12.1(20 per.)
แดดอ่อนๆที่ทอแสงรอดผ่านหน้าต่างบานใหญ่ในห้องเข้ามา ทำให้ผมทีรู้สึกแยงตา เริ่มรับรู้ว่า... กูต้องตื่นสักที
ผม เบิกเปลือกตาขึ้นมองทัศนียภาพ กระพริบสองสามทีไล่ความพร่ามัว มือซ้ายก็ปัดป่ายหานาฬิกาปลุกที่อยู่ที่โต๊ะข้างเตียง แต่...นาฬิกาปลุกกูหายไปไหนวะ
สังเกตดูดีๆ มันไม่ใช่ห้องผมนี่หว่า แล้วมันห้องใครวะ แต่ช่างแม่งเหอะ ผมยังเพลียอยู่เลย แถมพรุ่งนี้ก็วันอาทิตย์ด้วย...ไม่มีเรียน
เมื่อ คิดได้ดังนั้น ไอ้เซลล์สมองส่วนขี้เกียจมันก็พาผมจมลึกลงสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันได้ถึงดรีมเวิลด์(มิใช่สวนสนุกนะเฮ้ย) ช่วงเอวที่ถูกรัดแน่นจนผมหายใจแทบไม่ออกก็ทำให้ผมต้องตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
“ตื่น แล้วหรอ”เสียงงัวเงียสุดเซ็กซี่กระซิบแผ่วที่ข้างหู “ถ้าเมื่อคืนบลูไม่หลับไปก่อนนะ...”แล้วไอ้คนที่กอดจากด้านหลังก็หอมฟอดเข้า ที่แก้มผม
ผม สะบัดตัวหันขวับตามสัญชาตญาณรีเฟล็กต่อเนื่อง แต่ก็แทบกรีดร้อง เมื่อไอ้ความเจ็บแปล๊บจากเบื้องล่างมันแล่นผ่านกระดูกสันหลังแล้วตรงเข้าสู่ หัวใจ... ปวดใจนัก แต่ปวดตูดมากกว่าTT
ผม มองหน้าไอ้คนที่ยิ้มกริ่มอิ่มความสุข(สุขสันต์นักใช่ไหมมึง) ใบหน้างี่เง่ายียวนกวนเบื้องพระบาท ผมไม่มีวันลืมหรอกครับ และไม่ต้องถามว่าเมื่อคืนเกิดอะไรเหมือนอินางเอกละครหลังข่าวให้เสียเวลา ผมก็สามารถสรุปเหตุการณ์ด้วยสมองอันชาญฉลาดของผมได้ว่า...ไม่ใช่ฝัน
“ปล่อยกู!”ผมเน้นเสียง ผลักอกคนตรงหน้า
ไอ้เฮีย(เสียงโคตรสูง)ปั้นมีสีหน้างงงวย ผมยันตัวขึ้นนั่งอย่างลำบาก... อ๊ากกก เจ็บสลัด!!
“ไอ้เหี้ย!!”ผม ตะคอกใส่มัน... เจ็บครับ เจ็บใจ ทำไมกูต้องตกเป็นเมียวะ แหม นี่ถ้าเมื่อคืนนี้มีสติสักนิด ผมคงจะพลิกแพลงท่าทางสถานการณ์ขึ้นมาเป็นผัวได้แน่(คุณเขียด:ยัง ยังไม่ยอมรับความจริงอีก) “ออกไปจากห้องกู แม่ง!!! ออกไป”ผมออกปากไล่เสียงเครือ... เจ็บใจ เจ็บกาย เจ็บไปหมด โอ๊ยยย น้ำตาจะไหล
“ฮึ”คนตรงหน้าผม ยันกายขึ้น แสยะยิ้ม “ตื่นมาก็ออกปากไล่ผัวอย่างหมูอย่างหมาเชียวนะ”มือเรียวสวยช้อนปลายคางผม แต่ก็ถูกสะบัดออก
“สำหรับมึง เป็นหมูเป็นหมามันยังดีไป ไอ้เหี้ย!”คน ตรงหน้าบีบกรามผมแน่น ก่อนจะบดริมฝีปากสีโอรสแนบแน่น จนผมรู้ถึงกลิ่นเลือดที่คละคลุ้งในโพรงปาก เมื่อผมเลือกที่จะกัดริมฝีปากสวยนั่น แทนที่จะตอบสนอง “งั้นมึงก็จำใส่สมองกลวงๆของมึงไว้ ว่ายังไงเหี้ยที่อยู่ตรงหน้ามึง ก็คือผัว”อย่าตอกย้ำว่ากูเป็นเมีย กูเจ็บใจ
ริมฝีปากสีโอรสอาบเลือดที่ถูกถอนไปแล้ว โน้มลงบดเบียดอีกครั้ง ผม พยายามกัดแผลเดิมที่สร้างได้ในคราแรก แต่ก็ไม่สามารถทำได้ เมื่อคนตรงหน้า บีบกรามผมไว้แน่น จนตอนนี้ความเจ็บมันได้ส่งผ่านมา จนหยาดน้ำใสมันเริ่มเอ่อ
ผม จิกหัวทุบหลังทุบอกคนตรงหน้า แต่ก็ดูเหมือนมันจะไม่มีทีท่าหยุด ปากสวยโชกเลือดถูกถอนนออกโดยเจ้าตัว ลิ้นสีสดเกี่ยวกระหวัดเลือดที่แดงฉานฉาบบังสีโอรส
“ทีเมื่อคืนล่ะแหกปากครางลั่น กอดกูกลม ฮึ... แต่พยศๆแบบนี้ก็ดี เร้าใจกูนัก!”ไอ้เหี้ยตรงหน้าโถมตัวเข้าหาผม
ผมนอนราบอยู่บนเตียง โดยที่มือทั้งสองข้างยังโดนยึดแน่นแนบพื้นเตียง คนตรงหน้าดูดขบซอกคอผม ทั้งที่พยายามดิ้น พยายามหนีสุดแรง แต่ทำไมผมกลับรู้สึกว่ามันไม่มีผลเลยล่ะ
“โอ้ยยยย”ผมร้องลั่นเมื่อ อีกคนกัดคอผมเข้าให้ “เจ็บนะไอ้สัตว์”
“อ๋อ เจ็บหรอ”สีหน้ากวนส้งตินมากอ่ะครับ “กูก็เจ็บไม่แพ้มึงหรอก”ผมมองนัยน์ตาที่ทอแววกร้าวแต่แฝงความว่างเปล่าอย่าง ใจหาย... เจ็บ เจ็บอะไร ใช่ที่ใจหรือเปล่า เราเจ็บเหมือนกันรึเปล่า
บางทีถ้าผมกับเฮียไม่ได้อยู่ในสถานะของเหยื่อ(ไอ้เฮีย)กับผู้กระทำ(ผม) และก็ถ้าคนตรงหน้าผมรักผมสักนิด ผมก็เชื่อว่า ตัวผมเองคงกล้าเปิดใจ แล้วรักไอ้เฮียได้จริงๆ
แต่มันก็คงเป็นไปไม่ได้หรอกครับ ในเมื่อมันก็มีคนที่มันรักอยู่แล้ว... ซึ่ง’ไม่ใช่ผม’
เฮียปั้นยันตัวลุกขึ้น จัดแจงใส่เสื้อผ้าที่ถูกเหวี่ยงกระจัดกระจายอยู่ข้างเตียง ผมลุกขึ้นนั่ง มองแผ่นหลังของคนตรงหน้าเนิ่นนาน
“มองทำไม เสียดายรึไง”ผมหลุดจากภวังค์ “เอาไว้คืนไหนกูว่างๆ กูจะมาสนองให้มึงละกัน”น้ำเสียงเย้ยหยันที่ส่งมา ทำให้ผมห้ามตัวเองไม่ได้ ที่จะ....หยิบโคมไฟปาใส่หัวแม่งเลย!!
โครม!!!
โคมไฟที่ผมปาร่วงลงกระทบพื้น
“มึง...”ไอ้เฮียที่หลบโคมไฟไม่พ้นหันมามอง
ใบหน้าหล่อที่ตอนนี้เหนือคิ้วเข้มมีเลือดสีแดงสดไหลลงมาทำให้ผมสำนึกได้ว่า...
น้อยไป!!
กูน่าจะปาให้แม่นกว่านี้ เห็นหน้าแล้วแม่งโมโห....เดี๋ยวพ่อปั๊ดวิ่งไปซ้ำ
“ฤทธิ์มากนักใช่ไหม!!”ไอ้เฮียตะคอก
“เออ!! แล้วมึงจะทำไม”ผมตะโกนกลับ ก่อนลุกขึ้นจากเตียง
แต่ยังไม่ทันที่จะได้เดินไปไหนไกล ตัวผมนั้นก็มีอันต้องลงไปนอนแผ่บนเตียงอีกรอบ ไม่ใช่ว่าเจ็บจนขาสั่นยืนไม่ไหวอะไรหรอกนะ แต่ไอ้เชี่ยตรงหน้าผมนี่เซะ มันผลักผม!!...โถอิฟาย กูแสบตูดอยู่นะเว่ยยย
“โอ๊ย!”มันสะเทือน
“เพราะเมื่อคืนมึงเมามึงก็เลยจำอะไรไม่ได้...แต่ไม่เป็นไรกูยังหนุ่มยังแน่น”ไอ้เฮียยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะขึ้นมาคร่อมตัวผมไว้ “อีกรอบได้สบายๆ”ผมเบิกตากว้างทันทีที่มันพูดจบ
ไม่นะ ตอนกูไม่มีสติยังเจ็บขนาดนี้ แล้วถ้าตอนนี้ที่กูมีสติมันจะเจ็บขนาดไหน
“อย่านะเว่ย...”ผมพยายามผลักคนตรงหน้าออก “เออ เฮียครับ ปล่อยผมไปเถอะนะครับ”ในเมื่อแรงสู้มันไม่ได้ ก็ต้องขอมันดีๆแล้วครับ
“บอกก่อนว่ามึงเป็นเมียใคร”ไอ้เฮียที่เลือดยังไหลย้อยลงมาตามขอบหน้าอย่าสยดสยองสั่งให้ผมพูดอะไรที่น่าสยดสยองยิ่งกว่า
“....”ใครมันจะไปยอมพูดวะ
“ได้ ในเมื่อมึงไม่รู้ กูจะทำให้มึงรู้เอง...ว่ามึงเป็นเมียใคร”ไม่พูดเปล่าไอ้เฮียมันซุกหน้าลงจรงซอกคอผมแทบจะทันทีที่มันพูดจบ
“อ๊ากกก อย่า!! เฮียอย่า ผมเป็นเมียเฮียก็ได้ อย่าเลยนะ บลูเจ็บ”พูดจบก็บีบน้ำตาอีกนิดทำตาเศร้าอีกหน่อย... เชื่อไหม ร้อยทั้งร้อยแม่งต้องใจอ่อนทั้งนั้นแหละ
“อ๋อหรอ...ไหนมาดูสิ ว่ามึงจะทำหน้าที่เมียได้ดีแค่ไหน”ไอ้เฮีย!!
คุณหลอกดาว!!
“เฮีย อย่า!!”มือเรียวของคนตรงหน้าลูบไปตามลำตัวเปลือยเปล่าของผม...ขนลุก “ถ้าผมไม่ยอม เฮียก็จะบังคับหรอครับ เฮียทำแบบนี้กับเมียเฮียหรอครับ”ผมพูดจบ ไอ้เฮียก็หยุดกึกเลยครับ...หรือจะได้ผล
“ก็ได้ แต่มึงห้ามโวยวาย...”ไอ้เฮียพูดจบก็ทิ้งตัวลงนอนข้างๆผม
“ผมมีเรียนพรุ่งนี้เช้า”ผมบอกเสียงแผ่ว
“อืม...ขอนอนก่อน แล้วจะพากลับ”
ขี้เกียจพูดแล้วครับ คุยกับคนอย่างมัน ...ผมค่อยๆหลับตาคง คนข้างๆก็รวบตัวผมเข้าไปกอด โดยที่ผมไม่คิดขัดขืน เพราะขัดไปก็...ไร้ประโยชน์
นอนได้ชั่วโมงกว่าๆ ไอ้เฮียก็ลุกขึ้นมาอาบน้ำ ก่อนจะกลับมาเช็ดตัวให้ผม ผมก็ได้แต่นอนเฉยๆ เพราะรู้สึกเหมือนไข้จะขึ้นยังไงก็ไม่รู้ ไม่รู้มันเช็ดตัวเสร็จตอนไหน รู้ตัวอีกที ผมก็มาโผล่ที่ห้องตัวเองแล้ว...พร้อมอาการปวดหัว
“ตื่นแล้วหรอ”เสียงทุ่มดังขึ้นที่ข้างหู
“ปวดหัว”ผมบอก
“พี่รู้...”เสียงทุ้มนุ่มบอก มันเบาบาง ราวกับความฝัน “พี่พาบลูไปโรงบาลมาแล้ว”โรงบาล ผมเกลียดโรงบาล “หมอให้ยากับน้ำเกลือแล้ว...เดี๋ยวก็หาย”สัมผัสนุ่มจรดลงบนหน้าผากผม
อบอุ่นจัง
“อืม...”
***
“หวัดดีฮะ”ผมพูดขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้มร่าเริงเป็นที่สุด... หน้าน่ะยิ้ม แต่ในใจนี่สิอยากจะกรีดร้องแล้วลงไปดิ้นๆๆๆกับพื้นโรงยิมให้ขาดใจตาย
“มาสายนะมึง”ผมมองปู่รหัสที่กำลังยืนเป็นประธานการประชุมอย่างโกรธแค้นในใจ...หักหลังกูได้นะไอ้ปู่
หักหลัง เรียกง่ายๆว่าทรยศ(อิเขียด:ง่ายตรงไหน ยาวกว่าหักหลังอีกอิฟาย)(อิบลู:อย่าขัดกูสิครับ)(คุณเขียด:ขะ ขอโทษค่ะ- -) ใช่ครับไอ้ปู่เส็งเคร็งมันทรยศผม ทรยศอย่างไรนั้น ผมจะพยายามสะกดกลั้นแรงอาฆาตแล้วค่อยๆเล่าให้ฟังละกันครับ
ผมตื่นมาเมื่อเช้าประมาณ10โมง อาการป่วยผมเริ่มดีขึ้นล่ะ เจอโพสอิสที่ไอ้เฮียเขียนแปะไว้ที่ตู้เย็น อย่าลืมกินยากับโจ๊ก ถึงจะเกลียดมันโมโหมัน แต่ผมก็หิวว่ะ ดังนั้น...กูกินก็ได้
ประมาณบ่ายโมง ผมหอบสังขารเดี้ยงๆของตัวเองมาถึงม.เพื่อเรียนแมท และเมื่อผมมาถึง มันก็เป็นช่วงที่เหมาะเจาะราวกับจัดฉากไว้รอผมยังไงยังงั้น ไอ้เฮียปั้นที่ผมเกลียดแม่งยิ่งกว่าเมือกหนังกบ กับ โก๊โฟมปู่รหัสสุดประเสริฐศรีของผม พากันลับๆล่อๆเข้าไปในห้องน้ำใต้ตึกศิลป์ที่ค่อนค้างร้างผู้คน
ผม รีบย่องตามไปด้วยความสงสัย(แต่ไม่ได้เสือก) แล้วแอบดูจากช่องระบายอากาศ ภาพคนทั้งคู่ที่สนิทสนมหัวร่อต่อกระซิกคิกคักทำให้ผมยิ่งตรอกย้ำความปวด ร้าว... พวกมัน พวกมันเป็นชู้กัน
.
.
.
.
.
.
...ปัญญาอ่อน...
เอา ลิควิดที่บ้านมาลบอีช่วงไร้สาระนั้นออกไปจากสมองได้เลยนะครับ ไอ้เฮียกับไอ้ปู่มันไปคุยกันจริง แต่ไม่ได้ส่อไปอีทางชู้สาวเลยสักนิด แล้วที่สำคัญถ้าพวกมันเป็นชู้กันจริง ผมยังจะรู้สึกดีกว่าเรื่องที่ผมพบเจอเป็นหมื่นเท่าพันเท่าเลยมั้งครับ
‘ไอ้ปั้น ถ้ามึงไม่มั่นใจว่ามันรักมึงจริงๆ มึงอย่าไปบอกรักมันเด็ดขาด’ไอ้ปู่โฟมเตือนหน้าเครียด “มึงก็รู้lyofkoของไอ้บลู อย่าประมาท”แหม ที่กูเป็นแบบนี้เพราะใครล่ะ ใครกันที่มันขู่ตัดสายถ้ากูไม่ยอมทำตามแผนล่ะห๊ะ...ใครกัน
‘แต่พี่... ไอ้บลูมันรังเกียจผมว่ะ... แย่’ไอ้เฮียตีหน้าเครียดกุมขมับ ‘มันเกลียดผม’เสียงแผ่วที่เจือแววเศร้า ทำให้ผมหรี่ตาลงน้อยๆ
บอก ตรงๆเลยนะครับ เรื่องผมกับมันรวมร่างล้างอสูร ไบโอการ์เดอร์(สรุปง่ายๆ ได้กัน)กันเมื่อคืนนี้ ผมไม่ได้รู้สึกเกลียด หรือรังเกียจมันเลยนะครับ คือดูกันในตามหลักความเป็นจริง ผมก็ผู้ชาย มันก็ผู้ชาย ไม่มีความเสียหายร้ายแรง ไม่มีการท้อง ไม่มีการต้องไปทำแท้งให้เสียความรู้สึกเมื่อเกิดเหตุผิดพลาด
แต่ สิ่งที่จะเสียไปเมื่อคืน จะมีก็แค่ศักดิ์ศรีผมเท่านั้นล่ะครับ ศักดิ์ศรีที่...กูจะเซ็กส์กับผู้ชายทั้งที ทำไมกูต้องตกเป็นเบี้ยล่างด้วยหว๊า!!!
ไอ้ เรื่องที่ผมเกลียดมันด้วยสาเหตุที่มันชอบทารุณกรรมผม ขอบอกว่าผมแทบลืมไปแล้วล่ะครับ ตอนนี้จะจำได้ก็แต่วาจาหมาๆของมันที่เห่าผมเมื่อเช้านี่ล่ะ... ถึงกูจะแอบสมยอม แต่มึงก็ช่วยพูดจาถนุถนอมจิตใจกูหน่อยได้ไหม
‘สักวัน มันก็ต้องรับรู้ถึงใจมึง... แต่จนกว่าจะถึงวันนั้น มึงห้ามให้มันรู้เด็ดขาดว่ามึงรักมัน’ไม่ทันแล้วล่ะครับ กูรู้ซะกระจ่างแน่ชัดเลย
แต่มันรักผมหรอ?...ตรงไหนที่มันแสดงว่ารัก... คำพูดคำไหนที่มันทำให้ผมอบอุ่นใจ...ขอตอบเลย ไม่มี!!!
มัน จะรักผมจริงหรือเปล่าผมไม่สน ผมสนแค่ว่า ตอนนี้ผมเจ็บ แล้วก็เจ็บมากด้วย และที่สำคัญ ไม่ว่าไอ้คนนั้นจะเป็นปู่รหัส ปู่ทวดรหัส หรือโคตรปู่รหัส ใครที่มันมาทำผมเจ็บมันต้องเจ็บมากกว่า(คุณเขียด:กูล่ะกลัวว่ามึงจะเจ็บอยู่คนเดียวนี่ล่ะ)
“เอ่อ ประชุมกันเสร็จแล้วใช่ปะครับ”ผมถามปู่รหัสตัวเอง
“เสร็จแล้ว มึงมีอะไร”ผมยิ้มกริ่ม ก่อนจะวิ่งไปลากคนที่ยืนรออยู่ข้างนอกให้เข้ามา
“จะพาแฟนมาเปิดตัวฮะ”ผม หัวเราะร่า ตอนนี้ทั้งชมรมกำลังตกอยู่ในภวังค์ความอึ้งทึ่ง(แต่ไม่เสียว)... โดยเฉพาะหน้าไอ้ปู่กับไอ้เฮียนี่นะครับ ฮึๆ ขอบอกว่าผมล่ะสะใจ
อึ้ง อึ้งเพราะแฟนที่ผมพามาเปิดนั้นมันช่างเพอร์เฟคดูดีมีสกุลเป็นที่สุด(ต่างจาก ผม ที่ดูดีๆแล้วจะรู้ว่ากูนั้นสถุลเป็นที่สุด) และทึ่ง ทึ่งเพราะ.... เพราะแฟนที่ผมเอามาเปิดตัวมันเป็นผู้ชายล่ะสิ
“คิงครับ”ไอ้คนข้างตัวผมแจกยิ้มหวานแชเชือนพร้อมโค้งหัวน้อยๆ
“ ครับชื่อคิงครับ เอ่อ แต่ถึงจะชื่อคิงแต่เขาก็ควีนนะฮะ ผมเป็นผัว เขาเป็นเมีย”ผม อธิบายสถานะ(แบบหน้าด้านๆ)อย่างเสร็จศัพท์ จนขนาดตัวไอ้คิงเองยังอ้าปากค้าง...ช็อคล่ะสิ ถึงจะเป็นแผนการแต่กูก็ไม่ยอมเป็นเมียใครอีกแล้วโว้ย
คิง หรือไอ้คิง สโลแกน เน้นรุกไม่เน้นรับ มันเป็นเพื่อนร่วมรุ่นสมัยม.ปลายของผมเองครับ เคยมาจีบผมครั้งหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นผมเพิ่งเลิกกับอิหลิน โคตรฉุนเฉียว หงุดหงิดง่าย แล้วยังมาเจอมุขหยอดเพื่อหวังพากูไปปล้ำอีก ด้วยความที่ผมควบคุมตัวเองไม่ได้ มันก็เลยโดนซ้อมไปหนึ่งยก และหลังจากนั้นมันก็ไม่กล้ามายุ่งกับผมเลย
จนเมื่อเช้ามันทักเฟสมา(เหมาะเจาะเสียจริง) ผมก็เลยคิดแผนนี้ออก คิดดูสิครับ ถ้าจะมีใครสักคนที่ผมจะเอามาต่อกรกับไอ้เฮีย ก็คงจะมีแต่ไอ้คิงนี่ล่ะครับ รูปหล่อ ม่อเก่ง เส็งเคร็ง ครบสูตร(สูตรอะไรของมึงเนี่ย) ผมเหล่มองไอ้เพื่อนร่วมรุ่นที่สูงกว่าผมเล็กน้อย อืม ประมาณ20เซ็นได้(เล็กน้อยพ่องมึงเหอะ)...
ล้อเล่นครับ ผมสูงประมาณ178 มันก็180กว่าๆได้มั้ง หน้าตาหรอ ก็งั้นๆอ่ะ เป็นเดือนสัตว์แพทย์ รวยไหม ก็แค่ขับบีเอ็มบ้างแลมโบกินีบ้าง แล้วแต่อารมณ์ และความพอใจของมัน
ถึงผมจะไม่ได้มีซัมติงรองอะไรกับมัน แต่สาวๆก็อย่าได้หวังเลยนะครับว่ามันจะมาสนใจคุณ เพราะว่าไอ้เห้นี่ มันเกิดมาเพื่อเป็นเกย์คิงจริงๆ คิงคือวิถีของมัน มันคือคำนิยามของการรุก ... หยุดชีวประวัติไอ้คิงไว้ตรงนี้ แล้วกลับมาเข้าเรื่องกันดีกว่า
“มึงไปคบกันตั้งแต่เมื่อไหร่”เป็นโก๊โฟมที่โพลงออกมาเป็นคนแรก
“ม.ปลายครับ ฮ่าๆๆๆ แต่เปิดตัวที่นี่ที่แรกเลย”ผมเกาหัวยิ้มร่าอย่างเบิกบาน “วันนี้โดดนะครับ จะไปฉลองครบรอบแต่งงาน”แล้วผมก็จูงมือไอ้คิงเดินดุ่มๆออกมา
ผมมองหน้ามัน มันมองหน้าผม เราสองคนมองหน้ากัน...แล้วก็เป็นมันที่เลือกทำลายบรรยากาศการเล่นจ้องหน้า ด้วยการเบือนหน้ามองไปทางอื่น
“แล้วเอาไงต่อล่ะ”ไอ้คนตรงหน้าที่สูงกว่าผมไม่มากถามโดยไม่มองหน้าผม... กลัวหวั่นไหวในความหล่อของกูล่ะสิ๊ อะเฮื๊อกๆ
ผม มองใบหน้าที่ใสกิ้งวิ้งๆบริ้งราวกับพรีเซ็นเตอร์น้ำดื่มสักยี่ห้ออย่างชั่ง ใจ ไอ้คิงมันหล่อกว่าเมื่อก่อนหลายกระบุงเลยครับ ถ้าถามว่าไอ้เฮียกับไอ้คิงใครหล่อกว่ากัน ก็คงต้องบอกว่าคนละแบบ ไอ้เฮียนี่หล่อนิ่งๆเถื่อนๆแต่มีตาหวานเอาไวละลายใจ(กู) ส่วนไอ้คิงก็หล่อผู้ดีๆดูมีชาติตระกูล หน้าคมริมฝีปากบางเฉียบนัยน์ตาคมกริบ อย่างกับจะบาดใจ(กูอีกแล้ว)คนที่พบเห็น
“มึงอยากไปไหนกูไปได้หมดอ่ะ... พากูมาส่งด้วยนะ” พอผมพูดจบ ไอ้คิงก็ฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์เหมือนพวกตัวโกงที่กำลังจะหลอกอินางเอกหน้าโง่ไปปล้ำ“ไม่ไปที่คนเยอะๆนะ ขอที่ส่วนตัวๆ”แล้วอินางเอกหน้าโง่คนเดิมก็ยังคงพูดสองแง่สองง่ามให้ตัวเองถูกหลอกไปปล้ำต่อไป
“คอนโดคิงไหมล่ะ...บลูกับคิงจะได้มีเวลาทบทวนแผนของบลูได้ทั้งคืน”แล้ว ไอ้เหี้ย(เริ่มมียศ)ตรงหน้ามันก็ส่งมือปลาหมึกมันมาโอบเอวผม...โถ่ไอ้ฟาย คิดว่ากูไม่รู้หรอ ว่าที่มึงจะพากูไปคอนโดน่ะ มึงหวังอะไร
“ก็เอาสิ”ผมฉีกยิ้มสดใสราวเด็กน้อยใสซื่อไม่รู้อิโหน่อิเหน่
แต่ยังไม่ทันที่ผมและไอ้คิงจะไปทบทวนแผนการอย่างเป็นส่วนตัวที่คอนโดมัน แขนขวาผมก็โดนรั้งไว้โดยใครคนหนึ่ง ที่พวกคุณก็น่าจะเดาออก...เพราะมันง่ายมาก
ผมมองป้าแม่บ้านที่รับผิดชอบเขตแดนตึกคณะผม ที่ตอนนี้อยู่เครื่องแบบสีฟ้า ป้าแกยิ้มกว้างให้ผมเฉกเช่นทุกวัน
“มีอะไรครับป้า”ผมพูดด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่สุภาพเรียบร้อย
“อาจารย์สุทิน ให้ป้ามาบอกว่า ศุกร์นี้มีทำความสะอาดใหญ่นะคะ คุณช่วยไปบอกเพื่อนๆด้วยนะ”ผมยิ้มรับพยักหน้า แล้วป้าแกก็เดินจากไป
เป็นไงครับ ทายถูกกันรึ่มเลยดิ บอกแล้วว่าง่าย ไอ้คิงเดินนำไปที่บีเอ็มสีน้ำเงินเข้ม แต่ยังไม่ทันที่ผมจะย่างเท้าตาม แขนผมก็โดนรั้งไว้อีกแล้ว...สงสัยป้าแกจะลืมบอกอะไรอีกแหงม
แต่ไม่ใช่ว่ะ
ผม หันไปมองไอ้เฮียที่ตีหน้าดุกดดัน(กู)อยู่ด้านหลัง ผมพยายามยื้อแขนกลับอย่างเล่นตัว(ยื้อไม่จริงจังครับ เอาแค่ให้รู้ว่ากูไม่ได้สมยอม) ไอ้คนหน้าดุออกแรงกระชาก จนผมนั้นต้องเซไปซบมันอย่างไม่ทันได้ขืนตัวไว้
“ปล่อย”ผมพูดก่อนจะพยายามดันตัวออก แต่ไอ้เฮียมันกลับกอดผมไว้แน่น จนตอนนี้ผมเองก็ได้แต่สมยอมอยู่ในอ้อมแขนมัน
“มึงจะไปไหน”เสียงพูดแผ่วเบาเจือแววห่วงใย ทำให้ผมนั้นถึงกับหัวใจกระตุกวูบ “จะทำอะไรก็ไว้หน้าผัวมึงบ้างนะ”ผมฟังแล้วถึงเซ็ง อะไรที่กำลังจะดีๆก็ดูเหมือนจะแย่ลงเพราะปากมันนี่ล่ะ
“ไปคอนโดเมีย จบมะ”ผมสะบัดตัวออก แต่ยังไม่ทันที่จะได้หอบสังขารร่างไปหาไอ้คิงเมียรัก? ผมก็ถูกไอ้คนที่พยายามยัดเยียดความเป็นผัว ล็อกคอไว้...มึงทำอย่างนี้กับคนที่มึงบอกว่ารักหรอไอ้สาดดดด
“ไปให้โดนมันเอาสิ”อิเฮีย(เสียงสูงปรี๊ด)กระซิบข้างหูผม “ถ้ามึงอยากนักก็บอกสิ กูได้จัดให้”ผมล่ะอยากจะเตะผ่าหมากมันซะให้ไข่เคลื่อน... ไอ้เวร ไอ้ห่า ไอ้หน้าด้าน มาพูดเรื่องแบบนี้ตรงๆได้ไง กูเขิน-///-
“ช่วยปล่อยแฟนผมด้วยครับ”(ไม่ใช่)พระเอก(แต่)ขี่ม้าขาวพูดขึ้น พร้อมกระชากตัวผมออกมา อ่อก ช่วยแกะกูออกมาดีๆไม่ได้หรอห่าคิง
“แฟนมึงแต่เมียกู”แล้วไอ้เฮียกระชากแขนซ้ายผม
“ไม่สนครับ กูจะเอา”แล้วไอ้เหี้ยคิงก็กระชากแขนขวาผมกลับ
“อ้ายเหี้ยยยยย พวกมึงเอามีดมาผ่าแบ่งกูเลยไหม กูเจ็บ อ๊ากกกก”ผมร้องลั่นอย่างคลุ้มคลั่ง
พวก มันปล่อยมือออกจากผม แล้วต่างฝ่ายต่างมองหน้ากันอย่างหาเรื่อง ทั้งสองฝ่ายยังคงตีหน้าเหี้ยมใส่กัน อย่างไม่ลดละ จนผมนั้นยังอดคิดไม่ได้ว่า... น่าให้มันไปเอากันเอง ให้มันไปรอกทองกันซะให้พอใจ
“ยอมละๆๆ”ไอ้ คิงยกมือขึ้นอย่างยอมแพ้... อย่าไปยอมมันสิ ถ้ามึงได้กัน เดี๋ยวมันหลงมึงมากกว่ากู กูก็โดนปลดออกจากตำแหน่งดิ“แบบสามคนผมก็ได้อยู่นะ”สามคน? = = “จะรับ1รุก2”แล้วมันก็ชี้นิ้วมาที่ผมตอนพูดว่ารับ แล้วชี้ที่มันกับไอ้เฮียตอนพูดว่ารุก “หรือรุก1 แล้วรับ2”แล้วตอนรับ2มันก็ชี้มาที่มาที่ผมกับไอ้เฮีย...คิดกระซวกกูยังไม่เท่าไหร่ แต่มึงคิดจะกระซวกไอ้เฮียที่ตัวใหญ่กล้ามหนาเป็นยักษ์ไซครอปเนี่ยนะO[]O
แต่ยังไม่ทันที่ผมหรือเฮียปั้นจะได้โต้เถียงเกี่ยวกับไอ้ความคิดจัญไรของไอ้คิง ก็มีเสียงหนึ่งดังขัดขึ้นมาเสียก่อน
“บลู”ผมหันไปมองตัวปัญหาอีกตัวสำหรับเรื่องนี้...กูแทบลืมมึงไปแล้วหลิน “ทำอะไรกันอยู่คะ”มันถามหน้านิ่ง...แหม ซักผ้ามั้ง ก็เห็นว่ากูคุยกันอยู่ “บลู ตกลงกำลังทำอะไรกันคะ”มาคาดคั้นกูทำไมเนี่ย กูไม่ใช่แฟนมึง
“กวาดบ้านอยู่มั้งครับ”เป็นไอ้คิงครับ ที่ปล่อยวาจาน่าโดนตบ(ด้วยส้งติง)ออกไป
“ถามดีๆก็อย่ากวนตีนสิคะ แล้วชื่อบลูหรอคะ”แอบซะใจหน้าไอ้เหี้ยคิงครับ เหวอไปเลย
“อ้าว”ไอ้คิงเอ่ยพร้อมเหมือนจะพุ่งเข้าไปหาเรื่อง ส่วนทางด้านหลินก็ไม่แพ้กันครับ เหยียดปากทำตาจิก... พวกมึง ตบมะ จะได้จบ
“เฮ้ย!! อย่ามีเรื่องกันเลยนะ”ผมเข้าขวางกลางลำอย่างเป็นคนดี... แหม ก็จะทำแผนชั่วทีไร แม่งมีคนมาขวางตลอด “เอ่อ แล้วหลินมาหาเฮียหรอ”ผมพยายามกระชากอารมณ์ออกไปเรื่องอื่น
“เปล่า หลินมาหาบลู”แล้วเธอก็เข้ามาเกาะแขนผม...กูล่ะงง จะเอายังไงกะกูล่ะอินี่ “หลินอยากเดินเทอมินอล ไปกันนะ”คือแฟนมึงอ่ะยืนปั้นหน้ายักษ์อยู่ตรงนั้น กูแค่ชู้ กูไม่เกี่ยว
“ไอ้บลูมันไม่ว่าง”ไอ้เฮียที่เงียบเสียนานพูดขึ้น
“บลูยังไม่บอกสักนิดเลยว่าไม่ว่าง”หลินหันไปพูดอย่างเหวี่ยงๆ... คือกูจะบอกได้ไง ในเมื่อไม่มีตอนไหนเลยที่มึงจะเปิดโอกาสให้กูได้พูด
“ไม่ว่างหรอก บลูเขาต้องไปกับผม”ไอ้คิงรวย เอ๊ย ไอ้ค_ยริง เฮ้ย ไอ้เหี้ยคิงมันพูดขึ้น ทำให้หลินถึงกับปล่อยแขนผมแล้วเข้าไปประจันหน้ากับไอ้โคตรคิง
“ยังไงวันนี้บลูก็ต้องไปกับฉัน”หลินเท้าเอวเชิดหน้าจิกตาใส่ไอ้เดือนสัตว์แพทย์หน้าคมที่กำลังตีสีหน้ากวนกล้ามเนื้อบาทา
“หน้าด้านไปเปล่าครับ ตามคิว”ไอ้สัตว์ กูไม่ใส่กสิกรไทย กูไม่มีคิว
ผมฟังเกย์สัตว์แพทย์กับชะนีนางแบบเถียงกันไปเถียงกันมาได้สักพัก ก็สัมผัสถึงมืออุ่นๆที่จับเข้าที่ท่อนแขน ผมมองคนที่ตีหน้านิ่งไม่แยแสอะไร หมัดฮุกของคนตรงหน้าปล่อยเข้าที่กลางตัว ผมถึงกับจุกจนพูดไม่ออก ยืนกุมท้องตัวงอง้ำ ร่างกายที่ถูกประทุษร้ายถูกไอ้ตัวการยกขึ้นพลาดบ่า แล้วรีบพาหนีไปที่รถของมันที่จอดไปไม่ไกล... ไอ้เฮีย ไอ้เหี้ย บอกกูดีๆกูก็ไปด้วยแล้ว ต่อยกูทำมายยยย
ไอ้ เฮียยัดผมเข้าไปในรถอย่าทุรักทุเร แต่ถึงจะลำบากยังไงมันก็ทำสำเร็จครับ เพราะตอนนี้ผมได้เข้ามานั่งจุกบนที่นั่งข้างคนขับแล้ว บีเอ็มสีดำสนิททะยานตัวออก ผมมองคนสองคนที่ถึงกับหยุดทะเลาะกันผ่านกระจกข้าง ไอ้คิงมีท่าทีจะกลับไปที่รถ แต่อยู่ๆก็กลับมาเถียงกับอดีตแฟนผมซะงั้น.... หยุดทะเลาะกัน แล้วมาช่วยกูก๊อนTT[]TT
ความ เร็วของรถเริ่มทำให้ผมเกิดอาการฉี่กระปริบกระปอยปอยอย่างควบคุมไม่ได้ ไอ้คนขับหันมมองผมเป็นระยะ จนในเมื่อทั้งผมและมันหนีมาได้ไกลพอควร มันก็ลดความเร็วของรถลง
“ไม่ต้องมามองจิก มึงผิดเองที่บังคับกูให้ทำแบบนี้”มันพูดหน้าตาย...ผมไปบังคับมันตอนไหนครับ มีแต่มันเนี่ยที่บังคับขู่เข็ญทำร้ายร่างกายผม
“ไอ้... เหี้ย...”ผมกลั้นใจด่ามันออกไปด้วยความจุก
--------
อิบลู หาเรื่องนะมึงเนี่ย
ถ้าจะด่าอิเขียดเขียนมั่วก็ด่าได้เลยคะ
เพราะมั่วจริง
ขอบคุณทุกแรงสนับสนุนจ้า