ตอนที่ 16หวางหลี่ผิง“ฉันจริงจังเรื่องเหมยอิง” ประโยคดังกล่าวไม่ได้อยู่นอกเหนือจากที่ผมคาดเดาสักนิด แต่มันก็ยังทำให้ผมหงุดหงิดอยู่ดี แม้คนที่พูดจะเป็นเพื่อนสนิทของผมก็ตาม
ผมจึงเลือกที่จะจ้องตาไอ้ไรอันแทนการตอบโต้ด้วยคำพูด แววตาสีฟ้าอมเขียวของมันนิ่งสงบไม่มีแววลอกแลก ยืนยันในสิ่งที่มันพูดได้เป็นอย่างดี แต่ประเด็นของเรื่องที่เรากำลังพูดนั้น ยากที่ผมจะทำใจยอมรับได้ง่ายๆ น้องสาวฝาแฝดที่ผมเฝ้าดูแลอย่างดีมาตลอดทั้งคนนะครับ นี่ยังดีที่เป็นเพื่อนสนิท หากเป็นผู้ชายคนอื่นมายืนตรงหน้าและสารภาพว่าคิดเกินเลยกับเหมยอิงแล้วล่ะก็ มันคงได้ล้มคว่ำเพราะแรงหมัดของผมไปนานแล้ว
“ถ้าฉันไม่ยอมล่ะ” ผมส่งเสียงท้าทายออกไปหลังจากจ้องตาวัดใจกับไอ้ไรอันมาพักใหญ่
“ฉันคงห้ามนายไม่ได้ แต่นายก็ห้ามฉันไม่ให้รู้สึกดีกับเหมยอิงไม่ได้เหมือนกัน”
“ไอ้ไรอัน!!” ผมตะเบ็งเสียงใส่ไอ้เพื่อนปากดี ก่อนเข้าไปกระชากคอเสื้อมันเข้าหาตัว พร้อมง้างหมัดเตรียมพุ่งเข้าใส่ครึ่งปากครึ่งจมูกของมัน แต่แววตามุ่งมั่นที่ไอ้ไรอันใช้มองผม ก่อนที่เปลือกตาจะปิดลงนั้น แสดงออกชัดว่าเจ้าของมันยินยอมให้ผมได้ทำร้ายมันแต่โดยดี
“โธ่โว้ย!!... ทำไมต้องเป็นนายด้วยวะไรอัน” สุดท้ายผมก็ทำร้ายเพื่อนตัวเองไม่ลง จึงได้แต่สบถหัวเสียอยู่คนเดียว และอดไม่ได้ที่จะตะคอกใส่มันด้วย ซึ่งมันเองก็แค่ส่งยิ้มบางเบาและมองผมอย่างเข้าใจ ไม่มีโวยวายตอบโต้สักนิด
“หลี่ผิง ฉันรู้ว่านายรักและเป็นห่วงเหมยอิงมาก ระดับนายสามารถดูแลเหมยอิงได้ตลอดชีวิตอย่างสบายๆ แต่นายเคยคิดบ้างมั้ยว่าความเป็นห่วงของนาย อาจจะเป็นการทำร้ายเหมยอิงอยู่ก็ได้นะ นายไม่คิดบางเหรอว่าน้องสาวของนาย อาจจะอยากมีใครสักคนมาแชร์ความสุขความทุกข์บ้างก็ได้ เหมือนที่นายมีน้องธันว์อยู่ข้างกายไง และนายเองปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าสักวันเหมยอิงก็ต้องมีคนดูแล ซึ่งคนๆนั้นอาจจะเป็นฉันหรือไม่ก็ได้”
ผมหันหน้าหนีสายตาจริงจังของไอ้ไรอัน แม้จะไม่พอใจในสิ่งที่มันพูด และปฏิเสธไม่ได้จริงๆว่าสิ่งที่มันพูดมีความเป็นไปได้สูงมาก แต่ผมไม่อยากจะยอมรับนี่ครับที่เหมยอิงจะมีใครอื่นนอกจากคนในครอบครัวเรา จะว่าผมเห็นแก่ตัวก็ได้ ด้วยรู้ดีแก่ใจว่าการมีคนที่รักอยู่เคียงข้างร่วมสุขและทุกข์นั้น ผมมีความสุขแค่ไหนในช่วงเวลาเหล่านั้น
“หลี่ผิง นายรู้จักฉันดีพอๆกับตัวฉันเอง ทำไมนายไม่ให้โอกาสฉันได้เป็นตัวเลือกในชีวิตเหมยอิงบ้างล่ะ” ผมค่อยๆหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้ากับไอ้ไรอัน
ผู้ชายที่ไม่เคยลดศักดิ์ศรีวอนขอใคร ผู้ชายที่มีพร้อมทั้งรูปสมบัติและทรัพย์สมบัติ ผู้ชายที่เป็นผู้เลือกมาตลอด และผู้ชายคนเดียวกันนี้เป็นเพื่อนสนิทของผมมาร่วมสิบปี แต่วันนี้ผู้ชายที่พร้อมทุกอย่างกลับวอนขอเพื่อนอย่างผม เพื่อเป็นตัวเลือกให้กับน้องสาวฝาแฝด
“ไรอัน นายต้องพิสูจน์ให้ครอบครัวฉันได้เห็นว่านายพร้อมจะดูแลนางฟ้าของเรา อย่าเพิ่งดีใจไป ฉันเพื่อนสนิทนายรู้จักนายดีอย่างที่นายพูด แต่....ฮึๆ อาตี้หลง ปาปา และอากงไป๋หลง คงอยากรู้จักนายในฐานะอื่นมากกว่าฐานะเพื่อนสนิทของฉันนะไรอัน” ผมแสยะยิ้มใส่ไอ้ไรอันทันที ที่เห็นมันเปิดยิ้มและมีแววตาแพรวพราวยินดีเปิดเผย ยามที่มันแปลประโยคเปิดทางของผมออก ก่อนจะอัญเชิญด่านอรหันต์ทองคำทั้งสามมาขู่มัน ทำเอามันยิ้มค้างมีแววตาหนักใจขึ้นมาทันที
“ฉันให้โอกาสนายก็จริง แต่อยากให้รู้ไว้ว่าฉันจะจับตาดูนายทุกฝีก้าวเชียวล่ะ...ป้าบๆ...คิดจะมาเป็นตัวเลือกของคุณหนูตระกูลหวาง นายต้องลำบากหน่อยแล้วล่ะเพื่อน ฮ่าๆ” ผมหัวเราะอย่างสะใจ เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของไรอัน แถมได้กำไรจากการแกล้งตะปบไหล่มันแรงๆอีกด้วย
หลังจากเราได้เคลียร์กันแล้ว ผมรู้สึกโล่งใจขึ้นหน่อย ด้วยรู้แน่ชัดแล้วว่าไอ้ไรอันมันจริงจังกับเรื่องเหมยอิง และไม่ได้แกล้งขู่ที่ว่าผมจะจับตาดูมันไว้ เพราะถึงอย่างไรความเป็นห่วงที่ผมมีต่อน้องสาวก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง แต่อยากลองให้โอกาสเพื่อนสนิทได้พิสูจน์ตัวเองสักครั้ง หากในอนาคตมันทำเหมยอิงเสียใจเพียงนิด ถึงตอนนั้นผมจะขัดขวางมันสุดตัว ก็คงจะไม่มีใครว่าผมได้ว่าผมหวงน้องเว่อร์ แต่ผมอดที่จะเห็นใจมันในฐานะเพื่อนสนิทไม่ได้เช่นกัน เมื่อรู้แก่ใจว่ามันต้องเจออีกสามด่านหินกว่าจะได้สมหวังในรัก
“เข้าไปกันเถอะว่ะ ฉันคิดถึงน้องธันว์แล้ว ฮึๆ” ผมตบบ่าไอ้ไรอันพร้อมยกยิ้มให้มันที ก่อนเดินนำหน้าออกจากลานจอดรถ เพื่อกลับไปหาคนน่ารักที่ผมคิดถึง
ไม่รู้ว่าน้องธันว์จะเป็นกังวลจนไม่เป็นอันกินอะไรรึเปล่า เพราะสีหน้าแววตาของน้องตอนที่ผมเดินออกมานั้น บ่งบอกว่าเจ้าตัวไม่สบายใจเรื่องของผมและไอ้ไรอันไม่น้อย และผมก็ต้องอมยิ้มอย่างสบายใจ เมื่อกลับมาที่ร้านแล้วพบว่าคนน่ารักของผมยังร่าเริงไม่มีแววหม่นหมองให้ผมต้องเป็นกังวล
ผมก้าวเข้าหาคนที่กำลังคุยเพลิน น้องไม่มีรู้ตัวสักนิดว่ามีผมจับจ้องทุกอิริยาบทอยู่ และอีกเพียงไม่กี่ก้าวที่ผมจะเข้าไปในตัวร้าน ดวงตาสุกใสของน้องก็หันมาสบตาด้วย ก่อนแววตาคู่เดียวกันนี้จะฉายชัดถึงความห่วงใย พร้อมกับที่น้องธันว์ลอบสำรวจร่างกายผมไปด้วย กิริยาของน้องทำเอาหัวอกผมอุ่นวาบและอิ่มเอม เมื่อริมฝีปากสีสดค่อยๆคลี่ยิ้มส่งตรงมาให้ผมผู้เป็นเจ้าของแต่ผู้เดียว
“เฮียหลี่ผิงครับ ดื่มชาก่อนนะ อยากกินไรอีกมั้ย เดี๋ยวธันว์ไปตักให้” ถ้าผมมอบตำแหน่งสุดยอดแฟนให้น้องธันว์คงไม่มีใครค้านนะครับ เด็กอะไรช่างน่ารักและรู้จักเอาใจสามีขนาดนี้ นี่ถ้าอยู่สองต่อสอง ริมฝีปากช่างเจื้อยแจ้วนั่นต้องถูกผมชิมอย่างแน่นอน
“อยากกินธันว์” หลังคำกระซิบหยอกเย้าของผมข้างใบหูหอมแล้ว ยังไม่ทันที่ผมจะผละหน้าห่าง ใบหูขาวๆนั่นก็แดงก่ำอย่างน่ากิน ส่วนผิวหน้าของคนน่ารักก็แดงไม่แพ้กัน ทำเอาเพื่อนๆน้องธันว์แซวผมกับเจ้าตัวใหญ่เชียวว่าแกล้งหวานใส่กันให้คนอื่นอิจฉาเล่น
ปฏิกิริยาของน้องก็เป็นดังเคย คือโวยวายใส่เพื่อนด้วยหน้าบึ้งๆแต่แก้มกลับแดงระเรื่อ ซึ่งก็ไม่มีใครเค้ากลัวเจ้าตัวกันสักคน มีแต่จะยิ่งแหย่ให้ได้เขินอายทำอะไรไม่ถูกยิ่งกว่าเดิม ผมเหลือบมองไอ้ไรอันอย่างขำๆ เพราะมีมันคนเดียวที่นั่งหน้าเครียด ทั้งๆที่ทุกคนบนโต๊ะมีแต่รอยยิ้ม ไม่ต้องเดาว่าเกิดจากอะไร ถ้าไม่ใช่ระเบิดที่ผมโยนใส่มันไว้ แต่ถือซะว่าเป็นการเตือนด้วยความหวังดี จากเพื่อนสนิทอย่างผมแล้วกันครับ
ผมกระหยิ่มใจได้ไม่นาน เพราะพอเหมยอิงเดินมาที่โต๊ะ พร้อมวาฟเฟิลราดสตรอเบอรี่นั้น ไอ้ไรอันก็หน้าบานมองน้องสาวผม
ตาเยิ้มเชียว ด้วยความหมั่นไส้ผมจึงถีบหน้าแข้งมันเบาๆเป็นการสั่งสอน ทำให้มันหันมาส่งยิ้มแหยๆให้ผม และพยายามเก๊กหน้านิ่งก้มจิบชาแทน แต่ผมก็ยังเห็นว่าหางตามันแอบมองเหมยอิงอยู่ตลอดเวลา ส่วนเหมยอิงเองยังคงยิ้มหวานให้ทุกคนบนโต๊ะ และเอ่ยชวนทานขนมด้วยกิริยาน่ามอง
น้องสาวผมก็เป็นซะแบบนี้ แล้วจะไม่ยิ่งทำให้เพื่อนสนิทของผมหลงใหลไปกว่าเดิมได้อย่างไร ผมจึงอดที่จะถอนใจเบาๆออกมาไม่ได้ ทำให้น้องธันว์ที่นั่งข้างผมหันมามองด้วยความสงสัย ก่อนจะรั้งมือผมไปกุมใต้โต๊ะและออกแรงบีบน้อยๆ พร้อมคำกระซิบเบาๆพอให้ได้ยินกันสองคน
“อย่าถอนใจสิครับ เดี๋ยวความสุขก็ตกใจบินหนีไปหมดหรอก” ฟังคำพูดคำจาน้องธันว์เถอะครับ ช่างน่ารักสมตัวน้องจริงๆ
“ฮึๆ ความสุขของเฮียก็คือน้องธันว์นะครับ ถ้าอยากให้เฮียมีความสุขก็อย่าคิดหนีไปไหนนะ” น้องธันว์ที่โดนผมหยอดอย่างไม่ตั้งตัวอ้าปากหวอตาโต แต่เมื่อน้องตั้งตัวติดก็สะบัดมือผมทิ้ง พร้อมทำปากขมุบขมิบต่อว่าเบาๆด้วยแววตาวาววับอย่างน่าเอ็นดู
ผมจึงรั้งต้นคอน้องเข้าหา ก่อนฝังจมูกลงบนกลุ่มผมนิ่มๆอย่างอดใจไม่อยู่ เรียกเสียงแซวดังรอบโต๊ะอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้รวมสายตาเกือบยี่สิบคู่ภายในร้านเข้าไปด้วย ทำเอาน้องธันว์ตัวแดงก้มหน้างุด และอาจหาญเตะขาผมใต้โต๊ะอีกด้วย ผมจึงรั้งตัวน้องเข้าหา เพื่อช่วยซ่อนหน้าแดงๆนั้นไว้กับอก ไม่สนใจสายตาล้อเลียนของผู้ร่วมโต๊ะและสายตาอยากรู้ปนตกใจของคนในร้าน เพราะคนที่ผมให้ความสนใจมีเพียงเด็กน่ารักแสนขี้อายคนนี้คนเดียวเท่านั้น
“เฮียหลี่ผิงแกล้งเฮียธันว์ของเหม่ยเทียนอีกแล้ว” เสียงเล็กๆที่ดังข้างตัวทำให้ผมละความสนใจ จากต้นคอแดงๆของคนในอ้อมกอด ทำให้พบกับใบหน้าน่ารักที่กำลังยิ้มกว้างล้อเลียน ผิดจากคำพูดต่อว่าที่เจ้าของเอ่ยมา
“เหม่ยเทียน เทียนหลง อาธัช! สวัสดีครับอา” หลังจากคำสวัสดีของน้องธันว์ที่แสดงสีหน้าตกใจทันทีที่เห็นบุคคลทั้งสามข้างตัวเรา
ทุกคนรอบโต๊ะรวมถึงผมด้วยต่างเอ่ยทักทายตามน้องเป็นพรวน ก่อนเหมยอิงจะเข้าไปสวมกอดอาสะใภ้รูปหล่อของเรา ด้วยสีหน้าตื่นเต้นแสดงถึงความยินดีชัดเจน
“เหมยอิง อายินดีกับร้านใหม่ด้วยนะครับ” เสียงทุ้มนุ่มที่ดังขึ้นเรียกทุกสายตาให้หันไปมองใบหน้าคนพูด
“อาตี้หลง ขอบคุณค่ะ เหมยอิงนึกว่าอาตี้หลงจะไม่มาซะแล้ว” เหมยอิงผละจากอาธัชเข้าสู่อ้อมกอดของอาตี้หลงทันที ที่คุณอาเปิดอ้อมแขนเป็นสัญญาณให้เหมยอิงเข้าหา
เมื่อสมาชิกเพิ่มขึ้นแต่จำนวนที่นั่งเท่าเดิม ผม ไอ้ไรอัน และนายนน จึงอาสาที่จะสละที่ให้แก่คุณอาทั้งสองและน้องน้อยฝาแฝดของเรา ซึ่งตอนแรกน้องธันว์ทำท่าจะลุกตาม จนผมต้องกดไหล่น้องให้นั่งตามเดิม ก่อนจูงมือเหม่ยเทียนที่ยืนอมยิ้มมองปาปาตัวเอง ที่กำลังคุยกับเหมยอิงอยู่ให้มานั่งข้างน้องธันว์ และหันไปสบตาส่งสัญญาณให้เทียนหลง ที่น้องยืนนิ่งเก๊กหน้ากันท่าข้างป๋าธัชของตัวเองอยู่นั้น ให้น้องพาอาธัชมานั่ง ก่อนผมจะเข้าไปทักทายอาธัชพร้อมเสิร์ฟชาร้อนให้คุณอาด้วยตัวเอง
“หลี่ผิงสบายดีใช่มั้ย ยุ่งมากเหรอเรา ช่วงนี้ไม่ไปเยี่ยมอาที่บ้านเลยนะครับ” รอยยิ้มอบอุ่นถูกส่งมาพร้อมคำถามของอาธัชนั้น ทำให้ผมที่ได้เห็นอดจะยิ้มตามไม่ได้จริงๆ
“ผมสบายดีครับอา ผมขอโทษที่ไม่ได้ไปเยี่ยมเหมือนเคย เพราะโรงแรมใหม่ที่จะเปิดตัว ดึงเวลาผมไปจนเกือบหมดเลยครับ” จากสายตาที่แสดงออกถึงความรักและห่วงใยจากอาธัช พร้อมฝ่ามืออุ่นที่ยื่นมาบีบไหล่กันนั้น ทำให้อกผมอุ่นวาบด้วยรับรู้ถึงความรู้สึกที่อามีต่อผมได้ แม้อาธัชไม่ต้องพูดมันออกมา
“แต่อาธัชไม่ต้องห่วงนะครับ ผมยังหนุ่มแน่นแค่นี้สบายมาก” ผมต้องยิ้มกว้างกว่าเดิม เมื่อได้เห็นรอยยิ้มสว่างคุ้นตาของอาธัช ด้วยมันช่างคล้ายคลึงกับคนของตัวเองนัก
“คุณธัชอย่าห่วงหลี่ผิงให้มากเลยครับ หลานยังหนุ่มยังแน่นตามที่เจ้าตัวเค้าบอกนั่นแหละ ยังมีแรงทำงานอีกเยอะ คุณธัชมาห่วงคนเป็นอาแบบผมดีกว่า ผมต้องการกำลังใจจากคุณธัชมากกว่าเป็นไหนๆ” ทุกสรรพเสียงรอบโต๊ะเราเงียบกริบ เพราะทุกคนต่างได้ยินถ้อยคำที่อาตี้หลงตั้งใจหวานใส่คู่ชีวิตอย่างอาธัชเต็มสองหู
อาธัชนั้นแม้จะทำหน้านิ่งเสจิบชา แต่ไม่ใช่ว่าไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อคำหวานที่ได้ยิน เพราะแก้มขาวนั้นขึ้นสีระเรื่ออย่างเห็นได้ชัด ส่วนอาตี้หลงหลังจากหยอดใส่คนรักแล้ว ก็ยกยิ้มมุมปากและมองใบหน้าด้านข้างของอาธัชตาเยิ้มไม่วางตาเลยทีเดียว
น้องฝาแฝดของผมเองนั้นมีปฏิกิริยาต่างกันอย่างสิ้นเชิง น้องเหม่ยเทียนนั้นยิ้มกว้างหัวเราะคิกคักอย่างน่ารัก และมองปาปากับปะป๋าของตัวเองด้วยแววตาสุกใสดูมีความสุข สำหรับเทียนหลงจะยิ้มก็ไม่ใช่จะทำหน้าบึ้งก็ไม่เชิง น้องดูน่าตลกนักในสายตาของผม ทำให้ผมมองเห็นตัวเองเมื่อยี่สิบปีก่อน ผ่านน้องชายคนนี้ได้อย่างชัดเจน ด้วยตอนที่ผมเป็นเด็กนั้นผมรู้สึกทั้งยินดีปนหมั่นไส้เล็กๆ ยามที่ได้เห็นได้ฟังอาตี้หลงจีบธัชชี่ของผมต่อหน้าตัวเอง
ช่วงเวลานั้นผมไม่ได้เกลียดอาตี้หลงนะครับ ก็แค่หมั่นไส้ที่อาตี้หลงมีอาธัชผู้ชายที่แสนใจดีเป็นแฟน แต่สำหรับเทียนหลงคงไม่ได้เกลียดหรือแม้แต่หมั่นไส้ปาปาตัวเองหรอกครับ แต่น้องคงออกแนวเบื่อหน่ายมากกว่าที่ได้เห็นปาปาจีบปะป๋าของตัวเองได้ไม่มีเบื่อ
น้องนลิน นายนน นายเบส หรือแม้แต่ไอ้ไรอัน มีใบหน้าเปื้อนยิ้มแก้มแทบปริไปซะทุกคน และมองคู่ใหญ่เค้าหวานใส่กันอย่างให้ความสนใจ ด้วยอาจจะไม่เคยเห็นภาพความหวานของคู่นี้ใกล้ชิดติดขอบเท่าครั้งนี้ ยิ่งน้องนลินดูท่าจะเป็นหนักกว่าเพื่อน เพราะนลินมองคุณอาทั้งคู่ของผมด้วยความชื่นชมเปิดเผยตาระยับเชียว ส่วนเหมยอิงเองก็มีอาการไม่ต่างจากน้องสาวคนเล็กของเรา ที่ยิ้มแก้มปริมีแววตาสุกใสเป็นประกายเต็มไปด้วยความสุข
จะมีก็เพียงหนึ่งเดียวที่ไม่เหมือนใครคือคนที่ผมเกาะไหล่อยู่นี่ไงครับ น้องธันว์ก้มหน้าก้มตาทานขนมทำเหมือนไม่สนใจอาตี้หลงและอาธัช แต่ในความเป็นจริงแล้วคนน่ารักของผมเค้ากำลังอายครับ เพราะใบหูแดงๆที่ผมเห็นรำไรอยู่นี่ไงที่ทำให้ผมรู้ทันเจ้าตัว ดูท่าแล้วผมคงหวานใส่น้องธันว์ไม่พอ ด้วยคนเก่งของผมมักจะมีอาการเขินอายทุกครั้งที่เห็นคู่รักเค้าหวานใส่กัน เหมือนอาการตอนนี้ที่น้องเป็นยังไงล่ะ
“เขินแทนอาธัชเหรอครับคนเก่ง หืม” ผมจึงเลือกก้มกระซิบชิมริมหูแดงๆนั่นซะเลย อาศัยจังหวะที่น้องธันว์กำลังเผลอ และทุกคนรอบตัวไม่ได้ให้ความสนใจเรา
“อ๊ะ! ใครเขินกัน คนรู้ดีกินเข้าไปเยอะๆเลย” คนน่ารักเค้าหลบตาผมทั้งๆที่แก้มแดงหูแดง ก่อนทาร์ตไข่ทั้งชิ้นจะถูกยื่นมาตรงหน้า พร้อมสายตากดดันมาให้ผมต้องอ้าปากรับ
“คิกๆ เฮียธันว์เวลาเขินน่ารักจังค่ะ เหมือนปะป๋าเป๊ะเลย มิน่า ทั้งปาปากับเฮียหลี่ผิงถึงรักมากขนาดนี้” เสียงหัวเราะคิกคักของน้องเหม่ยเทียนเรียกทุกความสนใจมาที่น้อง ก่อนคนน่ารักทั้งคู่ที่น้องพาดพิงถึงจะหน้าเหวอเบิกตากว้างพร้อมแก้มที่แดงระเรื่อ ด้วยตกใจในความคิดของเด็กหญิงตัวน้อย แต่กลับยืนยันคำพูดได้เป็นอย่างดีว่าคำว่า ‘น่ารัก’ นั้นเหมาะกับคู่อาหลานแห่งธนอรรถย์เพียงใด
ผมกับอาตี้หลงสบตาและยกยิ้มให้กันชั่วแวบ ด้วยใจตรงกันและเราอาหลานนึกเห็นด้วยกับเหม่ยเทียนเป็นที่สุด ก่อนจะรีบก้มหน้าเบนสายตากลับมามองคนของตัวเอง น้องธันว์นั้นเม้มปากแน่นมองเหม่ยเทียนอย่างงอนๆ แต่กลับไม่แสดงออกมากกว่านั้นให้น้องน้อยของเราต้องเสียใจ ซึ่งน้องสาวคนสวยก็ทำเพียงส่งยิ้มใสซื่อให้ทั้งพี่ชายและปะป๋าของตัวเอง ด้วยไม่เข้าใจที่ถูกงอนทางสายตา แต่คนที่น้องธันว์หันมาเล่นงานดันเป็นผมน่ะสิครับ ตางี้เขียวปั้ดจนผมชักใจไม่ดีกลัวน้องงอนจริงขึ้นมา ผมนี่แหละจะแย่ จึงรีบง้อให้น้องเห็นใจ ด้วยการแกล้งสำลักทาร์ตไข่ที่แทบจะถูกกลืนลงคอจนหมดแล้ว
“ทานน้ำก่อนครับ เฮียหลี่ผิงทำตัวเป็นเด็กเลย ทำไมไม่รู้จักกินดีๆ...ดีขึ้นรึยังครับ” น้ำเสียงอ่อนโยนและสายตาแสดงความห่วงใย พร้อมฝ่ามือนุ่มที่ลูบหลังให้ผมของน้องธันว์ ในระหว่างที่น้องยกแก้วน้ำให้ผมจิบนั้น ทำให้ผมรู้สึกผิดนิดหน่อยที่ใช้ความห่วงใยของน้องมาเป็นเครื่องมือง้องอนเจ้าของ
แต่ผมก็แค่รู้สึกผิดนิดเดียวครับ ถ้าแลกกับการที่ได้น้องมายืนเคียงข้าง และแสดงความห่วงใยให้คนอื่นอิจฉาเล่น มันช่างคุ้มแสนคุ้ม และยังดีที่รอบนี้ไม่มีใครแซวออกมาให้น้องธันว์ได้รู้ตัว ว่าได้แสดงความใกล้ชิดกับผมมากเกินระดับปกติที่น้องเคยแสดงออกมา ซึ่งผมก็ต้องสะดุ้งกับสายตารู้เท่าทันของอาธัชที่จ้องมองผมอยู่ก่อนแล้ว ผมจึงรีบบอกน้องที่แทบจะยืนซบอกผมให้ได้รู้ว่าผมไม่เป็นอะไรแล้ว ก่อนดันร่างให้คนน่ารักได้นั่งตามเดิม
หลังจากนั้นเหมยอิงผู้เปรียบเสมือนนางฟ้าของผมก็ช่างรู้ใจฝาแฝดแบบผม ด้วยการชวนอาธัชคุยเรื่องขนมที่น้องคิดสูตรขึ้นมาใหม่ เพื่อดึงความสนใจของอาสะใภ้รูปหล่อตาดุไปจากผม ทำเอาผมต้องแอบถอนใจเบาๆ พร้อมส่งยิ้มให้น้องสาวที่เหลือบมาอมยิ้มใส่กัน ด้วยนึกขอบใจฝาแฝดคนสวยที่ทำให้ผมรอดพ้นจากเงื้อมมือพยัคฆ์หน้าหยกได้อย่างหวุดหวิด และนึกโล่งอกที่น้องธันว์ไม่มีทีท่าจะรู้ตัวว่าโดนผมเจ้าเล่ห์เข้าใส่ เพราะน้องหันไปคุยกับเพื่อนๆที่เหลือด้วยทีท่าร่าเริง พร้อมกับดูแลน้องฝาแฝดด้วยการตักขนมใส่จานน้องไปด้วย แต่ผมก็ต้องสะดุ้งกับเสียงกระซิบทุ้มต่ำที่ดังขึ้นข้างตัว
“เป็นไงล่ะเรา เข้าใจความรู้สึกอาแล้วใช่มั้ย ว่าอาธัชของเราน่ะน่าเกรงใจแค่ไหน” ผมเผลอพยักหน้าเบาๆเพราะนึกเห็นด้วยกับสิ่งที่อาตี้หลงพูด
แต่เมื่อได้มองหน้าคุณอามาเฟียใหญ่ชัดๆ จึงได้รู้ว่าภายใต้ความเกรงใจที่อาตี้หลงมีให้อาธัชนั้น กลับเต็มไปด้วยความรักที่มากล้นพอกัน เพราะรักมากถึงเกรงใจคนที่เรารัก ด้วยไม่อยากขัดใจทำให้คนรักต้องเป็นกังวลนั่นเอง
ตอนนี้ใบหน้าอาตี้หลงดูมีความสุขนัก ด้วยกำลังยิ้มทั้งปากและแววตา ยามที่สายตาคู่นั้นมองไปยังอาธัช ซึ่งผมก็เชื่อว่าสีหน้าและแววตาของผมยามนี้ คงไม่ต่างจากคนเป็นอาอย่างแน่นอน เพราะผมก็กำลังมองคนที่ผมรักเช่นกัน ‘น้องธันว์คนเก่งของเฮียหลี่ผิง’
.............................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ
หวานคูณสองเพื่อคุณผู้อ่านโดยเฉพาะค่า
ทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ไม่มีใครยอมใครเลยจริงๆ

ตอนหน้าไอ้คุณเยี่ย (เรียกตามเด็กน่ารักอ่ะ) จะออกฉากมาอีกแล้ว
และจะสร้างความวุ่นวายอะไรมั้ย ติดตามได้ในวันสีชมพูค่ะ
+1และเป็ดให้ทุกเม้นท์ ขอบคุณทุกการติดตามค่ะ
