ตอนที่ 35ธันว์ “วันนี้ทุกกลุ่มทำได้ดีมาก เหลือวิชาที่ต้องสอบอีกไม่กี่ตัว พวกคุณก็จะจบเป็นวิศวกรเต็มตัวแล้ว ขอให้พยายามกันอีกนิด...แล้วเจอกันวันสอบนะเด็กๆ” สิ้นเสียงอาจารย์ที่อยู่หน้าห้อง พวกผมที่นั่งอยู่ต่างส่งเสียงตอบรับด้วยความดีใจ
คล้อยหลังบรรดาอาจารย์ที่เข้าร่วมให้คะแนนการนำเสนอผลงานโครงการแล้ว พวกเพื่อนๆร่วมชั้นปีของผมส่วนใหญ่ก็จับกลุ่มคุยโขมง จนเสียงดังเจี๊ยวจ๊าวลั่นห้อง บ้างหัวเราะบ้างโวยวายไปตามประสา เพราะเหมือนได้ปลดปล่อยหลังเคร่งเครียดจากการเตรียมพรีเซนมาร่วมอาทิตย์
แต่มีเพียงหนึ่งที่แตกแยก นั่งหน้าเครียดตาดำเป็นหมีแพนด้า หมดราศีสาวแสบซ่าประจำรุ่น ซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจากสาวนันท์นลินเจ้าแม่บัวงามประจำกลุ่มผม
‘ชิ้งงงง ~’ ตาสบตาจ้องประสาน พลันก่อเกิดคู่รักสะท้านโลกันต์ขึ้น....’ไม่ใช่แล้ว’ หากแต่มีคนที่หันมาสบตาผมที่รอท่าอยู่แล้ว และจ้องกลับสายตาคาดคั้นของผม ก่อนมันจะเบือนหลบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ไอ้นลินรวบข้าวของตรงหน้าได้ก็จะลุกพรวดพราดออกจากที่ ด้วยท่าทางเร่งร้อน นี่มันท่าทางของคนที่มีพิรุธกำลังปิดบังความลับชัดๆ ซึ่งผมจะไม่ยอมให้เรื่องมันค้างคานานไปกว่านี้แล้ว ผมหันไปสบตาไอ้นนที่นั่งข้างๆ ก่อนออกคำสั่งให้เพื่อนที่รออยู่แล้วได้ทำตาม ด้วยไอ้นนตอนนี้คงรู้สึกไม่ต่างจากผมนัก
“ไอ้นน จับตัวมันไว้” ไอ้นี่ก็ไวทายาท เพราะยังไม่ทันสิ้นเสียงผม
ไอ้นนก็ลุกพรึบก้าวตามหลังไอ้นลินไปติดๆ แต่เป็นภาระผมที่ต้องเก็บข้าวของของเราสองคน ก่อนจะได้ตามมันทั้งคู่ออกมานอกห้อง จนทันได้ยินเสียงโวยวายของไอ้นลินดังขึ้นที่ชานพักบันได ไม่ไกลจากห้องพรีเซนมากนัก
“ไอ้นน มึงจะจับกูไว้ทำไม กูรีบ”
“มึงจะรีบไปไหน บอกกูสิ พรีเซนก็เพิ่งเสร็จ จะมีอะไรให้มึงต้องวิ่งหนีหางจุกตูดแบบนี้....นันท์นลิน! คุยกันก่อน”
ผมมาทันมันสองคน ในจังหวะที่ไอ้นนเรียกชื่อจริงของไอ้นลินพอดิบพอดี ด้วยน้ำเสียงจริงจังไม่แพ้แววตา ทำเอาผมและเจ้าของชื่อถึงกลับอึ้งจ้องไอ้นนตาค้าง เพราะไม่บ่อยนักที่เพื่อนผิวเข้มหน้าตาคมคายคนนี้ จะอยู่ในโหมดเคร่งเครียดเท่าตอนนี้ ด้วยปกติไอ้นนมันอารมณ์ดีกวนตีนเป็นนิจ ซึ่งไอ้นลินเองคงรู้สึกเหมือนผม มันหันมาสบตาผมด้วยแววตาว้าวุ่น ก่อนหันไปมองไอ้นนอย่างเกรงๆ หากเป็นยามปกติไม่มีซะล่ะที่เจ้าแม่นลินจะมีท่าทางเยี่ยงนี้
“ไอ้นน ใจเย็นๆมึง...นลิน กูว่าเราต้องคุยกันจริงจังแล้วว่ะ” ผมเข้าไปปลดมือไอ้นนจากต้นแขนไอ้นลิน ก่อนจะจูงมือไอ้นลินให้เดินลงบันไดมาด้วยกัน
ผมที่เดินนำหน้าก็ต้องอมยิ้ม เมื่อเจ้าของฝีเท้าหนักๆที่เดินตามหลัง เอ่ยขอโทษเพื่อนผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มเราด้วยเสียงอ่อยๆ ก่อนจะมีเสียงตอบรับเบาๆแค่ลำคอออกมาจากคนที่ผมจับจูง มิตรภาพความเป็นเพื่อนของเราสามคนไม่ได้เกิดเพียงชั่วข้ามคืน แต่มันถูกถักทอมาอย่างยาวนาน ดังนั้นเหตุการณ์เมื่อครู่จึงไม่ใช่เรื่องใหญ่ จนเพื่อนไม่อาจให้อภัยกันได้ ที่สำคัญไอ้นนทำไปเพราะเป็นห่วงไอ้หญิงซ่าประจำกลุ่มเท่านั้นครับ
..............................
“...ครับ ธันว์อยู่กับไอ้นนไอ้นลินที่คอนโดพวกมัน...เฮียไม่ต้องห่วงนะ พี่อู๋ก็อยู่ด้วย...ครับ...ครับ...อืม คิดถึงเหมือนกัน....บายครับ” ผมงึมงำเบาๆตอบรับปลายสาย ก่อนจะเงยหน้าที่เปื้อนยิ้มขึ้น แต่ก็ต้องหุบแทบไม่ทัน
เมื่อเจอสายตาหมั่นไส้เบาๆ จากไอ้นลินที่ทำหน้ามุ่ยมองมาที่ผมอยู่ก่อนแล้ว แต่มันก็ทำให้ผมเบาใจเพราะสีหน้าแววตาไอ้นลิน เกือบกลับมาเป็นนลินคนเดิมของพวกผม ถ้าผมจะไม่เห็นแววหนักใจบางเบาในดวงตาคู่สวยนั่นพ่วงมาด้วย
“ทานของว่างกันก่อนครับ” เสียงนุ่มน่าฟังของพี่เบสผู้เป็นเจ้าของร่วมห้องกับไอ้นนที่พวกเรานั่งอยู่ดังขึ้น พร้อมคุกกี้หลากรสและสมูทตี้สตรอเบอร์รี่ถูกเสิร์ฟมาตรงหน้า
‘สมูทตี้สตรอเบอร์รี่ของโปรดของไอ้นน!’ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อครับว่าหน้าโฉดๆ เอ๊ย! โหดๆแบบไอ้นนจะชอบกินสมูทตี้สตรอเบอร์รี่สีหวานๆแบบนี้ และดูท่าจะถูกใจมันมากเชียวล่ะ เพราะไอ้นนถึงกับยิ้มโชว์เหงือกเห็นฟันเป็นแผงซะขนาดนั้น สุดที่รักอย่างพี่เบสทำให้ทั้งทีนี่เนอะ ผมส่ายหน้าให้กับคนหลงเมีย และปล่อยให้มันออดอ้อนพี่เบสไป ก่อนหันมาส่งแก้วให้ไอ้นลินที่นั่งข้างๆ แต่ก็ทำเอาผมหนักใจอีกครั้ง เพราะมันเริ่มเหม่อด้วยหน้าเครียดๆอีกแล้ว
หลังจากผมลากไอ้นลินลงตึกเรียนมาได้ ผมก็ขอให้พี่อู๋พาผมกับมันมาที่คอนโดที่มันพัก โดยมีไอ้นนขับรถตามกลับมา ก่อนไอ้นนจะเสนอให้ใช้ห้องมันเป็นสถานที่ซักฟอกไอ้นลิน เพราะพี่เบสย้ำไว้ให้เชิญพวกเรามาที่ห้องให้ได้ ด้วยเตรียมของว่างไว้ให้ทุกคนแล้ว
เมื่อสถานที่พร้อมและคนก็พร้อมแล้ว มันคงถึงเวลาที่จะไขข้อข้องใจถึงอาการแปลกๆของไอ้นลินสักที ผมจึงหมุนตัวมาเผชิญหน้ากับไอ้นลินทั้งตัว และจ้องตามันแน่วแน่ ก่อนเอ่ยออกไปด้วยเสียงจริงจัง
“นลิน มึงเป็นอะไร บอกพวกกูสิว่าเกิดอะไรขึ้นกับมึง แต่ขอร้องอย่าใช้คำตอบเดิม เพราะหน้าเครียดๆตาหมองๆแบบนี้ มันชี้ชัดว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับมึงแน่ๆ”
“นลิน กูขอร้องอย่าปิดพวกกู เราเพื่อนสนิทกันนะโว้ย เพื่อนมีความทุกข์ กูจะมีความสุขได้ไงวะ” ไอ้นนพูดด้วยน้ำเสียงและกิริยาไม่ต่างจากผม
ส่วนไอ้นลินที่กึ่งๆเป็นจำเลยมองผมกับไอ้นนสลับไปมา ด้วยสีหน้าลำบากใจ มีชำเลืองไปมองพี่เบสบ้างบางครั้ง จนพี่เบสเองถึงกลับเอ่ยขอตัว ด้วยกลัวว่าตัวเองอยู่แล้วจะทำให้ไอ้นลินไม่กล้าพูด แต่ไอ้นลินก็พูดรั้งไว้และถอนใจยาวเหยียด ก่อนจะหลับตาลงและค่อยๆลืมตาขึ้นมามองพวกเราอย่างช้าๆ แต่ดวงตาที่เคลือบคลอไปด้วยน้ำตาของมัน ทำผมใจหายด้วยไม่เคยเห็นเจ้าแม่บัวงามผู้เข้มแข็ง จะอ่อนแอได้เท่าตอนนี้มาก่อน และคำพูดต่อมาของมันทำเอาผมตัวแข็งค้าง เลือดในกายเย็นเฉียบแบบฉับพลัน
“กูโดนข่มขืน!” น้ำใสๆร่วงหล่นอาบแก้มทันทีที่มันพูดจบ
ผมจึงได้สติเข้าไปดึงตัวมันเข้ามากอด และสัมผัสได้ถึงตัวสั่นๆกับแรงกอดรัดจากไอ้นลิน พาลให้ผมน้ำตาซึมและกอดร่างเพื่อนรักไว้แน่น พร้อมเรียกสติของทั้งไอ้นลินและตัวผมเอง ด้วยการเรียกชื่อมันเบาๆไปด้วย
ผมเข้าใจหัวอกไอ้นลินเลยครับ ว่ามันคงรู้สึกหดหู่และเศร้าเสียใจแค่ไหน อาจถึงขั้นรังเกียจตัวเองไปแล้วด้วยซ้ำ การมีความสัมพันธ์ทางกายกับคนแปลกหน้าทั้งๆที่ไม่สมยอม และหากเป็นคนที่ไม่ได้รักด้วยแล้ว คงให้ความรู้สึกเหมือนตกนรกทั้งเป็นเลยทีเดียว ตัวผมเองหากจะให้ไปมีอะไรกับคนอื่นที่ไม่ใช่เฮียหลี่ผิง ผมก็ไม่เอาด้วยหรอกแค่คิดก็ขยะแขยงแล้ว แล้วไอ้นลินมันทนเก็บความรู้สึกแบบนี้ไว้กับตัวเอง ได้นานขนาดนี้ได้อย่างไรครับ ยิ่งคิดก็ยิ่งสงสารเพื่อนสนิทสุดใจ ผมจึงออกแรงกอดมันไว้แน่นกว่าเดิม ก่อนผมจะรู้สึกว่ามีอีกหนึ่งอ้อมกอด มารวบร่างเราสองคนไว้อีกชั้น
ผมไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ที่เราเพื่อนสนิททั้งสามต่างกอดกันกลมอยู่ในท่านี้ มารู้ตัวก็ต่อเมื่อไอ้คนที่โดนผมกอดเริ่มขยับตัว และมีเสียงสูดน้ำมูกเบาๆ จนทำให้อ้อมกอดทั้งหมดค่อยๆคลายตัวลง
ภาพใบหน้าไอ้นลินที่ซีดเซียว ตาบวม จมูกแดง แก้มเปื้อนคราบน้ำตานั้น ทำให้ผมนึกโมโหไอ้คนที่มันทำกับเพื่อนผมนัก จนอยากจับมันมาหักแขนหักขาให้นอนร้องโอดโอยต่อหน้าซะเดี๋ยวนี้ แต่มันคนนั้นเป็นใครกัน!?
เมื่อครู่ก็มัวแต่ตกตะลึงกับคำพูดของไอ้นลิน จนลืมถามชื่อไอ้ตัวต้นเหตุซะสนิท แต่ไอ้นนที่ลงไปนั่งบนพื้นตรงหน้าโซฟาของเราสองคนแล้วนั้น มันคงคิดไม่ต่างจากผม เพราะมันเป็นฝ่ายถามไอ้นลินออกมาเอง ด้วยน้ำเสียงโกรธแค้นแววตาจริงจัง ทำเอาไอ้คนที่นั่งเช็ดน้ำตาด้วยผ้าเช็ดหน้าที่พี่เบสส่งมาให้ เงยหน้าขึ้นมาทำหน้าเคร่งมีแววตาวาวโรจน์เหมือนจะฆ่าคนได้ออกมา และเราสามคนก็ลุ้นแทบคลั่ง กว่าเจ้าของริมฝีปากที่เม้มสนิทจะค่อยๆเปิดปากบอกชื่อผู้ร้ายออกมา
“เหวินหมิง...อเล็กซ์ แห่งวง Chic”
ผู้ชายรูปร่างสูงโปร่งผิวขาวอมชมพูหน้าตาหล่อจัด ด้วยส่วนผสมของตะวันออกและตะวันตกที่ผสมกันลงตัวอย่างสมบูรณ์แบบ ผู้เป็นหัวหน้าแห่งวง Chic วงบอยแบนด์อันดับต้นๆของฮ่องกง โผล่ขึ้นมาในห้วงความคิดของผม การที่ผมจำสมาชิกวงนี้ได้ไม่ลืม เพราะสมาชิกหนึ่งในนั้นอย่างนายซีอาร์มาชอบมาเฟียรูปหล่อของผมนั่นเอง
“ไอ้อเล็กซ์นั่น...กับมึงยังไง นลิน มึงต้องเล่า พวกกูจะได้หาทางแก้ปัญหาให้มึงได้” ผมตั้งใจเว้นถ้อยคำแสลงใจไว้ ก่อนกุมมือไอ้นลินพร้อมเกลี้ยกล่อมให้มันเล่าความจริงออกมา
ตอนนี้สายตาพวกเราสามคู่จ้องไอ้นลินอย่างรอคอย แม้จะนึกสงสารและเห็นใจมัน แต่พวกเราจำเป็นต้องรู้ว่าเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นได้อย่างไร ซึ่งไอ้นลินมันก็เริ่มเล่าด้วยท่าทางน่าสงสารจับใจ มีน้ำตาซึมหัวตาตลอดเวลาว่า ช่วงก่อนที่จะถึงวันนัดเตรียมงานพรีเซนนั้น มันได้บัตรชมคอนเสิร์ตแบบชิดขอบเวทีมาจากเฮียโจเซฟ ซึ่งเป็นคอนเสิร์ตที่รวมนักร้องดังของค่าย AJ Music Record ของอาเฮียเจ้าของบัตร จัดเพื่อตอบแทนแฟนคลับของนักร้องค่ายนี้โดยเฉพาะ
ไอ้คอนเสิร์ตที่ว่านี่ก็ไม่มีอะไร แต่เรื่องมันเกิดหลังจากคอนเสิร์ตจบนี่แหละครับ เพราะมีงานมีทติ้งให้แฟนคลับได้พบนักร้องที่ขึ้นคอนเสิร์ตวันนั้นโดยเฉพาะ และจำกัดจำนวนผู้เข้างาน ซึ่งไอ้นลินก็เป็นหนึ่งในนั้น เพราะมันถือบัตรโคตรวีไอพีที่ได้รับอภินันทนาการมาจากอาเฮียใจดีนั่นเอง
ในงานมีทติ้งนั้น มีนักร้องในดวงใจของไอ้นลินอยู่หลายคนเชียวล่ะครับ และทำให้มันลืมตัวสนุกจนไม่ทันระวังตัว แต่หนึ่งวงในนั้นไม่ใช่วง Chic เพราะไอ้นลินมันให้เหตุผลว่า เลิกชอบไปแล้วเพียงเพราะนายซีอาร์คิดจะมาแย่งเฮียหลี่ผิงของมันจากอกผม แรกได้ยินบวกหน้าเหวี่ยงๆของไอ้นลินเกือบทำผมหลุดขำ แต่ก็ขำไม่ออกเพราะแก้มซีดๆคู่นั้นที่กำลังเปียกชื้น
ผมจึงได้แต่บีบบ่าเล็กๆนั่นส่งกำลังใจไปให้เพื่อนได้เล่าต่อ ซึ่งมันเองก็สั่งขี้มูกพรืดใส่ผ้าเช็ดหน้าในมือ ไม่มีเกรงใจเจ้าของสุดหล่อที่นั่งตรงข้าม ผู้ที่กำลังระบายยิ้มแหยๆอย่างไอ้พี่เบสสักนิด
ความไม่ระวังตัวของไอ้นลินครั้งนี้ได้ให้บทเรียนครั้งใหญ่แก่มัน เพราะแก้วที่บรรจุเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ไม่มากนั้น กลับแฝงด้วยภัยร้ายจากผู้ไม่ประสงค์ดี จนไอ้คนดื่มมันเริ่มเบลอและหมดสติระหว่างที่พยายามพาตัวเองกลับคอนโด
“เฮ้ย! อย่าบอกนะว่าพอมึงตื่นมา แล้วพบว่าตัวเองเปลือยเปล่าอยู่บนเตียงกับไอ้เชี่ยอเล็กซ์นั่น ไม่เป็นนิยายไปเหรอวะ...ชิ!” ไอ้นนทำหน้าตาเหลือเชื่อ ก่อนสบถเบาๆเมื่อหันมาเห็นไอ้นลินจ้องมันนิ่งๆและปล่อยโฮออกมา
“ฮึก ฮึกๆ....ฮืออออออ” ผมสวมกอดปลอบไอ้นลินแทบไม่ทัน
“นน! พูดอะไรไม่คิดเลยนะครับ” พี่เบสดุไอ้นนเสียงเข้ม ก่อนฟาดฝ่ามือลงบนไหล่กว้างของมันไม่เบานัก แต่ไอ้นนก็ไม่มีบ่นและหันมาเอ่ยขอโทษไอ้นลินเสียงละห้อยไม่แพ้แววตา
ผมกอดและลูบแผ่นหลังเล็กๆของเพื่อน พร้อมปลอบใจให้มันเงียบไปด้วย หันมาสบตากับอีกสองคนที่เหลือก็มีสีหน้าหนักใจไม่ต่างกัน แต่ผมยังมีข้อสงสัยว่าไอ้นายอเล็กซ์นั่น มันเข้ามาพรากจิ้นของไอ้นลินได้ยังไง หรือมันจะเป็นไอ้วายร้ายที่ใส่ยาในแก้วเครื่องดื่มของไอ้นลิน เพราะเพื่อนผมคนนี้ก็ไม่ใช่จะคออ่อนคอพับเมาง่ายนัก ส่วนเหตุผลที่นายอเล็กซ์นั่นทำ น่าจะเป็นการแก้แค้นแทนเพื่อนร่วมวง โดยใช้เพื่อนสนิทของผมอย่างไอ้นลินเป็นเครื่องมือ แต่ระหว่างที่ผมกำลังคลั่งแค้นอยู่นั้น พี่เบสก็ถามคำถามชวนคิดด้วยน้ำเสียงนุ่มๆน่าฟังขึ้นมา
“แล้วนายอเล็กซ์นั่นว่ายังไงบ้างครับ” ผมและไอ้นนหันมามองหน้าไอ้นลินทันที
นั่นสิ! นายนั่นมันพูดอะไรบ้าง หลังตื่นมาเจอกัน ผมหวังว่ามันคงไม่เยาะเย้ยถากถางคนเสียจิ้นหมาดๆหรอกนะ และผมแน่ใจว่ามันคงไม่มีทางยืดอกรับผิดชอบอย่างแน่นอน
“ฮึกๆ...มันไม่ทันว่าอะไร ฮึก เพราะนลิน ฮึก ซัดมันไม่เลี้ยง ก่อนรีบแต่งตัวและวิ่งออกมา” ผมกระตุกยิ้มก่อนจะรีบเบือนหน้าหนีไอ้นลิน เพราะสิ่งที่มันเล่าสมกับเป็นตัวมันแล้วล่ะครับ ซัดไม่เลี้ยงแล้วค่อยว่ากัน
หลังจากนั้นเราก็พักยก เพื่อปลอบให้ไอ้นลินหายจากอาการสะอึกสะอื้น ก่อนพี่เบสที่ดูมีความคิดเป็นผู้ใหญ่สุดในห้อง จะเริ่มตะล่อมถามรายละเอียดไอ้นลินอีกครั้ง ซึ่งไม่ได้ข้อมูลเพิ่มมากนัก ด้วยคำตอบว่ามันหมดสติจนจำอะไรไม่ได้ ความจำสุดท้ายคือมันล้มทั้งยืน ทั้งๆที่กำลังจะก้าวขึ้นแท็กซี่ที่จอดตรงหน้า แต่พอจำได้ลางๆว่ามีคนรับตัวมันไว้ทันก่อนล้มฟาดพื้น และจำได้อีกทีก็ตื่นมาบนเตียงในสภาพล่อนจ้อนแล้ว
เราสามคนถอนใจกันคนละเฮือกสองเฮือก เมื่อได้รู้เรื่องราวทั้งหมดจากไอ้นลิน ก่อนมองสบตากันไปมา ด้วยทางแก้ปัญหานั้นไม่เหมือนสมการคณิตศาสตร์ที่ตรงไปตรงมา เพราะมีเรื่องของความรู้สึกเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย แถมคนหนึ่งเป็นผู้ล่าที่มีแผนทำลายล้าง อีกคนเป็นเพียงเหยื่อที่น่าสงสาร
ไอ้ครั้นจะเอาผู้ล่ามารับผิดชอบกับจิ้นที่ไอ้นลินเสียไป แม้ไม่ใช่เรื่องยากเลย แต่เหยื่ออย่างไอ้นลินไม่มีทางยอมอยู่แล้ว ไม่งั้นมันคงไม่หนีไอ้อเล็กซ์นั่นมาก่อน ทั้งๆที่ไม่ตกลงให้รู้เรื่องหรอกครับ เพราะผมเชื่อว่าฝีมือไอ้นลินไม่เบาเลย สามารถล้มผู้ชายตัวโตๆแบบนายนั่นได้สบายเหอะ ซึ่งพิสูจน์ได้จากสิ่งที่มันเพิ่งเล่ามาอ่ะนะ ว่ามันซัดนายอเล็กซ์นั่นซะจอดคาเตียง
“นลิน มึงอยากให้มันรับผิดชอบมั้ย หรือจะเอาเรื่องมันยังไง บอกกูมาเลย กูจัดการให้เอง” อย่าว่าผมหน้าใหญ่ใจโตเที่ยวอวดอ้างเลยครับ เพราะผมมั่นใจว่าสามารถทำได้ตามปากพูด
คุณก็รู้ว่าคนรักของผมน่ะเป็นใคร ใหญ่แค่ไหน ฮึๆ แถมยังมีเฮียโจเซฟอีกทั้งคนที่เป็นเจ้าของบริษัทเพลงที่นายอเล็กซ์นั่นสังกัดอยู่ แต่คำตอบของไอ้นลินทำเอาผมปิดปากสนิท แต่ไม่เกินกว่าที่คาดการณ์ไว้นัก
“กูไม่เอาเรื่องใครทั้งนั้น ไม่อยากจำว่ะ และขอร้องพวกมึงอย่าพูดถึงเรื่องนี้อีก ถือซะว่าเป็นบทเรียนราคาแพงของชีวิตกูแล้วกัน เพราะถึงไปเรียกร้องก็ไม่ได้สิ่งที่เสียไปแล้วคืน แต่จะยิ่งทำให้เสียหน้ามากกว่า”
รับรู้ข่าวสารผู้หญิงโดนข่มขืนมาก็มาก แม้จะนึกเห็นใจและสงสารไม่น้อย แต่ไม่เข้าใจความรู้สึกเธอเหล่านั้นได้อย่างแท้จริง แต่พอเกิดกับเพื่อนสนิท ผมรู้ซึ้งเลยว่าความเจ็บปวดของการถูกเหยียบย่ำศักดิ์ศรีนั้นเป็นเช่นไร แม้ผมจะเห็นด้วยกับคำพูดของไอ้นลิน เพราะฝ่ายเรามีแต่เสียกับเสีย แต่ผมอดใจไม่ได้จริงๆ หากต้องวางเฉยไม่ลงมือสั่งสอนไอ้นรกนั่น เพราะคนอย่างนั้นควรจะรู้ซึ้งถึงคำว่าเจ็บปวดบ้าง
ดังนั้นพอผมได้อยู่บนเตียงในห้องส่วนตัวของผมกับเฮียหลี่ผิงแล้ว ผมจึงเริ่มถอนหายใจหนักๆเรียกร้องความสนใจจากท่านมาเฟียใหญ่ของตัวเอง และก็สมใจเมื่อเฮียหลี่ผิงละสายตาจากแฟ้มงานตรงหน้า ขึ้นมาสบตาผมด้วยสายตาห่วงใย ก่อนเอ่ยปากถามถึงสิ่งที่ทำให้ผมไม่สบายใจถึงกลับต้องถอนใจออกมา ผมจึงเล่าเรื่องไอ้นลินให้เฮียหลี่ผิงรู้
แม้จะแอบรู้สึกผิดที่เอาเรื่องส่วนตัวของเพื่อนมาบอกคนรัก แต่ผมกับเฮียหลี่ผิงเปรียบเสมือนคนๆเดียวกันแล้วนี่ครับ ย่อมไม่น่ามีความลับต่อกัน แถมแผนที่ผมคิดไว้ก็ต้องได้รับความร่วมมือจากนายน้อยตระกูลหวางที่รักด้วยถึงจะสำเร็จได้นี่หน่า
“ไอ้พวกวง Chic อีกแล้วเหรอ หาเรื่องใส่ตัวจริงๆ น้องธันว์ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวเฮียสั่งสอนมันให้เอง ฮึๆ” เสียงหัวเราะเหี้ยมๆที่ออกมาไม่พ้นคอ ขัดกับใบหน้าเรียบเฉยที่ประกอบด้วยแววตาหมายมั่นของเฮียหลี่ผิง ทำเอาคนต้นคิดแบบผมอดผวาไม่ได้
ผมไม่อยากจะคิดเลยว่านายเหวินหมิง หรือ อเล็กซ์แห่งวง Chic นั่นจะเจอกับอะไรบ้าง ที่กล้ามาทำร้ายไอ้นลินผู้เปรียบเสมือนน้องสาวอีกคนของท่านมาเฟียใหญ่อย่างเฮียหลี่ผิงเข้า แม้ผมจะถูกใจแต่ผมอดหวั่นกับเฮียหลี่ผิงภาคมาเฟียโหดตอนนี้ไม่ได้จริงๆ
ผมจึงเอื้อมมือไปลูบแก้มสากเบาๆ พร้อมรอยยิ้มหวานๆส่งให้มาเฟียรูปหล่อใจดีได้กลับคืนร่าง และก็สมใจเมื่อสายตาแข็งๆค่อยๆอ่อนลงจนหวานเชื่อม แต่มันเกินกว่าความตั้งใจผมไปเยอะ เมื่อหลังมือข้างที่อยู่บนแก้มสากโดนประกบ ตามมาด้วยจูบอุ่นๆกลางฝ่ามือ ก่อนผมจะมานอนหงายโดยมีร่างใหญ่ตามมาคร่อมเหนือร่าง ไม่ต้องบอกล่ะว่าคืนนี้จะเกิดอะไรขึ้น มองจากแววตาเว้าวอนคู่ตรงหน้าผมก็รู้แล้วว่าไม่รอด!
“น้องธันว์ครับ เฮียขอทวงสัญญาที่น้องธันว์ให้ไว้กับเฮียเมื่อวานนะ” เอาล่ะสิ! ผมไม่น่าลืมเลยว่าสัญญาอะไรไว้
หากคุณยังจำได้เมื่อวานที่ห้องพักผ่อน ผมโดนกล่าวหาว่ายั่วยวน ซึ่งเหตุการณ์หลังจากนั้นผมเกือบโดนมังกรจอมหื่นลากขึ้นห้อง แต่ยังดีที่รอดมาได้เพราะดันหลุดปากให้สัญญาขอผัดผ่อนมาก่อน ด้วยเวลานั้นข้าวก็ยังไม่ได้กิน ไหนจะเตรียมพรีเซน ไหนจะเรื่องไอ้นลินอีก
ในที่สุดผมก็โดนทวงสัญญาจนได้ และมองไม่เห็นทางที่จะสามารถรอดไปจากสถานการณ์นี้ได้เลย สุดท้ายผมก็โดนพญามังกรจอมหื่นรวบหัวรวบหางกินกลางตลอดตัวอยู่ดี ลิงน้อยอย่างผมช่างน่าสงสารนัก คืนนั้นผมก็ไม่รู้ตัวหรอกว่าหลับไปตอนไหน แต่ความจำสุดท้ายคือเสียงคำรามลั่นห้องด้วยความสุขสมของเฮียหลี่ผิง
.............................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ
เหวินหมิง อเล็กซ์ แห่งวง Chic จะเป็นไปตามที่หนูนลินเธอเข้าใจมั้ย
ต้องติดตามในวันศุกร์ค่ะ และใครที่ชินตากับความน่ารักสดใสช่างอ้อน
ของน้องธันว์ วันนั้นจะได้เห็นอีกด้านของเมียมาเฟียแน่นอน อิๆ
+1และเป็ดสำหรับทุกเม้นท์ ขอบคุณทุกการติดตามค่ะ
