บทที่ 34 “ไอ้พี่ติ คนบ้า! ใจร้าย!”
หมอนหนุนในมือถูกปาออกไป จังหวะเดียวกับที่ประหูห้องนอนถูกเปิดออก พะพายเหลือบตามองใบหน้าบูดบึ้งของน้องชาย ก่อนก้มลงเก็บหมอนบนพื้นขึ้นมาวางเข้าที่ น้ำส้มคั้นสดหนึ่งแก้ววางลงบนโต๊ะอ่านหนังสือ
“เลิกโมโหได้แล้ว คนแบบนั้นไม่มีค่าพอให้ไปสนใจหรอก”
ไม่มีการตอบรับอะไร นอกจากร่างซีดผอมที่ล้มตัวลงนอนราบกับพื้นฟูก พร้อมดึงผ้าห่มคลุมโปงจนถึงศีรษะ รังให้เธอได้แต่ถอนใจยาวเหยียดอย่างนึกสงสาร
ไอ้สารเลวกีรติ บังอาจมากที่กล้ามาทำน้องชายสุดที่รักของเธอเสียใจ ทั้งที่พูดไว้ดิบดี ตอนนี้กลับทำตัวราวน้ำกลิ้งบนใบบอน กลับคำที่เคยบอกว่ารักพะภูนักหนาเข้าให้เสียแล้วหรือยังไง เจ้าตัวเล็กถึงเอาแต่ร้องไห้เป็นวักเป็นเวรมาร่วมสองวันเต็มแล้ว ไอ้ใบหน้าหวานๆอันแสนน่าเอ็นดู บัดนี้กลับหม่นหมอง รอบดวงตาแดงก่ำจากความเสียใจ ใต้ตาก็คล้ำเสียจนดูไม่ได้ ด้วยว่าไม่ได้กินไม่ได้นอนอย่างเต็มที
“ลุกขึ้นมาดื่มน้ำส้มสักหน่อย”
พะพายเอ่ยเสียงอ่อน พร้อมดึงผ้าห่มที่ขวางกั้นออกช้าๆ เห็นร่างคุดคู้กำลังกระเพื่อมขึ้นลงตามแรงสะอื้นไห้ ก็ถึงกับต้องเบือนหน้าหนี ด้วยยากจะรับไหว ปล่อยให้ความเงียบเข้าปกคลุมทั่วบริเวณห้องได้สักพัก เธอจึงเป็นฝ่ายยอมปลีกตัวออกมา ทิ้งให้น้องชายคนดีได้แต่นอนร้องไห้เสียใจกับสิ่งที่คนรักตนกระทำไว้
ความเหน็ดเหนื่อยผลักดันให้พะภูจมลงสู่ห้วงนิทรา จนเวลาผ่านไปหลายชั่วโมง ถึงรู้สึกตัวขึ้นมาจากเสียงเรียกของโทรศัพท์มือถือเครื่องเล็ก ผ้าห่มผืนบางถูกถีบออกแทบจะทันที ก่อนรีบรุดไปกดรับสายโดยไม่ทันได้มองว่าใครโทรมาด้วยซ้ำ ในใจเอาแต่คาดหวังว่าจะได้ยินเสียงทุ้มคุ้นหูอีกครั้ง
“ฮะ..ฮัลโหล”
(พะภู ฉันนิวนะ)
ความผิดหวังก่อตัวรวมกันอยู่ภายใน จนร่างทั้งร่างทรุดกลับลงไปกองอยู่บนพื้นอย่างเหนื่อยอ่อน น้ำเสียงแหบพร่าไร้เรี่ยวแรงตอบกลับไปช้าๆ
“มีอะไรเหรอ..?”
(เป็นยังไงบ้าง น้ำเสียงฟังดูไม่ดีเลย)
“เปล่า ไม่เป็นไร”
พอถูกทักด้วยความเป็นห่วง จึงต้องรีบแสร้งปั้นเสียงสดใสขึ้นมาอีกนิดหน่อย เพราะไม่อยากให้เพื่อนต่างโรงเรียนคนนี้ต้องเป็นกังวลมากไป แต่ดูเหมือนนั่นจะไม่ช่วยอะไรเลย เมื่อนิวยังคงจับได้ถึงความผิดปกติจากอีกฝ่าย จึงพาเข้าประเด็นหลักทันทีแบบไร้การอ้อมค้อม
(พะภู กลับไปอยู่ข้างๆพี่ติเถอะนะ)
หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบเมื่อได้ยินชื่อคนที่เฝ้าคิดถึง หากแต่สุ้มเสียงด่าทอในวันนั้นยังคงดังก้อง คอยหลอกหลอนอยู่ในสมองจนเจ็บปวดขึ้นมา
“จะกลับไปได้ยังไง ในเมื่อเขาไม่ต้องการ” ครั้งนี้กลับเปล่งเสียงเศร้าหมองออกไปอย่างไม่ปิดบัง น้ำตาเริ่มคลอขังพาลจะไหลลงมาทุกขณะ จนปลายสายต้องรีบแย้งขึ้นมาทันควัน
(ไม่จริงเลย! พี่ติรู้สึกผิดมาก อยากขอโทษจะตาย แต่เพราะเครียดเกินไปเลยล้มป่วยแล้วต่างหาก)
“หะ! พี่ติป่วยหรอ?”
(ใช่ พี่ติคิดว่าคงโดนนายเกลียดแล้ว แต่มันไม่ใช่แบบนั้นใช่ไหมพะภู?)
“ฉัน...”
(ยกโทษให้ความงี่เง่าของพี่ติด้วยนะ!)
นิวส่งเสียงจริงจังผ่านสายโทรศัพท์มา ทำเอาพะภูถึงกับทำตัวไม่ถูก มันฟังดูเหมือนว่าหมอนี่กำลังขอร้องเขาจากใจจริง ราวกับว่าความรู้สึกจากนิวจะส่งผ่านมาถึงเขาได้ เพราะอยู่ๆ ก็ลืมความโกรธก่อนหน้านี้ไปเสียเฉยๆ ตอนนี้กลับมีเพียงความโล่งใจที่รู้ว่าติสำนึกผิดกับสิ่งที่ทำ และขณะเดียวกันก็เป็นห่วงเหลือเกินว่าติจะเป็นอะไรมากอย่างว่าหรือเปล่า
“ฉะ..ฉัน จะไปหาพี่ติ!”
ก็ความรักของเรา ไม่สมควรถูกฉีกกระชากได้ด้วยเรื่องเล็กน้อยแบบนี้นี่น่า มันมากกว่านั้น! สิ่งที่ผ่านมาด้วยกัน สิ่งที่เชื่อมกันไว้ มันเหนียวแน่นกว่านั้น!!
“คุณภู!” แม่บ้านคนหนึ่งรีบรุดมาเปิดประตูรั้วให้ เมื่อชะโงกหน้ามาเห็นว่าเป็นใคร ที่เอาแต่ยืมดอมๆมองๆอยู่นาน
“พี่ติไม่สบายเหรอครับ?”
“ค่ะ แถมไม่ยอมทานอะไรเลย ดีใจจริงๆ ที่คุณกลับมา”
คุณป้าทำท่าจะเข้ามาช่วยถือถุงผลไม้ที่เตรียมมา พะภูจึงส่ายหัวน้อยๆ และรีบตรงเข้าไปในบ้านอย่างคุ้นเคย พอเหยียบย่างเข้าไปไม่เท่าไร เสียงหวีดร้องดีใจจากคุณหนูคนเล็กของตระกูลจะดังขึ้นกระทบโสตประสาทแทบจะทันที จนต้องชะงักฝีเท้าไว้ก่อนชั่วคราว และหันไปทักทายรุ่นพี่โรงเรียนเดียวกัน ซึ่งกำลังตีหน้าตาตื่นวิ่งมากอดเขาด้วยความปลื้มปริ่ม
“พะภู พี่ขอโทษแทนพี่ติด้วยนะ เขาแค่หึงจนหน้ามืดไปเท่านั้นเอง”
“ครับ ผมเข้าใจ”
คนเด็กกว่ารีบตัดบทด้วยการพยักหน้าเป็นสัญญาณ ก่อนจะถูกดันหลังให้ขึ้นบันไดไปยังห้องส่วนตัวที่เขาเคยร่วมหลับนอนมาแล้วไม่รู้กี่คืน ทันทีที่ประตูไม้เปิดออก ก็ค่อยๆ เผยให้เห็นร่างใหญ่กำลังนอนสงบอยู่บนเตียงคิงไซส์ ท่าทางอ่อนเพลียไม่สมกับเป็นกีรติเลยจริงๆ พอขยับเข้าไปใกล้ถึงได้ยินเสียงหอบหายใจคล้ายคนทรมานเต็มที นี่เป็นมากขนาดนี้เลยเหรอ!
“อ..อือ”
คนบนเตียงบิดตัวเล็กน้อย ก่อนจะปรือตาลืมขึ้น เสียงเปิดประตูเมื่อครู่คงปลุกให้เขาตื่น แต่ดูเหมือนยังไม่อาจเปิดตาได้เต็มที จนหันไปเห็นหน้าของผู้บุกรุกถึงได้เบิกตากว้างเป็นไข่ห่าน พร้อมเด้งตัวลุกขึ้นจนหน้ามืด ลำบากคนเป็นแขกต้องรีบเข้ามาช่วยพยุงอย่างเสียไม่ได้
“พะ..ภู”
“พี่ติอย่าเพิ่งขยับสิครับ”
“นาย..มาได้ยังไง แล้ว...ไม่โกรธฉันแล้วเหรอ?”
มือใหญ่ตรงเข้ากุมข้อมือเล็กไว้แน่นเหมือนไม่อยากให้หลุดหายไปไหน ก่อนรัวคำถามใส่อย่างรวดเร็ว ใบหน้าแสดงออกถึงความตกใจไม่หาย แต่เลือดภายในตัวกลับเต้นเป็นจังหวะด้วยความตื่นเต้นระคนดีใจ
“โกรธสิ แต่จะยอมให้พี่ป่วยแบบนี้ได้ยังไง” พะภูตำหนิถึงความไม่เอาไหนของคนรักผ่านทางสายตา และช่วยประคองติให้นั่งพิงหัวเตียงดีๆ
“ฉันขอโทษ ขอโทษจริงๆนะ ฉันมันบ้า มันเลว” คนตัวใหญ่เริ่มใช้กำปั้นทุบตีตัวเองเหมือนเด็กๆ จนพะภูต้องรีบห้ามไว้ ติมองกลับมาด้วยสายตาสำนึกผิดอย่างสุดซึ้ง ทำเอาคนมาเยี่ยมถึงกับใจอ่อน ยอมกุมมือติไว้ให้อีกฝ่ายคลายใจ
“ช่างมันเถอะครับ แต่คราวหลังไม่เอาแล้วนะ”
“จะไม่มีอีกแล้ว สัญญาเลย!” มือหนากุมตอบแน่นอีกกว่าเดิม พร้อมเปล่งน้ำเสียงจริงจังออกมา ถ้าบอกว่าตอนเริ่มคบกัน กีรติเชื่องขึ้นแค่ไหน ตอนนี้ยิ่งเชื่องขึ้นกว่านั้นสักสิบเท่าเห็นจะได้
“พี่ติต้องเชื่อใจผมมากกว่านี้”
“อื้อ! ฉันจะเชื่อใจนาย อย่าไปจากฉันเลยนะ ฉันขอโทษ...” คำขอโทษครั้งที่ล้านหลุดออกมาจากปางสีซีดอย่างคนป่วย ยิ่งทำให้พะภูอ่อยระทวยไปทั้งตัวทั้งใจ ใช่สิ สุดท้ายเขาก็ยอมแพ้ติอยู่ดีนั่นแหละ เพราะรักแท้ๆเลย...
“ถ้าพี่ไม่ไล่ ผมก็ไม่ไปหรอกครับ”
“ไม่.. ไม่อีกแล้ว ฉันรักนาย”
กีรติพูดเสียงแผ่วลงทุกทีจนเขาอดใจหายไม่ได้ หลังจากยอมให้ติพรมจูบไปทั่วทั้งมือจนพอใจแล้ว จึงรีบสั่งให้คนยกอาหารขึ้นมาทันที ที่อ่อนแอลงได้ขนาดนี้เพราะไม่ยอมกินอะไรเลยน่ะสิ แบบนี้สงสัยต้องใจอ่อน ยอมป้อนสักหน่อยแล้วมั้ง
“กินข้าวหน่อยนะครับ เดี๋ยวผมป้อน”
“อือ”
คนตัวสูงดูว่าง่ายผิดวิสัยปกติ ยอมกินข้าวกินยา ไม่มีบ่นสักแอะ ทำไปทำมาเขาชักติดใจกีรติตอนป่วยเข้าซะแล้วสิ นอกจากเลิกทำตัวดื้อแพ่งแล้วยังเซื่องเสียจนน่ารักเชียว แต่ถึงยังไงก็ขอให้กลับมาแข็งแรงไวๆดีกว่าแหละนะ
พะภูต่อสายโทรศัพท์หาพะพายเพื่อขอนอนค้างที่บ้านติ ด้วยถูกขอร้องจากทั้งเจ้าตัว ตาล และแม่บ้านทั้งกอง เรียกว่าถ้าขืนปฏิเสธออกไป คงได้มีใครแถวนี้นอนซมต่ออีกคืนเป็นแน่ ซึ่งหลังจากอธิบายเรื่องราวความเข้าใจผิดและการสำนึกของติแล้ว พะพายก็ยอมเข้าใจอย่างไม่เต็มร้อยนัก หากก็ปล่อยให้เขาอยู่ดูแลที่บ้านหลังนี้ได้อีกหน่อย
“พี่ติจะนอนพักไหมครับ?”
“ไม่เอา นอนมาเยอะแล้ว อยากมองหน้านายมากกว่า”
ทำเป็นพูดดี ก็ตัวเองไม่ใช่เหรอไงที่ออกปากไล่เขาไปวันนั้น แต่ก็ช่างเถอะ พอเข้าใจอยู่หรอกว่าผู้ชายคนนี้น่ะอารมณ์ร้อนแค่ไหน พะภูลอบถอนหายใจ ก่อนจะย้ายขึ้นไปนั่งข้างกันบนเตียง เรียกรอยยิ้มจากคนตัวใหญ่ได้มากโข
“รีบๆหายได้แล้วครับ”
“ครับ”
ติพูดจาดีหวังเอาใจ แถมขโมยหอมเขาอีกฟอดใหญ่ ทั้งสองคนยิ้มให้กันอย่างคนรัก ลืมเลือนเรื่องราวหมาดบางทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตอนที่ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้มันมีความสุขมาก มากเสียจนไม่อยากคิดถึงเรื่องอื่นๆ ความสัมพันธ์แบบนี้ บางทีก็ดีเหมือนกันนะ...ถึงต่อให้ทะเลาะกันยังไง สุดท้ายก็ยังกลับมารักกันได้ดังเดิม เผลอๆจะเหนียวแน่นยิ่งกว่าเก่าเสียอีก
ใช่แล้ว...ขอให้เป็นแบบนี้แหละ ไม่ว่าจะต้องผิดใจกันกี่ครั้ง ก็ขอให้กลับมาคืนดีกันได้ทุกครั้ง
เช้าวันรุ่งขึ้น ติตื่นมาพร้อมความสดชื่นในรอบสองสามวันที่ผ่านมา เพราะนอกจากไข้จะหายเป็นปลิดทิ้งแล้ว ยังมีใบหน้าจิ้มลิ้มของคนรักมารอต้อนรับถึงเตียงนอนอีก มาคิดดูแล้ว เขานี่มันบ้าจริงๆ ถึงได้นึกสงสัยในตัวพะภูจนพรั้งปากทำร้ายจิตใจไป สาบานเลยว่าเหตุการณ์แบบนั้นมันจะไม่มีทางเกิดขึ้นอีกแล้ว
เพราะว่าเมื่อคืนยังมีไข้อยู่ ก็เลยไม่ได้นอนกอดพะภูอย่างที่หวัง ความจริงอยากจะดึงตัวเข้ามาจูบตั้งแต่เห็นหน้าตอนแรกแล้วด้วยซ้ำ แต่วันนี้แหละ ยังไงก็ต้องขอฉวยโอกาส ทดแทนเวลาที่หายไปให้ได้ แต่ดูเหมือนจะไม่มีจังหวะเหมาะๆ ให้เขาละลาบละล้วงคนตัวเล็กเลยแม้แต่น้อย ในเมื่อหมอนั่นเอาแต่เครียดตลอดวัน จนถึงช่วงหัวค่ำ แค่เพราะว่าวันนี้มหาวิทยาลัยที่เขาไปสัมภาษณ์มาจะประกาศผลผู้มีสิทธิ์เข้าศึกษาเท่านั้นเอง เครียดยิ่งกว่าคนเข้าเรียนเองซะสินะเนี่ย ยังไงก็ต้องผ่านอยู่แล้ว เขามั่นใจ
พอใกล้ถึงช่วงเวลาประกาลผลตามตาราง ติก็เปิดหน้าเว็บไซต์ของทางมหาวิทยาลัยรอไว้ ขณะเดียวกันก็ต่อ Skype หาศิลป์กับเกต์ เพื่อรอลุ้นไปพร้อมๆกัน
“เชี่ย พวกมึงแม่ง!” ได้ยินเสียงเกต์โวยวายทันทีที่เปิดโปรแกรมขึ้นมา และเห็นว่าเขากำลังนั่งอยู่กับพะภู ส่วนศิลป์ก็กำลังกอดนิวซะแน่น ทำอย่างกับจะอวดให้ใครแถวนี้อิจฉาเล่น แถมดูเหมือนว่าจะได้ผลเต็มๆอีกต่างหาก
“อะไรของมึง?”
“กูเป็นคนเดียวที่ไม่มีใคร ฮืออ!”
คนอยู่ลำพังได้แต่โอดครวญแบบติดตลก เรียกเสียงหัวเราะแกมเห็นใจจากอีกสี่คนที่เหลือ ความจริงเกต์ก็หน้าตาดีระดับต้นๆ ถ้าคิดจะหาแฟนสักคนก็ไม่นักหนาอะไรอยู่แล้ว ทำมาเป็นบ่น เพราะตัวเองไม่คิดจะรักใครเองน่ะสิ ถึงต้องอยู่คนเดียวแบบนี้
“ก็หาสิมึง”
ศิลป์ทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียง โพลงความคิดของติออกไป แถมยังแกล้งเกต์ด้วยการก้มลงหอมแก้มนิวฟอดใหญ่ จนคนตัวเล็กเขินหน้าแดงก่ำ เห็นแล้วก็ชักอิจฉา เลยคว้าตัวพะภูที่นั่งแกะเปลือกส้มข้างกัน เข้ามาจุ๊บเบาๆ บนริมฝีปากนุ่มไปทีอย่างไม่ทันให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัว แน่นอนว่าแลกมาด้วยการโดนฟาดแรงๆตรงไหล่
“เออ พวกมึงจำไว้ อย่าให้กูมีบ้างนะ”
“เขาประกาศผลแล้วมั้ง” ศิลป์เปลี่ยนประเด็นก่อนจะหายไปกดเข้าหน้าเว็บไซต์มหาวิทยาลัยเพื่อตรวจสอบ ตามมาด้วยเกต์ และติ ตามลำดับ
ทั้งสามคนต่างเงียบใส่กัน จนแม้แต่พะภูที่ไม่เกี่ยวข้องก็ยังอดลุ้นจนตัวโก่งไม่ได้ หลังจากติเข้าระบบไปแล้ว หน้าจอประกาศผลก็ค่อยๆ ปรากฏสู่สายตาทั้งคู่ พอเลื่อนลงมาเล็กน้อยจึงเห็นข้อความสีเขียวลอยเด่นอยู่ภายในกรอบสี่เหลี่ยม
[ผ่านการสอบสัมภาษณ์]
“เฮ้ยย!”
พะภูร้องออกมาก่อนเจ้าตัว กระโจนเข้ากอดติด้วยความดีใจออกหน้าออกตา จนคนตัวใหญ่อดยิ้มในท่าทีของอีกฝ่ายไม่ได้ ติรีบคว้าโอกาสนี้รวบเอวบางเข้ามาใกล้ และฝังปลายจมูกลงกับแก้มเนียนเป็นครั้งที่ร้อยของวัน
ดูเหมือนทางศิลป์กับเกต์เองก็ผ่านอย่างไม่ต้องสงสัยเช่นกัน ทั้งสามคนคุยกันต่ออีกหน่อยถึงแผนปิดร้านอาหารเลี้ยงข้าวรุ่นน้องในกลุ่ม ก่อนจะแยกย้ายกลับไปทำธุระของใครของมัน
“ขอรางวัล”
“หา?” คนเด็กกว่ารีบเขยิบตัวหนี เมื่อติหันมาแบมือใส่ แถมตีสีหน้ากรุ้มกริ่มแบบที่ไม่นึกอยากเห็น “มะ..ไม่ได้เตรียมไว้ เดี๋ยวไว้ค่อยให้นะครับ”
“จะเอาตอนนี้แหละ” สิ้นเสียงทุ้ม คนตัวใหญ่ก็ลุกขึ้นช้อนร่างพะภูขึ้นไปโยนไว้บนเตียงสปริง ทำเอาคนถูกแกล้งถึงกับผวา รีบยกแขนขึ้นยันอกกว้างซึ่งทำท่าจะโน้มเข้าหา
“ไม่เล่นนะพี่ติ”
“ก็ไม่ได้เล่น ขอจริงๆ”
“มะ..”
“นะ”
คำสั้นๆ แต่กลับทำให้หัวใจของคนเบื้องล่างเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะ แก้มสองข้างขึ้นสีแดงระเรื่อจนถึงใบหู ดวงตากลมโตพยายามหลุบต่ำลง พลางส่งเสียงประท้วงออกไปไม่เต็มปากเต็มคำนัก
“ม..ไม่เอา”
แม้จะพูดแบบนั้น แต่ท่าทางร่างกายจะไม่ใช่ ถึงได้ยอมลดแขนที่กำบังไว้ลง ปล่อยให้ติโน้มเข้ามาตักตวงความหวานจากโพรงปากอุ่นอย่างง่ายดาย ลิ้นหนาตรงเข้าเกี่ยวกระหวัดลิ้นเล็กอย่างจู่โจม มือหนึ่งช่วยปลดเปลื้องเสื้อผ้าของคนตัวเล็กให้คลายออก พร้อมลากไล้ไปทั่วแผงอกบาง
“อื้ม..ม”
ติค่อยๆถอนจูบออกอย่างอ้อยอิ่ง ก่อนกดริมฝีปากหนักๆลงกับซอกคอขาว จงใจฝากรอยแดงแสดงความเป็นเจ้าของเอาไว้ชัดเจน เริ่มไล้ลิ้นชื้นลงมาตามแนวไหปลาร้า จนถึงยอดอกสีชมพู ซึ่งตั้งชูชันราวกับจะเชิญชวนให้เข้าไปลิ้มลอง
ไม่รอช้า รีบตวัดลิ้นสะกิดเบาๆ ก่อนดูดดึงเล่นด้วยความชำนิชำนาญ พาลให้คนด้านใต้เกร็งเสียจนตัวบิด ติส่งเสียงพอใจในลำคอออกมา เมื่อเห็นใบหน้าแดงก่ำกับท่าทางระส่ำระส่ายของคนรัก จึงยิ่งแกล้งขบเม้มไปตามเนื้อตัว แทบทุกจุดที่ปากอุ่นลากผ่าน กางเกงนอนกับชั้นในถูกปลดออกไปไม่ยากนัก เผยให้เห็นแก่นกายขนาดพอดีตัว กำลังสั่นระริกจากอารมณ์อันพลุ่งพล่าน
คนตัวใหญ่แสยะยิ้มเมื่อเห็นของเหลวสีขุ่นเริ่มไหลออกมาชโลมส่วนสงวนของพะภูบ้างแล้ว ติกดจูบบางเบาบนส่วนยอด ก่อนจะครอบปากลงไปจนเกือบสุด พยายามใช้ลิ้นนำ และตามด้วยการขยับเข้าออกช้าๆ มือข้างหนึ่งอ้อมไปนวดคลึงบริเวณสะโพกมน ไล่ร่นลงมาถึงก้อนเนื้อนุ่มหยุ่น พร้อมสอดนิ้วเรียวแทรกผ่านเข้าไปยังช่องทางด้านหลังอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว
“อ..อ๊ะ!”
พะภูพยายามยกตัวขึ้นมองการกระทำน่าอายที่กำลังดำเนินอยู่ พลางเอื้อมมือเข้าขยุ้มกลุ่มเส้นผมสีดำสนิทตรงหน้าเพื่อช่วยระบายอารมณ์ ความรู้สึกมากมายปนเปกันอยู่ในหัว ทั้งแปลก ทั้งอาย ทั้งกลัว ทั้งรู้สึกดี จนไม่รู้ว่าควรตอบรับแต่ละสัมผัสอย่างไร นอกจากปล่อยตัวปล่อยใจให้เป็นอิสระ ความจริงเขาเองก็นึกปรารถนาในเรื่องแบบนี้ไม่แพ้กัน เพียงแต่คอยปิดกั้นมันไว้ตลอดมา จนในที่สุด จุกที่เคยปิดซ่อนแรงราคะตามธรรมชาติของมนุษย์ก็เริ่มเปิดออกทีละเล็กทีละน้อย
ติเพิ่มจำนวนนิ้วเข้าไปมากขึ้นตามลำดับ ยิ่งเร่งเร้าทั้งความเจ็บและเสียวซ่ายในเวลาเดียวกัน ไม่นานนักร่างข้างใต้ก็กระตุกตัวเกร็ง พร้อมปลดปล่อยสายน้ำอุ่นๆ เข้ามาเต็มปากของคนตัวใหญ่ ก่อนจะคลายมือออกจากเส้นผมของติ และกลับไปนอนหอบน้อยๆ
“อึ๊!” ปากแดงฉ่ำร้องออกมาเบาๆ เมื่อติถอนนิ้วทั้งหมดออกจากร่างกาย ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศภายในห้อง แทรกผ่านเข้ามายังช่องจีบที่เพิ่งถูกแหวกออกสำหรับการเตรียมพร้อม ทำเอาสั่นสะท้านไปทั่ว
คนตัวสูงลุกขึ้นถอดเสื้อผ้าออกอย่างเร่งรีบ ก่อนขยับตัวเข้าหาร่างเล็กอีกครั้ง ริมฝีปากอุ่นพรมจูบไปทั่วใบหน้าและแผ่นอกหวังช่วยปลอบขวัญ พอเห็นว่าพะภูเริ่มสงบลงแล้ว จึงจัดการแยกขาเรียวออก และจับเอาความเป็นชายขนาดใหญ่โตของตัวเองเข้าจ่อยังปากทางสีหวาน มีน้ำรักหยดลงมาจากส่วนยอดของแก่นกายซึ่งเริ่มจะทนไม่ไหว ไม่รอให้อีกฝ่ายส่งเสียงทักถ้วง ก็ค่อยๆ แทรกตัวผ่านเข้าไปทีเดียวครึ่งทาง
“โอ้ยยย! เจ็บ! พี่ติเจ็บ!” เป็นอย่างที่คาด คนตัวเล็กดิ้นพล่าน ทำท่าจะถดตัวหนี จนเขาต้องรีบยึดขาเนียนทั้งสองข้างไว้แน่น พร้อมยัดเยียดส่วนอุ่นๆเข้าไปจนสุด เพราะยากที่จะทานทนกับแรงอารมณ์ซึ่งกำลังไหลเวียนไปทั่วร่าง รีบโน้มตัวเข้าแลกลิ้นกับคนเด็กกว่าอย่างเร่าร้อน หวังช่วยคลายความเจ็บ
“อื้ออ...อืม”
“โอเคยัง?”
เอ่ยปากถามหลังจากที่แช่แก่นกายเอาไว้นานพอตัว จนไม่เห็นทีท่าว่าคนตัวเล็กจะร้องโอดครวญแบบเมื่อครู่แล้ว บอกตรงๆว่าถึงไม่โอเคตอนนี้เขาก็คงไม่รอแล้วล่ะ เมื่อไอ้ส่วนที่เต้นตุบๆอยู่ภายในตัวอีกฝ่ายทำท่าว่าใกล้ระเบิดเต็มที ยิ่งพะภูตอดรัดเขาขนาดนี้ ถ้าไม่รักจริงมีหวังได้จัดเต็มไปนานแล้ว แต่ที่พยายามควบคุมตัวเองอยู่ก็เพราะรักหรอก ไม่อยากให้ต้องเจ็บ ยิ่งเป็นครั้งแรกด้วย เขาอยากให้เด็กนี่จดจำเฉพาะความสุขที่ได้รับจากมัน
คนถูกถามหลุบตาต่ำไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าอีกฝ่ายตรงๆ ถึงอย่างนั้นก็ยอมพยักหน้าเล็กน้อยเป็นสัญญาณให้ติยิ้มออก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขากำลังมีอะไรกับผู้ชาย แถมมันยังเจ็บสุดๆ แต่เขาก็อยากจะทนนะ เพราะเขารักติมากนี่น่า เขาอยากทำให้ติมีความสุขในวันที่ดีแบบนี้
“ถ้าเจ็บก็จิกแขนฉัน อย่าทำร้ายตัวเอง เข้าใจไหม?” ฝ่ายนำ ยกแขนพะภูขึ้นเกาะไหล่เป็นมัดของตัวเอง ก่อนจะขยับร่างกายส่วนล่างเข้าออกช้าๆ และเริ่มเพิ่มความเร็วขึ้นตามลำดับ ภายในห้องมีเพียงเสียงครางกระเส่าสลับกับเสียงหอบของคนสองคนดังระงมไปทั่ว ยิ่งกระตุ้นอารมณ์รักภายในตัวทั้งคู่ให้ยิ่งกระเจิดกระเจิง
“อ๊ะ...อ๊า!”
“อา...” ติครางต่ำ พร้อมกดต้นขาพะภูเข้าหาตัวเจ้าของ เพื่อที่จะแทรกความเป็นชายเข้าไปให้ลึกยิ่งขึ้น จนคนตัวเล็กได้แต่ส่งเสียงร้องไม่เป็นภาษา หลังจากความเจ็บค่อยๆจางหายไป แปรเปลี่ยนเป็นความสุขสมและรู้สึกดีเกินคาด
“โอ้ย..พ..พี่ติ”
“ภู..วิเศษ...นายวิเศษมาก”
“อึ๊ อ๊ะๆ...”
คนตัวใหญ่เร่งเครื่องเต็มที่ พลางโน้มตัวเข้าไปดูดริมฝีปากล่างของร่างบางอย่างหยอกเย้า พะภูที่กำลังจมอยู่ในห้วงอารมณ์ พยายามแลบลิ้นออกมาหวังจะได้สัมผัสกับลิ้นอุ่นของอีกฝ่าย แขนสองข้างเลื่อนขึ้นโอบรอบคอติไว้แน่น ทั่วทั้งใบหน้าและลำตัวร้อนผ่าวจากแรงรักและความเขินอาย น้ำตาหยดใสร่วงผ่านพวงแก้มเนียนยิ่งเสริมให้ภาพของเด็กตรงหน้าแลดูน่ารักน่ามองกว่าทุกที
“พี่ติ..ผม อ๊ะ..จะ” พะภูร้องบอก เมื่อเริ่มใกล้ถึงขีดจำกัดของความรู้สึก
“ฉันก็ใกล้จะถึงแล้ว งั้นพร้อมกันนะ”
“อ..อ๊าาาา!”
ติกัดฟันกระแทกตัวเข้าหาร่างข้างใต้อย่างสุดแรง พร้อมปลดปล่อยของเหลวอุ่นร้อนเข้าไปจนล้นออกมาเปรอะเปื้อนก้อนสะโพกทั้งสอง ยืดหยดลงมาถึงผ้าปูที่นอนสีขาว พอดีกับที่ร่างบางกระตุกรุนแรง พร้อมน้ำสีขาวขุ่นที่พวยพุ่งออกมาเต็มหน้าท้อง
ร่างสูงจำใจถอนแก่นกายออกอย่างเนิบช้า ก่อนจะพลิกตัวลงนอนขนาบข้างกับคนตัวเล็ก ซึ่งเอาแต่หอบเหนื่อยจนแผงอกกระเพื่อมขึ้นลงเป็นจังหวะ แขนใหญ่รวบตัวคนรักเข้ามากอดไว้หลวมๆ พอให้ไม่อึดอัดจนเกินไป พลางกดจูบลงบนขมับ นิ้วเรียวยกขึ้นซับน้ำตาออกให้อย่างเบามือ
“ฉันรักนายนะ”
“ผมก็รักพี่ติครับ” ร่างบางยิ้มรับ และกอดตอบคนตัวใหญ่ไว้แน่นทั้งที่ยังเปลือยเปล่า ต่างฝ่ายต่างซึบซัมความสุขที่อบอวลไปทั่วด้วยหัวใจอันพองโต นี่สินะ...สิ่งพิเศษที่เรียกว่า ความรัก
“ฉันมีความสุขมากเลย”
ติกระซิบ พลางกดปลายจมูกลงกับกลุ่มผมชุ่มเหงื่อของคนตัวเล็ก มือที่โอบรั้งเอวอีกฝ่ายไว้เริ่มลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังอย่างรักใคร่ พะภูเงยหน้าขึ้นมองคนข้างกายด้วยแววตาลึกซึ้ง
“พี่ติอย่าทิ้งผมนะครับ”
“นายก็เหมือนกัน”
“อื้อ...อยู่ด้วยกันนะ”
ร่างสูงยิ้มกว้าง ค่อยๆเคลื่อนใบหน้าเข้าหา จนหน้าผากทั้งคู่แตะกัน พะภูอมยิ้มหลับตาพริ้มอย่างสุขใจ รับฟังคำพูดจากคนรักด้วยความรู้สึกอบอุ่นมากกว่าทุกครั้ง
“อยู่ด้วยกัน”
----------------------------------------------------
ทำยังไงถึงจะแต่งได้ไวๆ เนี่ยยย