สนามรัก..นักบอล
Part 19 “พี่ผสุเป็นอะไรครับ..สีหน้าไม่ค่อยดี หนังไม่สนุกหรือครับ” ลูกดิ่งถามเจ้าภาพที่เป็นคนออกความคิดชวนมาดูหนัง ออกมานอกโรงสังเกตสีหน้าผสุดูไม่เบิกบานรื่นเริง
เหมือนตอนก่อนเข้าไปข้างใน
“เปล่าครับ..ในโรงมืดไปหน่อย พอมาเจอแสงพี่ปรับสายตาไม่ทัน..แล้วดิ่งเป็นไง สนุกไหม?”
ผสุแก้ตัวทันควัน ทั้งที่ในใจยังไม่หายเคืองไอ้ล่ำหน้าเข้มที่กวนประสาท จนอยากถีบขาคู่สักตั้ง
“สนุกมากครับ..ไม่เสียดายตังค์..แหะๆ” ลูกดิ่งพูดไม่ทันคิด นึกขึ้นได้ว่าคนออกค่าตั๋วคือรุ่นพี่รูปหล่อตัวโต
ได้แต่หันไปยิ้มแหย ได้การยกยิ้มมุมปากจากรุ่นพี่ส่งให้ สายตาฉายแววขบขันอาการรุ่นน้อง
ที่กำลังเก้อเขินเห็นแล้วพลอยหมั่นเขี้ยว
“ดีครับ..ดิ่งชอบพี่มีความสุขด้วย” ผสุไม่ปล่อยโอกาส หยอดอย่างเนียนให้ไปด้วย
“มึงชอบกูพลอยมีความสุข แม้จะลุ่มๆ ดอนๆ ดันมีโรคจิตทำสมาธิหลุดจอในตอนสำคัญ” ยุทธแทรกกลางลำ
คนโดนกระทบอึ้งค้าง ลูกดิ่งไม่ทันสังเกต มัวแต่สนใจคำพูดยุทธ
“ใครครับพี่ยุทธ แถวข้างหลังหรือข้างหน้า” ลูกดิ่งเดาว่า คงมีใครไม่มีมารยาทระหว่างหนังฉาย ทำให้ยุทธไม่สบอารมณ์
“แถวข้างว่ะ” ลูกดิ่งยังคงซื่อไม่คิดว่าเป็นผสุ ยกเว้นคนตัวโตกลั้นยิ้มหน้านิ่ง ฟังการสนทนาโดยไม่แทรกแม้แต่น้อย
“พี่ก็อารมณ์ประมาณนั้น ทั้งโรคจิตทั้งกวนประสาท เกือบถีบขาคู่ไปแล้วด้วย ไม่ติดกลายเป็นเรื่อง พี่คงยันตกเก้าอี้”
ผสุแย่งเสริม ปากพูดกับลูกดิ่ง แต่สายตาจ้องหน้ายุทธเขม็ง
“อัยยะ! พี่ผสุก็ห้าวเหรอเนี่ยะ เห็นเรียบร้อยอย่างหมอ ไม่นึกพี่จะมีมุมนี้ด้วย..คึคึ!” ลูกดิ่งอดขำผสุไม่ได้
คำพูดไม่สมบุคลิก เขาเพิ่งได้ยินกับหู ผสุพอฟังแบบนั้น นึกได้เผลอใส่อารมณ์ไปหน่อย ได้แต่ยิ้มเก้อหน้าแดงให้ลูกดิ่ง
โดยไม่กลบเกลื่อนแก้ตัว เพราะเขาหลุดไปแล้วจริงๆ ล้วนเป็นเพราะไอ้ล่ำเกรียนคนเดียว
“หึหึ! มึงคิดไปได้ไอ้ดิ่ง กากกว่านี้กูเจอมาแล้ว..อยากรู้กูเล่าให้ฟัง” ยุทธได้ทีผสมโรง บี้ผสุให้สาแก่ใจ
แอบหมั่นไส้ที่ผสุเกรงใจลูกดิ่งเกินงาม
“เห้ย! อย่าไปเชื่อ หุบปากเลย..นาย” ผสุปฏิเสธพัลวัน หันไปแหวยุทธด้วยสายตาคาดโทษ
“ได้..ขอค่าปิดปากด้วย” ยุทธกวนได้โล่ แบมือกระดิกเท้ายิกๆ ยักคิ้วข้างเดียวให้ผสุอีกต่างหาก
“จิ๊!” ผสุได้แต่จิ๊ปากไม่กล้าโวย ลูกดิ่งเห็นท่าทางทั้งคู่ลับลมคมนัยดูแปลกๆ
แต่ไม่คิดถามให้หายสงสัย ท่าทางผสุคงไม่อยากให้เขารู้
ส่วนรุ่นพี่จอมกวนก็นำมาเป็นข้อได้เปรียบ สงสัยคงกำความลับมั้ง คิดแล้วได้แต่ส่ายหน้าขำๆ
“ไปหาอะไรกินกัน” เสียงทุ้มเอ่ยขัด ของคนตัวโตที่เด่นกว่าใครหมด
ดึงความสนใจสามหนุ่มหันมามองรุ่นพี่หน้าหล่อทันที
“ดีครับพี่โย่..ในนี้หรือข้างนอก” ผสุได้ทีมีจังหวะเปลี่ยนเรื่อง รับลูกทันควันไม่รอให้โยโย่พูดซ้ำ
“ไปร้านxx ขากลับเป็นทางผ่านสโมสรพอดี จากตรงนั้นไปบ้านผสุไม่ไกลเท่าไหร่”
เหมือนคนเสนอไอเดีย วางทุกอย่างไว้แล้ว
“ผมตั้งใจแวะส่งลูกดิ่งก่อน ค่อยตีรถกลับ” ผสุรีบค้าน
“อ้าว! ตกลงขายน้ำมัน นึกว่าเป็นหมอเสียอีก” ยุทธแทรกทันที
ทนเห็นผสุทำตัวเป็นพระเอกอาสาส่งสาวไม่ได้ ไอ้ดิ่งผู้ชายทำไมต้องเทคแคร์ยังกับเป็นสาวน้อย
“อะไร..นายจะพูดอะไร” ผสุยังไม่เข้าใจ หันมาถามยุทธ
“ก็เห็นจะไปส่ง..ใช้น้ำมันชนิดไม่ช่วยชาติประหยัด นอกจากเจ้าของปั๊มแล้วจะมีใครเสียเวลาวนไปวนมาเล่า..เสี่ยน้ำมัน”
ล้อผสุด้วยฉายาใหม่ ฝ่ายถูกล้อพอกระจ่างถึงกับหน้าแดงก่ำด้วยความโมโห แต่ก็ไม่กล้าเอะอะ
ทั้งที่อยากบีบคอยุทธจนตาเหลือก ทำไมชอบเสือกยุ่งวุ่นวายเขาทุกเรื่อง
“อย่าลำบากเลยครับพี่ผสุ ผมมากลับพี่โย่ กลับพร้อมพี่เขาดีกว่า ความจริงถ้าพี่เขาไม่พามา
พวกผมยังไม่รู้จะได้ออกจากสโมสรหรือเปล่า” คำสั่งห้ามรุ่นน้องกลับบ้าน หมายถึงไม่ให้ออกนอกสโมสร
ยกเว้นรุ่นพี่ที่รับหน้าที่ดูแลพาออกมา ข้อนี้ผสุยังไม่เข้าใจถ่องแท้
“ทำไมครับ” ถามด้วยสีหน้างุนงง
“พวกผมเป็นเด็กในโครงการคัดตัว ยังไม่มีสิทธิตัดสินใจอิสระ ต้องรอวันประกาศผลอย่างเป็นทางการ
ช่วงนี้ยังอยู่ภายใต้การดูแลของพี่เลี้ยงที่รับผิดชอบ เกิดอะไรขึ้นทั้งผมทั้งพี่เลี้ยงอาจมีปัญหาครับ”
ลูกดิ่งอธิบายด้วยรอยยิ้มจริงใจ ไม่ได้เจตนาปฏิเสธความหวังดีของผสุ เขารู้อีกฝ่ายตั้งใจจะไปส่งจริงๆ
“เหรอ..เมื่อวานพี่ยัง..” ผสุพูดไม่ทันจบ ยุทธรีบตะครุบปากทันควัน ทำให้คำพูดที่เหลือไม่สามารถหลุดออกมา
“อำ..อา..ไอ (ทำอะไร)” แต่ก็อึกอักถาม พยายามแกะมือยุทธออกจากปากไปด้วย ท่ามกลางสายตาสงสัยของลูกดิ่ง
ที่มองความอุกอาจของรุ่นพี่จอมกวน ซึ่งกล้าเอามือตะครุบปากผสุชนิดถึงเนื้อถึงตัว
สองคนนี่ไปสนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมยุทธดูไม่เกรงใจผสุสักนิด ส่วนโยโย่ได้แต่มองนิ่ง
ไม่ออกอาการให้คาดเดาว่าเจ้าตัวเห็นแล้วคิดยังไง
“เมื่อกี้มีแมงอะไรไม่รู้ กะตะครุบกลัวมันบินเข้าปากหมอ ตอนนี้คงไม่เป็นไรแล้วมั้ง” ยุทธเปรยขึ้นมา
สายตาแอบขยิบส่งสัญญาณห้ามไม่ให้ ผสุบอกเป็นคนมาส่งเขา ที่ไม่ได้กลับกับรุ่นพี่นักเตะ ถึงไม่ใช่เรื่องใหญ่ก็ไม่อยากให้รู้อยู่ดี
ผสุเห็นแบบนั้นเริ่มเข้าใจ..ว่ายุทธไม่อยากให้ลูกดิ่งรู้ แม้ในใจอยากเอาคืนยุทธ
แต่สายตาไอ้เกรียนจอมกวนบอกชัดคงไม่จบแค่นี้ เกิดมันดันโพล่งเรื่องที่จูบเขาขึ้นมา
คงไม่มีหน้าเจอลูกดิ่งสะดวกใจ จึงเลือกไม่พูดต่อ
“เค็มชะมัด ทีหลังบอกก่อนก็ได้ ผลีผลามตะครุบปากชาวบ้านล้างมือมาหรือยัง” ผสุเปลี่ยนเรื่อง
หันมาต่อว่ายุทธ แลบลิ้นเป็นการประกอบคำพูดไปด้วย
“เหรอ..ลืมล้าง เพิ่งเยี่ยวเมื่อกี้” ยุทธกลับยิ้มกวน ย้อนแบบไม่จริงจัง
แต่เรียกเสียงหัวเราะลูกดิ่ง ที่มองสองหนุ่มแขวะกันอย่างเห็นเป็นเรื่องตลก
“ฮะฮ่าๆ..พี่ผสุกับพี่ยุทธ ท่าจะปีชงกันนะ..ฮะฮ่าๆๆ” ท่าทางหัวเราะถูกใจของลูกดิ่ง โชว์รอยยิ้มหวานละไม
ฟันขาวเรียงตัวสวยอย่างน่ารักดูมีเสน่ห์ พลอยทำให้ผสุมองตาค้าง แถมอาการร้อนหน้าไม่ปฏิเสธที่ลูกดิ่งคิดแบบนั้น
ปีชงก็ปีชง..ตอนนี้เขาชอบสุดๆ กับรอยยิ้มและเสียงหัวเราะใสซื่อไม่เก็บอาการของหนุ่มหน้าใส
“ไปเถอะ” โยโย่ตัดบท มือหนาเกาะบ่าลูกดิ่งที่ยังหัวเราะกระเพื่อม
ลากเดินนำออกไปหลุนๆ ปล่อยผสุกับยุทธตามกันมาเอง..
คนตัวโตตาคมเป็นประกาย มุมปากกระตุกยิ้ม ชำเลืองมองหน้าใสรุ่นน้องร่างสูงเพรียว
ที่โอบบ่าเดินมาด้วยกันอย่างเอ็นดูปนขำ เขารู้สึกมีชีวิตชีวาไปกับเสียงหัวเราะและรอยยิ้มลูกดิ่งด้วย
แม้จะเกิดจากสงครามชิงเหลี่ยมของผสุกับยุทธ ดูแล้วคงมีที่มา แต่ไม่ใช่เรื่องที่ต้องหาความจริง
ให้เดาคู่นี้คงมีพันธะสัญญาบางอย่าง ถึงได้อ้ำอึ้งกันทั้งคู่
ต้องนึกขอบใจ รอยยิ้มและเสียงหัวเราะอารมณ์ดีของลูกดิ่ง ทำให้เขาพลอยมีความสุขไปด้วย
ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ไม่อาจละสายตาจากรุ่นน้องหน้าใสแสนซื่อคนนี้ เมื่อไม่อาจละสายตาได้ ก็คงต้องทำให้อยู่ในสายตา..?
>
>
>
“หวัดดีครับพี่โย่..ดิ่งขอคุยด้วยหน่อย” กลับถึงสโมสรปุ้มรออยู่
ไม่เสียเวลาให้สามหนุ่มผ่านไปถึงลิฟท์ ปรี่เข้ามายกมือไหว้โยโย่ ค่อยหันไปพูดกับลูกดิ่งเสียงเรียบ
“ครับ..พี่โย่กับพี่ยุทธขึ้นไปก่อนเลย ผมคุยกับพี่ปุ้มเสร็จจะตามไป” ลูกดิ่งรับคำกับปุ้ม หันมาบอกโยโย่กับยุทธ
สายตายุทธบ่งบอกไม่ไว้ใจให้ลูกดิ่งคุยกับปุ้มตามลำพัง แต่สีหน้าลูกดิ่งบอกไม่ต้องกังวล เลยตัดใจทำตามที่รุ่นน้องต้องการ
รุ่นพี่ตัวโตสุดหล่อไม่พูดสักคำ แค่ปรายตามองปุ้มแวบเดียว แต่รังสีจากสายตาก็ทำเอาปุ้มหนาวสันหลังอย่างไม่รู้สาเหตุ
รอจนคล้อยหลังสองหนุ่มรุ่นพี่แล้ว..ลูกดิ่งถึงหันมาหาปุ้ม
“พี่ปุ้มมีธุระอะไรกับผมเหรอครับ” ถามด้วยน้ำเสียงปกติ
“ไปนั่งคุยตรงนั้น” ปุ้มไม่ตอบ พยักเพยิดให้ลูกดิ่งตามไปยังชุดเก้าอี้รับรองที่สโมสรจัดให้นั่ง
เลือกมุมไม่สะดุดตา จัดการหย่อนตัวลงนั่ง รอจนลูกดิ่งนั่งตามเรียบร้อยยังฝั่งตรงข้าม เริ่มเอ่ยขึ้นมาก่อนว่า
“เมื่อเย็นวาน..ปอมาหากู” ลูกดิ่งพยักหน้ารับรู้ เรื่องนี้เขารู้ก่อนแล้ว
“แต่มึงไม่อยู่” ประโยคถัดมาลูกดิ่งจำต้องบอก
“ผมไปเป็นเพื่อนพี่โย่ ออกตั้งแต่ก่อนเที่ยง ทำไมครับ” รุ่นน้องหน้าใสถามอย่างไม่ได้จงใจกวนประสาท
“กูบอกมึงไว้แล้ว ว่าปอเอาของฝากมาให้ วานกูบอกล่วงหน้า ทำไมมึงไม่อยู่วะ” น้ำเสียงปุ้มเริ่มเครียด
“โอปอมาหาพี่ เกี่ยวอะไรผมครับ” ลูกดิ่งไม่ได้ตีรวน แค่พูดไปตามความเป็นจริง
“แต่กูนัดมึงแล้ว” ปุ้มเริ่มมีน้ำโห
“ผมไม่ได้รับปากพี่นะ ผมบอกว่างจะไปเจอ แต่ผมไม่ว่าง” ลูกดิ่งพยายามใจเย็นอธิบาย
“จิ๊! มึงรู้เปล่า กูอดของฝากด้วย เพราะมึงทีเดียว โอปอพาลกูเฉย” ลูกดิ่งได้แต่ฟังนิ่ง
ไม่แสดงความเห็น ทั้งที่ในใจนึกสงสารปุ้มที่เป็นแบบนี้
“กูไม่ได้ตั้งใจหาเรื่อง แค่ต้องการให้เคลียร์ ปอให้กูมาขอเบอร์มึง”
ลูกดิ่งอึ้งไปหลายวิ กะพริบตาปริบๆ ถามอย่างไม่คิดเลี่ยง
“ผมให้พี่ได้ แต่ผมไม่เข้าใจพี่ทำไปเพื่ออะไร ปัญหาไม่ชอบหน้าผม เพราะเรื่องโอปอเราต่างรู้ดี
แล้วพี่จะเอาเบอร์ผมให้เธอทำไม ทำเพื่ออะไร ในเมื่อผมยืนยันไปแล้ว ผมไม่เคยคิดอะไรกับเธอ” ลูกดิ่งตัดสินใจพูดให้เข้าใจเสียที
“มึงไม่เข้าใจหรอก ที่กูไม่ชอบหน้ามึง ไม่เกี่ยวกับโอปอกูไม่ชอบคือไม่ชอบ บอกไม่ได้ทำไมถึงไม่ชอบ
มึงไม่ให้กูไม่ฝืนใจ ใช้โทรศัพท์กูคุยกับปอให้รู้เรื่อง กูจะฟังด้วย” ไม่รอให้ลูกดิ่งปฏิเสธ จัดการกดหาคนปลายสาย
แถมเปิดสปีคโฟนเรียบร้อย ลูกดิ่งนั่งนิ่งไม่ทัดทาน บางทีเขาควรทำอะไรให้ชัดเจน
ปล่อยเรื่องคาราคาซังมานาน ควรเด็ดขาดเสียที
[ว่าไง..ปุ้ม] เสียงปลายสายถามปกติ เจ้าของเครื่องยื่นโทรศัพท์ให้ลูกดิ่งคุย โดยไม่คิดตอบคำถามโอปอด้วยซ้ำ
“ดีครับปอ..ผมลูกดิ่งนะ” ลูกดิ่งบอกเธอไป
[อ้าว! ดิ่งเองเหรอ โอย! ดีใจที่ดิ่งโทรมา ทำไมเป็นเบอร์ปุ้มล่ะ ปอเข้าใจเป็นปุ้มเสียอีก]
น้ำเสียงตื่นเต้นร่าเริงทันควัน สีหน้าปุ้มดูเหมือนเจ็บปวดอย่างเห็นๆ
“ผมใช้โทรศัพท์พี่ปุ้ม ก่อนอื่นต้องขอโทษด้วย เมื่อวานไม่ว่างอยู่เจอ ผมติดธุระออกไปกับพี่เลี้ยง”
[เหรอ..ไม่เป็นไร แค่ดิ่งโทรมาปอก็ไม่ติดใจแล้ว อาทิตย์หน้าไปใหม่ คราวนี้ต้องอยู่นะ ห้ามติดธุระที่ไหนอีก]
มีกำชับแกมขู่ด้วยน้ำเสียงน่ารัก
“ผมไม่อยู่..อาทิตย์หน้ากลับบ้าน ความจริงอยากทำความเข้าใจ ปอไม่ควรมาเจอผม บอกตามตรงผมลำบากใจ”
ลูกดิ่งรวบรัดตัดบท ปลายสายเงียบไปพักใหญ่ ค่อยหัวเราะกลับมา
[อิอิ..ดิ่งล้อเล่นใช่ไหม หยอกแรงก็เป็น..เซอร์ไพรส์นะเนี่ย เอาเป็นว่าปอจะซื้อโรตีสายไหมเจ้าอร่อยไปฝาก
ความจริงเมื่อวานก็ซื้อไป ขอโทษที่ไม่ได้ฝากปุ้ม มีปัญหานิดหน่อยปอรีบกลับเสียก่อน คราวหน้าแก้ตัวใหม่]
เธอตีมึน คิดว่าลูกดิ่งล้อเล่น
“ปอฟังนะ ปอคบกับพี่ปุ้ม อย่าดึงผมให้เป็นปัญหา ผมไม่สบายใจ”
ลูกดิ่งกลั้นใจบอก ชำเลืองดูสีหน้าปุ้ม..ก็ให้หนักใจแทน
[ดิ่งพูดแบบนี้ เพราะปุ้มใช่ไหม ปอเคยบอกดิ่งแล้วปุ้มกับปอเราเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็ก ถ้าดิ่งไม่สบายใจเรื่องนี้
ปอจะเคลียร์กับปุ้มเอง ทีนี้ดิ่งคงไม่มีปัญหา] เธอกลับคิดแบบนี้ สีหน้าปุ้ม..เห็นแล้วลูกดิ่งไม่อยากมองต้องเบือนสายตาหนี
“ไม่ใช่เรื่องนั้น ปอกับพี่ปุ้มจะคบกันแบบไหนไม่สำคัญ ประเด็นดิ่งไม่คิดกับปออย่างที่ปอต้องการ
เดิมทีเรายังพอคุยกันได้บ้าง แต่ถ้าปอไม่เลิกคิด ดิ่งคงต้องบอก..ดิ่งไม่สะดวกเจอหรือคุยกับปออีก
จากนี้ปอไม่ต้องติดต่อดิ่งแล้ว..เท่านี้นะครับ” ลูกดิ่งตัดสายทันทีหลังพูดจบ แล้วส่งโทรศัพท์คืนให้ปุ้ม ที่นั่งนิ่งไม่ไหวติง
“ผมเคลียร์จบแล้ว หลังจากนี้เป็นเรื่องของพี่กับปอต้องคุยกันเอง” ปุ้มยื่นมือรับ ยังไม่ยอมขยับ
“หมดธุระแล้ว ผมขอตัวก่อน” ลูกดิ่งปลีกออกมา เขาไม่อาจทนเห็นแววตาปวดร้าวของปุ้มได้
ไม่เข้าใจทำไมปุ้มถึงรักโอปอยอมให้เธอขนาดนี้ ใช่ปุ้มจะขี้เหร่ไม่มีอะไรดี ออกจะสามารถหาผู้หญิงสวยๆ มาควงได้ไม่ยาก
แต่ใครจะรู้ดีเท่าปุ้ม..ว่าทำไปเพื่ออะไร..?
>
>
>
“ไงมึง..สีหน้าดูเหมือนอินเลิฟ” เกรียงแซวเพื่อนสนิท ที่มาแวะห้อง หลังรู้เขามาถึงก่อนหน้า
เดินตามยุทธมา โดยรุ่นน้องขอปลีกตัวไปอาบน้ำ ปล่อยสองหนุ่มรุ่นพี่คุยกันลำพังตรงโซฟา
“หึ!..กูจริงจัง” โยโย่ตอบเสียงนิ่ง
“แน่ใจ..ไม่คิดประชดพ่อกับย่ามึงใช่ไหม” เกรียงถามไม่รอเว้นช่วง
“กูไม่ใช่เด็กม.ปลาย เรื่องของเรน มันจบไปนานแล้ว” โยโย่ตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“น้องมันเด็ก อย่าดึงเป็นหมากในกระดาน กรณีเรนมึงว่าเขาไม่ได้
ถ้าไม่เพราะมึงใช้เขาเป็นเครื่องมือต่อรองพ่อกับย่า เรนคงไม่ทิ้งมึงไปโย่” เกรียงเตือนสติ
“มึงจะมารู้ดีกว่ากู ทีแรกกูไม่คิดจริงจัง เรนเป็นฝ่ายเดินเข้าหากูเอง ช่วงนั้นกูเป็นนักวิ่ง
ไม่ใช่นักบอลมึงก็รู้ กูเบนความสนใจมาเล่นบอล เพราะเรนชอบฟุตบอล ตั้งแต่เรื่องครอบครัวพ่อความแตก
จนแม่ตรอมใจสุดท้ายโรครุมเร้า ทิ้งกูหัวเดียวกระเทียมลีบ กูยังคิดว่ามีเรนอยู่อีกคน แต่เรนเลือกไปจากกู
เพราะข้อเสนอดีๆ ซึ่งมึงก็รู้ใครหยิบยื่นให้
กูไม่โทษเขา ชีวิตกูเกลียดการหักหลัง การอ้างว่ากูใช้เขาเป็นหมากประชดพ่อกับย่า
มันแค่คำพูดเพื่อให้ตัวเองดูดี พ่อแต่งกับแม่เพราะฐานะการเงินและธุรกิจค้าน้ำมัน
ทำให้เจริญลาภไพศาลกลับมาผงาดได้อีกครั้ง แม่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อมีเมียอยู่ก่อน มีลูกด้วยต่างหาก
คุณตาถูกชะตาชื่นชมฝีมือพ่อเป็นทุน ยอมยกลูกสาวคนเดียวให้ สุดท้ายทุกอย่างเป็นตามที่ย่าและพ่อวางแผน
คนที่น่าสงสารคือแม่ เมียแต่งที่ได้ชื่อเป็นเมียน้อย ที่พวกเขาเห็นคุณค่าในตัวกู เพราะพินัยกรรมยกกรรมสิทธิ์หุ้น
ไบอันปิโตเลียมกรุ๊ป ซึ่งตากับแม่มอบให้เกินครึ่ง อำนาจสิทธิ์ขาดอยู่ที่กูเมื่ออายุครบ 25 สิ่งนี้มากกว่าที่พวกเขาคาดหวังจากกูอยู่”
เกรียงได้แต่นั่งนิ่ง ก่อนจับบ่าเพื่อนบีบอย่างให้กำลังใจ แม่ของโยโย่เป็นชาวอาเซอร์ไบจาน
มีคุณตาเป็นนักธุรกิจค้าน้ำมัน จับผลัดจับผลูรู้จักพ่อของโยโย่ดันถูกชะตา ฝ่ายลูกเขยฐานะการเงินและครอบครัวกำลังเข้าตาจน
โดยมีคุณย่าสนับสนุนให้ตกล่องปล่องชิ้นกับเจ้าของธุรกิจน้ำมัน ยอมจดทะเบียนหย่าภรรยาคนแรก ซึ่งมีลูกชาย 1 คน
โดยให้เป็นเมียลับ แต่ปิดบังแม่และคุณตาโยโย่เอาไว้
ชีวิตรักของแม่ช่วงแรกราบรื่นไปกันได้ดี โยโย่เป็นลูกครึ่งย้ายมาอยู่เมืองไทยตอนม.1 ได้เพื่อนสนิทคือเกรียงตั้งแต่นั้น
โยโย่มีฝีเท้าจัดจ้านลงเป็นนักวิ่งตัวยง กระทั่งขึ้นม.ปลาย ความเรื่องครอบครัวพ่อแตก ว่าพ่อมีลูกเมียที่ยังอยู่ด้วยกันอีกบ้าน
ล่าสุดโยโย่มีน้องชายห่างจากตัวเองสองปีจากภรรยาคนเก่า แสดงให้เห็นว่าพ่อไม่ได้ทอดทิ้งผู้หญิงคนนั้น
คุณตารู้เรื่องนี้เข้าถึงกับล้มป่วย
แม่เองก็ช็อก แต่พวกท่านไม่สามารถทำให้เรื่องอื้อฉาว กลัวกระทบต่อธุรกิจและชื่อเสียงที่สร้างกันมา
จึงยอมหวานอมขมกลืน ล้มหายตายจากไปทีละคน ก่อนตายพวกท่านทำพินัยกรรมยกกรรมสิทธิ์หุ้นไบอันปิโตเลียมกรุ๊ปเกินครึ่ง
ให้หลายชายคนเดียวคือ ‘โยโย่’ แต่เขาต้องอายุ 25 เสียก่อน ซึ่งเหลือไม่ถึงปีนัก
ประเด็นคนรักที่เป็นหนุ่มหน้าหวานชื่อเรน เข้ามาจีบโยโย่กำลังฮ็อตช่วงนั้น ชนิดป็อบปูล่าโหวตในโรงเรียน
หนุ่มหน้าหวานหลงใหลฟุตบอล ยอมเอาตัวเองไปเป็นผู้จัดการทีม รับผิดชอบดูแลนักกีฬา ทั้งเรื่องน้ำ ผ้าขนหนู
ยานวดและตารางการฝึกซ้อม ช่วยเหลือโค้ชแข็งขัน แต่ดันมีใจให้นักวิ่งลมกรดรูปหล่อลูกครึ่ง
โยโย่ต้องการประชดพ่อกับย่า คบกับเรนเสียเลย เขารู้ครอบครัวย่าเคร่งครัดหน้าตาและชื่อเสียง
แม่กับตาท่านยอมเจ็บปวดทนกล้ำกลืน สำหรับโยโย่เมื่อไม่มีคุณตากับแม่ก็ไม่เหลือใคร อยากทำอะไรไม่ต้องแคร์
เดิมทีแค่คบเล่นๆ ไม่คิดจริงจัง ความน่ารักเอาใจเก่งของเรนทำให้คนที่ไม่เหลือใครอย่างโยโย่
เกิดนึกรักขึ้นมาจริงๆ ถึงขั้นยอมเปลี่ยนจากนักวิ่งมาเป็นนักฟุตบอล เพื่อให้มีเวลาอยู่กับเรนมากขึ้น
พอขึ้นม. 5 เรนมาบอกเลิก อ้างไปเรียนต่อเมืองนอก ได้รับโอกาสที่ดีจากทุนซึ่งฝันมานาน
เรนรู้มาตลอดว่าโยโย่คบด้วยเพราะต้องการใช้เป็นเครื่องมือประชดครอบครัว ไม่ได้คิดจริงใจ..
เป็นการตัดสัมพันธ์ทิ้งบาดแผลในใจหนุ่มหล่อวัย 17 ได้อย่างสาหัสพอสมควร เมื่อโยโย่สืบรู้ตอนหลัง
ผู้ที่ยิบยื่นโอกาสให้เรน คือไบอันปิโตเลียมกรุ๊ป พ่อเขาอยู่เบื้องหลัง จากความผิดหวังเสียใจกลายเป็นความโกรธ
เขายอมรับเดิมทีคิดอย่างที่เรนประนาม แต่ใครจะรู้ว่าตอนหลัง หัวใจของเขาเปิดรับเรนโดยไม่รู้ตัว
ยอมเดินเข้าสู่วังวนกลายเป็นเกย์ไปแล้วด้วย
พอผิดหวังครั้งนั้น โยโย่ก็มุมานะเดินทางไปศึกษาต่อต่างประเทศ เอาดีด้านฟุตบอล
กลับมามีชื่อเสียงโด่งดังอย่างทุกวันนี้ ตลอดมาไม่เคยมีข่าวสัมพันธ์กับเพศเดียวกันอีกเลย นอกจากสาวๆ
ที่ตอนอยู่เมืองนอกย่อมมีบ้างตามประสาหนุ่มโสด ปัจจุบันที่ทุกคนรู้คือมีแฟนสาวรุ่นพี่แสนสวย
พ่วงเป็นแพทย์ให้นักกีฬาสโมสร ‘หมอผานิต’
“ถ้ามึงมั่นใจ..กูไม่ห้าม ว่าแต่เคลียร์ตัวเองให้เรียบร้อยก่อนดีไหม” เกรียงย้ำ
“อืม..กูรู้ควรทำยังไง” โยโย่ตอบหนักแน่น
“คราวนี้..มึงแน่ใจย่ากับพ่อจะไม่ยื่นมือวุ่นวายจัดการอีก สำคัญคือน้องมันฝันอยากเป็นนักเตะในทีม
หากเรื่องนี้แดง น้องจะเป็นยังไง มึงกล้าทำความฝันเขาล่มสลายเหรอโย่ คิดให้ดีเพื่อน
มึงแกร่งพอที่จะปกป้องเขาได้หรือยัง” คำพูดเกรียงมีเหตุผลมาก
“ไม่ต้องห่วง กูถือไพ่เหนือกว่า หุ้นที่กูมีอำนาจสิทธิขาดอีกไม่กี่เดือน ส่วนน้อง..ความฝันจะเป็นจริง
กูทำให้เป็นจริงได้ ไม่ว่าฝีมือหรือหนุนหลัง คนของกู..ต่อให้พ่อกับย่าก็อย่าคิดเจ้ากี้เจ้าการจัดการชีวิตกูอีก
พวกเขาจะได้เรียนรู้..ตลอดมากูไม่เคยยอมรับตั้งแต่ต้น”
ตาคมเข้มกร้าวกระด้าง จนเกรียงที่เผลอสบเข้ายังแอบขนลุก งานนี้เห็นทีเพื่อนสุดหล่อของเขาเตรียมลุยสินะ
ผู้ชายที่ดูภายนอกพร้อมสมบูรณ์จนน่าอิจฉา แต่ใครจะรู้..แท้จริงมีบาดแผลใหญ่หลวง มีครอบครัวเหมือนไม่มี
โยโย่นับครั้งไปเหยียบบ้านใหญ่ ไม่ใช่รังเกียจภรรยาที่มาก่อนแม่ ผู้หญิงคนนั้นไม่ผิด ต้องยอมจำนนกล้ำกลืนฝืนทน
แบกรับความเสียใจไม่ต่างกัน เธอรักพ่อถึงยอมหย่าและอยู่ในฐานะเมียน้อย ทั้งที่เป็นเมียหลวง
ทั้งหมดทั้งมวล ล้วนเกิดจากคุณย่าและพ่อ ที่เห็นแก่ตัว ทำให้เกิดเรื่องเหล่านี้ขึ้น
เดิมทีเขาพยายามจะเข้าใจ ไม่ถือโกรธเมื่อแม่พูดกรอกหูอยู่เสมอว่า..ถ้าไม่มีพ่อเขาคงไม่ได้เกิดมาบนโลกนี้
แต่มันหมดไปแล้ว เมื่อพ่อยื่นมือมาพรากเรนไปจากเขา ในวันที่เขาไม่เหลือใคร เพราะกลัวชื่อเสียงเสียหาย
ที่มีลูกชายรักผู้ชาย แม้ไม่เคยตำหนิติเตือนออกปากห้าม พ่อรู้เขาเป็นคนหัวแข็ง
ใช้วิธีจัดการเรนออกไปจากชีวิตเขาอย่างยินยอมพร้อมใจ
กลายเป็นแผลอุกฉกรรจ์ให้เขาทนรับความปวดร้าว ด้วยการทรยศหักหลังครั้งแล้วครั้งเหล่า
จนหัวใจปิดกั้นที่จะรับใครเข้ามาอีก เขารู้ตัวดี..ไม่ว่าจะหญิงหรือผู้ชายที่เขาเลือก
ทั้งพ่อและย่าต้องกลั่นกรองเปิดไฟเขียวเท่านั้น เขาถึงจะมีสิทธิรักคนๆ นั้นได้อย่างมีความสุข
แต่พ่อกับย่าคิดผิด โยโย่ไม่ใช่เด็กไร้เดียงสา เพียงแต่รอโอกาส เขาใช้หัวใจ
จะรักชอบใครขอเป็นคนเลือกให้มายืนเคียงข้างเอง ไม่ยอมให้พ่อกับย่าคลุมถุงชน
ทำเพื่อผลประโยชน์ เหมือนที่พ่อทำกับแม่..ไม่คิดเจริญรอยตามพ่อเด็ดขาด..
แม้เวลาไม่ถึงอาทิตย์ มีใครคนหนึ่งก้าวเข้ามาในโลกส่วนตัว ซึ่งเขาพยายามปิดกั้น
ยังสามารถทลายกำแพงใจที่เขาสร้างเอาไว้ จนสั่นคลอนง่อนแง่น กระทั่งรู้ตัวอีกทีสายตาก็ไม่อาจละจากหน้าใส
รอยยิ้มละไมอบอุ่น ความใสซื่อบริสุทธิ์ มีน้ำใจมองโลกในแง่ดี ไม่มีเหลี่ยมคมทำร้ายใครอย่างลูกดิ่ง
ทำให้เขารู้สึกดี อบอุ่น ไม่โดดเดี่ยวลำพัง รู้สึกดีที่เช้าตื่นมา มีกลิ่นหนุ่มหอมติดจมูก มีร่างแน่นผิวขาวในอ้อมแขน
ที่สำคัญรู้สึกดียามแก้มใสสุกปลั่ง ลูกตาเรียวสวยแสดงความเก้อเขินให้เขาในหลายๆ ครั้ง
แค่นี้พอแล้วที่จะเก็บไว้เป็นของตัวเอง... ‘ลูกดิ่ง’ เป็นใครที่ไหนเขาไม่เคยสนใจมาก่อน
วันนี้เขาสนใจ แม้จะรู้ว่ามีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้อง สายเลือดเชื่อมอยู่ เป็นไม้ตายที่ทำให้เขามั่นใจ
ย่าและพ่อจะต้องเป็นฝ่ายช็อกกันบ้างแล้วล่ะ ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไรรออยู่ เขาจะต้องได้หัวใจน้องมาครอบครอง.?
มาแล้วนะคะ ปมเริ่มจะคลายทีละเล็กละน้อยแล้วจร้าาาา
ยังไม่งานเข้า แต่มีงานเข้าแน่ และรับรองมันส์หยดติ๋งๆ แน่นอน
ใครเป็นแฟนคลับพี่โย่ จะรักพระเอกคนนี้เพิ่มอีกเป็นกองภูเขาเลากาแน่ๆ
เจออีกที วันอาทิตย์สามทุ่มนะคะ
ขอบคุณค่ะ 