คาบเรียนที่ 10 : กลัว
“อ้าว แล้วนี่ตกลงว่านันท์อยู่บ้านคนเดียวเหรอ”
แบงค์หันมาถามผมด้วยน้ำเสียงแปลกใจเล็กน้อย ก่อนที่จะหยิบหลอดทดลองกลับไปไว้ในตู้หลังจากที่เรียนคาบวิทยาศาสตร์จบ
“ก็นะ แม่นันท์ไปต่างจังหวัดอ่ะ เห็นว่ายายไม่ค่อยสบาย ก็เลยไปอยู่เป็นเพื่อนยายน่ะ ไปตั้งแต่วันจันทร์ละ กว่าจะกลับก็อีก 3-4 วันแน่ะ”
ผมตอบกลับไป พลางใส่รองเท้านักเรียนไปด้วย
“แล้วตอนเช้ากับตอนเย็นนันท์กินไรล่ะ”
แบงค์ถามผมพร้อมกับใส่รองเท้า ก่อนที่จะลุกขึ้นเดินตามผมมา
“ตอนเช้าก็นมกับขนมปังอ่ะ เย็นๆ ก็.......แล้วแต่ว่าเหลืออะไรในตู้เย็นบ้าง แต่ช่วงนี้พยายามไม่กินเยอะ”
“ทำไมอ่ะ”
“ก็............เหมือนช่วงนี้พุงจะเริ่มยื่นแล้วอ่ะดิ เนี่ย ย้วยละ”
ผมพูดพร้อมกับเอามือจับหน้าท้องตัวเองไปพลาง
“เฮ้ย หัวเราะงี้หมายความว่าไงน่ะ”
ผมหันไปถามแบงค์ ที่ทำท่าหัวเราะคิกคักๆ อยู่คนเดียว
“ป๊าววววววว ก็แบบว่า......”
แบงค์ตอบกลับมาแบบตะกุกตะกักปนน้ำเสียงที่ฟังดูยังไงก็เหมือนพยายามกลั้นหัวเราะ มีอะไรน่าหัวเราะฟะ - -*
แบงค์หันมามองหน้าผมอีกรอบ พร้อมกับยิ้มให้ผมทีนึง ก่อนที่จะเอามือมาจับหน้าท้องที่ไม่ค่อยจะแบนราบของผม
“แบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว ไม่มากไปไม่น้อยไป น่ารักน่าจับดีออก ฮ่าฮ่าฮ่า”
“ไม่ต้องมาล้อเลย ไม่หุ่นดีมั่งก็แล้วไป”
ผมพูดกลับไปด้วยน้ำเสียงงอนเล็กน้อย แบงค์ก็เลยเอามือขยี้หัวผมเบาๆ เหมือนทุกที
“โอ๋ๆ อย่างอนไปเลยน่ะ แบงค์ก็แค่พูดไปตามความจริงนะ แบงค์ว่า นันท์ที่เป็นแบบนี้น่ะล่ะ ดีแล้ว ดูเป็นนันท์ดีออก”
แบงค์พูดพร้อมกับยิ้มให้ผม
ให้ตายสิ แล้วทำไมผมถึงได้ใจอ่อนกับรอยยิ้มนั่นทุกทีนะ
“ไม่รู้ล่ะ ยังไงเที่ยงนี้แบงค์ต้องเลี้ยงข้าวนันท์เลย ตกลงนะ”
“อ้าว ไหงงั้นเนี่ย”
แบงค์ทำหน้างง ก่อนที่จะยกมือเกาหัวแกร่กๆ ในขณะที่ผมก็ยังคงทำหน้างอนไว้เชิงอยู่
“อ่ะ ๆ เลี้ยงก็เลี้ยง”
“เย่ สำเร็จ”
“โห หลอกกันเหรอเนี่ย ไอเด็กแว่น มานี่เลย”
แบงค์คว้าคอผมเอาไว้ ก่อนที่จะเอากำหมัดปั่นลงบนหัวผมเบาๆ เป็นเชิงหยอกเล่น
“สวีทกันจังนะ พวกเมิงเนี่ย”
เสียงห้าวๆ ทักพวกผม ผมหันไปมองยังเสียงที่คุ้นหูนั่น
“อ่าว ไอบาส ไม่มีเรียนเรอะ ถึงได้มาเดินโต๋เต๋ในเวลาเรียนเนี่ย”
แบงค์ถามน้องชายฝาแฝด(เฉพาะหน้าตา)ของเขา ที่กำลังทำหน้ายิ้มกวนๆ
“มี แต่กูแค่ออกมาเข้าห้องน้ำ แล้วก็จะแวะมาบอกเมิงด้วย ว่าคืนนี้กูไม่กลับนะเว้ย”
“ไปไหนวะ อย่าบอกนะว่าไปรบกวนบ้านนู้นเขาอีกอ่ะ เมิงไม่เกรงใจเขามั่งรึไงวะ”
แบงค์บ่นออกมาด้วยท่าทีที่ดูหงุดหงิดกับพฤติกรรมน้องชายตัวเอง
ในขณะที่บาสดูจะไม่สะทกสะท้านอะไรกับคำด่านั่นเลย
“ก็แม่เขาเอ่ยปากชวนกูเองนี่ วันนี้วันเกิดแอล บ้านเขาเลยจัดปาร์ตี้กัน แม่ของแอลเลยชวนกูไปด้วย บอกว่าจะค้างก็ได้ กูก็เลยกะจะไปค้าง”
บาสตอบกลับมาด้วยสีหน้าที่นิ่ง ต่างจากแบงค์ที่ตอนนี้ดูจะเหมือนมีอาการไม่พอใจขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
“เมิงนี่มัน...”
“ทำไม? มีอะไรไม่พอใจ หรือว่าเมิงอิจฉากูที่กูกล้ายอมรับใน.......”
“พอเลย หุบปากไป เมิงจะทำไรก็เรื่องของเมิงละกัน กูไม่อยากยุ่งด้วยละ แต่ถ้าแม่รู้แล้วเป็นเรื่องขึ้นมา บอกเลยว่ากูไม่ได้เป็นคนฟ้อง และกูจะไม่รับไม่รู้ไม่เห็นอะไรด้วยทั้งนั้น”
บรรยากาศรอบข้างเริ่มดูมาคุขึ้นทุกทีๆ จนผมเองก็เริ่มจะสำลักบรรยากาศนั้นแล้ว
“เอ่อ พอเถอะ อย่ามีเรื่องกันเลยนะ พี่น้องกันๆ รักกันไว้”
นั่น อยู่ดีไม่ว่าดี เผือกเรื่องชาวบ้านเขาซะงั้น แว๊กกกกกกกกก
บาสหันมามองหน้าผม แต่ไม่พูดอะไร ก่อนที่จะหันไปยิ้มกวนใส่แบงค์
แล้วหันกลับมาทำเสียงหัวเราะขึ้นจมูกเบาๆ ใส่ผมทีนึง ก่อนที่จะเดินจากไป
“ไอนี่มัน.....น่านัก”
แบงค์ทำเสียงไม่พอใจ ส่วนสีหน้าตอนนี้นั้นไม่ต้องบอกก็คงรู้ = =
“เอาน่ะๆ ใจเย็นๆ เครียดง่าย เดี๋ยวแก่เร็วนะ ไปเหอะ เราไปหาไรกินดีกว่า นันท์หิวละเนี่ย”
ผมพยายามหาเรื่องชวนคุยเพื่อคลายบรรยากาศ(แต่ไม่วายที่จะไม่พ้นเรื่องกิน = =)
แบงค์หันมามองผม
ดูเหมือนเจ้าตัวจะรู้สึกผิดเหมือนกันที่ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ เลยได้แต่ยิ้มแหยๆ ให้ผม
โรงอาหาร
หลังจากที่ผมกับแบงค์ซื้ออาหารและจับจองที่นั่งได้เสร็จ ก็ไม่รอช้าที่จะบรรเลงลงมือกินเลยทันที (5555+ ชีวิตนี้เรื่องกินเรื่องใหญ่ - -*)
“เป็นอะไรไป แบงค์ ยังเครียดเรื่องบาสอยู่เหรอ”
ผมถามแบงค์ที่ดูนิ่งเงียบไป แบงค์ดูสะดุ้งนิดหน่อย ก่อนที่จะเงยหน้ามองผม
“ก็ ป่ะ ป่าวๆ ก็...ไม่เชิงอ่ะ”
แบงค์ตอบตะกุกตะกัก โกหกชัวร์ เอาอีกละ นิสัยคิดมาก เครียดไปเสียทุกเรื่องเนี่ย
แต่ผมกลับไม่สามารถช่วยอะไรได้มากไปกว่านี้เลย เฮ้อออออออออ
“เอาน่ะ แบงค์ เดี๋ยวอะไรๆ มันก็ดีขึ้นเองล่ะ ใช้สมองตอนเครียดน่ะ มันไม่ได้ทำให้เราได้คำตอบที่ดีหรอก
มีแต่จะยิ่งทำให้เครียดมากขึ้นกว่าเดิมนะ”
ผมเอื้อมมือของผมไปบางลงบนมือของแบงค์ ก่อนที่จะยิ้มให้กำลังใจแบงค์เหมือนทุกที
สิ่งที่ผมพอจะทำให้ให้เพื่อนที่ผมรักคนนี้ได้ ก็คงมีเพียงประมาณนี้นี่ล่ะ
“ขอบใจนะ”
แบงค์ยิ้มตอบให้ผม
“นันท์”
“หือ”
“นันท์รู้ป่ะ ว่าหลายครั้งเวลาที่แบงค์เครียด และถึงแม้จะยังหาทางออกไม่ได้
แต่แค่กำลังใจกับรอยยิ้มเล็กๆ น้อยๆ ของนันท์ มันก็มากพอที่จะทำให้แบงค์รู้สึกดีมากขึ้นเลยล่ะ”
แบงค์พูดพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูสดชื่นขึ้นมามากกว่าเมื่อกี้
ตึ่กๆ ตึ่กๆ
เอาล่ะสิ ทำปากดี กะจะให้ตัวเองดูเป็นผู้ใหญ่ ไหงไปๆ มาๆ ผมดันเขินหน้าแดงเสียเองเนี่ย อ๊ากกกกกกกก
“ยินดีเสมอ”
ผมได้แต่บอกออกไปแบบนั้น ก่อนที่จะก้มหน้าก้มตาจัดการกับอาหารตรงหน้า
ให้ตายสิ คนบ้าอะไร มีเสน่ห์ชะมัด แค่ยิ้มนิดๆ หน่อยๆ ก็ทำเอาผมใจเต้นไม่เป็นจังหวะซะแล้ว
หวังว่าแบงค์คงไม่สังเกตเห็นอาการนี้ของผมนะ =,,,=
“เอ้อ จะว่าไป พอพูดถึงวันเกิด วันอาทิตย์ที่จะถึงนี้เป็นวันเกิดของมายด์นี่นา”
ผมพูดขึ้นมา หลังจากที่เอะใจได้ เกือบลืมไปเลยนะเนี่ย แย่แล้วๆ
“เหรอ แล้วนันท์จะซื้ออะไรให้มายด์ดีล่ะ”
“ยังไม่รู้เลย”
“แบงค์เองก็ไม่รู้ด้วยสิ ว่ามายด์เขาชอบของประมาณไหน เพราะแบงค์เองก็เพิ่งจะมาคุ้นเคยกับมายด์ก็ช่วงหลังๆ นี้เอง”
แบงค์พูดขึ้นมา ก่อนจะหันมามองผม
“ก็ผู้หญิงทั่วๆ ไปนะ ชอบของน่ารักๆ ตามสไตล์ผู้หญิงน่ะล่ะ อ๊ะนึกออกละ เห็นช่วงนี้บ่นๆ ว่ากระเป๋าสะพายหลังใบที่ใช้อยู่ใกล้จะพังละ”
“งั้นวันเสาร์ เราไปเดินดูกันมั้ย”
แบงค์ชวนผม ก่อนที่จะตักหมูทอดของตัวเองแบ่งมาให้ผม
“ก็โอเคนะ ไหนๆ ก็ไม่มีใครอยู่บ้านอยู่แล้วนี่ อยู่บ้านคนเดียว เบื่อ เหงาด้วย =3=”
ผมตอบออกไปพร้อมกับเอาส้อมจิ้มหมูทอดใส่ปาก
“ว่าแต่แบงค์เหอะ อยู่บ้านคนเดียวตลอด ไม่เบื่อบ้างเหรอ”
ผมถามกลับไป ก่อนที่จะเอาส้อมไปจิ้มหมูทอดในจานของแบงค์มาอีกชิ้น ในขณะที่เจ้าตัวมองหน้าผมแบบเหวอนิดๆ
“ก็มีบ้างอ่ะล่ะ แต่มันก็ชินไปละ พ่อกับแม่ก็ไม่ได้อยู่ด้วยมาตั้งนานละ”
“แบงค์ก็เลยดูเป็นผู้ใหญ่ไง เพราะต้องดูแลตัวเอง ไม่พอยังต้องดูแล...........ช่างมันเหอะ”
ผมพูดตัดจบไป เพราะไม่อยากจะไปเอ่ยถึงชื่อไอเจ้าบ้านั่น ดูท่าว่าแบงค์ก็คงจะรู้ทัน ก็เลยเผลอปล่อยหัวเราะออกมาเบาๆ
ก่อนที่จะเอามือยกขึ้นมาท้าวคางไว้
“อืม.....นันท์ งั้นเอางี้มั้ย ไหนๆ ทั้งนันท์และแบงค์ก็อยู่บ้านคนเดียว...............”
แบงค์นิ่งเงียบไปครู่นึง
“งั้นคืนนี้มานอนบ้านแบงค์มั้ย ตอนเย็นแบงค์จะทำอาหารให้กิน”
แบงค์พูดชวนเชิญผม พร้อมกับยิ้มให้ผม ในขณะที่ผมกำลังอึ้งกับคำชวนนั้น
และไม่รู้ว่าผมคิดไปเองรึป่าว
ทำไมรู้สึกว่าคราวนี้ รอยยิ้มนั้นมันแปลกไปจากทุกทีนะ
“หือ? จะดีเหรอ เขาจะไม่ว่าเอาเหรอ”
“ไอบาสน่ะเหรอ ช่างหัวมันสิ ต้องแคร์ด้วยเหรอ”
แบงค์ยังคงพูดจาเชิญชวนผมต่อไปด้วยรอยยิ้ม
มันก็ดูเป็นรอยยิ้มปกตินะ แต่เหมือนมันมีอะไรแตกต่างไปจากทุกที ไม่รู้สิ แต่ให้ตายเหอะ ผมแพ้รอยยิ้มนั้นจริงๆ ด้วย
“อ่าๆ ก็ได้ๆ จะว่าไป ไม่ได้ไปห้องแบงค์นานมากแล้วนะ ตั้งแต่ เ........เอ่อ”
ผมชะงักไปครู่นึง
“เอ่อ.....ขึ้น ม.ปลายมาเนี่ย แห่ะๆ”
ผมตอบออกไปอย่างนั้นพร้อมกับสังเกตสีหน้าท่าทางของแบงค์
“นั่นสิเนอะ ไม่ได้มาห้องแบงค์นานมากแล้วนี่ งั้นเป็นอันว่าตกลงละกันนะ นั่งรอนี่นะ เดี๋ยวมา”
แบงค์ยิ้มให้กับผมอีกรอบ ก่อนจะลุกขึ้นพร้อมกับเก็บจานของตัวเองและของผมไปเก็บให้
เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ ไอนันท์บ้า บ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เกือบจะไปพูดถึงเรื่องที่ไม่สมควรจะพูดไปเสียแล้ว
ผ่านมานานขนาดนี้แล้ว แบงค์จะเป็นยังไงมั่งนะ จะลืมเรื่องราววันนั้นได้หรือยัง
แต่ถึงเรื่องมันจะนานมาแล้ว แต่คิดว่าแบงค์คงจะยังลืมเธอไม่ได้หรอก
เพราะขนาดเราเอง ก็ยังคิดถึงเธอเหมือนกัน
เมย์
เพื่อนที่ดีที่สุดของผมคนนึง
แต่เพราะเหตุการณ์วันนั้น...........
และนั่นคือ 1 ในเหตุผลที่ทำให้ผมไม่กล้าที่จะก้าวไปมากกว่านี้ เพราะกลัว และรู้สึกผิดต่อเธอ
“ป่ะ ไปห้องสมุดกันเหอะ”
แบงค์เดินเข้ามาวางมือลงบนบ่าของผมเบาๆ
ผมจึงลุกขึ้นและเดินตามแบงค์ไปยังห้องสมุดเหมือนกับทุกวันโดยยังเหลือความรู้สึกผิดไว้เล็กๆ
.........................
หลังหมดชั่วโมงพักกลางวัน พวกผมก็กลับเข้าห้องเรียนตามปกติ แต่ละคนก็พูดคุยกันเรื่อยไปเพราะอาจารย์ประจำวิชายังไม่มา
ในขณะที่ผมกำลังหยิบหนังสือเรียนออกมาจากกระเป๋า ผมก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างในกระเป๋าที่ไม่คุ้นตา
หือ? อะไรน่ะ ขนม ? ไม่สิ ต้องเรียกว่าลูกอมถึงจะถูกกว่า
แล้วมันมาอยู่ในกระเป๋าผมได้ไงเนี่ย ?
ใครเอามาใส่ผิดหรือป่าว
ผมหันมองซ้ายมองขวา ก็ไม่เป็นว่าจะมีอะไรผิดปกติ
งั้นก็เก็บไว้ละกัน ของฟรี ใครๆ ก็ชอบ ฮะฮ่าฮ่าฮ่า (ไอขี้งก)
ไม่นานนัก อ. ประจำวิชาก็เข้ามา พวกเราทั้งหมดจึงกลับมาอยู่ในความสงบอีกครั้ง
หัวหน้าห้องจึงสั่งทำความเคารพ
“เอาล่ะ สำหรับคาบนี้ ครูจะสอนในหัวข้อเรื่อง.......”
ในขณะที่ผมกำลังฟังอาจารย์ที่กำลังสอนอยู่นั้นเอง โทรศัพท์ของผมก็สั่นเพราะมีข้อความเข้า
(ดีนะที่ปิดเสียงไว้ = =) เบอร์ไม่ได้บันทึกไว้แฮะ แถมไม่คุ้นด้วย ใครหว่า
ผมแอบเปิดอ่านข้อความนั้นทันที
--เป็นยังไงมั่งครับ สบายดีมั้ย--
???????????????????????????????????????????????
อ่ะ อะไรอีกละคราวนี้
ผมพยายามนั่งนึกว่าเบอร์ที่ส่งมาเป็นของใคร แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก เพราะไม่คุ้นจริงๆ
แถมไม่มีประวัติเบอร์นี้ ว่าเคยโทรเข้ามาก่อนเลยด้วย
สงสัยจะส่งมาผิดแน่เลย ลบดีกว่า
“เอาล่ะ ทีนี้ ครูจะให้ทุกคนเขียนบทความมาส่งครูในหัวข้อตามที่บอกไปนะ กำหนดส่งเป็นอาทิตย์หน้าละกัน
เอาล่ะ แยกย้ายไปห้องสมุดได้”
เดี๋ยวๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เดี๋ยวก่อนอาจารย์!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ตะกี้พูดไรไปมั่งอ่ะ ผมยังไม่ทันได้ฟังเลยยยยยยยยยยยย
..........................
หลังเลิกเรียน
หลังจากที่ผมกับแบงค์ลงจากรถเมล์ เราทั้งสองก็แวะที่ซุปเปอร์มาเก็ตกัน เพื่อซื้อของกินกันนิดหน่อย
วันนี้แบงค์เขาขอแสดงฝีมือพ่อครัวน่ะครับ
ด้วยความที่เขาต้องดูแลอะไรหลายๆ อย่าง รวมถึงเรื่องอาหารการกิน เลยทำให้แบงค์เขามีฝีมือพอสมควร
ต่างจากผมที่.............ช่างมันเห๊อะ ยิ่งพูดยิ่งรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ;w;
หลังจากที่ซื้อของเสร็จ ผมก็ขอตัวกลับมาที่บ้านเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน แล้วจึงไปหาแบงค์ที่บ้าน
เมื่อผมเดินเข้าไปในบ้าน ก็พบว่าแบงค์กำลังขะมักขะเม่นกับการเตรียมตัวทำอาหารอยู่ในห้องครัวทั้งๆ ชุดนักเรียน
“ไม่ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเหรอ เดี๋ยวชุดก็เปื้อนหรอก”
ผมพูดออกไป แบงค์จึงทำท่าครุ่นคิดครู่นึง
“อ่า ก็จริงแฮะ งั้นนันท์ช่วยล้างผักพวกนี้ให้ทีนะ เดี๋ยวแบงค์ไปอาบน้ำแปบนึง”
แบงค์บอกผม พร้อมกับชี้ไปยังผักที่อยู่ในตะกร้า ผมพยักหน้าตอบรับ ก่อนที่แบงค์จะเดินขึ้นไปบนชั้นสอง
“อย่าแอบดูแบงค์อาบน้ำนะ”
“จะบ้าเหรอ พูดอะไรเนี่ย”
แบงค์ตะโกนลงมาแซวผม ซึ่งมันก็ทำเอาผมถึงกับไปไม่ถูกอยู่เหมือนกัน
จะว่าไปช่วงนี้ แบงค์ดูจะขี้เล่นขึ้นมากกว่าเมื่อก่อนแฮะ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ยังดูเครียดๆ อยู่เลยแท้ๆ
แต่ก็ดีแล้วล่ะ ^^
-แค่กำลังใจกับรอยยิ้มเล็กๆ น้อยๆ ของนันท์ มันก็มากพอที่จะทำให้แบงค์รู้สึกดีมากขึ้นเลยล่ะ-
อยู่ๆ คำพูดของแบงค์เมื่อตอนพักกลางวันก็ผุดขึ้นมาในหัวของผม
และยิ่งด้วยรอยยิ้มนั้น
นี่ผมกำลังคิดเข้าข้างตัวเองมากไปรึป่าวนะ ว่าแบงค์เองก็กำลังคิดกับผมแบบ.........................
เพ้อเจ้อละๆ ไอนันท์ ชอบคิดเข้าข้างตัวเองอยู่เรื่อยเลยนะ - -*
แต่มันก็อดคิดไม่ได้จริงๆ นี่นา จากเหตุการณ์หลายๆ อย่าง มันก็ชวนให้คิดได้แบบนั้นจริงๆ
ใจผมเองมันก็อยากรู้เหมือนกัน แต่ก็ไม่กล้าที่จะถาม หรือบอกออกไป
เพราะกลัวว่าหากมันไม่เป็นแบบที่ผมคิด หรือต้องการ
หากมันเป็นเพียงแค่ผมคนเดียวที่คิดไปเองล่ะก็.................
พอๆ หยุดเลย เลอะเทอะใหญ่ละ ไอนันท์ วู้วววววววววววว
ช่างจินตนาการเพ้อฝันเสียเหลือเกิน
แต่อยู่ๆ น้ำตาของผมก็ร่วงลงมา
บ้าจริง จะร้องออกมาทำไม
“แบงค์อาบน้ำเสร็จละ นันท์ล่ะ เป็นไงถึงไหนละ อ้าวเฮ้ย เป็นอะไร ร้องไห้ทำไมเนี่ย”
แบงค์ทักผมด้วยน้ำเสียงตกใจ เช่นเดียวกับผมที่สะดุ้งเพราะไม่คิดว่าแบงค์มาเห็น
"ก็........."
ผมมองหน้าแบงค์ ในขณะที่น้ำตาของผมยังคงไหลไม่ยอมหยุด
“ก็หัวหอมนี่อ่า ทำไมมันแสบแบบนี้อ๊ะ”
ผมบอกแบงค์ พร้อมกับชี้ไปยังหัวหอมใหญ่ที่ผมกำลังปอกเปลือกมันออก
แบงค์อึ้งเงียบไปครู่นึง
".............................."
คือครับ ตามนั้นเลย ผมร้องไห้เพราะหัวหอมนี่จริงๆ ไม่ได้มีแอบดราม่า หรืออะไรทั้งนั้น = =
(อายตัวเองเหลือเกินนนนนนนนนน)
“ละใครใช้ให้ปอกล่ะ หัวหอมเนี่ย ดูสิเนี่ย ปอกไม่เป็นก็เลยเป็นแบบนี้ไง ฮ่าฮ่าฮ่า”
แบงค์พูดหัวเราะผม พร้อมกับเอาทิชชู่มาเช็ดน้ำตาให้กับผม
“ก็คนมันไม่เคยทำนี่ ยังจะมาหัวเราะอีก”
“ไปๆ ไปนั่งเฉยๆ เลยไป เดี๋ยวที่เหลือแบงค์จัดการ เด็กบ๊องเอ้ย”
แบงค์ยีหัวผมเบาๆ เหมือนเช่นทุกทีที่ผ่านมา
ผมนี่ก็คงจะบ๊องอย่างที่แบงค์ว่าจริงๆ น่ะล่ะ =3=*
“ยัง ยังไม่ไปนั่งรออีก”
แบงค์หันมาเอ็ดใส่ผมนิดหน่อย ในขณะที่ผมยังทำตาละห้อยเล็กน้อย (เพื่อ ?????)
ก่อนที่จะเดินออกไปจากห้องครัว ผมหันกลับไปมองแผ่นหลังของแบงค์
ผมยิ้มเล็กน้อยให้กับแผ่นหลังนั้น ก่อนที่จะเดินออกไปจากห้องครัวไปยังห้องนั่งเล่น
จริงอยู่ผมอาจจะยังหวาดกลัวกับคำตอบนั้น
แต่ผมก็ต้องสู้กับมันให้ได้
ไว้สักวันนะ รอให้ผมมีความกล้ามากกว่านี้อีกนิด แล้วผมจะบอกออกไปให้ได้เลย
ผมบอกกับตัวเองเช่นนั้น
ใช่ สักวัน
“ขออร่อยๆ เลยนะแบงค์”
ผมตะโกนกลับเข้ายังห้องครัว
“เชื่อฝีมือเถอะ”
แบงค์ตอบกลับมา
อย่างน้อย วันข้างหน้าจะเป็นยังไงก็ยังไม่อาจทราบได้
แต่ผมก็จะพยายาม อย่างน้อย ก็ขอมีความกล้ามากกว่าอีกนิดละกัน
รอก่อนนะแบงค์
“เดี๋ยวแบงค์จะทำสุดฝีมือเลย กินให้เต็มที่นะ เพราะคืนนี้แบงค์ จะทำให้นันท์ไม่ได้หลับแน่ๆ ฮ่าฮ่าฮ่า”
หือ ??????????????????????????
พูดแบบนั้นหมายความว่าไงน่ะ ?????????????
จบคาบเรียนที่ 10
ก่อนอื่น ต้องขออภัยด้วยนะครับ ที่มาช้าไปมากกกกกกกกกกก
พอดีอาทิตย์ที่แล้วผมไปพักร้อนมาน่ะครับ กับเพื่อนที่ทำงาน
ไปติดเกาะกันมา ไม่ได้แตะอินเตอร์เน็ตเลย 555+
เลยทำให้ไม่สามารถอัพตอนใหม่ได้ ต้องขออภัยด้วยครับ
แถมกลับมาจากเกาะนี่ ตัวดำขึ้นเยอะ 
เข้าเรื่อง คาบเรียนที่ 10 ครับ
คราวนี้ นันท์ของเราแอบคิดมากเล็กน้อย
แต่ยังไม่ทิ้งความเปิ่นอยู่ดี 555+
สงสัยจะต้องมีตัวช่วยซะแล้วล่ะมั้ง แต่จะยังไงดีล่ะ
ส่วนคาบเรียนต่อไป จะรีบนำมาเสิร์ฟให้ไวที่สุดครับ

So we take it and each moment our love grows
ตลอดเวลาที่เราใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ความรักของเราก็ค่อยๆมากล้นขึ้นเรื่อยๆ
Angel By Leona Lewis