ตอนที่ 21ธันว์ หลังจากผมและเพื่อนต่างเอ่ยลาเพื่อแยกย้ายกันกลับ ผมก็ถูกท่านมาเฟียใหญ่ลากข้อมือแบบไม่พูดพร่ำทำเพลงพากลับขึ้นรถทันที จนไอ้สองตัวยังอ้าปากค้างกับอาการของเฮียกู!?
เมื่อมาถึงรถเฮียหลี่ผิงก็ออกคำสั่งกับคนสนิทให้ออกรถ ด้วยเสียงเรียบนิ่งแต่กดลึกบาดหู จนคนได้ยินอย่างผมยังนึกขยาดและแอบขนลุกไม่ได้ เมื่อเราเข้ามานั่งกันบนรถก้นยังไม่ทันอุ่น ผมก็โดนดึงเข้าหาอกกว้าง ทำเอาใบหน้าบู้บี้ไปกับกล้ามเนื้อแน่นๆ ตามมาด้วยแรงกอดรัดมหาศาลรอบตัว ก่อนผมจะได้ยินเสียงฟึดฟัดของลมหายใจที่ถูกพ่นออกทางจมูกดังขึ้นข้างหู ความที่ผมและเจ้าของอ้อมกอดอยู่ด้วยกันมานาน ผมจึงพอเดาออกว่าอาการดังกล่าวหมายความว่าอะไร จะอะไรซะอีก ถ้าไม่ใช่เฮียหลี่ผิงกำลังนึกโมโหหิว เอ๊ย! โมโหหึงผมในระดับรุนแรง
แม้ทั้งต้นแขนและแผ่นหลังผมจะเจ็บร้าวจากแรงกอดรัด แล้วไหนจะอาการน้ำตาซึมจากหางตา ด้วยจมูกถูกกระแทกอย่างแรงแบบไม่ทันตั้งตัวจนเจ็บไปหมด แต่ผมก็อดที่จะอมยิ้มและมีอาการใจเต้นเล็กๆ ให้กับอาการของพญามังกรขี้หึงไม่ได้จริงๆ ผมจึงพยายามดิ้นเพื่อจะยื่นหน้าออกจากแผ่นอกกว้าง แม้จะยากลำบากไปนิด แต่สุดท้ายผมก็ทำสำเร็จ ก่อนกระซิบเรียกชื่อท่านมาเฟียใหญ่เบาๆให้ได้รู้สึกตัว ว่าผมยังอยู่ตรงนี้ ยังอยู่กับเฮียหลี่ผิงทั้งตัวและหัวใจ
“เฮียหลี่ผิง เฮียครับ...ธันว์อยู่นี่” แรงกอดรัดรอบตัวเริ่มคลายลง เหมือนว่าเสียงผมสามารถแทรกผ่านม่านอารมณ์แห่งความหึงหวง และฝ่าเข้าไปให้เจ้าของชื่อรับรู้ได้สำเร็จ ก่อนเจ้าของสายตาคู่ดำสนิทที่นิ่งเรียบดังผิวน้ำ จะก้มมองสบตากัน
ผมจึงบรรจงส่งยิ้มหวานให้ตาคู่คมได้ไหววูบ บรรเทาความแข็งกร้าวที่มีลง ก่อนยกมือขึ้นแตะแก้มสากและส่งปลายนิ้วลูบไล้ช้าๆไปจนทั่ว เมื่อเห็นว่าตาคู่คมเริ่มเปล่งแสงวาววับแสดงถึงความถูกใจ พร้อมแรงจากอ้อมกอดที่เหลือเพียงการโอบประคอง ทำให้ผมเริ่มเบาใจได้ว่าพญามังกรจะไม่พิโรธ พ่นไฟบรรลัยกัลป์เผาไหม้ผู้คนรอบข้างให้ได้เจ็บตัว ก่อนผมจะทำใจกล้าคล้องแขนรอบคอแกร่ง และยื่นหน้าแตะริมฝีปากเข้าที่ปลายคางสาก เพื่อเป็นรางวัลปลอบใจ
แต่ดูท่าท่านพญามังกรจะยิ่งกว่าถูกใจ กับการออดอ้อนของลิงน้อยอย่างผม เพราะไม่เพียงมุมปากสวยที่ยกยิ้มน้อยๆแสดงถึงความพอใจเท่านั้น แต่ปลายนิ้วอุ่นๆดันแทรกผ่านชายเสื้อเชิ้ตของผมเข้ามาลูบไล้ผิวอ่อนข้างเอว พร้อมสายตากรุ้มกริ่มที่จ้องผมไม่กระพริบนี่อีก เล่นเอาผิวแก้มผมเริ่มเห่อร้อนขึ้นมานิดๆ แต่ผมเลือกที่จะทำเฉยไม่ปัดป้อง เพื่อให้ท่านพญามังกรเค้าได้ทำตามใจ ด้วยรู้ว่าต้นเหตุที่แท้จริงของอารมณ์แปรปรวนของเฮียหลี่ผิงนั้นเกิดจากผมเอง ผมจึงยอมนั่งเฉยๆให้เฮียหลี่ผิงลูบๆคลำๆได้ตามแต่ใจ ขอแค่อาเฮียกลับมาอารมณ์ดีอีกครั้งเท่านั้น
หากว่าผมจะไม่หล่อไม่ดูดีคงไม่มีพวกแมลงรำคาญ (ตามคำที่เฮียหลี่ผิงพูดไว้อ่ะนะ) เข้ามาตอแย จนทำให้พญามังกรเค้าโกรธาเหมือนช่วงที่ผ่านมาหรอกครับ
เมื่อผ่านเหตุการณ์ช่วงเช้าไปแล้ว ผมหวังว่าเยี่ยเหวินเจี้ยนจะพยายามทำความเข้าใจกับความจริง เรื่องที่ผมมีคนรักอยู่แล้ว และคงไม่มาตอแยผมเหมือนที่ผ่านมาอีกนะ เพราะเฮียหลี่ผิงก็แสดงออกชัดซะขนาดนั้น ใครที่ปกติดีและไม่ตาบอดคงรู้แล้วล่ะว่าอะไรเป็นอะไร
ผมเชื่อนะว่าหากไอ้คุณเยี่ยยังดื้อดึง เฮียหลี่ผิงคงไม่ปล่อยมันไว้เหมือนวันนี้หรอกครับ ด้วยครั้งนี้ถือว่าเป็นการเตือนครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายของอาเฮียที่รักแล้ว ซึ่งผมคงได้แต่ภาวนาให้มันตัดใจได้สักที ไม่ใช่ว่าผมเป็นห่วงไอ้คุณเยี่ยว่าจะได้รับบาดเจ็บหรอก แต่เพราะผมไม่อยากให้เฮียหลี่ผิงต้องสร้างบาปสร้างกรรมให้แก่ตัวเองมากกว่า ผมจะไปห่วงใครได้เท่ากับคนรักของผมเองล่ะจริงมั้ย
“ต่อไปถ้า ‘มัน’ ไม่เลิกคิดที่จะตอแยกับน้องธันว์ เฮียจะไม่ปล่อยมันให้ลอยนวล จนมีโอกาสมาส่งยิ้มให้คนเก่งของเฮียอีก” ผมว่าแล้ว เหมือนที่ผมคิดไว้ไม่มีผิด
ต่อไปเราคงต้องช่วยกันภาวนาให้ไอ้คุณเยี่ยคิดได้เถอะครับ ผมล่ะสยองแทนมันจริงๆ ดูสีหน้าแววตาจริงจังของเฮียหลี่ผิงตอนนี้ซะก่อน แล้วคุณจะรู้ว่าผมไม่ได้คิดเกินจริงสักนิด
“มันพูดอะไรกับน้องธันว์ก่อนที่เฮียจะเดินเข้าไป หืม” แม้น้ำเสียงที่เฮียหลี่ผิงใช้ถามผมจะทอดอ่อนไม่มีขัดหูสักนิด แต่ตาคู่คมที่จ้องมองผมนี่สิ มันช่างวาววับแฝงแววคาดคั้นชัดเจน
ผมเดาว่าหากคำตอบไม่เป็นที่ถูกใจ เฮียหลี่ผิงคงให้พี่เป๋าขับรถไปบ้านไอ้คุณเยี่ย เพื่อเล่นงานมันวันนี้อย่างแน่นอน ผมจึงแกล้งพองแก้มยื่นปากในแบบฉบับที่เฮียหลี่ผิงเห็นแล้ว มักเพ้อประจำว่าผมน่ะ ‘น่ารักน่ามันเขี้ยวเป็นที่สุด’ ไปให้ ผมลดวงแขนลงเพื่อเปลี่ยนมาโอบรอบเอวหนาไว้อย่างอ้อนๆ ก่อนเงยหน้าช้อนตาขึ้น พร้อมขมวดคิ้วน้อยๆพองาม
ผมทุ่มสุดตัวเพื่อให้มังกรหนุ่มได้ใจเย็น ก่อนที่จะได้ฟังความจริงจากปาก แต่คราวนี้ดูเหมือนเฮียหลี่ผิงจะไม่สนใจท่าทีของผมเท่าที่ควร เพราะใบหน้าหล่อๆยังคงเก๊กขรึม รอคำตอบไม่เปลี่ยน
“ก็ไม่มีอะไรนี่ครับ มิสเตอร์เยี่ยก็แค่ชมธันว์ว่าพรีเซนดี...อ่า...เฮียหลี่ผิงอย่าทำหน้าดุสิ ธันว์จะเล่าต่อแล้ว เฮอะ!...เค้าก็แค่ต่อว่าเรื่องโทรศัพท์ และทำท่าจะขอเบอร์ใหม่จากธันว์ แต่...อื๊อ! เฮียใจเย็นๆ แต่ธันว์ไม่ได้ให้นะ เพราะเฮียเดินเข้ามาพอดี...ไม่ใช่ๆ!! อย่าเพิ่งตาเขียวใส่ธันว์สิ ธันว์ไม่คิดจะให้ซะหน่อย...ถ้าเฮียยังไม่พอใจ ธันว์ก็ไม่รู้จะทำอะไรแล้วนะ จริงๆเรื่องนี้ธันว์ไม่ผิด ทำไมเฮียหลี่ผิงต้องทำหน้าดุใส่ธันว์ด้วยเนี่ย”
นั่นสิ! เรื่องครั้งนี้ไม่ใช่ความผิดของผมสักนิด แม้ผมจะเป็นต้นเหตุก็เถอะ แต่ผมไม่ได้อยากให้มันเกิดเรื่องวุ่นๆนี่สักหน่อย แล้วทำไมผมต้องโดนเฮียหลี่ผิงตะบึงตะบอนใส่ด้วยล่ะ
หลังจากผมง้ออาเฮียสุดตัวและเล่าเหตุการณ์ที่เฮียหลี่ผิงอยากรู้ไปแล้ว คนที่ได้ฟังกลับอารมณ์ขึ้นเหมือนจะโกรธผมซะงั้น จนผมเริ่มคิดได้ว่าที่ผ่านมาเฮียหลี่ผิงไม่เคยเชื่อใจผมเลยใช่มั้ย ทั้งๆที่ปากน่ะบอกว่ารักผม แต่ใจกลับไม่เชื่อใจกัน คงคิดล่ะสิว่าผมมันใจง่าย มีใครเข้าหาหน่อยไอ้ธันว์คนนี้ก็พร้อมจะโอนอ่อน...งั้นสิ!?
“เฮ้ น้องธันว์! ร้องไห้ทำไมครับ ชู่ๆๆ ไม่เอาครับคนเก่งไม่ร้องสิ” ความน้อยใจในตัวเจ้าของน้ำเสียงนุ่มที่กำลังปลอบใจผมอยู่นั้น ทำให้น้ำตาผมไหลเป็นทาง และพาลจะหูอื้อไม่ได้ยินคำปลอบประโลม จนผมสะอื้นฮักและเฝ้าวนเวียนคิดแต่ว่าเฮียหลี่ผิงไม่เชื่อใจกัน
“น้องธันว์ คนเก่ง...คนเก่งครับ มองเฮียหลี่ผิงหน่อยเร็ว โธ่!...‘ที่รัก’ ” ปลายนิ้วเย็นๆเชยคางผมขึ้น
ภาพที่ผมเห็นพร่ามัวด้วยม่านน้ำตา และสั่นไหวจากอาการสะอึกสะอื้น แต่ผมก็ยังเห็นรางๆว่าแววตาที่เคยแข็งกร้าว กลับหมองมัวด้วยความรู้สึกผิดและความเสียใจ ก่อนถ้อยคำอ้อนวอนจะดังขึ้น พร้อมสรรพนามแทนตัวผมที่ได้ยินครั้งใดก็รู้สึกสั่นไหวในอกทุกครั้ง
‘ที่รัก’ ผมเป็นที่รักของเฮียหลี่ผิงจริงๆเหรอครับ แล้วทำไมถึงไม่เชื่อใจกันบ้างล่ะ ว่าผมไม่มีวันไปรักใครได้อีกแล้ว
“ฮะ...เฮีย ฮึก รักธันว์ ฮึกๆ จริงๆเหรอ ทำไมทำเหมือน ฮึก ไม่รัก...ฮื่อออ”
“รักสิครับ เฮียหลี่ผิงรักน้องธันว์ รักมากด้วย เพราะรักนี่แหละถึงทำให้เฮียเป็นไอ้บ้าอยู่แบบนี้ น้องธันว์ยกโทษให้ไอ้บ้าคนนี้ได้มั้ย เลิกร้องเถอะนะครับ” สีหน้าแววตาของคนที่ต่อว่าตัวเองว่าเป็นไอ้บ้าได้อย่างหน้าตาเฉยนั้น
หม่นหมองและเว้าวอนซะจนคนที่ได้เห็นอย่างผมใจกระตุก ก่อนฝ่ามือผมจะถูกจับไปประทับจูบอุ่นที่กลางฝ่ามือ และถูกประกบหลังมือไว้ที่ข้างแก้มสาก
เราจ้องตากันนิ่งนาน จนผมหยุดร้องไห้ไปแบบไม่รู้ตัว แต่สิ่งที่ผมรับรู้ได้คือความอบอุ่นจากหลังมือ และปลายนิ้วที่เฝ้าเช็ดสายน้ำตาที่ข้างแก้มอย่างอ่อนโยน พร้อมกับแววตาอ่อนหวานสื่อรักจากตาคู่คม ทำเอาแก้มผมเริ่มร้อนจนเสหลบตาเฮียหลี่ผิงซะดื้อๆ
“น้องธันว์ยกโทษให้เฮียแล้วใช่มั้ยครับ” ผมเหลือบตาขึ้นมองเจ้าของคำถามนิดหน่อย ทำให้เห็นแววตาคาดหวังเต็มเปี่ยม จนผมอดหมั่นไส้ไม่ได้
ผมแกล้งโยกโย้ไม่ตอบด้วยการเบือนหน้าออกนอกรถ แต่สัมผัสที่แก้มจากปลายจมูกโด่ง ที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ทำให้ผมต้องโวยวายออกมาจนได้
“เฮียหลี่ผิง หยุดเลยนะ! ธันว์บอกให้หยุดไง” ผมเบี่ยงหน้าหลบปลายจมูกโด่งเป็นพัลวัน แต่หลบไปทางไหนก็ดูเหมือนว่าจะหนีไม่พ้น
“ฟอด ฟอดด ฟอดดด...น้องธันว์ต้องยกโทษให้เฮียก่อน ไม่งั้นเฮียไม่หยุดหรอกครับ ฟอดดดด” ผมว่าอีกใจของเฮียหลี่ผิงคงไม่อยากให้ผมเอ่ยปากยกโทษให้เร็วนักหรอก เพราะดูท่ายังอยากหาเศษหาเลยกับแก้มผมต่อ
“พอแล้วววว ธันว์ยกโทษให้ ‘คนบ้า’ ก็ได้ คิกๆ อ้าว เฮียพูดเองนะ” คนที่ผมแกล้งว่านั้นเกิดอาการชะงักงัน ก่อนเงยหน้าขึ้นจากซอกคอผม และแกล้งเหวี่ยงค้อนเข้าใส่กัน จนผมเองยังอดขำออกมาทั้งคราบน้ำตาไม่ได้เชียวล่ะ
“เฮียยอมน้องธันว์ครับ ขอแค่ยกโทษให้เฮียก็พอ...และเฮียขอให้น้องธันว์ช่วยอดทนกับมังกรบ้าขี้หึงอย่างเฮียมากๆหน่อยนะครับ ไม่ใช่ว่าเฮียไม่เชื่อใจน้องธันว์ แต่เพราะเฮียรู้ใจคนเก่งของเฮียมากต่างหาก ว่าน้องธันว์ของเฮียน่ะเป็นคนขี้สงสารและขี้ใจอ่อนขนาดไหน หากไอ้พวกที่เข้าหาน้องธันว์มาทำท่าออดอ้อนแสดงสีหน้าน่าสงสารใส่ เชื่อเถอะว่าน้องธันว์ต้องมีเห็นใจพวกมันบ้าง และพวกมันคงใช้จุดอ่อนนี้หาประโยชน์จากน้องธันว์ของเฮียน่ะสิ”
ผมอดที่จะพยักหน้าน้อยๆไปกับอกกว้างไม่ได้จริงๆ เพราะเห็นด้วยกับคำพูดของเฮียหลี่ผิง ด้วยพอรู้ตัวอยู่ว่าเป็นคนขี้สงสาร แม้ใจไม่ได้เอนเอียงแต่คงอดที่จะทำตามคำขอของอีกฝ่ายไม่ได้แน่ๆ หากมาแนวสุภาพอ้างเหตุผลสารพัดเข้าใส่ เหมือนกรณีที่ไอ้คุณเยี่ยขอเป็นเพื่อนผมนั่นเอง
ระหว่างที่ผมคิดตามคำพูดของเฮียหลี่ผิงอยู่นั้น อ้อมกอดรอบตัวที่เป็นเหมือนเกราะป้องกันภัย เริ่มกระชับและโยกเบาๆคล้ายเห่กล่อม ทำให้ผมคล้อยตามและกลับมาอุ่นใจได้ดั่งเดิม ผมเงยหน้าขึ้นจากอกอุ่นและเริ่มพูดในสิ่งที่ตัวเองคิด
“ธันว์แค่น้อยใจที่เฮียหลี่ผิงทำเหมือนไม่เชื่อใจธันว์ แต่อยากให้รู้ว่าธันว์ไม่คิดจะมีคนอื่นอยู่แล้ว ส่วนเรื่องที่เฮียขอ ธันว์ให้ก็ได้ ธันว์จะใช้ความอดทนให้มากๆๆๆ...กับมังกรบ้าขี้หึงตัวนี้ ไหนๆธันว์ก็เป็นเจ้าของมังกรบ้าแล้วนี่เนอะ” ผมฉีกยิ้มใส่ตาเฮียหลี่ผิงที่กำลังถูกผมดึงแก้มโย้ไปมา
แม้ไม่เหลือเคล้าใบหน้าหล่อเหลาให้เจ้าของได้ภาคภูมิใจ ซึ่งเฮียหลี่ผิงเองก็ไม่คิดสน ด้วยปล่อยให้ผมได้กลั่นแกล้งแก้มขาวๆตามความพอใจ ส่วนแววตาก็ระยับ แสดงชัดว่าออกจะพอใจที่ถูกผมแกล้ง สงสัยว่านอกจากเฮียหลี่ผิงจะเป็นมังกรบ้าขี้หึงแล้ว คงเป็นตาแก่โรคจิตชอบการเจ็บตัวด้วยแน่ๆเหอะ
‘ตลกชะมัด ต้องไม่มีใครเคยเห็นหวางหลี่ผิงในลุคนี้แน่ๆ’
ผมที่กำลังหัวเราะคิกคักถูกใจกับแก้มย้วยๆและปากบานๆอยู่นั้น ก็ต้องเหวอเมื่อถูกยกเอวจนตัวลอยมานั่งคร่อมตักแกร่ง ก่อนเฮียหลี่ผิงจะฉวยโอกาสขโมยจูบจนผมเคลิ้ม นั่งระทวยหลับตาพริ้มพิงอกหนา และไม่รู้ตัวสักนิดว่ารถมาจอดหน้าตึกตั้งแต่เมื่อไหร่
“มาครับคนเก่ง รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากัน วันนี้เฮียจะพาไปทานดินเนอร์ข้างนอก” ผมพยักหน้าให้อย่างเบลอๆก่อนส่งมือให้คนเรียกและเดินตามแรงจูงเข้าตึก เวลานี้เฮียหลี่ผิงให้ทำอะไร ผมทำตามหมดแหละ สมองเบลอหน้าร้อนซะขนาดนี้
ขนาดเจอหน้ามามาและท่านเอ่ยทักทาย ผมยังแค่ระบายยิ้มให้ท่านไม่มีหลุดคำใดๆออกไป ทำตัวเหมือนเด็กมารยาทไม่ดี จนท่านต้องเดินเข้ามาหาอย่างผิดสังเกต และจ้องผมด้วยความเป็นห่วง ทำเอาผมต้องรีบหลบตาและแอบบีบมือใหญ่ที่เกาะกุมอยู่อย่างไม่รู้ตัว ก่อนมามาจะหันไปฟาดฝ่ามือเข้ากับต้นแขนของเฮียหลี่ผิง และต่อว่าลูกชายคนโตเสียงเข้ม ทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นมอง จึงได้เห็นใบหน้าสวยเครียดขรึมพาลให้ใจไม่ดี
“หลี่ผิงครับ ทำไมลูกถึงรังแกน้องแบบนี้ หึ!” ผมมองตามสายตามามา เพราะอดกังวลแทนคนที่โดนต่อว่าไม่ได้ แต่เฮียหลี่ผิงกลับยืนอมยิ้มส่งสายตาออดอ้อนให้ท่านไม่มีกลัวเกรง
ก่อนที่มามาจะลงมือกลับเฮียหลี่ผิงมากไปกว่านี้ ปาปาหลี่จวินก็เดินเข้ามาโอบเอวคู่ชีวิตท่านไว้ ด้วยใบหน้าระบายยิ้มน้อยๆท่วงท่าสง่างาม
“โมโหอะไรครับเฟิงหวง ลูกชายของเราทำอะไรให้ไม่พอใจ” ปาปาทอดมองมามาด้วยสายตาอ่อนหวาน ก่อนเหลือบมองลูกชายหน้าเข้มข้างตัวผมด้วยสายตาเอาเรื่อง
คนถูกมองเองกลับไม่มีทีท่าทุกข์ร้อน เพราะยังคงอมยิ้มและมีก้มมองผมด้วยสายกรุ้มกริ่ม ทำเอาผมเริ่มร้อนตัวด้วยรู้ว่าเป็นต้นเหตุของความเข้าใจผิด แต่ผมไม่รู้จะห้ามมามาเฟิงหวงอย่างไร จึงได้แต่กุมมือใหญ่ไว้แน่นและค่อยๆขยับตัวไปหลบหลังร่างสูงของเฮียหลี่ผิง ซึ่งอาเฮียก็แสนรู้ใจ ช่วยขยับตัวเอาร่างใหญ่มาบังผมไว้อีกด้วย
“ลูกชายของเฮียหลี่น่ะสิครับ รังแกน้องธันว์อีกแล้ว นี่ถ้าเป็นเด็กนะ ผมจะตีให้ก้นลายเชียว” บทลงโทษที่ได้ยินจากมามา ทำเอาผมเกือบหลุดขำแต่ยังดีที่กลั้นไว้ได้ทัน แต่ต้องสะดุ้งเมื่อมามาเรียกหา
“อ้าว น้องธันว์ทำไมไปหลบหลังลูกชายขี้แกล้งของมามาแบบนั้นครับ” ผมจึงค่อยๆยื่นหน้าออกจากแผ่นหลังกว้าง และคลี่ยิ้มอายๆให้ปาปากับมามา ก่อนจะรีบหลบสายตารู้ทันของปาปาหลี่จวินที่จับจ้องมายังริมฝีปากผม
ท่านต้องรู้แน่ๆว่าเกิดอะไรขึ้นบนรถระหว่างผมกับเฮียหลี่ผิง ผมจึงรีบหลุบตัวกลับมาซ่อนหน้าร้อนๆไว้กับแผ่นหลังกว้างดังเดิม
“มามาจะจัดการหลี่ผิงยังไงดี หึ! เฮียหลี่หยุดหัวเราะเลยนะครับ พ่อลูกนี่เหมือนกันไม่ผิด”
เอ๋ หมายความว่ายังไงครับ ที่ว่าพ่อลูกเหมือนกัน หรือว่าปาปาหลี่จวินก็มีนิสัยแบบเดียวกับเฮียหลี่ผิง และไอ้นิสัยที่ว่าคงหนีไม่พ้นเรื่อง ‘จูบ’ มิน่าทั้งมามาและปาปาถึงจับสังเกตความผิดปกติของผมได้อย่างรวดเร็ว
“ปาปามามาครับ คืนนี้ผมขออนุญาตพาน้องไปดินเนอร์ข้างนอกนะครับ สัญญาครับว่าจะรีบไปรีบกลับ ไม่พาคนน่ารักเถลไถลอย่างแน่นอน” หลังคำขออนุญาตของเฮียหลี่ผิงแล้ว
ปาปาหลี่จวินพยักหน้าให้ด้วยใบหน้าระบายยิ้ม ส่วนมามาเฟิงหวงที่ดูเหมือนยังงอนลูกชายคนโตอยู่ ท่านส่งค้อนน้อยๆใส่เฮียหลี่ผิง ทำเอาคนโดนค้อนโอดโอยขึ้นมาทันที จนคนที่แอบมองอย่างผมยังหลุดขำ และผมหลบแทบไม่ทัน เมื่อตาคู่สวยตวัดมองมาทางผม ก่อนเสียงหวานๆจะดังเรียกชื่อผมออกมา ทำให้ผมต้องเคลื่อนตัวออกมาจากที่ซ่อน เพื่อเผชิญหน้ากับนายหญิงแห่งหวางหย่งกัง
“น้องธันว์อยากไปดินเนอร์กับเฮียหลี่ผิงรึเปล่าครับ” ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าอ่อนโยนของมามาเฟิงหวงที่ใช้ถามผมนั้น
ช่างแตกต่างจากที่ใช้กับสองชายหนุ่มข้างตัวเรานัก ทำให้ผมที่แต่แรกหัวใจตกไปที่ตาตุ่มค่อยๆใจชื้นขึ้น ถึงขั้นกล้าส่งยิ้มหวานให้มามาคนสวย ก่อนขยับตัวไปกอดแขนท่านไว้อย่างอ้อนๆ
“ธันว์ยังไงก็ได้ครับ แล้วแต่มามา” สิ้นคำผมเท่านั้นแหละครับ ปาปาหลี่จวินก็หัวเราะชอบใจขึ้นมาทันที ส่วนคนลูกมีรึที่จะไม่โวยวาย
“น้องธันว์! ทำไมไม่ตอบมามาไปล่ะครับว่าอยากไปกับเฮีย” ผมส่งยิ้มเอาใจให้มามาเฟิงหวงเต็มที่ และไม่คิดจะหันไปมองคนที่โวยวายอยู่ข้างหลัง
งานนี้แล้วแต่ประกาศิตของนายหญิงแห่งหวางหย่งกังเลยครับ นายธันว์คนนี้ยินยอมรับคำบัญชาเต็มที่ และยิ่งได้อยู่ใกล้มามาเฟิงหวงแบบนี้ ผมยิ่งแน่ใจว่ามีน้อยคนนักที่จะสวยได้เท่ามามาเฟิงหวง บวกกับรอยยิ้มหวานๆเข้าไปอีก ผมขอละลายอยู่ตรงนี้ได้มั้ยครับ
“ฮึๆ น้องธันว์ช่างพูดให้มามาดีใจนะครับ แต่ขืนมามาไม่ให้น้องธันว์ไป ลูกชายเจ้าเล่ห์ของปาปาเค้าคงมีงอน ฮึๆ” อูยยย นายธันว์ตาพร่าไปหมดแล้วครับ มามาหัวเราะทีโลกสดใสขึ้นเป็นกอง
ผมได้แต่หัวเราะตามท่าน แต่หางตาก็เห็นนะครับ ว่าลูกชายของปาปาหน้าบึ้งหมดหล่อแล้ว คงเพราะเฮียหลี่ผิงใกล้งอนมามาเฟิงหวงเต็มที สมน้ำหน้าแล้วเนอะอยากมาแกล้งเอาเปรียบผมก่อนทำไม
“เฟิงหวงครับ เฮียไม่ได้เจ้าเล่ห์สักหน่อย และถ้าหลี่ผิงจะมีนิสัยแบบนั้น มันคงไม่ได้มาจากเฮียหรอก ฮึๆ” เจ้าของประโยคหยอกเย้าเดินเข้ามาทวงมามาคนสวยของผมซะแล้วครับ เพราะพอปาปาพูดจบก็คว้าเอวมามาเข้าหาตัวทันที
ผมจึงจำใจต้องปล่อยแขนของท่าน แต่ไม่สามารถหุบยิ้มลงได้ ด้วยตอนนี้เฮียหลี่ผิงกำลังโดนท่านทั้งคู่แกล้งหยอกเล่น จนหน้าบูดหมดหล่อไปเยอะเชียว
“แน่ใจเหรอครับ ผมว่าความเจ้าเล่ห์ของลูกน่ะมาจากเฮียนั่นแหละ เผลอเป็นไม่ได้...เฮียหลี่!!” ผมสะดุ้งทันทีกับเสียงตวาดของมามา จนต้องละสายตาจากแววตัดพ้อของเฮียหลี่ผิง ทำให้ได้เห็นมามาเฟิงหวงแก้มแดงจ้องหน้าปาปาหลี่จวินเขม็ง
โดยที่ปาปายืนคล้องเอวมามาไว้ ยิ้มกริ่มแววตาแพรวพราว ไม่รู้ว่าท่านพูดอะไรกับคู่ชีวิตสิน่า ถึงทำให้มามาแสดงอาการเยี่ยงนั้น
“เราหนีไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากันเถอะครับ ปล่อยให้พวกท่านอยู่กันสองคน ส่วนเราจะได้มีเวลาดินเนอร์เยอะๆ ไปครับไป”
คงไม่ต้องบอกนะครับว่าผลของประโยคนี้คืออะไร ผมได้แต่ซอยเท้าตามเฮียหลี่ผิงที่ลากผมออกจากห้องรับรองทันทีที่พูดจบ ด้วยเห็นแก่ดินเนอร์คืนนี้ ผมจึงไม่คิดโวยวาย ไม่ใช่เพราะอยากตามใจท่านมาเฟียใหญ่หรอกน้า
......................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ
หลี่ผิงก็ขี้หวงเกิ้น! ทำลิงน้อยน่ารักร้องไห้ได้ไงเนอะ
มันน่าให้มามาเฟิงหวงตีก้นลูกชายรูปหล่อจริงๆสักที หึ!

แม้ช่วงแรกคุณจะเคืองมาเฟียใหญ่ แต่เรารู้นะ...ว่าสุดท้าย
คุณก็นั่งอมยิ้มไปกับบทออดอ้อนของคู่รักคู่นี้ใช่ม้า ฮุๆ
ขอบคุณสำหรับรอยยิ้มนะคะ ^___^
ส่วนตอนหน้าไม่น่าเชื่อว่า puppyluv จะใจตรงกับหลี่ผิงด้วย
รู้ได้ไงว่าเค้าจะพากันไปดินเนอร์สุดหวานอ่ะ อิๆ
นั่นปะไร
ก็คนมันรักมากก็ต้องหวงมาก
หลี่ผิงค่อยสมกับเป็นสายเลือดมังกรหน่อย
ชอบบบบบบ
แอบซาดิสต์ว่าฆ่าหั่นศพซะก็ดี 555
ว่าแต่น้องจะร้องไห้เหรอ
มะอาววววว
ขอน้ำตาไหลด้วยความสุข (สม) บนเตียงได๋เปล่า
ไม่ก็ดินเนอร์โชว์หวานไม่แคร์สื่อก็ได้
บวกและเป็ดขอบคุณ MiSS-U ที่พาน้องมาให้ได้เข้ามาอ่าน
+1และเป็ดสำหรับทุกเม้นท์ ขอบคุณทุกการติดตามค่ะ
เจอกันวันสีฟ้าแสนสุขนะค้า~~
