ตอนที่ 33
หมอผีอารัญย์สามารถเดินผ่านเส้นทางที่มืดมิดได้อย่างชำนาญด้วยภาพเส้นทางที่ผุดขึ้นมาในหัวสมอง จนกระทั่งในที่สุดเขาก็สามารถเดินไปถึงปลายทางที่รอบข้างขนาบด้วยแม่น้ำกว้างใหญ่ซึ่งเบื้องหน้ามีถ้ำหินสูงใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ แต่ทว่าประตูถ้ำกลับถูกปิด...
“คานทอง... ส่งผู้ชายคนนั้นออกมาซะ เขาไม่ได้ทำอะไรให้คุณเลยนะ" หมอผีอารัญย์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูสนิทสนม เพราะเขาเป็นผู้ที่เสนอหน้าเข้ามาหาเธอตนแรกหลังจากที่วิญญาณของเธอหลุดออกจากร่าง
“ฉันบอกกี่ครั้งแล้วว่าฉันไม่ได้ชื่อคานทอง ฉันชื่อคฑาทอง!!!” วิญญาณสาวพูดด้วยน้ำเสียงเหลืออด การที่หมอผีอารัญย์เรียกเธอแบบนั้นมันเหมือนกับเป็นการตอกย้ำสถานะที่ตั้งแต่เกิดจนตาย เธอไม่เคยมีคนรักเลยสักคน
“เออ ๆ นั่นแหละ ๆ มันออกเสียงคล้าย ๆ กัน" หมอผีอารัญย์แสร้งสำนึกผิด "ส่งตัวของผู้ชายคนนั้นออกมาให้ผมเถอะ"
“ไม่!!!” วิญญาณสาวตอบออกมาด้วยความฉับไว แม้จะมองไม่เห็นว่าร่างของเธออยู่ตรงไหน แต่น้ำเสียงของเธอก็ดังชัดเจนทีเดียว
“ทำไม เขาไม่ได้ทำอะไรให้คุณเลยสักนิด แล้วคุณจะไปอาฆาตเขาทำไม" หมอผีอารัญย์พยายามเกลี้ยกล่อม
“แล้วฉันล่ะ... ฉันเคยไปทำอะไรให้ไอ้พวกคนชั่วนั่น มันถึงได้มาทำแบบนี้กับฉัน!!!” คฑาทองตอบกลับด้วยน้ำเสียงแหลมสูงพลางนึกถึงเหตุการณ์ในวันที่เธอต้องสิ้นลมหายใจ
พอภาพเหตุการณ์ในตอนนั้นผุดเข้ามาในหัวสมอง ความอาฆาตแค้นของเธอก็ส่งผลให้เธอเดือดดาลถึงขีดสุดจนไม่สามารถควบคุมสติตัวเองได้
“ทั้ง ๆ ที่ฉันไม่เคยทำอะไรให้มันเลยสักนิด" วิญญาณสาวจิกเสียงพูดออกมา ยิ่งพอใบหน้าที่หื่นกระหายของไอ้คนร้ายลอยเข้ามาในหัวสมองของเธอ มันก็ทำให้เธอแทบสติแตก
ความมืดสนิททึบทึมถูกทำลายด้วยแรงอาฆาต หมอผีอารัญย์ลืมตาขึ้นมาแม้ไม่ต้องเพ่งสมาธิแต่ตอนนี้ก็สามารถมองเห็นสิ่งรอบข้างได้อย่างชัดเจน
แรงลมที่ไม่รู้พัดมาจากทิศทางไหน จู่ ๆ ก็กระโชกแรงขึ้นมา เกิดเสียงหวีดหวิวดังระงมไปทั่วผืนป่า
“คุณ... คุณก้อง" หมอผีอารัญย์เอ่ยเรียก เมื่อเห็นชายแปลกหน้ายืนอยู่หน้าถ้ำหิน
ก้องภพหันหน้ามองรอบข้างด้วยความหวาดกลัว เขากำลังประหลาดใจกับภาพที่เห็น เพราะเมื่อครู่มีแต่ความมิดสนิท ทว่าจู่ ๆ ความมืดก็หายไปแปรเปลี่ยนเป็นภาพที่สายตาสามารถมองเห็นสิ่งรอบข้างได้อย่างราง ๆ
“มิวส์ มิวส์อยู่ที่ไหนไหม" แม้จะหวาดกลัว แต่ด้วยความห่วงใยก็ทำให้ชายหนุ่มยังคงทำหน้าที่ของตนเองต่อไปโดยที่ไม่รับรู้เลยว่าในตอนนี้ที่แผ่นหลังของตัวเองกำลังมีวิญญาณสาวเกาะอยู่อย่างแนบชิด
“คฑาทอง อย่านะ" หมอผีอารัญย์ร้องห้ามเมื่อมองเห็นร่างของวิญญาณสาวที่กำลังเกาะอยู่ที่ด้านหลังของชายหนุ่มผู้ที่ยังมีลมหายใจ มือของคฑาทองข้างหนึ่งเอื้อมไปจับที่ปลายคางแบบหลวม ๆ และข้างหนึ่งจับศีรษะเอาไว้ เพื่อรอเวลาปลิดชีพของมนุษย์ผู้นี้
ถ้ามีใครเผลอพูดไม่เข้าหูเธอ หรือภาพในอดีตทำให้เธอสติแตก มือของเธอก็พร้อมที่จะขยับบิดใบหน้าเพื่อให้ลำคอของชายหนุ่มหักในทันที
เมื่อเห็นท่าไม่ดีหมอผีจึงหลับตาลงก่อนที่จะค่อย ๆ ท่องบทสวดเพื่อระงับการเคลื่อนไหวของวิญญาณร้าย
“คานทอง" เมื่อท่องบทสวดเสร็จ หมอผีก็ลองเรียกชื่อของวิญญาณสาวผิด ๆ เพื่อยั่วโมโห พอเห็นว่าวิญญาณสาวหยุดแน่นิ่งไม่มีการเคลื่อนไหว หมอผีอารัญย์ก็รีบหายตัวไปหยุดอยู่ตรงหน้าของก้องภพทันทีเพื่อที่จะทำการสิงร่าง
ทว่าก่อนที่จะหมอผีอารัญย์จะได้กระทำการดังกล่าว วิญญาณสาวที่เกาะอยู่บนหลังของก้องภพก็แสยะยิ้มออกมาและส่งเสียงหัวเราะแหลมสูง
“ฮิ ๆ ๆ ๆ" เธอเอื้อมมือที่ตั้งท่าจะหักคอก้องภพไปบีบคอของอารัญย์ในจังหวะที่อารัญย์เผลอ
“นี่เธอ...” หมอผีอารัญย์เอ่ยขึ้นด้วยความแปลกใจที่บทสวดของเขาใช้ไม่ได้ผล
“อย่ามาใช้ลูกไม้ตื้น ๆ แบบนี้กับฉันนะท่านหมอผี" เธอจิกเสียงแหลมพูดออกมาก่อนที่จะออกแรงกดที่ปลายนิ้วเพื่อให้เล็บของเธอจิกเข้าไปในลำคอ
ทว่ายังไม่ทันที่จะหนำใจ มือที่สัมผัสคอและเล็บที่เกือบจิกทะลุผิวหนังเมื่อครู่ก็ถูกหมอผีอารัญย์เล่นตลกด้วยการทำให้ร่างของตนเองล่องหน แม้จะเป็นวิญญาณเหมือนกันแต่คฑาทองก็ไม่สามารถสัมผัสร่างของวิญญาณหมอผีผู้เก่งกล้าได้
“ขึ้นชื่อว่าเป็นหมอผี เรื่องปราบผีปราบวิญญาณคงไม่มีผีหรือวิญญาณตนไหนสู้ผมได้หรอก หึ!” หมอผีอารัญย์ทำเสียงเข้ม
ก่อนที่คฑาทองจะได้แผลงฤทธิ์หมอผีอารัญย์รีบง้างมือออกไปทางด้านหลังก่อนจะออกแรงฟาดเข้าที่ศีรษะของวิญญาณสาวสุดแรง ส่งผลให้วิญญาณสาวที่ยังไม่ทันตั้งตัวโดนฝ่ามือพิฆาตนั่นเข้าจัง ๆ
และเพราะฝ่ามือของอารัญย์ไม่ใช่ฝ่ามือธรรมดา ๆ พลังจากฝ่ามือของเขาสามารถสะกดจิตของวิญญาณร้ายได้หลังจากที่ได้ทำการตบศีรษะของวิญญาณอย่างสุดแรง นั่นทำให้วิญญาณร้ายหมดสติทันทีที่โดนตบกบาล
ทว่ามันก็มีผลเพียงแค่ 5 นาทีเท่านั้น... หมอผีอารัญย์รีบใช้จังหวะนี้สิงร่างของก้องภพและทำการวิ่งออกไปจากป่าให้ไวที่สุด
ด้วยระยะทางที่ไกลสมควร ทว่าวิญญาณอย่างเขาก็สามารถเร่งฝีเท้าให้ไวจนสามารถที่จะออกจากดงไทรภายในเวลา 5 นาทีก่อนที่สติที่โดนสะกดของคฑาทองจะกลับมาเป็นปกติ
ทันทีที่ร่างของก้องที่หมอผีอารัญย์สิงอยู่ก้าวเท้าออกมาจากเขตของดงไทร เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งใจก่อนที่จะตะโกนร้องเรียกหาวิญญาณที่สั่งให้รออยู่ด้านนอก
“มิวส์ มิวส์ มิวส์" หมอผีอารัญย์ตะโกนทั้งที่อยู่ในร่างของก้องภพ ทว่าไม่ว่าจะตะโกนกี่ที ๆ ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมา แถมยังพอกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ก็มองไม่เห็นร่างของมิวส์อีก
“หรือว่า!!!” หมอผีอารัญย์เอ่ยอย่างหวาดกลัวก่อนที่จะออกมาจากร่างของก้องภพ ร่างที่โดนสิงหมดสติล้มลงทันทีเพราะผลจากการโดนวิญญาณสิงร่างจะทำให้เจ้าของร่างไม่ได้สติไปชั่วขณะ
หมอผีอารัญย์รีบเพ่งสติตามหากลิ่นอายของมิวส์ เนื่องจากเขาเป็นหมอผีจึงทำให้แม้จะสิ้นลมหายใจไปแล้วแต่เขาก็มีวิชาพิเศษติดตัวมากมายและหนึ่งในนั้นก็คือการตามหาวิญญาณร้ายด้วยการดมกลิ่น
“ซวยแล้วสิ" หมอผีเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้ายุ่งยาก "จะเข้าไปในดงไทรทำไมวะ เตือนแล้วไม่รู้จักฟัง ไอ้วิญญาณดื้อด้านเอ๊ย... คอยดูเถอะกลับออกมาได้เมื่อไหร่จะสั่งสอนให้หลาบจำเลยไอ้มิวส์!!!”
สิ้นเสียงบ่น หมอผีอารัญย์ก็กลับเข้าไปสิงร่างก้องก่อนที่จะวิ่งเข้าไปในดงไทรอีกรอบทันที
ทางด้านของมิวส์...
หลังจากที่หมอผีอารัญย์เข้าไปในดงไทร มิวส์ก็กวะวนกวะวายใจอยู่ไม่สุขด้วยกลัวว่าหมอผีอารัญย์จะช่วยก้องไม่สำเร็จ เลยทำให้ท้ายที่สุด มิวส์ตัดสินใจฝ่าฝืนคำสั่งและวิ่งเข้าไปในป่าดงไทรทันที
ในช่วงก้าวแรก ๆ ที่วิ่งเข้าไปนั้น ดงไทรไม่ได้น่ากลัวอย่างที่มิวส์จินตนาการเอาไว้เลยสักนิด
“ไหนว่าจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร" มิวส์เอ่ยขึ้นเมื่อเขาเดินไปได้สักระยะ "ขู่กันนี่หว่าท่านหมอผี คอยดูนะเจอตัวเมื่อไหร่โดนดีแน่"
เหตุที่ผืนป่ารอบข้างไม่ได้มืดมิดดังที่หมอผีขู่เอาไว้นั้นก็เพราะในขณะนั้นเป็นเวลาเดียวกับที่สติของวิญญาณสาวถูกสะกดอยู่นั่นเอง
ทว่าหลังจากที่เวลาผ่านไป 5 นาที ความอาหาตและอำนาจของวิญญาณร้ายได้ทำให้มันกลับมาแผลงฤทธิ์อีกครั้ง
ความสว่างไสวที่พอมองเห็นได้ราง ๆ กลับกลายเป็นสีดำมืดสนิท และในครั้งนี้ดูเหมือนว่าจิตอาฆาตจะรุนแรงมากกว่าเก่าเสียด้วยเพราะวิญญาณสาวกำลังอยู่ในอารมณ์เดือดดาลถึงขีดสุด
“ใครที่มันบังอาจย่างก้าวเข้ามาในเขตแดนของข้า มันต้องตาย!!!” เสียงปริศนาดังขึ้นในความมืดมิด มันดังเสียจนมิวส์ต้องยกมือขึ้นมาอุดหูด้วยความหวาดกลัว
'นี่สินะ ความน่ากลัวที่หมอผีได้เคยบอกเอาไว้' มิวส์คิดในใจ พอจะหันหลังกลับออกไปในทางเดิมมันก็สายไปเสียแล้ว และพอจะก้าวขาก็เหมือนกับว่ามีมือปริศนาหรืออะไรบางอย่างมาจับที่ข้อเท้าเอาไว้ มันจับเอาไว้อย่างแนบแน่นก่อนจะออกแรงบีบจนสุดแรงจนมิวส์รู้สึกเจ็บสะท้านไปทั่วร่าง
“โอ๊ยยยย!!! เจ้านาย เจ้านาย ช่วยผมด้วย" และท้ายที่สุด มิวส์ก็ต้องเปิดปากตะโกนร้องออกไปด้วยความหวาดกลัวสุดฤทธิ์
จบตอนจ้า... มันอาจจะน่ากลัว(รึเปล่าหว่า) แต่พยายามแทรกอะไรๆที่มันหลุดโลกหรือฮาๆ มาให้ด้วย ถ้าไม่สมจริงก็ขออภัยนะคร้าบ T^T อย่างเช่นวิชาตบกบาลจนวิญญาณสลบ ??? มันไม่น่าจะมีอยู่ในตำราหมอผีตำราไหน T^T มีแค่ในเรื่องนี้ก็พอ