลย :katai3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 05-08-2013 19:53:30
หมอขี้อาย :hao7:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: - คราส - ที่ 05-08-2013 20:07:20
ชอบ แต่ก็หนี แต่ก็ยังชอบอยู่
ผ่านความกลัวให้ได้นะเก้า
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 06-08-2013 20:28:12
ตอนที่ ๔

หลังจากที่แทบไม่ได้นอนเพราะครุ่นคิดถึงความรู้สึกของตัวเองมาตลอดทั้งคืน ผมก็สรุปความรู้สึกของตัวเองได้ว่า ผมทั้งโล่งใจและโกรธตัวเองมาก ผมรู้สึกโล่งอกที่สามารถหนีออกมาจากสถานการณ์ที่ตัวเองยังไม่พร้อมรับมือได้ แต่อีกใจก็รู้สึกโมโหตัวเองที่เดินหนีออกมาจากรักแบบนั้นและคงทำให้เขาไม่พอใจ

นี่ผมเป็นบ้าอะไรของผมกันแน่ หลังจากที่ต้องทนอยู่กับความเหงามาหลายปี จู่ๆ วันหนึ่งก็มีผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่งโผล่เข้ามาในชีวิต แถมเขาคนนั้นยังเป็นคนที่เคยทำให้ผมรู้สึกดีๆ มาก่อนอีกด้วย เขาเป็นคนที่เปิดประตูไปสู่โอกาสที่จะได้มีเซ็กส์กับผู้ชายเป็นครั้งแรกของผมออกด้วยความเต็มใจ แต่ผมกลับปิดมันลงและวิ่งหนีออกมาเสียเอง

ผมมัวแต่ยุ่งอยู่กับเรื่องงานและเรื่องเรียนจนพอรู้ตัวอีกที เวลาก็ผ่านไปถึงสามวันแล้ว ผมคิดอยากจะโทรหาเขาอยู่หลายหน แต่ผมก็ใช้ข้ออ้างว่าผม ‘ไม่มีเวลา’ ผลัดมันออกไปอยู่เรื่อยๆ จนสุดท้ายผมก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป ผมไม่ใช่เด็กอายุ 12 เหมือนเมื่อตอนนั้นอีกแล้ว และเขาก็ไม่ใช่พี่ชายของผม ผมเองก็ชอบเขา ผมรู้ตัวแล้วว่าผมต้องการเขา และถ้าหากว่าผมไม่ลองเปิดประตูบานนี้ดู ผมจะรู้ได้อย่างไรว่ามันจะพาผมไปที่ไหน ถึงแม้ว่ามันอาจจะจบลงเพียงแค่เซ็กส์ก็ตามทีเถอะ

ปกติ เวลามีผู้ชายแก้ผ้าต่อหน้าผมในที่ทำงาน ผมจะมีความมั่นใจในตัวเอง เข้มแข็ง และเป็นผู้คุมสถานการณ์ ในขณะที่คนเหล่านั้นมักจะรู้สึกเขินหรือไม่มั่นคง ดังนั้นผมจึงคิดได้ว่าบางที... แค่บางทีนะ เมื่อคืนนั้น รักเองก็อาจจะรู้สึกคล้ายๆ กันก็ได้ เพียงแต่ผมกลับเป็นฝ่ายที่รู้สึกอ่อนไหวเสียเอง ทั้งๆ ที่เขาเองก็น่าจะรู้สึกแทบไม่ต่างกัน ดังนั้นผมจึงตัดสินใจแล้วว่าครั้งหน้าผมจะต้องเข้าใจความรู้สึกของเขาให้มากกว่านี้ บางทีอาจจะด้วยการทำตัวเองให้อยู่ในสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกันหรืออะไรแบบนั้น...

ผมหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงด้วยมือที่สั่นเทา รู้สึกตื่นเต้นแทบไม่ต่างไปจากคืนนั้นเลย ที่จริงผมคิดว่าตลอดทั้งชีวิต ผมไม่เคยรู้สึกกลัวการโทรหาใครมากเท่านี้มาก่อนเลยด้วยซ้ำ แต่ผมรู้ดีว่าผมไม่ควรจะหนีอีกต่อไปแล้ว มันคือสิ่งที่ผมจำเป็นต้องทำ

“สวัสดีครับ” เขารับสาย

“ฮัลโหล รัก นี่พี่เก้าเองนะ”

“ครับ ผมรู้ครับพี่” เขาตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ผมรู้ได้ทันทีเลยว่าเขายังคงไม่พอใจผมอยู่ แต่ก็แน่ล่ะ...

“ทำอะไรอยู่รึเปล่าครับ พี่กวนรึเปล่า”

เขาเงียบไปพักหนึ่ง “นี่มันก็เที่ยงคืนกว่าจะตีหนึ่งแล้วครับ ผมก็ไม่ได้ทำอะไรหรอก เพิ่งถึงบ้านไม่นาน อีกสักพักคงนอนแล้วล่ะครับ”

ผมไม่ทันรู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าตอนนี้มันเป็นเวลาจะตีหนึ่งแล้ว โชคดีที่ร้านของเขาปิดตอนสี่ทุ่ม ทำให้เขากลับบ้านค่อนข้างดึกเป็นปกติ

“รัก คือ พี่... พี่อยากจะขอโทษเรื่องเมื่อวันก่อนนะ ที่จู่ๆ ก็ออกจากบ้านไปแบบนั้น เพราะก็อย่างที่พี่บอกน่ะครับว่าวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นวันหยุดพี่ก็จริง แต่พี่ก็ต้องสแตนด์บายรอเผื่อเคสฉุกเฉินตลอด นี่ตั้งแต่ตอนนั้นพี่ก็ยังไม่ได้กลับบ้านอีกเลยเหมือนกัน”

“ผมเข้าใจครับ อาชีพหมอก็แบบนี้แหละ”

ผมสัมผัสได้ถึงความไม่พอใจที่ถูกซ่อนอยู่ในน้ำเสียงของเขา ซึ่งมันก็ทำให้ผมพูดสิ่งที่อยากจะพูดต่อไปยากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก แต่ผมจะมารู้สึกปอดแหกเอาตอนนี้ไม่ได้

“รัก พี่อยากรู้ว่าอาทิตย์นี้รักจะมีวันหยุดอีกเมื่อไหร่น่ะครับ พี่จะขอแลกเวรกับเพื่อนและพี่จะไปเจอรักอีกครั้ง พี่อยากจะชดเชยที่พี่ทำเสียมารยาทไปนะ”

“พี่เก้าไม่ต้องลำบากหรอกมั้งครับ” เขาพูด แต่ผมรู้สึกถึงน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นเล็กน้อย และมันก็ทำให้ผมรู้สึกมีความหวังขึ้น

“ไม่ลำบากหรอก บอกพี่มาเถอะว่ารักหยุดวันไหน”

“อาทิตย์นี้ผมได้หยุดวันศุกร์กับวันเสาร์ครับ” เขาตอบ

“ถ้างั้นเดี๋ยวพี่จะขอแลกเวรกับเพื่อนวันศุกร์ แล้วเราเจอกันตอนบ่ายๆ นะครับ ดีมั้ย สะดวกรึเปล่า” ผมถามเขาไปทั้งที่หัวใจเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกจากหน้าอก

รักเงียบไปพักหนึ่ง “ถ้าพี่คิดว่าพี่มีเวลา ก็ได้ครับ”  เขาพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชันเล็กน้อย  แต่ผมไม่โทษเขาเลยสักนิด

“ขอบคุณครับ ถ้าอย่างนั้นเราเจอกันที่บ้านพี่สักตอนบ่ายสองโมงนะ เอ่ออ แล้วก็... เอาพวกอุปกรณ์ตัดผมที่เรามีอยู่มาด้วยล่ะ”
เขาไม่ได้ถามผมว่าทำไม ซึ่งผมคิดว่ามันคงเป็นเพราะเขายังโกรธๆ ผมอยู่ แต่ผมก็รู้สึกดีใจที่เขาไม่ถาม เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเขายังยอมมาเจอกับผม เท่านี้ผมก็ดีใจมากๆ แล้ว

เมื่อวันศุกร์มาถึง ผมที่ตื่นตั้งแต่ตีห้าเพราะนอนไม่หลับก็จัดการเก็บกวาดบ้านตั้งแต่เช้าเพื่อรอต้อนรับเขา และเมื่อถึงเวลาบ่ายสองโมงตรง เสียงออดหน้าบ้านก็ดังขึ้น ผมรีบกุลีกุจอวิ่งออกไปเปิดประตูต้อนรับเขา เขายิ้มทักทายผม แต่กลับไม่แลดูสดใสและร่าเริงเหมือนกับครั้งก่อนๆ

“เข้ามาก่อนครับ เรากินอะไรมารึยัง”

“กินแล้วครับ”

“เอ่ออ... จะเอาเบียร์หรืออะไรหน่อยมั้ย”

“ไม่เป็นไรครับ ผมโอเค”

น้ำเสียง สีหน้า และบรรยากาศที่ผมรู้สึกได้จากเขา ทำให้ผมรู้สึกตัวว่าความสัมพันธ์ของเรามันถอยหลังไปอีกก้าวใหญ่ๆ ทีเดียว แต่สาเหตุที่ผมอยากจะเจอเขาในวันนี้ก็เพราะว่าผมต้องการจะแก้ไขข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น และทำให้เรากลับมาเดินไปข้างหน้าเหมือนเดิมนี่แหละ

ผมชวนรักนั่งลงบนโซฟาในห้องรับแขกและคุยกับเขาอยู่พักหนึ่ง แต่ไม่ว่าอย่างไร เราสองคนก็ดูไม่เหมือนว่าจะกลับไปคุยกันอย่างถูกคอได้เท่ากับเมื่อก่อนหน้านี้เลยสักนิด เปล่าหรอก เขาไม่ได้ทำตัวเย็นชากับผมหรืออะไรอย่างนั้น เขาเองก็พูดคุยกับผมตามปกติ แต่อาจจะดูไม่ช่างพูดหรือร่าเริงเท่ากับก่อนหน้าคืนนั้น และบางทีอาจจะเป็นเพราะความรู้สึกผิดในใจของผมเองด้วยก็ได้ที่ทำให้ผมรู้สึกแบบนั้น

“รัก พี่ คือ... เอ่ออ พี่อยากจะขอโทษอีกครั้งนะ คือรักก็รู้ว่าปกติพี่เองก็เป็นคนไม่ได้มีสังคมอะไร สุงสิงกับใครเขาไม่เก่งอยู่แล้ว และยิ่งเป็นหมอ พี่ก็ยิ่งแทบจะปิดตายตัวเองจากโลกภายนอกไปกันใหญ่เพราะด้วยความที่ไม่มีเวลาได้เจอได้คุยกับใคร รักเป็นคนแรกเลยที่พี่ได้ใช้เวลาด้วยเยอะขนาดนี้ แต่ว่าเพราะหน้าที่น่ะนะ คืนนั้นพี่ก็เลยจำเป็นต้อง...”

“ไม่ต้องขอโทษแล้วครับพี่ ผมบอกแล้วไงว่าผมเข้าใจ เป็นหมอก็แบบนี้แหละ”

“พี่แค่หวังว่ารักจะไม่โกรธพี่นะครับ”

“ไม่โกรธหรอกครับ” เขาตอบ แต่ผมรู้ได้ทันทีเลยว่าเขาโกหก “ผมแค่งงๆ นิดหน่อยว่าทำไมพี่ถึงต้องรีบผลุนผลันออกไปขนาดนั้นด้วย ผมยังไม่ทันจะได้พูดอะไรสักคำ แต่แล้วจู่ๆ พี่ก็วิ่งออกจากบ้านไปเฉยเลยแบบนั้นเนี่ยนะ”

“คือตอนนั้นพี่รีบน่ะครับ... แล้วพี่ก็...” ผมนั่งก้มหน้า เหลือบตาขึ้นมามองเขาเล็กน้อย

“ช่างมันเถอะครับ” เขาถอนหายใจเบาๆ “ผมรู้แล้วล่ะว่าพี่เสียใจ พี่ขอโทษผมตั้งหลายครั้งแล้ว และผมก็บอกแล้วไงว่าผมไม่ได้โกรธพี่” เขายิ้มให้ผม ซึ่งในที่สุดผมก็รู้สึกได้แล้วว่ามันคือรอยยิ้มของการให้อภัยจริงๆ

“พี่อยากจะขอโทษรักและอยากจะทำยังไงก็ได้ให้รักรู้ว่าพี่เสียใจจริงๆ กับการกระทำของตัวเอง พี่เลยเรียกรักมาที่นี่ และอยากใช้เวลาอยู่กับรักไปตลอดทั้งบ่ายเพื่อชดเชยกับเรื่องคืนนั้น แต่... เอ่ออ...” ผมก้มหน้าลงอีกครั้ง คุยกับมือของตัวเองที่ประสานอยู่ด้วยกัน เพราะไม่กล้าที่จะสบตาเขา และไม่รู้ว่าเขาจะคิดอย่างไร “แต่ก็ต่อเมื่อรักอยากจะทำแบบนั้นน่ะนะครับ...”

“แล้วเราจะนั่งคุยกันอย่างเดียวนี่น่ะเหรอ” เขาถามขึ้นหลังจากเงียบไปพักหนึ่ง

“ก็... อะไรก็ได้ครับ แล้วแต่... แล้วแต่รักเลย”

“งั้นตอนเย็นเราทำกับข้าวกินด้วยกันอีกดีมั้ย”

ผมพยักหน้า “ก็ดีนะครับ”

“เงยหน้าได้แล้ว พี่เก้า จะก้มหน้าทำไมนัก ผมไม่โกรธพี่แล้วน่า”

ผมเงยหน้าขึ้นมามองหน้าเขาอย่างอายๆ

“ค่อยยังชั่ว” เขายิ้มกว้างให้ผม ทำให้ผมยิ้มตามออกมาด้วย

“แล้วกว่าจะถึงตอนเย็น รักมีแพลนจะทำอะไรรึเปล่า”

เขาส่ายหน้า “ไม่มีอะครับ ผมถึงได้มาหาพี่ได้ไง ว่าแต่พี่เถอะ ให้ผมเอาบัตตาเลี่ยนกับกรรไกรมาทำไม อย่าบอกนะว่าจะให้ผมตัดผมให้น่ะ”

“เอ่อออ ก็ประมาณนั้นน่ะครับ พี่รบกวนหน่อยได้มั้ยล่ะ”

“ก็ได้นี่ จะให้ผมตัดที่ไหนล่ะ ตรงนี้รึในห้องน้ำ”

“ย้ายไปในห้องน้ำดีกว่าครับ มันจะได้ทำความสะอาดง่ายหน่อย อีกอย่าง...”

“อะไรครับ”

“เอ่ออ คือ...” ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก “คือพี่อยากให้รักช่วยโกนขนที่หลังให้พี่ด้วยได้มั้ย พี่ว่าพี่เป็นคนขนที่หลังค่อนข้างเยอะน่ะ เคยอยากจะโกนออกหลายทีแล้ว แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง”

รักมองหน้าผมแล้วยิ้มกว้างพร้อมกับหัวเราะเบาๆ ออกมา นับเป็นการหัวเราะครั้งแรกตั้งแต่เราเจอกันวันนี้

“อย่าขำดิ พี่อายนะเว้ย” ผมรู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนผ่าวไปหมด “คือพี่ไม่ใช่คนขนเยอะหรืออะไรหรอก แต่ที่หลังเนี่ย มันเยอะกว่าที่อื่น เลยแปลกๆ น่ะ”

“โอเคๆ ผมยังไม่ได้ว่าอะไรเลย ไม่ได้ขำด้วย เอาไว้ให้ผมดูก่อนแล้วกัน” เขาตบมือลงบนต้นขาผมเบาๆ ทำเอาผมรู้สึกถึงกระแสไฟฟ้าที่วิ่งไปทั่วทั้งร่าง โดยเฉพาะไอ้น้องชายของผมที่เริ่มแข็งขันขึ้นทันที

“งั้นรักไปรอพี่ในห้องน้ำก่อนนะ เดี๋ยวพี่ยกเก้าอี้ตามขึ้นไป”

อีกไม่ถึงห้านาทีถัดมา ผมกับเขาก็ยืนอยู่ในห้องน้ำโดยมีเก้าอี้แบบไม่มีพนักพิงวางกั้นอยู่ระหว่างเราสองคน เขาสั่งให้ผมถอดเสื้อออก ซึ่งผมก็ทำตามอย่างว่าง่าย แต่ด้วยความเขินอาย ผมจึงเลือกที่จะหันหลังให้กับเขา

“ถอดกางเกงด้วยสิ พี่เก้า ผมมันจะได้ไม่ตกลงใส่กางเกง”

ผมกระอักกระอ่วนอยู่อึดใจหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจดึงกางเกงขาสั้นที่ใส่อยู่ลง เตะมันออกไปข้างๆ แล้วจึงรีบนั่งลงบนเก้าอี้โดยใช้มือกุมเป้ากางเกงในเอาไว้ด้วย ถึงแม้ว่าผมจะยังหันหลังให้เขาอยู่ตลอดเวลาและเขาไม่น่าจะรู้ว่าไอ้น้องชายของผมมันแข็งอยู่ก็ตาม

“จริงๆ มันก็ไม่ได้เยอะอะไรมากมายนะ ขนที่หลังพี่เนี่ย” รักพูดขึ้นพร้อมกับแตะลงบนหลังของผม ทำเอาผมสะดุ้งเฮือก

“ข... ขอโทษทีครับ พี่แค่ตกใจนิดหน่อย”

“ไม่เป็นไรครับ” เขาตอบพลางหัวเราะในลำคอเบาๆ “แต่ผมก็พอจะเข้าใจล่ะนะว่าทำไมพี่อยากให้ผมช่วยโกนมันออก เพราะดูๆ แล้วทั้งแขนและขาพี่ก็แทบไม่มีขนเลยจริงๆ นั่นแหละ มันเลยดูเยอะแปลกๆ อยู่ที่เดียว ใช่มั้ย” เขาลูบมือไปตามแผ่นหลัง หัวไหล่ และไล่มายังต้นแขนของผมเบาๆ

“ครับ เพราะงั้นเวลาพี่ว่ายน้ำ พี่ก็จะเขินๆ น่ะ”

“แล้วผมควรจะทำอะไรก่อนดี ตัดผมก่อน หรือโกนขนที่หลังออกก่อน”

“โกนขนที่หลังออกก่อนก็ได้ครับ”

“โอเค” เขาพูดพลางเสียบปลั๊กบัตตาเลี่ยน จากนั้นก็เริ่มภารกิจ

เขาใช้เวลาแค่ไม่ถึงสามนาทีก็เสร็จเรียบร้อย แต่ที่จริงผมก็อดคิดไม่ได้นะว่าถ้าหากเขาทำจริงๆ ไม่ถึงครึ่งนาทีก็น่าจะเสร็จแล้ว เพราะเขาก็บอกเองว่าผมไม่ได้มีขนเยอะขนาดนั้น แต่นี่เขากลับใช้เวลาค่อนข้างนานกว่าที่ผมคิด แถมยังใช้มือลูบไล้ไปทั่วทั้งแผ่นหลังของผมอย่างช้าๆ จนผมต้องขนลุกและเผลอครางในลำคอออกมาเบาๆ

“ยืนขึ้นหน่อยสิครับ พี่เก้า” เขาบอกผม “ตรงช่วงแนวสันหลังมันมีไรขนที่ไล่ลงไปถึงข้างใต้กางเกงในนะ ผมว่าถ้าจะเล็มออก มันก็ควรเล็มให้หมดไปเลยนะครับ”

ผมกลืนน้ำลายลงคอและตัดสินใจยืนขึ้น แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ขยับตัว ผมก็รู้สึกถึงมือของรักที่เลื่อนมาแตะลงบนขอบกางเกงในของผมและค่อยๆ ดึงมันลง ผมถึงกับสะดุ้งและรีบคว้าข้อมือของเขาเอาไว้ทันที

“ผมไม่ดึงลงหมดหรอกครับ ไม่ต้องห่วง แค่นิดเดียวพอให้ผมได้โกนขนออกเท่านั้นเอง”

เมื่อได้ยินดังนั้น ผมก็ปล่อยมือของเขาออก จากนั้นก็กุมบริเวณกลางลำตัวเอาไว้เหมือนเดิม รักดึงกางเกงในของผมลงจนบั้นท้ายของผมเผยออกมาแล้วก็หยุดอยู่แค่นั้น ไม่ได้ดึงมันลงไปจนสุด เขาจัดการใช้บัตตาเลี่ยนเล็มไรขนอ่อนๆ ตรงร่องก้นของผมออก แล้วจากนั้นก็หมุนตัวของผมให้หันไปหาเขา

“ให้ผมดูข้างหน้าซิ มีอะไรต้องเล็มบ้างรึเปล่า”

เมื่อผมหันไปเผชิญหน้ากับเขาที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น เป้ากางเกงของผมจึงอยู่ในระดับสายตาของเขาพอดี ผมพยายามจะใช้มือปิดมันเอาไว้ แต่ถึงอย่างไรเขาก็ย่อมต้องมองออกอยู่ดีว่ามันกำลังแข็งตัวอยู่

“ข... ขอโทษทีครับ... พี่ไม่เคยชินกับการถูกใครสัมผัสตัวแบบนี้น่ะ ก็เลย...” ผมพูดอายๆ

“ไม่เป็นไรครับ ผมพอจะรู้” เขาเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ผม “งั้นไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วผมขอถอดกางเกงในพี่ออกเลยนะ จะได้เล็มขนตรงนี้ให้ไปเลย ดีมั้ย”

เขาถาม แต่กลับไม่รอคำตอบจากผม รักจัดการดึงกางเกงในของผมลงจนมันหลุดไปอยู่ที่ตาตุ่ม ผมยกขาขึ้นและเตะมันออกไปกองอยู่ที่เดียวกับกางเกงขาสั้นตรงมุมห้องน้ำ และพยายามที่จะใช้มือปิดไอ้น้องชายของตัวเองเอาไว้อีก แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่นัก

“คราวนี้พี่เริ่มเข้าใจแล้วล่ะว่าเวลาคนไข้ต้องแก้ผ้าต่อหน้าพี่ เค้ารู้สึกกันยังไง...” ผมพูดอายๆ “คืนนั้นรักเองก็คงรู้สึกแบบนี้ด้วยรึเปล่า”

“ก็คงคล้ายๆ กันแหละครับ เวลาแก้ผ้าต่อหน้าคนอื่นที่ใส่เสื้อผ้าครบ มันก็รู้สึกแปลกๆ อยู่นา แต่พี่ไม่จำเป็นต้องอายหรอก” เขาพูดพลางปัดมือของผมออก “พี่เองก็หุ่นดีออกนะ ผิวก็เนียน ขาว แถมไอ้นี่ก็ขนาดไม่เบาเลยด้วย” เขาคว้าหมับเข้าที่ไอ้ท่อนลำของผม ทำเอาผมสะดุ้งแถมยังเสียวจนต้องเผลอครางออกมาอีกหน

“แต่... แต่พี่ไม่ได้ใหญ่เท่ารักหรอกนะ และยิ่งไม่ได้หุ่นดีแบบรักด้วย”

รักหยิบกรรไกรขึ้นมา จากนั้นก็กดไอ้น้องชายของผมที่แข็งเป็นลำชี้หน้าเขาอยู่ลงเพื่อเล็มขนหัวหน่าวให้ผม “ผมเล่นกล้ามออกกำลัง ส่วนมากก็เพื่อดูแลตัวเอง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะชอบคนที่ตัวใหญ่ๆ แบบผมหรือล่ำกว่าผมหรอกนะครับ ผมชอบคนหุ่นธรรมดาๆ แต่ผิวเนียนๆ สะอาดๆ มากกว่า”

ผมไม่ได้พูดอะไรตอบกลับไป ถึงแม้จะค่อนข้างมั่นใจแล้วว่าการที่เขาบอกผมแบบนั้นคือการยอมรับอ้อมๆ แล้วว่าเขาไม่ได้ชอบผู้หญิง และเขาเองก็รู้สึกชอบผมอยู่เหมือนกัน

ในขณะที่เขากำลังเล็มขนหัวหน่าวให้ผมจนใกล้จะเสร็จแล้วนั้น เขาใช้มือข้างที่จับไอ้น้องชายของผมอยู่รูดขึ้นลงเบาๆ จากนั้นก็เป่าเศษขนที่ติดอยู่ออก ทำเอาผมเสียวจนตัวงอและทำให้น้ำหล่อลื่นไหลออกมา ด้วยความอาย ผมจึงรีบใช้นิ้วชี้ปาดมันออกและบอกขอโทษเขา แต่แล้วจู่ๆ รักก็ทำสิ่งที่ผมคาดไม่ถึง นั่นคือเขากลับวางกรรไกรลงและชะโงกหน้าเข้ามาใช้ลิ้นเลียทำความสะอาดบริเวณส่วนหัวของไอ้น้องชายผมแทน

“อ๊าา..า..ห์!” ผมสะดุ้งเฮือกเพราะความเสียว ผมไม่เคยรู้สึกอะไรแบบนี้มาก่อนเลย!

รักค่อยๆ ครอบริมฝีปากและดูดไอ้น้องชายของผมอย่างช้าๆ ในตอนแรก ก่อนที่จะเริ่มเร่งความเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ ทำเอาผมยืนแทบไม่ติดพื้นและต้องจับหัวไหล่ของเขาเอาไว้เพื่อพยุงตัว อีกไม่กี่อึดใจต่อมา ผมก็เริ่มรู้สึกถึงคลื่นลูกใหญ่ที่ก่อตัวอยู่ในท้องน้อย ผมบอกเตือนเขาว่าผมใกล้จะถึงจุดสุดยอดแล้ว เขาจึงถอนปากออกแล้วใช้มือชักต่อให้ผมแทน แต่ก็ยังคงใช้ลิ้นตวัดเลียบริเวณส่วนหัวดอกเห็ดไม่หยุด

“รัก... รักก... พี่จะ...แฮ่กก...แฮ่กกก... พี่จะเสร็จแล้วว..วว!!” ผมครางกระเส่าและพูดแทบไม่เป็นภาษา “โอ๊ยย.. โอ๊ยย..ยย... จะ! จะแตกแล้วครับ!!”

และในตอนที่ผมกำลังจะฉีดน้ำรักออกมา รักก็ทำสิ่งที่ผมไม่คาดฝันอีกครั้ง เพราะแทนที่เขาจะใช้มือช่วยชักให้ผมต่อ เขากลับปล่อยมือออกและครอบปากกลับลงบนท่อนลำของผมเหมือนเดิม ในเสี้ยววินาทีที่ผมรู้สึกถึงช่องปากอุ่นๆ แฉะๆ ของเขา ร่างกายของผมก็กระตุกครั้งใหญ่และฉีดน้ำรักเข้าสู่ปากของเขาทันที ผมร้องครางออกมาเสียงดังและบิดตัวไปมาด้วยความเสียวแบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนเลยในชีวิต รักจำเป็นต้องพยุงสะโพกของผมเอาไว้เพื่อให้ผมอยู่นิ่งในขณะที่กลืนน้ำของผมลงคอ ร่างกายของผมกระตุกเบาๆ อีกหลายครั้ง จนเมื่อความรู้สึกตึงเครียดเริ่มคลายลง ผมก็ค่อยๆ ทรุดตัวลง รักถอนปากออกและใช้ลิ้นเลียทำความสะอาดให้ผมเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะยืนขึ้นและช่วยพยุงตัวของผมเอาไว้ในอ้อมแขนของเขา

“เป็นไงมั่งครับ... ครั้งแรกของพี่” เขากระซิบถามลงที่หูของผม

“รัก... รักรู้เหรอ”

“ผมแค่เดาเอาน่ะ ใช่รึเปล่าล่ะครับ”

ผมพยักหน้าอายๆ

เขาหัวเราะเบาๆ ก่อนจะจุ๊บลงบนแก้มของผม “พี่เก้าแม่งน่ารักจริงๆ ว่ะ!”

ผมที่ยังคงหอบและพยายามหายใจให้เป็นปกติอยู่ไม่มีแรงที่จะพูดอะไรตอบเขากลับไป รักที่กอดผมเอาไว้ค่อยๆ พยุงผมให้นั่งลงและจับตัวผมเอนพิงลงบนร่างกายของเขา เขากอดผมจากทางด้านหลังและลูบไล้ร่างกายเปลือยเปล่าของผมไปมาเบาๆ

“งั้นแปลว่านี่ผมเป็นคนแรกของพี่จริงๆ ใช่มั้ย” เขาเป็นฝ่ายเริ่มพูดขึ้นก่อน

“ครับ... น่าอายใช่มั้ยล่ะ อายุ 27 แล้วแต่ไม่เคยมีแฟน ไม่เคยมีอะไรกับใครเลย”

“ไม่เห็นน่าอายเลย ผมว่ามันพิเศษออกจะตาย”

“พิเศษเหรอ”

“ครับ อย่างน้อยผมก็รู้สึกพิเศษนะ ที่ได้เป็นคนแรกของพี่น่ะ”

เขาทำให้ผมเขินจนต้องหน้าแดงอีกครั้ง

“แล้วทำไมพี่ถึงได้ยอมให้ผมทำแบบนี้กับพี่ล่ะ ทำไมถึงเลือกให้ผมเป็นคนแรกของพี่ ถึงขนาดต้องวางแผนให้ผมมาโกนขนที่หลังรึตัดผมให้เนี่ย”

ประโยคนั้นของเขาทำให้ผมเขินยิ่งกว่าเดิมอีกไม่รู้กี่ร้อยเท่าจนแทบอยากจะมุดดินหนีไปตอนนี้เลยด้วยซ้ำ “พี่... เอ่ออ... พี่ดูออกง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ...”

“ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ” เขาหัวเราะในลำคอเบาๆ “ผมแค่คิดว่าการที่คนขี้อายอย่างพี่กล้าถอดเสื้อผ้าต่อหน้าผมในห้องน้ำเนี่ย มันน่าจะมีความหมายอะไรรึเปล่า แถมจริงๆ ขนที่หลังพี่มันก็ไม่ได้เยอะขนาดนั้น แต่ตอนนั้นผมก็ยังไม่อยากคิดไปเองหรอกนะ ก็เลยดูท่าทีไปก่อน” เขาเว้นช่วงครู่หนึ่งก่อนจะชะโงกหน้ามาหอมแก้มผมอีกครั้ง “แต่ผมดีใจที่ผมคิดไม่ผิดนะ แล้วพี่ล่ะ รู้สึกยังไงบ้าง ดีใจรึเปล่า”

“ดีใจอะไรครับ”

“ดีใจที่แผนของตัวเองประสบผลสำเร็จไง” เขาหัวเราะ

ผมก้มหน้าลงและส่ายหัวเบาๆ “โอยยย พี่โคตรอายเลยว่ะ!”

“ไม่ต้องอายหรอกคร้าบบ ตอนที่ผมให้พี่ดูไฝของผม นั่นก็เป็นแผนของผมเหมือนกันนั่นแหละ เจ๊ากันไปก็พอ โอเคมั้ย” เขาจบประโยคด้วยเสียงหัวเราะอีกครั้ง

“พูดถึงเรื่องคืนนั้น พี่มีอะไรจะสารภาพนะ...” ผมพูดเสียงค่อย “ที่จริงเรื่องเมสเสจที่พี่บอกตอนนั้นน่ะ พี่... พี่โกหกครับ... ความจริงคือมันไม่ได้มีเมสเสจอะไรหรอก แต่พี่แค่กลัวและตกใจ ทำตัวไม่ถูก ก็เลยตัดสินใจวิ่งหนีไปจากรัก เพราะพี่ เอ่ออ... พี่ชอบรักมาก แต่พี่ไม่เคยได้ใกล้ชิดกับใครแบบนั้นมาก่อน พี่ไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไง ควรจะทำยังไง และก็กลัวด้วยว่าถ้าหากมันเกิดอะไรขึ้นจริงๆ แล้วพี่ควรจะทำตัวยังไงต่อ พี่ก็เลยต้องการเวลาที่จะคิดทบทวนสิ่งเหล่านั้นให้ดีๆ ก่อนน่ะ... พี่ขอโทษครับ”

“ผมยอมรับนะว่าตอนแรกผมเสียอารมณ์มาก ผมยืนแก้ผ้าต่อหน้าพี่แล้ว พี่ยังไม่รู้อีกว่าต้องทำยังไง แถมยังทิ้งผมไปดื้อๆ และที่สำคัญมันทำให้ผมนึกถึงตอนที่เราเจอกันครั้งแรกและพี่ไม่ไปเจอผมตามที่นัดเอาไว้ด้วย ผมก็เลยเซ็งๆ” เขาเว้นช่วงไปอึดใจหนึ่ง “แต่พอผมคิดว่าพี่เป็นคนขี้อายมากๆ และเริ่มรู้สึกว่าพี่น่าจะไม่เคยมีอะไรกับใครมาก่อน ผมก็หายโกรธแล้วล่ะครับ ผมเข้าใจพี่น่ะ”

“ขอบคุณที่เข้าใจพี่นะครับ แล้วรักจะให้โอกาสพี่แก้ตัวมั้ย และจากนี้ไปเรา... เอ่ออ... เราสองคนจะยังเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิมได้รึเปล่า หรือว่า...”

“ทำไมเราไม่ล้างตัวพี่ให้สะอาดก่อน แล้วค่อยไปคุยกันต่อในห้องนอนดีมั้ย” เขาขยี้หัวผมเบาๆ “ส่วนไอ้เรื่องเป็นพี่เป็นน้องกันน่ะ เลิกคิดไปได้เลย เพราะผมไม่มีความคิดอย่างนั้นอยู่ในหัวมาตั้งนานแล้ว”

“หมายความว่าไงครับ”

เขาดันตัวเองให้ยืนขึ้นจากนั้นก็ดึงตัวผมขึ้นไปกอด เขาประทับจูบลงบนริมฝีปากของผมอย่างแผ่วเบา ก่อนที่จะเริ่มร้อนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ทำเอาไอ้น้องชายของผมที่อ่อนตัวลงไปกลับแข็งสู้ขึ้นมาอีกครั้งอย่างรวดเร็ว

เมื่อเขาถอนริมฝีปากออก เราต่างก็หอบหายใจเบาๆ กันทั้งคู่

“ผมไม่คิดอยากจะเป็นแค่น้องชายของพี่มาตั้งแต่ 10 กว่าปีก่อนแล้วครับ”

“จริงเหรอ รัก” ผมแทบไม่อยากเชื่อหูของตัวเอง

เขายิ้มให้ผม “จริงสิ แต่เรายังมีเวลาให้คุยกันอีกนานน่า ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก แต่ก่อนหน้านั้น ผมขอทำอย่างอื่นให้หายอยากก่อนนะครับ...” เขายกตัวของผมขึ้น จากนั้นก็อุ้มผมเดินเข้าไปในห้องนอน

หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: phenomintna ที่ 06-08-2013 21:19:07
เอ้รยยยยยยยเขินอ่ะ เขินมากกกกก
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 06-08-2013 21:31:00
 :hao7: :hao7:
ร้ายอ่ะรัก
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: torto ที่ 06-08-2013 21:42:16
ขอไปอ่านก่อนนะแล้วจะกลับมาเม้มให้ใหม่   ขอบคุณที่มาต่อให้นะ  กำลังรออยู่เลย :pig4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: patek ที่ 06-08-2013 22:00:16
ลุ้นสุดๆๆ ในที่สุดพี่เก้าก็เสร็จน้องรัก ขอบคุณที่มาต่อนะคับ รอตอนต่อไปอยู่คับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: miracle22936 ที่ 06-08-2013 22:04:54
เขิน อ่ะ อยากอ่านตอนต่อไปแล้ว  :katai4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 06-08-2013 22:11:04
กรี๊ดดดดดดด
ตัดกันอย่างนี้เลยเหรอคะพี่ต้น
ฮ่าๆๆๆ ในที่สุดเขาก็เข้าใจกันสักที
วางแผนกันไปวางแผนกันมานะสองคนนี้
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 06-08-2013 22:21:00
อากช์.... ในที่สุด เก้าก็กล้าเสียที
หวังว่ารักคงไม่คิดแค่ฟันเล่นๆนะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: Redz ที่ 06-08-2013 22:56:43
เหยดดดด มาเร็วเคลมเร็ว  :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :m20: :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 06-08-2013 23:33:36
โอ๊ย อ๊าก อู๊ว ไม่ไหวแล้ว สองคนนี้มันจะเร็วกันไปถึงไหน อ๊าค เขินแทบสิ้นสติแทนหมอ โอ๊ยยยย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 06-08-2013 23:39:48
หมออ่อยได้ประสบผลสำเร็จอย่างท่วมท้นจ้าาาา 555
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 06-08-2013 23:42:45
ว้าว...ต้องไปปลูกขนที่หลังมั่งฮิ...อ๊ะ...ล้อเล่นนะจ๊ะคุณหมอเก้า
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 06-08-2013 23:54:01
ในที่สุดพี่เก้าก็ตกเป็นของรักโดยสมบูรณ์แล้วใช่ไหม :z1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 06-08-2013 23:56:55
อร๊ายยยยยยยยยย อ่านแล้วเขิน
แหม เล่นวางแผนกันทั้งคู่
เข้าจะเข้าห้องนอนแล้ว แอบย่องไปดูดีกว่า
เขาทำอะไรกันน๊า
 :ling1: :ling1: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: xeruoh ที่ 07-08-2013 00:43:33
ว้ายยย
คนแรก ครั้งแรก
น่ารักไปนะคะคุณหมอออ ♥
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 07-08-2013 00:48:59
พี่เก้าน่ารักอ้ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: Also ที่ 07-08-2013 01:01:19
 :laugh:  :laugh: ลืมล้างตัวให้พี่หมอก่อนรึเปล่าคะน้องรัก
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: netkung ที่ 07-08-2013 01:46:33
ฉากแบบนีี้แหละพี่ ชอบเวอร์ :haun4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: Fujoshi ที่ 07-08-2013 09:38:42
 :-[
มาต่อเลยนะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 07-08-2013 09:50:31
อยากได้ฉากมหัศจรรย์ อยากได้ฉากมหัศจรรย์  :ling1: :ling1: :katai1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 07-08-2013 15:03:36
ในที่สุด ฮ่าาาา
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 07-08-2013 20:57:30
รักแม่มม ร้ายยย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 08-08-2013 18:55:52
ตอนที่ ๕


รักวางตัวของผมลงบนเตียง จากนั้นก็เหวี่ยงตัวขึ้นคร่อมผม เขาก้มหน้าลงมาจูบผมเบาๆ ก่อนที่จะค่อยๆ สอดลิ้นเข้ามา ทันทีที่ผมสัมผัสได้ถึงลิ้นของเขา ผมก็เผยอปากออกและใช้ลิ้นตวัดเข้าในช่องปากของเขาอย่างโหยหาทันที ลมหายใจเราของเราสอดประสานเป็นจังหวะเดียวกัน เช่นเดียวกับร่างกายที่ขยับขึ้นลงเบาๆ เป็นจังหวะ เราแลกลิ้นกันอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายถอนปากออก ผมดึงเสื้อของเขาขึ้นเพื่อช่วยให้เขาถอดมันออกไปไวๆ และหลังจากที่โยนมันลงไปข้างเตียงแล้ว เขาก็ดึงกางเกงออกและเตะมันลงไปกองอยู่ที่เดียวกัน ผมเพิ่งสังเกตว่าเขาไม่ได้ใส่กางเกงในมาหาผมอีกแล้ว

ผมยื่นมือไปวางลงบนแก้มของเขา ดวงตาคู่นั้นที่มองผมอยู่ช่างเต็มไปด้วยความรักและความปราถนาในร่างกายของผมจนแม้แต่ผมยังรู้สึกได้ เขาจับมือของผมและจูบลงบนข้อมือเบาๆ ผมค่อยๆ เลื่อนมือต่ำลงไปยังขอบกราม ต้นคอ และไล่มาจนถึงหน้าอกของเขา ผมไม่อยากเชื่อเลยว่าผมกำลังมีวันนี้ วันที่ผมได้สัมผัสผู้ชายคนแรกที่ผมรู้สึกรักจากหัวใจ... ใช่ ผมใช้คำว่า ‘รัก’ ไม่ใช่แค่ ‘ชอบ’ อีกต่อไปแล้ว

รักจับมือของผมให้เลื่อนต่ำลงจนไปถึงบริเวณกลางลำตัว จากนั้นก็ส่งยิ้มขี้เล่นให้ผม “คราวนี้คงไม่หนีไปไหนอีกแล้วใช่มั้ย”
ผมมองมือของตัวเองที่กำลังกำไอ้น้องชายของเขาอยู่แล้วส่ายหน้า

“แล้วคราวนี้ยังไงต่อ...” เขาถาม

ผมดันตัวของเขาออก จากนั้นก็พลิกตัวให้เขานอนหงายลงแทนตำแหน่งของผม ผมเลื่อนตัวลงต่ำจนมาหยุดอยู่ที่ท่อนลำของเขา ผมจับมันตั้งขึ้นเพื่อชื่นชมความงามของมัน ขยับมือขึ้นลงอย่างช้าๆ 3-4 ที จนกระทั่งน้ำเหนียวๆ หยดใสๆ ไหลเยิ้มออกมา รักซี้ดปากเบาๆ พลางขยับสะโพกเล็กน้อย ในที่สุดผมจึงตัดสินใจทำสิ่งที่อยากทำมานานแล้ว ผมอ้าปากออกให้กว้างที่สุดเท่าที่จะทำได้จากนั้นก็พยายามอมไอ้ท่อนลำขนาดใหญ่ตรงหน้าเข้าปากไปให้มากที่สุด แต่เพราะความยาวของมัน จึงทำให้ผมแทบสำลัก

“ใจเย็นๆ ครับพี่เก้า ไม่ต้องรีบ ไม่ต้องพยายามอมมันจนสุดหรอก” รักผงกหัวขึ้นมาบอกผม “มานี่ ผมทำให้ดู”

เขาหมุนตัวจนเรานอนอยู่ในท่า 69 จากนั้นก็เริ่มใช้ลิ้นเลียตั้งแต่บริเวณส่วนโคนท่อนลำของผม ไล่ขึ้นไปจนถึงปลายยอด ผมถึงกับบิดตัวงอเพราะความเสียว แต่ก็พยายามทำแบบเดียวกันให้เขาบ้าง เมื่อเขาครอบปากลงบนน้องชายของผม ผมก็เลียนแบบเขาทุกอย่างอย่างกระตือรือร้น

เขาคายไอ้น้องชายของผมออก “ค่อยๆ ครับ พี่เก้า เก็บฟันดีๆ ค่อยๆ ดูดช้าๆ เหมือนดูดไอติมนั่นแหละ... อย่างนั้นแหละครับ... ซี้ดดดส์... อาา..า... เก่งมากครับ คนเก่ง ลองใช้ลิ้นตวัดเบาๆ ดู... อื้มมม... แบบนั้นแหละครับ”

เสียงที่ครางกระเส่าของเขาขณะกำลังสอนผมให้ใช้ปากเป็นครั้งแรกมันฟังดูเซ็กซี่จนผมรู้สึกเตลิดเปิดเปิง ไอ้น้องชายของผมที่อยู่ในมือของเขากระตุกเบาๆ พลางขับน้ำหล่อลื่นหยดใหญ่ออกมา รักใช้ปลายนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ละเลงมันจนทั่วส่วนหัวดอกเห็ดทำให้ผมเสียวจนต้องคายไอ้น้องชายของเขาออกเพื่อส่งเสียงคราง แต่เมื่อเห็นผมเป็นแบบนั้น แทนที่จะหยุด เขากลับใช้ลิ้นบี้และละเลงลงบริเวณส่วนปลายยอด ทำเอาผมเสียวจนตัวงอ แล้วจากนั้นเขาก็อมไอ้ท่อนลำของผมกลับเข้าไปอีกครั้ง ผมจึงหันกลับไปทำแบบเดียวกันต่อ

เราต่างก็ใช้ปากให้แก่กันและกันอยู่ครู่หนึ่ง จนกระทั่งเขาเป็นฝ่ายผละออกไปก่อน

“พอก่อน พี่เก้า เดี๋ยวผมแตก...” เขาพูดพลางหอบหายใจเสียงดัง จากนั้นเขาก็ชันตัวขึ้นและดึงผมเข้าไปจูบปาก “ทำอย่างอื่นกันดีมั้ยครับ พี่อยากให้ผมทำรึเปล่า”

ผมพยักหน้าเบาๆ “แต่รักต้องค่อยๆ นะ พี่ยังไม่เคย...”

“ผมรู้ครับ พี่ไม่ต้องห่วงหรอก ผมไม่มีทางทำให้คนที่ผมรักต้องเจ็บอยู่แล้ว ถ้าเกิดว่าพี่เจ็บก็ให้รีบบอก ผมจะหยุดทันทีเลย โอเคนะ”

“เมื่อกี้... เมื่อกี้รักพูดว่ายังไงนะครับ”

เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ผมบอกว่าถ้าพี่เจ็บ ผมจะหยุดให้ ไม่ต้องกลัว”

“ไม่ใช่ครับ ก่อนหน้านั้นน่ะ เมื่อกี้เราบอกว่า เรา... รักพี่เหรอ”

เขาต้องใช้เวลาคิดอยู่อึดใจหนึ่งถึงจะเข้าใจและยิ้มออกมา “ใช่ครับ ผมพูดแบบนั้นแหละ”

“พี่... เอ่ออ... แปลว่านี่มันจะไม่ใช่แค่สิ่งที่เกิดขึ้นแค่ครั้งเดียวใช่มั้ย”

เขาหอมแก้มผม และจุ๊บปากผมเบาๆ “พี่ลองให้โอกาสผมกับเวลาเป็นสิ่งพิสูจน์ให้พี่ดูดีกว่ามั้ย แต่ผมบอกแล้วไงว่าเรายังมีเวลาคุยกันอีกเยอะ เพราะงั้นก่อนอื่นน่ะ...” เขาเลื่อนมือที่ประคองตัวผมอยู่ลงต่ำและบีบก้นผม “พร้อมรึยัง”

ผมทั้งอ่านและดูหนังโป๊มาเยอะจนพอจะรู้แล้วว่าผมกำลังจะเจอกับอะไร แน่นอนว่าใจหนึ่งผมก็กลัว แต่ในขณะเดียวกัน ผมก็เฝ้ารอเวลานี้มานานเหลือเกินแล้ว แค่เพียงคิดว่าเขากำลังจะสอดใส่เข้ามาในร่างกายของผม เป็นหนึ่งเดียวกับผม และเป็นผู้เติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปมานานหลายปีให้แก่ผม ผมก็รู้สึกว่าร่างกายมันสั่นออกมาเบาๆ ทันที

“กลัวเหรอ” เขาถามพลางกอดผมเอาไว้

“เปล่าครับ” ผมส่ายหน้า “เริ่มเลยเถอะ พี่อยากให้รักเป็นคนแรกที่ทำแบบนี้กับพี่นะ”

เขายิ้มให้ผมพลางเอื้อมมือไปหยิบถุงยางอนามัยกับเจลหล่อลื่นออกมาจากลิ้นชักโต๊ะหัวเตียงตามที่ผมบอก จากนั้นก็เริ่มล่อหลื่นให้ผมโดยบีบเจลใส่ทางประตูหลังและค่อยๆ สอดนิ้วชี้เข้ามาทีละน้อย ทันทีที่ผมถูกล่วงล้ำ ผมก็รู้สึกถึงความเจ็บแปลบจนต้องบิดตัวหนีทันที เขาใช้มือซ้ายจับสะโพกของผมเอาไว้ แล้วบอกผมว่าให้หายใจออก ไม่ให้เกร็ง ผมจึงทำตาม อีกไม่นานถัดมาความเจ็บในตอนแรกก็หายไป และทุกครั้งที่เขาขยับนิ้วเข้าออก ผมก็เริ่มรู้สึกถึงความเสียวเข้ามาแทนที่ จนเมื่อเขาก้มลงมาเลียหัวนมของผมด้วยอีก ผมก็ยิ่งเสียวจนแทบจะทนไม่ไหว เลยต้องคอยชักให้ตัวเองไปด้วย

“อย่าเพิ่งชักสิ เดี๋ยวก็แตกหรอก” รักปัดมือของผมออก

“แต่พี่... ส... เสียวนี่ ซี้ดด..ดด..ส์”

“เดี๋ยวจะเสียวกว่านี้อีก” เขายิ้มเจ้าเล่ห์ จากนั้นก็เริ่มเพิ่มจำนวนนิ้วเป็นสองนิ้ว

ผมสะดุ้งเฮือก รู้สึกว่ามันคับจนแน่นไปหมด แต่อีกไม่นานก็เริ่มชิน พอเขาเห็นว่าผมเริ่มปรับตัวได้แล้วก็จัดการสอดอีกนิ้วเพิ่มเข้ามา เขาค่อยๆ ขยายช่องทางประตูหลังของผมเพื่อเตรียมรับกับไอ้น้องชายตัวเขื่องของเขาอย่างใจเย็น จนเมื่อผมรู้สึกว่าผมพร้อมแล้ว ผมก็บอกให้เขาใส่ของเขาเข้ามาได้เลย

ทันทีที่รักดึงนิ้วออก ผมก็รู้สึกโหวงๆ ทันที เขาหยิบหมอนมาสอดใต้สะโพกของผม แล้วจากนั้นก็จับไอ้ท่อนเอ็นจ่อเข้าที่ประตูหลังของผม

“ผมจะเสียบแล้วนะ แต่ตอนแรกมันจะเจ็บหน่อยนะครับ”เขาพูดพร้อมกับค่อยๆ ดันสะโพกเข้ามา

ผมรู้สึกถึงความเจ็บแสบราวกับร่างกายกำลังถูกฉีกออกเป็นสองส่วนจนต้องร้องโอ๊ยออกมาเสียงดัง ผมพยายามจะดันตัวเขาออก แต่รักกลับล็อคตัวของผมไว้แน่น

“อย่าเกร็งครับ อย่าฝืน หายใจเข้าลึกๆ ตอนแรกมันจะเจ็บหน่อย แต่อีกเดี๋ยวก็เสียวแล้ว ผมจะหยุดไว้ก่อนจนกว่าพี่จะพร้อม โอเคมั้ย”

ผมพยักหน้าเบาๆ รู้สึกเจ็บจนน้ำตาไหล รักชะโงกตัวเข้ามาจูบผม เลียน้ำตาที่แก้มของผมออก แล้วจึงไซ้ซอกคอของผม ช่วยทำให้ผมผ่อนคลายลงและเริ่มรู้สึกเสียวขึ้นอีกครั้ง จากนั้นเขาก็ค่อยๆ ดันสะโพกเข้ามาอย่างช้าๆ ผมเจ็บจนอยากจะบอกให้เขาหยุดหลายรอบ ช่วงเวลาแค่ไม่กี่นาทีรู้สึกยาวนานราวกับเป็นชั่วโมง แต่ผมก็กัดฟันทน เพราะผมอยากจะทำแบบนี้กับเขา อยากจะรู้สึกถึงส่วนหนึ่งของเขาในร่างกายของผม อยากจะทำให้เขามีความสุข และผมเชื่อที่เขาบอกผมด้วยว่าอีกสักพักความเจ็บก็จะหายไปเอง

“ซี้ดด..ดด...ด พี่เก้า พี่โคตรฟิตเลยว่ะครับ อาา..ห์ เสียวว่ะ แม่งง” เขาครางเบาๆ ขณะที่ค่อยๆ ดันสะโพหเข้าหาผม “จะสุดแล้วพี่ ยังเจ็บอยู่รึเปล่า”

ผมส่ายหน้าเพราะไม่อยากให้เขาต้องเป็นห่วง แต่จริงๆ ผมทั้งเจ็บและจุกจนไอ้น้องชายมันหดลงไปแล้วด้วยซ้ำ

“จะสุดแล้วครับ พี่เก้า เข้าจนสุดแล้ว...” รักพูดพร้อมกับตอนที่ผมรู้สึกถึงขนหัวหน่าวของเขาที่สัมผัสเข้าที่ผิวของผม

เขาโน้มตัวลงมาจูบแลกลิ้นกับผมอย่างดูดดื่ม จากนั้นก็ค่อยๆ ใช้ลิ้นเลียไปตามซอกคอของผม ผมเสียวจนเผลอครางออกมาเบาๆ เขาจึงใช้สิ่งนั้นเป็นสัญญาณเริ่มขยับสะโพกซอยเข้าออกอย่างช้าๆ ในช่วงแรก ทุกครั้งที่เขาขยับตัว ผมก็ยังคงรู้สึกเจ็บอยู่ แต่พอเขาเริ่มเร่งจังหวะเร็วมากขึ้น ผมก็เริ่มรู้สึกถึงความเสียวแปล๊บๆ แบบที่อธิบายไม่ถูก ยิ่งเวลาที่เขากระแทกเข้ามาจนสุดลำ และไอ้น้องชายของเขาไปกระแทกโดนต่อมลูกหมาก ผมก็ยิ่งรู้สึกเสียวราวกับจะหลั่งออกมาเสียให้ได้

“อ๊าา..ห์ อู้ยย..ย... รักก..ก ส... เสียวครับ... พี่เสียยววว... ซี้ดดส์..”

ยิ่งได้ยินผมครางดังมากเท่าไหร่ ก็ดูเหมือนว่าเขาจะยิ่งได้ใจมากขึ้นเท่านั้น เขาเริ่มเร่งจังหวะเร็วขึ้น และเร็วขึ้น ไอ้น้องชายของผมก็กลับมาแข็งขึ้นอีกครั้ง แถมยังหลั่งน้ำหล่อลื่นออกมาจนเลอะเต็มหน้าท้อง รักใช้มือขวาจับมันตั้งขึ้นแล้วชักตามจังหวะเดียวกับที่เขากำลังซอยสะโพก เมื่อเขาทำแบบนั้น อีกไม่กี่นาทีถัดมาผมก็เริ่มรู้สึกถึงจุดสุดยอดรอบที่สองที่ก่อตัวขึ้นในท้องน้อย พอผมบอกเขาว่าผมใกล้จะแตกแล้ว เขาก็ยิ่งเร่งจังหวะให้เร็วขึ้นอีก

“รัก..! รักก!! พี่จะแตกแล้วว!!”

“แตกเลยพี่! ผมก็จะแตกแล้วเหมือนกัน..!! อึ๊กก..!! แตก... แล้ว...!! อ๊ากกก!!” เมื่อสิ้นเสียง เขาก็กระแทกเข้ามาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหยุดการเคลื่อนไหวลง ร่างกายของเขากระตุกครั้งใหญ่พร้อมกับที่ไอ้น้องชายของผมฉีดน้ำรักออกมาอย่างแรงจนมันพุ่งขึ้นไปโดนหน้าอกของเขา มือของเขายังคงขยับขึ้นลงรีดพิษออกจากงูของผมจนหมด

หลังจากที่ร่างกายยังคงกระตุกอยู่อีก 3-4 ครั้ง รักก็ล้มตัวทับลงบนร่างกายของผม

ผมยกมือขึ้นกอดเขาเอาไว้ เราสองต่างก็นอนนิ่งอยู่แบบนั้นคู่หนึ่ง ไม่มีใครพูดอะไรออกมา ต่างคนต่างหอบหายใจเข้าปอดเสียงดัง จนเมื่อเริ่มรู้สึกหายเหนื่อยขึ้นมากแล้ว รักก็ค่อยๆ พลิกตัวไปนอนอยู่ข้างผม เมื่อไอ้น้องชายของเขาหลุดออกไป ผมก็รู้สึกว่างเปล่าทันที

หลังจากที่ถอดถุงยางอนามัยออก รักก็ตะแคงมาใช้มือละเลงน้ำรักที่เลอะอยู่บหน้าท้องของผม เขายกนิ้วขึ้นดูดทำความสะอาดพลางยักคิ้วเจ้าเล่ห์ ทำเอาผมรู้สึกถึงกระแสไฟอ่อนๆ ที่วิ่งลงไปยังไอ้น้องชายทั้งที่มันเพิ่งจะอ่อนตัวลงไปไม่นาน

“เป็นไงมั่งครับ ยังเจ็บอยู่รึเปล่า” เขาถามก่อนจะชะโงกหน้ามาจุ๊บปากผมเบาๆ

“ไม่เจ็บแล้วครับ”

“เสียวมั้ย”

ผมพยักหน้าอายๆ “พี่ไม่เคยรู้สึกแบบนั้นมาก่อนเลยว่ะ นี่พูดจริงๆ นะเนี่ย”

เขาหัวเราะเบาๆ “ไปอาบน้ำกันเถอะ แล้วค่อยมาคุยกัน”

เขาอุ้มผมขึ้นจากเตียงและพาผมกลับไปในห้องน้ำ เขาทำให้ผมต้องแปลกใจกับความแข็งแรงเกินคนทั้งๆ ที่เมื่อครู่เขายังเพิ่งจะหอบหมดแรงอยู่หยกๆ เพราะถึงผมจะตัวเล็กกว่าเขา แต่ผมก็ไม่ได้ผอมอะไรมากมาย ที่จริงล่าสุดที่ผมชั่งน้ำหนักมา ผมก็หนักถึง 65 กิโลกรัมนะ

เราสองคนอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายของกันและกัน ก่อนจะกลับมานอนอยู่บนเตียงโดยที่เราต่างก็ไม่มีใครคิดจะสวมใส่เสื้อผ้าอีก

“ที่จริงผมน่ะชอบพี่มาตั้งแต่ตอนอยู่มัธยมแล้ว” เขาพูดพลางกอดผมเอาไว้ในอ้อมแขน “แต่ตอนนั้นผมยังไม่เคยจีบใคร และไม่กล้าจีบใครด้วย ผมรู้ตัวว่าผมชอบผู้ชายนะ แต่ผมยังไม่กล้าให้คนอื่นรู้”

“แล้วทำไมเราถึงชอบพี่ได้ล่ะ พี่ว่าพี่ไม่ใช่คนหน้าตาดีหรือมีนิสัยแบบที่ใครจะมารักมาชอบเลยนะครับ”

“ไม่รู้ดิ คือ ผมคิดว่าพี่ก็น่ารักดีน่ะนะ ตอนแรกที่ผมขอให้พี่ช่วยติวให้น่ะ ผมยังไม่ได้คิดอะไรกับพี่หรอก แต่พอได้สนิทกันมากขึ้น ผมก็รู้สึกตัวว่า เออ พี่ก็น่ารักดีนี่หว่า และไอ้นิสัยขี้อาย หน้าแดงบ่อยๆ คุยไม่เก่งอะไรพวกเนี้ย ผมก็ชอบ เพราะมันตรงข้ามกับผมและเพื่อนๆ เลยไง บางทีผมอยู่กับเพื่อนผู้ชายมากๆ ก็รำคาญ แต่พอได้อยู่กับพี่ เจอคนที่พูดน้อยๆ ไม่ขี้โม้ ไม่ทะโมน ผมก็เลยชอบน่ะ รู้สึกว่ามันน่ารักน่าทะนุถนอมดี”

“สมัยนั้นพี่เป็นแบบนั้นจริงๆ เหรอเนี่ย”

“สมัยนี้ก็ยังเป็น” เขาหัวเราะเบาๆ “ตอนแรกผมก็ชอบคนหน้าแบบนี้อยู่แล้ว ตี๋ๆ ขาวๆ ตัวเล็กหน่อย แต่สิ่งที่ทำให้ผมชอบพี่มากจริงๆ ก็นิสัยพี่นั่นแหละ แต่พี่รู้อะไรมั้ย ด้วยความที่พี่เป็นรักแรกของผม หลังจากนั้นผมเลยกลายเป็นชอบคนหน้าแนวๆ นี้ นิสัยเรียบร้อยๆ แบบพี่ไปเลย แต่ก็ไม่มีใครคนไหนเหมือนพี่ บางคนก็สาวแตกไปเลย และอีกอย่างคือผมไม่เคยลืมพี่ลงเลยด้วย... พี่ไม่รู้หรอกว่าพอผมเห็นหน้าพี่เมื่อวันที่ผมย้ายของเข้ามา ผมโคตรดีใจขนาดไหน เพราะงั้นผมถึงได้มาขออาบน้ำที่บ้านพี่และไม่ได้เอากางเกงในมาเปลี่ยนไง”

“อ้าว! นี่แปลว่าก๊อกห้องน้ำที่บ้านรักไม่ได้พังจริงๆ หรอกเหรอ”

“อื้อ ผมตอแหลไปงั้นแหละ ผมแค่อยากมายั่วพี่ดู ดูว่าพี่จะชอบผู้ชายเหมือนกันรึเปล่า และดูว่าพี่จะมีปฏิกิริยายังไง ยังขี้อายเหมือนเดิมมั้ย และผมก็คิดไม่ผิดจริงๆ”

“เฮ้ย! ร้ายว่ะ แม่ง!”

“ไม่ต้องมาพูดเลย ตัวเองก็ใช่ย่อยที่ไหน” เขาเคาะหัวผมเบาๆ เราสองคนหัวเราะขึ้นพร้อมๆ กัน

“แล้วหลังจากนี้เราจะเป็นยังไงต่อครับ” ผมถาม

“พี่เก้ายังกลัวการมีความสัมพันธ์ การได้ใกล้ชิดใครอยู่รึเปล่าล่ะครับ”

ผมนิ่งไปพักหนึ่ง “...ไม่แล้วครับ พี่เหนื่อยกับนิสัยนั้นของตัวเองเต็มทนแล้ว”

“ถ้าอย่างนั้น ผมขอเป็นคนแรกที่จะได้ใกล้ชิดพี่ และเรามาเรียนรู้ซึ่งกันและกันไปพร้อมๆ กัน จะได้มั้ย”

ผมหันหน้าไปหาเขาพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง “ได้ซะยิ่งกว่าได้อีกครับ”

“ปกติผมก็ไม่เคยใช้คำว่า ‘รัก’ กับใครง่ายๆ นะ แต่สำหรับพี่ ผมรู้สึกว่าพี่นี่แหละ คือคนที่ใช่สำหรับผมแล้ว... ไหนๆ ฟ้าก็ลิขิตให้เราได้มาเจอกันอีกครั้ง ถ้างั้นหลังจากนี้เรามาเดินไปข้างหน้าพร้อมๆ กันนะ พี่เก้า”

ผมพยายามฝืนไม่ให้น้ำตามันไหลออกมา สิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับผม มันเป็นคำพูดสั้นๆ ซื่อๆ ง่ายๆ แต่จริงใจที่สุด และหวานที่สุดเท่าที่ผมเคยได้ยินมาจากใครทั้งหมดในชีวิต

“ขอบคุณมากครับ... ขอบคุณจริงๆ”

หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: Noo_Patchy ที่ 08-08-2013 19:11:09
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: แผนสูงนะน้องงง
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: netkung ที่ 08-08-2013 19:28:32
ฉากแบบนี้พี่ต้น บรรยายเก่งตลอด :pighaun:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: pockypocky ที่ 08-08-2013 19:32:59
น่าร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก  :hao6:

รู้สึกอีโมไม่ค่อยเข้ากับข้อความ แต่เรื่องนี้ทำให้ทำให้มันเข้ากันได้ 555

แล้วมาต่อไวๆนะคะ สนุกมากค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 08-08-2013 19:35:08
ต่างคนต่างมีแผน...ร้ายทั้งคู่แต่ชอบ~~
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 08-08-2013 19:37:55
 :jul1: :z1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: phenomintna ที่ 08-08-2013 19:53:05
กริ๊ดดดดดดดดด ฟินมากกกก
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 08-08-2013 20:14:06
ตกลงปลงใจกันดีจัง :jul1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 08-08-2013 20:33:32
น่ารักจริง ๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: Gongy B.Du ที่ 08-08-2013 20:50:25
กรี๊ด ... :m25: :m25: :m25:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 08-08-2013 20:53:18
พูดง่ายๆ แต่โดน!!!!!!
ชอบบบบบบบ
 :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: xeruoh ที่ 08-08-2013 21:06:55
เห็นพี่ต้นอัพในเฟซว่าอัพแล้ว
เลยเข้ามาจิ้มไว้ก่อนน 55 5 5
ดูจากความคิดเห็นแล้วตอนนี้คงจะสนุก -/-

อ่านหนังสือเสร็จแลวจะเข้ามาอ่านอีกทีค่ะ
เข้ามาดูลาดเลา
 :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: np3 ที่ 08-08-2013 21:13:49
อิน้องนี่มันร้ายจริงๆ 55555555
ติดตามค่าาาา
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 08-08-2013 22:00:44
ร้ายนะรักเนี่ย

 :haun4: :hao6:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 08-08-2013 22:52:18
 :m25: :pighaun:
น้องรักมันร้ายเหมือนนะ  วางแผนมาอย่างดี 55
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: miracle22936 ที่ 08-08-2013 23:43:10
 :katai4: น่ารักดีอ่ะคู่เนี่ย ชอบ ๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: pp_song ที่ 09-08-2013 00:21:25
 :pighaun: เลือดจะหมดตัว (หวานกันดีจัง )
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 10-08-2013 03:15:59
จบแฮปปี้จนได้ จุดพลุฉลองให้หมอคนดีกับนายรักคนเจ้าเล่ห์! :mc4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 10-08-2013 08:42:55
 :-[ :-[ :impress2: :กอด1: :heaven
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 10-08-2013 08:52:21
ยินดีกับหมอเก้าด้วยได้พบรักแท้ที่รอมานาน
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: - คราส - ที่ 10-08-2013 10:17:43
ชอบตอนที่สี่ ฉากโกนขน เซ็กซี่มาก
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 11-08-2013 00:06:33
มาเร็วเคลมเร็วมาก คู่นี้ กลัวไม่ยั่งยืนอะ ห้ามหลอกกันนะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 12-08-2013 10:48:49
ตอนที่ ๖


หลังจากนั้นเราสองคนก็แทบจะตัวติดกันตลอด ทุกคืนและทุกวันที่เรามีเวลาว่าง เรามักจะใช้เวลาอยู่ด้วยกัน ส่วนมากจะเป็นที่บ้านของผม แต่บางครั้งผมก็ไปที่บ้านของเขาบ้าง หลังจากที่เขาทำอาการเย็นให้ผมกิน เรามักจะนั่งอิงแอบดูหนังด้วยกันในห้องนั่งเล่นของเขา แล้วจากนั้นผมก็จะนอนกับเขาที่นั่นไปเลย

เราสองคนใช้เวลาเรียนรู้ซึ่งกันและกัน บอกเล่าทุกสิ่งทุกอย่างทั้งอดีต ความลับ ความฝัน และอนาคต และหลังจากเวลาผ่านไปสามเดือน เราก็ตกลงเป็นแฟนกันอย่างเป็นทางการ รักคือแฟนคนแรกของผม และผมก็หวังว่าเขาจะเป็นคนเดียวและคนสุดท้ายด้วยเช่นกัน ผมรู้ว่าเขาเคยมีแฟนมาก่อนหน้านี้ แต่ผมไม่เคยคิดแม้แต่จะถามว่าคนพวกนั้นเป็นใคร ทำไมถึงเลิก หรือว่าพวกเขาทำอะไรกันมาบ้าง ผมรู้แต่เพียงแค่ในช่วงเวลาที่เรามีกันและกัน เราใส่ใจกัน รักกัน ดูแลกัน แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว

แน่นอนว่าเราก็มีทะเลาะกันบ้างตามประสาคนรักทั่วไป แต่ด้วยความที่ผมเป็นคนใจเย็นและสุขุมกว่าเขา ผมจึงมักจะคุยกับเขาด้วยเหตุผล ไม่ใช้อารมณ์ ส่วนเขาที่อารมณ์ร้อนกว่า ก็มีนิสัยที่ชอบพูดอะไรตรงๆ ไม่โกหกหรือปิดบัง เราจึงแก้ปัญหาด้วยการหันหน้าเข้าหากันและเปิดอกคุยตั้งแต่เริ่มผิดใจกัน ถ้าหากเขาอารมณ์ร้อน ผมจะเย็น และเมื่อไหร่ที่ผมเสียใจหรือโกรธ สักพักเขาก็จะเป็นฝ่ายเข้ามาง้อและขอโทษ ความเข้ากันได้แบบนี้ทำให้เราอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข จนนับจากวันนั้นมาจนถึงวันนี้ก็ผ่านมาเกือบหนึ่งปีแล้ว แต่ถึงแม้ว่าเราจะกินและนอนด้วยกันแทบทุกคืนที่ผมได้กลับบ้าน แต่เขาก็ยังไม่ได้ย้ายมาอยู่กับผมถาวร เขาแค่ทิ้งเสื้อผ้าและของใช้ของเขาอยู่ที่บ้านของผมบ้าง ส่วนผมก็ทิ้งบางอย่างไว้ที่บ้านของเขาเช่นเดียวกัน ที่เราทำแบบนี้ไม่ใช่เพราะเราแคร์สายตาหรือความคิดของเพื่อนบ้านที่เราแทบจะไม่รู้จัก แต่ผมเข้าใจความรู้สึกของรักที่ว่าในที่สุดเขาก็สามารถซื้อบ้านเป็นของตัวเองได้ดังใจหวัง ดังนั้นผมจึงไม่เคยคิดจะขอให้เขาย้ายออกจากบ้านของตัวเองมาอยู่กับผม

ความเปลี่ยนแปลงในตัวของผมคงทำให้เพื่อนๆ และคนรอบข้างบางคนสังเกตเห็นได้ พวกเขาถามว่าทำไมผมถึงดูอารมณ์ดีขึ้น ยิ้มแย้มมากขึ้น บางคนถึงขั้นเดาว่าผมคงจะมีแฟนแล้ว แต่ผมก็ไม่ได้ยืนยันหรือปฏิเสธความเห็นเหล่านั้น ผมไม่เคยต้อง ‘เปิดเผย’ ตัวเอง และก็ไม่คิดจะทำแบบนั้น ผมอยากใช้ชีวิตของผมแบบเดิม แค่เพียงเป็นคนที่มีความสุขมากขึ้นก็พอ

คนๆ เดียวที่ผมรู้สึกว่าควรจะบอกเรื่องนี้คือพี่ฟ้า พี่สาวคนโตที่อายุห่างจากผมห้าปี เราสองคนสนิทกันมาก ผมรู้ว่าพี่ฟ้าจะเข้าใจผมและยอมรับได้ แต่ปัญหาคือพี่สนต่างหาก ที่ผมไม่รู้ว่าควรจะบอกเขาดีหรือเปล่า เพราะนอกจากเขาจะเป็นคนที่เคยทำให้ผมต้องกลัวและสับสนในตัวเองมาหลายปีแล้ว เราเองก็แทบไม่ได้เจอหรือคุยกันอีกเลย แม้แต่ทุกวันนี้ ผมก็ยังรู้สึกเกรงกลัวเขา รู้สึกว่าเขามีอำนาจที่เหนือกว่าผม เขาเคยแต่งงานและหย่ามาแล้วครั้งหนึ่ง ผมจึงยิ่งไม่แน่ใจว่าควรจะบอกเรื่องของผมกับรักให้เขารู้ดีหรือไม่ เพราะผมกลัวว่าเขาจะยอมรับผมไม่ได้และทำให้ผมรู้สึกแย่เหมือนเมื่อตอนนั้นอีกครั้ง

วันหนึ่ง ผมตัดสินใจโทรไปเล่าเรื่องของรักให้พี่ฟ้าฟัง และก็เป็นอย่างที่คิด พี่ฟ้าเข้าใจแถมยังดีใจกับผมที่ผมได้เจอคนดีๆ ที่จริงผมโดนดุนิดหน่อยด้วยซ้ำที่ไม่ยอมบอกข่าวดีให้เร็วกว่านี้ ก่อนวางสาย พี่ฟ้าบังคับให้ผมรับปากว่าจะพารักไปเจอเขากับสามีที่ภูเก็ตอย่างเร็วที่สุดด้วย ผมรู้สึกดีใจและมีความสุขจริงๆ ที่พี่สาวของผมเองก็ตื่นเต้นและอยากจะได้ทำความรู้จักกับแฟนของผม แต่หลังจากนั้นอีกไม่กี่วัน ผมก็ได้รับโทรศัพท์ที่คาดไม่ถึงจากพี่สน เมื่อเห็นว่าชื่อของคนที่โทรเข้ามาเป็นเขา ผมก็รู้สึกตระหนกทันที เพราะผมคิดว่าพี่ฟ้าโทรไปเล่าให้เขาฟังและเขาโทรมาเพื่อจะต่อว่าผม หรือพูดถึงเรื่องในวัยเด็กวันนั้นขึ้นมา ผมจึงตัดสินใจไม่รับสาย และกลับบ้านไปปรึกษากับรักก่อนว่าควรจะทำอย่างไรดี ซึ่งรักแนะนำให้ผมโทรกลับไปหาเขาวันรุ่งขึ้น เขาบอกผมว่าผมไม่ควรจะคิดกลัวอะไรไปก่อนเอง และควรที่จะเลิกนิสัยวิ่งหนีจากสถานการณ์ที่ตัวเองไม่มั่นใจได้แล้ว

ผมเห็นด้วยและทำตามที่รักบอก ผลปรากฏว่า สาเหตุที่พี่สนโทรมาหาผม เพราะเขาต้องมาทำธุระในจังหงัดที่ผมอยู่ เขาจึงอยากจะแวะมาหาผมและขออาศัยนอนด้วยสัก 2-3 คืน เขาบอกผมว่าเขาอยากจะเจอผมเพื่อเช็คดูว่าผมเป็นอย่างไรบ้าง สบายดีหรือเปล่า ซึ่งผมก็ผมตอบตกลง หลังจากวางสาย ผมเลยรีบโทรไปหาพี่ฟ้าและถามว่าได้บอกอะไรกับพี่สนไปบ้างหรือเปล่า ซึ่งเมื่อพี่ฟ้าบอกว่าเปล่า ผมก็ถอนหายใจและวางสายไปอย่างโล่งอก

“แล้วพี่สนเค้าจะมาเมื่อไหร่ล่ะ” รักถามผมขึ้น หลังจากที่ผมเล่าเรื่องที่คุยโทรศัพท์ให้เขาฟังจบ

“วันจันทร์หน้าน่ะครับ และจะอยู่ถึงวันพุธ แต่ช้าสุดก็วันพฤหัส พี่เองคงไม่ได้เจอเค้าเท่าไหร่หรอก เพราะว่าต้องเข้าเวร แต่ว่าพี่อาจจะแลกเวรกับเพื่อนเป็นอยู่กลางวันแทน กลางคืนจะได้กลับบ้าน เพราะพี่ก็ไม่อยากให้มันอยู่คนเดียวเหมือนกัน”

“ทำไมล่ะ กลัวโดนพี่ชายตัวเองยกเค้าเหรอ” เขาหัวเราะ

“ไม่ใช่สิ พี่แค่รู้สึกไม่ดีที่มันอุตส่าห์จะมาหาพี่ แต่พี่กลับไม่อยู่บ้านต่างหาก ถึงพี่เองจะยังไม่รู้สึกสบายใจที่จะอยู่สองต่อสองกับมันสักเท่าไหร่ แต่ว่าพี่ก็คงไม่ควรจะหนีแล้วใช่มั้ยล่ะ โตๆ กันแล้วด้วย มันคงไม่มีอะไรหรอกมั้ง เรื่องก็ผ่านมานานมากแล้ว”

รักลุกออกจากเก้าอี้แล้วเดินอ้อมมากอดผมจากทางด้านหลัง “ดีมากครับ คนเก่งของผม จำไว้นะ ผมอยู่ข้างๆ พี่เสมอ ไม่ต้องกังวลอะไรไปหรอก ถ้ามีอะไรไม่สบายใจก็แค่เดินไปหาผมที่บ้าน โอเคมั้ย”

“ครับ” ผมลูบแขนเขาเบาๆ

“แต่แบบนี้ผมก็ไม่ได้เจอพี่ตั้งหลายวันน่ะสิ งั้นแบบนี้ต้องรีบฟัดให้หายอยากซะแล้ว!” เขาซุกหน้าลงบนซอกคอของผม จากนั้นก็ยกผมขึ้นจากเก้าอี้ แล้วอุ้มผมเดินเข้าห้องนอนไป

ยิ่งใกล้ถึงวันที่พี่สนจะมาถึง ผมก็ยิ่งรู้สึกวิตกกังวลมากขึ้นเป็นทวีคูณ ผมเตรียมห้องนอนแขกที่แทบไม่เคยได้ใช้ไว้ให้เขา และจัดการเก็บของใช้ส่วนตัวของรักเข้าห้องของตัวเองให้หมด ผมอดที่จะคิดและระบายให้รักฟังไม่ได้ว่าผมกังวลว่าจะทำตัวอย่างไรเวลาต้องอยู่กับพี่สนสองคน ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมาเวลาเราเจอกัน เราก็มักไม่ค่อยได้อยู่กันตามลำพัง และทุกครั้งเวลาที่เราคุยกัน มันก็มักจะเป็นเรื่องทั่วๆ ไป โดยที่ผมรู้สึกได้ว่ามันมีระยะห่างที่ทำให้เราไม่ใกล้ชิดกันแบบที่พี่น้องควรจะเป็น ซึ่งบางทีเขาเองก็คงจะรู้สึกแบบเดียวกัน แต่ไม่ว่าอย่างไรเราก็ดูเหมือนจะไม่เคยสามารถลดช่องว่างตรงนั้นลงได้สักที

คืนวันอาทิตย์ รักมากินข้าวเย็นที่บ้านของผมเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เราต้องห่างกันสักพัก เราเพิ่งจะได้นั่งลง และกำลังจะเริ่มกิน
เสียงออดหน้าบ้านของผมก็ดังขึ้น ผมคิดว่าคงจะเป็นเพื่อนบ้านคนไหนสักคนมาขอยืมหรือขอความช่วยเหลืออะไรเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งก็เคยเกิดขึ้นบ้างนานๆ ครั้ง ผมลุกออกจากโต๊ะกินข้าวและเดินออกจากบ้าน ตอนแรกที่ผมเห็นร่างของผู้ชายยืนอยู่อีกฝั่งของประตูรั้ว ผมก็นึกสงสัยว่าเขาคือเพื่อนบ้านคนไหน แต่เมื่อผมเดินเข้าไปใกล้มากขึ้นและพบว่าคนที่ยืนอยู่พร้อมกับกระเป๋าเดินทางอีกหนึ่งใบคือพี่ชายของผม ผมก็ถึงกับหน้าซีดเผือดทันที

“ไง ไอ้เก้า! เป็นไงบ้างวะ! พอดีเปลี่ยนแผนนิดหน่อยนะ ฉันตั้งใจจะโทรบอกก่อนเหมือนกัน แต่ว่าโทรศัพท์ฉันแบ็ตหมดว่ะ แล้วก็จำเบอร์แกไม่ได้ด้วย เลยต้องเข้ามาเองเลย มาเร็วไปคืนนึงแบบนี้นี่รบกวนรึเปล่าวะ”

“เอ่ออ... ไม่ๆ ไม่รบกวนหรอก เข้ามาก่อนสิ” ผมเปิดประตูรั้วออก

“ขอบใจๆ” พี่สนลากกระเป๋าเดินเข้ามาหยุดยืนข้างๆ ผม “พอดีพรุ่งนี้ฉันต้องออกไปธุระแต่เช้าน่ะ ก็เลยกึ่งๆ โดนบังคับให้ออกมาเร็วหน่อย นี่ก็แยกกับเพื่อนๆ ที่โรงแรมและตรงมาหาแกเลย เพราะพอฉันบอกพวกนั้นไปว่าจะมานอนกับน้อง พวกมันก็เลยไม่ได้จองห้องไว้ให้”

“อ๋อ... เอ่ออ ครับ ว่าแต่พี่สนกินข้าวมารึยังล่ะ” ผมเดินนำพี่สนเข้าไปยังตัวบ้าน พยายามควบคุมน้ำเสียงและท่าทางให้เป็นปกติที่สุด “นี่เก้ากำลังจะกินข้าวพอดี”

“อ้าวเหรอ ถ้างั้นก็รบกวนหน่อยแล้วกัน แต่ฉันคอแห้งมากกว่าว่ะ มีเบียร์ติดบ้านอยู่บ้างมั้ย”

“ก็มีอยู่บ้างนะ แต่ไม่รู้พี่สนจะกินยี่ห้อนี้รึเปล่า”

“ยี่ห้อไหนก็กินหมดล่ะวะ ตอนนี้” เขาหัวเราะ

“ครับ” ผมเดินนำเขาเข้าบ้าน แต่แล้วเรากลับต้องชะงักฝีเท้าลง เมื่อรักที่เคยนั่งอยู่ในห้องกินข้าวเดินออกมายืนรอรับผมอยู่ในห้องนั่งเล่น

“สวัสดีครับ พี่สน!” เขายกมือขึ้นไหว้ทักทายพี่ชายของผมด้วยสีหน้ายิ้มแย้มตามแบบฉบับของเขา “จำผมได้มั้ย”

พี่สนมองหน้ารักงงๆ ก่อนจะหันมาหาผม คิ้วของเขาขมวดเข้าหากัน แล้วจึงหันกลับไปมองรักอีกครั้ง

“พี่สน นี่รักไง เคยเป็นรุ่นน้องของเราสมัยเรียน คนที่เก้าเคยติวให้ตอนเย็นอยู่ช่วงนึงน่ะ จำได้รึเปล่า พอดีน้องมันบังเอิญเพิ่งย้ายมาอยู่บ้านฝั่งตรงข้าม”

“อ๋ออ!! จำได้แล้ว! พี่จำได้ว่าไอ้เก้ามันเคยต้องติวให้รุ่นน้องอยู่หนนึง แต่พี่จำหน้าเราไม่ได้จริงๆ ว่ะ ขอโทษที”

“ไม่เป็นไรหรอกครับพี่ เพราะเราเคยเจอกันก็แค่สองครั้งเอง”

“พอดีวันนี้เก้าชวนรักมากินข้าวเย็นที่บ้านน่ะ เพราะไม่รู้ว่าพี่สนจะมา”

“อ้าว ฉันรบกวนแกรึเปล่าวะเนี่ย ไอ้เก้า”

ผมอยากจะพยักหน้าแล้วตอบว่า ‘ใช่’ เหลือเกิน “ไม่เป็นไรหรอก กับข้าวเยอะแยะพอสำหรับสามคนอยู่แล้ว มานั่งสิ”

สุดท้ายพี่สนก็ตัดสินใจดื่มแค่เบียร์หนึ่งกระป๋องและกินกับเล่นๆ อีกนิดหน่อยแทน เราคุยกันสัพเพเหระตลอดทั้งมื้อเย็น แต่ส่วนมากก็จะพูดกันถึงเรื่องงานของพี่สนมากกว่า จนเมื่อผมกับรักกินข้าวเสร็จแล้ว รักก็ขอตัวกลับบ้านก่อน ผมจึงนั่งคุยกับพี่สนต่อในห้องนั่งเล่น เราพยายามหาเรื่องมาคุยกันมากมาย ไม่ว่าจะเรื่องงานของผม เรื่องครอบครัวของพี่ฟ้า เรื่องการเมือง กีฬา และก็วนกลับไปเรื่องงานของเขาอีกครั้ง ซึ่งยิ่งผ่านไปนาน ผมก็พบว่ามันยิ่งยากขึ้นเรื่อยๆ ที่เราจะคุยกัน มันคงเป็นที่ใจของผมเองที่มีปัญหา แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังรู้สึกโล่งใจที่เขาไม่ถามถึงเรื่องของรักหรือชีวิตส่วนตัวของผมขึ้นมาเลยสักครั้ง

เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก พี่สนก็บ่นว่าง่วงและอยากจะเข้านอนเร็วหน่อย ผมจึงบอกให้เขาไปอาบน้ำก่อน ผมพาเขาไปยังห้องนอนของตัวเอง ถึงแม้ว่าเขาเคยมาที่นี่เมื่อนานแล้วก็ตาม แต่มก็รู้สึกเหมือนกับว่าต้องทำแบบนั้น จากนั้นผมจึงเดินแยกเข้าห้องนอนของตัวเอง หลังจากที่ผมนั่งๆ นอนๆ ดูทีวีอยู่ในห้องได้สักพักหนึ่ง ผมก็ได้ยินเสียงเขาเดินออกมาจากห้องน้ำและกลับเข้าห้องตัวเอง ผมจึงลุกออกไปอาบน้ำและกลับเข้ามาปิดไฟนอน

เช้าวันถัดมา ผมออกจากบ้านตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น พอสักราวๆ เจ็ดโมง ผมก็โทรบอกพี่สนเรื่องกุญแจและเวลาที่ผมน่าจะกลับบ้าน เมื่อถึงเวลาเลิกงานตอนหัวค่ำ ผมก็รีบตรงกลับบ้านด้วยใจกังวลเล็กน้อย และทันทีที่ผมเดินเข้าไปในบ้าน ผมก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าพี่สนกำลังยืนอยู่ในห้องกินข้าวโดยใส่แค่กางเกงบ็อกเซอร์ตัวเดียว

“ว่าไง คุณหมอ เหนื่อยมั้ย กินอะไรมารึยังวะ” เขาหันมายิ้มทักทายผม

ผมพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะไม่มองเป้ากางเกงของเขาที่เด่นนูนขึ้นมา “กินแล้วครับ พี่สนล่ะ”

“เรียบร้อยแล้ว พอดีเค้าพาไปเลี้ยงข้าวเย็นก่อนจะมาส่งที่นี่น่ะ แต่เอ้อ เมื่อกี้ฉันเจอไวน์อยู่ขวดนึง เลยขอจิบสักหน่อย คงไม่เป็นไรนะ เห็นมันเปิดอยู่แล้ว”

“ตามสบายเลยครับ” ที่จริงไวน์ขวดนั้นเป็นของรัก ไม่ใช่ของผมหรอก เพราะปกติผมดื่มแค่เบียร์อย่างเดียว แต่ผมมั่นใจว่ารักคงไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว “อ้อ แต่พี่สนอย่าสบายมากเกินจนเผลอไปเปิดประตูรับแขกทั้งที่แต่งตัวแบบนั้นล่ะ” ผมพูดติดตลก

เขามองตามสายตาของผมไปที่เป้ากางเกงของเขาแล้วหัวเราะเบาๆ “รู้แล้วน่ะ แต่ดึกป่านนี้แล้วแขกที่ไหนมันจะมาวะ”

“ก็ไม่แน่หรอก” ผมนึกในใจว่าถ้าเป็นรักล่ะก็ เขาอาจจะโผล่มาเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ไม่ได้พูดออกไป

คืนนั้นเรานั่งคุยกันอีกสักพักก่อนจะแยกย้ายกันขึ้นห้องของตัวเอง ผมรู้สึกเหมือนถูกบังคับให้เข้านอนเร็วกว่าปกติไปโดยปริยาย และความเป็นจริงที่ว่าผมจะไม่ได้เจอรักอีกตั้ง 2-3 วันก็ชักจะทำให้ผมหงุดหงิดและเริ่มสงสัยว่าตัวเองจะทนไหวมั้ยขึ้นจนได้

วันถัดมา วันที่สองที่พี่สนมาอยู่กับผม แต่ผมรู้สึกเหมือนนานมากกว่าหนึ่งสัปดาห์ไปแล้วเรียบร้อย ผมกลับมาถึงบ้านเร็วกว่าวันก่อนเล็กน้อย และพบว่าคราวนี้เขานุ่งผ้าเช็ดตัวแค่เพียงผืนเดียว มันทำให้ผมรู้สึกอึดอัดใจกว่าครั้งก่อนเสียอีก เขาบอกผมว่าเขาทำกาแฟหกใส่เสื้อและกางเกงที่ใส่วันนี้ จึงต้องรีบซักและกำลังจะไปอาบน้ำพอดี แต่ผมกลับมาเสียก่อน

อีกครั้งที่ผมจำต้องบอกเขาว่าให้ทำตัวตามสบาย ไม่ต้องเกรงใจ ผมเดินเข้าไปในครัวเพื่อชงกาแฟ เขาเดินตามเข้ามาหาผมและบอกให้ชงเผื่อเขาด้วยหนึ่งแก้ว ตอนนั้นเองที่ผมรู้สึกได้ถึงกลิ่นบางอย่างที่คุ้นเคย มันคือกลิ่นโรลออนที่พี่สนใช้มาตลอดตั้งแต่เขาเป็นวัยรุ่น กลิ่นหอมจางๆ ที่ผสมกับกลิ่นจากร่างกายของเขาเอง เปล่า มันไม่ใช่กลิ่นเหม็นแบบกลิ่นตัวหรอก แต่มันคือกลิ่นของคนๆ นั้นจริง เหมือนกับเวลาที่คุณไปนอนบ้านของเพื่อนสักคน แล้วได้กลิ่นอ่อนๆ จากหมอนหรือผ้าห่มของคนๆ นั้นแบบนั้นแหละ และมันก็ทำให้ผมนึกหวนย้อนกลับไปถึงเมื่อสมัย 10 กว่าปีก่อนขึ้นมาทันที

เราสองคนยกกาแฟมานั่งดื่มและคุยกันที่โต๊ะกินข้าว ผมอดที่จะเหลือบมองบริเวณนั้นทุกครั้งที่เขานั่งอ้าขาไม่ได้ ที่จริงแล้วพี่สนก็เป็นคนหน้าตาดีคนหนึ่งนะ สมัยตอนเขาอยู่มัธยม ก็มีผู้หญิงมาชอบเยอะ เวลาผ่านไปหลายปี เขาเริ่มปล่อยเนื้อปล่อยตัว จึงทำให้กลายเป็นคนเจ้าเนื้อขึ้นเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงดูดีสมกับอายุ เขามีท่อนขาที่ใหญ่แลดูแข็งแรง และมีกล้ามแขนและกล้ามอกแบบที่ผมคงไม่มีทางมีได้ ถึงอาจจะไม่ได้แน่นและเข้ารูปเท่ากับรัก แต่ก็นับว่าดูดีกว่าคนวัยเดียวกันอีกหลายคนเยอะ

“เออนี่ ไอ้เก้า ฉันมีอะไรจะรบกวนแกหน่อยว่ะ” เขาพูดขึ้น

“อะไรครับ”

“คือ... มันก็น่าอายอะนะเว้ย แต่ตอนนี้ฉันเป็นผื่นตรงช่วงสะโพกและลามไปถึงที่ก้นเลยอะว่ะ แกจะช่วยดูให้หน่อยได้มั้ย”

หัวใจของผมเต้นแรงขึ้นทันที แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตอบอะไร พี่สนก็ลุกขึ้นยืนและปลดผ้าขนหนูออกเรียบร้อยแล้ว เขาหันหลังให้ผม และผมก็เห็นว่าเขาไม่ได้โกหก เพราะตรงช่วงสะโพกด้านขวาไปจนถึงบั้นท้ายของเขามีรอยผื่นแดงอยู่จริง หลังจากตรวจดูอยู่ครู่หนึ่ง ผมก็แน่ใจว่ามันไม่ใช่ผื่นร้ายแรงอะไร ถึงแม้จะรู้สึกอึดอัดกับการต้องมาเห็นพี่ชายตัวเองในสภาพเปลือยทั้งตัวแบบนี้อีกครั้งในรอบ 10 กว่าปี แต่ผมก็พยายามเก็บซ่อนมันเอาไว้ข้างใน และแนะนำยาที่เขาสามารถไปซื้อได้เองด้วยคำพูดและน้ำเสียงแบบที่หมอใช้กับคนไข้ทั่วไป

“บางทีแกอาจจะต้องเช็คข้างหน้าด้วยมั้ง ว่ามันมีผื่นแบบเดียวกันรึเปล่า” เขาพูดพลางหมุนตัวหันมาหาผม

ผมพยายามจะหยุดเขา แต่ก็ไม่สามารถพูดออกมาได้ทัน อีกครั้งที่ผมพยายามจะไม่มองที่อวัยวะของเขา เขายกขาขึ้นวางบนเก้าอี้ทีละข้างเพื่อให้ผมตรวจดูบริเวณต้นขาด้านใน ผมพบว่าตรงสะโพกขวาด้านในก็มีผื่นที่ลามมาถึงอีกนิดหน่อย ผมพยักหน้าเบาๆ เป็นสัญญาณบอกเขาว่าผมเห็นมันแล้ว ผมนั่งตัวแข็งด้วยความกลัว ไม่กล้าขยับเขยื้อนแม้แต่นิดเดียว ในตอนนั้นเองที่ผมรู้สึกเหมือนกับว่าเขาช่างมีร่างกายที่ใหญ่โตกว่าผม และทำให้ผมรู้สึกเหมือนกลับไปเป็นเด็กอายุ 12 อีกครั้ง

และแล้วจู่ๆ ไอ้น้องชายของพี่สนที่เคยอ่อนตัวก็ค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้น ผมรีบเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าเขาด้วยความตกใจทันที เขาส่งยิ้มที่มุมปากให้ผม เป็นรอยยิ้มที่ดูยะโสเล็กน้อย และแสดงถึงความมั่นใจในตัวเองออกมาอย่างเต็มเปี่ยม รอยยิ้มแบบเดียวกับที่เขามีในวันนั้น! ผมได้แต่มองหน้าเขาด้วยความตระหนก เขาคงรู้ตัวแล้วว่าเขากำลังเป็นผู้ที่ถือไพ่เหนือกว่าอีกครั้ง

“ทำไมตอนนั้นแกต้องรีบวิ่งหนีฉันไปด้วยวะ ไอ้เก้า” เขาถามขึ้นในที่สุด เราต่างก็รู้ดีว่าเขากำลังหมายถึงตอนไหนอยู่ “แกไม่ชอบรึไง ตอนนั้นแกไม่ได้อยากจับมัน เหมือนที่แกกำลังรู้สึกแบบในตอนนี้เหรอวะ ทำไมแกต้องวิ่งหนีไปแบบนั้นด้วย”

ผมได้แต่นั่งอึ้งอยู่อย่างนั้น ไม่รู้ว่าควรจะพูดหรือทำอะไรต่อไปดี น้ำเสียงที่เขาใช้ ทั้งอ่อนโยนและมีพลัง แววตาที่เขากำลังมองผม ทำให้ผมรู้สึกราวกับว่าเขาคือพี่ชายคนเดิมของผม คนก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่องในวันนั้นขึ้น มันทำให้ผมต้องใจเต้นรัวและไม่สามารถที่จะหาคำใดๆ มาพูดออกไปได้

“เก้า ฉันรักแกนะเว้ย” เขาพูดต่อ “แต่ทำไมตอนนั้นแกต้องปฏิเสธฉันแบบนั้นด้วยวะ แกไม่รู้รึไงว่าเรื่องในวันนั้นมันฝังอยู่ในใจของฉันขนาดไหน”

“พี่สน... เก้า... ตอนนั้นเก้าอายุแค่ 12 นะ เก้ากลัว เก้าตกใจ พี่สนไม่เข้าใจเหรอ” ในที่สุดผมก็พูดออกไปจนได้ “และที่สำคัญ พี่สนคือ ‘พี่’ ของเก้านะเว้ย เก้าชื่นชมและเอาพี่สนเป็นแบบอย่างมาตลอด แต่แล้วจู่ๆ... ไม่สิ เก้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ตอนนั้นเก้าสับสนมาก มันมีความรู้สึกบางอย่างที่เก้าไม่ควรจะรู้สึก สิ่งที่เราไม่ควรจะทำ ไม่ควรจะเกิดขึ้น เก้ากลัวว่ามันจะผิด เก้าทำอย่างที่พี่สนอยากให้ทำไม่ได้หรอก เก้าก็เลย... ต้องออกไปจากที่นั่น”

ท่อนลำของพี่สนที่แข็งตัวขึ้นจนสุดกระตุกเบาๆ หนังหุ้มปลายของเขาร่นลงไปจนสุด เผยให้เห็นส่วนหัวที่บานเป็นดอกเห็ด น้ำหล่อลื่นใสๆ ไหลออกมาจากส่วนปลายของเขา ทำเอาผมต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก หัวใจของผมเต้นแรงจนราวกับมันจะหลุดออกมานอกหน้าอกอยู่รอมร่อ แถมไอ้น้องชายของผมเองที่แข็งมานานแล้วก็กำลังทำให้ผมรู้สึกเจ็บ

“แกเป็นเกย์ใช่มั้ยวะ ไอ้เก้า ฉันสงสัยมาตั้งแต่แกยังเด็กแล้ว” เขาพูดขึ้น แต่ผมรู้สึกว่ามันเป็นประโยคที่พูดขึ้นเพื่อเน้นย้ำความจริงมากกว่าจะเป็นประโยคคำถาม “เมื่อกี้ตอนที่ฉันกำลังจะซักผ้า ฉันเจอกางเกงในตัวนึงในตะกร้า แต่ดูจากขนาดแล้วมันใหญ่เกินกว่าจะเป็นของแกแน่ๆ เพราะงั้นฉันเลยคิดว่ามันน่าจะเป็นของไอ้รักมากกว่า ใช่มั้ย”


หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 12-08-2013 10:49:14
เราสบตากันอีกครั้ง ผมอยากจะเบือนหน้าหนีหรือเดินหนีเขาไป แต่ก็ทำไม่ได้ แววตาของเขากำลังจ้องมองผมอย่างทะลุทะลวงราวกับว่ากำลังพยายามอ่านความคิดของผมอยู่ ความคิดที่ผมยังไม่พร้อมจะให้เขารู้

“ทำไมแกไม่บอกฉันวะ ไอ้เก้า ทำไมแกถึงไม่พูดความจริงกับฉัน อย่างน้อยๆ แกก็น่าจะบอกฉันมาตั้งนานแล้ว... ถ้าไม่อย่างนั้น ตอนนั้นเราสองคนก็คงจะได้...” เสียงของเขาค่อยๆ จางหายไป เราสองคนเงียบกันไปอึดใจหนึ่ง ก่อนที่เขาจะเริ่มพูดต่อ “แกอย่าปฏิเสธความจริงอีกเลย  อย่าปฏิเสธว่าแกเองก็ไม่ได้ต้องการมันเหมือนกัน ทั้งตอนนั้นแล้วก็ตอนนี้ด้วย”

“ไม่... พี่สน เก้าไม่ได้...”

“ไม่ได้อะไร” เขาถามกลับด้วยน้ำเสียงท้าทาย

“พี่สน อย่าทำแบบนี้เลย...” ผมขอร้องเขา “มันไม่ดีนะเว้ย... มันไม่ถูกต้อง”

“มันจะไม่ดีได้ยังไงวะ ในเมื่อใจแกเองก็เรียกร้องอยู่ขนาดนี้แล้ว” เขาคว้ามือของผมขึ้นไปจับที่น้องชายของเขา

“พี่สน!!” ผมตะคอกพร้อมกับลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วจนเก้าอี้ที่นั่งอยู่ล้มฟาดลงไปบนพื้น

พี่สนผงะไปด้วยความตกใจ เพราะที่ผ่านมาผมไม่เคยทำกิริยาแบบนี้กับเขามาก่อนเลยแม้แต่ครั้งเดียว เขามองหน้าผม ส่วนผมก็มองหน้าเขาตอบ ในที่สุดผมก็ค้นพบความกล้าที่จะทำสิ่งที่ควรจะทำมาตั้งนานแล้ว ผมกล้าที่จะปฏิเสธเขา และทำในสิ่งที่ถูกต้อง พูดในสิ่งที่ผมเก็บไว้ในใจมานานออกไป

“พี่สนอย่าทำให้เรื่องระหว่างเรามันแย่ไปกว่านี้อีกเลย เก้าขอล่ะ!” ผมพูดออกไปด้วยเสียงที่สั่นเครือ “ก็ใช่ ที่เก้ารักพี่สนมาก เชิดชู บูชา และนับถือพี่สน เก้าอยากจะเป็นอย่างพี่สน พี่สนทั้งหน้าตาดี เล่นกีฬาก็เก่ง เพื่อนก็เยอะ เป็นคนแบบที่เก้าไม่ได้เป็น และไม่มีวันจะเป็น แต่มันไม่ใช่แบบนี้...!!”

เขายืนมองหน้าผมด้วยสีหน้าตกตะลึงราวกับเขาไม่อยากเชื่อสิ่งที่กำลังได้ยิน ผมรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองกำลังสั่นเทาไปด้วยความกลัวและอารมณ์ที่อ่อนไหว ผมเกือบจะไม่สามารถหาคำพูดออกมาพูดต่อได้อีกแล้วด้วยซ้ำ ถ้าหากว่าไม่ได้รักที่บังเอิญเดินเข้ามาในบ้านพอดี และกำลังยืนมองพวกเราอยู่ทางด้านหลังของพี่สนช่วยเอาไว้ การได้เห็นหน้าของเขา ทำให้ผมมีความกล้าที่จะพูดสิ่งที่ถูกเก็บซ่อนไว้ในใจมานานหลายปีขึ้นอีกครั้ง

“ใช่ครับ พี่สน เก้าเป็นเกย์ เก้าชอบผู้ชาย และเก้าก็กำลังคบกับคนๆ นึงอยู่ และคนๆ นั้นก็คือรักอย่างที่พี่สนคิดนั่นแหละ เราไม่ได้แค่มีอะไรกันเฉยๆ แต่เราเป็นแฟนกัน” ผมเดินผ่านที่สนที่ยืนแก้ผ้าอยู่ตรงไปหารัก

เมื่อพี่สนหันไปเห็นว่ารักกำลังยืนอยู่ข้างหลังของเขา เขาก็รีบก้มลงหยิบผ้าเช็ดตัวที่กองอยู่บนพื้นขึ้นมาพันเอวเอาไว้ทันที

“พี่สนเป็นพี่แท้ๆ ของเก้านะเว้ย อย่าทำให้เรื่องมันกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้มั้ย และที่จริงก็เป็นเพราะพี่สนด้วยนั่นแหละ ที่ทำให้เก้าต้องใช้ชีวิตอยู่ในความมืดและความสับสนมาตั้งหลายปีจนกระทั่งได้มาเจอกับรัก เก้าไม่เคยรักใคร ไม่เคยรู้ว่าความรักเป็นยังไง ที่ผ่านมาเก้าได้แต่นอนอยู่กับความเหงาและความเดียวดาย เพราะเก้ากลัว เก้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองชอบผู้ชายจนเมื่อหลายปีก่อน ซึ่งทั้งหมดมันก็เป็นเพราะสิ่งที่พี่สนทำนั่นแหละ พี่สนทำให้เก้าได้แต่ถามตัวเองหลายต่อหลายครั้งว่าเก้าเป็นอะไรกันแน่ เก้าผิดปกติตรงไหน และทำให้เก้าไม่เคยกล้าที่จะคุยกับใครเลย” ผมรู้สึกว่าน้ำตาเริ่มรื้นมาอยู่ที่ขอบตา “แม่งงง!! เก้าก็ไม่รู้หรอกนะว่าชีวิตส่วนตัวของพี่สนเป็นยังไง แต่ชีวิตเก้ามันไม่มีอะไรเลย! มีแต่หนังสือเรียนกับการเป็นหมอ มีแต่โรงพยาบาลและคนไข้ ที่ผ่านมาเก้าก็อยากจะเป็นคนที่ถูกรัก ถูกกอด ถูกแสดงความห่วงใยบ้างเหมือนกัน...!!”

รักดึงตัวของผมที่กำลังสั่นเทาเข้าไปโอบเอาไว้ เขาลูบต้นแขนของผมเบาๆ เป็นการปลอบโยน

“ในฐานะที่พี่สนเป็นพี่ของเก้า พี่สนควรจะรักเก้า ดูแลเก้า คอยฟังและให้คำปรึกษาเก้าไม่ใช่เหรอครับ ไม่ใช่มาทำให้เก้ากลัวจนต้องวิ่งหนีออกไปซ่อนอยู่นอกบ้าน และทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่เคยแม้แต่จะคุยกับเก้า ไม่เคยแสดงความเข้าใจเก้าอีกเลยนับตั้งแต่นั้นมา! พี่สนรู้อะไรมั้ย เก้าก็ไม่รู้หรอกนะว่าพี่คิดว่าชีวิตของเก้าเป็นยังไง แต่เก้าจะบอกให้ว่ารักคือแฟนคนแรกของเก้า และเป็นคนแรกที่เก้าเคยมีอะไรด้วย นั่นคือเก้าไม่เคยมีอะไรกับใครเลยจนกระทั่งอายุ 27 นะเว้ย! น่าทุเรศมั้ยล่ะ!!”

“พี่เก้าครับ...” รักพูดเบาๆ ก่อนจะก้มลงจุ๊บกลางกระหม่อมผม “เราเคยสัญญากันว่าจะไม่พูดแบบนั้นอีกแล้วไม่ใช่เหรอไง”

ผมหลับตาลงและถอนหายใจเบาๆ “พี่สน ฟังเก้าให้ชัดๆ นะ เก้าไม่ได้ต้องการเซ็กส์จากพี่สนเมื่อ 10 กว่าปีก่อน และเก้าก็ไม่ได้ต้องการเซ็กส์จากพี่สนในตอนนี้ด้วย แต่เก้าต้องการความรัก ความอบอุ่น ต้องการให้พี่ชายของเก้ารักเก้าอย่างที่ควรจะเป็น เมื่อก่อนพ่อกับแม่ของเราต่างก็ทำงานหนักจนแทบไม่มีเวลาให้พวกเรา เก้าจึงรักทั้งพี่สนและพี่ฟ้ามาก เก้าแค่เคยคิดว่าพี่สนจะเป็นพี่ชายที่ทำหน้าที่เติมเต็มในส่วนที่พ่อขาดหายไปให้เก้าได้เท่านั้นเอง แต่ปรากฏว่าเปล่าเลย  พี่ฟ้าต่างหากที่ทำแบบนั้นให้เก้ามาตลอด”

เมื่อผมพูดจบ เราทุกคนต่างก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีกเลย ความเงียบที่น่าอึดอัดคืบคลานเข้ามาปกคลุมทั่วทั้งห้อง ผมเดินไปทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่อยู่ใกล้ที่สุด ส่วนพี่สนก็เดินผ่านผมกับรักกลับขึ้นไปบนชั้นสองโดยไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำเดียว

“พี่เก้า พี่ทำถูกต้องแล้วนะครับ” รักนั่งยองๆ ลงตรงหน้าของผมและกุมมือของผมเอาไว้ “ผมภูมิใจในตัวพี่นะ”

“พี่รักเรามากนะครับ ‘รักที่สุด’ เลยด้วย ” ผมยิ้มให้เขาน้อยๆ

“ผมก็รัก ‘ดวงตะวัน’ ของผมเหมือนกัน” เขาฉีกยิ้มกว้างตอบผม แต่รอยยิ้มของเขาทำให้ผมน้ำตาไหลออกมา ผมคงจะอัดอั้นไว้มากจนเกินไป

รักยังคงนั่งกุมมือของผมเอาไว้เหมือนเดิมในตอนที่พี่สนเดินกลับเข้ามาในห้องกินข้าว 20 นาทีให้หลัง เขาแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว และถือกระเป๋าเดินทางอยู่ในมือ ที่สำคัญคือดวงตาของเขานั้นแดงก่ำแทบไม่ต่างไปจากของผม

“พี่จะให้ผมกลับไปก่อนมั้ย” รักถามพร้อมกับลุกขึ้นยืน

“ไม่ต้องหรอก อยู่ที่นี่แหละ” พี่สนพูดขึ้น เขาก้มลงมองบนพื้นครู่หนึ่งก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองเราสองคนสลับกัน “แกพูดถูกแล้ว เก้า ฉันผิดเองทุกอย่าง ฉันรักแกนะเว้ย ทั้งตอนนั้นและตอนนี้ แต่ฉันคงตีความหมายของคำว่า ‘รัก’ ผิดไป ตอนนั้นฉันยังเด็ก ฮอร์โมนมันคงพลุ่งพล่าน และฉันก็คิดแค่ว่า ถ้าหากเราได้ทำแบบนั้นกัน แกน่าจะชอบและน่าจะรักฉันมากขึ้น ฉันเข้าใจไปเองว่านั่นคือสิ่งที่แกต้องการ แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าสิ่งที่ฉันคิดมันผิด ฉันไม่เคยตั้งใจจะสร้างบาดแผลให้แกจริงๆ นะเว้ย ไอ้เก้า ฉันเองไม่มีพี่ชาย เลยอาจจะไม่เคยเข้าใจความรู้สึกของน้องชายที่ชื่นชมพี่ชาย อยากให้พี่ชายทำหน้าที่แทนพ่อนั้นมันเป็นยังไง แกพูดถูกเรื่องที่ว่าตอนเด็กๆ พวกเราก็ไม่ได้รับความใส่ใจจากพ่อแม่มากนัก” เขากลืนน้ำลายลงคอก่อนจะก้มหน้า “ตอนนี้ฉันก็ไม่รู้มันจะสายเกินไปรึเปล่านะเว้ย... แต่ ถ้าเป็นไปได้ ฉันก็อยากจะเริ่มต้นใหม่ตั้งแต่วันนี้ไป จะได้มั้ย...”

“พี่สน...” ผมลุกขึ้นยืนและเดินไปหาเขา “เก้าขอโทษ เก้าไม่ได้ตั้งใจจะทำให้พี่สนรู้สึกแย่แบบนี้หรอกนะ...”

“ไม่หรอก เก้า ฉันควรจะต้องรู้สึกแบบนี้แหละ มันถูกแล้ว ถ้าแกไม่พูดออกมา ฉันก็คงจะยังทำตัวเป็นไอ้งั่งอยู่ต่อไปและไม่ได้มีโอกาสได้แก้ไขตัวเองสักที...” เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ “จนถึงตอนนี้ ฉันว่าแกคงพอเดาได้แล้วล่ะนะว่าทำไมฉันถึงได้หย่ากับเมีย”

ผมพยักหน้าเบาๆ

“เออ เอาเป็นว่าฉันคงไม่อยู่รบกวนแกสองคนแล้วว่ะ ฉันจะกลับไปนอนที่โรงแรมกับเพื่อนที่ทำงาน และหลังจากนี้ก็จะเป็นพี่ชายที่ดีขึ้น ขอแก้ไขสิ่งที่เคยทำผิดพลาดกับแกมาหลายปี และถ้าโชคดี ฉันก็คงจะมีคนรักที่ดีแบบที่แกมีไอ้รักทุกวันนี้บ้างล่ะนะ” เขายิ้มให้ผมกับรัก

“พี่สนจะไปจริงๆ เหรอ” ผมถาม

“ใช่ ฉันว่ามันดีที่สุดแล้วว่ะ ถ้าแกให้อภัยฉันเมื่อไหร่ก็บอกแล้วกัน ฉันจะรอ ไม่ว่าอีกนานแค่ไหน จะกี่เดือนหรือกี่ปี ฉันก็จะรอ” น้ำเสียงของเขาสั่นเครือเล็กน้อย

ผมส่ายหน้า “ไม่ต้องรอหรอก เก้าให้อภัยพี่สนแล้ว”

เมื่อได้ยินอย่างนั้น พี่สนก็ยิ้มกว้างออกมาและดึงตัวของผมเข้าไปกอดทันที มันคืออ้อมกอดแบบที่ผมต้องการมาตลอดทั้งชีวิต การกอดที่แนบแน่น อบอุ่น เต็มไปด้วยความรักความเข้าใจ และเป็นอ้อมกอดที่ผมจะไม่มีวันลืมเลย

“ขอบใจมาก ไอ้เก้า ขอบใจจริงๆ ว่ะ” เมื่อเขาปล่อยตัวของผมออกแล้ว เขาก็เดินตรงเข้าไปหารัก “ฝากดูแลน้องชายของพี่ด้วยล่ะ ไอ้รัก”

“แน่นอนครับ พี่สน”

“ถ้าแกทำมันเสียใจ แกโดนหมัดพี่แน่นะเว้ย!” เขาชูกำปั้นขึ้นตรงหน้า

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงครับ!” รักยักคิ้วตอบกลับเป็นเชิงท้าทาย

หลังจากที่พี่สนกลับไป ผมก็เดินไปนั่งลงบนโซฟาอย่างเหนื่อยอ่อน รู้สึกว่าสภาพจิตใจของผมมันล้าไปหมด ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ทำเอาผมหมดพลังงานจนไม่เหลือพอแม้แต่จะขยับตัว รักเดินมานั่งลงข้างๆ และดึงตัวของผมให้เอนลงไปนอนหนุนตักเขา ซึ่งก็ทำให้ผมผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 12-08-2013 12:48:18
ค่อยยังชั่วที่ลงเอยด้วยดี
เก้ากล้าที่จะพูดความรู้สึกออกมา ไม่กลัวและไม่หนี
ส่วนพี่สนก็ต้องยอมรับความจริง
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 12-08-2013 13:18:31
ในที่สุดก็เคลียร์เรื่องพี่สนซักที :mc4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 12-08-2013 13:23:12
เรื่องที่ค้างคาใจมานาน ได้ปลดปล่อยออกมา เก้าคงโล่งสบายใจขึ้น
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 12-08-2013 14:05:52
ซีนอารมณ์รุนแรงมาก
อ่านไปใจสั่นไป
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: Gongy B.Du ที่ 12-08-2013 14:48:30
จบเรื่องไปอีกเปลาะนึงจนได้ ฮวู้... -w-;;
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: phenomintna ที่ 12-08-2013 15:53:27
ไม่อยากให้เป็นเรื่องสั้น มันสนุกมากกกกก :katai4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 12-08-2013 17:53:44
น่ารักที่สุด
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 12-08-2013 19:00:44
 :katai1: :katai1:  :-[ :pig4: :heaven :call:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 12-08-2013 19:13:31
เฮ้ออออ
นึกว่าเรื่องจะใหญ่กว่านี้ซะอีก
แต่เป็นแบบนี้ก็ดีแล้วล่ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: miracle22936 ที่ 12-08-2013 20:38:26
เครียดแทนเก้าเลยนะเนี่ย เฮ้ออออ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 12-08-2013 21:10:18
นึกว่าจะดราม่าวะแล้ว ดีแล้วที่เคลียร์กันได้
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 12-08-2013 22:02:13
ส่งท้าย...


หลังจากนั้นพี่สนก็ยังคงติดต่อกับผมอย่างต่อเนื่อง เราโทรคุยกันอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง ซึ่งในช่วงแรกมันก็ยังไม่ใช่เรื่องง่าย เราต่างก็ยังคงมีความรู้สึกกระอักกระอ่วนกันอยู่บ้าง แต่สุดท้ายความรู้สึกของเราก็เริ่มเข้าที่ จนเรารู้สึกสบายใจที่จะคุยกันมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม และความสัมพันธ์ของเราสองพี่น้องที่พัฒนาดีขึ้นเรื่อยๆ แบบนี้ก็ทำให้พี่ฟ้าดีใจมากเช่นกัน นอกจากนั้นมันยังส่งผลทำให้ชีวิตสังคมของผมดีขึ้นอีกด้วย เพราะนอกจากผมจะกลายเป็นคนที่มีความสุขขึ้น ผมยังรู้สึกสบายใจที่จะเปิดใจให้กับผู้คนรอบข้างมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด รักบอกผมว่า บางทีมันอาจจะเป็นเพราะในที่สุดผมก็ได้ระบายความอัดอั้นที่เก็บซ่อนไว้ในใจออกไป แต่ผมรู้ดีว่าเขาต่างหากที่เป็นส่วนสำคัญที่สุดที่ทำให้ผมเป็นผมอย่างในทุกวันนี้

เมื่อวันเกิดของผมมาถึง ผมก็ได้รับเซอร์ไพรส์ที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตจากรัก เขาพาผมไปยังร้านอาหารโปรดของเรา ซึ่งที่นั่น เขาได้เชิญพี่ฟ้ากับสามี และพี่สนกับผู้ชายอีกคนที่ผมไม่รู้จักมาด้วย พี่สนแนะนำผู้ชายคนนั้นว่าเป็นแฟนของเขา ชื่อ เอก เขาสองคนคบกันได้สี่เดือนแล้ว เย็นเรานั่งคุยและกินข้าวด้วยกันอย่างมีความสุข นั่นคือเซอร์ไพรส์วันเกิดครั้งแรกในชีวิตของผม มันทำให้ผมดีใจมาก แต่เมื่อเรากลับบ้าน รักก็ทำให้ผมต้องประหลาดใจอีกครั้ง เมื่อเขาบอกผมว่าเขาตัดสินใจที่ปล่อยบ้านของเขาออกให้เช่า โดยที่ถ้าหากผมอนุญาต เขาจะขอย้ายเข้ามาอยู่กับผมอย่างถาวร

เมื่อเขาพูดจบ ผมก็กระโดดเข้าไปกอดเขา ทำเอาเราล้มลงไปนอนกลิ้งอยู่บนพื้นห้อง แน่นอนว่าผมต้องเห็นด้วยและอนุญาตอยู่แล้ว! เขาบอกผมว่าคนที่อยากจะมาเช่าอยู่ก็คือ โต๋ เพื่อนของเขาคนที่เคยช่วยขนของเมื่อวันที่เขาย้ายเข้ามาวันแรก เพราะโต๋กำลังจะแต่งงานกับแฟนของเขาที่เพิ่งตั้งท้อง พวกเขาจึงอยากจะขยับขยาย และรักเองก็อยากจะช่วยเหลือเพื่อนของตัวเองด้วยเช่นกัน

“ตอนแรกพี่คิดว่ารักจะไม่อยากย้ายออกจากบ้านของตัวเองซะอีก” ผมถามเขา

“ก็จริงนะครับ ผมก็ไม่อยากจะย้ายออกจริงๆ นั่นแหละ บ้านหลังแรกของผมนี่นะ ลึกๆ ผมก็รู้สึกเสียดายมันอยู่เหมือนกัน”

“อ้าว งั้นแน่ใจเหรอว่าตัวเองอยากจะมาอยู่กับพี่จริงๆ น่ะ”

เขายิ้มกว้าง “แต่ผมก็ไม่ได้ย้ายออกจาก ‘บ้าน’ ของตัวเองสักหน่อยนี่ ที่จริงต้องบอกว่าผมกำลังจะ ‘ย้ายเข้า’ มาอยู่สถานที่ที่ตัวเองเรียกว่าบ้านจริงๆ อย่างเต็มปากมากกว่า”

คำพูดของเขาทำให้ผมต้องยิ้มออกมา “พี่เองก็อยากให้รักย้ายเข้ามาอยู่กับพี่ตั้งนานแล้ว แต่พี่ไม่อยากจะบังคับรัก”

“ผมเองก็อยากจะย้ายเข้ามาอยู่กับพี่ที่บ้านของเรานี่นานแล้วเหมือนกันนั่นแหละครับ แต่ผมไม่อยากปล่อยบ้านหลังนั้นไว้เฉยๆ พี่เก้าเองก็รู้ว่าเวลาผมต้องนอนคนเดียวในบ้านหลังนั้นน่ะ ผมเหงาขนาดไหน” เขาทำเสียงอ้อน

“พี่ก็เหมือนกัน”

“สำหรับผม คำว่า ‘บ้าน’ มันไม่ใช่แค่ตัวสิ่งก่อสร้างหรอกนะครับ แต่คือ ‘คน’ ที่อยู่ด้วยต่างหาก คนที่ทำให้ผมรู้สึกอบอุ่น รู้สึกอยากจะกลับมาเจอ อยากกลับมานอนกอด และอยากใช้ชีวิตอยู่ด้วยทั้งชีวิต... ถ้าหากมีคนๆ นั้นแล้วล่ะก็ ผมก็ไม่แคร์แล้วล่ะว่าจะต้องอยู่ที่ไหน”

“เหรอครับ... แล้วเจอคนๆ นั้นรึยังล่ะ”

“เจอมานานแล้วล่ะครับ และผมก็จะไม่ปล่อยให้คนๆ นั้นหนีผมไปไหนแน่นอน!” เขาพูดพลางกำชับวงแขนที่กอดผมอยู่ให้แน่นขึ้น “สุขสันต์วันเกิดนะครับ คุณหมอก้าวตะวันของผม”

ผมที่เขินจนไม่รู้จะตอบเขาไปอย่างไรได้แต่นอนยิ้มและคิดขอบคุณฟ้าที่ส่งผู้ชายคนนี้เข้ามาในชีวิตของผม เขาคือผู้ชายที่งดงามที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมา เขามอบความกล้า ความสุข และความสดใสให้ชีวิตของผมที่เคยแห้งแล้ง เขาคือพลังที่ขับเคลื่อนผมให้สามารถลุกออกไปทำงานและเจอผู้คนได้อย่างมีกำลังใจ ไม่เคยมีเลยสักวันที่ผมจะไม่คิดถึงเขาและสิ่งดีๆ ที่เขานำพาเข้ามาสู่ชีวิตของผม ต่อจากนี้ไป เตียงนอนของผมจะไม่ต้องว่างเปล่าอีกแล้ว และบ้านของผมก็จะกลายเป็นครอบครัวเล็กๆ ของสองเรา ที่จะคอยเติมความชุ่มชื้นและความอบอุ่นให้แก่หัวใจของผมไปตราบนานเท่านาน

ลักษณ์ธิสุทธิ์... สุดที่รักของผมแค่เพียงคนเดียวจากวันนี้และตลอดไป



จบ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 12-08-2013 22:05:28
จบแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวเลยทีเดียว สำหรับเรื่องสั้นในเซ็ต home เรื่องนี้

หวังว่าจะชอบกันนะครับ รอพบเรื่องใหม่ได้เร็วๆ นี้

สำหรับตอนนี้ มีทั้งหมด 3 เรื่องแล้ว 3 เรื่อง 3 อารมณ์แหละ

HOME เรื่องที่อบอุ่นที่สุดที่เขียนมา (น่าจะอย่างนั้น)
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34147.0

Coming Back Home incest เรื่องแรกที่กระแสตอบรับดีเวอร์สัสๆ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37604.0

และเรื่องนี้ Moving In

ถ้าใครอยากอ่านเรื่องอื่นๆ ของผมก็คลิกในแฟนเพจหน้าแรกนะครับ แล้วเจอกันครับ จวฟๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: Redz ที่ 12-08-2013 22:10:50
เอาเรื่องใหม่มาลงได้แล้วเฮีย  :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 12-08-2013 22:26:26
เอาเรื่องใหม่มาลงได้แล้วเฮีย  :hao6: :hao6: :hao6:

ไวไปปะ ยังแต่งไม่จบเบยยยย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 12-08-2013 22:33:49
HBD คุณหมอก้าวตะวันค้าาาา

แต่จบแบบไม่รู้ตัวจริง ๆ นะ 555
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: zeaza ที่ 12-08-2013 22:42:44
จบแล้ววว เป็นเรื่องสั้นที่อ่านแล้วรู้สึกดีมากๆเลยค่ะ
ยิ้มกับก้าวและรักอยู่หลายตอน อ่านเองเขินเอง ^__^
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆอีกเรื่องนะคะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 12-08-2013 22:49:08
จบแล้วว แอร๊
ขอบคุณพี่ต้นนะคะที่เอาเรื่องน่ารักๆมาลงให้อ่านกันแบบนี้
รออ่านเรื่องต่อไปด้วยค่า
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 12-08-2013 22:52:33
 :pig4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: miracle22936 ที่ 12-08-2013 22:54:44
อ่า จบแบบเรื่อย ๆ มาเรียง ๆ เลย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 12-08-2013 23:07:10
จบแล้วววว เย้ๆๆ :mew1:
ดีใจที่แฮปปี้ ^^
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 12-08-2013 23:09:20
หวานนนนนๆ เขินนนนนน
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 13-08-2013 00:30:38
จบแล้ว   รอเรื่องใหม่
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: Gongy B.Du ที่ 13-08-2013 05:10:24
เย้ๆ แฮปปี้เอนดิ้งงงง
เรื่องราวน่ารักมากมาย HBD นะคะคุณหมอออออ o13
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: MK ที่ 13-08-2013 06:51:21
อ่านรวดเดียวจบเลย

ขอบคุณคนเขียนค่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: loveyous ที่ 13-08-2013 07:15:31
ทุกเรื่องเขียนได้อบอุ่นน่ารักมากมากครับ
ขอบคุณมาก อ่านแล้วรู้สึกได้ถึงความรักที่มีให้กันเลยครับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 13-08-2013 11:05:51
จบแล้ว ไม่ทันตั้งตัวเลย
ฮ่าาาา
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 13-08-2013 12:06:03
จบแบหวานละมุน :mew1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 13-08-2013 12:41:15
อิ่มใจ ขอบคุณมากครับ
รอตามเรื่ิองอื่นครับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 13-08-2013 20:46:00
อบอุ่นค่า อยากย้ายเข้าไปอยู่ด้วยอ่ะ :mew2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyFG ที่ 13-08-2013 20:48:03
สนุกมากๆครับ อ่านแล้วมีความสุขจัง

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะครับ แล้วผมจะติดตามผลงานต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 14-08-2013 10:46:50
ขอบคุณคะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: Magis ที่ 14-08-2013 18:45:01
หวานซะ ไม่กลัวมดขึ้นบ้านเลยนะครับ อิอิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: cinquain ที่ 14-08-2013 19:59:12
เข้ามาอ่านด้วย ^^
ตอนแรกก็วางแผนกันทั้งคู่ ดีใจที่ทั้งสองใจตรงกันค่ะ
และดีที่ได้พูดตรงๆกับพี่สนด้วย เลยมีความสุขกันถ้วนหน้า
ขอบคุณคุณต้นค่ะ แล้วจะตามไปอ่านอีกสองเรื่องในชุด Home นี้นะคะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 14-08-2013 20:14:00
ดีจัง...คงเพราะมีรักเคียงข้างเลยกล้าพูดระบายออกมา

จบลงอย่างสว่างกระจ่างใจ :mew1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: WednesdayAugust ที่ 04-09-2013 20:50:16
ซึ้งและอบอุ่นดีจังเลยค่ะ
เก้านิสัยเหมือนเรามาก ๆ ในหลายส่วน อ่านตอนแรกแอบตกใจ
มีคนเหมือนเราด้วยเหรอเนี่ย ฮ่า ๆ ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุก ๆ ค่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 05-09-2013 16:16:17
เป็นเรื่องที่ตัวละครชื่อเพราะจังเลย  :mew3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: whynotme ที่ 05-09-2013 21:47:55
รู้สึกโล่งใจไปกับคุณหมอก้าวตะวัน ที่เคลียปัญหาค้างคาใจกันมานานกับพี่สนซะที ..  :เฮ้อ:

ดีใจที่พี่น้องเค้าเข้าใจกัน ^^  .. แล้วคุณหมอก้าวตะวันก็ได้พบกับ รัก ด้วย รักกันตลอดไปน๊า!! :) :)

ขอบคุณ นักเขียน มาก ๆ นะคะ .. สำหรับนิยายดีดี อบอุ่น ๆ อีกเรื่องหนึ่ง

จะติดตามอ่าน เรื่องต่อ ๆ ไปค่ะ ..  :pig4:  :pig4:  :3123:  :3123:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 05-09-2013 21:49:49
เป็นเรื่องที่เรื่อยๆ แต่น่ารักมากๆ :hao6:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: kamikame ที่ 06-09-2013 11:15:35
สนุกมากเบยย
หมอขี้อาย น่าร๊ากกกอ่า
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวสนุก ๆ นะฮ๊าฟฟฟฟ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 06-09-2013 16:41:18
อิจฉาาาาา อิอิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: devotionNightmare ที่ 13-09-2013 13:14:30
ชอบชื่อรักมากอ่า
ลักษณ์ธิสุทธิ์ (รักที่สุด) สุดที่รัก  :mew1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: wargroup ที่ 21-09-2013 20:56:34
หวานใสนิ่มนวล และสดสะอาดมาก แต่ส่วนตัว...ความสนใจพุ่งไปที่พี่สน!
ใคร่รู้ เรื่องความอึดอัดระหว่างกัน ช่วงที่ยังไม่แยกตัวออกมาจากบ้าน
ชอบความกดดัน การล่อเป้า การปลีกหนีหลบหน้า แต่ลึกๆก็ว้อนท์ (รึเปล่า?)
ชอบของไม่สมควร ต้องห้าม มีตำหนิ ไม่ระบุสถานะ กับอุปสรรคประหลาดๆ...ดึงดูดดีค่ะ
จะมีมาแนวนี้บ้างมั้ยคะคุณต้น ดูรีเควสท์ชอบกลแฮะ อิอิ ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: amito ที่ 25-09-2013 10:29:07
อ่านตอนรักให้พี่เก้าตรวจไฝ่ และพี่เก้าให้รักช่วยตัดขนที่หลัง แล้วอมยิ้มเลยอ่ะ ช่างคิดได้กับแผนตื้นๆมองปราดเดียวก้ออ่านทะลุหมดแระ คนเรานี่นะ พอมีความรักแล้วมันทำได้ทุกอย่างจริงๆ

ดีใจกับหมอเก้าด้วยที่ได้ค้นพบตัวเอง ได้เคลียร์แผลในใจกับพี่สนและก้อได้พบ รัก ซะที โชคดีนะเนี่ย พบรักครั้งแรกก้อใช่เลย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 28-09-2013 02:00:15
เป็นเรื่องที่เรื่อยๆ เอื่อยๆ
ไม่รีบไม่ร้อนจนเกินไป
ติดตามมาหลายเรื่องแล้ว
สนุกทุกเรื่องเลย
อยากอ่านเรื่องต่อไปเร็วๆจัง
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: phai ที่ 28-09-2013 22:13:31
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 10-10-2013 10:40:53
เรื่องราว แนวคิด การแก้ปัญหา คือสิ่งที่ควรในความฝันจริงๆ

อยากให้เรื่องจริงทุกเรื่องเกิดมีการแก้ปัญหาแบบนี้ แล้วทุกชีวิตจะมีความสุข

คิดดูซิว่า ถ้าพี่สนจะหักหาญน้ำใจ เก้าตั้งแต่เมื่อสิบปีก่อน หรือวันนี้

แล้วเก้าไม่วิ่งหนีเมื่อวันนั้น หรือเผชิญหน้าในวันนี้ สิ่งที่เกิดขึ้น ผลของมันคงจะน่าเสียใจมาก
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 26-10-2013 13:22:07
อ่านเรื่องสั้นเรื่องนี้แล้วอิ่มมากค่ะ มันสมบูรณ์แบบในหลายความหมาย ทั้งภาษา การลำดับเรื่อง และอารมณ์ของเรื่อง ยิ่งฉากความขัดแย้งในตอนท้ายระหว่างเก้ากับสนยิ่งทำให้อ่านอย่างตื่นเต้นว่ามันจะจบลงอย่างไร เรียกว่าทั้งเครียดทั้งสนุกสนาน

แต่คุณต้นเก่งมากเลยนะคะ ถ้าพูดถึงเรื่องการทำให้ผู้อ่านคล้อยตาม ขอขยายนิดหนึ่งว่า เรื่อง incest อีกเรื่องนั้น ดิฉันอยากให้พี่ชายกับน้องชายลงเอยกัน เพราะชอบในความรักระหว่างพี่กับน้อง มันดู "ควรจะเป็น" แต่อินเซสท์ในเรื่องนี้กลับให้ความรู้สึกแปลกไป เพราะมันดูเหมือนเป็นสิ่งผิด (ซึ่งความจริงก็ใช่) และดิฉันก็คิดว่าผู้เขียนเก่งมากๆ ที่ทำให้ผู้อ่านมีปฏิกิริยาแตกต่างในหัวข้อเดียวกัน คือเรื่องอินเซสท์

ชอบมากๆ ค่ะ โดยเฉพาะรัก ดิฉันรู้สึกว่าเขาเป็นคนเซ็กซี่มาก และท่าจะชื่นชอบการ "ทำรัก" กับหมอเก้าเป็นพิเศษ ช่างเป็นพระเอกที่เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์เพทุบาย แต่ก็มีเสน่ห์เร้าใจมากๆ เร้าใจในหลายด้าน แต่ที่มากสุดเห็นจะเป็นความหื่นของเขานั่นเอง (ฮา)

อยากอ่านเป็นเรื่องยาวนะคะ แต่คิดว่ามันจบสมบูรณ์ดีแล้ว

ขอบคุณค่ะ

ปล. คุณต้นบรรยายฉากรักและอวัยวะต่างๆ ได้เห็นภาพดีมากๆ ค่ะ อ่านไป คล้ายกับอยู่ในเหตุการณ์จริงๆ ได้เห็นจริง ได้กลิ่นจริงๆ และได้รู้สึกร่วมไปด้วยจริงๆ แอร๊ย พูดแล้วก็เขิน ขอตัวก่อนนะคะ (ฮา)
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: story ที่ 26-11-2013 19:37:24
เนื้อเรื่องสนุกมากๆ  :ling1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 29-11-2013 13:47:47
 :mew1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: benji ที่ 04-12-2013 21:02:28
 :heaven
 :pig4:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: ชินจังไม่กินหัวหอม ที่ 10-12-2013 01:43:19
อ่านจบสองรอบแล้ว ตามมาจากเรื่อง H.O.M.E. ครับ สนุกทุกเรื่องเลย
ขอบคุณมากๆครับ ที่เขียนเรื่องราวดีๆ มาให้อ่าน จะขอติดตามผลงานไปตลอดเลยครับ  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 11-12-2013 10:20:19
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: cokebundit ที่ 14-12-2013 19:07:28
 :o12: จบแล้วววว เย้ๆๆ :hao7:

 o13 ขอบคุณมากครับ  :bye2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 24-02-2014 02:05:20
โฮๆๆๆๆ ฉากพี่สนกะน้องเก้าสะเทือนใจมาก
ทำเราน้ำตาไหลเลย สงสารทั้งสองคนเลย
ดีใจที่ไม่มีอะไรร้ายแรง

แล้วก็ชอบความเจ้าเล่ห์เจ้าแผนการของพระเอกมากๆๆ
คนเขียนเขียนได้น่ารักและเร้าใจสุดๆ ^^
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: CorNnE PRiNCeS ที่ 16-07-2014 12:18:07
:z10:

อ่านแลว สุขสันต์

ขอบคุณนะคับ

 :impress2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 25-07-2014 11:07:06
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 27-07-2014 18:24:58
 :o8: สุดยอดค่ะ เรื่องนี้น่ารักจัง
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว] แจ้งจองรวมเล่ม Home The Series P.6
เริ่มหัวข้อโดย: ExecutioneR ที่ 14-08-2014 16:48:25
แจ้งเปิดจองและโอนเงิน
หนังสือชุด "Home The Series ความรัก & ความทรงจำ"
Home, Coming Back Home, Moving In และ Brother next door
และเรื่องสั้นพิเศษอีก 1 เรื่อง


อ่านรายละเอียดได้จากกระทู้ข้างล่างนี้ครับ

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43296.0
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว] แจ้งจองรวมเล่ม Home The Series P.6
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 24-01-2015 20:31:43
น่ารักมาก ๆ ครับ รักก็ตรงมาก เก้าก็ขี้อายมาก อ่านแล้วมีความสุข
 
ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว] แจ้งจองรวมเล่ม Home The Series P.6
เริ่มหัวข้อโดย: jeabjunsu ที่ 10-03-2015 18:26:27
น่ารักมั้งคู่เลยค่า มีวิธีการหลอกล่อกันได้แบบว่าเปลืองตัวมากๆ5555
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว] แจ้งจองรวมเล่ม Home The Series P.6
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 07-08-2015 15:44:20
สนุกมากกกกกกกกก

ชอบมากครับ

ได้อารมณ์แบบ นี่ละ เกย์ของจริงเลยละ
มันสมจริง และสนุกแบบนิยายด้วย

ขอบคุณผู้แต่งมากครับ สนุกมากจริงๆ
ชอบผลงานของผู้แต่งทุกเรื่องเลยครับ (ถึงจะยังตามอ่านไม่หมด)
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว] แจ้งจองรวมเล่ม Home The Series P.6
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 08-08-2015 18:07:43
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว] แจ้งจองรวมเล่ม Home The Series P.6
เริ่มหัวข้อโดย: san ที่ 03-01-2016 04:19:35
 :pig4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว] แจ้งจองรวมเล่ม Home The Series P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Praykanok ที่ 03-01-2016 11:22:23
สงสารพี่เก้าที่จมอยู่กับความรู้สึกไม่ดีอยู่หลายปี
แต่ทุกอย่างก็แฮปปี้ เยยยยย่ ><
รักขี้อ่อยยยยยย หมอเก้าก็ใช่ย่อยยย 555
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว] แจ้งจองรวมเล่ม Home The Series P.6
เริ่มหัวข้อโดย: bigeye ที่ 07-01-2016 06:08:08
น่ารักมาก รู้สึกได้ถึงการแอบรัก นายเอกถึงจะขี้อาย แต่ก็แซ่บได้นะ5555
พระเอกก็น่ารักกก ขี้อ่อยอีกต่างหาก
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว] แจ้งจองรวมเล่ม Home The Series P.6
เริ่มหัวข้อโดย: ดึงดาว ที่ 02-10-2016 16:14:24
ชอบจังล้าาา
ขอบคุณนิยายดีๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว] แจ้งจองรวมเล่ม Home The Series P.6
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 03-10-2016 23:33:26
ดีแล้วที่ก้าวเปิดใจ อ่านเพลินเลยค่า
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว] แจ้งจองรวมเล่ม Home The Series P.6
เริ่มหัวข้อโดย: taltal020441 ที่ 04-10-2016 11:37:40
ชอบค่ะะ

ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว] แจ้งจองรวมเล่ม Home The Series P.6
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 20-04-2018 19:48:13
เข้ามาอ่านอีกรอบ
ชอบการผลัดกันอ่อยของน้องรักกับพี่ก้าวมาก ^^
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว] แจ้งจองรวมเล่ม Home The Series P.6
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 21-04-2018 10:49:03
ชอบมากกเปิดเรื่องมาก็น่าติดตามพออ่านจบยิ่งรู้สึกชอบมาก
เราคิดว่ารักอ่อยตั้งแต่มาขออาบน้ำพอมาเฉลยตอนหลังนี่รู้เลยนะคะเรื่องนี้พระเอกเราร้ายกาจยิ่งนัก5555555
ขอบคุณสำหรับเนื้อเรื่องสนุกๆนะคะ
จะรอติดตามผลงานอื่นๆต่อไป :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว] แจ้งจองรวมเล่ม Home The Series P.6
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 06-09-2018 04:13:47
ขอบคุณครับ กด +1 ให้นะครับ :a9:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว] แจ้งจองรวมเล่ม Home The Series P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 09-09-2018 18:40:08
 :hao7: :hao7:

เง้ยยยยยย อ่านไปกรีเเร้องไปเขินมากกกกก
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว] แจ้งจองรวมเล่ม Home The Series P.6
เริ่มหัวข้อโดย: สิงหา ที่ 07-10-2018 03:29:11
เป็นเรื่องที่รู้สึกว่า พระ-นาย
อ่อยกันได้ตรงสุด สยิวสุดแล้วจริงๆ  :jul1:
มันเป็นความแซ่บที่ผสมไปด้วยความเขินอาย
ได้อย่างพอดีเลย
ขอบคุณสำหรับนิยายค่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) Moving In [จบแบ้ว] แจ้งจองรวมเล่ม Home The Series P.6
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 29-10-2020 12:37:39
เป็นเรื่องที่รู้สึกว่า พระ-นาย
อ่อยกันได้ตรงสุด สยิวสุดแล้วจริงๆ  :jul1:
มันเป็นความแซ่บที่ผสมไปด้วยความเขินอาย
ได้อย่างพอดีเลย
ขอบคุณสำหรับนิยายค่ะ

 :katai2-1: :katai2-1: