ตอนที่ 2ธันว์“ปาปามามาคะ เฮียหลี่ผิงกับธันว์มาแล้วค่ะ...เหมยอิงว่าจะขึ้นไปตามแล้วนะเนี่ย”
“ที่ช้าก็เพราะ ‘พี่สะใภ้’ เหมยอิงนี่แหละ ขี้เซา เฮียปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมตื่น”
“คิกๆ พี่สะใภ้เหมยอิงขี้เซา”
“เฮียหลี่ผิง!!”
“หลี่ผิงครับ ไม่แกล้งน้องธันว์สิ น้องธันว์ครับมานั่งทานข้าวเช้าดีกว่า มาครับ”
“ฮึๆ หลี่ผิงระวังเถอะเรา แกล้งน้องมากๆเข้า ระวังจะโดนไล่ไปนอนนอกห้องเข้าสักวัน”
“โธ่ ปาปาครับ น้องธันว์ไม่ใจร้ายกับผมขนาดนั้นหรอก...ใช่มั้ยครับน้องธันว์”
“หึ!” ผมสะบัดหน้าหนีคนช่างแกล้งที่เปลี่ยนท่าที หันมาขอความเห็นกันด้วยท่าทางออดอ้อนทันที ทั้งๆที่เขาเพิ่งแกล้งแซวผมให้ได้อายแต่เช้าต่อหน้าคนในครอบครัว แม้มันจะเป็นความจริงก็เถอะว่าผมนั้นเป็น ‘สะใภ้’ ของคนบ้านนี้...‘บ้านหวางหย่งกัง’
แม้จะฟังดูแปลกๆไปหน่อยที่ผู้ชายอย่างผมมีฐานะเป็นสะใภ้ และคุณจะแปลกใจกว่านี้ถ้ารู้ว่าคุณแม่คนรักของผมก็เป็นผู้ชายเช่นกัน แต่ถ้าคุณได้รู้เรื่องตำนานรักของนายใหญ่และนายหญิงตระกูลหวาง ผมว่าคุณๆคงเลิกแปลกใจล่ะครับ แต่คงเข้าใจและซาบซึ้งไปกับความรักของท่านทั้งสองมากกว่า
ส่วนผม ‘นายธันว์ ธนอรรถย์’ มีตำแหน่งสะใภ้ตระกูลหวางอย่างไม่เป็นทางการ แต่เป็นที่รับรู้ของสองตระกูลทั้งธนอรรถย์และหวางหย่งกังล่ะครับ ว่าผมกับลูกชายคนโตบ้านนี้เราคบหากันในฐานะคนรัก และระยะเวลาการคบหากันของเราก็ผ่านมาเกือบสี่ปีแล้ว คงตั้งแต่ผมเริ่มเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยนี่แหละครับ ซึ่งผมเองนั้นได้รับความรักและความเอ็นดูจากทั้งปาปาหลี่จวินกับมามาเฟิงหวง ไม่ต่างจากเฮียหลี่ผิงและเจ๊เหมยอิงที่เป็นลูกสักนิด เผลอๆจะมากกว่าลูกชายคนโตขี้แกล้งอย่างเฮียหลี่ผิงด้วยซ้ำ
อย่างเช่นขณะนี้ที่มามาเฟิงหวงปลอบใจเด็กที่โดนแกล้งแบบผม ด้วยการเสิร์ฟข้าวต้มปลาดอลลี่ของโปรดมาให้ถึงที่ พร้อมมืออุ่นที่คอยลูบหัวและยิ้มหวานๆเป็นการเอาใจ ไม่มีสนใจลูกชายหน้าหล่ออย่างเฮียหลี่ผิงสักนิด จนผมถึงกับเคลิ้มจ้องมามาคนสวยตาไม่กระพริบ ลืมกลัวปาปาหลี่จวินเขม่นใส่เลยเชียวล่ะ แต่ปาปาหลี่จวินมาดเท่คงไม่มีโอกาสเห็นพฤติกรรมนี้ของผมหรอกครับ เพราะท่านมัวแต่ช่วยผมด้วยการแกล้งข่มขู่ลูกชายตัวเองแทนผมอยู่ และดูท่าคำขู่ที่ว่าก็น่าสนไม่น้อยครับ ผมว่าลองให้เฮียหลี่ผิงนอนนอกห้องคนเดียวสักคืนก็คงจะดี เผื่อว่าจะเข็ดและเลิกแซวผมให้ได้อายสักที
“คนเก่ง เราน่ะโตแล้วนะ ทำไมยังทานเลอะเป็นเด็กๆอยู่อีก หืม”
‘ไม่ต้องมาหงมาหือใส่เลยนะ คนอะไรเมื่อกี้ยังแกล้งกันแท้ๆ แต่ตอนนี้ดันมาเอาใจทำหวานโชว์ซะได้’ สิ่งที่ผมคิดกับสิ่งที่แสดงออกช่างแตกต่างกันนัก แทนที่ผมจะต่อว่าเฮียหลี่ผิงออกไปอย่างใจ ผมกลับทำเพียงแค่เหลือบมองคนข้างตัวที่ส่งยิ้มเอาใจมาให้ พร้อมใช้กระดาษซับมุมปากที่เลอะของผม ทั้งๆที่ผิวแก้มกำลังเห่อร้อน ด้วยอายที่ทำตัวเป็นเด็กกินเลอะเทอะ และเขินในพฤติกรรมช่างเอาใจใส่เว่อร์ๆของคนรัก ก่อนผมจะเสก้มหน้าตักข้าวต้มเข้าปากแทนการสบตาอ่อนเชื่อมคู่นี้ แต่หูเจ้ากรรมยังแอบได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆจากบุคคลที่เหลือรอบตัว
‘หรือที่ผ่านมาผมจะคิดไปเองกันนะว่าปาปา มามา และเจ๊เหมยอิงเข้าข้างผม ถ้าอยู่ข้างเดียวกับผมจริง ทำไมทุกคนถึงหัวเราะถูกใจทั้งๆที่ลูกชายคนเล็กอย่างผมกำลังเขินอายกันล่ะ’
“ธันว์ทานเยอะๆนะจ๊ะ วันนี้มามาเข้าครัวทำข้าวต้มให้ธันว์เองเลยรู้มั้ย” เสียงหวานๆของเจ๊เหมยอิงดังขึ้น ทำให้ผมต้องก้มมองข้าวต้มถ้วยพิเศษตรงหน้าอย่างพินิจ ด้วยเพิ่งรู้ถึงความรักของมามาคนสวยที่ส่งตรงให้ผมในรูปของอาหารโปรด ก่อนเงยหน้าไปทางมามาที่กำลังยิ้มหวานรอผมอยู่ก่อนแล้ว
“ครับ ธันว์จะทานเยอะๆให้สมกับที่มามาเฟิงหวงทำให้ธันว์ทาน ขอบคุณครับมามา” ระหว่างที่ผมเอ่ยขอบคุณพร้อมส่งยิ้มให้มามานั้น คนข้างตัวที่โดนผมแกล้งไม่สนใจก็ทั้งสะกิดทั้งเรียกให้ผมหันกลับไปมอง แต่เรื่องอะไรครับที่ผมจะทำตามความต้องการของเฮียหลี่ผิง ผมจึงแกล้งชวนเจ๊เหมยอิงกับมามาคุย แต่ระหว่างนั้นผมก็ต้องสะดุ้งเมื่อมีนิ้วเย็นๆจิ้มมาที่แก้มตัวเอง
“น้องธันว์งอนเฮียเหรอครับ อ่ะ นี่ นี่และก็นี่ เฮียยกให้ธันว์หมดเลย น้องธันว์เลิกงอนเฮียนะครับ” เมื่อผมเบือนหน้าจากชามข้าวต้มที่เต็มไปด้วยชิ้นปลาดอลลี่ที่เฮียหลี่ผิง ‘ยก’ ให้ จึงพบเข้ากับใบหน้าหล่อประดับด้วยรอยยิ้มกว้างพร้อมแววตางอนง้อ ทำเอาผมทำหน้าไม่ถูกเลย เพราะไม่รู้จะแกล้งหน้าบึ้งทำงอนต่อดี หรือจะหลุดขำออกมาให้สมกับพฤติกรรมของนายน้อยตระกูลหวางที่ทำตัวเยี่ยงเด็กชายไม่สมตัว
แต่ผมคงไม่ต้องตัดสินใจแล้วล่ะว่าต้องทำอะไร เพราะคนร่วมโต๊ะที่เหลือพากันขำคนของผมออกมาอย่างพร้อมเพรียง ผมจึงทำเพียงเก๊กหน้านิ่งเข้าไว้ทั้งๆที่ปวดแก้มไปหมด
“คิกๆ เฮียหลี่ผิงง้อธันว์เป็นเด็กเลย”
“ฮึๆ หลี่ผิงน้าหลี่ผิง ง้อน้องซะไม่เหลือมาดนายน้อยตระกูลหวางเลยนะครับ”
“ฮ่าๆ เป็นไงไอ้ลูกชาย แค่โดนน้องเมินแค่นี้ ถึงกลับทนไม่ได้รีบง้อด้วยปลาดอลลี่เชียว”
“โธ่ ปาปา มามา เหมยอิง เลิกล้อผมเถอะ แค่น้องธันว์งอนผมก็แย่พอแล้ว นี่ผมก็อุตส่าห์ง้อหมดตัวแล้วนะ ไม่รู้เด็กข้างๆจะเลิกงอนเฮียหลี่ผิงรึยัง ว่าไงครับน้องธันว์ เราดีกันเนอะ” ผมมองนิ้วก้อยที่ถูกยื่นมาตรงหน้าสลับกับมองใบหน้าคมคายที่มีแววตามุ่งมั่นอย่างอึ้งๆ สุดท้ายก็ทนไม่ไหวปล่อยขำหลุดเก๊กออกมาสุดตัว ก็ใครใช้ให้เฮียหลี่ผิงติงต๊องขนาดนี้กันล่ะ
“คิกๆ....ฮึๆ....ฮ่าๆๆๆ” ตอนนี้ไม่รู้เสียงหัวเราะของใครเป็นของใครล่ะครับ เพราะมันดังลั่นห้องอาหารไปแล้ว แต่คนที่เป็นตัวต้นเหตุกลับนั่งอมยิ้มมองผมตาพราวเท่านั้น
“ฮึๆ น้องธันว์ขำขนาดนี้ แสดงว่ายกโทษให้เฮียแล้ว ตกลงเราดีกันแล้วเนอะ” นิ้วก้อยผมถูกจับเกี่ยวกับนิ้วเรียวยาวโดยที่เจ้าของอย่างผมไม่ได้ตั้งตัว ด้วยมัวแต่หัวเราะกับท่าทางตลกๆของเฮียหลี่ผิง แต่เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วผมจึงได้แต่พยักหน้าน้อยๆแทนการตอบรับ ซึ่งการกระทำนี้กลับทำให้ผมโดนเฮียหลี่ผิงดึงเข้าไปกอดและพรมจูบที่หัวอยู่หลายที
“อื้อออ เฮียหลี่ผิงพอแล้ว ธันว์เพิ่งยกโทษให้แท้ๆนะ นี่อะไรกลับก่อคดีซ้ำ ไม่สำนึกเลยใช่มั้ย”
“โอ๊ะ! ไม่แล้วครับไม่ทำแล้ว เราดีกันแล้วเนอะ มาครับน้องธันว์ทานต่อเถอะ จะได้รีบไปฝึกงานไงครับ” ท่าทางกุลีกุจอหยิบช้อนใส่มือผมของเฮียหลี่ผิง หลังจากรีบผละกอดละจูบจากตัวผมนั้น มันน่าหมั่นไส้มากเหอะ
‘คนอะไรชอบนักล่ะที่ทำให้ผมได้อายต่อหน้าคนในครอบครัว’ แต่ถ้อยคำเชิญชวนในประโยคที่ได้ยินกลับทำให้ผมคล้อยตามไม่เอาเรื่องคนช่างแกล้ง และทำเป็นไม่เห็นสายตาล้อเลียนอีกสามคู่เบื้องหน้า ด้วยเพิ่งนึกได้ว่าตัวเองกำลังเป็นนักศึกษาฝึกงานที่ต้องเข้างานก่อนแปดโมงเช้า ผมจึงหันมาสนใจจัดการกับของโปรดอย่างตั้งใจ บวกกับรสชาติข้าวต้มที่แสนอร่อยลิ้น มันจึงหมดถ้วยไปในพริบตา
หลังจากนั้นผมก็หันมาเร่งคนข้างตัวแทน ด้วยเฮียหลี่ผิงที่มัวแต่จ้องผมตาเยิ้มไม่ยอมแม้แต่ตักข้าวเข้าปาก สุดท้ายผมก็แทบลากเฮียหลี่ผิงออกจากบ้าน เมื่อเหลือเวลาไม่ถึงยี่สิบนาทีก็จะได้เวลาเข้างาน
“เฮียอ่ะช้า ดูสิเลยเวลาแล้ว เฮียหลี่ผิงอ่ะ หึ้ย!...วันนี้ธันว์กับเพื่อนนัดคุยงานกับมิสเตอร์เฉินด้วย มิสเตอร์เฉินต้องว่าธันว์แน่ๆที่ไปสาย เผลอๆโดนฟ้องอาจารย์อีก คะแนนฝึกงานธันว์จะเหลือเท่าไหร่ล่ะทีนี้ เพราะเฮีย...อื้อออ”
ผมที่กำลังใจร้อนและบ่นง้องแง้งใส่ตัวต้นเหตุที่ทำให้ผมผิดเวลาที่นัดกับพี่เลี้ยงไว้ สลับกับการมองนาฬิกาและถนนเบื้องหน้า ผมก็ต้องเหวอเมื่อโดนคนที่ผมเพิ่งต่อว่าโน้มหน้าเข้าหาและปิดปากประกบจูบ ถ้อยคำที่กำลังพ่นออกมาถูกดูดกลืน พร้อมลมหายใจที่ขาดห้วงแบบไม่ทันตั้งตัว ก่อนลิ้นร้อนจะตวัดกวาดไปทั่วโพรงปาก เพื่อตะล่อมให้ผมได้คล้อยตามด้วยการเกี่ยวปลายลิ้นตอบโต้ และจบลงด้วยการที่ริมฝีปากผมถูกดูดอย่างแรง จนเกิดเสียงดังพาให้หน้าร้อนผ่าว แต่ผมก็หมดแรงเกินกว่าจะต่อว่าคนเจ้าเล่ห์ที่สรรหาวิธีมาปิดปากกัน
“คนเก่ง เฮียรับประกันเลยว่าไม่มีใครหน้าไหน มันกล้ามาต่อว่าคุณธันว์หลานรักคนโปรดของนายใหญ่หลี่จวินหรอกครับ อย่าโมโหและอารมณ์เสียเลยน้า เดี๋ยวความสุขมันจะบินหายไปจากน้องธันว์ของเฮียตั้งแต่เช้า” น้ำเสียงนุ่มๆที่ถูกส่งมาปลอบประโลม บวกกับกิริยาอ่อนโยนอย่างการไล้นิ้วไปตามริมฝีปากผม พร้อมรอยยิ้มบางเบาของเฮียหลี่ผิงนั้น ทำให้ผมลดอาการร้อนรนลงและจ้องวงหน้าคมไม่ละสายตา
เหมือนผมจะโดนมนต์สะกดจากมังกรรูปหล่อเข้าแล้ว แต่ก่อนที่ผมจะโดนพญามังกรจับกินปากอีกครั้ง ด้วยขณะนี้เฮียหลี่ผิงยื่นหน้าเข้าหา จนปากเราเกือบจะชิดกันอยู่แล้ว ผมจึงรีบเบี่ยงหน้าหลบปากสีสดทันที ทำให้แก้มผมโดนริมฝีปากนุ่มไปเต็มๆ
“เอ่อ...ธันว์ระ รู้ ว่าไม่มีใครกล้าต่อว่า และเพราะแบบนี้ธันว์ถึงอยากอยู่ในกฎระเบียบในฐานะนักศึกษาฝึกงานให้มากที่สุด ธันว์ไม่อยากให้ปาปาหลี่จวินโดนใครนินทา ว่าให้ท้ายธันว์ถืออภิสิทธิ์มากกว่าคนอื่น แม้แต่ตัวเฮียหลี่ผิงก็ด้วย ธันว์ถึงไม่อยากฝึกงานที่นี่แต่แรก”
“ฮึๆ คิดมากไปได้นะเรา แต่เอาเถอะ ต่อไปเฮียจะพยายามสนับสนุนให้เด็กน้อยของเฮียอยู่ในกฎระเบียบของบริษัทให้มากที่สุดแล้วกัน แต่น้องธันว์ต้องสัญญานะว่าจะไม่ทำอะไรที่เกินกำลังของตัวเอง เพราะถ้ามีกรณีนี้ขึ้น แล้วธันว์เป็นอะไรขึ้นมา เฮียก็คงรับปากไม่ได้ว่าจะไม่จัดการต้นเหตุที่ทำให้คนเก่งของเฮียต้องมีสภาพแบบนั้น น้องธันว์เข้าใจเฮียใช่มั้ยครับ” ใบหน้าหล่อประดับยิ้มละมุนที่มองเผินๆเหมือนว่าคนพูดกำลังอารมณ์ดี แต่พอได้จ้องตาที่มีแววตาจริงจังไม่ล้อเล่น กลับทำให้คนที่ได้เห็นในระยะประชิดอย่างผมอดจะหนาวนิดๆกลัวหน่อยๆขึ้นมาไม่ได้
“อ่า เฮียหลี่ผิงอย่าทำหน้าแบบนั้นดิ ธันว์ใจไม่ดีแล้วนะ เอ้า...ยิ้มหน่อยๆ อย่างนี้สิถึงจะหล่อสมกับตำแหน่งนายน้อยตระกูลหวาง” ผมยื่นมือดึงแก้มคนหน้าหล่อตาดุให้ฉีกยิ้ม และพยายามส่งยิ้มหวานๆให้ได้อารมณ์ดีแถมอวยอีกนิด สุดท้ายเฮียหลี่ผิงก็อมยิ้มตาวาวให้ผมจนได้ ทำเอาโล่งอกเพราะนึกว่าวันนี้ลูกลิงอย่างผม จะโดนมังกรหนุ่มจับฉีกเนื้อกินอยู่ในรถซะแล้ว
ตลอดทางบนรถนั้น ลูกลิงอย่างผมก็ต้องคอยเจื้อยแจ้ว ตอบคำถามหยุมหยิมเรื่องการฝึกงานให้เจ้าพ่อใหญ่เค้าได้คลายสงสัย เพราะขืนเล่นตัวทำงอนเหตุเพราะโดนดุไปเมื่อครู่ มีหวังผมคงโดนคำสั่งสายฟ้าฟาดให้อยู่แต่ในสำนักงาน หมดสิทธิ์ออกหน้างานอย่างที่ผ่านมาแน่ๆเหอะ และเรื่องที่โดนถามซ้ำๆก็คือเรื่องที่ว่าผมมีใครมาจีบรึเปล่า ผมล่ะเซ็งและอยากตะโกนตอบกลับดังๆนักว่า ‘ใครจะกล้า!?’ เพราะคนเค้ารู้ทั้งบริษัทแล้วครับว่าผมน่ะ ‘เด็ก’ ใคร
ไม่เพียงแต่ไม่มีคนเข้าหา แต่เค้ากลัวมาทำให้ผมขัดใจ ทำให้ไม่มีใครเข้ามาพูดคุยพูดกับผมนัก ด้วยเจอหน้าผมก็แทบจะก้มหัวให้จรดพื้นแล้วเดินตัวลีบจากไปทั้งนั้น ทุกวันนี้ที่ผมคุยด้วยก็มีแต่เพื่อนสนิทแค่สองคนที่ตามผมมาเรียนจากเมืองไทยเท่านั้น และตอนนี้มันสองคนก็ยืนหน้าสลอนยิ้มกว้างปากแทบฉีกรอผมอยู่นอกรถแล้ว
“น้องนลิน นนท์ เฮียฝากน้องธันว์ด้วยนะครับ” ผมลอบถอนใจเบาๆขณะก้าวออกจากรถ เพื่อไม่ให้เจ้าของประโยคฝากฝังที่ดังขึ้นข้างหลังได้ยิน
รู้นะครับว่าเฮียหลี่ผิงน่ะเป็นห่วง แต่มันก็มากไปเหอะ ผมแค่มาฝึกงานไม่ใช่ออกรบสักหน่อย แต่ผมก็ต้องชะงักกับสายตารู้ทันสองคู่ที่จ้องผมอยู่ ก่อนหนึ่งในนั้นมันจะขานรับเสียงใสตอบออกไปจนผมหมั่นไส้
“ได้ค่ะ เรื่องดูแลธันว์ เฮียหลี่ผิงไม่ต้องห่วง นลินเคยดูแลธันว์มายังไงก็จะ ‘ดู’ ให้อย่างนั้น จะไม่ให้คลาดสายตาเชียวค่ะ ฮึๆ” ผมล่ะอยากหาอะไรยัดปากแม่สปายสาวคนนี้นัก ไม่มีซะล่ะที่จะเข้าข้างเพื่อนสนิทอย่างผม
‘โน่น! ต้องคนโน้นที่ไอ้ ‘นันท์นลิน’ สาวหน้าหวานแต่ห้าวขาดใจมันเข้าข้างน่ะ ชิ!!’
“เฮียไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมจะช่วยดูให้อีกคน” ผมหันขวับมามองไอ้ ‘ชนนน’ ชายไทยแท้ผิวเข้มกล้ามใหญ่อย่างแปลกใจ เพราะแต่ไหนแต่ไรไอ้นนมันไม่เคยออกนอกหน้ารับปากเฮียหลี่ผิงตรงๆแบบนี้มาก่อน ไม่เหมือนไอ้นลินที่ออกตัวแรงว่าถูกใจเฮียหลี่ผิงมาแต่แรกแล้ว และแอบเป็นสปายให้กันหลังลับผมด้วย แต่ผมก็ต้องละความสนใจจากไอ้นนเมื่อมีเสียงเรียกดังขึ้นจากในรถ
“น้องธันว์ครับ รับปากอะไรเฮียไว้ทำให้ได้นะรู้มั้ย เลิกงานแล้วให้อาอู๋พาไปหาเฮียเลยนะครับ อย่าเถลไถล” ผมยืนหน้าบูดพองแก้มอยู่ข้างรถจนกระทั่งท้ายรถห่างไปจากสายตา
“เลิกทำหน้าบูดได้แล้วน่า ไม่น่ารักเลยนะมึง ระวังเถอะเฮียหลี่ผิงของกู เออๆ ของมึงจะเบื่อเอา”
“ไอ้นลิน!” จะไม่ให้ผมตวาดแม่บัวงามนามเพราะคนนี้ได้ไงครับ ฟังมันพูดดิแช่งผมชัดๆ แถมไอ้คำว่า ‘ของกู’ ที่มันว่าอีกล่ะ มันชักจะยังไงแล้วนะครับไอ้นี่ หรือมันคิดอะไรกับเฮียหลี่ผิงของผมขึ้นมาจริงๆวะ
“พอๆ มึงสองคนอย่ามัวทะเลาะกัน รีบไปเถอะสายแล้ว ป่านนี้มิสเตอร์เฉินบ่นถึงแล้วมั้ง กัดกันอยู่ได้!”
“ไอ้นน!! พวกกูไม่ใช่หมานะ”
“ก็แล้วใครว่ามึงเป็นหมาวะ พูดเองเออเองทั้งนั้น เฮ้ยยย ไอ้นลินถีบกูทำไม เจ็บนะโว้ย เดี๋ยวพ่อ...”
“เดี๋ยวอะไร มึงจะทำไมกู ไม่รู้ซะแล้วว่ากูเด็กใคร เดี๋ยวกูให้เฮียหลี่ผิงสั่งมิสเตอร์เฉินตัดคะแนนมึงเลย ข้อหาทำร้ายจิตใจกู”
“ก็เอาซี้ๆๆ ฟ้องเลย ก็ให้มันรู้กันไปว่าเฮียหลี่ผิงจะเข้าข้างใคร กูหรือมึง”
“พอๆ ไปได้แล้ว มานี่เลย” หลังจากที่ผมยืนฟังพวกมันต่างเบ่งใส่กันมานาน ว่าใครนั้นเป็นคนโปรดของเจ้าพ่อใหญ่ที่เพิ่งจากไป ก็พาลให้ปวดหัวตุบๆ จึงต้องรีบลากไอ้เพื่อนสนิททั้งสองไว้ด้วยมือคนละข้าง ก่อนพาเดินเข้าสำนักงาน ด้วยเห็นแล้วว่ามิสเตอร์เฉินชะเง้อคอมองมาทางนี้แล้ว
ผมนึกโมโหเจ้าพ่อใหญ่อำนาจเยอะนักเชียว ที่เป็นต้นเหตุให้ไอ้สองตัวมันเอามาเป็นประเด็นแก่งแย่งกัน เพื่ออวดว่าตัวนั้นเป็นคนโปรด นี่ยังดีที่มันสองตัวเป็นเพื่อนและเรารู้จักกันมาตั้งแต่ปอสี่ ไม่เช่นนั้นผมคงคิดไปไกลแล้วล่ะว่าพวกมันคิดจะตีท้ายครัวผม และขืนเป็นอย่างที่ผมคิดขึ้นมาจริงๆ เพื่อนก็เพื่อนเถอะ ผมซัดไม่เลี้ยงแน่ เพราะผมไม่มีวันยกมังกรรูปหล่อขี้หวงให้ใครอย่างแน่นอน!?
...................................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ
สะใภ้ใหญ่ตระกูลหวางมีแต่คนแกล้งเนอะ อาจเป็นเพราะน้องธันว์น่ารักน่าแกล้ง
ทุกคนเลยอดใจไม่ไหวขอแกล้งคนน่ารักหน่อย อิๆ
ตอนนี้ใครที่คิดถึงหลี่จวิน เฟิงหวงและเหมยอิงก็สมใจล่ะน้า มาครบเลย
และมีสองตัวละครใหม่เข้ามาเพิ่มสีสัน บางท่านคงรู้จักมาบ้างแล้ว และสองคนนี้
จะยังมาอีกหลายตอน ซึ่งหนึ่งในนั้นเค้าจะมีเรื่องเป็นของตัวเองด้วยค่ะ คงเดาไม่ยาก
ว่าคือใคร หากยังเดาไม่ถูกในตอนหน้าจะได้รู้ค่ะ
มีบางท่านเริ่มหาคู่จิ้นให้หนุ่มๆในเรื่องไว้หลายคู่เลย ขอให้ลองอ่านไปก่อนนะคะ
เพราะยังมีอีกหลายตัวละครมาให้จิ้นกัน แต่ในใจเรานั้นจับคู่ไว้แล้วค่ะ 555
เดี๋ยวจะค่อยๆเฉลยให้ได้รู้กันจ้า
เรื่องนี้ของดตอบเม้นท์น้า เพราะงานเข้ามากมาย กลัวว่าจะตอบเม้นท์ไม่จบเรื่อง
แต่รับรองว่าอ่านทุกเม้นท์และถ้าเม้นท์ไหนน่าสนใจจะนำมาตอบกันค่า
+1และเป็ดแทนคำขอบคุณจากใจ
ขอบคุณแทนหลี่ผิงและน้องธันว์สำหรับกำลังใจล้นหลามด้วยนะคะ
ปล.ตอนหน้าใครคิดถึงธัชชี่กับตี้หลงอย่าพลาดเชียว เพราะครอบครัวหยาง
เค้าจะมาเยี่ยมเรื่องนี้ค่ะ แถมทั้งคู่ยังพาลูกๆมาด้วยน้า คู่นี้มีลูกตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!?
เจอกันวันสีชมพูจ้า^^
