ตอนที่ 29หวางหลี่ผิง “นายครับ เราทราบแล้วว่าใครที่ลักพาตัวคุณธันว์ไป...จ้าวเพ่ยซานครับนาย”
“เอารถออก!!”
“เดี๋ยว!...ใจเย็นๆก่อนหลี่ผิง”
เสียงเฉียบขาดที่ดังขึ้นเบื้องหลัง ทำให้ผมต้องหยุดเท้าที่กำลังก้าวไปยังประตูทั้งๆที่ไม่เต็มใจนัก เพราะใจผมนั้นร้อนรุ่มกระวนกระวายตั้งแต่ได้รู้ว่าคนรักตัวน้อยถูกลักพาตัวไปแล้ว จะให้ผมใจเย็นอยู่ได้อย่างไร เมื่อรู้ถึงตัวการผมจึงอยากไปจัดการถล่มแก๊งมันให้หมดเรื่อง เพื่อจะได้ตัวน้องธันว์คืนกลับมา
นี่ผมว่าเราก็ช้าไปมากแล้ว เพราะน้องธันว์หายไปเกือบสี่ชั่วโมง ผมไม่รู้ว่าน้องจะเป็นอย่างไรบ้างจะโดนทำร้ายร่างกายรึเปล่า คิดมาถึงตรงนี้ใจผมแทบขาดและกลัวไปสารพัดว่าจะเกิดอันตรายกับน้อง แบบนี้แล้วปาปาหลี่จวินยังต้องให้ผมรออะไรอีก
“หลี่ผิงครับ ใจเย็นๆนะ ฟังปาปาก่อนนะครับ” น้ำเสียงอ่อนโยนและแววตาที่ทอดอ่อน มาพร้อมมืออุ่นๆที่แตะต้นแขนผมของมามาเฟิงหวง ทำให้ผมต้องคลายฝ่ามือที่เคยกำไว้แน่นลง และลอบถอนใจเบาๆ ก่อนเดินตามการโอบประคองของมามากลับมานั่งยังโซฟาตัวเดิม ซึ่งรายล้อมไปด้วยคนในครอบครัวที่ส่งสายตาเข้าอกเข้าใจมาให้
มามาเฟิงหวง เหมยอิง ไม่เว้นแม้แต่ปาปาหลี่จวินที่กำลังทำหน้าเคร่ง แต่แววตาที่ผมได้สบกลับอ่อนโยน จนผมที่เคยใจร้อนและแอบเคืองท่านได้รู้สึกผิด รวมถึงอาตี้หลงและอาธัชที่มาตระกูลหวางทันทีที่รู้ข่าวการหายตัวไปของน้องธันว์
“ครั้งนี้เราจะหุนหันไม่ได้ ความปลอดภัยของน้องธันว์สำคัญที่สุด การที่จ้าวเพ่ยซานกล้าลักพาตัวน้องธันว์ไป แสดงว่าต้องวางแผนมาดี ถ้าอยู่ๆเราบุกไปช่วยน้องธันว์ ฝ่ายเราจะเสียเปรียบ เผลอๆเหตุการณ์จะยิ่งเลวร้าย”
“ผมขอโทษครับ” ยังดีนะครับที่ได้ปาปาเตือนสติ ไม่เช่นนั้นหวางหย่งกังคงได้ตกเป็นรอง หากผมหุนหันออกไป
“เฮียหลี่ผิงคะใจเย็นๆนะ เหมยอิงเชื่อว่าธันว์ไม่เป็นอะไร ต้องปลอดภัยอย่างแน่นอนค่ะ” แรงบีบกระชับจากฝ่ามือบวกคำพูดของน้องสาว ทำให้ผมยิ่งรู้สึกผิดที่ไม่รู้จักคิด แต่แววตาที่ส่งกำลังใจมาให้ของเหมยอิงนั้น กลับส่งผลให้ผมฮึกเหิมและมีกำลังใจขึ้น
“ขอบใจ” เราฝาแฝดกอดกันกลมถ่ายทอดกำลังใจให้แก่กัน
หลังจากนั้นพวกเราหกคนช่วยกันวางแผนช่วยบุคคลที่เรารักกลับมา โดยอาตี้หลงอาสาพาคนของแก๊งหยางเข้าควบคุมคนตามกิจการต่างๆของแก๊งจ้าว เพื่อป้องกันไม่ให้จ้าวเพ่ยซานได้กำลังเสริม ในระหว่างที่ปาปาบุกเข้าทลายแก๊งจ้าวที่สำนักใหญ่ของพวกมัน ส่วนผมนั้นเสนอตัวบุกไปรับตัวน้องธันว์ที่คฤหาสน์ตระกูลจ้าว และเชื่อว่าคงได้ปะทะกับจ้าวเพ่ยซานที่นั่นอย่างแน่นอน
คราแรกมามาเฟิงหวงและอาธัชเสนอตัวตามไปช่วยผมด้วย แต่ผม ปาปา และอาตี้หลง ร่วมกันค้านหัวชนฝา ทำเอาท่านทั้งคู่แสดงสีหน้าไม่พอใจเป็นอย่างมากออกมา จนปาปากับอาตี้หลงต้องรีบง้อเป็นการด่วน ไม่ใช่ว่าเราไม่เชื่อในฝีมือทั้งคู่ แต่ผมที่เชื่อมั่นในฝีมือและเชื่อในสติปัญญาของตัวเอง บวกกับปาปากับอาตี้หลงที่เชื่อในความสามารถของผม ว่าผมนั้นต้องพาน้องธันว์ออกมาได้อย่างปลอดภัยแน่นอน พวกเราจึงไม่คิดที่จะให้มามาและอาธัชต้องเสี่ยงอันตรายหากไม่จำเป็น
“คุณธัชอย่าโกรธผมที่ไม่ให้ไปเลยนะครับ หลี่ผิงฝีมือไม่ใช่ด้อย ยังไงหลานก็ต้องช่วยน้องธันว์ออกมาจนได้” เชื่อมั้ยครับว่าเจ้าของประโยคนี้เป็นถึงหัวหน้าแก๊งหยางหลงเหยียน ท่าทางและน้ำเสียงที่ใช้กับคู่ชีวิตช่างออดอ้อนไม่ต่างจากที่ผมเคยรู้เคยเห็นมาเลยล่ะ
“เฮียเห็นด้วยกับตี้หลงนะครับเฟิงหวง ลูกของเราฝีไม้ฝีมือไม่ใช่ย่อย หลี่ผิงได้เฮียและเฟิงหวงไปเต็มๆ เชื่อใจลูกนะครับว่าต้องทำได้ เฟิงหวงอยู่คุยกับคุณธัชที่บ้านนะครับ” ส่วนคนนี้ไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้ว่าคือปาปาหลี่จวินของผมเอง แม้ว่าจะเป็นถึงหัวหน้าแก๊งหวางหย่งกัง ลูกล่อลูกชนก็ไม่แพ้ใครหน้าไหนเลย ทำเอามามาคนสวยถึงกับกระตุกยิ้ม
“ให้เหมยอิงช่วยอะไรดีคะ เหมยอิงอยากช่วยธันว์ด้วยอีกแรง”
“ไม่ต้อง!!!!!” ห้าเสียงประสานพร้อมใจกันห้ามเจ้าของประโยคคำถามเมื่อครู่ทันที ทำเอาน้องสาวผมถึงกับบู่หน้า พองแก้ม น้ำตาปริ่มเลยทีเดียว
งานนี้มามาเฟิงหวงและอาธัชต้องงัดยุทธวิธีต่างๆมาปลอบคนสวยเป็นการใหญ่ ก่อนหันมาส่งสัญญาณให้เราทั้งสามได้ออกปฏิบัติภารกิจตามที่ได้วางแผนไว้
“ถึงเวลาแล้ว หลี่ผิงระวังตัวเองด้วย ก่อนทำอะไรต้องคิดถึงน้องธันว์ให้มากๆเข้าไว้” ผมรับคำเจ้าของฝ่ามือหนาที่ตบลงมาบนไหล่ ด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและสีหน้าจริงจัง เพื่อให้ปาปารู้ว่าผมจะปฏิบัติตามที่ท่านเตือนไว้อย่างเคร่งครัด ก่อนจะหันมาส่งยิ้มให้อาตี้หลงที่ออกแรงบีบกระชับที่หัวไหล่อีกข้าง
“น้องธันว์อดทนอีกนิดนะครับ เฮียกำลังไปช่วยแล้ว” ผมส่งคำพูดและกำลังใจฝากไปกับสายลมที่โชยเบาๆกระทบใบหน้า เพื่อส่งไปให้คนที่ผมเป็นห่วงอยู่ทุกลมหายใจขณะนี้ได้รับรู้ และหวังว่าจ้าวเพ่ยซานคงไม่คิดน้อยทำร้ายน้องธันว์เข้าซะก่อน
........................................
“นายน้อยครับ เราได้รับการยืนยันแล้วว่าคุณธันว์อยู่ในนี้แน่นอน บุกเลยมั้ยครับนาย” ผมยกมือห้ามอาเป๋าไว้แต่ตายังคงจ้องไปยังตัวคฤหาสน์เบื้องหน้า และเริ่มคำนวณจำนวนคนที่อยู่ด้านนอก ก่อนหันมาออกคำสั่งกับลูกน้องข้างตัว
“อาเป๋านายพาคนของเราสักเจ็ดคน ลอบกำจัดพวกที่อยู่หน้าประตู ระวังกล้องวงจรปิดสามตัวตรงนั้นด้วย เอาให้เงียบที่สุด ส่วนนาย...อาอู๋พาคนไปสักห้าคน ลอบเข้าด้านหลังนะ แล้วไปเจอกันข้างในในอีกสิบห้านาที”
“ครับนาย!” ผมพยักหน้าใส่สายตามุ่งมั่นเกินร้อยของอาอู๋
แม้เมื่อเจ็ดชั่วโมงก่อนผมอยากจะฆ่ามันทิ้งกับมือ ข้อหาบกพร่องต่อหน้าที่ไม่สามารถดูแลคนรักของผมได้ แต่เพราะสายตาคู่เดียวกันนี้ฉายแววแห่งความสำนึกผิด พร้อมกิริยาโค้งคำนับยอมรับการลงโทษจากผมแบบไม่มีข้อแม้ ทำให้ผมต้องเปลี่ยนใจและเลือกที่จะให้โอกาสเขาได้แก้ตัว ด้วยการให้เป็นอีกหนึ่งพลังที่จะบุกช่วยน้องธันว์ในภารกิจนี้
เมื่อผมเห็นว่าพวกอาเป๋าค่อยๆเก็บพวกแก๊งจ้าวที่หน้าประตูจนหมดแล้ว จึงกระชับปืนในมือให้แน่นขึ้น ก่อนกึ่งเดินกึ่งวิ่งเลียบไปตามกำแพงนำลูกน้องที่เหลือ เพื่อหลบรัศมีของกล้องวงจรปิดและลอบเข้าสู่คฤหาสน์จ้าว ผมก้มตัวเลาะมาตามสนามหญ้า จนเห็นประตูทางเข้าตึกที่มีชายชุดดำเดินกันขวักไขว่ ผมส่งสัญญาณให้อาเป๋าไปด้านซ้ายตรงมุมตึก ส่วนตัวเองไปด้านขวาเพื่อไล่เก็บพวกมันอย่างเงียบๆ มันง่ายดายจนผมผิดสังเกตที่สามารถเข้ามาในตัวคฤหาสน์ตระกูลจ้าวได้ในเวลาไม่มากนัก ถึงจะดูเหมือนว่าคฤหาสน์จ้าวถูกวางกำลังคุ้มกันแน่นหนา แต่มันก็มีจุดอ่อนให้ผมและพวกอาเป๋าเข้ามาได้ในเวลาอันรวดเร็ว
“ทุกคนระวังตัวให้ดี มันง่ายเกินไป” ผมกระซิบเตือนลูกน้องทุกคนที่ตามมา ก่อนจะตัดสินใจให้อาเป๋าพาคนบางส่วนไปเฝ้าด้านนอกตัวตึก แต่มันก็สายไป
เมื่อมีเสียงทรงอำนาจของผู้หญิงดังขึ้นจากเชิงบันไดด้านบน ตามมาด้วยชายชุดดำเข้ามาล้อมพวกผมร่วมยี่สิบชีวิตไว้กลางห้อง
“หยุดอยู่ตรงนั้น นึกแล้วว่าคนอย่างหวางหลี่ผิงต้องมาเอง ฮึๆ” ผมจ้องตาผู้หญิงหนึ่งเดียวในห้องนี้เขม็ง และมีเพียงเสียงหัวเราะยั่วประสาทเท่านั้นที่ดังอยู่ขณะนี้ ซึ่งผมไม่ต้องเดาเลยว่าเธอคือใคร ‘จ้าวเพ่ยซาน’ หัวหน้าแก๊งจ้าว
ผมละสายตาจากแววตาเยาะหยันตรงหน้า และกวาดตามองรอบตัวเพื่อคำนวณจำนวนคนฝ่ายตรงข้าม หากต้องเกิดการปะทะผมเชื่อว่าสูสี ฝ่ายผมอาจจะเสียเปรียบนิดหน่อยเพราะตกอยู่ในวงล้อมของปืนสั้น แต่ผมก็เชื่อในฝีมือตัวเองและลูกน้องที่มาด้วย ว่าจะสามารถกำจัดพวกมันหมดภายในห้านาที แม้ต้องแลกด้วยการเสียเลือดบ้างก็ตามเถอะ
“อย่าคิดจะต่อสู้ ลืมแล้วรึไงว่าฉันมีใครอยู่ในมือ” ผมเงยหน้ามองจ้าวเพ่ยซานอีกครั้ง และหัวใจก็แทบเต้นกระดอนทะลุอก
เมื่อเหลือบสายตาไปด้านหลังของร่างระเหิดระหงที่กำลังก้าวลงบันได แล้วพบกับร่างของคนรักที่ถูกผู้ชายคนหนึ่งจับไว้และมีปืนจ่อขมับอยู่
“น้องธันว์!” เจ้าของชื่อยืนเม้มปากแน่นและสบตาผมด้วยแววตาเข้มแข็ง
ผมมองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าน้องพยายามข่มความหวาดกลัวไว้ภายใน ก่อนน้องจะส่ายหน้าช้าๆส่งสัญญาณว่าตัวเองไม่เป็นอะไรมาให้ ผมที่ได้เห็นใจแทบขาดและนึกโทษตัวเองที่ดูแลคนน่ารักได้ไม่ดีพอ จนทำให้น้องต้องตกมาอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายเช่นนี้
“ต้องการอะไร! กับการที่จับตัวคนรักของฉันมา” ผมข่มกลั้นอารมณ์อย่างที่สุด และเค้นเสียงลอดไรฟันออกไปเพื่อถามความต้องการของนางจิ้งจอกพันปีตรงหน้า
จ้าวเพ่ยซานหุบยิ้มก่อนเดินฝ่าวงล้อมของลูกน้องตัวเองเข้ามาหาผม ซึ่งทำให้ลูกน้องของเราทั้งคู่ต่างเล็งปืนใส่กัน จนเธอมาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าผม ระยะห่างไม่เกินห้าก้าว
“ยังต้องถามอีกรึไง แล้วใครที่ทำให้กิจการของฉันต้องเสียหายป่นปี้!” แววตาวาวโรจน์จ้องผมแทบจะกินเลือดกินเนื้อ จึงถึงคราวผมแสยะยิ้มใส่ตา เพื่อป่วนอารมณ์ของนางจิ้งจอกพันปีบ้าง
“แล้วใครที่เริ่มก่อน เป็นหมาลอบกัดวางเพลิงโรงแรมของตระกูลหวาง” ดูท่าจ้าวเพ่ยซานจะคุมอารมณ์ไม่อยู่แล้วครับ เพราะเธอตะโกนเรียกชื่อผมซะดังลั่น ก่อนทำท่าจะเข้ามาทำร้ายผม
ยังดีมีลูกน้องในแก๊งเธอวิ่งมาจากไหนไม่รู้ ตรงเข้ามากระซิบกระซาบข้างตัว ก่อนสายตาโกรธแค้นเคืองจะถูกตวัดกลับมาที่ผมอีกครั้ง
“อายุแค่นี้รอบจัดนักนะ บุกรวบตัวคนในแก๊งจ้าวไว้หมด คิดรึไงว่าแค่นี้จะทำอะไรฉันได้...พามันลงมา!” นางจิ้งจอกที่กำลังหัวเสียจากสายตาเชือดเฉือนของผม ร่วมกับการที่เธอได้ทราบข่าวที่ปาปาและอาตี้หลงบุกรวบตัวคนในแก๊งจ้าวจากลูกน้อง ผมก็ต้องใจกระตุก เมื่อจ้าวเพ่ยซานหันไปสั่งลูกน้องให้พาคนของผมลงมาจากบันได
น้องธันว์ที่ถูกฉุดกระชากลากถูลงมาจากบันได อย่างไร้ความปรานี ทำให้ผมต้องกัดฟันกรอดเพื่อข่มกลั้นอารมณ์ ไม่ให้ตัวเองต้องเข้าไปจ่อยิงขมับไอ้คนที่ลากน้องลงมา หากผมทำเช่นนั้นจริง มีสิทธิ์ที่น้องจะถูกยิงก่อนที่ผมจะไปถึงตัว แต่หัวใจผมต้องอ่อนยวบยาบ ยามได้สบตาคู่เข้มแข็งของน้อง พร้อมการขยับปากที่ผมอ่านได้ว่า ‘ธันว์ไม่เป็นไร’ ทำให้ผมยิ่งต้องมีสติและหันกลับมาเผชิญหน้าจ้าวเพ่ยซาน เพื่อถามถึงข้อต่อรองซึ่งน่าจะเป็นจุดประสงค์หลักของการลักพาตัวน้องมาครั้งนี้
“ยื่นข้อเสนอมา ต้องการอะไรเพื่อแลกกับอิสรภาพของคนของฉัน” รอยยิ้มพอใจถูกจุดขึ้นบนใบหน้าสวยสง่า
“ดี พูดง่ายๆแบบนี้สิดี ฮึๆ...ยกโรงแรมในกงอินให้ฉัน เพื่อแลกกับอิสรภาพของเด็กน่ารักคนนี้!”
“เฮียหลี่ผิงไม่นะครับ...โอ๊ย!” ผมกัดปากตัวเองแทบขาดเพื่อสะกดตัวเองให้ยืนอยู่ที่เดิม เมื่อเห็นว่าน้องธันว์ร้องโอดโอยน้ำตาซึม แสดงถึงความเจ็บปวดยามโดนบิดข้อมือ จากไอ้คนที่จับน้องไว้
ผมจ้องตาน้องพร้อมส่งสายตาปลอบประโลมไปให้คนเก่งได้อดทน และหมายมั่นปั้นมือไว้แล้วว่า ผมจะเอาคืนไอ้คนที่ทำน้องเจ็บอย่างสาสม เพราะแต่ไหนแต่ไรผมทะนุถนอมของผมมา ไม่เคยให้น้องธันว์ต้องเจ็บไม่ว่าจะเป็นที่กายหรือใจ
“ได้ งั้นส่งคนของฉันคืนมา” ผมยื่นมือไปรับร่างน้อย เมื่อตัดสินใจได้ว่าไม่มีอะไรมีค่าเท่ากับน้องธันว์ แม้แต่โรงแรมในกงอิน
“หึ! มันง่ายไป เด็กนี่ต้องอยู่กับฉันอีกคืน พรุ่งนี้หลังจากทางหวางหย่งกังเซ็นเอกสารมอบที่ดินและโรงแรมในกงอินให้แล้ว ค่อยมารับตัวไป ยื่นหมูยื่นแมวค่อยยุติธรรม” น้องธันว์ถูกนางจิ้งจอกพันปีกระชากต้นแขนให้ออกห่างจากมือผม อีกเพียงแค่ช่วงแขนเดียวผมก็จะถึงตัวน้องอยู่แล้ว บวกคำพูดคำจาที่ได้ยิน กลับไปกระตุ้นความโกรธที่ผมกักเก็บไว้ให้ระเบิดออกมา
ผมกระชับปืนในมือขึ้นและเล็งไปที่จ้าวเพ่ยซาน ทำให้ทุกคนรอบตัวส่งเสียงฮือฮา และต่างเล็งปืนเข้าหาฝ่ายตรงข้าม น้องธันว์เองก็ถูกจ้าวเพ่ยซานล็อกคอไว้ และถูกเธอจ่อปืนเข้าบริเวณช่วงเอว
“กล้าอ้างถึงความยุติธรรมได้ยังไง ในเมื่อการกระทำไม่ต่างจากโจร...ส่งน้องธันว์คืนมาเดี๋ยวนี้ และข้อตกลงจะเป็นไปตามที่แกเรียกร้อง” ผมหมดความอดทนแล้วจริงๆกับนางจิ้งจอกตนนี้ หากยังไม่ยอมรับข้อเสนอด้วยดี เชื่อมือผมได้เลยว่าพรุ่งนี้แก๊งจ้าวจะเหลือแต่ชื่อ
จ้าวเพ่ยซานกระชับตัวน้องธันว์เข้าหาตัว และส่องปลายกระปืนมาทางผม แม้ท่าทางเธอจะดูไม่หวาดหวั่น แต่แววตาวูบไหวที่ผมจับสังเกตได้ ทำให้ผมรู้ว่าจ้าวเพ่ยซานไม่ได้แข็งแกร่งอย่างคำเล่าลือ ผมจึงตั้งใจกระตุกยิ้มที่เหนือกว่าใส่ตาเธอ ให้แววตาคู่นั้นส่อถึงแววหวั่นไหวชัดเจน เมื่อปลายสายตาสังเกตได้ถึงใครบางคนที่ผมเฝ้ารอ
“ไม่! เด็กนี่ต้องอยู่เป็นหลักประกันให้ฉัน ถ้ามอบมันให้แกตอนนี้ แก๊งจ้าวคงเหลือแต่ชื่อ” ดูท่าจ้าวเพ่ยซานจะดื้อด้านกว่าที่คิดไว้
ผมจ้องตาน้องธันว์เพื่อมอบความเชื่อมั่นให้น้อง ว่าต่อจากนี้ผมจะปกป้องน้องจากทุกอันตรายที่จะมากล้ำกลาย น้องเองก็เหมือนรับรู้เพราะคลี่ยิ้มหวานคืนกลับมา ผมเหลือบมองไปทางอาเป๋าที่ยืนอยู่เคียงข้าง และพยักหน้าให้เพียงนิดด้วยไม่อยากให้จ้าวเพ่ยซานจับสังเกตได้ แต่ในสถานการณ์ที่ต่างฝ่ายต่างเตรียมห้ำหั่นกัน ท่าทางของผมจึงไม่รอดพ้นสายตาของเธอไปได้ จนนางจิ้งจอกตวาดแวดออกมา
“ส่งสัญญาณอะไรกัน!” คำถามนี้เหมือนเป็นสัญญาณให้คนของทั้งสองแก๊งเปิดศึกใส่กัน
น้องธันว์ถูกจ้าวเพ่ยซานลากออกไปนอกวง ก่อนการตะลุมบอนจะเริ่มขึ้น ผมหลบหลีกหมัดและเท้าที่ส่งมา ก่อนจะตอกกลับไอ้คนที่หาญกล้าพุ่งเข้าหา ด้วยการฟันศอกเข้าที่หลังคอ ส่วนสายตาก็คอยจับจ้องคนรักตัวน้อยไว้ ด้วยกลัวว่านางจิ้งจอกพันปีจะพาน้องหนีออกไประหว่างที่เกิดเรื่อง แต่ผมก็ต้องโล่งอกเมื่อคนที่ผมเฝ้ารอพร้อมพวก เข้าประชิดตัวจ้าวเพ่ยซานได้ พร้อมน้องธันว์ที่เป็นอิสระจากการจับกุมของเธอ ระหว่างที่ผมเผลอตัวนั้น เสียงหวานๆของน้องธันว์ที่ใช้เรียกชื่อผมก็ดังขึ้น พร้อมเสียงหวีดร้อง
“เฮียหลี่ผิง ระวัง!....เฮียยยย!!!” หมัดหนักๆของคนที่ผมจำได้ว่ามันลากน้องลงบันได ปะทะเข้าโหนกแก้มผมเต็มๆ ทำเอาหน้าชาและรู้สึกถึงคาวเลือดในปาก
เมื่อผมหันมาเผชิญหน้ากับมัน มันถึงกลับหน้าเหวอและอึกอักเหมือนทำอะไรไม่ถูก ก่อนผมจะแสยะยิ้มใส่ตามัน และตอบโต้กลับเช่นเดียวกับที่มันทำ แต่มันกลับลงไปกองกับพื้นเลือดท่วมปาก ผมจึงคิดบัญชีแค้นที่มันทำกับน้องธันว์ต่อ ด้วยการเตะเข้าที่หัวเข่าและปลีน่อง จนมันคู้ตัวกุมหัวเข่าร้องไม่ออก โทษฐานที่มันลากน้องถูลู่ถูกังลงมาให้คนน่ารักแทบหัวคะมำตกบันได ก่อนผมจะก้มลงยื้อข้อมือมันขึ้นมาบิด ทำเอามันร้องโอดโอยขอชีวิตเลยทีเดียว โทษฐานที่มันตั้งใจบิดข้อมือน้องธันว์ จนน้องถึงกลับร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด คราแรกผมตั้งใจจะหักข้อมือมันทิ้งซะด้วยซ้ำ แต่สัมผัสอ่อนโยนที่ต้นแขนพร้อมเสียงหวานที่ดังขึ้นข้างตัว ทำให้ผมต้องล้มเลิกความตั้งใจนั้น
“เฮียหลี่ผิงพอแล้วครับ” ผมสะบัดข้อมือมันทิ้ง ก่อนหมุนตัวมารับน้องธันว์เข้าหาอกและกอดน้องไว้ทั้งตัว พร้อมฝังจมูกเข้าที่ซอกคอเพื่อสูดกลิ่นน้องจนเต็มปอด ทำให้สมกับที่ผมอยากจะทำตั้งแต่รู้ว่าน้องถูกลักพาตัวไป และพูดในสิ่งที่วนเวียนอยู่ในหัว ด้วยรู้สึกผิดที่ดูแลคนรักไม่ดี
“น้องธันว์...เฮียขอโทษ” อ้อมแขนเล็กโอบกระชับรอบตัวผมทันที ก่อนฝ่ามืออุ่นๆจะลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลัง
“ธันว์ปลอดภัยแล้ว เฮียไม่ต้องขอโทษธันว์หรอก มันไม่ใช่ความผิดของเฮียหลี่ผิงสักหน่อย” นั่นสิ เหตุการณ์นี้ไม่ใช่ความผิดของผมสักหน่อย แต่เป็นเพราะจ้าวเพ่ยซานต่างหาก
ผมผละตัวจากร่างอุ่นของคนรัก ก่อนดันร่างน้องไปซ่อนอยู่ด้านหลัง และหันกลับมาเผชิญหน้ากับตัวต้นเหตุของความวุ่นวายครั้งนี้ แม้จะมีเสียงท้วงเบาๆผมก็พยายามใจแข็งไม่หันไปมอง ด้วยอยากจัดการตัวต้นเหตุของความวุ่นวายครั้งนี้ให้เรียบร้อย ส่วนนางจิ้งจอกพันปีเองก็ยืนหน้านิ่งจ้องเขม็งมาทางผมอยู่ก่อนแล้ว ทั้งๆที่ตัวเองและบรรดาลูกน้องถูกอาอู๋และคนของผมจับกุมไว้ แต่ดูท่าเธอจะยังไม่สิ้นฤทธิ์
ผมจึงหรี่ตาก่อนย่างสามขุมเข้าหา ซึ่งการข่มขวัญของผมดูท่าจะได้ผล เมื่อจ้าวเพ่ยซานค่อยๆหน้าซีดและเสหลบตา ยามที่ผมยืนประชิดตัวตรงหน้าเธอ
“คงไม่ต้องบอก เพราะคุณน่าจะรู้อยู่แล้ว ว่าผลของการลักพาตัวคนสำคัญของตระกูลหวางมาจะมีผลเช่นไร ทำใจไว้ได้เลย...อาอู๋ เชิญตัวจ้าวเพ่ยซานกลับแก๊งหวาง” สิ้นคำรับคำสั่งของอาอู๋ ผมจึงหมุนตัวกลับและเดินมาโอบเอวคนน่ารักที่ยืนหน้าเครียด เพื่อพากลับบ้าน
การที่ผมไม่ทำอะไรจ้าวเพ่ยซานนอกจากส่งคำขู่นั้น ไม่ใช่ว่าผมจะปล่อยเธอเพียงแค่นี้ แต่ตั้งใจพากลับไปสะสางกันต่อที่แก๊ง ด้วยไม่อยากแสดงความรุนแรงต่อหน้าคนรัก ซึ่งน้องธันว์เองก็ถึงกลับถอนใจอย่างโล่งอก ที่เห็นว่าผมไม่ทำร้ายจ้าวเพ่ยซาน แต่ผมก็ไม่คิดจะอธิบายแผนการเอาคืนที่อยู่ในใจให้น้องรู้ในตอนนี้ จึงได้แต่ส่งยิ้มอ่อนโยนให้คนน่ารักได้สบายใจ แต่ดูท่าผมจะคิดผิดที่ทำเพียงแค่ข่มขู่ เพราะนางจิ้งจอกย่อมไม่ทิ้งลายแห่งความเจ้าเล่ห์แสนกล
“ระวังครับนายน้อย!!”
“เฮียหลี่ผิง!!”
..........................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ
อัยยะ! นางจิ้งจอกพันปียังไม่หมดฤทธิ์แฮะ

ไม่รู้งานนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับพระเอกเราบ้าง เอาใจช่วยกันอีกสักตอนนะคะ
แต่เชื่อเถอะว่าหลี่ผิงไม่มีทางปล่อยให้น้องธันว์เป็นหม้ายเสียใจหรอกน้า
แถมตอนหน้าดีกรีความหื่นก็คงเส้นคงวาชะมัด

ติดตามลุ้นระทึกกับบทมหัศจรรย์ เอ๊ย! บทสรุปของนางจิ้งจอกพันปีได้ในวันศุกร์ค่า
+1และเป็ดสำหรับทุกเม้นท์เช่นเดิม ขอบคุณทุกการติดตามค่ะ

ปล.มีคนบอกว่าชอบของแถม เลยจัดมาให้อีกสักเล็กน้อย อิๆ
ของแถมด้านล่างน้า 