- 2 -พี่โย่ไปช้อปกับน้อง

รอยยิ้มของน้องดิ่ง ดีใจที่พี่พากลับบ้านไปหาแม่
“คนมองพี่ตลอดทาง น่าภูมิใจเนอะ ไปทางไหนมีแต่คนอยากรู้จักเข้ามาขอถ่ายรูปด้วย อย่างกับดาราเลยครับ” ลูกดิ่งยิ้มไปด้วย
“บางทีก็อึดอัด” โยโย่ตอบตามที่รู้สึก ปกติเขาไม่ชอบเป็นจุดเด่น เหมือนพื้นที่ส่วนตัวหดเล็กลง
“ทำใจหน่อยครับ หล่อแถมเก่งย่อมเป็นขวัญใจแฟนบอล” น้องพูดพร้อมกับยิ้มตาหยีส่งให้
“อีกหน่อยเราก็ทำได้” รุ่นพี่ยกยิ้มมุมปาก บอกโดยไม่ลังเล บุคลิกรูปร่างหน้าตารุ่นน้องใช่แจ้งเกิดไม่ได้
อย่าว่ามีแต่สายตามองมาที่เขาเลย รุ่นน้องหุ่นสูงร่างเพรียวที่เดินข้างกัน ก็ดึงดูดสาวๆ มองตามจนคอเคล็ด
มาถึงส่วนซุปเปอร์..ลูกดิ่งคว้ารถเข็นมาทำหน้าที่ รุ่นพี่ตัวโตเดินตีคู่ หยิบของใช้สบู่..แชมพู
ครีมโกนหนวด ฯลฯ ไม่เสียเวลาคิด ล้วนแต่หยิบที่ใช้เป็นประจำ ทุกก้าวมีสายตาคอยจ้องมอง
สาวๆ สามสี่กลุ่มเนียนเดินซื้อของ แต่เป้าหมายคือแอบถ่ายรูปสองหนุ่มเป็นที่ชอบอกชอบใจ
พอพวกเขาหันไปก็ยิ้มแหยให้ เหมือนโดนจับได้ว่าสะกดรอยตาม สองหนุ่มได้แต่มองหน้ากันขำๆ
ไม่ออกอาการรำคาญหรือต่อว่า กระทั่งได้ยินกลุ่มหนึ่งคุยกันแต่จับประเด็นได้
“ฉันฟินสุดๆ ดูดิ..คนหนึ่งเข็นรถ อีกคนทำหน้าที่เลือกของ อยากลงไปนอนชักดิ้นชักงอ ฟินมาก!!”
ลูกดิ่งไม่เข้าใจที่พวกเธอพูดหมายถึงอะไร หันมองหน้ารุ่นพี่ เห็นอมยิ้มมุมปาก อดไม่ได้ถามด้วยความสงสัย
“พวกเขาพูดอะไรครับ” รุ่นพี่จ้องรุ่นน้อง เจอแววตาใสซื่อปนงงชัด
“พวกผู้หญิงที่เชียร์ให้ผู้ชายเป็นแฟนกัน กลุ่มนี้เขามีความชอบเป็นการส่วนตัว” รุ่นพี่อธิบายอย่างไม่ปิดบัง
“เชียร์ผู้ชายเป็นแฟนกัน ที่พวกเธอพูดคงไม่ได้หมายถึงพี่กับผมนะ”
พูดพร้อมกับใช้นิ้วจิ้มอกตัวเอง แล้วหันไปชี้ตัวรุ่นพี่ ก่อนทำตาโตในคำตอบ
“อืม..เราสองคน” อาการหน้าแดงตามมาทันควัน พวกสาวๆ ที่เป็นต้นเหตุซึ่งยืนอยู่ในระยะสายตา
เห็นคนตัวขาวหน้าใสเกิดอาการหน้าแดงโดยไม่รู้สาเหตุ แถมยังตาโตจ้องสุดหล่อเคราดกแบบอึ้งค้าง
พวกเธอถึงกับเอานิ้วยัดปากกลั้นเสียงกรี๊ดสุดกำลัง บ้างออกอาการกระทืบเท้าย่ำอยู่กับที่
เหมือนพยายามสะกดกลั้นไม่ให้กรีดร้องกลางห้าง ทั้งที่ไม่รู้ว่าเขาคุยอะไรกัน แต่ภาพที่เห็นเล่นเอาฟินไปแล้วเรียบร้อย
“ซื้อของสดไปทำกัน” รุ่นพี่เบนความสนใจ ชวนรุ่นน้องเข็นรถไปยังโซนอาหารสด
“ไปทำที่ห้องพักเหรอ นึกยังไงครับ” ลูกดิ่งถาม
“ไปทำบ้านเราสิ สุกี้แล้วกันนะ” ได้คำตอบรุ่นพี่ รุ่นน้องตาโตอีกครั้ง
“บ้านผม..พี่หมายถึงบ้านของผมเหรอ” ย้ำให้แน่ใจ
“อืม..ไปบ้านเรา ไม่อยากเจอหน้าแม่” พูดหน้านิ่ง
ก่อนเบือนหนีออกอาการกลั้นขำสีหน้ารุ่นน้องอีกครั้ง
“พี่จะไปบ้านผมเหรอ” ลูกดิ่งเข็นรถมาดักหน้าพี่
“เราอยากไปไหมล่ะ” โยโย่ไม่ตอบ ถามกลับเฉย
“โหย! อยากสิครับ ผมอยากเจอแม่คิดถึงสุดๆ ขอบคุณครับที่พาผมกลับบ้าน
พี่อยากทานอะไร วันนี้อาสาเป็นกุ๊กให้เลย” เขาไม่ได้โม้คุยโวฝีมือทำอาหารไม่ธรรมดา
แอบฝึกปรือมาหลายปี ช่วยแบ่งเบาภาระแม่ซึ่งเหน็ดเหนื่อยทำงานเพียงลำพัง
ทำให้ทักษะทำอาหารของเขารสชาติเข้าขั้น
“อยากกินสุกี้..ซื้อกุ้ง ปลาหมึก เนื้อปลากะพงกับพวกลูกชิ้นไปเพิ่ม ทำเป็นไหม”
โยโย่หลุดยิ้มเอ็นดู กับท่าทางขันอาสาของรุ่นน้องเพื่อตอบแทนที่เขาพากลับบ้าน
เป็นการแอบพากลับ..รู้กันแค่สองคน
“เพิ่มหมูย่างด้วยไหม ที่บ้านผมมีเตา ว่าแต่มันไม่ผิดกฎหรือครับ” โยโย่หลุดหัวเราะออกมาจนได้
“หึหึ! ผิดสิ..ถ้าโค้ชรู้โดนตำหนิ ถึงขั้นเรียกไปเตือนแน่ แต่พวกเขาจะรู้ได้ยังไง ถ้าเราไม่พูด”
ลูกดิ่งเป็นฝ่ายหัวเราะบ้างแล้ว เขาไม่นึกว่ารุ่นพี่ที่ดูเคร่งระเบียบเป็นคนมีวินัย ตรงเป๊ะในกฎเกณฑ์ จะมีมุมนี้
“ฮะฮ่าๆๆ..พี่ร้ายใช่เล่นนะเนี่ยะ” มีหน้าว่ารุ่นพี่อีก
“พูดแบบนี้ อยากให้เปลี่ยนใจหืม” รุ่นพี่แกล้งทำเสียงเครียด
“โว๊ะ..อย่าเพิ่งใจน้อยสิครับ ผมไม่คิดว่าพี่จะมีมุมนี้ ถ้าเราไม่บอกใครจะรู้..เนอะ!”
เป็นการกลับลำที่น่าเอ็นดูในสายตาโยโย่ เห็นแล้วอยากดึงเข้ามาฟัด
ยิ่งตอนยักคิ้วหลิ่วตาตบท้ายคำว่า ‘เนอะ’ มันน่านัก!
สองหนุ่มคุยกันหนุงหนิง หยิบจับเลือกวัตถุดิบรังสรรค์อาหาร เล่นเอาสาวๆ ที่เนียนตามดู
ถึงกับแทบกระโดดกรี๊ดให้สุดติ่ง วันนี้พวกเธอโชคดี ได้มาเจอคู่จิ้นสุดฟินในดวงใจ...?
>
>
>
ใช้เวลาเกือบชั่วโมง มาถึงบ้านชั้นเดียวในหมู่บ้านจัดสรรเล็กๆ ตัวบ้านมีพื้นที่ใช้สอยจำกัด
แต่กลับเป็นระเบียบร่มรื่น หลังจอดรถสปอร์ตหรูราคาแพงมาตรฐานซุปเปอร์คาร์ไว้ริมรั้ว
กดกริ่งหน้าบ้านยืนตีคู่หน้าประตู รอคนในบ้านมาเปิดให้
“หวัดดีครับแม่” ลูกดิ่งยกมือไหว้แม่ หญิงวัยสี่สิบกว่าหน้าตาบ่งบอกถึงความงามในวัยสาว
แม้อายุล่วงเลยมาป่านนี้ ยังดูดีกว่าสาวหลายคนด้วยซ้ำ ใบหน้าสวยหวานอาบด้วยรอยยิ้มอบอุ่นละมุน
โยโย่มองดูรู้ได้ทันทีว่าพิมพ์นิยมแบบนี้ ลูกดิ่งได้จากใคร รอยยิ้มซึ่งดูเป็นเอกลักษณ์ยิ้มสดใสทั้งหน้าและดวงตา
ล้วนถอดแบบแม่มาไม่ผิด เพียงแต่ญาดาตัวไม่สูง โครงร่างสูงเพรียวคงได้พ่อมาเต็มๆ
เป็นการคาดเดาของหนุ่มหล่อเคราดกที่คิดในหัวลำพัง
“ไหว้พระเถอะลูก แล้วนี่พาใครมาด้วยล่ะ” แม่ถามพร้อมไขกุญแจเปิดประตูรับลูกชายหัวแก้วหัวแหวน
“พี่โย่ครับนี่แม่ผม แม่ครับพี่โยโย่รุ่นพี่ที่ดูแลดิ่ง” ลูกชายแนะนำสองฝ่ายให้รู้จักกัน
หนุ่มหล่อตัวโตถึงขั้นญาดาต้องแหงนหน้ามอง รีบค้อมหัวพนมมือไหว้ทำความเคารพคนสูงวัยได้งดงาม
คนรับไหว้แอบทึ่งมีคำถามในใจ หนุ่มหล่อหน้าแขกเห็นแล้วตะลึง รู้มารยาทไทยทำได้ไม่เคอะเขิน
“สวัสดีครับ..คุณน้า” เขาเรียกสรรพนามเธอที่น่าจะอ่อนวัยกว่าพ่อและแม่ของตัวเอง
“ไหว้พระเถอะจ๊ะ เชิญเข้าบ้านก่อนลูก” ญาดายิ้มอ่อนโยน
นึกชมในใจกับความมีสัมมาคารวะ และการใช้ภาษาไทยชัดแจ๋ว
“ดิ่งกับพี่โย่ชื้ออาหารมาทำมื้อเที่ยง แม่เข้าไปก่อนนะครับ เดี๋ยวขอขนของลงจากรถก่อน”
ลูกชายบอก เธอยิ้มกับท่าทางกระตือรือร้นของลูก มีไม่กี่ครั้งที่ลูกจะพาเพื่อนมาบ้าน
นอกจากยุทธกับเพื่อนร่วมชั้นนับคนได้ ถือว่าโยโย่เป็นอีกคนที่ลูกดิ่งดีใจเป็นพิเศษ
และยินดีที่ได้พามา สังเกตจากความใส่ใจและรอยยิ้มกว้างของลูก เธอก็มองออกแล้ว..
“มีอะไรให้แม่ช่วยถือไหม” ญาดาไม่ยอมกลับเข้าไป เอ่ยปากช่วยขนสัมภาระ
ที่ลูกกับคนตัวโตกำลังง่วนอยู่ท้ายรถสปอร์ต ไม่ต้องบอกก็รู้ฐานะคนขับ..เป็นชนชั้นระดับไหน
“ไม่มีอะไรเยอะหรอกครับ พวกผมถือกันได้” คนตัวโตหน้าหล่อจัด เผยยิ้มเล็กน้อย
บอกปฏิเสธอย่างสุภาพ แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้ใบหน้าซึ่งปกคลุมไปด้วยเคราดกมีเสน่ห์เหลือร้าย
ชนิดถ้าเธอเป็นสาวรุ่นคงได้ใจสั่น ยังดีที่หมดความรู้สึกแบบนี้แล้ว หัวใจเธอตายไปพร้อมกับร่างไร้วิญญาณ
ของสามีที่ล่วงลับเมื่อสี่ปีก่อน จึงมองด้วยความชื่นชมและยอมรับในใจว่า
ผู้ชายคนนี้คงทำเอาสาวๆ น้ำตาตกไปหลายคนทีเดียว
“หมดแล้วครับ ป่ะเข้าบ้านกัน ดิ่งจะทำสุกี้ทะเลกับหมูย่างให้ทาน”
ลูกดิ่งบอกกับแม่ ยิ้มตาหยีจนเธออดยิ้มตามไม่ได้
“แม่นึกว่าดิ่งมาไม่ได้เสียอีก ไหนบอกแม่ว่าสโมสรไม่ให้กลับไงลูก”
เดินเข้าไปจับแขนลูกชาย พากันเข้าบ้าน คนตัวโตถือถุงตามมาติดๆ
“ที่จริงก็มาไม่ได้แหละครับ โชคดีพี่โย่เขาพาดิ่งออกมาได้..แหะๆ”
ลูกยิ้มแหย ออกอาการลักลอบทำความผิด ซึ่งเธอรู้ดีว่าหากเป็นแบบนี้คงไม่ใช่การมาอย่างปกติ
“คงไม่ได้แปลว่าพากันหลบมาใช่ไหม ถ้าเขาจับได้ไม่ลำบากเหรอ”
กลายเป็นความกังวลของคนเป็นแม่ขึ้นมาทันที
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเป็นพี่เลี้ยงของน้อง สามารถพารุ่นน้องออกข้างนอกได้
ที่จริงข้อห้ามไม่ให้น้องๆ ออกจากสโมสรอาทิตย์แรกเพราะต้องการให้ปรับตัว ไม่ได้เป็นคำสั่งร้ายแรงอะไร
อีกอย่างลูกดิ่งไม่ได้ออกมาเพียงลำพัง ผมเป็นคนพามาเอง” โยโย่รีบทำความเข้าใจเสียใหม่
“อย่างนั้นเหรอ แม่พานตกอกตกใจ” เธอยิ้มให้คนตัวโต
ที่เดินเอาถุงซึ่งหิ้วติดมือ ไปวางบนโต๊ะทานข้าวตามลูกดิ่งเรียบร้อย
“โหแม่! ใครจะกล้าว่า..ลูกชายประธานสโมสรเชียวน๊า แม่ไม่รู้จักหรือจำไม่ได้ครับ
พี่โยโย่.. ‘เทพบุตรแข้งทอง’ นักเตะดีเด่นสมาคม ดิ่งว่าแม่คงไม่ทันสังเกต”
พอลูกชายเฉลย ญาดาถึงกับตาโตขึ้นมาทันที
“อ้าวต๊ายย!! จริงเหรอ แม่ว่าแล้วเชียวคุ้นๆ มิน่าทำไมหล่ออย่างกับดารา ที่แท้โยโย่เองเหรอ
ทำไมจะไม่รู้จัก ดูบอลกับลูกดิ่งทีไร เชียร์ขาดใจ” ความคุ้นเคยเป็นกันเองตามมาทันที
ลูกดิ่งไม่อยากจะบอกรุ่นพี่ ว่าแม่เขาปลื้มเจ้าตัวแค่ไหน เกาะติดหน้าจอทีวีทุกครั้งที่รุ่นพี่เตะ
เชียร์ออกนอกหน้า ย้ำให้เขาเก่งเหมือนรุ่นพี่อีกต่างหาก หลังรู้ว่าลูกมุ่งไปทางฟุตบอล
“ขอบคุณครับ” โยโย่หน้าแดงก่ำ ผู้หญิงแต่ละรุ่นแต่ละวัย แสดงอาการปลื้มเขา
ยังไม่รู้สึกเขินเท่ากับแม่ของรุ่นน้อง ทำเอาเขินจริงจังซะงั้น
“ดีใจจริงๆ วันนี้ได้ต้อนรับโยโย่ จะว่าไปประจวบเหมาะมากเลยนะ พ่อของลูกดิ่งเขาชอบเล่นโย่โย่
จนได้แชมป์ตอนไปแข่ง พอมีน้องก็ตั้งชื่อว่าลูกดิ่ง ตอนแรกแม่ยังแอบงงทำไมไม่ชื่อโยโย่
พ่อบอกว่าให้ชื่อลูกดิ่งเหมาะกับลูกแล้ว ไม่นึกว่าจะมีชื่อโยโย่เป็นนักเตะคนเก่งอีกคน ดันมารู้จักกันอีก”
แม่พูดเป็นเรื่องเป็นราว รอยยิ้มพราวอาบหน้าสวย ทำเอาโยโย่ยิ้มตาม
“เสียใจด้วยนะครับ เรื่องคุณพ่อ” คนตัวโตพูดโดยคิดว่าสองแม่ลูกคงไม่สะเทือนใจ
เพราะดูจากพูดถึงคนที่ล่วงลับ เต็มไปด้วยความทรงจำสวยงามและมีความสุข
“พ่อของลูกดิ่งยังอยู่ในใจพวกเราเสมอ แม่ไม่ได้คิดว่าพ่อไปไหนเลย
พ่อเขาแค่พักผ่อนรอวันที่จะได้เจอกันอีก” ญาดาพูดด้วยน้ำเสียงทอดอ่อน ไม่ได้แฝงแววรันทด
“พอจะมีรูปให้ดูไหมครับ ผมชักอยากเห็นหน้า” โยโย่เอ่ยขอ
“มีสิจ๊ะ..ถ้างั้นโยโย่มานั่งดูอัลบั้มกับแม่ไปพลางๆ ให้น้องไปเตรียมมื้อเที่ยง”
สรรพนามแทนตัวญาดาเปลี่ยนเป็นแม่อย่างไม่ตะขิดตะขวง เธอนึกเอ็นดูหนุ่มหล่อตัวโต
เหมือนเป็นลูกชายไปแล้วเรียบร้อย ยอมรับว่าแอบปลื้มตั้งแต่ที่ติดตามฟุตบอล
มาเจอตัวจริงไม่เย่อหยิ่งวางตัวอ่อนน้อมมีสัมมาคาระวะ เธอแอบคิดหากลูกดิ่งมีพี่ชายคงเป็นโยโย่นี่แหละ
“ครับ” รุ่นพี่รูปหล่อว่าง่าย ตามญาดาไปนั่งตรงชุดรับแขกกะทัดรัด พร้อมกับคุณแม่ใจดี
กุลีกุจอไปค้นอัลบั้มครอบครัวมาให้ดู เป็นคนกำกับลำดับเหตุการณ์ให้ด้วย
ปล่อยลูกดิ่งอมยิ้มที่เห็นแม่เข้ากันได้ดีกับรุ่นพี่ซึ่งพูดน้อย แต่พออยู่กับแม่เขาแล้ว
กลับกลมกลืนไม่เป็นปัญหา เขาสบายใจไม่ต้องคอยกังวล ระหว่างลงมือทำอาหารตอบแทนรุ่นพี่
“นี่ไง..คุณพ่อน้องดิ่ง” ญาดาชี้ให้โยโย่ดูรูปในอัลบั้ม ไม่ทันสังเกตอาการชะงักค้าง นิ่งไปในทันทีของโยโย่
“คุณพ่อน้องดิ่งหล่อไหม ลูกดิ่งเขาสูงได้พ่อ” ญาดายังพูดคนเดียว ก่อนผิดสังเกต เห็นคนตัวโตเงียบไป
“โยโย่เป็นอะไรเหรอลูก” เธอถาม เมื่อสายตาคมเข้มของโยโย่จ้องมองรูปสามีเธอไม่กะพริบ
“พ่อน้องดิ่งเหรอครับ” เขาย้ำเสียงเบา แทบจะเบาหวิวไปแล้ว
“ใช่จ๊ะ..คุณวิทวัส พ่อน้องดิ่ง” ญาดางงกับอาการโยโย่
“ผมเหมือนจะคุ้นหน้า คงเคยเห็นแต่จำไม่ได้” เป็นการโกหกคำโต ทำไมจะจำไม่ได้
เขาจำได้ดีเพราะบุคคลในรูปคือหนึ่งในทายาทของ ‘เจริญกิจไพศาล’ ตามศักดิ์แล้วคือคุณอาของเขา
เป็นน้องแท้ๆ ของคุณทวีทรัพย์พ่อเขาเอง ที่รู้ประวัติว่า โดนคุณย่าตัดจากกองมรดก ตัดหางปล่อยวัดสิบเจ็ดปีก่อน
ไม่มีการติดต่อกันอีก ลูกหลานส่วนใหญ่รู้แค่ว่า คุณอาวิทวัสเลือกจะอยู่กับผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้า
โดยปฏิเสธการคลุมถุงชนที่คุณย่าจัดหามาให้ ยอมเป็นคนทรยศของตระกูล ดันมาจุดใต้ตำตอเข้าให้?
“คุณน้าได้ติดต่อกับครอบครัวคุณพ่อบ้างไหมครับ” อดถามไม่ได้
“เรื่องนี้..แม่ไม่ขอพูดได้ไหม” คำปฏิเสธของญาดา โยโย่รู้ทันทีว่า
สิ่งที่ตนเข้าใจไว้ไม่ผิด ผู้หญิงที่ถูกตราหน้าว่าไม่มีหัวนอนปลายเท้า คือผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขานี่เอง
“รูปน้องดิ่งเหรอครับ น่ารักมากครับ” โยโย่เปลี่ยนเรื่อง เรียกรอยยิ้มจากญาดาอีกครั้ง
หลังก้มมองรูปลูกดิ่งตอนสองขวบ ยืนโป๊ทำตาโตดูดนิ้วจ้องมองกล้อง น่ารักน่าชังสุดๆ
“ใช่จ๊ะ..รูปนี้พ่อเขาถ่ายเอง คิกคิก..ดูสิทำตาโตเชียว” เสียงพุดคุยหัวเราะมีความสุขของแม่
ดังลอดมาถึงในครัว คนที่เป็นประเด็นกำลังยืนแกะกุ้งถึงกับเผยยิ้มกว้าง แอบรำพึงในใจ
‘ขอบคุณครับพี่โย่ ที่ทำให้แม่ผมหัวเราะมีความสุข’ นานแล้วที่ลูกดิ่งไม่ได้ยินแม่หัวเราะแบบนี้?
ขออภัยมาซะบ่ายแก่ คอมฯ พัง เอาไปให้ร้านซ่อม เพิ่งไปรับมา
เอามาได้รีบอัพให้ทันที ดีนะที่ข้อมูลไม่เป็นไร ไวรัสกิน Word แอบกลัวว่างานพิมพ์จะหาย
ยังดีที่ช่างกู้ไฟล์ไว้ให้ได้ โล่งอก....
ตอนนี้มาเต็ม เจอกันอีกทีวันอังคารนะคะ ช่วงนี้งานยุ่งพอสมควร
Thanks.
