ตอนที่ 30ธันว์ “จะเป็นอะไรมากมั้ยเนี่ย ไม่น่าเกิดเรื่องแบบนี้เลยจริงๆ” ผมเดินวนไปวนมาหน้าห้องผ่าตัด ทั้งๆที่ใจกระวนกระวายถึงคนในนั้น พร้อมสายตาที่จับจ้องไปยังบานประตูตรงหน้า
ผมยังจำภาพระทึกขวัญเมื่อสองชั่วโมงก่อนได้ดี หลังเสียงตะโกนของพี่อู๋ ตามมาด้วยภาพที่จ้าวเพ่ยซานพุ่งเข้าหาพร้อมมีดในมือ ทำผมตกใจแทบช็อก ด้วยรู้ดีแก่ใจว่าเป้าหมายของเธอคือคนเดียวกับที่พี่อู๋ร้องเตือน ซึ่งมันก็จริงตามที่ผมคิด เพราะปลายมีดด้ามเล็กที่คมมีดวาววับเฉียดผ่านตัวผมไป ก่อนสายตาผมจะเห็นเลือดสีแดงฉานค่อยๆซึมออกมาอย่างช้าๆ จนเสื้อของคนที่โดนแทงถูกย้อมไปด้วยสีของเลือด ท่ามกลางความวุ่นวายรอบตัว ตอนนั้นผมได้แต่ยืนนิ่งตะลึงค้างทำอะไรไม่ถูก จวบจนรู้สึกถึงความอบอุ่นที่โอบล้อมไปรอบตัว พร้อมเสียงนุ่มๆชวนอบอุ่นใจ
‘น้องธันว์ ไม่มีอะไรแล้ว ไม่มีอะไร...ที่รัก เรื่องร้ายๆมันผ่านไปแล้ว’ ผมโผเข้ากอดเฮียหลี่ผิงไว้แน่นทั้งๆที่ใจยังสั่นไม่หาย ด้วยกลัวที่สุดในชีวิตว่าจะต้องสูญเสียคนสำคัญไป แต่เมื่อตั้งสติได้ผมรีบผละออกจากอ้อมอกอุ่นทันที ก่อนถามหาคนที่เข้ามาขวางทางมีดจนถูกแทง!
ใช่แล้วครับ เฮียหลี่ผิงไม่ได้ถูกจ้าวเพ่ยซานแทง แต่แค่เกือบเท่านั้น เพราะได้พี่อู๋ที่เห็นเหตุการณ์แต่ต้นเอาตัวมาบังไว้ จนทำให้ถูกมีดแทงเข้าที่ท้อง ซึ่งพี่อู๋ถูกพาเข้าห้องผ่าตัดร่วมสองชั่วโมงแล้ว แต่ก็ยังไม่มีหมอหรือพยาบาลคนไหนออกมาให้รายละเอียดกับเราสักคน ไม่รู้ว่ามีดจะถูกอวัยวะสำคัญบ้างมั้ย แล้วพี่อู๋จะเป็นอะไรมากรึเปล่า ผมกังวลจริงๆเพราะหากไม่ได้พี่อู๋ช่วยไว้ ป่านนี้คนที่นอนอยู่ในนั้นต้องเป็นเฮียหลี่ผิงอย่างแน่นอน
ส่วนจ้าวเพ่ยซานนั้น ถูกลูกน้องของเฮียหลี่ผิงสับมือใส่เข้าที่หลังคอ นอนสลบไม่ได้สติ ก่อนถูกหามไปขังไว้ในแก๊ง และรอตัดสินโทษจากทุกคนอีกที ช่วงเวลานั้นผมไม่มีแก่ใจจะดูจ้าวเพ่ยซานเลยครับ เพราะใจนั้นพะวงอยู่แต่กับพี่อู๋ ร่วมกับแอบโกรธที่เธอคิดจะทำร้ายคนที่ผมรัก แม้อีกใจจะนึกสงสารในชะตาชีวิตของผู้หญิงคนนี้ก็ตาม
“น้องธันว์ไม่ต้องกังวล อาอู๋ไม่เป็นอะไรหรอกครับ นายนั่นน่ะอึดจะตาย ที่สำคัญถ้าเฮียไม่อนุญาตให้ตาย อาอู๋ก็ตายไม่ได้ น้องธันว์ก็น่าจะรู้ว่าเฮียเป็นใคร” ฟังคำพูดคำจาของท่านมาเฟียใหญ่ซะก่อนเถอะครับ
‘ไม่ใหญ่จริงพูดไม่ได้นะเนี่ย’
ผมค่อยๆผินหน้าจากประตูห้องผ่าตัด กลับมายังคนที่ยืนกอดผมอยู่ ทำให้เจอกับคนรูปหล่อกำลังเก๊กหน้านิ่งพยายามให้เข้ากับคำพูด แต่แววตาที่ได้สบกลับไหวระริกชวนให้นึกหมั่นไส้ จึงเผลอส่งค้อนน้อยๆให้อาเฮียได้กลั้วหัวเราะเบาๆ แต่เสียงหัวเราะนั้นกลับทำให้ผมสบายใจขึ้น ยอมแนบหัวไว้กับอกอุ่นๆตามแรงโอบรั้งของฝ่ามือ ก่อนจะคล้องวงแขนไว้กับรอบเอวแกร่ง แต่สายตาก็ยังคงจับจ้องไปที่ประตูบานเดิม แม้ใจจะมีม่านหมอกแห่งความกังวล แต่มันก็จางลงด้วยอ้อมกอดอุ่นๆและความห่วงใยที่ได้รับจากเฮียหลี่ผิง
พวกเราที่ประกอบด้วยผม เฮียหลี่ผิง พี่เป๋า และพี่ๆในแก๊งอีกห้าคน ที่ไม่ได้รับบาดเจ็บกำลังรออยู่หน้าห้องผ่าตัด ด้วยเป็นห่วงคนที่อยู่ด้านใน ผู้ที่เปรียบเสมือนคนหนึ่งในครอบครัวหวางของเรา และเปรียบเป็นดั่งพี่ชายของผม เพราะตั้งแต่ผมมาอยู่ฮ่องกงเกือบสี่ปี ก็มีพี่อู๋นี่แหละที่ติดตามดูแลความปลอดภัยให้ผมยามอยู่นอกคฤหาสน์ จะให้ผมกลับไปพักผ่อนตามแรงคะยั้นคะยอของเฮียหลี่ผิงเหมือนเมื่อแรกถึงโรงพยาบาล ผมก็ทำใจกลับก่อนไม่ได้หรอกครับ จึงดื้อขออยู่เฝ้าอาการของพี่อู๋จนถึงตอนนี้ ซึ่งปาปามามาหรือแม้แต่อาตี้หลงและอาธัชที่รออยู่ที่บ้านก็เข้าใจ ยอมให้ผมได้อยู่รอรับฟังอาการขอพี่อู๋ได้ตามคำขอของผม
ในที่สุดความอดทนและความห่วงใยของพวกเราก็เป็นผล เมื่อหมอที่ผ่าตัดให้พี่อู๋ออกมาจากห้อง และบอกข่าวดีว่าพี่อู๋นั้นปลอดภัย ด้วยคมมีดทำลายเนื้อตับบางส่วน ไม่มีอาการเลือดตกใน และแผลผ่าตัดเรียบร้อยดี แค่รอดูอาการในห้องไอซียูสักคืน หากพี่อู๋รู้สึกตัวดีแล้ว จะถูกย้ายเข้าห้องพิเศษที่ถูกจองไว้ทันที ผมถึงกลับโล่งใจเมื่อได้ฟังคำอธิบายของคุณหมอ จึงหันมาส่งยิ้มให้เฮียหลี่ผิงที่ยืนซ้อนหลังอยู่
“นายน้อยหลี่ผิงไม่ต้องเป็นห่วงอาการคนไข้นะครับ นายใหญ่หยางตี้หลงกำชับทางเราไว้แล้ว ทางโรงพยาบาลเราจะดูแลอย่างดีที่สุด” ผมเอ่ยขอบคุณคุณหมอเจ้าของไข้พี่อู๋ และนึกขอบคุณอาตี้หลงแทนพี่อู๋ไม่ได้ เพราะถึงขั้นผู้มีอุปการคุณรายใหญ่ของโรงพยาบาลโทรมาฝากฝังเองแบบนี้ ยังไงซะการใส่ใจดูแลจากทีมแพทย์คงเกินร้อย
ผมที่วางใจเรื่องพี่อู๋ได้แล้ว จึงถูกท่านมาเฟียใหญ่ของตัวเองพากลับบ้าน โดยเฮียหลี่ผิงทิ้งให้ลูกน้องสองคนเฝ้าพี่อู๋ไว้
เมื่อถึงบ้านตระกูลหวางในเวลาเกือบเช้า เพียงแค่ก้าวเท้าเข้าบ้านผมต้องตกใจ ด้วยเจอคนเข้ามาสวมกอดแบบไม่ตั้งตัว แต่เมื่อได้กลิ่นหอมอ่อนๆและสัมผัสอบอุ่นที่คุ้นเคย ผมจึงคลี่ยิ้มได้จนกว้าง ก่อนยกมือโอบรอบลำตัวระหง
“ธันว์ปลอดภัยแล้ว เหมยอิงเป็นห่วงแทบแย่ แต่ดีแล้วที่ไม่เป็นอะไร...ดีจริงๆ” น้ำเสียงสั่นเครือที่แสดงถึงความห่วงใยของคนที่เฝ้ารอ ทำให้ผมหุบยิ้มและออกแรงกระชับร่างในอ้อมกอดไว้แน่น ก่อนจะเป็นฝ่ายปลอบเจ๊เหมยอิงว่าผมนั้นปลอดภัยกลับมาแล้ว
“ทั้งสองคนเข้าบ้านกันเถอะ” เจ้าของอ้อมกอดอันใหญ่โตที่ซ้อนกอดเราทั้งคู่ไว้ เอ่ยเสียงนุ่มเชิญชวนพร้อมรอยยิ้มบางเบามาให้
ผมและเจ๊เหมยอิงสบตาให้กันนิด ก่อนจะพร้อมใจกันเงยหน้าส่งยิ้มหวานๆกลับคืนให้เฮียหลี่ผิง จนท่านมาเฟียใหญ่ของเราหัวเราคลอเบาๆ และโอบเอวเราทั้งคู่พาเข้าบ้าน
ระหว่างที่เดินเข้าบ้านนั้น เฮียหลี่ผิงมีดุเจ๊เหมยอิงนิดหน่อยว่าทำไมถึงไม่เข้านอน เจ๊เหมยอิงคนสวยของผมถึงกลับทำหน้ามุ่ย และให้เหตุผลว่าอาสารอผมแทนปาปากับมามา ถ้าไม่พูดเช่นนั้นปาปากับมามาจะไม่ยอมเข้านอน แต่กว่าอาเจ๊จะเกลี้ยกล่อมให้ท่านทั้งคู่เข้านอนได้ เห็นว่าพูดจนคอแห้งเลยเชียวล่ะ
ส่วนอาตี้หลงกับอาธัชนั้น โดนมามาขอร้องให้กลับไปดูฝาแฝดที่บ้าน ตั้งแต่อาตี้หลงกลับมาจากการปฏิบัติภารกิจเสร็จแล้ว แต่กว่าท่านทั้งคู่จะยอมกลับจริงๆ ก็เมื่อได้รู้ว่าผมและเฮียหลี่ผิงปลอดภัยแล้วนั่นแหละครับ ซึ่งอาธัชเองก็ฝากให้เจ๊เหมยอิงมาบอกผมว่าหากพักผ่อนพอแล้ว ให้โทรหาคุณอารูปหล่อด้วย
เมื่อเจ๊เหมยอิงเล่าจบ พวกเราก็เดินมาถึงหน้าห้องอาเจ๊พอดี แต่ก่อนที่คนสวยของเราจะเข้าไปนั้น ได้หันมามองผมและยื่นมือมาลูบแก้ม ก่อนบอกถึงเหตุผลหลักว่าที่เจ๊เหมยอิงรอผมถึงเวลานี้ เพราะเป็นห่วงพี่สะใภ้อย่างผมเป็นที่สุด ทำเอาผมต้องแกล้งเมินทั้งๆที่ยิ้มแก้มแตก ก่อนจะหาที่หลบภัยเป็นอกแน่นๆ ด้วยการมุดหน้าเข้าหา เพื่อซ่อนแก้มแดงๆจากสายตาคู่สวยเลยทีเดียว แต่หูยังได้ยินเสียงหัวเราะของสองพี่น้องดังไม่ขาดเชียวล่ะ ก่อนผมจะโดนเฮียหลี่ผิงกอดไว้และโยกตัวเบาๆ ตามมาด้วยรอยอุ่นชื้นที่หน้าผาก แต่ผมก็ยังไม่กล้าเงยหน้าสบตาใครอยู่ดี
“น้องธันว์ไปครับ เรากลับไปพักผ่อนกันดีกว่า” ผมได้แต่เดินก้มหน้าตามแรงจูงข้อมือจนถึงห้อนนอนของเรา
เมื่อเราเข้ามาในห้องกันแล้ว เฮียหลี่ผิงก็ไม่ได้พูดอะไรกับผม นอกจากกอดผมไว้จนแน่น แน่นชนิดที่ว่าผมแทบหายใจไม่ออก และใบหน้าจมมิดกับอกแกร่งเลยเชียวล่ะ แต่ผมก็ไม่คิดจะโวยวายด้วยสัมผัสได้ถึงความห่วงหา ผมจึงยกมือขึ้นกอดเฮียหลี่ผิงไว้เช่นกัน ก่อนลูบแผ่นหลังกว้างแรงๆ เป็นการปลุกปลอบพญามังกรที่อยู่ในช่วงอ่อนไหว
ผมรู้นะครับว่าทำไมเฮียหลี่ผิงถึงมีอาการเช่นนี้ คงเพราะอาเฮียรู้สึกผิดและนึกโทษตัวเองอยู่ ว่าเป็นสาเหตุให้ผมต้องโดนจับตัวไปอย่างแน่นอน แต่เมื่อตอนนี้ผมไม่เป็นอะไรและผมก็ยืนอยู่ตรงนี้ในห้องของเราแล้ว ผมจึงไม่อยากเห็นมาเฟียที่รักต้องทุกข์ใจ
“ธันว์ไม่เป็นอะไรแล้ว ธันว์อยู่ตรงนี้...ฟอดดด...เฮียหลี่ผิงเลิกเป็นแบบนี้เถอะนะ ธันว์ใจไม่ดีเลย” หลังคำขอร้องของผมแล้ว เฮียหลี่ผิงค่อยๆคลายอ้อมกอดและเปลี่ยนมาจ้องตา ก่อนไล้ข้อนิ้วมาตามโครงหน้าของผมอย่างช้าๆ พร้อมสายตาที่เคลื่อนไปตามปลายนิ้วนั้น
ตั้งแต่ปลายคางของผมไปข้างแก้ม จนถึงหน้าผากตามมาที่สันจมูก และหยุดแช่อยู่ที่ริมฝีปากที่กำลังระบายยิ้มของผม ซึ่งสายตาคู่คมนั้นฉายแววรักใคร่ไม่เปลี่ยน แต่มันกลับหม่นหมองและเจือปนไปด้วยแววโศก ผมจึงขยับปากเรียกร้องความสนใจจากสายตาเศร้าๆคู่นั้น ด้วยการเรียกชื่อเฮียหลี่ผิงให้เงยขึ้นสบตากัน
“เฮียหลี่ผิง...อย่าโทษตัวเองนะครับ เหตุการณ์นี้ไม่ใช่ความผิดของเฮีย ที่สำคัญคือธันว์ไม่เป็นอะไรแล้ว ธันว์ยังยืนอยู่ตรงนี้...อยู่ตรงหน้าเฮีย เพราะเฮียไปช่วยธันว์ไว้ไง ธันว์ถึงปลอดภัย จริงๆเฮียมีความดีความชอบน้า อ่ะ...ฟอดดด...รางวัลสำหรับมาเฟียรูปหล่อของธันว์ คิกๆ เลิกทำหน้าเศร้านะครับ กลับมาเป็นเฮียหลี่ผิงคนเดิมของธันว์ได้แล้ว มาครับ มาอาบน้ำแล้วเรามานอนดีกว่าเนอะ ธันว์เพลียจัง”
ผมเลือกที่จะบรรจงคลี่ยิ้มหวานๆให้ท่านมาเฟียใหญ่ ที่กลับมายิ้มหล่อได้เหมือนเดิม แถมแววตาเศร้าๆก็ไม่มีให้เห็น แสดงให้รู้ว่าคำพูดหลอกล่อของผมได้ผล เฮียหลี่ผิงเลิกโทษตัวเองแล้ว แต่แววตาอ่อนหวานที่ฉายชัดว่ารักผมนักหนา ทำให้ผมไม่กล้าที่จะสบตาคู่นั้นได้นาน
ผมจึงเลือกก้มหน้าหลบตา และเป็นฝ่ายจูงข้อมือใหญ่พามาเฟียรูปหล่อเข้าห้องน้ำ ทีแรกก็ว่าจะให้เฮียหลี่ผิงได้อาบก่อน อาเฮียจะได้รีบพักผ่อน แต่อ้อมกอดอุ่นๆที่เจ้าของสวมกอดมาจากด้านหลัง พร้อมคำออดอ้อนให้ผมอาบน้ำพร้อมกัน ทำให้ผมใจอ่อนยอมยืนนิ่งๆให้เฮียหลี่ผิงปลดเปลื้องเสื้อผ้าให้
“น้องธันว์ เราอาบน้ำพร้อมกันนะครับ”
ฝ่ามืออุ่นลูบไล้ผิวกายผมอย่างทะนุถนอมไปทั่วร่าง พร้อมสัมผัสแนบชิดที่แผ่นหลัง ก่อนผมจะถูกหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้า กับเจ้าของสายตาอบอุ่นฉายแววรักใคร่ และจูบหวานๆก็ถูกป้อนให้ถึงปาก พร้อมแรงบดคลึงของริมฝีปากนุ่มอ้อล้อให้ผ่อนคลาย จนผมเป็นฝ่ายโอนอ่อนเปิดปากรับเรียวลิ้นร้าย ก่อนจะรู้สึกถึงฝ่ามืออุ่นเข้าช้อนประคองสะโพก ตามมาด้วยแรงบีบขยำไม่เป็นจังหวะ ทำเอาผมครางหวิวขนลุกเกรียวทั้งตัว และเป็นฝ่ายรั้งต้นคอแกร่งเข้าหาเพื่อบดจูบซะเอง พร้อมเบียดลำตัวแนบชิดร่างแกร่ง ก่อนจะเผลอขยับร่างถูกับผิวลื่นๆของเฮียหลี่ผิง ทำให้แรงบีบที่สะโพกหนักมือขึ้น ก่อนผมจะได้ยินเสียงคำรามเบาๆ และรับรู้ถึงความแข็งขืนที่หน้าท้อง
ผมเตรียมใจไว้ตั้งแต่โดนออดอ้อนขอให้อาบน้ำด้วยแล้ว ว่ายังไงซะตัวเองคงไม่พ้นโดนพญามังกรจับกิน จึงไม่คิดขัดขืนแถมยังใจกล้า ใช้มือสั่นๆคว้ามังกรร้ายมากอบกุมไว้ ทำเอาเจ้าของอย่างเฮียหลี่ผิงถึงกลับสะดุดลมหายใจชะงักทุกการกระทำ ก่อนจะผละจูบมาสบตาด้วยสีหน้าแปลกใจ ผมที่หน้าร้อนฉ่าแทบระเบิดจึงเสหลบตา และเลือกที่จะซ่อนหน้าไว้กับไหล่หนา ก่อนขยับมือให้มังกรร้ายได้แปลงร่างขยายเต็มฝ่ามือ
การที่ผมดูกล้ากว่าปกติด้วยอยากปลอบใจท่านมาเฟียใหญ่เค้าหน่อย ไหนๆวันนี้เฮียหลี่ผิงก็ใจหายเพราะผมมาทั้งวันแล้ว จึงอยากใช้การร่วมรักครั้งนี้ตอกย้ำให้รู้ว่าผมยังอยู่ตรงนี้ ยังอยู่กับเฮียหลี่ผิงไม่ไปไหน แต่ผมไม่รู้หรอกว่าเฮียหลี่ผิงจะรับรู้ถึงความตั้งใจผมมั้ย แต่ที่แน่ๆคงถูกใจท่านมาเฟียใหญ่แน่นอน เพราะมีเสียงครางทุ้มไม่ขาดปาก ก่อนผมจะถูกดันให้แผ่นหลังติดผนังเย็นๆ และรับรู้การมาเยือนของปลายนิ้ว ทำเอาเข่าอ่อนแทบทรุด แต่ดีที่ได้ต้นขาแกร่งเป็นที่พักพิง ก่อนมีจูบหนักๆที่ขมับพร้อมอุ้งมือใหญ่ที่ยกตัวผมขึ้น เพื่อหมุนตัวผมให้ซบกับผนังเย็นๆ ตามมาด้วยแก้มก้นที่ถูกพรมจูบไปทั่ว เล่นเอาผมครางหวิวเสียววาบทั้งตัว ก่อนจะรู้สึกถึงลิ้นนิ่มๆบุกทะลวงรอยแยกด้านหลัง
“อ่าๆๆ เฮีย อึก อือออ” ผมได้แต่ครางและยืนขาสั่นแทบทรุด ธันว์น้อยในอุ้งมือร้อนผ่าวจนแทบปลดปล่อย ยอดอกก็แข็งเป็นตุ่มไตจนผมต้องลูบไล้มันแรงๆ เพื่อบรรเทาความเสียวซ่าน ก่อนเอ่ยปากร้องขอในสิ่งที่ร่างกายต้องการและสิ่งที่หัวใจเรียกร้อง
“เฮียหลี่ผิง อ่าๆ ธันว์ต้องการเฮีย อึก...เข้ามาเถอะครับ” ไม่ต้องรอนาน
เมื่อผมรู้สึกถึงมังกรร้ายที่แหวกผ่านซอกหลืบที่พรั่งพร้อมเข้ามา ก่อนผมจะถูกเชยคางให้หันไปรับจูบดูดดื่ม พร้อมรู้สึกถึงมังกรร้ายแหวกว่ายอย่างช้าๆเข้าสู่ร่างกายผมจนสุดตัว ทำเอาผมอึดอัดและหายใจติดขัดไปหมด
“น้องธันว์~ คนเก่งของเฮีย อ่าๆๆๆ” แต่เพราะสายตาหยาดเยิ้มที่ส่งมา พร้อมเสียงแหบพร่าครางหวิว ทำให้ผมพยายามผ่อนคลาย ทั้งๆที่ดวงตาเคลือบคลอได้ด้วยหยาดน้ำใส
เมื่อความอึดอัดถูกแทนที่ด้วยความรุ่มร้อนที่ค่อยๆไต่ระดับขึ้น ผมจึงเป็นฝ่ายถอดถอนสะโพกช้าๆ ส่งสัญญาณให้อาเฮียสุดที่รักได้เดินเครื่อง เจ้าของฝ่ามือร้อนที่กำลังฟอนเฟ้นไปตามร่างกายก็แสนรู้ใจ ผละจมูกออกจากแผ่นหลังและย้ายฝ่ามือมากอบกุมข้างเอว ก่อนเริ่มขยับสะโพกส่งมังกรร้ายฝากฝังเข้ามาในตัวผมอย่างต่อเนื่อง
สุดท้ายแผนปลอบประโลมจิตใจพญามังกรของผมก็ลุล่วง จากความร่วมมืออย่างดีเยี่ยมจากอีกฝ่าย และดูท่าเฮียหลี่ผิงคงไม่หลงเหลือความรู้สึกผิดอีกแล้วล่ะครับ ดูได้จากสีหน้าระรื่นแววตาถูกใจที่จ้องตาผมอยู่นี่ไง ผมถือว่าอาการอ่อนล้าระโหยโรยแรงที่เป็นอยู่นั้น มันคุ้มแล้วล่ะครับที่ผมได้มาเฟียใหญ่คนเดิมของผมกลับมา
“ฝันดีนะครับที่รัก” ค่ำคืนนี้ผมก็หลับไปพร้อมรอยยิ้มและคำอวยพรของคนที่ผมรัก
..............................................
ช่วงบ่ายของวันเดียวกัน ผมก็ตื่นมาด้วยอาการเมื่อยล้า ขยับพลิกกายทั้งๆที่งัวเงียตาปรือ แต่เมื่อควานมือไปจนทั่วเตียงก็ไร้วี่แววของอีกคนร่วมห้อง จึงฝืนเปิดเปลือกตาและกวาดมองจนทั่ว เมื่อแน่ใจว่าอยู่คนเดียวในห้อง จึงตัดสินใจลุกขึ้นอาบน้ำ และรีบโทรรายงานตัวกับอาธัช เพื่อยืนยันว่าหลานรักอย่างผมนั้นปลอดภัยแล้วจริงๆ ซึ่งอาธัชเองได้ย้ำให้ผมระวังตัวเองให้มากขึ้น และเตือนสติผมถึงตำแหน่งที่ผมยืนอยู่ ว่ามันเสี่ยงต่ออันตรายแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะผมอยู่ในฐานะคนรักของเฮียหลี่ผิง ผมอาจจะโดนใช้เป็นเครื่องมือทำลายเฮียหลี่ผิงได้ทุกเมื่อ
ดังนั้นผมต้องเข้มแข็งและแข็งแกร่งกว่าที่เป็นอยู่ หากวันใดวันหนึ่งผมเป็นอะไรไปคนที่เจ็บที่สุดคือเฮียหลี่ผิง ซึ่งผมเองก็รู้ซึ้งถึงคำสอนนี้ของอาธัช ด้วยอาการของเฮียหลี่ผิงเมื่อคืน บอกอะไรๆแก่ผมได้เยอะเชียวล่ะ ซึ่งครั้งนี้ยังดีที่ผมปลอดภัย หากผลเป็นตรงกันข้าม ผมไม่อยากจะคิดเลยว่าเฮียหลี่ผิงจะมีอาการเช่นไร แค่คิดผมก็เศร้าจนสุดบรรยายแล้วครับ ซึ่งอาธัชก็ให้สติผมอีกว่าผมไม่ควรหวาดกลัวจนถึงขั้นหวาดระแวง แต่ควรหันมาฝึกฝนตนเองให้เข้มแข็งและคู่ควรกับคนของตัวเอง
“ทำหน้าเศร้าอยู่สิเรา หลี่ผิงประคบประหงมหลานของอาเจ็กจนเกินไป อืม...เอาแบบนี้นะหลานรัก ว่างๆน้องธันว์มาหาอาเจ็กที่บ้าน แล้วอาจะถ่ายทอดวิชาให้เอง ดีมั้ยครับ” คุณคิดว่าผมจะตอบว่าไงครับ ในเมื่อผู้มีประสบการณ์โชกโชนเสนอมาเช่นนี้ หากไม่ใช่รับคำเสียงดังฟังชัด จนคุณอาที่อยู่อีกฝั่งถึงกลับหัวเราะออกมา
ผมเห็นด้วยกับอาธัชเป็นที่สุด ว่าเฮียหลี่ผิงนั้นประคบประหงมผมมากเกินไป ทำเหมือนผมเป็นน้องชายตัวเล็กๆของเฮียเมื่อสิบปีก่อนไม่ผิด หากผมมีฝีมือต่อสู้อยู่บ้าง เหตุการณ์ลักพาตัวผมเมื่อวานอาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้นะครับ เพราะผมคงจัดการไอ้คนที่มาอุ้มผมได้ตั้งแต่มันเริ่มประชิดตัวผมแล้วเหอะ
หลังจากที่ผมตอบรับคำชวนอาธัชแล้ว อาธัชก็ถามถึงเฮียหลี่ผิง แต่ผมก็ตอบไม่ได้ว่าอาเฮียไปไหน พูดไปพูดมาคุณอารูปหล่อถึงรู้ว่าผมเพิ่งตื่นและยังไม่ได้ทานข้าว จึงให้ผมรีบวางสายและรีบไปหาข้าวทาน ผมจึงเอ่ยลาและเดินลงมาด้านล่างตามคำสั่งของคนเป็นอา แม้ไม่มีกะจิตกะใจจะกินข้าวก็เถอะ แต่ผมก็ต้องแปลกใจกับแขกที่ผมไม่คิดว่าจะเจอ
“ธันว์ลงมาแล้วค่ะ” ทุกสายตาพุ่งตรงมาทางผม หลังจากเสียงไอ้นลินดังขึ้น
ผมแปลกใจว่ามันมาทำไม แต่พอนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวานขึ้นมา จึงพอเดาได้ว่าเพื่อนสนิทสองคนของผมต้องรู้เรื่องอย่างแน่นอน ด้วยเฮียหลี่ผิงคงต้องถามหาผมจากพวกมันอยู่แล้ว
ผมกวาดตามองผ่านไอ้นลิน ไอ้นน ไอ้พี่เบส เจ๊เหมยอิง จนถึงมามาเฟิงหวง ทุกสายตาแสดงถึงความยินดีเปิดเผย จนผมต้องแจกจ่ายรอยยิ้มสดใสให้แก่ทุกคน แต่ในห้องรับรองกลับไร้วี่แววของปาปาหลี่จวินและคนที่ผมคิดถึง ซึ่งอาการทางกายบวกสายตาที่อ่านง่ายของผม ทำให้ทุกคนในห้องอมยิ้มล้อเลียน ก่อนมามาเฟิงหวงจะเดินเข้ามากอดผมไว้ และเป็นฝ่ายเฉลยว่าเฮียหลี่ผิงของผมไปไหน ทำเอาแก้มร้อนไปเหมือนกันครับ ที่ถูกจับได้ว่าใจนั้นคิดถึงใครอยู่ ก็ในเมื่อทุกเช้าที่ผมตื่นมา มีน้อยครั้งนักที่ผมจะไม่ได้เห็นเฮียหลี่ผิงเป็นคนแรกนี่หน่า
“ปาปากับหลี่ผิงเข้าแก๊งครับ น้องธันว์หิวมั้ย เดี๋ยวมามาให้เด็กเตรียมอาหารให้ แต่มามาว่าไม่หิวก็ต้องทานนะครับ เพราะเลยเวลาอาหารไปสองมื้อแล้ว...เอาแบบนี้ดีกว่า เด็กๆทานเป็นเพื่อนน้องธันว์หน่อยนะครับ” ผมที่ทำท่าว่าจะปฏิเสธ จึงถูกมามาเฟิงหวงดักคอโดยให้บรรดาเพื่อนๆได้ทานมื้อเช้าควบเที่ยงเป็นเพื่อนผม
ซึ่งพวกมันเองหรือแม้แต่เจ๊เหมยอิงก็พยักหน้ารับคำชวนของมามา ทำให้ผมต้องรับคำท่าน ก่อนเดินตามแรงจูงของเจ๊เหมยอิงมาที่โต๊ะอาหาร โดยมีสามคนที่เหลือเดินตามมา
เอาน่ะมื้อนี้มีแต่คนที่รักและเป็นห่วงผมทั้งนั้น ผมควรจะทานอาหารอย่างมีความสุข แม้ไร้เงาของเฮียหลี่ผิงก็ตาม แต่ผมอดเป็นห่วงเฮียหลี่ผิงไม่ได้จริงๆครับ ไม่รู้จะทำอะไรอยู่ จะได้ทานข้าวรึยัง และที่สำคัญเฮียหลี่ผิงได้ตัดสินลงโทษจ้าวเพ่ยซานอย่างไร เพราะผมไม่อยากให้คนรักต้องถึงกับฆ่าแกงใคร ในเมื่อผมก็ปลอดภัยแล้ว และการล้างแค้นกันไปมา เรื่องก็คงไม่จบเท่านี้ เพราะในอนาคตลูกน้องหรือคนที่รักจ้าวเพ่ยซาน อาจจะกลับมาแก้แค้นพวกเราคืนก็ได้ ซึ่งผมไม่อยากให้ใครก็ตามในแก๊งหวางต้องเจ็บตัวไปมากกว่านี้แล้ว โดยเฉพาะกับเฮียหลี่ผิงคนที่ผมรัก
................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ
เราบอกแล้วๆว่ามาม่านั้นมาแค่กลิ่น แต่แอบสงสารอาอู๋เบาๆเนอะ

ถือซะว่าชดเชยความผิดที่ปล่อยให้สุดที่รักของนายน้อยโดนจับตัวไป
สำหรับบทมหัศจรรย์หวังว่าจะชอบกันน้า กิ๊วๆ...แต่จะว่าไปดูๆแล้ว
คงไม่ได้มีแค่หลี่ผิงหรอกที่หื่น เด็กน่ารักเองก็ใช่ย่อย เร่าร้อนเนอะ

ตอนหน้าเราจะเสพย์บรรยากาศหวานฉ่ำของคู่รัก และมารับรู้ถึงความอบอุ่น
จากครอบครัวและเพื่อนสนิทของคู่หวานคู่นี้กันนะคะ เชื่อว่าคุณคงได้อมยิ้มแก้มตุ่ย
อย่างแน่นอนค่ะ

+1และเป็ดสำหรับทุกเม้นท์ ขอบคุณทุกการติดตามค่ะ

ปล.มีคนชอบของแถม เลยจัดมาให้อีกค่ะ อิๆ
อยู่ด้านล่างนะคะ