ตอนที่ 36หวางหลี่ผิง “นายน้อยครับ งานที่นายน้อยให้ทำเรียบร้อยแล้วครับ” ผมหรี่ตามองหน้าคนสนิทนิดก่อนพยักหน้าให้ เมื่อรู้แน่ชัดแล้วว่าคงถึงเวลาเอาคืน ไอ้คนที่มาหยามเกียรติคนที่ผมนับว่าเป็นน้องสาวอย่างนลิน!
เมื่อผมหันหน้ากลับมามองคนที่นั่งบนพื้นใกล้ตัว ที่กำลังขะมักเขม้นกับหนังสือเล่มโตตรงหน้า ทำเอาอารมณ์เปลี่ยนจนต้องคลี่ยิ้มด้วยความเอ็นดูจับใจ เพราะจุกผมบนหัวฝีมือผมที่มัดไว้ให้น้องชี้โด่เด่ไปมา เผยวงหน้าเรียวใสชัดตา ด้วยช่วงนี้น้องธันว์ยุ่งทั้งเรื่องเรียนเรื่องเพื่อน จนเจ้าตัวไม่มีเวลาใส่ใจกับตัวเองมากนัก ทำให้เส้นผมเริ่มยาวกว่าเคย มีบางส่วนระไปตามแก้มตามท้ายทอย ประกอบกับแก้มกลมที่ขึ้นสีระเรื่อน้อยๆ และริมฝีปากอิ่มแดงที่กำลังขมุบขมิบ ทำให้เด็กน่ารักของผมดูหวานขึ้นเป็นกอง
คราแรกยามอ่านหนังสือน้องมักบ่นงุ้งงิ้งให้ผมได้ยินว่าอ่านไม่รู้เรื่อง เพราะเส้นผมแยงตาบ้างล่ะ รำคาญบ้างล่ะ และพาลให้เจ้าตัวหงุดหงิด จนผมเองเกือบโดนหางเลขไปด้วย ทำให้สามีแสนดีอย่างผม ต้องรีบหาวิธีบรรเทาความหงุดหงิดของเด็กน่ารักอย่างด่วน โดยใช้ยางรัดผมของเหมยอิงที่วางอยู่แถวนั้น มามัดจุกบนหัวน้องให้ด้วยตัวเอง
แรกเห็นผมถึงกลับหลุดหัวเราะ จนเจ้าตัวเกือบงอนและรีบแกะออกแทบไม่ทัน เหตุผลที่ผมหัวเราะไม่ใช่ว่าน้องดูตลกมากมายอะไร แต่เพราะน้องดูน่ารักน่าเอ็นดูแปลกตามากกว่า ด้วยวงหน้าใสไม่มีอะไรบดบัง จนเผยแก้มใสๆ ปากแดงๆ และหน้าผากเนียนๆชัดตา
ซึ่งครั้งนั้นเองผมถึงกลับอดใจไม่ไหว เข้านัวเนียสูดกลิ่นแก้มและขโมยจูบปากแดงๆของน้องอยู่นาน กว่าจะปล่อยให้น้องอ่านหนังสือต่อได้ ผมก็โดนบ่นจนหูเกือบชา ทั้งๆที่คนบ่นแก้มและหูแดงเถือกไปหมด แต่ก็คุ้มค่ากับการที่ทำให้น้องธันว์ได้มั่นใจว่าผมชอบน้องลุคนี้ ก็น้องน่ะทั้งน่ารักน่าฟัดมากนี่ครับ
จนตอนนี้เจ้าตัวไม่มีขัดเขิน แถมยังเป็นคนยัดเยียดให้ผมเป็นคนมัดให้อีก เรียกได้ว่าเป็นหน้าที่อันยิ่งใหญ่ของนายน้อยหวางหลี่ผิงเลยก็ว่าได้ ที่ต้องคอยมัดจุกให้คุณภรรยาตัวน้อย แถมพอผมมัดให้เสร็จ เด็กน่ารักยังมียิ้มตาหยียั่วยวนผมแบบไม่ตั้งใจอีกด้วย
“ครับ!?” ผมไม่ได้ตั้งใจกวนเวลาน้องอ่านหนังสือเลยนะครับ แต่มือมันไปเอง เผลอไปลูบแก้มใสๆเข้า จนเจ้าของแก้มเงยหน้าขึ้นและส่งเสียงถามออกมาตามที่ได้ยิน
จากที่นั่งเอนพิงพนักโซฟา ผมจึงโน้มตัวมาด้านหน้า เพื่อยื่นหน้าส่งยิ้มให้คนที่นั่งพื้นอยู่ปลายเท้า และไหนๆน้องก็ละความสนใจจากหนังสือแล้ว ผมจึงตัดสินใจบอกถึงสิ่งที่เพิ่งรับรู้มา
“นายอเล็กซ์ถูกพามาไว้ที่แก๊งแล้ว น้องธันว์ยังจะไปกับเฮียมั้ยครับ” ตาตี่ๆเบิกกว้าง ก่อนคิ้วเข้มจะค่อยๆขมวดจนเป็นปมอยู่กลางหน้าผาก พร้อมริมฝีปากที่ขบเม้มไว้แน่น ส่วนแววตาน้องก็ว้าวุ่นเหมือนตัดสินใจไม่ถูก
ผมจึงตัดสินใจจับเอวบางไว้ ก่อนยกร่างน้อยขึ้นมานั่งซ้อนบนตัก และรวบเอวเด็กผมจุกเข้าหาตัว
“ไม่ต้องไปก็ได้ครับ ปล่อยให้เฮียจัดการเอง น้องธันว์อ่านหนังสือสอบต่อดีกว่านะ” ระหว่างที่กล่อมให้คนน่ารักได้อยู่บ้านอ่านหนังสือ ทั้งจมูกและปากผมก็วนเวียนอยู่ข้างแก้มใสไปด้วย แถมส่งมือไปลูบต้นขาเนียนๆ ที่โผล่พ้นกางเกงขาสั้นแบบอยู่บ้านของน้อง อย่างไม่คิดจะห้ามใจ
“ธันว์ขอไปด้วย ธันว์อยากรู้ว่านายนั่นจะมีคำแก้ตัวยังไง ขืนไม่ถูกหู ธันว์จะได้สั่งลงโทษให้หนักๆเลย อยากมาทำร้ายเพื่อนรักของธันว์ดีนัก” เด็กผมจุกน่ารักทำสีหน้ามุ่งมั่นหันมาพูดกับผม ด้วยดวงตาที่เรืองแสงเอาจริง จนไม่ทันรู้ตัวว่าถูกผมหาเศษหาเลยกับตัวเองอยู่
ผมพยายามเก๊กหน้าขรึมจ้องตาน้องธันว์เข้าไว้ แต่แอบสอดปลายนิ้วไล้ผิวเนียนภายใต้ปลายขากางเกงน้องเบาๆไปด้วย แม้ยามมองดวงหน้าใสที่มีจุกผมเล็กๆบนหัว จะให้ความรู้สึกน่ารักน่าเอ็นดู ขัดกับคำพูดและสายตาจริงจังที่น้องมีก็ตาม แต่ผมรู้ว่างานนี้คนรักเพื่อนอย่างน้อง ไม่มีทางปล่อยไอ้นักร้องนั่นลอยนวลแน่ และคงทำตัวสมกับเป็นเมียมาเฟียก็ครั้งนี้แหละ ผมจึงไม่คิดจะขัดใจเด็กน่ารัก และพาน้องเข้าแก๊งเพื่อไปเคลียร์เรื่องด้วยตัวเอง
คนที่เคยมุ่งมั่นมีแววตาเอาจริงเมื่อชั่วโมงก่อน กลับยืนหน้านิ่งมือเย็น จ้องภาพเหตุการณ์เบื้องหน้าตาไม่กระพริบ จนผมแอบหวั่นในอาการของคนรัก ด้วยกลัวว่าน้องธันว์จะล้มลงต่อหน้า เพียงเพราะเห็นไอ้อเล็กซ์โดนสั่งสอนต่อหน้าต่อตา จนมันหน้าช้ำเลือดกลบปากนั่งหมดสภาพอยู่ตอนนี้
ผมจึงกระชับเอวน้องเข้าหาตัว และลูบหัวไหล่เบาๆอย่างปลอบประโลม นาทีนี้ผมอยากเปลี่ยนใจพาน้องกลับคฤหาสน์เลยทีเดียว แต่คำตำหนิจริงจังของอากงไป๋หลงกลับดังขึ้นมา เรื่องที่ผมนั้นฟูมฟักเฝ้าทะนุถนอมคนรักตัวน้อยจนเกินไป ซึ่งจะเป็นผลเสียแก่น้องมากกว่าผลดี ทำให้ผมต้องทำใจแข็ง ปล่อยน้องได้เผชิญหน้ากับความรุนแรงบ้าง แถมน้องธันว์เป็นคนเอ่ยปากเองว่าอยากมาจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ที่สำคัญผมก็ไม่แน่ใจว่า หากผมต้องเป็นคนจัดการมันเอง ไอ้คนตรงหน้าอาจจะไม่มีชีวิตรอดกลับไปอีกก็เป็นได้
“ผมจำพวกคุณได้ จับผมมาทำไม โอ๊ย!” แววตาสับสนของไอ้อเล็กซ์จ้องมาทางเราทั้งคู่ แต่กลับไม่มีแววเกรงกลัวสักนิด ก่อนมันจะโดนอาอู๋กระชากเส้นผมให้กลับมานั่งตัวตรงเหมือนเดิม
“นายทำอะไรไว้ ยังไม่รู้ตัวอีกรึไงเล่า!” ผมหรี่ตาพร้อมอมยิ้ม ให้เจ้าของประโยคดุดันที่ยืนกุมมือผมไว้แน่น แต่ใบหน้ากลับถมึงทึง จนเกือบน่ากลัว!!
ถ้าริมฝีปากแดงๆของน้องธันว์จะไม่ยื่นน้อยๆ ด้วยท่าทางแสนงอนที่ผมคุ้นตา ซึ่งผมไม่คิดจะขัดมาเฟียฝึกหัดตัวน้อยคนนี้ เพราะอยากให้น้องได้จัดการเพื่อเพื่อนสนิทด้วยตัวเองดูสักครั้ง ที่สำคัญผมอยากรู้ว่าน้องธันว์จะดุจะโหดได้มากแค่ไหน เพราะผมจะได้เฝ้าระวังระดับความรุนแรงทางอารมณ์ของน้องได้ถูก หากต้องเจอกับตัวเข้าสักวัน
“ผม อูย...ทำอะไร พวกคุณถึงต้องจับผมมา” ไม่ว่าไอ้นักร้องเลวนี่มันจะแกล้งไม่รู้เรื่อง หรือจงใจปกปิดความผิดของตัวเองก็แล้วแต่ แต่คำพูดของมัน ทำให้มาเฟียตัวน้อยของผมโมโหเข้าแล้ว
น้องธันว์ปล่อยมือผมที่ตัวเองกุมไว้ตั้งแต่เข้ามาในห้องคุมขังห้องนี้ และปรี่เข้าหาไอ้อเล็กซ์ที่นั่งหมดสภาพตรงหน้าทันที ทำให้ผมต้องส่งสัญญาณให้อาอู๋ที่อยู่ใกล้คนทั้งคู่ที่สุด ได้ระวังความปลอดภัยให้น้อง ส่วนตัวเองค่อยๆสาวเท้าเข้าไปยืนซ้อนหลังน้องอย่างช้าๆ ด้วยไม่อาจไว้ใจไอ้นักร้องนั่นได้ แม้มันจะเจ็บแต่หากฮึดสู้ คิดทำร้ายน้องธันว์ขึ้นมาจะยุ่ง
“คนที่ไม่รู้ตัวว่าทำผิด มันน่าจะโดนมากกว่านี้นะ นายนี่มัน!...ก็ได้ ถ้ายังแกล้งไม่รู้เรื่องอยู่ ฉันจะบอกเองว่าเพราะอะไร ถึงทำให้นายมานั่งอยู่ตรงนี้” ทั้งเสียงทั้งท่าทางของน้องธันว์ ผมถือว่าสอบผ่านการเป็นมาเฟียฝึกหัดนะครับ ‘ดุ โหด เด็ดขาด’ เป็นที่สุด
“นายข่มขืนเพื่อนฉัน...ไม่ต้องทำหน้าเป็นหมางงเลย หลังงานมีทติ้งเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา นายวางยานลินและข่มขืนเธอ...ทำหน้าแบบนี้จำได้แล้วล่ะสิ หึ! ดี พี่อู๋ครับ ผมขออีกสักสามสี่หมัด เอาให้พอหยอดน้ำข้าวต้มสักอาทิตย์”
ผมพยายามกลั้นยิ้มสุดกำลัง กับบทลงโทษของมาเฟียน้อยที่รัก บทลงโทษอะไรช่างดูรุนแรงขนาดนั้น แต่ผมไม่คิดค้านเพราะอย่างที่บอก งานนี้ผมยกหน้าที่ให้น้องตัดสินใจคนเดียวเลย และเป็นจังหวะเดียวกับที่เจ้าของหน้าบึ้งๆหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้ากัน
น้องธันว์ขมวดคิ้วส่งคำถามผ่านสายตาเข้มๆมาให้ทันที จนผมต้องเก๊กหน้าส่ายหัวน้อยๆเป็นการปฏิเสธ แต่ยังไม่ทันที่มาเฟียน้อยจะสั่งลงโทษผมอีกคน ไอ้อเล็กซ์นั่นก็ส่งเสียงเบาๆไม่พ้นคอออกมา ก่อนจะค่อยๆดังขึ้น จนกระตุ้นต่อมโมโหของเด็กน่ารักเข้า
“ไม่ได้ทำ...ผมไม่ได้ข่มขืนนลิน!...[พัวะ!]...โอ๊ย!” หมัดน้อยๆของน้องปะทะเต็มข้างแก้มไอ้อเล็กซ์เลยทีเดียว ทำเอามันร้องโอดโอยไม่เป็นภาษา ผมถลาตามน้องแทบไม่ทัน แต่ก็ไม่คิดห้าม ยังคงปล่อยให้น้องธันว์ได้ทำตามแต่ใจ
“นายไม่เหลือความเป็นลูกผู้ชายเลยใช่มั้ย ทำผิดก็ต้องยอมรับสิ มันน่านัก ทีแรกว่าจะปล่อยกลับแล้วเชียว แต่เมื่อไม่สำนึก นายคงต้องอยู่ที่นี่จนกว่าจะสำนึกว่าตัวเองทำผิด!!” ผมแตะบ่าเล็กที่แข็งเกร็ง เพื่อให้น้องได้ใจเย็นลงบ้าง เพราะตอนนี้น้องตะเบ็งเสียงจนเสียงเริ่มสั่นไปหมดแล้ว
ผมรู้ว่าน้องคงโกรธไอ้อเล็กซ์มาก จนแทบอยากฆ่ามันให้ตายตรงนี้ แต่เด็กน่ารักของผมก็ยังมีสติพอไม่คิดทำการวู่วาม เพราะหากน้องสั่งการตามที่ใจคิด ผมก็คงไม่ขัด และอาอู๋เองก็พร้อมทำตามคำสั่งว่าที่นายหญิงตระกูลหวางคนนี้อยู่แล้ว
“ผมไม่ได้วางยา และไม่ได้ข่มขืนนลินจริงๆ...ผมเห็นเธอกำลังหมดสติต่อหน้า จึงช่วยเธอไว้ อูยยย แต่ไม่รู้ว่าเธอพักที่ไหน จึงพานลินกลับคอนโดตัวเอง”
ถ้อยคำอธิบายพร้อมเสียงสูดปากด้วยความเจ็บของไอ้อเล็กซ์ ทำให้ผมและน้องธันว์พุ่งความสนใจไปทันที ด้วยช่วงเวลาดังกล่าวที่มันเล่า ทางน้องนลินไม่มีข้อมูลให้เราเลย แต่เราก็ไม่สามารถเชื่อมันทุกคำได้ คงต้องรอฟังต่อล่ะครับว่ามันจะว่าอย่างไร
“ไม่ได้ข่มขืน แล้วทำไมไอ้นลินถึงตื่นมาในสภาพที่ไม่มีเสื้อผ้าติดตัวกัน” น้ำเสียงคาดคั้นของน้อง ทำเอาไอ้อเล็กซ์ละสายตาจากผมไปจ้องน้องแทน
“เธอถอดของเธอเอง ผมไม่ได้ล่วงเกินนลินเลยสักนิด เพราะแค่แตะโดนตัวเธอเพื่อจะห้าม หมัดก็ลอยมาเกือบโดนหน้า...แถมตื่นมา ยังไม่ทันพูดจากันให้รู้เรื่อง เธอก็อัดผมซะน่วมคาเตียง อูยยย”
หลังประโยคยาวๆของไอ้อเล็กซ์แห่งวง Chic ทำเอาบรรยากาศในห้องวังเวงเงียบกริบขึ้นมาทันตา แต่อย่างที่บอกว่าเราไม่สามารถเชื่อคำพูดมันได้ทั้งหมด เพราะนี่เป็นเพียงคำแก้ต่าง หากอยากรู้ว่าจริงมั้ย คงต้องส่งคนไปหาหลักฐานมา แต่คงมีหนึ่งคนในนี้ที่เริ่มรู้สึกผิดขึ้นมา กับคำพูดที่เราไม่รู้ว่าจริงรึเปล่าเข้าแล้ว
น้องธันว์เงยหน้าสบตาผมด้วยแววตาสั่นไหวไม่แน่ใจ จนผมต้องกุมมือน้องไว้เพื่อส่งกำลังใจไปให้ ก่อนหันไปจ้องตาไอ้นักร้องหน้าเยินด้วยคราบเลือดและรอยช้ำ ซึ่งมันเองก็จ้องผมไม่มีหลบ แถมไม่มีแววกลัวเกรงให้เห็น ไม่ต่างจากแรกเจอ
“ผมพูดเรื่องจริง”
“จริงไม่จริงเดี๋ยวก็รู้ แต่นายคงต้องอยู่ที่นี่ไปก่อน...อาเป๋าส่งคนไปหาหลักฐานมา ทั้งที่โรงแรมและที่คอนโดนายนี่...หากความจริงไม่เป็นตามที่นายบอก บทลงโทษคงไม่จบแค่นี้...ไปครับน้องธันว์”
ผมคาดโทษไอ้อเล็กซ์เสร็จ จึงหันมาจูงมือน้องเตรียมออกจากห้อง เพราะใบหน้าซีดเซียวหลังน้องได้ยินคำพูดนั้น ทำเอาผมเป็นห่วงความรู้สึกน้องจับใจ
“เอ่อ...นลินเป็นอย่างไรบ้าง ผมเป็นห่วง”
“ตอนนี้ห่วงตัวนายเองก่อนเถอะ” ผมไม่ได้หันกลับไปมองเจ้าของคำถาม แต่เลือกที่จะปรามมันด้วยเสียงนิ่งๆมากกว่า ก่อนรีบพาเด็กตาแป๋วที่เงยหน้าขึ้นสบตากัน และทำท่าจะหันกลับไป ได้เดินออกจากห้อง ดูทีท่าน้องธันว์ผมก็รู้แล้ว ว่าเชื่อในสิ่งที่นายนั่นพูดไปกว่าครึ่ง
เมื่อออกมาจากห้องที่ใช้คุมขังนายอเล็กซ์ น้องธันว์ทำท่าจะต่อสายถึงน้องนลินแต่ผมห้ามไว้ก่อน เพราะเรื่องที่จับไอ้อเล็กซ์มานั้น น้องนลินไม่รู้เรื่อง ขืนน้องธันว์โทรไปความคงแตก และเพื่อนจะแตกคอกันซะก่อนได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่หากสืบความจริงและเป็นไปตามที่ไอ้นั่นมันบอก
ถึงตอนนั้นจะซักจะถาม หรือจะบอกความจริงให้น้องนลินได้รู้ ผลที่ออกมาคงดีกว่ากันมาก ผมจึงเบนความสนใจของน้อง ด้วยการพาไปทานมื้อเย็นข้างนอก แต่สีหน้าซึมๆเหมือนคนที่กำลังรู้สึกผิด ทำเอาผมไม่สบายใจนัก หรือผมจะคิดผิดที่ให้น้องเข้ามาจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง
จนกระทั่งอาอู๋เข้ามารายงานว่าอาเป๋าได้เรื่องที่ผมให้ไปสืบแล้ว สมกับเป็นคนสนิทที่ผมไว้ใจ เพราะใช้เวลาไม่ถึงสามชั่วโมง ภาพในกล้องวงจรปิดทั้งที่หน้าโรงแรมที่จัดมีทติ้ง และหน้าคอนโดของไอ้อเล็กซ์ได้มาอยู่ในมือผมแล้ว
“อ๋อยยย...เฮีย นายอเล็กซ์นั่นไม่ได้โกหก” น้องธันว์เงยหน้าจ๋อยๆขึ้นมองผม ก่อนเอนหัวเข้าพิงหัวไหล่ด้วยท่าทางหมดแรง
ผมจึงได้แต่ลูบหัวปลอบใจน้อง พลางจ้องภาพในจอที่มีไอ้อเล็กซ์นั่น ช้อนตัวน้องนลินขึ้นอุ้มได้ทันท่วงที ก่อนที่น้องนลินจะล้มพับไปกับพื้น ส่วนภาพที่คอนโดก็ไม่ต่างจากนี้เท่าไหร่ ซึ่งเห็นเพียงน้องนลินถูกอุ้มจากลานจอดรถพาเข้าห้อง แต่ภาพภายในห้องพักนั้นไม่มี เราจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรระหว่างสองคนบ้าง แต่จากสายตาจริงจังของไอ้อเล็กซ์ที่ผมได้สบก่อนหน้า มีเปอร์เซ็นต์สูงที่นายนั่นจะพูดความจริง ซึ่งไม่ผิดไปจากสิ่งที่น้องธันว์คิดสักนิด
“เฮียหลี่ผิง ธันว์รู้สึกผิดจังเลยที่สั่งให้ไปจับตัวนายอเล็กซ์นั่นมา แถมยัง...”
“ชู่ๆๆๆ ไม่เอาครับ หากเรื่องนี้จะมีคนผิด ก็คงผิดกันหลายฝ่าย โดยเฉพาะเฮียที่ไม่ยอมรั้งน้องธันว์ไว้ ได้แต่ตามใจและไม่สืบให้ดีซะก่อน แต่ในเมื่อเรารู้ความจริงแล้ว เราแก้ไขได้นี่ครับ และครั้งนี้ถือว่าเป็นบทเรียนเราทั้งคู่ด้วย ใช่มั้ย” น้องธันว์เงยหน้าขึ้นจากไหล่ผม ก่อนจะคลี่ยิ้มและพยักหน้าน้อยๆให้ผมแทนคำตอบ ซึ่งผมก็ต้องยิ้มกว้างไปกว่าเดิม เมื่อน้องแตะจูบมาที่ปลายคางพร้อมคำขอบคุณเบาๆ
หลังจากนั้นผมก็ให้คนพาตัวไอ้อเล็กซ์นั่นมา โดยสั่งให้หาเสื้อผ้าชุดใหม่และพามันไปชำระล้างคราบเลือด ก่อนพาเข้ามาในห้องที่เราอยู่ พร้อมหาอาหารเตรียมไว้ให้ด้วย ไม่นานนายอเล็กซ์ที่อยู่ในสภาพดีกว่าครั้งล่าสุดที่ผมเห็น ก็เดินหน้าบวมแก้มช้ำปากแตกเข้ามาด้วยใบหน้านิ่งสงบ
“ทานอาหารก่อน แล้วเราค่อยคุยกัน” หลังคำพูดผมแล้ว นักร้องนำแห่งวง Chic ทำเพียงการถอนหายใจเบาๆ ก่อนหยิบช้อนขึ้นและตักซุปเข้าปาก มีบ้างที่สูดปากส่งเสียงออกมาด้วยความเจ็บแสบ
เมื่อผมก้มมองคนข้างตัวก็ให้อมยิ้มอารมณ์ดี เพราะยามที่น้องมองไอ้อเล็กซ์นั่น น้องธันว์ทำสีหน้าเหยเกเหมือนว่าเป็นคนเจ็บซะเอง ก่อนน้องจะส่งยิ้มแหยๆหัวเราะแหะๆ เพียงเพราะนายนั่นผงกหัวขึ้นมามอง บ่อยครั้งเข้านายอเล็กซ์เองถึงกลับกระตุกยิ้มส่ายหน้าให้ด้วยสายตาเอ็นดู
แต่ทำเอาเจ้าของเด็กน่ารักอย่างผมหุบยิ้มแทบไม่ทัน ตาและเท้ากระตุกอย่างไม่ตั้งตัว ก่อนผมจะเชยคางน้องให้หันมามองกัน และจงใจจ้องตาน้องพร้อมส่ายหน้าปราม เพื่อให้น้องได้รู้ตัวว่าอย่าไปทำตัวน่ารักน่าเอ็นดูให้คนอื่นได้ชื่นชม ซึ่งน้องธันว์เองก็ไม่ได้รู้ตัวสักนิด เพราะน้องขมวดคิ้วมุ่นและจ้องผมด้วยแววตาสงสัย ผมจึงก้มหน้าเพื่อกระซิบชิมริมใบหูหอมของน้อง
“อย่าทำหน้าตาน่ารักใส่คนอื่นสิครับ”
“ธันว์ไม่ได้ทำหน้าแบบนั้นซะหน่อย เฮียมั่วแล้ว”
แน่ะ! เตือนแล้วน้องก็ยังทำ ยิ่งปากจู๋ๆแก้มพองๆเนี่ยมันน่ารักน่าฟัดนักเชียว แต่ยังดีที่คราวนี้น้องทำใส่ผม ไม่ใช่ไอ้คนที่กินไปยิ้มไปคนนั้น
“อะแฮ่ม!...ผมอิ่มแล้ว เรามาคุยกันต่อเถอะครับ” ผมชะงักใบหน้าที่กำลังยื่นเข้าหาคนแก้มใสปากแดง ก่อนจะค่อยๆผินหน้าไปยังไอ้คนพูดอย่างช้าๆ
น้องธันว์เองก็ทำกิริยาไม่ต่างจากผมนัก แต่พอน้องรู้ตัวว่าเผลอแสดงความใกล้ชิดกับผม ต่อหน้าคนอื่นก็สายไปแล้ว ทำเอาคนน่ารักก้มหน้างุดหนีสายตาไอ้อเล็กซ์แทบไม่ทัน ผมจึงรั้งต้นคอขาวเอาใบหน้าแดงๆของน้องมาซ่อนไว้กับอก และหันไปถลึงตาทำหน้าโหดใส่ไอ้นักร้องนั่น ไอ้อเล็กซ์ถึงกลับทำหน้าเหยและยกมือทั้งสองข้างขึ้นระดับอก พร้อมส่ายหน้าแรงๆเลยทีเดียว
‘เออ ให้มันรู้ซะบ้าง ว่าอย่าเล่นของสูง’
“เรื่องที่เราจับตัวนายมาเป็นเรื่องเข้าใจผิด ขอโทษด้วยก็แล้วกัน” สิ้นคำขอโทษของผม ไอ้อเล็กซ์มันทำสีหน้าประมาณว่า ‘แค่เนี้ยเหรอ’ อะไรแบบนั้น ก็แล้วจะต้องมีอะไรมากกว่าคำขอโทษล่ะว่ามั้ยครับ
“หึ! เอาเถอะ แล้วนายต้องการค่าเสียหายเท่าไหร่ก็ว่ามา แต่คิดให้ดีๆนะ อย่าให้มันโลภมากนัก” ผมจ้องตาเอาเรื่องของนายอเล็กซ์ไม่คิดจะหลบ
ในเมื่อผมยื่นข้อเสนอดีๆให้แล้ว หากไม่คว้าไว้ผมก็ไม่ตื๊อ เพราะถือว่าเอ่ยขอโทษ และให้โอกาสนายนี่กอบโกยแล้ว แต่ถ้ามันมากนักล่ะก็...
“ผมไม่ต้องการค่าเสียหาย” เออ! นายนี่มาแปลก เล่นตัวไม่รับเงินซะด้วย แต่อย่างที่บอกว่าผมไม่ตื๊อ
“ดี...อาเป๋าพามิสเตอร์เหวินหมิงส่งให้ถึงคอนโดอย่างปลอดภัย ไปครับน้องธันว์กลับบ้านกัน” ผมเตรียมจูงมือคนรักตัวน้อยกลับตามที่พูด เพราะถือว่าเคลียร์เรื่องวุ่นๆจบแล้ว
แม้จะเหลือปริศนาคาใจอีกข้อว่าใครที่เป็นคนวางยาน้องนลินก็ตาม แต่คงไม่ยากถ้าจะตามสืบอย่างจริงจัง
“เดี๋ยว!...ผมไม่ต้องการค่าเสียหายก็จริง แต่ผมมีสิ่งที่อยากได้” ผมแสยะยิ้มใส่ตาไอ้อเล็กซ์ทันทีที่ได้ยินสิ่งที่มันพูด ทำเป็นปากดีที่แท้ก็ยังอยากได้สิ่งตอบแทน ดีเหมือนกันจะได้ไม่มีสิ่งค้างคาต่อกันอีก
ผมทำเพียงเลิกคิ้วพร้อมแสยะยิ้มเย็นมองไอ้อเล็กซ์ และรอว่าสิ่งที่มันต้องการคืออะไร
“ผมต้องการพบนลิน อยากคุยกับเธอด้วยตัวเอง” คำตอบของมันผิดไปจากที่ผมคิดไว้ไปไกล ทำให้ผมต้องหันกลับมาพิจารณาไอ้นักร้องนำแห่งวง Chic ใหม่ซะแล้วครับ
“และอยากช่วยหาคนที่วางยานลินด้วย เพื่อพิสูจน์ตัวเองแก่ทุกคนว่าผมไม่ใช่คนฉวยโอกาส” สายตาจริงจังที่จ้องสบตาผมไม่มีหลบ พร้อมคำพูดจริงใจนั้น ทำให้อคติที่ผมมีต่อคนตรงหน้าเริ่มจางหายไป
แต่จะให้ผมเชื่อคำพูดมันทั้งหมดก็คงไม่ใช่ แต่สิ่งที่ไอ้อเล็กซ์เสนอมานั้น มันเป็นผลดีกับทางเราไม่น้อย เพราะการหาตัวคนร้ายคงจะง่ายขึ้น
“เรื่องที่คุณอยากช่วยหาคนร้าย ผมยินดีมาก แต่เรื่องนลิน....ผมไม่รับปากว่าเพื่อนผมจะยอมคุยกับคุณมั้ย”
ผมก้มมองใบหน้าหนักใจของน้องธันว์ที่มองไปทางนายอเล็กซ์นั่น และเข้าใจในสิ่งที่น้องคิดอยู่ ด้วยเป็นเรื่องยากที่น้องนลินจะยอมมานั่งคุยดีๆ กับคนที่น้องนลินฝังใจไปแล้วว่าเป็นคนข่มขืนตนเอง และมันคงยากในความรู้สึกของน้องธันว์ ตั้งแต่การที่จะไปอธิบายถึงความจริงที่เรารู้แก่น้องนลินแล้ว
“คุณธันว์ช่วยผมหน่อยนะครับ ผมอยากคุยกับเธอจริงๆ”
ผมว่างานนี้นายอเล็กซ์คงไม่ใช่แค่อยากจะคุยกับนลิน เรื่องที่เข้าใจผิดอย่างเดียวแล้วล่ะครับ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นจริง แค่ให้ผมกับน้องธันว์คุยให้ก็ได้ แถมไม่ต้องเสี่ยงโดนน้องนลินสอยก่อนได้คุยกันด้วย การที่มันขอร้องอยากเจออยากคุยกับน้องนลินมันต้องมีบางสิ่งแอบแฝงอยู่อย่างแน่นอน
สังเกตได้จากสายตามุ่งมั่นจริงจังคู่ตรงหน้า ผมก็พอเดาได้ ดูท่าสาวแกร่งของเราคงโดนใจนายนักร้องดังนี่เข้าแล้ว แต่ผมก็ไม่รู้นะว่าหากน้องธันว์ได้รู้ในสิ่งที่ผมคิด น้องจะยอมตกปากรับคำช่วยเหมือนที่กำลังทำอยู่มั้ย
.........................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ
อัยยะ! น้องธันว์เป็นเมียมาเฟียอย่างเดิมน่ะดีแล้วเนอะ

ดูสิ ขนาดเก๊กหน้าเก๊กเสียงอย่างโหด(หรา)ยังเก็บความน่ารัก
น่าเอ็นดูไม่มิดเลย ทำเอามาเฟียใหญ่เผลอนัวเนียใส่ตลอดๆ 555
ส่วน ‘มัน’ ที่ว่าไว้ คงรู้แล้วเนอะว่าคืออะไร ไม่รู้ว่าอเล็กซ์แอบไป
ถูกตาต้องใจกับสาวซ่าอย่างนลินตอนไหนสิน่า

ตอนหน้าเจอกันอีกทีวันสีชมพูนะคะ
+1และเป็ดให้ทุกเม้นท์เช่นเดิม ขอบคุณทุกการติดตามค่ะ
