สนามรัก..นักบอล
Part 13 โยโย่กลับเข้าห้อง เห็นรุ่นน้องหน้าใสหลับปุ๋ยบนเตียง เขาหยิบรีโมทมาเบาแอร์ ค่อยจัดการห่มผ้าให้อย่างเบามือ มุมปากเผยยิ้มเอ็นดูสายตาอ่อนโยน ให้ความรู้สึกห่วงใยฉายชัด
ตั้งใจว่าหกโมงครึ่งค่อยปลุก อดยิ้มโชว์ฟันอย่างหมั่นเขี้ยว เมื่อคิดได้ว่ารุ่นน้องใช้เตียงตามที่อนุญาต
จากนั้นเดินไปเปิดคอมฯ เสียบเมมการ์ดกล้องวงจรปิดที่รปภ.ให้คนนำมาให้เมื่อสักครู่
ต้องชมว่าทำงานรวดเร็วไม่ต้องคอยตาม เข้าโปรแกรมดูภาพคนเดียวเงียบๆ สีหน้าเรียบนิ่งแววตาลึกล้ำยากคาดเดาความคิดได้
ว่ารู้สึกยังไงกับเหตุการณ์ที่เห็นได้จากกล้อง
ก่อนทำการเซฟไฟล์เก็บในเครื่องดึงเมมการ์ดออก ค่อยโทรให้รปภ. ส่งคนมารับคืน
จากนั้นลุกไปหยิบกล้องถ่ายรูปซึ่งเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้าบนสุด ชั้นนี้ล้วนเก็บอุปกรณ์ส่วนตัว กีตาร์ กล้องและอุปกรณ์หลายอย่าง
หยิบออกมาแอบถ่ายนายแบบที่ไม่รู้ตัว กำลังหลับสบายบนเตียงสีขาวขนาดใหญ่
เหมือนเจ้าชายตกอยู่ในห้วงนิทราอย่างแสนสุข
คนที่อาศัยมองผ่านเลนส์ มุมปากประดับรอยยิ้มไปด้วย พร้อมกับกดชัตเตอร์เก็บภาพจนเป็นที่พอใจ
ค่อยนำมาโหลดลงคอมฯ เพลินในการจัดแสงและความคมชัดของภาพ คลิกดูด้วยสีหน้าบ่งบอกมีความสุข
เขาชื่นชมผลงานตัวเอง และชื่นชมนายแบบจำเป็นอย่างไร้ข้อตำหนิ ไม่ว่าจะมุมไหนก็ถ่ายออกมาดี
ทั้งที่อยู่ในอาการ.. ‘หลับ’
มือถือดังขึ้น รีบกดรับเกรงจะรบกวนคนหลับ ปลายสายพูดมาทันทีหลังรู้ว่าเขารับสาย
[พี่โย่ครับ ลูกดิ่งเป็นยังไงบ้าง] ผสุถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรมาก” โยโย่บอกด้วยน้ำเสียงเรียบ
[เหรอครับ..ได้ประคบร้อนทายาหรือยังครับ] ฝ่ายโทรยังไม่วางใจ
“ทำไปแล้ว” ตอบสั้นตามเคย
[ผมขอคุยกับน้องหน่อยสิ] แม้รู้ว่าดูไม่สมควร แต่เขาไม่มีเบอร์ลูกดิ่ง ยกเว้นเบอร์พี่โย่จำต้องโทรเครื่องนี้
เพื่อไต่ถามอาการคนที่ทำให้เป็นห่วง กลับถึงบ้านตัดสินใจนานพอสมควร..ก่อนจะกล้าโทรเข้ามา
“ตอนนี้ยังไม่สะดวก..ดิ่งหลับ” ทำเอาฝ่ายโทรถามนิ่งไปครู่
[เหรอครับ..ถ้างั้นผมค่อยโทรมาใหม่ ว่าแต่พี่มีเบอร์ของลูกดิ่งไหม จะได้ไม่รบกวนโทรเข้าเครื่องพี่]
ผสุต้องการเบอร์ของลูกดิ่ง หาเหตุผลได้ ไม่ลืมใช้โอกาสนี้ถามเอาจากโยโย่เสียเลย
“พี่ไม่มี..ขอกับเจ้าตัวเขาดีกว่า” โยโย่ปฏิเสธตามจริง เขาไม่มีเบอร์ลูกดิ่งเช่นกัน
[ไม่เป็นไรครับ งั้นผมควรโทรกี่โมงดี ที่พี่สะดวกและลูกดิ่งรับสายได้] ถามความเห็นเจ้าของเครื่อง
ทางเดียวที่ได้คุยกับลูกดิ่งคือโทรเครื่องพี่เลี้ยง แต่ก็เกรงใจ เขาไม่เคยโทรหาแฟนพี่สาวมาก่อน อุตส่าห์ขอเบอร์หมอผา
กว่าจะตัดสินใจโทรมาถาม
“ซักสามทุ่ม” โยโย่บอกเวลา
[ขอบคุณครับพี่ สามทุ่มผมโทรมาใหม่ ไม่รบกวนพี่แล้วครับ ลูกดิ่งตื่นวานพี่บอกเขาด้วย..ว่าผมเป็นห่วง]
ปลายสายฝากบอก อย่างน้อยน้องจะได้รู้ว่าเขาคอยติดตามอาการอยู่ตลอด
“อืม..” ขานรับสั้นๆ ก่อนวางสาย จังหวะมีคนเคาะประตูรู้เป็นรปภ. มาเอาเมมการ์ดกล้องวงจรปิด
ไม่ลืมหยิบติดมือเดินไปเปิดยื่นของให้โดยไม่พูดซักคำ เพราะคุ้นหน้ารปภ.คนนี้อยู่ แต่ฝ่ายที่มาเอาของ
กลับนอบน้อมยกมือไหว้อย่างรู้มารยาท เขารู้ว่าคนรูปหล่อเคราดกคือนายน้อยของที่นี่
กลับเข้ามานั่งดูฝีมือถ่ายภาพจนเพลิน ค่อยเก็บไว้ในแฟ้มส่วนตัวตั้งชื่อให้เสร็จ ‘ลูกข่าง’ จัดการปิดคอมฯ
ลุกเข้าห้องนำล้างหน้าสำรวจความเรียบร้อย กลับออกมาปลุกคนนอน เมื่อเห็นว่าใกล้เวลาอาหารเย็นแล้ว
“ลูกดิ่ง..ดิ่ง” เสียงทุ้มทอดอ่อน ไม่สามารถปลุกคนหลับลึกรู้ตัวตื่น คิ้วเข้มคนปลุกมุ่นเข้าหากัน จ้องปากสีสดนิ่ง
เห็นรอยจางของอาการบวม เผลอยกมือแตะมุมปากตัวเองตาม ภาพในหัวจากเหตุการณ์ที่ทำให้ปากเกิดกระทบกันผุดขึ้นมาแจ่มชัด
หน้าคมเข้มก้มต่ำช้าๆ บังคับลมหายใจแผ่วเบาเหมือนแมวขโมย สายตาไม่ละจากวงหน้าเนียนใส
กระทั่งระยะปลายจมูกแทบชนกัน ขณะเบี่ยงมุมให้ได้องศา..
“อือ..” ทุกอย่างชะงักนิ่ง เมื่อแพขนตายาวที่หลุบปิดตาเรียวสวยขยับยุกยิกแล้วเปิดลืมขึ้น
จังหวะใบหน้ารุ่นพี่อยู่ห่างชนิดแทบใช้ลมหายใจเดียวกัน คนที่เพิ่งตื่นเห็นขนคิ้วดกดำใบหน้าคุ้นเคยในระยะประชิด
กะพริบตาปริบๆ ขับไล่ความง่วง ออกอาการงงกับภาพที่เห็นอยู่ครู่ คนตัวโตรีบขยับถอยห่าง..
เหมือนโดนของร้อนลวกเข้าจังๆ หน้าหล่อเห่อแดงทันควัน ก่อนเก๊กเข้มเอ่ยเสียงทุ้มห้าว
“ลุกล้างหน้า ได้เวลามื้อเย็นแล้ว” พูดเสร็จ หันหลังก้าวออกห้อง
ปล่อยรุ่นน้องมองตามแผ่นหลังกว้าง ทำความเข้าใจอย่างมึนๆ
“ได้เวลาทานข้าวแล้วเหรอ..เผลอหลับไปชั่วโมงครึ่งเชียว ว่าแต่พี่โย่จ้องหน้าเราทำไมหว่า?”
สีหน้าครุ่นคิดก่อนส่ายหัวไปมา ลุกเดินเข้าห้องน้ำจัดการทำธุระส่วนตัว เตรียมออกไปสมทบรุ่นพี่ตัวโตที่รอลงไปทานมื้อค่ำ
ทิ้งคำถามคาใจไม่เก็บให้รกสมองดื้อๆ..
เช็ดหน้าเช็ดตาจนรู้สึกสดชื่น เปิดดูรอยแดงตรงหน้าท้อง ถึงแม้ยังหลงเหลือรอย แต่อาการปวดทุเลาแทบเป็นปกติ
นึกได้ต้องโทรคุยกับแม่ เดินไปหยิบโทรศัพท์ในเป้เล็ก กดเบอร์โทรหาแม่ทันที
[เป็นไงบ้างดิ่ง] เสียงอบอุ่นอ่อนโยนจากปลายสาย จุดรอยยิ้มกว้างจากใบหน้าลูกดิ่งดูมีความสุข
“สบายดีครับ แม่กำลังทำอะไรอยู่ ดิ่งโทรมากวนหรือเปล่า” น้ำเสียงสดใสไม่มีการเสแสร้ง
แม้คำว่าสบายดีจะรู้สึกเหมือนพูดโกหก แต่เขาไม่ได้เจ็บป่วยอะไร เรียกว่าสบายดีคงไม่ผิด เพื่อให้แม่สบายใจ
คงไม่จำเป็นต้องบอกความจริงทุกเรื่อง ไม่บาปหรอกมั้ง?
[แม่กำลังทานข้าว ซื้อแกงถุงมาสองอย่าง ทานคนเดียวไม่อยากเข้าครัวให้ยุ่งยาก ดิ่งทานหรือยังลูก]
นึกภาพตาม แกงถุงแม่คงฝากท้องจากเจ้าประจำใกล้ที่ทำงานแม่แน่นอน
“กำลังจะลงไปแคนทีน แต่อยากคุยกับแม่ก่อน”
[เหรอ..ถ้างั้นค่อยคุยตอนว่างดีกว่า เดี๋ยวลูกลงไปช้าไม่มีอะไรทานจะพลอยลำบาก] แม่ยังนึกเผื่อด้วยความเป็นห่วง
“โหแม่! ที่นี่เขาทำอาหารเตรียมไว้เยอะ แม่ไม่ต้องห่วงกลัวจะหมด”
ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน รีบแก้ไขความเข้าใจคนเป็นแม่
[แต่มันไม่เหมาะนะลูก ดิ่งเป็นรุ่นน้องไปฝึก ลงไปช้าคงดูไม่ดีรักษาเวลาให้ดูเป็นคนมีวินัยดีกว่าไหม]
คำสอนของแม่จนปัญญาหาคำแก้ต่าง แม่พูดไม่ผิด..เพิ่งนึกได้ใช่มีแค่เขาเพียงลำพัง
พี่โย่รออยู่พลอยทำให้พี่เขาดูไม่ดีไปด้วยได้
“ครับ..แม่อย่าลืมทานข้าวให้เยอะ ดูแลสุขภาพด้วยนะครับ ไว้ดิ่งจะโทรมาพรุ่งนี้”
ก่อนวางสายไม่ลืมกำชับแม่ด้วยความรักและห่วงใย
[จร้า..ดิ่งก็ต้องดูแลตัวเองนะลูก อาทิตย์นี้แม่มีงานต้องรีบสะสาง เดิมที่ตั้งใจไปเยี่ยมลูกสโมสร เห็นท่าคงไปไม่ได้แล้วสิ]
“ไม่เป็นไรครับ อาทิตย์หน้าผมกลับไปหาแม่เอง” ลูกชายรีบพูดให้แม่สบายใจแทน
[ถ้างั้น..ไว้เจอกันอาทิตย์หน้านะลูก]
“ครับแม่..ผมรักแม่ครับ”
[แม่ก็รักดิ่งเช่นกัน] เป็นการยุติสนทนา ลูกดิ่งยิ้มละไมด้วยความสุขเขาอิ่มใจที่ได้คุยกับแม่
เก็บมือถือในกระเป๋ากางเกงวอร์ม เดินออกห้องไปหารุ่นพี่ที่รออยู่
“เรียบร้อยแล้วครับ” ออกมาเจอคนตัวโตนั่งถือรีโมทดูข่าวหัวค่ำ ไม่มีการตอบรับ
ปิดทีวีเสร็จลุกยืนเต็มความสูง เดินนำออกจากห้องทิ้งหน้าที่ปิดล๊อกให้คนเดินตามหลัง
“เป็นไงดิ่ง” ยุทธกับเกรียง โผล่หัวออกจากห้องมาเช่นกัน
“ดีขึ้นมากพี่ยุทธ” ลูกดิ่งยิ้มร่าให้รุ่นพี่เบาใจ
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว กูยังเคืองไอ้ปุ้มไม่หาย” ยุทธเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน หลังเอ่ยชื่อต้นเหตุที่ทำลูกดิ่งบาดเจ็บ
“อย่าไปโทษพี่ปุ้มเลยพี่ เขาไม่ตั้งใจหรอกครับ จังหวะชุลมุนด้วย”
“อย่างน้อยมันควรขอโทษสักคำ พี่คิดว่ามันเจตนา ใครคิดยังไงช่าง ไอ้นี่ฉวยโอกาสเอาคืนมึง” ยุทธยืนกรานความคิดตัวเอง
“เอาน่า..มาจากทีมเดียวกันโรงเรียนเดียวกันไม่อาย..หืม” เกรียงปรามรุ่นน้องในความดูแล
“แต่มันเกินไปครับ อย่างที่ผมเล่าให้ฟังแหละ” ยุทธหันไปแย้งเกรียง
พร้อมปรายตามองคนหล่อหน้าเข้มที่ไม่ออกความเห็น โยโย่ยังคงหน้านิ่ง
ประเด็นถกเถียงนี้คงมีแต่ยุทธที่เป็นเดือดเป็นร้อนอยู่คนเดียว
“เพิ่งมาเหรอ..” ลิฟต์หยุดชั้นหก เนตร..เพชร..ต้อและปุ้มต่างยืนรอลิฟต์พอดี
เพชรเป็นคนทักเพื่อนร่วมทีม พร้อมกับพากันเดินเข้าลิฟต์ โดยที่ปุ้มยังถือโทรศัพท์แนบหูตลอด
ไม่ลืมค่อมหัวให้เกรียงและโยโย่ สองหนุ่มพยักหน้าให้แทน
“อืม..เพิ่งลงวะ” เกรียงชิงบอกเสียเอง
“ลูกดิ่งเป็นไง อาการดีขึ้นบ้างไหม” เพชรถามลูกดิ่งสายตาเป็นห่วง
“หายแล้วครับ ซ้อมได้ปกติ” น้องยิ้มสดใส ตอบนักเตะรุ่นพี่ เล่นเอาคนมองพลอยยิ้มตาม สายตาเพชรกรุ่มกริ่มไม่ปิดบัง
“พี่ใจหายแวบ กลัวดิ่งซ้อมไม่ไหว” หยอดด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มพร้อมส่งสายตาวิบวับให้ด้วย
“ทำไมมึงต้องใจหายวะ พี่เลี้ยงมันมากกว่าสมควรรู้สึก ส่วนมึงรอน้องต้อเจ็บก่อนค่อยใจหายแวบ..
มันคือน้องในความดูแลมึง” เกรียงเบรกด้วยรู้สึกหมั่นไส้เพชรตะหงิดๆ
“รุ่นน้องใครเจ็บ..กูก็ใจหายหมดแหละ” เพชรแก้ตัวน้ำขุ่น
“ดีจริง..ป๋าเพชรรักเด็ก” ฉายาที่เกรียงเจตนาประชด
“ก็ไม่ขนาดนั้น..รักและห่วงเป็นพิเศษเฉพาะบางคน” คำพูดของเพชรไม่ต้องบอกหมายถึงใคร
สายตาที่ใช้มองลูกดิ่งบอกแทนคำพูดไปแล้ว แต่น้องไม่ได้มองตอบ
กำลังสนใจฟังปุ้มที่คุยโทรศัพท์เพราะดันมีชื่อตนเข้าไปเกี่ยวข้องกับบทสนทนา
“ถ้าปอมาเยี่ยมปุ้ม..ปุ้มจะดีใจมาก ไม่ใช่อ้างปุ้มแต่ให้พาไอ้ดิ่งไปหาด้วย..ปุ้มไม่รับปาก”
ประโยคนี้ทำให้เจ้าของชื่อที่ไม่รู้อะไรด้วย ถึงกับคิ้วผูกกันอัตโนมัติ คนที่เนียนสังเกตแอบเก็บรายละเอียด
ยืนชิดผนังด้านในได้ยินเช่นกัน แม้หน้าหล่อจะนิ่งเฉยก็เถอะ
“แล้วแต่..ปุ้มไม่รับปาก จะบอกให้ ส่วนมันจะไปไม่ไปเรื่องของมัน ปุ้มไม่สามารถบังคับได้”
นั่นคือประโยคปิดท้าย ก่อนคนพูดจะวางหูถอนหายใจอย่างลืมตัว จมอยู่ความคิดไปครู่ใหญ่ค่อยหันมาหาลูกดิ่ง
เอ่ยประโยคที่ทำให้การสนทนาในลิฟท์ ระหว่างเพชรกับเกรียงหยุดฟังปริยาย
“ขอโทษที่เข้าชาร์ตมึง” ลูกดิ่งยิ้มปากกว้าง
“ไม่เป็นไรพี่..ผมรู้พี่ไม่ตั้งใจ ผมไม่ได้เป็นอะไรมาก” ปุ้มจ้องลูกดิ่งนิ่ง ก่อนตัดสินใจพูดต่อ
“ปอจะมาเยี่ยมวันเสาร์เย็น ฝากกูชวนมึงไปหาด้วย”
น้ำเสียงแม้จะควบคุมให้ดูปกติ แต่ลูกดิ่งก็รู้สึกได้ถึงความขมขื่นแฝงมาด้วย
“ผมไม่รับปากครับ ยังไงถ้าไปไม่ได้ ฝากพี่ปุ้มขอบคุณด้วยแล้วกัน”
ลูกดิ่งใช้ประโยคปฏิเสธกลายๆ เพียงแต่รักษาน้ำใจไม่หักดิบจนฟังดูแย่นัก
“ถ้ามึงไม่ไป..คงกร่อย” ปุ้มเปรยเบาๆ หวังให้ได้ยินกันสองคน
แต่ยุทธก็แอบกระดิกหู ชิงแทรกอย่างไม่คิดรักษามารยาทด้วยซ้ำ
“เหอะ..มันไปด้วยอย่างกับมึงจะดีใจ ที่จริงมึงควรดีใจที่มันปฏิเสธ กูไม่เข้าใจว่ามึงจะเอาไงแน่”
พวกรุ่นพี่ที่จับประเด็นเรื่องของรุ่นน้องคุยกัน แม้ไม่เข้าใจที่มาที่ไป แต่ก็ปะติดปะต่อได้ไม่ยาก
เหมือนเป็นรักสามเส้า หลายคนลงความเห็นเช่นนั้น หารู้ไม่ว่าอีกเส้าไม่ได้รู้เรื่องด้วย
“เรื่องของกู..มึงไม่ยุ่งสักเรื่องได้ไหมยุทธ” ปุ้มหันไปถลึงตาใส่
“เรื่องของมึง แต่ไอ้ดิ่งเดือดร้อนกูทนไม่ได้ว่ะ ที่ผ่านมามันแย่พอแล้ว กูว่ามึงเพลาเหอะปุ้ม”
ยุทธยืนกราน อบรมแถมไปด้วย ปุ้มได้แต่เม้มปากกำมือแน่น เมื่อเห็นพี่ๆ ในลิฟท์ต่างสนใจฟัง
เลยไม่คิดปะทะคารมกับยุทธให้เรื่องราวลุกลาม เขาเลือกหุบปากเสียเอง
ส่วนยุทธเมื่ออดีตกัปตันทีมยอมนิ่งก็ไม่คิดไล่บี้ พานหุบปากหันมาสบตาลูกดิ่งที่ยิ้มปรามแทนการพูด
ประเด็นปัญหาล้วนเขาเป็นต้นเหตุให้รุ่นพี่โต้เถียงกัน สำคัญเงยหน้าสบตาคมเข้ารู้สึกไม่ดีเฉย
ไม่อยากให้พี่เลี้ยงรับรู้ความเป็นมาเท่าไหร่..ไม่เข้าใจทำไมไม่อยากให้พี่โย่รู้?
“ผมไปห้องน้ำแป๊บ” มาถึงชั้นล่าง ระหว่างเดินไปแคนทีน ยุทธบอกกับเกรียง
“กูก็ปวด มึงเข้าไปก่อน” โยโย่หันบอกเกรียง เพื่อนซี้พยักหน้าให้ลูกดิ่งตามเขาไป
พร้อมกลุ่มของเนตร เพชร ต้อ ปุ้ม ปล่อยยุทธกับโยโย่ แยกไปห้องน้ำใกล้ๆ
“ดิ่งกับปุ้ม มีปัญหากันเหรอ” โยโย่ยืนฉี่ตรงโถข้างยุทธ เอ่ยขึ้นมาลอยๆ
แต่ยุทธรู้ว่ารุ่นพี่รูปหล่อถามเขาแน่ ในห้องน้ำมีกันอยู่สองคน
“เรื่องงี่เง่านะพี่ ไอ้ปุ้มมันหวงกิ๊ก สาวโรงเรียนใกล้กัน ดันชอบไอ้ดิ่งแต่เสือกเป็นกิ๊กไอ้ปุ้ม
พูดแล้วก็ไม่เข้าใจมันคบกันยังไง ไอ้ดิ่งไม่ได้เล่นด้วย แต่ไอ้ปุ้มมันพาล” ยุทธเหมือนเจอที่ระบาย บอกโยโย่หมดเปลือก
“ดิ่งมีแฟนหรือยัง” รุ่นพี่หน้านิ่งยังคงถามด้วยน้ำเสียงปกติ
“ไม่น่ามีนะพี่ ผมไม่เห็นมันควงใคร คบกับผมมากกว่าเพื่อนในห้องมันเสียอีก”
“อืม..” เสียงขานรับสั้นๆ ก่อนเดินไปล้างมือ ยุทธตามมาติดๆ
“พี่ถามทำไม” แม้จะยอมบอก แต่ก็แอบสงสัยที่คนอย่างโยโย่สนใจเรื่องไอ้ดิ่ง
“อยากรู้” คำตอบไม่ได้ช่วยขยายความอะไร ก่อนคนตอบจะเดินออกจากห้องน้ำหน้านิ่ง
ปล่อยรุ่นน้องรีบจ้ำตามหลัง ส่ายหน้าอย่างปลงกับนิสัยโยโย่
สองหนุ่มมาถึง อาหารพร้อมข้าว..น้ำเปล่าบริการแบบตักใส่ถ้วย รอบนโต๊ะเรียบร้อย
พวกเขามีน่าที่นั่งประจำตำแหน่ง พร้อมทานทันที
“มื้อนี้..สบายเลยนะมึง” เกรียงหันไปแขวะรุ่นน้องตัวเอง
“โหพี่! ผมไม่ได้ให้พี่ทำนะ ขอโทษจริงๆ” ยุทธรีบไหว้ประหลกๆ เขาแอบรู้สึกผิดที่ต้องให้เกรียงดูแลแบบนี้
“กูเปล่าทำคนเดียว ไอ้ดิ่งต้นคิดทั้งนั้น มึงควรขอบคุณมันมากกว่า” เกรียงพยักเพยิดไปหาลูกดิ่ง ที่นั่งยิ้มตามนิสัย
“ขอบใจไอ้น้อง กินเหอะพี่..ผมหิว” ยุทธตบบ่าลูกดิ่งไปที หันมาชวนรุ่นพี่ในโต๊ะ
โยโย่สบตาลูกดิ่งครู่หนึ่ง ค่อยจัดการตักข้าวเข้าปากโดยไม่พูดไม่จา มื้อนี้แต่ละคนสนใจอาหารมากกว่าการพูดคุยปกติ
>
>
>
“เสาร์เย็นว่างหรือเปล่า” ขึ้นมาบนห้อง รุ่นพี่ตัวโตถามเฉย ลูกดิ่งแอบงง..แต่ก็บอกตามจริง
“ผมไม่ได้ทำอะไร สโมสรไม่อนุญาตให้กลับบ้าน”
“อยากกลับ” โยโย่กลับถามไปอีกเรื่อง
“ความจริงผมอยากไปดูแม่หน่อย” ลูกดิ่งน้ำเสียงดีใจตอนแรก ก่อนจะแผ่วลงในท้ายประโยค
“ไปเป็นเพื่อนหน่อยสิ” เปลี่ยนเรื่องอีกแล้ว
“ไปไหนครับ ผมไปได้เหรอ”
“ไม่ได้แล้ววันอาทิตย์จะไปดูหนังหืม..สงสัยอะไร” หมดคำถาม ทางสโมสรไม่ได้ห้ามไปกับพี่เลี้ยง
ที่ให้อยู่เพื่อรุ่นน้องพี่เลี้ยงมีกิจกรรมวันหยุดร่วมกัน หรือให้น้องๆ คุ้นเคยสถานที่ก่อนไม่แน่ใจ
“พี่จะไปไหนครับ” หน้าใสจ้องรอคำตอบ
“ไปซื้อของใช้..” ลูกดิ่งยิ้มกว้าง
“ไปได้ครับพี่..นึกว่าอะไรเสียอีก” โยโย่มองรอยยิ้มไม่กะพริบ ก่อนเบือนหน้าหนีแล้วพูดขึ้นว่า
“คืนนี้นอนบนเตียงได้นะ” ลูกดิ่งเบิกตาโต
“พี่ให้ผมนอนด้วยเหรอ” อดถามด้วยน้ำเสียงกึ่งดีใจกึ่งสงสัย
“พี่นอนแก้ผ้า..ถือเปล่าล่ะ” คนถามอึ้งกิมกี่ จะบอกว่าถือคงดูไม่ดี อาการก่อนหน้าตนเหมือนพวกแสดงความดีใจ
หลังได้ยินคำอนุญาตให้นอนบนเตียง หากบอกไม่ชินและไม่สะดวก ก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่ต้องอายอะไร ผู้ชายเหมือนกัน
แปลกตรงที่เพราะผู้ชายเหมือนกันนี่แหละ ทำไมถึงรู้สึกเขินขึ้นเฉย แค่นึกว่าจะนอนกับรุ่นพี่ตัวโต โดยอีกคนไม่มีอะไรติดกาย
“แหะๆ..ที่จริงผมไม่ถือหรอก พี่คงไม่แก้ผ้าอวดผมใช่ไหม ผมไม่ถือแต่ไม่แน่ใจว่าจะหลับลง..มันแปลกๆ”
สารภาพไปตามที่คิด โดยไม่มีมุมปิด
“มีผ้าห่มคลุมไม่ได้โล่งโจ้ง หลับไปแล้วไม่แน่ใจว่ามันจะเผลอหลุดมาไหม..ข้อนี้ไม่รับปาก ทำไมกลัวเหรอ”
คำถามว่ากลัวเหรอ ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ คิ้วเรียวขมวดเหมือนทวนคำถามให้กระจ่าง แต่ยังงงอยู่ดี จึงถามกลับไปแทน
“กลัวอะไรครับ” น้องถามหน้าซื่อ ท่าทางไม่เกทจริงๆ
“กลัวที่ต้องนอนกับคนแก้ผ้า เคยนอนแก้ผ้ากับใครไหม?” ประโยคธรรมดาน้ำเสียงปกติ
เพราะความธรรมดาที่ออกจากปากคนหน้าตาย ไม่แสดงอาการให้ได้อ่านความคิด จึงกลายเป็นประโยคลึกล้ำสำหรับลูกดิ่ง
“ไม่เคยนอนแก้ผ้ากับใคร เคยนอนแก้ผ้าคนเดียวตอนร้อนมากๆ ช่วงไฟฟ้าดับ ว่าแต่พี่ถามทำไมครับ”
ลูกดิ่งเป็นฝ่ายถามบ้าง
“เปล่า..งั้นคงไม่มีปัญหา ถ้าอยากแก้ผ้านอนตามสบาย ไม่ต้องถามทำไมต้องนอนแก้ผ้า..ง่ายๆ..ชิน!”
พูดเองตอบเองเสร็จ ร่างสูงใหญ่เดินเข้าห้องนอน โดยลูกดิ่งคงไม่เห็นว่าคนทิ้งท้ายการสนทนามีสีหน้าแบบไหน
เพราะถ้าเห็นคงขอเปลี่ยนใจยืนกรานนอนฟูกอย่างเดิมแน่..หึหึ!
“ผมไม่นอนแก้ผ้าหรอก..ไม่ชิน!” รุ่นน้องหน้าใส ยังอุตส่าห์บ่นตามแผ่นหลังกว้าง ตั้งใจให้คนฟังได้ยิน
แต่รุ่นพี่ไม่ยักหันมาแสดงให้รู้ว่า ได้ยินที่เขาตั้งใจบอก นอกจากพาร่างหายลับเข้าห้องไป พร้อมน้ำเสียงเบาหวิว
ที่พูดกับตัวเอง...ไม่ต้องการบอกรุ่นน้องที่นั่งอยู่โซฟาหน้าทีวี
“อีกหน่อยก็..ชิน!”
มาลงให้ตามนัดแล้วนะคะ ที่เข้ามาช้า เพราะสองวันมานี่เจ็บสบักไหล่ เส้นจม
ปวดจนยึดถึงต้นคอ เหลียวแทบไม่ได้ รอให้คนนวดคลาย เจอกันอีกทีวันพุธนะคะ
ส่วยฟินกับภาพ ต้องขอเป็นเอามาลงวันพุธ ได้ภาพแจ่มๆ จากคนอ่านที่ส่งให้หลังไมค์
ขอบคุณมากมายค่ะ มีบางคนก็นำมาอัพหน้ากระทู้ ดีใจสุดๆ ที่เรื่องนี้คนอ่านติดตามและมีส่วนร่วม
ขอบคุณจากใจด้วยความซาบซึ้งค่ะ
ปล.มีข่าวแจ้งเรื่องนิยาย รักรั่วๆ..พรต&รัน ปกที่เคยจ้างวาดเอาไว้ มีปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ ดีที่ยังไม่ได้พิมพ์หนังสือ
คนวาดดันไปก๊อปรูปนักวาดท่านหนึ่งมา ตอนนี้อยู่ระหว่างแก้ไขเปลี่ยนปกใหม่ หนังสืออาจล่าช้าเป็นส่งปลายเดือนนี้นะคะ
เพราะต้องนำปกไปทำบ็อกเซท ขั้นตอนบ็อกเซทนี่แหละที่ใช้เวลาไม่ต่ำกว่าสองอาทิตย์เชียวล่ะ
สัญญาจะตามปกให้ได้เร็วที่สุด เขารับปากไม่เกินวันที่สิบค่ะ ดังนั้นช่วงนี้ใครที่ยังไม่ได้โอนก็ขยายเวลาให้ไปถึงวันที่สิบนี้นะคะ
ยังสามารถโอนกันได้ และให้เสื้อแถมด้วยเช่นกันค่ะ ถือว่าเราพลาดเอง.. 
ปล.ใครที่โอนตังค์มาแล้ว ยังไม่ได้แจ้งโอน แจ้งที่อยู่ หรือแจ้งมาแล้วไม่ได้เมลล์รับแจ้งโอนตอบกลับ
รบกวนให้แจ้งมาด่วนนะคะ ไม่อยากนั้นจะพลาดหนังสือนะคะ คนเขียนไม่อยากให้ตกหล่นจริงๆ รบกวนตรวจเช็คสิทธิของตนเองด้วย
รักคนอ่านทุกคน ย้ำเจอกันวันพุธค่ะ
เพราะตอนนี้วุ่นวายหลายเรื่องพอสมควร

Thanks.
