SOTUS : พี่ว้ากตัวร้ายกับนายปีหนึ่ง กฎของปีหนึ่งข้อที่ 10 : ห้ามมีความลับกับพี่ว้าก เวทีพร้อม...แสงไฟพร้อม...แต่ก้องภพไม่พร้อม
“สวัสดีค่ะ! และก็มาถึงเวลาที่ทุกคนรอคอย การประกวดเดือนและดาวมหาวิทยาลัยกำลังจะเริ่มต้น ณ บัดนี้ค่ะ!!”
ก้องภพได้ยินเสียงพิธีกรสาวเทียมสองคนบนเวทีประกวดกลางแจ้ง ก่อนเสียงกรี๊ดจะดังกระหึ่มตามมาชนิดไม่ต้องมองก็รู้ว่าปริมาณคนมาดูคงเยอะจนล้น เพราะหลังการประกวดดาวเดือนจะมีการเล่นคอนเสิร์ตจากวงดนตรีดัง ๆ ถือเป็นการปิดท้ายงานเฟรชชี่เกมส์ หรือเรียกอีกอย่างว่าเป็น ‘คืนปล่อยผี’
นักศึกษามหาวิทยาลัย ไม่เฉพาะแค่ปีหนึ่ง แต่ยังรวมถึงรุ่นพี่ปีอื่น ๆ จึงตั้งใจมามันส์กันเต็มที่ ทั้งยังได้ลุ้นการประกวดดาวเดือนของคณะตัวเองอีกด้วย ทุกสายตาเลยต่างพุ่งตรงเฝ้ารอคอยกันอย่างใจจดใจจ่อด้วยความตื้นเต้น
...ซึ่งสิ่งเหล่านี้ตรงข้ามกับก้องภพที่อยู่ด้านหลังเวที
บอกตามตรงเลยครับว่า เขาไม่ได้มั่นใจด้วยว่าตัวเองจะชนะหรอก การชนะเดือนมหาลัยไม่ใช่เรื่องง่าย มันเป็นคนละอย่างกับการแข่งกีฬาที่ต้องอาศัยทีมเวิร์ก แม้จะมีการแสดงร่วมกับดาวคณะ หากผลสุดท้ายการประกวดเดือนก็ต้องตัดสินกันตามแต่ละบุคคล คล้ายเป็นการสู้ด้วยตัวคนเดียว แถมที่สำคัญ เขาดันมีชนักติดหลังเป็นคำสัญญาซึ่งให้ไว้กับใครบางคนอีกต่างหาก
ไอ้ครั้นจะโทษใครก็ไม่ได้ เพราะทุกสิ่งเกิดจากความปากไวของเขาที่ดันไปตกลงกับเฮดว้ากเอาไว้แบบนั้น แล้วถ้าเขาแพ้ขึ้นมาจริง ๆ เขาคงโดนพี่อาทิตย์เล่นงานซะอ่วม สมใจกับที่พี่นับเขาเป็นศัตรูคู่อาฆาตอยู่แล้ว ซ้ำพี่อาทิตย์คงต้องใช้เขาเป็นข้ออ้างหาทางลงโทษเพื่อนปีหนึ่งเพิ่มแน่ ๆ ไอ้เขาโดนทำโทษคนเดียวน่ะไม่เท่าไรหรอก แต่ต้องมาแบกรับความรับผิดชอบของคนทั้งรุ่น มันก็หนักเอาการอยู่เหมือนกัน
...นี่เขาคิดถูกรึเปล่านะที่ไปพูดยั่วอีกฝ่าย เพียงแค่เพราะอยากแกล้ง
ก้องภพเผลอถอยหายใจด้วยสีหน้าเคร่งเครียด และมันคงแสดงออกมาให้เห็นชัดจนเจ๊มินนี่ซึ่งคอยดูแลการแต่งตัวอยู่ข้าง ๆ ต้องเอ่ยทัก
“น้องก้องภพค่า ตื้นเต้นเหรอคะ ทำหน้าซะซีเรียสเลย ไม่ได้นะคะต้องยิ้มไว้ ถ้ายิ้มไม่ออกนึกถึงรางวัลก็ได้ ปีนี้เจ๊ได้ข่าวว่าสปอนเซอร์เพียบเลยนะคะ ถ้าชนะล่ะก็เปรมเชียวล่ะค่ะคุณน้อง”
...ถ้าชนะ
...จริงสินะ ถ้าเขาชนะอีกฝ่ายก็ต้องทำตามที่เขาขอเหมือนกัน ถึงเขาจะยังนึกไม่ออกว่าจะขออะไรตอนนี้ แต่แค่นึกถึงหน้าหงุดหงิดของเฮดว้ากก็ทำให้เผลอลืมตัวยิ้มออกมาบาง ๆ และแน่นอนว่ามันคงไม่พ้นสายตาของเจ๊มินนี่ไปได้
“แหม...พอพูดถึงรางวัลยิ้มซะตาวาวเลยนะคะ งกไม่เบานะเรา แต่ยิ้มแบบนี้ก็โอเคค่ะเป็นเสน่ห์ดี”
“วิศวะพร้อมรึยังคะ! เตรียมขึ้นแสตนบายเลยค่ะ”
ยังไม่ทันที่เขาจะตอบว่าอะไร เสียกสต๊าฟจากด้านหลังเวทีก็ดังแทรกเรียกให้เตรียมตัว เจ๊มินนี่รีบกุลีกุจอดันตัวเขาขึ้นบนเวทีพร้อมแพรไพลินดาวคณะวิศวะ ปากก็เอ่ยให้กำลังใจ
“ไปค่ะน้อง ๆ สู้ ๆ นะคะ!”
แสงไฟมืดลงเพื่อตัดฉากเข้าสู่การแสดง ก้องภพเหลือบมองไปยังคนดูด้านล่าง อยู่บนนี้ยากที่จะมองเห็นว่าใครเป็นใคร แต่เขารู้ว่ายังไงคนคนนั้นต้องมาแน่ ๆ เขาสูดหายใจลึก ตั้งสมาธิกับสิ่งที่จะทำ
โชว์กำลังจะเริ่ม...
...
...
.
“ปกติไม่เคยสนใจจะมาดูนี่ นึกไงถึงลากกูมาวะ”
อาทิตย์ได้ยินเสียงเปรมทัก ขณะกำลังอ้าปากกินลูกชิ้นปิ้งที่เพิ่งซื้อมาอย่างชิล ๆ พวกเขายืนอยู่ห่างจากเวทีและแสตนของพวกเด็กปีหนึ่งพอสมควร จนใกล้ถึงโซนขายอาหารที่เปิดขายพวกน้ำปั่น ขนม ของกินเล่น ซึ่งตอนนี้มีผู้คนอยู่ค่อนข้างบางตา เพราะต่างไปรุมออตรงหน้าเวที เพื่อรอดูโชว์จากการประกวดดาวเดือนคณะ แต่เฮดว้ากอาทิตย์กลับไม่ได้สนใจจะมองเลยสักนิด เป็นไปตามเหตุผลที่เขาตอบเพื่อน
“กูแค่อยากมาดูคอนเสิร์ตต่อจากไอ้การประกวดนี้ต่างหาก”
“โห จะมาดูคอนเสิร์ต ได้ข่าวว่ามึงโทรตามกูตั้งแต่หกโมง”
คำบ่นจากเพื่อนทำเอาอาทิตย์แอบสะอึก เพราะเขาเลิกเรียนแล๊ปเสร็จตอนเกือบหกโมง พอออกจากห้องก็โทรชวนตามเปรมให้มาดูการแข่งบาส เสื้อช็อปยังไม่เปลี่ยน ข้าวยังไม่ได้กิน เลยต้องมาหาซื้ออะไรรองท้องแก้หิวกันตอนนี้ แต่จะให้ไอ้เปรมบ่นใส่เขาอยู่ฝ่ายเดียวก็ยังไงอยู่ เพราะมันก็สร้างวีรกรรมเหมือนกัน
“ทำพูดมึงก็อยากดูเถอะ กูโทรหามึงคนเดียว แม่งลากพวกไอ้นนท์ได้มาเป็นสิบ”
คราวนี้คนถูกสวนกลับ เริ่มเป็นฝ่ายเงียบกริบบ้าง เห็นมันทำอึกอักแล้วเปลี่ยนไปดึงลูกชิ้นปิ้งจากอาทิตย์มากินแก้เก้อ พลางหาเหตุผลมาเถียงข้าง ๆ คู ๆ
“กูพาพวกมันมาไซโคน้องเฉย ๆ เว้ย! มายืนรุมมาก ๆ จะได้กดดันแพ้ ๆ ไปไง ใครจะคิดว่ามันเสือกชนะขึ้นมาได้ โคตรเสียหน้าฉิบหาย แล้วถ้าไอ้แข่งประกวดนี่ชนะอีกนะ กูได้เซ็งตายแน่ว่ะ!”
“หึ มันไม่มีทางชนะหรอก“
อาทิตย์สรุปฟันธงแบบมั่นใจไปด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่อง
...กีฬาพอลุ้นไหวอยู่ แต่ให้ชนะการประกวดเดือนน่ะมันยาก คนอย่างไอ้ก้องภพมันจะมีความสามารถพิเศษอะไรมาโชว์ หน้าตาก็งั้น ๆ รับรองได้เลยว่ามันต้องไม่ชนะแน่ ๆ แล้วยังทำมาเป็นกวนตีนปากกล้าท้าเขา ถ้ามันแพ้เมื่อไร เขาจะสั่งให้มันทำอะไรทุเรศ ๆ ต่อหน้าคนทั้งมหาลัยจนอายไปยันลูกบวชให้เข็ดเลย ...แม่งคอยดูเถอะไอ้ 0062!
“ต่อไปพบกับการแสดงของดาวและเดือนจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ค่า!!”
เสียงจากหน้าเวทีประกวดขัดความคิดของอาทิตย์ให้ต้องหันไปมอง แสงไฟดับลงจนแทบไม่เห็นอะไร ยิ่งอยู่ตรงที่ไกล ๆ เกือบสุดด้านหลังแบบนี้ก็ยิ่งดูยากจนคนตัวเท่ามด ต้องอาศัยชะเง้อดูเอาจากจอโปรเจคเตอร์ แต่เขายังได้ยินเสียงกรี๊ดและเสียงปรบมือดังกระหึ่ม ก่อนแสงสปอร์ตไลค์จะค่อย ๆ เปิดส่องลงมาบนเวที พร้อมการปรากฏตัวของเดือนคณะวิศวกรรมศาสตร์
ก้องภพแต่งตัวง่าย ๆ ด้วยเสื้อเชิ้ตสีสว่าง และกางเกงยีนต์สีเข้ม ดูออกจะธรรมดาสามัญกว่าผู้เข้าประกวดคนอื่น ๆ ที่บางการแสดงใส่สูทจัดเต็มอลังการเหมือนหางเครื่องลูกทุ่ง เช่นเดียวกับน้องแพรไพลินที่แต่งตัวชุดกระโปรงดูน่ารัก ใส่มงกุฎดอกไม้เสริมลุคให้ดูหวาน
“สวัสดีครับ พวกเราเป็นตัวแทนจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ครับ วันนี้พวกเราจะมาโชว์ร้องเพลง ถ้าใครร้องได้ช่วยร้องตามดัง ๆ ทีนะครับ”
...โธ่เอ้ย นึกว่าอะไร ที่แท้ก็ร้องเพลงการแสดงเบสิกโคตร ๆ
อาทิตย์ยิ้มเยาะ ละความสนใจจากบนเวที ตั้งใจจะดึงลูกชิ้นปิ้งกินอีกไม้ พร้อมกับรอฟังเสียงเพลงดังขึ้นตามมา...
“...คอนนะโคะโตะอิอินะ เดะคิตะระอิอินะ อันนะยูเมะคอนนะยูเมะ อิพพะอิอะรูเคะโด...”
ลูกชิ้นปิ้งเกือบหลุดมือ เขารีบเงยหน้าขึ้นมองคนร้องตาค้าง ไม่อยากเชื่อว่ามันจะกล้าเอาเพลงนี้มาร้อง ก็ไอ้ทำนองนี้เขาฟังมาตั้งแต่เด็ก เปิดดูประจำในช่องเก้าการ์ตูนทุกเช้าเสาร์อาทิตย์ เพราะมันคือเพลง ‘โดเรมอน’
“...มินนะมินนะมินอินะ คะนะเอะเตะคุเระรุ
ฟูชิงินะพกเก็ตโตะดะ คะนะอิเตะคูเระรู
โซราจิยูนิ โทบิตะอินะ ฮาอิ ทาเคะคอปต้า
...อัง อัง อัง ตดเตะโมะดาอิซุคิ โดราเอ..มอนน...”
ก้องภพกับแพรไพลินสลับกันร้องคนละท่อน แต่ก็เรียกเสียงฮาและเสียงร้องตามจากคนดูได้ค่อนข้างมาก ก่อนจังหวะดนตรีเปลี่ยนไปเร็วขึ้น และแค่เพียงเริ่มอินโทร คนบางกลุ่มก็เริ่มกรี๊ด ด้วยเป็นเพลงภาษาอังกฤษที่ทุกคนรู้จักดี
“Young man, there’s no need to feel down.
I said, young man, pick yourself off the ground.
I said, young man, ’cause you’re in a new town
There’s no need to be unhappy.
It’s fun to stay at the
Y-M-C-A. It’s fun to stay at the
Y-M-C-A.
They have everything for you men to enjoy, you can hang out with all the boys…
It’s fun to stay at the
Y-M-C-A. It’s fun to stay at the
Y-M-C-A.
You can get yourself cleaned, you can have a good meal,
You can do whatever you feel…”
คนบนเวทีร้องไปพลางทำมือประกอบท่า Y M C A ตามแบบสากล ซึ่งคนด้านล่างก็พร้อมใจกันเต้นตามอย่างสนุกสนาน ปล่อยให้อาทิตย์มองการแสดงนั้นด้วยความทึ่ง
...จริงๆ เสียงร้องของก้องภพกับแพรไพลินก็ไม่ได้เทพมาก แต่เรื่องเอนเตอร์เทนคนดูต้องถือว่ายอดเยี่ยม เพราะเอาทุกสายตาได้อยู่หมัด แถมยังทำให้ทุกคนมีอารมณ์ร่วมไปกับการแสดงสั้น ๆ ได้อีกด้วย
เพียงไม่นานจังหวะเพลงก็จบลง ก่อนแสงไฟมืดลงจนเหลือเพียงแสงสลัว ๆ เขาเห็นสต๊าฟลากเก้าอี้กับกีตาร์โปร่งออกมาตรงกลางเวที โดยมีก้องภพพูดอธิบาย
“เหนื่อยกันรึยังครับ งั้นมาฟังเพลงช้า ๆ เป็นเพลงสุดท้ายกัน ถ้าเสียงยังไม่หมดร้องตามได้นะครับ”
ทีแรกเขานึกว่าก้องภพจะรับกีตาร์จากสต๊าฟ แต่เจ้าตัวกลับยื่นมันส่งให้แพรไพลินซึ่งนั่งลงก่อนปรับสายกีตาร์เพื่อเช็คเสียง กลายเป็นอาการงงคูณสอง เพราะโดยปกติจะเห็นผู้ชายเล่นกีตาร์แล้วให้ผู้หญิงร้อง ทว่าการสลับกันนี้ก็เรียกเสียงกรี๊ดจากคนดูได้อีกรอบ ทั้งยังสร้างความสนใจให้กับการแสดง ก่อนเสียงทุ้มนุ่มของก้องภพจะค่อย ๆ ร้องออกมาเป็นทำนองคลอเสียงกีตาร์หวานหู
และเป็นเพลงที่ทำให้อาทิตย์ต้องนิ่งฟังอยู่อย่างนั้น...
http://www.youtube.com/v/d7X5QYar76E? “มอง มองเธอมาแสนนาน ฉันไม่กล้าต้องคอยหลบตาเธอเสมอ
กลัวสักวันหนึ่งถ้าเธอรู้ว่าฉัน ปิดบังความจริงอะไรเอาไว้
ความลับที่ฉันซ่อนไว้ ไม่เคยบอกใคร จะอดใจไม่ไหว
ยิ่งฉันใกล้เธอเท่าไหร่ ยิ่งอยากจะเผยใจ
เมื่อสบสายตาก็ยิ่งหวั่นไหว มันยากเหลือเกินจะเก็บซ่อนความรักเอาไว้
และความลับในใจของเธอ มีฉันอยู่บ้างไหม
โปรดบอกความในใจ ให้ฉันรู้ทีนะเธอ
เก็บเอาคำพูดของเธอ มาคิดมาก แอบคิดไปเองอยู่อย่างนี้
ก็เธอ เธอช่างดีแสนดี คำว่ารักเธอ จะต้องเก็บไว้อีกนานแค่ไหน
ความลับที่ฉันซ่อนไว้ ไม่เคยบอกใคร จะอดใจไม่ไหว
ยิ่งฉันใกล้เธอเท่าไหร่ ยิ่งอยากจะเผยใจ
เมื่อสบสายตาก็ยิ่งหวั่นไหว มันยากเหลือเกินจะเก็บซ่อนความรักเอาไว้
และความลับในใจของเธอ มีฉันอยู่บ้างไหม
โปรดบอกความในใจ ให้ฉันรู้ทีนะเธอ...”
โน้ตตัวสุดท้ายจบพร้อมเสียงปรบมือ เป็นอันสิ้นสุดการแสดงของคณะวิศวกรรมศาสตร์อย่างสวยงาม ก่อนพิธีกรจะเดินขึ้นมาก้าวปิดท้ายตามคิว
“จบลงไปแล้วนะคะ สำหรับการแสดงของคณะวิศวกรรมศาสตร์ แหม...เชื่อว่าคงถูกอกถูกใจใครหลายคน แต่เดี๋ยวขอสัมภาษณ์นิดหนึ่งค่ะว่า ทำไมน้องสองคนถึงเลือกเพลงสามเพลงนี้มาร้องคะ”
“ที่เลือกเพลงพวกนี้มา เพราะมันเป็นเพลงที่แสดงถึงช่วงวัยของเราครับ เพลงแรกเป็นเพลงสมัยที่เรายังเป็นเด็ก ส่วนเพลงที่สองความหมายของมันคือการที่เรามีชีวิตเริ่มก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ และเมื่อเราเป็นผู้ใหญ่แล้ว เราก็โตพอที่จะแอบรักใครสักคนได้ครับ”
คำตอบของก้องภพ โดยเฉพาะประโยคสุดท้ายเรียกเสียงกรี๊ดให้ดังขึ้นอีกรอบ ด้วยอารมณ์เสี่ยว ๆ แอบปนโรแมนติกนิด ๆ โดนใจสาว ๆ
...แต่เป็นความจริงของเหตุผลนั้นต่างกันลิบลับ เพราะไอ้ที่เขาเลือกเพลงพวกนี้มา ก็เพราะแพรไพลินเล่นกีตาร์เพลง ‘ความลับ’ ของ ‘พอส’ ได้เพลงเดียวจากการที่เคยสอบตอนเรียนมัธยม ส่วนเพลงอื่น ๆ เขาเลือกมาแล้วว่าทุกคนน่าจะเคยได้ยินและร้องตามได้ เขาเลยเสนอเจ๊มินนี่ ซึ่งเจ๊เองก็สนับสนุน เห็นว่าแปลกใหม่ดูแล้วไม่น่าจะทับไลน์ใคร เน้นโชว์ออฟน้อย ๆ แต่ดึงดูดคนดูได้มาก และเขาก็พยายามฝึกร้องไม่ให้มันเพี้ยน ใช้บรรยากาศสนุกเข้าว่า แล้วก็ยิ้มเยอะ ๆ เหมือนที่เจ๊มินนี่บอก ทุกอย่างจึงพอเอาตัวรอดไปได้ ทั้งยังได้ผลตอบรับดีเกินคาด
แม้กระทั่งอาทิตย์ที่ดูอยู่ไกล ๆ ก็ยังสัมผัสถึงกระแสการตอบรับอันท่วมท้นจากคนดูหลังจบการแสดง ไม่เว้นแม้แต่ไอ้เปรมเพื่อนเขาซึ่งพูดเดา
“แบบนี้ผ่านเข้ารอบชัวร์เลยว่ะ”
อาทิตย์คิ้วกระตุก รู้สึกหมดอารมณ์กินขึ้นมาดื้อ ๆ เขาส่งถุงลูกชิ้นปิ้งที่เหลือให้คนข้างตัว หากก็ยังไม่ละความมั่นใจ
“ก็แค่เข้ารอบล่ะวะ มันยังเหลือรอบตอบคำถามอีก”
ถึงตัวเองจะพูดสบประมาทไว้ แต่ภายในใจก็ยังคงหวั่น ๆ
...เขาลืมไปเลยว่าไอ้ท่าทางกะล่อน เอาตัวรอดเก่ง มันคือนิสัยของก้องภพอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นมันจะกล้าต่อปากต่อคำตอนเขาว้ากน้องได้ยังไง และไอ้ท่าทีแบบนี้ก็เป็นเสน่ห์เฉพาะตัวที่สามารถดึงให้คนส่วนใหญ่คล้อยตาม ทั้งเพื่อนร่วมรุ่น คนดู และกรรมการเองก็คงไม่รอดพ้น
...
..
.