วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 23 หนี (24-04-14)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: วัยรุ่น วุ่นหัวใจ เทอมที่ 1 คาบเรียนที่ 23 หนี (24-04-14)  (อ่าน 30325 ครั้ง)

จิ๊บคุง

  • บุคคลทั่วไป
สวัสดีปีใหม่ครับทุกท่าน  :L1:

ก่อนอื่นก็ขออวยพรให้ผู้อ่านทุกท่านมีความสุข และสมหวังตลอดปีและตลอดไปนะครับ  :กอด1:


คาบเรียนที่ 21 ครับ
เอาตรงๆ ตอนนี้ยอมรับว่าอาจจะไม่ค่อยมีอะไรมากมายนัก
จะมีก็ตรงที่นันท์ได้รับรู้ถึงความกลัดกลุ้มของแบงค์ที่ผ่านมาเสียมาก แล้วก็มีป้อโผล่มากวนประสาทนิดๆ หน่อยๆ
คือผมปูทางไปยังคาบเรียนที่ 22 มากกว่าน่ะ แห่ะๆ
(อันที่จริงจะใส่เหตุการณ์ที่นันท์ไปถามบาสด้วย แต่กลัวจะยืดเยื้อไปหน่อย น้องแอลก้เลยอดได้ออกโรงไปซะงั้น)

กว่าจะลากเข้ามาในจุดที่ต้องการได้นี่เหนื่อยเหมือนกันนะ 555+

เชื่อว่าอ่านแล้ว หลายคนคงนึกเกลียดป้อขึ้นมาทันทีเลยล่ะมั้ง หลังจากที่อุตส่าห์ชอบมาจากตอนก่อนๆ
ยังจำได้มั้ยครับที่ผมเคยบอกว่า "ป้อในเวอร์ชั่นแรกๆ ไม่ใช่แบบนี้นี่"

นั่นล่ะครับ 5555+

เอ ว่าแต่คนไหนคือป้อตัวจริงกันแน่หว่า ????
ไม่บอกหรอก ผู้ชายคนนี้ยังมีอะไรให้เขียนอีกเยอะ อิอิ

เป็น 1 ในตัวละครที่ผมชอบคนนึงนะ มันดูน่าค้นหาดี
ชอบพอๆ กับพลเลยล่ะ

ถ้าพลคือตัวละครที่เขียนง่ายสุด
ป้อก็คือตัวละครที่เขียนยากที่สุดเหมือนกันนั่นละครับ  o22 o22

วันนี้คงไม่มีอะไรมากหรอกครับ
พอดีเพิ่งได้หยุดหลังจากที่โหมงานหนักมาตลอด 555555555555+
(แต่วันส่งท้ายปีเก่าคืนที่ 31 ได้ปล่อยโคมลอยกับน้องกระดิ่งด้วยล่ะ กรี๊ดๆๆๆๆๆๆ  :mc4: :mc4:)

แต่มีความรู้สึกเหมือนไม่ได้หยุดเลย
เพราะต้องทำความสะอาดห้อง จัดการ์ตูนเข้าชั้น ซักผ้า เคลียร์บัญชีค่าใช้จ่าย สังสรรค์กับเพื่อนฝูง (???)

รู้ตัวอีกที วันหยุดก็ผ่านไป 2 วันแล้ว
เหลืออีกแค่วันเดียวก็ต้องไปทำงานต่อละ  o22 o22 o22

วันนี้ไปก่อนละครับ บะบายครับ  :bye2: :pig4:

ออฟไลน์ Lily teddy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-2
โอ๊ะ ชื่อเมย์ ออกมาอีกแล้ว แล้วแบงค์ไปทำอะไรถึงเชียงใหม่นะ แสดงว่าเมย์อยู่ที่เชียงใหม่เหรอ
หรือแบงค์จะไปหาเมย์จริง ๆ น่าสงสารนันท์จัง ยังดีที่มีมายด์กะพลคอยให้กำลังใจ แต่งงอะ ทำไมบาสถึงไม่ชอบนันท์ล่ะ
ดูแล้วบาสกะนันท์ก็ไม่น่าจะเคยมีเรื่องอะไรกันน๊า หรือนันท์เคยทำอะไรให้บาสไม่พอใจแบบไม่รู้ตัวรึเปล่า นี่ก็อีกหนึ่งปริศนาสินะ
ไม่งั้นก็คงแค่นิสัยติดพี่จริง ๆ อย่างที่พลว่าละมั่ง ส่วนป้อนี่ก็นะ พอเปิดเผยแล้วก็ดูจะไม่ค่อยแคร์อะไรเลย แถมยังดูจงใจก่อกวนอีก
เพื่ออะไรล่ะ ตกลงป้อชอบนันท์จริง ๆ เหรอ ทำไมรู้สึกเหมือนนันท์กะแบงค์กำลังโดนป้อแก้แค้นอะไรซะอย่างมากกว่า 
เพราะถ้าชอบจริงป้อไม่คิดบ้างเหรอว่าทำแบบนี้นันท์จะหันมาชอบป้อได้ยังไง หรือมันมีเบื้องหลังที่เป็นปริศนาอีกรึเปล่า
ไม่งั้นทำไมป้อถึงบอกว่าตัวเองเจออะไรมาเยอะล่ะ  ยังไงตอนนี้แบงค์ก็ยอมติดต่อนันท์ละ
ก็ขอให้แบงค์ใจเย็น และยอมรับฟังเหตุผลของนันท์ซะทีนะ จะได้ดีกันไว ๆ 
ให้ป้อเห็นว่าแบงค์กะนันท์มั่นคงมากกว่าที่ป้อคิดละกัน  ส่วนเมย์จะเริ่มมีบทบาทอะไรรึยัง รอติดตามและเป็นกำลังใจให้ผู้เขียนต่อไปจ้า
 :pig4: :L2:
นั่นสินะคะพอเป็นวันหยุดมันช่างผ่านไปเร็วจัง  ขนาดคนอ่านได้หยุดช่วงปีใหม่ตั้ง 6 วัน ยังเหมือนไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย
แค่ซักผ้า รีดผ้า จัดห้องตัวเองนิดหน่อย กิน ๆ นอน ๆ ก็หมดซะแล้ว เพราะปีใหม่ไม่ได้ไปไหน (คนปล่อยโคมด้วยก็ไม่มี อิอิ )
นั่งสวดมนต์ข้ามคืนแบบงง ๆ ที่บ้านคนเดียว อยากไปสวดที่วัดถึงไม่ไกลมากแต่ก็ไม่มีรถ จะปั่นจักรยานไปกลับก็อันตรายอีก
น้องสาวกะพ่อก็ไม่ไปด้วย เซ็งเลยค่ะ  อิอิ บรรยายซะยาว ยังไงก็รอติดตามคาบเรียนต่อไปอยู่นะคะ อยากให้แบงค์กะนันท์ดีกันเร็ว ๆ ค่ะ
เพราะถ้าพระเอกนายเอกโกรธกันนาน ๆ เวลาอ่านจะเครียดเหมือนเป็นชีวิตตัวเองเลยค่ะ 555   :กอด1:

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
สวัสดีปีใหม่ค่ึะ ขอมห้มีความสุขนะคะ

เรื่องราวชักจะเริ่มเข้มข้นแล้วซิ
ป้อตั้งใจทำมห้แบงค์เข้าใจผิดก็พอเข้าใจ
แต่แบงค์เข้าใจผิด แล้วต้องหนีนันท์ไปที่เมย์เหรอ
อะไรจะประจวบเหมาะกันขนาดนั้น รอต่อไปนะคะ

poynakub

  • บุคคลทั่วไป
 :z3: :z3: :z3: :z3: เมื่อไรจะมาอ่า อยากอ่านแล้วอ่ะ  :mew2: :mew2:

จิ๊บคุง

  • บุคคลทั่วไป
คาบเรียนที่ 22

“แล้วแบงค์เขาว่ายังไงล่ะนันท์”
เสียงใสๆ ของมายด์เอ่ยถามผ่านทางโทรศัพท์ด้วยความสนใจใคร่รู้
“ก็ไม่ได้คุยอะไรกันมากน่ะ พอดีเสียงมันดังมากด้วย”
ผมตอบกลับไปพร้อมกับวางกระเป๋านักเรียนลงบนเก้าอี้ ก่อนจะทิ้งตัวลงบนเตียงนอน

“ตอนนี้ก็รู้แค่ว่าอยู่เชียงใหม่ อีกสองสามวันจะกลับมาน่ะ”
“เชียงใหม่!!!!!”
เสียงตกใจของมายด์ดังลอดผ่านเข้ามาจนหูผมแทบแตก
“อย่าบอกนะว่า ไปหา..........”
“อืม ใช่ ตามนั้นล่ะ คิดว่านะ”
ผมตอบกลับไปเป็นเชิงว่ารู้กันกับมายด์

ใช่ครับ ผมคิดว่าที่แบงค์ขึ้นไปเชียงใหม่ ส่วนนึงก็ด้วยเรื่องเมย์
เมย์หญิงสาวหน้าตาน่ารักที่ครั้งนึงเคยอยู่ในหมู่บ้านนี้ และอยู่โรงเรียนเดียวกับพวกผม
ก่อนที่จะย้ายไปเชียงใหม่ด้วยเรื่องครอบครัว
.
และจะเรียกว่าน่าจะเป็นรักแรกของแบงค์ด้วยก็คงจะไม่ผิด
ถึงแม้มันจะเป็นแค่รักข้างเดียว ของแบงค์ก็ตามที

“...................”
“.................................”

เกิดความเงียบงันไปทั่วห้อง ไม่มีเสียงพูดจาใดๆ ขึ้นมาทั้งจากฝั่งผมและปลายสาย
จนผมต้องพูดตัดบทขึ้นมา
“เอาเถอะ ถ้าอะไรมันจะเกิดก็ต้องเกิด ถ้ามันจะจบและพังลงไป นันท์ก็คงทำอะไรไม่ได้หรอก
ถือเสียว่าเป็นสิ่งที่นันท์ต้องรับผิดชอบให้กับความผิดนั้นเอง”
ผมพูดไปพร้อมกับถอนหายใจ
“เอ้ยยยย ไม่เอาน่ะนันท์ อย่าเพิ่งมองในแง่ร้ายไปแบบนั้นสิ เดี๋ยวจะทุกข์เอาเปล่าๆ นะ
มันอาจจะไม่เป็นแบบที่คิดไว้ก็ได้นะ”
มายด์พยายามจะปลอบใจผมเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา
ผมตอบรับให้กับคำปลอบใจนั้นเหมือนทุกครั้งเช่นกัน

“งั้นเดี๋ยวแค่นี้ก่อนนะ แม่เรียกไปกินข้าวละ ยังไงก็อย่าเพิ่งคิดมากไปก่อนล่ะ เจอกันพรุ่งนี้นะ”
“อื้อ ขอบใจมากนะ”
ตื๊ด!!!!
หลังจากที่ผมวางสายไป ผมก็ยังนอนกลิ้งเกลือกไปมาบนเตียงอีกครู่ก่อนจะลุกขึ้นไปอาบน้ำ

ผมยังคงจำประโยคสุดท้ายที่แบงค์พูดกับผมก่อนจะวางสายไปได้เป็นอย่างดี
“ไว้กลับไป แบงค์มีอะไรจะคุยด้วย แค่นี้ก่อนนะ”
และแน่นอนว่าประโยคนี้มันยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของผมไปมาไม่รู้จบ
แบงค์ไปทำอะไรที่เชียงใหม่กันนะ ไปหาเมย์จริงหรือเปล่า
ถ้าจริง แล้วมันเกิดอะไรขึ้นมั่งในช่วงเวลาที่ผ่านมา


หลากหลายคำถามความคิดประดังเข้ามาในหัวผม
หยุด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ผมพยายามหยุดความคิดในแง่ลบทั้งหลายเอาไว้ อย่างที่มายด์บอกน่ะล่ะ
อย่าเพิ่งไปคิดในแง่ลบแง่ร้ายให้มากนัก มันอาจจะไม่ได้เลวร้ายอะไรอย่างที่เราคิดไว้ก็เป็นไปได้

แต่เอาเถอะ อย่างน้อยก็เผื่อใจไว้บ้างก็คงจะดี หากเรื่องร้ายๆ มันจะเกิดขึ้นจริง
เราจะได้รับมือกับมันได้ทัน ไม่ต้องฟูมฟาย
เฮ้อออออ ไม่น่าเลย เรื่องไม่เป็นเรื่องแท้ๆ

และคืนนี้ก็คงจะเป็นอีกคืนที่ผมต้องหลับไปเพียงลำพังโดยไร้ถ้อยคำ “หลับฝันดีนะ” จากแบงค์

เหงาเหมือนกันแฮะ

...................................

“เอาล่ะ เที่ยงละ แยกย้ายไปกินข้าวกันได้ละ แล้วอย่าลืมทำงานที่สั่งไปด้วยล่ะ”
หลังจากที่อาจารย์พูดทิ้งท้ายเสร็จ หัวหน้าห้องบอกทำความเคารพ พวกเราก็รีบลุกขึ้นจากโต๊ะกันทันที
ก็เป็นภาพที่เห็นได้ทุกวัน ไม่มีอะไรแตกต่างจากทุกวัน

ผมเก็บหนังสือเรียนเข้าใส่กระเป๋านักเรียน ก่อนจะลุกขึ้นลงไปยังโรงอาหารพร้อมกับมายด์
“เป็นไงมั่ง แบงค์ติดต่อกลับมาอีกมั่งมั้ย”
มายด์เอ่ยถามผม เมื่อมองเห็นว่าผมหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาดูเป็นระยะๆ
ผมส่ายหัวเป็นคำตอบกลับไป
“เอาน่ะ อีกไม่กี่วันก็ได้เจอกันแล้ว อาจจะมีอะไรดีๆ เกิดขึ้นก็เป็นไปได้นะ”
มายด์ยังคงให้กำลังใจผม ผมยิ้มรับกลับไป
มายด์หันมองซ้ายมองขวา จนผมสงสัย จึงเอ่ยถามไป
“มองหาป้อนั่นน่ะ หวังว่าวันนี้คงไม่โผล่หัวออกมานะ”
“คงยาก เรียนโรงเรียนเดียวกัน แถมโรงเรียนก็มีอยู่แค่นี้ ยังไงก็คงมาน่ะล่ะ”
ผมถอนหายใจ

“ตานี่ก็เพี้ยนจริงๆ แฮะ ไม่เข้าใจความคิดเขาเลยว่าคิดอะไรอยู่ในหัว
คิดเหรอไงว่าทำวิธีนี้แล้วจะทำมันจะได้ผล จะทำให้นันท์ชอบป้อเขาได้น่ะ
จริงอยู่ว่าอาจจะทำให้นันท์กับแบงค์ทะเลาะ......”
มายด์รีบหยุดคำพูดทันทีเมื่อรู้ว่ากำลังจะพูดอะไรออกมา เพราะกลัวว่ามันจะทำให้ผมรู้สึกไม่ดี

“พี่นันท์ พี่มายด์ฮะ นั่งด้วยได้มั้ยฮะ”
เสียงของแอลถามผมในขณะที่มือก็ถือชามก๋วยเตี๋ยวเดินเข้ามา
ผมและมายด์ต่างพยักหน้ายิ้มเป็นคำตอบพร้อมกับขยับที่ให้แอลนั่ง
“แล้วบาสล่ะ ไปไหน ไม่มาด้วยเหรอ”
มายด์ถามพร้อมกับหันมองหาบาส
“อยู่ที่ชมรมวิทย์น่ะฮะ ยังลุยโปรเจคอะไรก็ไม่รู้ของพี่เขายังไม่เสร็จน่ะฮะ
นี่กะว่ากินเสร็จละจะซื้อขนมขึ้นไปให้พี่บาสเขาน่ะ”
“ละอารมณ์บาสล่ะ เป็นไงมั่ง เย็นลงมั่งรึยัง”
ผมถามด้วยความสงสัย แอลหันมามองผมเล็กน้อย ก่อนจะปะติดปะต่อเรื่องได้

“อ้อ เรื่องพี่แบงค์หายตัวไปน่ะเหรอฮะ ก็ยังมีบ่นๆ อยู่บ้างน่ะล่ะฮะ
ก็แหงล่ะ พี่แบงค์ไม่อยู่บ้าน ก็ไม่มีทำอะไรให้พี่บาสกินนี่ฮะ
เพราะงั้นช่วงนี้ผมเลยให้พี่บาสเขามาอยู่บ้านผมไปพลางๆ ก่อนน่ะฮะ ก็เลยดูจะสงบลงมาได้บ้าง”
ผมรู้สึกเหวอไปเล็กน้อยพอสมควรเมื่อได้ยินคำตอบเช่นนั้น
อย่าบอกนะว่าที่ผ่านมา ที่ผมเกือบจะโดนไอบาสมันต่อย
อันเนื่องมาจากผมเป็นสาเหตุทำให้ไม่มีใครทำกับข้าวให้บาสกิน

แค่เนี่ย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
“พี่ไม่ต้องไปคิดมากหรอกฮะ เรื่องท่าทีพี่บาสน่ะ”
แอลพยายามพูดหลังจากที่เห็นสีหน้าเหวอๆ ของผม
“พี่บาสเขาก็เป็นแบบนั้นน่ะล่ะฮะ แต่จริงๆ ก็ไม่มีอะไรหรอก”

จิ๊บคุง

  • บุคคลทั่วไป
ผมยังคงมึนๆ อยู่กับคำพูดนั้นของแอล

“อืม......ถ้าพี่แบงค์เป็นคนคิดมากมีอะไรก็เอาแต่เก็บเงียบไว้คนเดียว
พี่บาสก็คงเป็นด้านตรงข้ามกับพี่แบงค์น่ะล่ะ คิดอะไรก็พูดออกมาแบบนั้นเลย
โผงผางตรงไปตรงมา ต้องว่ากันด้วยเหตุและผล ถึงแม้บางทีตัวเขาจะไม่ค่อยมีเหตุและผลก็เหอะ 555+”
แอลพูดถึงบาสด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้มที่ดูมีความสุข

รอยยิ้มที่ผมดูแล้วก็ยังอิจฉา

“แล้วที่ผ่านมา แอลกับบาสเคยทะเลาะกันบ้างมั้ยอ่ะ”
ผมหันไปถามแอลอีกรอบ แอลเงยหน้าขึ้นมาพลางนึกไปด้วยครู่นึง ก่อนจะหันมามองผม
“ก็ถ้าเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ทั่วไปก็มีบ้างนะฮะ แหมพี่ ลิ้นกับฟัน มันก็ต้องมีกระทบกระทั่งกันบ้างอยู่แล้วนี่ฮะ เรื่องธรรมดา”

“แต่ถ้าเรื่องใหญ่โตถึงขั้นจะเลิกราอะไรแบบนั้น ไม่เคยมีฮะ”
แอลหันมามองผมก่อนที่จะยิ้มให้
“ทั้งหมดทั้งปวงมันก็แค่ว่าเราเปิดใจคุยกันหรือไม่ก็แค่นั้นน่ะฮะ ถ้าเปิดใจคุยกันเมื่อรู้ว่าเริ่มจะมีปัญหา
ทุกอย่างมันก็จบ แค่นั้นเองฮะ”

ทันทีที่แอลพูดจบประโยค ผมก็ยิ่งรู้สึกผิดขึ้นมาทันที
ที่ผ่านมา ผมเองก็เป็นฝ่ายที่ไม่เปิดใจคุยเช่นเดียวกัน ถึงแม้ว่าเป็นเรื่องที่มีต้นเหตุมาจากความไม่คาดคิดก็ตามที
แต่พอรู้ว่ามันอาจจะเกิดปัญหา ผมก็ยังกลับปิดบัง นิ่งเงียบอยู่
ครั้นพอคิดได้ในตอนนั้น มันก็สายไปแล้ว

“เอาน่ะ อย่าไปคิดมากฮะ พี่นันท์ พวกพี่ยังไม่ได้คบกันจริงๆ จังๆ เสียหน่อยนี่ฮะ
มันก็ต้องมีบ้าง บางเรื่องที่ยังไม่เข้าใจกัน ก็ค่อยๆ แก้ไขกันไป
แต่ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่พี่สองคนตกลงปลงใจกันแล้วล่ะก็........
ห้ามปิดบังซึ่งกันและกันเป็นอันเด็ดขาด”
แอลยิ้มให้กับผมอีกรอบหลังจากที่พูดจบ

“ข่ะ ขอบคุณแอลมากนะสำหรับคำชี้แนะและกำลังใจ”
“เรื่องเล็กน้อยฮะ ยังไงต่อไปเราก็จะเป็นครอบครัวเดียวกันละนี่ แห่ะๆ สู้ๆ นะฮะ พี่นันท์ เดี๋ยวแอลไปหาพี่บาสก่อนนะฮะ”
แอลกล่าวคำอำลาก่อนจะลุกจากไป โดยทิ้งให้ผมกับมายด์นั่งต่อ

“เอ่อ...น้องแอลนี่เด็ก ม. ต้น แน่เหรอเนี่ย ความคิดความอ่านยิ่งกว่าผู้ใหญ่อีกนะนั่น
มิน่าล่ะ บาสมันถึงได้รัก ได้หวงนัก”
มายด์หันมาถามผมด้วยใบหน้างงปนทึ่งพอสมควร
ส่วนผมในตอนนี้นั้นน่ะเหรอ รู้สึกอายเป็นอย่างมากที่โตจนป่านนี้แล้วยังต้องให้เด็กมาสอนอยู่

แต่มันก็จริงอย่างที่แอลพูดน่ะล่ะ ผมก็ไม่มีอะไรจะเถียงจะค้านได้เลยแม้แต่นิดเดียว
“แล้วเดี๋ยวนันท์จะไปไหนต่อมั้ย”
มายด์หันมาถามผม ผมเองก็ลังเลในคำตอบที่จะตอบออกไป เพราะใจนึงก็กลัวว่าหากไปห้องสมุดในเวลานี้จะต้องเจอกับป้อแน่ๆ
“งั้นเอางี้มั้ย ไปห้องซ้อมดนตรีกับมายด์มั้ย พอดีอาทิตย์นี้ชมรมเขามีกิจกรรมน่ะ แต่ยัยส้มมันมีธุระ
มันเลยให้มายด์ไปช่วยเป็นนักร้องนำแทนมันน่ะ นี่ก็ว่าจะไปซ้อมพอดี ไปด้วยกันมั้ย”
มายด์เอ่ยปากชวนผม ผมพยักหน้าตอบตกลงให้กับคำชวนนั้น
ก็ยังดีกว่าอยู่เฉยๆ ละกัน
“เอ้อ ใช่ แล้วถ้างั้น วันอาทิตย์ไปกับมายด์มั้ยล่ะ จะได้ไม่เบื่อ”
มายด์หันมาชวน ผมครุ่นคิดอยู่ครู่นึง ก็พยักหน้าตอบตกลงกับไปอีกที

...............................................

“หวัดดีค่ะ พี่เป้ พอดีพาเพื่อนมานั่งฟังด้วย ไม่ว่ากันนะคะ”
มายด์เอ่ยทักทายอย่างสุภาพกับพี่เป้ ที่ดูแล้วน่าจะเป็นหัวหน้าชมรม
พี่เป้เองเมื่อหันมามองพวกผม ก็ไม่ว่าอะไร แถมยังยิ้มให้อย่างเป็นมิตรอีกต่างหาก
ผมเดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ตรงมุมห้อง พร้อมกับหันมองไปรอบห้อง

“พี่คะ แล้วสรุปวันนั้น เราจะเล่นกันกี่เพลงคะ”
มายด์หันไปถามพี่เป้ ในขณะที่มือก็เปิดดูเอกสารบางอย่าง ซึ่งให้ผมเดา น่าจะเป็นชีทเนื้อเพลงนะ
“ดูจากคิว และเวลาแล้ว น่าจะได้สัก 5 เพลงนะ ส่วนเพลงก็มายด์ลองดูๆ ในชีทนั้น เอาที่มายด์ร้องได้ละกัน
พวกพี่เล่นได้หมด”

มายด์เปิดดูชีทอย่างถี่ถ้วน ก่อนจะหันไปพูดคุยตกลงกับพี่เป้
พี่เป้และคนอื่นๆ ต่างก็พยักหน้าไม่มีใครติดขัดอะไร

ส่วนผม ยังคงนั่งเอ๋อ อยู่มุมห้องเช่นเดิม 55555555555+
“งั้นวันนี่ก็ซ้อมเพลงนึงก่อนละกันนะ ส่วนเพลงก็...ตามที่มายด์ว่าละกัน”
พี่เป้พูดจบ ก็หยิบเอาเบสท์มาคล้องทันที
คนตีกลองส่งสัญญาณจังหวะ และเพลงก็เริ่มเล่นขึ้น
ทุกคนดูตั้งใจกันมากๆ เลยแฮะ
เสียงมายด์เองก็เพราะใช้ได้เหมือนกันนะเนี่ย

ในขณะที่ผมกำลังฟังเพลงที่มายด์ร้องอยู่นั้นเอง
มือถือของผมก็สั่นเพราะมีข้อความไลน์เข้า
ผมรีบหยิบมันออกมาจากกระเป๋ากางเกงทันทีด้วยใจหวังว่าจะเป็นข้อความของแบงค์

แต่ทว่าผมก็ต้องผิดหวังเมื่อพบว่านอกจากจะไม่ใช่ข้อความของแบงค์แล้ว
มันดันเป็นข้อความของป้ออีกด้วยนี่สิ

ปอป้อซัง : อยู่ไหนครับ วันนี้ไม่มาห้องสมุดเหรอครับ

ผมนิ่งไปครู่นึง พร้อมกับลังเลและชั่งใจว่าตอบกลับข้อความไปดีหรือไม่
แต่ถ้าผมตอบกลับไป เดี๋ยวก็ต้องเป็นเรื่องเป็นราวไม่มีที่สิ้นสุดอีก หลบๆ เลี่ยงๆ ไปก่อนดีกว่า

เมื่อคิดได้อย่างนั้นผมก็เก็บมือถือเข้าใส่กระเป๋ากางเกงเช่นเดิม

หลังจากนั้นทุกวัน ผมก็ยังใช้วิธีหลบหน้าป้อเป็นการแก้ปัญหาในเบื้องต้น
จนกว่าผมจะเคลียร์ปัญหาระหว่างผมกับแบงค์ได้ มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากเหมือนกันแฮะ
อยู่โรงเรียนเดียวกันแต่ต้องคอยหลบๆ ซ่อนๆ เฮ้ออออออ แต่ทำไงได้

ให้คุยกับป้อตอนนี้ ก็คงจะไม่ไหว รู้เลยว่าคำตอบจะเป็นยังไงกับคนหัวรั้นแบบนั้น

และในที่สุดก็ถึงวันวันเสาร์เสียที ได้อยู่บ้านสบายใจบ้าง
แต่ก็เหงาๆ เหมือนกันแฮะ ปกติช่วงนี้ผมกับแบงค์มักจะได้อยู่ด้วยกันแท้ๆ เฮ้ออออออ

แบงค์ก็ยังคงไม่ติดต่อกลับมาสักที
เมื่อไหร่จะกลับมากันนะ
เฮ้อออออ คิดมาก เดี๋ยวเครียด ออกไปหาขนมกินที่ 7-11 หน้าหมู่บ้านดีกว่า แห่ะๆ

ผมเดินออกไปบ้านไปยัง 7-11 เพื่อซื้อขนม ซึ่งก็ใช้เวลาไม่นานมากนัก

ในขณะที่ผมกำลังเดินกลับมาบ้านนั้นเอง ผมก็นึกอะไรบางอย่างได้
วันนี้มายด์ซ้อมใหญ่นี่หว่า ส่งไลน์ไปให้กำลังใจเสียหน่อยละกัน

จิ๊บคุง

  • บุคคลทั่วไป
ระหว่างที่ผมกำลังจะหยิบมือถือออกมานั้นเอง เสียงเรียกสายของมือถือผมก็ดังขึ้น
ผมรู้ทันทีว่าใครโทรมาด้วยเสียงที่ผมตั้งค่าไว้
แบงค์!!!!!!!!
ผมรีบหยิบมันออกมาแล้วกดรับสายนั้นทันที

“ฮัลโหล แบงค์”
ผมเอ่ยทักออกไปทันที
“นันท์ อยู่ไหนน่ะ”
ปลายสายเอ่ยถามกลับมาด้วยน้ำเสียงเรียบง่าย
“ตอนนี้นันท์ออกมาซื้อขนมน่ะ กลับจะกลับบ้าน แบงค์ล่ะ อยู่ไหน กลับมารึยังอ่ะ”

แบงค์เงียบไปครู่นึง

“ตอนนี้แบงค์อยู่หน้าบ้านนันท์น่ะ”
ทันที่ที่ผมได้ยินเช่นนั้น ผมก็รีบวิ่งกลับมาที่บ้านทันทีด้วยความรีบเร่ง
และเมื่อผมวิ่งมาถึงบ้าน ผมก็เห็นแบงค์ยืนอยู่หน้าบ้านผมจริงๆ
ผมดีใจมากที่แบงค์กลับมา จนรีบวิ่งเข้าไปกอดแบงค์ทันทีโดยไม่ทันได้เอ่ยทักทายใดๆ ทั้งสิ้น
“แบงค์ ในที่สุดก็กลับมาสักที นันท์ขอโทษนะ นันท์ขอโทษ”
ผมในตอนนี้นั้นเอาแต่พล่ำขอโทษอย่างไม่ยอมหยุด ในขณะที่น้ำตาก็ไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย

แบงค์ไม่กล่าวคำใดๆ ออกมา จะมีก็เพียงแต่ยกแขนทั้งสองข้างโอบกอดผมเช่นเดียวกัน
มันเป็นความรู้สึกที่อบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก อ้อมกอดที่ผมคุ้นเคย และต้องการมันที่สุดในเวลานี้

“นันท์”
แบงค์เอ่ยเรียกชื่อผมออกมา ผมเงยหน้าขึ้นไปมอง
“ไปเดินเล่นที่สนามเด็กเล่นกันหน่อยมั้ย”
ผมพยักหน้าให้กับคำชวนนั้น ก่อนจะเดินไปยังบ้านแบงค์ก่อน เพื่อให้แบงค์เก็บกระเป๋า
แล้วจึงเดินไปยังสนามเด็กเล่น

ระหว่างทางที่เดินมา ผมสังเกตเห็นถึงบางอย่างที่เปลี่ยนไปของแบงค์ได้
แบงค์ในตอนนี้นั้นเอาแต่นิ่งเงียบ ถ้าไม่สังเกตก็คงไม่เอะใจ แต่ผมสังเกตได้ว่ามันเป็นอาการนิ่งเงียบที่ต่างไปจากเมื่อก่อน
ทำให้ทั้งผมและแบงค์แทบจะไม่ได้คุยอะไรกันมากนัก เพราะผมไม่รู้ว่าแบงค์กำลังคิดอะไรอยู่
เมื่อทั้งผมและแบงค์เดินมาถึงสนามเด็กเล่น แบงค์ก็เดินนำหน้าผมออกไป ก่อนจะหันมายิ้มให้ผม
รอยยิ้มที่ดูเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา แต่ทว่าก็ยังคงไม่พูดอะไรออกมา
“แบงค์ นันท์ขอโทษ ที่ปิดบังเรื่องป้อ แต่ แต่ .....แต่นันท์ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะ”
ผมพยายามที่จะอธิบายเรื่องราวที่ผ่านมาทั้งหมดให้แบงค์ฟัง แต่แบงค์ก็ยกมือให้ผมหยุดพูด
พร้อมกับยิ้มให้กับผมเช่นเดิม ก่อนที่จะหันมองไปยังสนามเด็กเล่น

“ยังจำครั้งแรกที่เราพบกันได้มั้ย”
แบงค์เอ่ยถามโดยไม่ได้หันกลับมามองผม
“ยังจำได้สิ”
ผมตอบกลับไป แบงค์เงียบไปครู่
“กี่ปีมาแล้วนะ”

“ก็....น่าจะราวๆ 10 ปีได้แล้วมั้ง”
“นานน่าดูเลยนะ”
แบงค์ตอบกลับมา โดยที่คราวนี้หันกลับมามองผม
ผมยังคงไม่เข้าใจว่าแบงค์เปิดประเด็นแบบนี้ขึ้นมาเพราะอะไร
.
“เราสองคนไม่เคยทะเลาะกันเลยนะ ว่ามั้ย”
ทันทีที่แบงค์ถามกลับมาเช่นนั้น ผมก็นึกย้อนคิดกลับไป
มันก็จริงอย่างที่แบงค์ว่ามาจริงๆ นั่นล่ะ เราทั้งสองคนไม่เคยทะเลาะกันเลย
ผมจึงพยักหน้าให้กับคำถามนั้น
“แล้วคราวนี้เราทะเลาะกันเพราะอะไรนะ”
แบงค์เอ่ยคำถามนั้นออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบง่าย

“แบงค์ นันท์ขอโทษนะ”
ผมยังคงกล่าวคำขอโทษออกไป เพื่อหวังอยากจะอธิบาย และอยากได้ยินคำให้อภัยจากแบงค์เป็นที่สุด
“ทำไมนันท์ต้อง ขอโทษล่ะ นันท์ทำอะไรผิดเหรอ”
แบงค์ย้อนถามกลับมาอีกรอบ
“ก็ที่นันท์ไม่เคยบอกแบงค์ เรื่องป้อน่ะ”
“ก็แล้วทำไมไม่บอกล่ะ เพราะอะไรถึงปิดบังไว้”
อยู่ๆ น้ำเสียงของแบงค์ก็เริ่มเปลี่ยนไป ผมเริ่มสังหรณ์ใจไม่ดีแล้ว
ผมพยายามเรียบเรียงความคิดในหัว เพื่อที่วิเคราะห์ว่าผมควรจะพูดอย่างไรดีไม่ให้สถานการณ์มันแย่ลงไป

“นันท์ไม่ได้คิดตั้งใจจะปิดบังไว้จริงๆ นะ แต่นันท์ตอนนั้นไม่รู้จะพูดว่ายังไงดีน่ะ
เพราะนันท์ไม่รู้ว่าป้อที่จริงชอบนันท์อยู่ แถมนันท์ก็ไม่รู้ด้วยว่าแบงค์ไม่ชอบป้อ
นันท์เองก็แค่เห็นว่าป้อก็เป็นคนรู้จักมาจากเข้าค่ายเองอ่ะ นันท์คิดกับป้อแค่เพื่อนจริงๆ นะ
พอนันท์รู้ความจริงทั้งสองเรื่อง นันท์เองก็อึ้งเหมือนกัน เลยทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน
.
นันท์เลยกลัว”
ผมพยายามพูดอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้แบงค์ฟัง
ถึงแม้จะยังสั่นๆ แต่ก็ต้องพูดออกไป เพราะอย่างที่แอลว่าไว้นั่นล่ะ
ผมไม่อยากจะปิดบังแบงค์อีกต่อไป
แบงค์นิ่งเงียบไปครู่นึง

“กลัว? กลัวอะไรเหรอ??”
แบงค์เอ่ยถามขึ้นมาอีกรอบ
“ก็......กลัวแบงค์จะโกรธนันท์ไง ที่ปิดบังเรื่องราวที่ผ่านมา”
“ก็เลยเลือกที่จะปิดบังต่อไป จนให้แบงค์มาเห็นเหตุการณ์นั้นเอง”

อึ่ก!!!!!!!!!!!!!!!
“ม่ะ ไม่ใช่นะ วันนั้น นันท์เองก็คิดว่าจะคุยเรื่องนี้กับแบงค์แล้วนะ เพราะไม่อยากจะปิดบังแบงค์อีกต่อไป
มันจะรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังโกหกหลอกลวงแบงค์อยู่ และนันท์เองก็ปฎิเสธป้อไปแล้วด้วย
แต่ป้อก็ดัน..........”
ผมพยายามเรียบเรียงคำพูดในขณะที่น้ำตาก็เริ่มไหลออกมาอีกรอบ
คราวนี้มันเป็นน้ำตาที่มาจากความกลัว

กลัวว่าหากเหตุการณ์มันแลวร้ายลง ทุกอย่างก็คงจะจบลงไป
ถึงแม้จะเคยบอกกับตัวเองว่าถ้าทุกอย่างจะพังลง ผมก็จะรับมันให้ได้


แต่พอเจอสถานการณ์จริง ผมกลับรู้สึกหวาดกลัวอย่างบอกไม่ถูก
“นันท์รู้มั้ย ว่าในขณะที่แบงค์กำลังสับสนลังเลว่าแบงค์เป็นอะไรกันแน่”
คราวนี้แบงค์เป็นฝ่ายเปิดประเด็นขึ้นมา
“จริงอยู่ว่าสิ่งที่นันท์ทำลงไป มันก็อาจจะเป็นเหตุผลของนันท์
ในขณะที่แบงค์เอง แบงค์ก็รู้ตัวว่าแบงค์เป็นคนชอบคิดมาก
เพราะงั้นแบงค์คงไม่มีสิทธิ์อะไรที่จะไปโกรธนันท์ได้มากมายนัก แต่แบงค์ก็กลับควบคุมตัวเองไม่ได้”
แบงค์พูดออกมาอย่างไม่หยุด ซึ่งไม่บ่อยครั้งนักที่ผมจะเห็นแบงค์เป็นแบบนี้

“แต่นันท์รู้มั้ยว่าแบงค์สับสนมากแค่ไหน กับเรื่องที่สงสัยว่าตัวเองเป็นเกย์หรือป่าว
ที่ผ่านมาแบงค์ไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองรู้สึกกับนันท์ มันใช่ความรักจริงหรือไม่
.
.
แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แบงค์ก็รู้ตัวแล้วล่ะ ว่าแบงค์ควรทำอย่างไร”


แบงค์นิ่งเงียบไปครู่นึง ในขณะที่ผมตอนนี้รู้สึกหวิวๆ หวาดๆ ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก


“เรา..........เลิกกันดีกว่าเหอะ เราคงไม่เหมาะที่จะคบกัน..........”


สายลมพัดผ่านตัวผมที่กำลังยืนนิ่ง แข็งทื่ออยู่กับที่ ทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้น



จบคาบเรียนที่ 22


จิ๊บคุง

  • บุคคลทั่วไป
สวัสดีครับ



แห่ะๆๆๆๆๆๆๆ หายไปเกือบสองเดือน อย่างที่เดากันไว้จริงๆ ด้วย ว่าถ้าสอบขึ้นผู้ช่วยจะต้องรอกันนานแน่ๆ - -*


บอกตามตรงเลยครับ ว่าไม่มีเวลาว่างจริงๆ โดนกดดันทุกวัน เวลาเล่นเกมส์ อ่านการ์ตูน แต่งนิยายไม่มีจริงๆ
แต่ไม่โทษใครครับ เพราะเอาจริงๆ ต้องยอมรับว่าตัวผมเองเป็นคนขอโอกาสนั้นเอง

ส่วนผลที่ออกมาคือ "สอบไม่ผ่าน" ครับ 555555555555555555555555555555555555555+
แต่ก็ไม่ได้เครียด และซีเรียสครับ
เพราะก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ชีวิตอย่างนึงให้เราได้เรียนรู้ว่าเราพลาดตรงไหนไปบ้าง

ส่วนหลังจากนี้ ก็คงกลับมาใช้ชีวิตตามปกติครับ
และกลับมาวางแผนชีวิตใหม่ เอ มันก็ไม่ถูกเท่าไหร่
ต้องเรียกว่า กลับมาใช้ชีวิตตามแผนเดิมที่เคยวางไว้มากกว่า

นั่นคือ "อดีตมีไว้เรียนรู้ อยู่กับปัจุบัน และมุ่งมั่นเพื่ออนาคต"


 :hao3: :hao4: :hao3: :hao4:


ว่าแต่ หายไปเกือบเกือบสองเดือย ลืมกันไปรึยังนี่
ขอบคุณที่ยังจำและคิดถึงกันครับ และต้อนรับสมาชิกที่แสดงตัวตนใหม่

หลังจากนี้ คงจะมีเวลามากขึ้นครับ (มั้งนะ)

เข้าเรื่อง

ในที่สุด แบงค์ก็กลับมาแล้ววววววววววววววววววววววววว
(เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ)

แต่ไหง ??????????????????

ทำไมเหมือนสถานการณ์นอกจากจะไม่ดีขึ้นแล้ว ยังจะดูเหมือนเลวร้ายลงกว่าเดิมด้วยเนี่ย ???



มันเกิดอะไรกันขึ้น ???
ช่วงเวลาที่แบงค์ไปเชียงใหม่ มันเกิดอะไรกัน ?????

แล้วเหตุการณ์จะเป็นยังไงต่อไป

ติดตามต่อตอนหน้าครับ


รับรอง มีเซอไพรซ์นิดหน่อยครับ ตามสไตล์ของจิ๊บคุง 5555555+

ออฟไลน์ Lily teddy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-2
แง ไม่นะแบงค์กลับมาพร้อมมาม่าเหรอ ดูจากเหตุการณ์ก็รู้ว่าแบงค์หวงนันท์แค่ไหน
อย่างงี้แบงค์ก็น่าจะเข้าใจความรู้สึกตัวเองได้นะว่ารู้สึกกะนันท์แตกต่างจากเพื่อนธรรมดา
แล้วที่ว่าเลิกกันไม่เหมาะจะคบกันนี่ เลิกคบกันแบบเพื่อนใช่ม๊า ถ้าไงเปลี่ยนมาคบเป็นแฟนแทนเถอะนะ
อย่าดราม่ามากเลยสงสารนันท์อะคะ แค่แบงค์หายไปก็เครียดจะแย่แล้ว
ยังไงเรื่องเซอร์ไพร์สที่ว่าขอเป็นเรื่องดี ๆ นะคะ 
รอติดตาม และบวก บวก เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนต่อไปนะคะ  :pig4:  :L2:
ส่วนเรื่องงานก็สู้ ๆ ต่อไปนะคะ โอกาสไม่ได้มีครั้งเดียวต่อไปต้องมีมาอีกแน่
ตอนนี้เราก็ทำวันนี้ให้ดีที่สุด และมีความสุขก็พอเนอะคะ  :a2: :กอด1:

poynakub

  • บุคคลทั่วไป
 
     :z3: โอ้ยยยย คิดมากๆ ยิ่งอ่านยิ่งเศร้า  :ling1:

    ตอนแบงค์ไปเชียงใหม่เจอเมย์สารภาพรักมาเหมือนกันซินะ ....  :mew2:
    และจากนั้นก็ลองคบกันดูจนแน่ใจแบงค์ก็เลยกลับมาเลิกคบกับนันท์.....  :mew6:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
แบงค์เลิกสับสนแล้วเหรอ
และคิดว่าตนไม่ได้คิดเกินเพื่อน
กับนันท์งั้นเหรอ เพราะแค่เรื่องป้อ
คงไม่ทำให้แบงค์ จบความสัมพันธ์กับนันท์หรอก
ก็คงต้องลุ้นกันต่อไป ว่าใคร อะไร ยังไง

จิ๊บคุง

  • บุคคลทั่วไป
คาบเรียนที่ 23 : หนี

“แบงค์ มากินข้าวได้แล้วมา แม่เราทำข้าวเช้าเสร็จพอดีเลย”
เสียงใสปนห้าวเล็กๆ ของเมย์ตะโกนเรียกผมที่กำลังนั่งเล่นกับเจ้าโบโบ้
สุนัขพันธุ์โกลเด้น ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงประจำบ้านของเมย์ให้เข้าไปในบ้าน
ผมพยักหน้าให้เล็กน้อยพร้อมกับลูบหัวเจ้าโบโบ้เบาๆ ก่อนจะเดินเปิดประตูรั้วหน้าบ้านเข้าไป

“อ้าว แบงค์มาพอดีเลยลูก มาๆ มากินข้าวเช้ากัน”
ป้าฟองพูดกับผมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพร้อมจัดสำรับอาหารเช้าไปพลาง
“อ้าว แล้วลุงโชติไปไหนล่ะครับ”
ผมถามพร้อมกับหันมองไปรอบๆ บ้าน
“พ่อออกไปดูคนงานตั้งแต่เช้าแล้วน่ะ เห็นว่าวันนี้จะทำอะไรไม่รู้สวนน่ะ จำไม่ได้ละ”
เมย์ตอบกลับมาก่อนจะตักข้าวส่งมาให้ผม

“เมย์ วันนี้หนูมีเรียนกี่โมงน่ะ”
ป้าฟองหันไปถามเมย์
“11 โมงอ่ะแม่ เลยว่าจะขึ้นไปจัดห้องก่อนน่ะ ไม่ไหวแล้ว ห้องรกละอ่ะ”
“เออ นั่นล่ะ ที่แม่จะบอก เป็นสาวเป็นนาง ปล่อยให้ห้องรกได้ไง
แบบนี้จะไปเป็นเจ้าสาวใครได้ เนอะแบงค์เนอะ”
ป้าฟองเอ็ดใส่เมย์ก่อนจะหันมายิ้มให้ผม ผมได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ กลับไป
“แม่อ่ะ หยาบคายมากเลยนะ มาๆ กินข้าวกันดีกว่า หิวละ”

ระหว่างทานข้าว ป้าฟองและเมย์ชวนผมคุยไปเรื่อยตามประสาคนที่ไม่ได้เจอกันนาน
วันแรกที่ผมมาถึงทั้งเมย์ ป้าฟอง และลุงโชติ ต่างก็ประหลาดใจ
แต่ผมก็ใช้สกิลแถไปเรื่อยบอกว่าโรงเรียนหยุดเลยมาเที่ยว
ป้าฟองกับลุงโชติก็ไม่ได้ว่าอะไร กลับกันยังดูแลต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดี

จะมีก็แต่เมย์นี่ล่ะ ที่ดูจะรู้ว่าผมคงมีเหตุผลอะไรมากกว่านั้น เพียงแต่ยังไม่เอ่ยถามอะไรผม
ซึ่งผมเองก็คงจะตอบไม่ถูกเหมือนกันหากโดนเมย์เค้นถามความจริงเนี่ย

หลังจากที่ทานข้าวเช้าเสร็จ ผมก็ช่วยป้าฟองเก็บจานไปล้าง
แต่ทว่ากลับโดนป้าฟองปฏิเสธการช่วยเหลือ โดยให้เหตุผลว่าเป็นแขกมาเยือนห้ามช่วย ถ้าช่วยจะโกรธ (ซะงั้น)
ผมจึงออกมานั่งเล่นกับเจ้าโบโบ้ที่หน้าบ้านเช่นเดิม
และในขณะที่ผมกำลังนั่งเล่นกับเจ้าโบโบ้อยู่นั้นเอง โทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้น
ผมรีบหยิบขึ้นมาดูเพราะใจกลัวว่าจะเป็นไอบาสโทรมา หรือจะร้ายแรงกว่านั้นคือเป็นแม่
หากเป็นแบบหลังล่ะก็ ผมคงไม่ได้ตายดีแน่ - -

แต่ทว่าก็ไม่ใช่ทั้งสองคน และซึ่งก็คงไม่ใช่ใครที่ไหนอื่น
ใช่ครับ เป็นนันท์ที่โทรมาหา
สองสามวันที่ผ่านมานี้ตั้งแต่ที่ผมมาถึงเชียงใหม่ นันท์โทรหาผมตลอด
แต่ก็เป็นผมเองที่ยังคงไม่รับสายของนันท์

ผมเองในตอนนี้ก็ยังคงสับสนในความคิดของตัวเอง
บอกไม่ถูกว่าตัวเองในตอนนี้กำลังรู้สึก หรือควรจะรู้สึกยังไงดีกันแน่
มันก็รู้สึกดีนะ ที่เห็นว่านันท์ยังคงเป็นฝ่ายโทรเข้ามาตลอด รวมถึงข้อความขอโทษนั้นด้วย
แต่พอทุกครั้ง ที่จะกดรับสายภาพเหตุการณ์วันนั้นก็จะย้อนเข้ามาในหัวของผมทันที

ภาพของคนที่ชื่อป้อกำลังกอดรัดนันท์อยู่
ผมเองในตอนนั้นบอกตามตรงเลยว่าค่อนข้างโมโหพอสมควร

คำถามมากมายเกิดขึ้นมาในหัวอย่างนับไม่ถ้วน
ทำไมคนที่ชื่อป้อได้อยู่ที่โรงเรียนผม ทำไมถึงได้ใส่ชุดโรงเรียนเดียวกับผม
ย้ายโรงเรียนมางั้นเหรอย้ายมานานแล้วรึยัง  ย้ายมาเพื่ออะไรกัน ??
แล้วทำไมถึงได้ไปกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับนันท์
นันท์รู้เห็นกับเรื่องนี้ด้วยงั้นเหรอ ??? แล้วทำไมถึงไม่เคยบอกผมมาก่อน

คำถามมากมายประดังเข้ามาจนผมเองก็ยังตั้งตัวไม่ทัน
เลยเลือกที่จะหนีออกมาโดยไม่ฟังอะไรทั้งนั้น
ทั้งๆ ที่ถ้าผมยอมใจเย็นลงสักนิดฟังคำอธิบายของนันท์ว่าเกิดอะไรเกิดขึ้น
มันก็น่าจะดีกว่านี้แท้ๆ

แต่ผมก็กลับเลือกที่จะหนีออกมา
จะว่าไปนี่คงจะเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่ผมแสดงท่าทีโมโหแบบนั้นใส่นันท์ไป
ตั้งแต่ผมรู้จักกับนันท์มา ผมมักจะใจดีกับนันท์เสมอไม่ว่าเรื่องอะไร
แม้ว่าบ่อยครั้งหลายเรื่องที่เกิดขึ้นจะมาจากนันท์ก็ตามที
แต่ผมกลับไม่เคยโกรธนันท์เลย อาจจะมีบ้างที่รู้สึกเหนื่อยใจ แต่สุดท้ายก็ยังรู้สึกหัวเราะและมีความสุขกับมัน

แล้วทำไมครั้งนี้ผมถึงได้เปลี่ยนไปได้ขนาดนั้นล่ะ ???
ทำไมผมต้องโกรธกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นด้วย

ผมกำลังหึงอย่างนั้นเหรอ ??????
ถ้าผมหึง ก็หมายความว่าแท้จริงแล้วผมเองก็กำลังรักนันท์ในรูปแบบของคนรักอย่างนั้นเหรอ ???

ถ้านั่นคือความรัก แล้วมันทำให้ผมต้องเป็นแบบนั้น


มันจะดีแน่เหรอ ?????
มันจะใช่ความรักจริงๆ อย่างนั้นเหรอ ????????
จนถึงตอนนี้ ผมก็เลยยังคงไม่กล้ารับโทรศัพท์ของนันท์สักที

“เฮ้ย ไปส่งเราหน้าปากซอยหน่อยดิ”
เมย์เอ่ยเรียกผม ทำให้ผมหลุดออกจากภวังค์ความคิดนั้น ผมพยักหน้าให้ก่อนจะลุกขึ้นเดินตามเธอออกไป

ลืมแนะนำไป ผู้หญิงที่ผมกำลังเอ่ยถึงอยู่นี้ชื่อเมย์น่ะครับ เพื่อนสนิทของผมคนนึง
เมื่อก่อนเคยอยู่หมู่บ้านเดียวกับผม แต่ย้ายมาเชียงใหม่เพราะพ่อรับมรดกที่ดินและกิจการที่นี่น่ะครับ
เมย์ก็เลยต้องย้ายตามมาด้วย
“เชียงใหม่ไม่มีแท๊กซี่เลยเหรอ”
ผมเอ่ยถามเมย์ในระหว่างที่กำลังเดินไปยังหน้าปากซอย
“ไม่มีอ่ะ มีก็แต่รถแดง ก็คล้ายๆ แท๊กซี่ที่ กทม. น่ะล่ะ ทำไมเหรอ”
“ป่ะ ป่าวๆ ถามไปงั้นล่ะ”
ผมตอบกลับไปแบบตะกุกตะกัก

“..............”

“ว่าแต่มาอยู่ที่นี่เหมือนจะขาวขึ้นเยอะนะ”
ผมพยายามชวนเมย์คุย
“อ๊ะ จริงดิ คงงั้นมั้ง เมืองหนาวนี่ แต่หน้าร้อนนี่โคตรร้อนยิ่งกว่า กทม. อีกนะ ก็เลยไม่ค่อยได้ออกไปไหนนัก”

“.........................................”

“เอ่อ..................”

จิ๊บคุง

  • บุคคลทั่วไป
“เฮ้ย พอเหอะแบงค์ ถ้ามันลำบากนัก แบงค์ก็ไม่ต้องฝืนก็ได้ เรารู้น่ะ ว่าแบงค์มาที่นี่ไม่ได้มาด้วยเหตุผลง่ายๆ แบบที่โกหกพ่อกับแม่เราหรอก”
เอาละไง โดนถามแล้วมั้ยล่ะ
“สรุปว่ามีเรื่องอะไรล่ะห๊ะ ถึงได้หอบกระเป๋าเสื้อผ้าหนีมาเชียงใหม่เนี่ย”

เมย์พยายามคาดคั้นคำตอบจากผม ผมได้แต่อ้ำอึ้งเพราะไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดี
“ทะเลาะกับไอบาส ไม่น่าใช่ เพราะอย่างแกน่ะทะเลาะกับมันออกบ่อย คงชินกันไปละมั้ง
ทะเลาะกับพ่อไม่ก็แม่ เอ ก็ไม่น่าใช่ เพราะถ้าใช่ ป่านนี้คุณน้าเขาคงโทรมาหากันให้วุ่นแล้วล่ะ
แสดงว่าคุณน้าเขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแกหายตัวออกมา”

อึก สมกับเป็นเมย์จริงๆ ที่พอจะคาดเดาคาดการณ์เองได้

“อืม..................หรือว่าแกจะ......อกหักวะ”
อึก.....!!!!!!!!!!!!!!!!
ผมชะงักและนิ่งเงียบให้กับคำพูดนั้นครู่นึง พร้อมกับกลืนน้ำลายลงคอไปอึกนึงก่อนจะก้มหน้าต่ำลง
“อ้าว เฮ้ย จริงเหรอวะเนี่ย เฮ้ย เดี๋ยวๆ นะ แบงค์ แกมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่วะ แล้วแฟนแกเป็นใคร เรารู้จักมั้ยน่ะ”
เมย์พยายามยิงคำถามรัวๆ ใส่ผม จนผมเองก็ไม่รู้จะพูดยังไงต่อ

ทันใดนั้นเอง เสียงโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้นอีกครั้ง
ผมหยิบมันขึ้นมาดู ก็พบว่าเป็นนันท์อีกเหมือนเดิม
ผมจึงพยายามจะหย่อนมันลงกลับใส่กระเป๋ากางเกง แต่ทว่า

“เฮ้ยยยย”
เมย์รีบคว้าโทรศัพท์ผมไปดู
“เฮ้ย อย่ารับนะเมย์”
ผมพยายามที่จะแย่งมือถือกลับมา แต่ก็ไม่ทันความไวของเมย์
เธอพยายามดูหน้าชื่อของคนที่โทรเข้ามา ไม่นานนักสายก็ตัดไป
ก่อนที่หน้าจอจะตัดกลับมาเหมือนเดิม
เผยให้เห็นรูปบนหน้าจอที่เป็นรูปของผมกับนันท์ตอนไปกินพิซซ่าด้วยกัน

เมย์มองรูปนั้นอยู่ครู่นึง ก่อนที่จะมองหน้าผม แล้วจึงส่งโทรศัพท์คืนให้ผม
ผมรับมันกลับมา ก่อนจะถือมันไว้ในมือ พร้อมกับจ้องดูรูปนั้นเงียบๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองเมย์ ที่ตอนนี้หันมองไปทางอื่น

ผมพยายามที่จะยิ้ม แต่ทว่ามันก็เป็นยิ้มที่แห้งๆ เจื่อนๆ
“เอ่อ เมย์......”
ผมเอ่ยเรียกเบาๆ แต่เมย์ก็ยกมือเป็นเชิงห้ามผมขึ้นมา ก่อนที่จะหยิบมือถือขึ้นมาพร้อมกับกดหาเบอร์ใครสักคนแล้วจึงกดโทรออก
ไม่นานนักปลายสายก็รับโทรศัพท์

“เออ กิ๊ฟท์ วันนี้ชั้นฝากแกเช็คชื่อแทนชั้นหน่อยได้มั้ย เออน่ะ พอดีชั้นมีเรื่องนิดหน่อยน่ะ
เฮ้ย บ้าเหรอ ไม่ใช่เรื่องอะไรใหญ่โต เออน่ะ เออๆ ฝากหน่อยนะ เคๆ ขอบใจ เดี๋ยวไว้จะพาไปเลี้ยงหมูทะหน้ามอละกัน แค่นี้นะ”

ทันทีที่เมย์วางสาย ก็หันมามองหน้าผม
“เฮ้ย ไปเที่ยวกันป่ะ”
“หือ???”
ผมทำหน้าสงสัยกลับไป
“ถามว่า ไปเที่ยวกันมั้ย”
“อ้าว แล้วไม่ไปเรียนเหรอ”
ผมถามกลับไปอย่างซื่อๆ

“เออ ช่างมันเหอะ วิชานี้ไม่เคยโดดมาก่อน อีกอย่างวิชานี้ส่วนมากก็แค่เช็คๆ ไปงั้นล่ะ เพราะเอาเข้าจริงคะแนนมันที่งานนู่น”
เมย์อธิบายให้ผมฟัง ผมก็พยักหน้ารับเป็นเชิงเข้าใจหน่อยๆ (ลืมบอกไปว่าเมย์เขาเรียนสายอาชีพน่ะครับ)
“ว่าแต่จะไปไหนน่ะ”
ผมเอ่ยถามเมย์อีกรอบ

“แล้วอยากไปไหนเป็นพิเศษมั้ยล่ะ”
เมย์ถามย้อนกลับมายังผม ผมส่ายหัวไปมาเป็นคำตอบ เนื่องจากผมเองก็ไม่รู้ว่าเชียงใหม่มีที่ไหนน่าเที่ยวเป็นพิเศษมั่ง
เมย์ทำท่าครุ่นคิดอยู่ครู่นึง ก่อนจะหันมาหา
“งั้นไปดูหนังกัน มีเรื่องนึงเราอยากดูมากกว่า แต่ไม่มีใครไปดูเป็นเพื่อนเราที โอเคมั้ย”
ผมได้พยักหน้าเป็นคำตอบกลับไป เอาน่ะ ไหนๆ ก็ไม่รู้จะทำอะไรอยู่แล้วนิ
ผมเดินตามหลังเมย์ไปโดยไม่มีคำพูดใดๆ ออกมาทั้งจากปากผมและเมย์
ท่าทีที่ดูนิ่งเงียบเมื่อครู่ของเมย์ อยู่ก็หายไปกลับมาเป็นท่าทีที่ร่าเริงเหมือนเดิมแล้ว

ซึ่งผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร
เมย์กำลังคิดอะไรอยู่ในใจรึป่าวนะ

หรือเพราะไม่ได้คิดอะไร ก็เลยกลับมาร่าเริงได้เป็นปกติ
ซึ่งก็เป็นคำถามที่ผมไม่อาจจะคาดเดาคำตอบได้

คงต้องยอมรับตัวเองอย่างนึงว่าเมื่อก่อน ผมค่อนข้างติดเมย์พอสมควร
เมย์เป็นเด็กสาวที่ร่าเริงแจ่มใสเข้ากับผู้คนได้ง่าย
อาจจะดูห้าวๆ โผงผางจนบางครั้งมีเรื่องทะเลาะกับใครต่อใครหลายคนไปบ้าง
แต่นั่นก็เพราะเธอเป็นคนไม่ยอมแพ้ให้กับความไม่ถูกต้อง เธอกล้าที่จะพูดในสิ่งที่ตัวเองคิด

ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ผมไม่มี ผมก็เลยรู้สึกประทับใจ และมีความสุขเวลาที่ได้อยู่กับเธอ
ถึงแม้บางครั้งเธอจะชอบแกล้งผมบ้างก็ตามเถอะ

เมย์เดินนำผมมาไม่นานนัก ก็ถึงที่หมาย เป็นห้างที่ใหญ่พอสมควร
ดูภายนอกเหมือนสร้างด้วยอิฐมอญ แต่ก็คงแค่เอามาแปะๆ เป็นลวดลายเฉยๆ ล่ะมั้ง
ส่วนถ้าจะสงสัยว่าทำไมมันใกล้จัง
ก็คงต้องบอกว่า บ้านของเมย์นั้นอยู่ใกล้กับห้างน่ะครับ ใกล้มากกกกกก
เดินไม่ถึง 10 นาทีก็ถึงแล้ว

“ทำไมห้างมันดูโทรมๆ ดูจะพังมิพังแหล่ล่ะเมย์”
ผมเอ่ยถามเมย์ด้วยน้ำเสียงสงสัย เมย์เองเมื่อได้ยินคำถามนั้นก็หันมาค้อนใส่ผมทันที
“หยาบคาย ห้างนี้ห้างประจำคนเมืองเลยนะ ต้องเรียกโบราณสถานเลยก็ว่าได้ 555+”

เมย์พาผมขึ้นลิฟท์ (ที่สภาพดูน่ากลัวยิ่งกว่าตัวห้างข้างนอก)ไปยังชั้นโรงหนัง ซึ่งอยู่ที่ชั้น 4
ทันทีที่ประตูลิฟท์เปิดออก ผมก็เกิดอาการอึ้งเล็กน้อย
คือสงสัยคงเพราะติดภาพหรูๆ จากใน กทม. มาล่ะมั้ง เลยอึ้งหน่อยๆ
ดูโบราณจริงๆ ด้วย 5555+ (ขอโทษคนเชียงใหม่ด้วยนะ  - -*)

“ว่าแต่จะดูเรื่องอะไรน่ะเมย์”
ผมหันไปถามเมย์

“ก็เรื่องกราวิตี้น่ะ”
อึก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ผมชะงักเล็กน้อยทันทีที่ได้ยินชื่อนั้น แต่ก็ไม่ได้อะไรมากมายนัก เมย์จึงยังคงไม่ทันสังเกตในเรื่องนี้

ผมกับเมย์เดินไปยังเคาเตอร์ขายตั๋ว คือถ้าให้พูดตามความรู้สึก ก็คงบอกได้ว่าดูล้าสมัยพอสมควร
แต่ถ้ามองอีกแง่ ก็คลาสสิคไปอีกแบบนะ

จิ๊บคุง

  • บุคคลทั่วไป
พวกเราซื้อตั๋วรอบ 11 โมงครึ่ง ตอนนี้เวลาประมาณ 10 โมงนิดๆ ทั้งผมและเมย์เลยลงความเห็นกันว่าจะไปหาที่นั่งรอเวลาหนังฉาย
เมย์จึงพาผมลงมาชั้นล่างสุดเพื่อพาผมมายังร้านไก่ทอดของคุณลุงผู้พันธ์ท่านนึง (ไม่บอกก็คงรู้นะว่าร้านไหน)
บอกตามตรงเลยนะครับว่าวินาทีแรกที่เห็นร้าน บอกเลยว่า ร้านใหญ่มาก เทียบกับร้านที่กทม. นี่ เล็กไปทันทีเลย เป็นร้านสองชั้นอีกต่างหาก
เนื่องจากทั้งผมและเมย์กินข้าวเช้ากันมาก่อนแล้ว จึงยังไม่รู้สึกหิวอะไรมากนัก จึงสั่งเมนูทานเล่นมากินกัน
ก่อนจะถือขึ้นไปนั่งกินกันที่ชั้นบน

“นึกไงถึงได้ชวนมาดูหนังเนี่ย”
ผมถามเมย์ เมย์เองเมื่อได้ยินผมถามเช่นนั้น ก็นิ่งเงียบครู่นึงก่อนจะหยิบเป๊บซึ่ขึ้นมาดูด
“ก็ไม่มีไรมาก ขี้เกียจน่ะ ว่าแต่แบงค์เหอะ นันท์สบายดีมั้ย”
อึก!!!!!!

“ก็....ก็สบายดีนะ ท่ะ ทำไมเหรอ”
“ก็ปล๊าววววว ก็แค่อยากรู้เฉยๆ น่ะ ว่าเพื่อนเก่า เพื่อนแก่ยังสบายดีอยู่มั้ยน่ะ”
เมย์ตอบกลับมาพร้อมทำหน้ายิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ผม ให้ตายสิ
“คิดถึงสมัยก่อนจังเลยเนาะ เมื่อก่อนพวกเรามักจะไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ”
“อื้ม มันก็จริงนะ”
“นั่นสิ นั่นสิ พอเมย์ไม่อยู่ ก็คงทำให้แบงค์กับนันท์ยิ่งสนิทกันมากขึ้น เนอะ”

อึก!!!!!!
อะไรกันเนี่ย คำพูดเหล่านี้ของเมย์ มันดูเหมือนพยายามจะจับผิดผมอยู่เลยนะนั่น
“ก็....คงงั้นมั้ง แห่ะๆ มั้งนะ”
ผมตอบกลับด้วยสีหน้ายิ้มแห้งๆ

ในขณะที่ผมกำลังคุยกับเมย์อยู่นั้นเอง โทรศัพท์ของผมก็มีสายเรียกเข้าอีกครั้ง
ผมหยิบมันขึ้นมา ซึ่งก็แน่นอนว่าไม่ใช่ใครที่ไหน นันท์น่ะเอง
ผมลังเลใจอยู่พักนึง แต่ก็ตัดสินใจไม่รับสายนั้น จนกระทั่งสายตัดไปผมจึงเก็บมันเข้ากระเป๋ากางเกงเหมือนเดิม
เมื่อผมเงยหน้าขึ้น ก็ต้องสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อพบว่าเมย์กำลังจ้องผมตาเขม็งอยู่

“อ่ะ อะไรเหรอ”
ผมถามเมย์ด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
เมย์จ้องมองผมอยู่ครู่นึงก่อนจะก้มหน้าลง หยิบหยิบขึ้นมาดูดเป๊บซี่ แล้วจึงเงยหน้าขึ้นมามองผมอีกครั้ง
“ทะเลาะอะไรกันอยู่รึป่าวน่ะ ทั้งแบงค์และนันท์น่ะ”
ทันทีที่เมย์ถามเช่นนั้น ผมก็นิ่งอึ้ง เงียบไปครู่ใหญ่

“ก่ะ....ก็ปล่าว นี่”
ผมพยายามตอบปัดออกไป แต่เมย์ก็คงจะดูออกล่ะ ว่าผมกำลังโกหกอยู่
เมย์ถอนหายใจเบาๆ ทีนึง เมื่อได้ยินคำตอบนั้นของผม

“แบงค์”
“หือ”

“อีกคำถามนะ”
“หือ อะไรเหรอ”


“แกยังคิดว่าเราเป็นเพื่อนอยู่มั้ย???”
อึก!!!!!!!!!!!!!!!!!

“.......................”

“เอ่อ........คือ....”
ผมยังคงอ้ำอึ้งที่จะพูดออกไป
ไม่ใช่เพราะไม่อยากพูด แต่เป็นเพราะไม่รู้จะเริ่มพูดจากตรงไหนดี
เมย์เองเมื่อเห็นท่าทีของผม ก็ถอนหายใจเบาๆ อีกครั้ง

“เอาเถอะ ถ้าแกยังไม่อยากเล่า หรือไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง เราก็ไม่ว่าอะไรหรอก”
เมย์นิ่งเงียบไปอีกครู่นึง ในขณะที่มือก็กำลังหยิบหลอดกวนน้ำแข็งในแก้วไปมา

“แต่ปัญหาน่ะ มีไว้ให้แก้ ไม่ใช่มีไว้ให้หนี
ถ้าแกแก้ไม่ได้ ก็หัดเปิดใจพึ่งพาคนอื่นเสียมั่ง อย่าเอาแต่เก็บเงียบไว้คนอื่น
ไม่งั้น แกก็จะเอาแต่หนีไปเรื่อยๆ ไม่รู้จักจบจักสิ้น”
ทันทีที่เมย์พูดจบ เมย์ก็ลุกขึ้นหยิบแก้วไปรินน้ำเปล่า


ก็คงจะจริงอย่างที่เมย์ว่านั่นล่ะ
ที่ผ่านมาผมมักจะเอาแต่หนีปัญหา ถึงแม้ภายนอกจะดูเหมือนเป็นผู้ใหญ่เป็นคนที่พึ่งพาได้
แต่จริงๆ แล้วเปล่าเลย ผมกลัวที่จะเผชิญหน้ากับปัญหามาตลอด

ทั้งเรื่องประธานนักเรียน เรื่องชมรมบาสผมก็เอาแต่หลบอยู่หลังนันท์
 และเรื่องในคราวนี้ จริงอยู่ที่ครั้งนึงผมอาจจะเคยปรึกษามายด์
แต่ผมก็ยังคงลังเลและไม่แน่ใจอยู่ดี จึงไม่สามารถตอบตัวเองได้สักทีถึงเรื่องความรู้สึกตัวเอง
และสุดท้ายก็เลือกที่จะหนีมาอีก

ผมเองก็ยังคงตอบตัวเองไม่ได้ว่าทำไมผมถึงเลือกที่จะมาที่นี่
มาหาเมย์เพื่ออะไร


หรือผมกำลังคาดหวังอะไรอยู่ด้วยรึเปล่า ????


“แบงค์”
ในขณะที่ผมกำลังครุ่นคิดอยู่นั้นเอง เมย์ก็เรียกผม ผมหันไปยังเสียงนั้น
“ป่ะ หนังจะฉายละ รีบไปกันเหอะ เราอยากดูตัวอย่างหนังใหม่ๆ ด้วยน่ะ”
ผมพยักหน้าให้กับคำพูดนั้นโดยไม่ได้เอ่ยปากอะไรออกไป
พร้อมกับลุกขึ้นเดินตามไปโดยที่ยังคงมีความคิดมากมายที่กำลังวนเวียนอยู่ในหัวอย่างไม่รู้จบ


ตอนนี้ผมกำลังทำอะไรอยู่
ผมควรจะทำอย่างไรต่อไปกันแน่



จบคาบเรียนที่ 23

จิ๊บคุง

  • บุคคลทั่วไป
//เดินเข้ามาอย่างเงียบ


สวัสดีครับ :call:

หายไปเกือบ 2 เดือน!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
โอ้ แม่เจ้าาาาาาาาาาาา :a5:

จากที่ตอนแรกบอกว่าคงจะเร็ว แต่กลับช้ากว่าเดิม เหวอออออ
หลักๆ ก็งานเช่นเดิมครับ หลังจากสอบไม่ผ่านมา
นึกว่าหมดเรื่องละ

กลับมีงานเข้าซะงั้น เลยต้องเคลียร์งานยกใหญ่
เพิ่งจะได้พักก็สงกรานต์นี่ล่ะ เจ้านายใจดีจัดให้หยุด 4 วันติด
ตอนแรกก็กะว่าจะใช้ช่วงสงกรานต์นี่ล่ะมาแต่งมาอัพ เพราะขี้เกียจออกไปเล่น

แต่พอเอาเข้าจริง เพื่อนฝูงชวนไปเล่นน้ำ เลยเฮไปกะเขา 555+
ออกจากห้องตั้ง 10 โมง เข้าห้อง ตี 1 - 2 เล่นจนเปื่อยอ่ะ 555+  :hao7:

และก้อีกอย่างสารภาพเลยว่า ติดคุ๊กกี้รันด้วย :z6:
ติดชนิดที่เติมเงินให้เกมส์นี้ด้วย โดนเพื่อนฝูงด่าเลย 555+ (ก็มันสนุกอ่ะ :m15:)

จะว่าไปช่วงนี้ชีวิตมีความสุขขึ้นเยอะ ตั้งแต่สอบไม่ผ่านเนี่ย
เหมือนความกดดันหายไปเยอะเลย 5555+
มีเวลาอ่านการ์ตูน เล่นเกมส์ วาดรูป ไปเที่ยวได้ตามใจต้องการ (ละไหงเอ็งไม่เอาเวลามาแต่งนิยายฟระ ???)


เข้าเรื่อง
จะเรียกว่าเซอร์ไพรซ์ได้มั้ยเนี่ย - -? (เหมือนโม้ไว้เยอะ 555+)
แค่เปลี่ยนเรื่องราวกลับมาเป็นมุมมองของแบงค์อีกรอบ
โดยตัดฉากย้อนกลับไป
จะเป็นการเล่าว่าช่วงที่แบงค์หายตัวไปเชียงใหม่ เกิดอะไรขึ้นมั่งน่ะครับ

และพร้อมกับการเปิดตัวตัวละครใหม่(ก็ไม่เชิงหรอก)
ที่จะเรียกว่าสำคัญก็ได้ ไม่สำคัญก็ได้ (เอ๊ะ ยังไง ???)

นั่นคือเมย์
หลายคนคงสงสัยกับตัวละครตัวนี้มานานแล้วแน่ๆ
ตรงกับอิมเมจที่นึกกันไว้มั่งรึป่าวเนี่ย :hao4:
(ขอบอกอย่างนึงว่าตัวละครตัวนี้เป็นตัวละครพลิกลอคสำหรับผมตัวนึงเหมือนกัน
แต่พลิกลอคยังไงขอไว้บอกในโอกาสหน้าครับ)

ส่วนเรื่องราวก็ใกล้จะถึงจุดไคลแมกซ์แรกเข้ามาทุกทีๆ แล้ว
(ห๊ะ เพิ่งจะแรกเองเรอะ ??? :a5:)

เกิดอะไรที่เชียงใหม่
เรื่องราวระหว่าง แบงค์ นันท์ ป้อ และเมย์ (ที่เพิ่งจะโผล่หัวออกมา)

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
เรื่ิองกำลังจะคลี่คลายเหรอคะ
แต่อ่านแล้วเหมือนจะซับซ้อนนะ
ในมุมของนันท์คิดว่าแบงค์กับเมย์
เป็นแฟนกันซะอีก หรือแบงค์เคยชอบเมย์

ออฟไลน์ Lily teddy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-2
เย้ และแล้วก็ได้เจอเมย์ซะที ผิดจากที่คิดไว้เยอะเลย ดูแล้วเมย์กะแบงค์เหมือนเพื่อนกันธรรมดา ๆ อะ
แต่ถ้าอ่านจากความรู้สึกนันท์คิดว่าเมย์กะแบงค์เคยเป็นแฟนกันซะอีก หรือเมย์ดูลึกลับกว่านี้
เอ๊ หรือเมย์ชอบนันท์ แต่นันท์ไม่รู้ ไม่งั้นทำไมพอเห็นรูปแบงค์กะนันท์เมย์ต้องดูแปลกไปล่ะ
เดาไม่ถูกอะ แล้วยังไงต่อนะในเมื่อแบงค์ยังสับสนเมย์จะช่วยให้แบงค์ตัดสินใจได้ไหม
ทำไมแบงค์ถึงกลับไปบอกเลิกนันท์ล่ะ ยังลุ้นให้บอกเลิกจากเพื่อนเป็นแฟนอยู่น๊า ไม่อยากดราม่าอะคะ  :o12:
รอติดตาม และบวก บวก เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนต่อไปจ้า  :pig4: :L2:
แหะ แหะ นอกจากคนเขียนจะมาช้าไปนิด คนอ่านก็มาอ่านช้าไปนิดเหมือนกัน
ไม่อยากบอกว่าติดคุ๊กกี้รันมากกกกเหมือนกันค่ะ วิ่งเก็บเงินตัวเป็นเกลียว 555 หาเงินอัพเกรดคุ๊กกี้ กะ เพท
เลยไม่ค่อยได้เข้ามาอ่านนิยาย  นิยายค้างเพียบอ่านไม่ทันกันเลย ช่วงนี้ต้องพยายามไล่อ่านให้ทันอยู่ค่ะ
:katai4:

ออฟไลน์ Noina_Pn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 277
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด