Beautiful hangover เมารัก [ตอนพิเศษ ช้าง : พิกเล็ต] หน้า ๕๐
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Beautiful hangover เมารัก [ตอนพิเศษ ช้าง : พิกเล็ต] หน้า ๕๐  (อ่าน 580809 ครั้ง)

ออฟไลน์ libra82

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-5
ช้าง : พิกเล็ต
เมารัก ตอนพิเศษ Smell
* ตอนนี้ไม่ได้ต่อจาก First love นะคะ (เพราะเค้าลืมไปแล้วว่าแต่งอะไรไว..เพลียตัวเอง)*


    ดวงตาดำใหญ่จ้องมองใครบางคนที่อยู่ห่างออกไปหลายสิบเมตร ถึงภาพที่เห็นจะหดเหลือเล็กจนตัวคนเหลือเท่าลูกแมว แต่เขาก็จำได้ดีว่าที่เห็นนั่งหัวเราะอยู่ท่ามกลางผู้ชาย 4-5 คนนั่นเป็นใคร ยิ่งเห็นก็ยิ่งหงุดหงิด จำไม่ได้แล้วว่ารอยยิ้มกับเสียงหัวเราะของเจ้าเด็กตัวเล็กนั่นห่างจากเขาไปนานแค่ไหนแล้ว แต่มันกลับไปปรากฏให้คนอื่นมอง ดวงหน้าสดใส ดวงตากลมโตหยีลง เส้นผมสีอ่อนปลิวน้อยๆ เมื่อต้องสายลม เสื้อนิสิตสีขาวดูจะใหญ่เกินตัวไปหน่อย แขนเสื้อพับขึ้นมาถึงข้อศอก เจ้าตัวกำลังจดบางอย่างลงในสมุดสลับกับหัวร่อกับเพื่อนๆ ถ้ามองจากมุมของคนทั่วไปจะไม่เห็นถึงความผิดแปลกอะไร แต่สำหรับเขามันคือความเครื่องกระตุ้นความโกรธ

    “พี่ช้าง วันนี้เราไปดูหนังกันมั้ยคะ เรื่อง Fifty Shades of Grey เข้าแล้ว น่าดูมากเลย”

   “เขาจำกัดอายุไม่ใช่เหรอ” เขาถามไปส่งๆ ไม่ได้หันไปมองคนถามด้วยซ้ำ

   “อื้อ...แต่นานะมีเพื่อนทำอยู่โรงหนังแถวสยาม เข้าได้”

   เขาไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธอะไร เพราะไม่ได้สนใจจะฟังเท่าไรนัก ทุกความคิดมันพุ่งไปที่ร่างเล็ก ที่ถึงแม้ตัวจะเท่าเหาแต่กลับโดดเด่นเกินใคร ผิวขาวเนียนน่ามองที่ถึงแม้หมู่นี้จะดูคล้ำไปหน่อยเพราะเจ้าตัวมีกิจกรรมให้ร่วมได้ทุกวัน แดดกับลมเลยลามเลียผิวให้เข้มขึ้นเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเนียนละเอียดชนิดที่ผู้หญิงหลายคนต้องยอมแพ้ ตากลมๆ นั่นซ่อนอยู่หลังแว่นสายตาทรงเห่ยบรรลัย แต่ไม่รู้ทำไมไอ้ภาพลักษณ์เด็กเนิร์ดถึงได้น่าดึงดูดนัก ไม่รู้ว่าพวกเสือสิงห์แถวนี้จะรู้สึกเหมือนเขาหรือเปล่า

    “ตกลงไปดูรอบทุ่มนึงนะคะ นานะโทรไปจองบัตรแล้วเพื่อนบอกว่าดูได้ไม่มีปัญหา”

    “อะ...”

    เขากำลังจะอ้าปากถาม แต่คนที่พูดเองเออเองก็ชิ่งหนีไปแล้ว ชายหนุ่มกระชากลมหายใจแรงๆ เขายังไม่ได้ตอบตกลงสักหน่อยแต่แสดงความเห็นส่งๆ ไปเท่านั้นเอง เขารีบควานหาโทรศัพท์ตั้งใจจะกดหาเบอร์น้องนานะนั่น แต่ก่อนที่เขาจะเจอเบอร์ หูก็ได้ยินเสียงการสนทนาที่แว่วมากับสายลมเสียก่อน

    “ไปซิวะได้พิก หนังเค้าออกจะดัง สาวๆ เต็มเลยนะโว๊ย!”

    “แต่กูยังไม่ 20 เหลืออีกตั้งหลายเดือน”

   “ไม่ 20 แล้วไง กูมีเพื่อนทำงานที่โรงหนังแถวสยาม เข้าได้สบายมาก”

    “ไม่เอาอ่ะ ไม่อยากดู”

   “ไปซิพิก พี่ก็อยากดูเหมือนกัน”

   “พี่บิวอยากดูเหรอครับ”

   “ก็...งั้นมั้งครับ ตกลงน้องพิกจะไปดูมั้ย”

   “แต่พี่บิวอยากดู เดี๋ยวผมไปเป็นเพื่อนก็ได้ครับ”


    เขาได้ยินเสียงลมหวีดหวิวในหูแทรกเข้ามาในบทสนทนานั่น ในอกเดือดปุดๆ ไม่รู้หรอกว่าไอ้พี่บิวนั่นเป็นใคร แต่ถ้าไอ้เปี๊ยกนั่นยอมตกปากรับคำแสดงว่าสำคัญไม่น้อย ตาคมมองไปยังกลุ่มสนทนาอีกครั้งแต่ก็พบกับโต๊ะหินอ่อนโล่งๆ แล้ว พวกนั้นคงกลับขึ้นไปเรียนแล้ว บ่ายของวันนี้ไอ้เจ้าเด็กเนิร์ดตัวเตี้ยนั่นมีเรียนจนถึงห้าโมงเย็น ส่วนเขาว่างตลอดจนกว่าจะเก้าโมงเช้าของวันพรุ่งนี้...แน่นอนว่าเขารู้ว่าเด็กแว่นชื่อพิกนั่น เรียนตั้งแต่กี่โมงเลิกกี่โมง รู้ด้วยซ้ำว่าแต่ละวันมันเรียนอะไรบ้าง

    ...อยู่บ้านหลังเดียวกันจะไม่รู้ได้ยังไง!...

    “นานะเหรอ เลิกเรียนกี่โมงเดี๋ยวไปรับที่คณะ”

    สาบานได้ว่าถ้าหากพี่บิวไม่เอ่ยปากว่าอยากดูหนังฟิตตี้อะไรนั่น เขาจะไม่ยอมมากับพวกบ้านี่เด็ดขาด มีอย่างที่ไหนอายุก็ยังไม่ถึง แถมบ้านเขายังอยู่ห่างจากโรงหนังที่เพื่อนไอ้แวนทำงานอยู่ด้วย ด้วยความสัตย์จริงเขาไม่อยากดูหนังที่ว่าเลยสักนิด ก็ในเมื่อมันเป็นหนังชายหญิงธรรมดา คนที่ (แอบ) มีรักไม่ธรรมดาอย่างเขาดูแล้วจะไปซาบซึ้งอะไร นี่ถ้าไม่ใช่เพราะพี่บิวชวนเขาคงปฏิเสธเด็ดขาดไปแล้ว..


    ตากลมกวาดมองรอบกาย บริเวณหน้าโรงหน้าคลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่แห่แหนมาดูหนังติดเรทระดับ 20+ มีทั้งผู้ชายและผู้หญิง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงเสียมากกว่า มาคนเดียวบ้าง มากับคนรัก มากับเพื่อนหรือไม่ก็มาเป็นกลุ่มใหญ่ เสียงพูดคุยเซ็งแซ่จับใจความไม่ค่อยจะได้นัก เขาเผลอสั่นหน้าเบาๆ เมื่อเห็นกลุ่มเด็กสาวที่ดูจากลักษณะภายนอกแล้วอายุไม่ถึง 20 ปีแน่นอน เผลอๆ อาจจะไม่ถึง 18 ด้วยซ้ำ สงสารพวกเธอจะมีเพื่อนทำงานโรงหนังเหมือนไอ้แวนกระมัง พชรดนัยเผลอถอนหายใจ ไม่ใช่แค่ไม่อยากดูหนังเรื่องนี้ แต่เขายังไม่ชอบสถานที่ที่มีคนเยอะๆ อีกด้วย เสียงดัง อึดอัด สารพัดกลิ่นตีกันจนเวียนหัว ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากัน ขณะที่คิ้วขมวดเข้าหากันน้อยๆ

   “เป็นอะไรวะ ทำหน้าเหมือนเมายา ไหวมั้ยมึง”

    “ไหว!” คนตัวเล็กที่สุดในกลุ่มกระแทกเสียงตอบ “เมื่อไรจะเข้าโรงหนังสักที”

    “ไหนว่าไม่อยากดูไง กูว่าพอเห็นตัวอย่างหนังก็เลยอยากขึ้นมาล่ะซิ” แวนแซวดังๆ เล่นเอาสาวน้อยที่อยู่ใกล้ๆ หันมามอง   ผิวหน้าร้อนวูบวาบ นึกอยากจะตบปากเสียๆ ของไอ้เพื่อนตัวใหญ่ แต่แค่นี้ก็อายสายตาคนแล้วเลยได้แต่จิ๊ปาก เกือบจะเดินหนีไปทางอื่นแล้วแต่ถูกรั้งเอาไว้ก่อน

   “อย่าไปถือสาไอ้แวนมันเลย มึงมากับกูนี่เดี๋ยวกูเลี้ยงป๊อบคอร์น”

   บอสบอก ชะเง้อมองแถวหน้าเคาน์เตอร์ขายอาหารกับเครื่องดื่มที่สั้นลงเรื่อยๆ บอสเป็นผู้ชายตัวหนาพอสมควร ผิวขาว ผมเหี้ยนสั้นแบบที่เรียกว่าสกินเฮด แต่เพราะหัวสวยเลยตัดออกมาแล้วดูดี สูงเลยศีรษะเขาไปช่วงหนึ่งพอดี ตาเรียวเล็ก ดูเผินๆ เหมือนนักเลงเกเร แต่เวลายิ้มหน้าของมันจะอ่อนโยนลงทันที เพราะรูปร่างหน้าตาที่ดีเลยทำให้บอสเป็นที่นิยมในบรรดาสาวน้อยปีหนึ่งจนไปถึงสาวรุ่นพี่ปีสี่ไม่น้อย มันเคยถูกเสนอชื่อให้เป็นเดือนคณะแต่มันปฏิเสธลูกเดียวจนคนชวนใจอ่อน สุดท้ายตำแหน่งเดือนคณะเลยตกเป็นของไอ้แวน...ไอ้เพื่อนเวรปากเสีย ตัวสูงรูปหล่อ ผิวขาว ตาโตกว่าบอสนิดหน่อย ผมก็ยาวกว่าด้วย แต่เรื่องนิสัยบอสนำห่างไปหลายช่วงตัว

   “โอ๋ กันจังเลยนะมึง เดี๋ยวก็โดนพี่บิวแหกอกเอาหรอก” แวนเบะปาก แต่ก็เดินตามมา “กูเอารสเค็ม”

   “ซื้อเอง!” บอสบอกเสียงห้วน ฉุดต้นเขนเขาไปที่แถวที่สั้นลงเรื่อยๆ

    “ไอ้ลำเอียง นี่มึงกล้าปฏิเสธเดือนคณะสุดหล่ออย่างกูเหรอวะ”

   “เออ!”

    พชรดนัยกลอกตามองด้านบน ไอ้เพื่อนสองตัวมันทะเลาะกันตลอดเวลา แต่กลับสนิทกัน สนิทกันก่อนที่เขาจะถูกดึงเข้าไปร่วมกลุ่มด้วยซ้ำ

    บอสไปต่อแถวซื้อเครื่องดื่มกับป๊อบคอร์น โดยมีเขาคอยขนาบข้าง ส่วนไอ้แวนยืนเหล่สาวอยู่ไม่ห่างนัก เขาเห็นมันโทรศัพท์หาใครสักคน ไม่ได้สนใจฟังนักใจจดจ่ออยู่กับการอยากกลับบ้านมากกว่า แถมคนที่อยากให้เขามาด้วยก็ยังไม่มาอีก

   “ใครทำเด็กพี่โกรธเนี่ย หน้ามุ่ยเชียว”

    เสียงทุ้มๆ ดังขึ้นเหนือศีรษะ ดวงหน้าเรียวเงยขึ้นมอง ตากลมเป็นประกายขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มยินดี

    “พี่บิว!”

    “ครับ พี่เอง”

    พี่บิว...ดีกรีเดือนคณะแพทย์ ตัวสูงเกินหกฟุต ตัวหนาเพราะเจ้าตัวชอบออกกำลังกาย ผิวขาวละเอียด ดวงตาเรียวแต่ไม่ได้เล็ก จมูกโด่ง รับกับริมฝีปากแดง ผมสีดำถูกหวีเสยไปด้านหลังเปิดให้เห็นเครื่องหน้าที่ครบพร้อมบนรูปหน้าเรียวได้รูป พี่บิวยิ้มน้อยๆ ยกมือขึ้นกอดคอเขาอย่างสนิทสนม ถึงแม้จะเพิ่งรู้จักกันแค่ปีเดียวก็ตามตอนงานประกวดเดือนคณะ เพราะไอ้บอสเป็นเพื่อนของเขา เขาเลยกลายเป็นคนติดต่อประสานงานไปโดยปริยาย ส่วนพี่บิวเป็นหนึ่งในผู้จัดงาน พอได้พูดคุยกันบ่อยขึ้นก็พบว่าเขากับพี่บิวมีหลายอย่างที่คล้ายกัน โดยเฉพาะเรื่องที่ชอบเข้าไปขลุกอยู่ให้ห้องสมุดคนเดียวไม่ใช่แค่อ่านหนังสือแต่ทั้งเขาและพี่บิวต่างรู้ว่าการที่ได้อยู่ในสถานที่เงียบๆ มันทำให้คิดอะไรได้มากมาย

    “ได้ตั๋วหรือยัง ให้พี่ซื้อให้เอามั้ย”

   “ได้แล้วพี่” บอสชิงตอบ “ไอ้แวนมันให้เพื่อนจองให้”

   “อืม” พี่บิวพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ “งั้นพี่กับพิกไปรอนะ”

   “อ้าวเฮ้ย! ไอ้พี่บิว”

    บิวฉวยเอาแขนเล็กของรุ่นน้องปีสองติดมือมาด้วย เจ้าเปี๊ยกชื่อประหลาดว่าพิก...ตอนแรกคิดว่าเป็นพริกขี้หนู แต่เจ้าตัวปฏิเสธว่ามันพิกจริงๆ ไม่มีความหมายอะไรไปมากกว่านั้น พิกเป็นนักศึกษาปีสองคณะเกษตรศาสตร์ ตัวเล็กเท่ามดแต่กลับเรียนคณะที่มีแต่ผู้ชายตัวใหญ่ล่ำ มันเลยกลายเป็นตัวประหลาดของคณะไปโดยปริยาย เขาจำได้ตอนที่เห็นพิกครั้งแรกเขานึกว่ามันเป็นทอม ถึงจะตัวสูงกว่าผู้หญิงทั่วไปแต่ก็เตี้ยกว่าผู้ชายปกติ ผิวขาวสว่างโร่เหมือนติดหลอดไฟ แต่เพราะคณะที่เรียนไม่ได้ขลุกอยู่แต่ในห้องแล็บเหมือนเขา ผิวขาวๆ นั่นก็เลยคล้ำลงมาบ้าง แต่ถ้าเทียบกับคนอื่นๆ ก็ยังขาวกว่าอยู่ดี ไอ้ตัวเล็กที่คอยวิ่งติดต่อประสานงานให้เพื่อนเมื่อคราวประกวดเดือนคณะ ใส่แว่นหนา พูดติดๆ ขัดๆ จนเขานึกหงุดหงิดอยู่หลายครั้ง แต่ไม่รู้อีท่าไหน ทำไปทำมากลายเป็นว่าเขาคอยชะเง้อหามันตลอดช่วงเวลาในการจัดกิจกรรม

    แต่เขาก็ได้เจอพิกบ่อยๆ ในห้องสมุด เจ้าตัวชอบไปนั่งเหม่อในนั้น ส่วนเขาชอบที่จะใช้ห้องสมุดในการทำรายงานหรือไม่ก็อ่านหนังสือ แล้วพิกก็คือเพื่อนร่วมอุดมการณ์ที่ดี เจ้าตัวเล็กมักจะนั่งเงียบๆ ตอนที่เขาทำรายงาน แล้วก็เผลอหลับไปทุกครั้งเมื่อเขาเงยหน้าขึ้น

   “พี่บิวอยากดูจริงๆ เหรอ”

   “อืม...ก็ศึกษาไว้”

   “ศึกษา? เรื่อง?” เด็กหนุ่มตัวเล็กใส่แว่นใหญ่เอียงคอมอง ปากยู่น้อยๆ ด้วยความสงสัย

   “ก็...ก็พี่เรียนหมอ” เขาบอก รู้สึกหน้าร้อนผิดปกติตอนที่จ้องมองตากลมๆ หลังแว่นนั่น “ก็เลย....เอ่อ อยากจะรู้อะไรๆ บ้าง”

   “ไม่เห็นจะเกี่ยวกันตรงไหน” พิกบอก พลางดันแว่นที่เลื่อนลงมาอยู่ที่ปลายจมูกกลับเข้าที่ “อยากดูบทรักร้อนแรงก็บอกมาเถ้อะ”

    “ไอ้เด็กแก่แดด” เขาหัวเราะกับเสียงสูงๆ ที่แกล้งล้อเลียน

   ไม่นานทั้งแวนและบอสก็ตามมาสมทบ ทั้งหมดผ่านด่านตรวจเพราะการอำนวยความสะดวกจากเพื่อนของเจ้าแวน ทางเข้าโรงหนังมืดลงเรื่อยๆ เจ้าตัวเล็กเดินอยู่ด้านหลังสุด จนเขาต้องยืนรอแล้วรั้งแขนให้เดินไปพร้อมกัน

   “ไม่เห็นต้องลากเลย ยังไงก็ได้นั่งแถวเดียวกันอยู่ดี”

    พิกกระซิบบอก แต่ก็ไม่ได้ขืนตัวไว้ตอนที่เขาจับเจ้าตัวเล็กเดินตามเพื่อนทั้งสองคนไป แถวที่แวนได้อยู่เกือบบนสุด น่าจะเป็นมุมที่ดีที่สุด แต่กว่าจะทำข้อตกลงเรื่องที่นั่งกันเล่นเอาเกือบโดนเพื่อนร่วมแถวด่า เพราะเจ้าแวนกับบอสดันตกลงกันไม่ได้ว่าใครจะได้นั่งติดกับพิก ส่วนเขาแน่นอนว่าเสียสละนั่งขนาบข้างให้แล้วเรียบร้อย

    “ไม่เอาอ่ะ กูขี้หนาว กูอยู่ข้างไอ้พิกเอง” แวนพลักบอสที่ทำท่าจะหย่อนก้นลงในที่นั่งข้างเพื่อนตัวเล็ก

   “ตัวไอ้พิกมันไม่ได้ติดฮีทเตอร์ไว้นะไอ้สัตว์ ไม่รู้กูจะนั่งตรงนี้”

    “ไม่เอากูจะนั่ง มึงไปนั่งตรงโน้น กูต้องจะนั่งติดกับไอ้พิก”

    “พอๆ บอสมานั่งตรงนี้ ส่วนแวนมึงไปนั่งติดกับพี่ผู้หญิงสวยๆ คนนั้น มึงชอบคนสวยไม่ใช่เหรอ”

   เป็นพิกที่เข้ามาจัดการ ด้วยการดึงตัวบอสมานั่งฝั่งซ้ายมือของตัวเอง ส่วนแวนทำหน้าเหมือนโดนบังคับให้กินยาต้องย้ายก้นไปนั่งติดกับผู้หญิงวัยทำงานทรวงทรงองค์เอวไม่ธรรมดาแทน

   หนังเริ่มฉายตอนที่ทั้งหมดเข้าไปนั่งรอได้ไม่ถึงสิบนาที พิกเปิดปากหาวอย่างไม่คิดจะเกรงใจบรรดาแฟนคลับที่ติดตามหนังเรื่องนี้ตั้งแต่เป็นหนังสือ เขาหันไปมองยิ้มๆ พลางล้วงกินป๊อบคอร์นที่บอสซื้อมา แต่ก็ต้องชะงักลงเล็กน้อยเมื่อปลายนิ้วไปแตะโดนกับหลังมือของอีกคนหนึ่งเข้า

    “โทษทีครับ” พิกพึมพำขอโทษ

   “มากินอันนี้ไอ้พิก ไปแย่งพี่บิวทำไม” บอสกระซิบบอกติดกับคนที่ตัวเล็กที่สุด

   “กินอันนี้แหล่ะ กระป๋องเบ้อเริ่มพี่จะไปกินหมดได้ยังไง”

    “อ้วนตายแน่ๆ ต้องสองฝั่งแบบนี้” พิกบ่นเบาๆ แต่ก็เอื้อมมือไปล้วงป๊อบคอร์นทั้งสองกระป๋องกินแก้ง่วง

   “เฮ้ยไอ้พิก! มึงดูนมนางเอกดิ สุดยอด!”

    “ไอ้หื่นแวน เอามือออกไปจากขากูเลย!”

   พิกโวยวายเพราะเจ้าแวนตัวดียื่นมาข้ามบอสเพื่อมาสะกิดเรียกเพื่อนตัวเล็กดูฉากนางเอกเปลื้องผ้า คงไม่ได้สะคิดในระดับธรรมดาเพราะพิกถึงกับต้องร้องด่า

    บิวยิ้มเบาๆ ก่อนจะช่วยปัดมือยุ่มย่ามเกินจำเป็นของแวนให้ออกห่าง เจ้าตัวเล็กตากลมหันมายิ้มขอบคุณแล้วกลับไปสนใจกับป๊อบคอร์นต่อทั้งที่ภาพในจอกว้างกำลังฉายฉากเข้าพระเข้านางกันอย่างถึงพริกถึงขิง แต่เจ้าตัวเลือกที่จะเพลิดเพลินกับขนมมากกว่า



    ‘ไอ้หื่นแวน เอามือออกไปจากขากูเลย!

    เสียงเบาที่ไม่ต่างจากเสียงกระซิบนั่น ดังผ่านเสียงหวีดร้องของนางเอกในเรื่องในฉากอย่างว่า สารภาพจากหัวใจเลยว่าเขาไม่มีอารมณ์ดื่มด่ำกับฉากรักวาบหวิวนี่เลยสักนิด ผิดกับหญิงสาวข้างกายที่เอนศีรษะซบหัวไหล่เขาพร้อมกับเสียงอืออาในคอ ชวนกระเส่าไม่แพ้นางเอกในเรื่อง

   กรินทร์เผลอสบถในคอตอนที่ได้ยินผู้ชายสามสี่คนด้านหลังพูดคุยกัน แม้จะไม่ได้เงยหน้าขึ้นไปมองแต่ก็รู้ว่าสามในสี่กำลังแย่งชิงที่นั่งขนาบข้างใครคนหนึ่งที่เขาตามมาตั้งแต่ก้าวออกจากประตูมหาวิทยาลัย ความหงุดหงิดมีมากขึ้นเรื่อยๆ แต่เขาสามารถซ่อนมันไว้ได้อย่างแนบเนียน...เหมือนอย่างที่ผ่านมา

    นานะสามารถทำให้ตัวเองที่อายุเพิ่งจะ 19 ปีหมาดๆ ผ่านด่านตรวจตั๋วมาได้ ตามที่เจ้าตัวบอกไว้ เขาอยากจะลุกออกตั้งแต่หนังเริ่มฉายแล้วแต่เพราะทั้งหวงและห่วงใครบางคนเลยจำต้องทนดูไอ้พระเอกมากลีลารักวาดลวดลายแสดงฝีมืออยู่อย่างนั้น จริงๆ แล้วไม่อยากจะบอกเลยว่าเขาเองก็ฝีมือฉกาจฉกรรจ์ไม่แพ้ไอ้บ้านี่หรอก เพียงแต่ไม่เคยเอาไปเปิดเผยที่ไหน จะมีก็แต่คู่ขาเท่านั้นที่รู้ มีบางคนเหมือนกันที่เอาไปบอกต่อชนิดปากต่อปาก ไอ้เรื่องอย่างว่าบนเตียงเลยกลายเป็นหัวข้อที่ทำให้เขาป๊อบปูล่าแซงหน้าหนุ่มหล่อหลายคน

    “จะหลับเหรอ เอนหัวมาทางพี่ก็ได้นะ ถ้าจบแล้วเดี๋ยวพี่ปลุก พี่ลืมไปว่าเราแพ้แอร์”

    “แพ้แอร์!”

    “ห๊ะ พี่ช้างว่าอะไรนะคะ”

   นานะช้อนตาที่ค่อนข้างเยิ้มหวานผิดปกติขึ้นมอง เขาสั่นหน้าปฏิเสธไม่รู้หรอกว่าเผลอทำหน้าโกรธใส่เธอไปหรือเปล่า แต่ไอ้คำพูดของไอ้คนที่ชื่อบิวนั่นมันเหมือนกวนให้อารมณ์ขมุกขมัวของเขาขุ่นขึ้นเรื่อยๆ ดูก็รู้ว่าไอ้บิวมันจ้องจะเคลมน้องของเขา!

    “ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ได้ง่วง”

    “ไม่ง่วงอะไร ตาปรอยขนาดนี้ จะกลับเลยมั้ย พี่ไม่ดูแล้วก็ได้”

    “ไม่เอาหรอกเสียดายเงิน”

   “เงินพี่ จะเสียดายทำไม”

   “งั้น ผมยืนไหล่พี่บิวสักแปบนะ รับรองไม่เกิน 15 นาที”

    “จะอิงไปทั้งชีวิตก็ได้นะ”



    หลังจากนั้นเสียงที่อยู่เหนือศีรษะก็เงียบหายไป เขาสามารถเดาเหตุการณ์ได้ยิ่งกว่ามีเดจาวูว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ไอ้เจ้าตัวเล็กตาโตนั่นต้องกำลังเอาหัวพิงกับหัวไหล่ของบิวคณะแพทย์แน่นอน นี่ถ้าไม่ติดว่าต้องรักษาภาพพจน์พี่ชายผู้แสนเย็นชาและห่างเหินไว้ล่ะก็ สาบานได้เลยว่าไอ้บิวต้องได้หลับกลางอากาศเพราะหมัดของเขาแน่นอน

    กรินทร์ฝืนทนไมให้ตาปิดไปเสียก่อนหนังจะจบ ต้องขอบคุณผู้กำกับที่ตัดให้หนังจบตอนที่ตาเขากำลังจะปิดทบกันพอดี นานะยิ้มหวานตอนที่เงยหน้าจากหัวไหล่ของเขา ชื่นชมฉากนักไม่ขาดปาก แถมท้ายด้วยการชมหุ่นพระเอกที่แสนเร้าใจ

   “แต่พี่ช้างหุ่นดีกว่า เท่ห์กว่าและหล่อกว่า” นานะตบท้ายอีกที

    หนุ่มนักศึกษาคณะบริหารหันซ้ายหันขวามองหาคนที่เขาเฝ้าตามมาตั้งแต่ช่วงเย็น นึกโกรธตัวเองที่โดนเอาความง่วงพรากสติไปจนทำให้ไอ้ตัวเปี๊ยกนั่นคลาดสายตาไปจนได้ เขารีบก้าวยาวๆ ผ่านผู้คน โดยมีนานะตามเกาะแขนแจ เจ้าหล่อนบ่นงึมงำว่าเขาจะรีบไปตามควายที่ไหน

   “พี่ช้างทำไมเดินเร็วนักล่ะคะ นานะเดินตามไม่ทัน”

    “พี่จะไปเข้าห้องน้ำ นานะรอก่อนได้มั้ย หรือถ้ารอไม่ไหวจะกลับก่อนเลยก็ได้นะ”

    นานะทำหน้าง้ำ “ถ้ากลับก่อนแล้วนานะจะกลับยังไงล่ะคะ นานะไม่มีรถนะ”

    “เออๆ โทษทีพี่ลืมไป งั้นรอพี่สักห้านาทีนะ”

    เดือนคณะบริหารพยักหน้าหงึกหงัก ยืนกอดอกรอเขาอยู่แถวนั้น


    ท่อนขายาวก้าวเร็วขณะที่สายตากวาดมองหาเด็กหนุ่มร่างเล็กในชุดนักศึกษาที่ใหญ่กว่าตัว ใส่แว่นหนากรอบใหญ่ ริมฝีปากแดงระเรื่อ ผิวขาวและมีผู้ชาย 3 คนประกบติด

   “ไปไหนวะ หรือว่าหนีไปตอนกูหลับ” กรินทร์บ่นพึมพำ เขาเดินเลยห้องน้ำมาจนถึงโซนคาราโอเกะแต่ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของเด็กคนนั้น ชายหนุ่มจิ๊ปากด้วยนึกหงุดหงิดในความเผอเรอของตัวเอง

   “กินกาแฟมั้ย กูกลัวมึงหลับคาอ้อมแขนไอ้พี่บิว”

    “ไม่เอาอ่ะ กลัวไม่หลับ”

   “นอนเต็มตาแล้วไม่ต้องกินอะไรคืนนี้ก็หลับยากแล้วล่ะ”

   “นั่นซิ แล้วมึงจะกลับยังไงให้กูกับไอ้บอสไปส่งมั้ย”

    “ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่ไปส่งเอง”

   “พิกเล็ตกลับกับพี่!”

(มีต่อค่ะ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-02-2015 23:17:21 โดย libra82 »

ออฟไลน์ libra82

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-5
(ต่อ)
         
        บทสนทนาแก่งแย่งย่อยๆ ยุติลงตรงนั้น ทั้งสี่หันมองผู้ที่แทรกเข้ามาพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ร่างของเด็กหนุ่มตัวที่เล็กที่สุดเซน้อยๆ ไปประชิดผู้ชายตัวใหญ่ผิวเข้ม ผู้มีรูปหน้าสมบูรณ์ สีหน้าถมึงทึงเหมือนอยากจะทำร้ายใครสักคน
   “อ้าว! พี่ช้าง สวัสดีครับ” บอสยกมือขึ้นทำความเคารพรุ่นพี่หนุ่มที่พ่วงตำแหน่งพี่ชายของเพื่อนรักตัวเล็ก จนถึงตอนนี้ก็ยังอดสงสัยในสายเลือดของพี่น้องคู่นี้ไม่ได้ เพราะไม่เห็นจะมีส่วนไหนเหมือนกันเลยตั้งแต่รูปร่างหน้าตา สีผิว ลามไปถึงนิสัยใจคอ
    “สวัสดี! ถ้าไม่มีอะไรแล้วพี่ขอตัวพาน้องชายกลับก่อน”
   “พ..พี่ช้าง เดี๋ยวซิ ผมจะกลับกับพี่บิว”
   “ไม่ได้! เดี๋ยวตารู้ก็มาบ่นพี่อีก ขอตัวก่อนนะดึกแล้ว”
    ทั้งบิว บอสและแวน มองตามร่างเล็กของพชรดนัยไปด้วยความงุนงง สองหน่อร่วมคณะเดียวกับเด็กหนุ่มตัวเล็กรู้จักพี่ชายหรือกรินทร์พอสมควร ถึงจะไม่ได้สนิทสนมอะไรมากมายแต่ก็พอจะรู้ว่ารุ่นพี่คณะบริหารที่แสนจะป๊อบปูล่านั่นเป็นพี่ชายของพชรดนัย ทว่าก็ยังอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมกรินทร์ถึงมาอยู่ที่นี่ได้
    ส่วนบิวเองก็พอจะรู้จักกรินทร์บ้าง เคยประชุมร่วมกันสองถึงสามครั้งเพราะอยู่ชั้นปีเดียว เคยได้ยินข่าวเรื่องความฮอตของเจ้าตัวเป็นระยะๆ แต่ไม่รู้ว่ากรินทร์คือพี่ชายของพชรดนัย เพราะทางกายภาพภายนอกทั้งสองไม่มีอะไรเหมือนกันซักนิด ตาเรียวมองตามสองพี่น้องที่เดินตามกันไป โดยที่ฝ่ายน้องดูเหมือนจะไม่เต็มใจไปเท่าไรนัก
    “พี่ชายพิกจริงๆ เหรอ” เขาหันไปถามบอส ได้คำตอบเป็นหน้าที่พยักลงเร็วๆ
   “ไม่เหมือนกันเลยใช่มั้ยล่ะ ตอนแรกผมก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกัน แต่เคยไปส่งมันที่บ้านแล้วเจอพี่ช้างก็เลยต้องเชื่อ แต่เหมือนจะไม่ค่อยสนิทกันเท่าไรนะ ไอ้พี่ช้างแม่งขี้เก๊ก”
    แวนให้คำตอบเพิ่มเติม เขาพยายามหยุดข้อสงสัยไว้แค่นั้น เพราะเขาคล้ายกับจะเห็นบางอย่างในดวงตาของกรินทร์เมื่อครู่ มันลึกซึ้งเกินกว่าคำว่าพี่น้อง บิวลอบถอนหายใจ เสือถ้ำนี้น่ากลัวกว่าที่คิด...แต่ถ้าอยากจะได้เสือน้อยน่ารักในถ้ำเสือดุเขาคงต้องยอมให้อวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งเว้าแหว่งบ้างแล้วล่ะ...


    “โอ๊ย! พี่ช้าง ผมเจ็บนะ”
   เด็กหนุ่มตัวเล็กพยายามขืนมือให้หลุดจากการเกาะกุม แต่เพราะตัวเล็กข้อมือก็เลยเล็กตาม มือใหญ่กว่ากำรอบและบีบแน่นมันปวดไปถึงกระดูก ถึงไม่ถามก็รู้ว่าตอนนี้พี่ช้างกำลังอารมณ์ไม่ดี แต่ไม่รู้ว่าสาเหตุมาจากอะไร เช่นเดียวกับที่ไม่รู้ว่าทำไมพี่ช้างถึงมาอยู่ที่นี่ได้
   พี่ช้างไม่ยอมพูดอะไรเอาแต่ดึงกับลากจนผ่านหน้าห้องน้ำชายถึงหน้าบันไดเลื่อน และหยุดตรงผู้หญิงในชุดนักศึกษาที่เดียวกับเขา เธอส่งสายตาแปลกใจแกมสงสัยมาที่เขา
   “ใครคะพี่ช้าง”
   “น้องพี่เอง” พี่ช้างบอกเสียงห้วน “กลับกันได้แล้ว”
    เจ้าหล่อนปรายตามองเขาเป็นระยะ คงสงสัยในคำว่า ‘น้อง’ ซึ่งก็ไม่ต่างจากคนอื่นๆ นัก พอรู้ว่าเขากับพี่ช้างเป็นพี่น้องกันก็ทำหน้าเหมือนโดนหลอก ใครจะไปเชื่อล่ะว่าผู้ชายท่าทางขี้โรคอย่างเขาจะเป็นน้องชายเดือนคณะบริหารที่รูปหล่อตั้งแต่หัวจรดเท้า
   “หิวมั้ย เดี๋ยวพี่พาแวะหาอะไรกิน”
   สารถีหนุ่มถาม...ใครสักคนที่เป็นโดยสาร เขาเหลือบมองพี่ชายผ่านกระจกหลังพอได้สบประสานกับดวงตาคมก็เสหลบไปทางอื่น ใจจริงก็หิวนิดหน่อยแต่ก็พอจะหิ้วท้องกลับไปหาป้ามะนาวได้
   “ก็ดีค่ะ นานะอยากกินอะไรร้อนๆ ก่อนนอน จะได้หลับฝันดี”
   ผู้หญิงที่เรียกตัวเองว่านานะบอก พลางบอกพิกัดร้านที่ตัวเองอยากไปแก่สารถี พี่ช้างที่มักจะใจดีกับคนอื่นเลี้ยวรถพาไปร้านข้าวต้มรอบดึก ร้านใหญ่เต็มไปด้วยลูกค้า พี่ช้างพานานะเดินเข้าไปด้านในสุดของร้าน ส่วนเขาเดินตามไปห่างๆ โดยไม่ได้รับการเหลียวแลแม้แต่น้อย
   “เอ่อ...น้องพี่ช้างชื่ออะไรเหรอคะ อยู่ปีเดียวกับนานะหรือเปล่า” นานะเอ่ยถามระหว่างที่นั่งรออาหาร
   “อยู่ปี 2 เป็นรุ่นพี่นานะปีนึง ชื่อพิก...เล็ต”
   “ปี2! หน้าเด็กมากเลย นี่ถ้าไม่ได้ใส่ชุดนักศึกษานานะต้องคิดว่าพี่พิกเล็ต...” หญิงสาวทำท่าลังเลตอนเอ่ยชื่อของเขา พอเขาพยักหน้าเธอเลยเรียกชื่อเขาเต็มเสียงมากขึ้น “พี่พิกเล็ตต้องเป็นเด็กมัธยมแน่ๆ ตัวเล็กมากๆ ต่างกับพี่ช้างลิบลับ คนอะไรตัวใหญ่อย่างกับยักษ์แน่ะ”
    คนที่ถูกพาดพิงได้แต่ฟังยิ้มๆ ส่วนเขาทำได้แค่ยิ้มรับในข้อด้อยของตัวเองไป ก่อนหน้านั้นคิดน้อยใจในพันธุกรรมฝ่ายบิดาที่ไม่ยอมตกมาถึงตัวเขาเลย เพราะพ่อเสือของเขาตัวใหญ่พอๆ กับพี่เสือ ตาคมกริบ ผิวสีเข้ม หล่อกว่าพี่ช้างด้วยซ้ำ แต่เขากลับไม่ได้ส่วนใดมาเลย ผิวขาวซีดเหมือนคนป่วย ตัวเตี้ยสูงไม่ถึงร้อยเจ็ดสิบด้วยซ้ำ ตาโตถึงจะป้ามะนาวจะชมว่าสวยและคมเหมือนพ่อเสือ แต่พอมันมารวมกับส่วนอื่นๆ ทำให้ไม่เหลือความคมคายแบบบุรุษเพศเลย

   “จะตัวใหญ่ไปทำไมล่ะครับ ตัวเล็กแบบพี่มะรุมไง คนตัวใหญ่ๆ จะได้ปกป้องเรา”

    พี่มะรุมที่ตอนนี้ผันตัวมาเป็นแม่คนที่สามของเขากลายๆ เคยบอกไว้อย่างนั้น ซึ่งก็ไม่ต่างกับอาออยที่ให้กำลังใจเขาด้วยคำพูดลักษณะนี้เช่นกัน ตอนแรกก็ฟังดูดีหรอกแต่พอโตขึ้นมาหน่อยถึงคิดได้ว่าเพราะพวกผู้ใหญ่อยากจะหักเหประเด็นมากกว่า เพราะรู้ว่าถึงจะพยายามแค่ไหนเขาก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงสิ่งที่พ่อกับแม่ให้มาได้อยู่ดี
    พชรดนัยมองดูสองหนุ่มสาวตรงหน้าที่กำลังช่วยกันเป่าข้าวต้มร้อนจัดให้เย็นลง พี่ชายของเขาตักยำไข่เค็มให้นานะ ส่วนฝ่ายหญิงก็ตักผัดผักบุ้งให้ โดยมีเขาเป็นส่วนเกินที่แทบจะไม่มีใครเหลียวมอง อาการอยากอาหารหายไปตั้งแต่ตอนที่มองตามแผ่นหลังของทั้งคู่แล้ว ถึงก่อนหน้านั้นจะมองพี่ชายจากด้านหลังตลอด แต่เมื่อมีใครอีกคนมาเคียงข้างความเจ็บปวดก็ยิ่งมีมากขึ้น เขาไม่เคยได้มองพี่ชายจากด้านปกติเหมือนคนอื่นๆ เลย ไม่รู้ว่ามันเริ่มตั้งแต่เมื่อไรที่ความบริสุทธิ์ใจมันหายไปจนไม่อาจมองพี่ช้างอย่างเปิดเผยได้
    มือบางยกแก้วน้ำขึ้นจิบหลังจากกินไปได้ไม่กี่คำ ตากลมหลังแว่นใหญ่เอาแต่หลุบมองหยดน้ำที่เกาะพราวอยู่รอบแก้ว แม้จะบอกตัวเองให้ปิดกั้นการรับรู้ แต่ถึงจะไม่มองทว่าหูก็ยังทำหน้าที่ได้เหลือเกิน ทุกประโยคสนทนา ทุกการเคลื่อนไหวเขาได้ยินหมด หัวใจปวดหนึบขึ้นเรื่อยๆ เกลียดความขี้ขลาดและอ่อนแอของตัวเองเหลือเกิน
   ครืด ครืด
   แรงสะเทือนในกระเป๋ากางเกงช่วยทำให้หลุดจากภาวะทรมานได้ ชื่อของคนที่ปรากฏในหน้าจอโทรศัพท์มือถือเรียกรอยยิ้มบนดวงหน้าหม่น ริมฝีปากจิ้มลิ้มเผยอน้อยๆ ตอบรับสายที่เรียกเข้ามา
   “ครับพี่บิว....ยังครับ เปล่าครับไม่มีอะไรแค่แวะหาอะไรกินนิดหน่อย แล้วพี่บิวล่ะครับ ถึงหรือยัง โอ้โหไวจังเลย นี่กลับบ้านหรือคอนโคครับ...ครับ ถ้าถึงแล้วผมจะโทรหา...”
   “พี่ครับเก็บเงินด้วย!”
    พชรดนัยช้อนตาขึ้นมองเจ้าของเสียงใหญ่กังวานที่ดังแทรกการสนทนาของตนกับรุ่นพี่ พอได้เห็นสีหน้าและแววตาที่ไม่ค่อยสบอารมณ์นักก็ต้องหลบวูบ แล้วรีบยุติการสนทนาไว้แค่นั้น ไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่ดูเหมือนว่าทุกๆ การกระทำของเขาจะยิ่งทำให้กรินทร์ไม่พอใจไปหมด
    บ้านของนานะอยู่คนละทางกับบ้านป้ามะนาวเลยเสียเวลาย้อนกลับไปกลับมา แต่กรินทร์ก็ไม่บ่นทั้งที่ปกติเป็นคนขี้หงุดหงิด ซ้ำระหว่างการเดินทางยังเปิดเพลงหวานคลอไปกับเสียงพูดคุยกระหนุงกระหนิงอีกด้วย พชรดนัยใช้โทรศัพท์เป็นเครื่องดึงดูดความทุกข์ เขาคุยกับพี่บิวด้วยสารพัดเรื่องที่จะนึกได้ แม้แต่เรื่องเรียน ถึงพี่บิวจะเรียนต่างคณะแต่ด้วยความเก่งก็สามารถอธิบายให้เขาเข้าใจได้
   “จะเล่นโทรศัพท์อีกนานมั้ย!”
    ร่างเล็กสะดุ้งน้อยๆ ตาวาวๆ ของพี่ชายตัวโตบอกว่าไม่สบอารมณ์อย่างหนัก รถยนต์ญี่ปุ่นที่ป้ามะนาวยกให้ตอนที่กรินทร์สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้จอดนิ่งอยู่ในโรงรถแล้ว เขาขอโทษเบาๆ แล้วรีบพาตัวออกจากรถก่อนที่อีกคนจะระเบิดอารมณ์ใส่เขา

   ตาคมมองตามร่างของน้องชายต่างสายเลือดไป กลิ่นแป้งเด็กเจือโคโลญจน์ลอยอ้อยอิ่งที่จมูกตอนที่เจ้าตัวเดินผ่านไป เสื้อผ้าหลวมๆ นั่นยิ่งทำให้คนสวมยิ่งดูบอบบาง หัวไหล่เล็ก แขนเรียวไร้กล้ามเนื้ออย่างที่ผู้ชายควรมี ผิวขาวนวลที่แม้ช่วงนี้จะคล้ำลงไปบ้างเพราะมัวแต่ทำกิจกรรมแต่ก็ไม่ไดทำให้ความน่ามองลดน้อยลง พชรดนัยไม่เคยเหลียวกลับมามองหรอกว่าทุกครั้งที่เดินห่างไปมักจะมีสายตาอีกคู่มองตามเสมอ และเขาเองก็ตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่ารู้สึกแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร แต่นับวันความรู้สึกที่เก็บกดไว้มันทำท่าจะโผล่มาอยู่เรื่อย
    พชรดนัยไม่รู้หรอกว่าภายใต้ความเย็นชาและเหินห่างที่เขาหยิบยื่นให้มันซ่อนอะไรเอาไว้บ้าง ตั้งแต่เริ่มรู้ใจตัวเองเขาก็ตีตนออกห่างเพราะกลัวว่าจะห้ามใจไม่ไว้เข้าสักวัน ทั้งลุงเสือและน้ามะรุมฝากให้เขาดูแลน้องชาย แต่เขากลับคิดไม่ซื่อ ทว่าไม่ใช่แค่เขาคนเดียวหรอกที่คิดเกินเลยกับเจ้าตัวเล็ก เขาเชื่อล้านเปอร์เซ็นต์ว่าทั้งไอ้บิว ไอ้บอสและไอ้แวน มันก็คิดไม่ต่างกับเขานักหรอกแค่มองตาก็รู้แล้ว มีแต่เจ้าตัวเท่านั้นแหล่ะที่ดูไม่ออก
   กรินทร์ก้าวยาวๆ ตามไป ไม่ต้องเดินให้เมื่อยก็ตามคนขาสั้น มือใหญ่คว้าท่อนแขนเล็กเอาไว้ พชรดนัยสะดุ้งน้อยๆ เอี้ยวตัวกลับมามอง ตากลมมีแววไหววูบและกริ่งเกรง
   “พ..พี่ช้าง มีอะไร”
    “ทำไมถึงเข้าไปดูหนังได้ อายุยังไม่ถึงไม่ใช่หรือไง” เขาถามเสียงขุ่น ทั้งสงสัยทั้งไม่พอใจ ยิ่งคิดย้อนกลับไป หงุดหงิดจนพาลโมโหไปหมด
    “เอ่อ…พอดีไอ้แวนมีเพื่อนทำงานอยู่ที่โรงหนังก็เลยเข้าไปได้”
   “ไม่ใช่ว่าอยากจะไปดูกับไอ้บิวหรอกเหรอ”
   “ก็ด้วย” เจ้าตัวยอมรับ “แล้วพี่ช้างล่ะ ทำไมถึงไปดูกับเด็กปีหนึ่งได้ อายุยังไม่ถึงเหมือนกันนี่”
   ชายหนุ่มหรี่ตาลงเมื่อโดนย้อนรอย เผลอกระชับมือแน่นขึ้น “อย่ามาย้อนพี่!”
   “ไม่ได้ย้อน แค่จะบอกว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัว ผมมีสิทธิ์จะไปกับใครก็ได้ เหมือนพี่ช้างไง”
   “พิกเล็ต! อย่ามากวนโมโหกันนะ!”
   “ผมเปล่า” เด็กดื้อเพ่งสั่นหัว “ปล่อยผมได้แล้ว ผมจะไปนอน”
   แทนที่จะปล่อยแต่เขากลับเพิ่มแรงบีบให้มากกว่าเดิม ถลึงตาเอาเรื่องเพราะโดนกวนโทสะ ไม่บ่อยครั้งนักหรอกที่ไอ้ตัวเล็กจะแผลงฤทธิ์ใส่เขา เอาเข้าจริงๆ แค่สนทนากันธรรมดายังแทบจะไม่เคยทำ ถึงอยู่บ้านหลังเดียวกันแต่เพราะเขาเองที่ตีตัวออกห่าง พอนานวันเข้าความห่างเหินก็มีมากขึ้นแต่ถึงอย่างนั้นความผูกพันในทางความรู้สึกกลับยิ่งหนาแน่นขึ้นทุกที สารภาพอย่างกลัวบาป! เขาทั้งหวงและห่วงไอ้ตัวเล็กยิ่งกว่าตัวเองด้วยซ้ำ แต่เพราะรับปากกับผู้ใหญ่ไว้แล้วว่าจะดูแลพชรดนัยในฐานะน้องชาย
   “พี่ช้าง! ผมเจ็บนะ”
    “ก็เราทำให้พี่โกรธ แล้วก็เลิกแต่โทรศัพท์สักที! มันเสียสุขภาพไม่รู้หรือไง”
   “แล้วทีพี่สูบบุหรี่ล่ะ ผมยังไม่เคยห้ามพี่เลย”
    พชรดนัยกระตุกแขนเต็มแรงจนหลุดจากการเกาะกุม แล้วรีบวิ่งหายเข้าไปในบ้านก่อนที่เขาจะคว้าตัวไว้ได้ กรินทร์ขบกรามแน่น เกือบจะก้าวขาวิ่งตามไปแล้วถ้าไม่บังเอิญเห็นสายตาของใครบางคนเข้าเสียก่อน ร่างโปร่งบางของสตรีวัยสี่สิบปลายๆ เดินผ่านประตูบ้าน และหยุดตรงหน้าเขา ดวงตาโตตวัดมองเขาอ่านความหมายได้ทันทีว่าสตรีผู้นี้กำลังสงสัย เคลือบแคลงและไม่พอใจ มือที่โอบอุ้มเลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เกิดยกขึ้นเท้าเอว
   “ทำอะไรน้อง”
   “เปล่า” เขาปฏิเสธหน้าตาย ทั้งที่กำลังโกหกอยู่ต่อหน้าคนที่จับผิดเก่งยิ่งกว่าเครื่องจับผิดเสียอีก
    “เห็นๆ กันอยู่ แกนี่ยังไง ทำเป็นเมินเขาไม่พอยังจะรังแกอีก คิดว่าน้องมันไม่มีความรู้สึกหรือไงกัน”
   เขาถอนหายใจหนักๆ พยายามไม่สบตากับคนมากประสบการณ์มากนักเพราะกลัวจะเผยไต๋มากกว่าเดิม “ไม่มีอะไรหรอก แม่คิดมากไปเอง”
    “ฉันไม่ได้โง่นะไอ้ช้าง! ฉันเลี้ยงแกมาตั้งยี่สิบกว่าปีทำไมฉันจะดูไม่ออก ทำมาเป็นเก๊ก โธ่! ที่แท้ก็เป็นแค่ไอ้มนุษย์ขี้หวง!”
    “เพ้อเจ้อน่ะแม่ ผมไปนอนล่ะ” เขายังคงไม่กล้าสบตาสตรีผู้มีศักดิ์เป็นมารดาตามเคย ต้องโทษบิดาที่ไปทำงานที่อื่นคุณนายมะนาวเลยมีเวลามานั่งจับผิดลูกชาย
    โชคดีที่คุณนายมะนาวไม่ได้เค้นคั้นรีดเอาความรู้สึกอะไรออกมาอีก เขาเลยรีบเดินหนีกลับเข้าห้องตัวเองก่อนที่เผยความในใจให้มารดาได้รู้อีก ที่จริงเขาเองก็ไม่ได้เก่งเหมือนนักแสดงถ้าหากเจ้าเด็กนั่นจะยอมมองหน้ากันให้นานอีกหน่อยจะรู้ว่าเขาคิดเกิดเลยมากกว่าคำว่าน้องชาย
 (มีต่อค่ะ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-02-2015 23:18:29 โดย libra82 »

ออฟไลน์ libra82

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-5
(ต่อค่ะ)

    กรินทร์พาร่างสูงใหญ่ของตัวเองผ่านหน้าห้องที่มีป้ายชื่อสีชมพูหม่นๆ ติดไว้เอียงๆ ว่า “Piglet” ป้ายนี้เขาเป็นคนช่วยเจ้าของห้องเลือกเองช่วงที่เพิ่งย้ายมาอยู่ภายใต้ชายคาเดียวกัน ตอนนั้นเจ้าพิกเล็ตอายุเพียงแค่ 16 ปี ถึงจะสนิทกับเขาแค่ไหน แต่เจ้าตัวก็ติดทั้งพ่อ แม่(น้ามะรุม) และอาที่ชื่อออยมาก นอนร้องไห้ในอ้อมแขนของเขาอยู่หลายคืนทีเดียวกว่าจะหายคิดถึงไร่เคียงฟ้า แล้วก็เป็นพี่ชายคิดไม่ซื่อคนนี้นี่แหล่ะที่พาน้องไปที่โน่นไปนี่ ช่วยติวหนังสือ ความสนิทมีมากขึ้นกว่าเดิมเพราะได้อยู่บ้านหลังเดียวกัน ทว่าเมื่อเขารู้ใจตัวเองเขาเลยสร้างกำแพงอากาศขึ้น เพราะไม่อยากทำลายความเชื่อมั่นที่ผู้ใหญ่มีให้ และไม่อยากให้น้องเกลียดในความคิดน่ารังเกียจของตัวเอง
    ชายหนุ่มถอนหายใจหนักๆ เจ้าของห้องไม่มีทางรู้หรอกว่าผู้หญิงที่เข้ามาพัวพันกับเขานั้น ลักษณะภายนอกคล้ายกับเจ้าตัวแค่ไหน ผู้หญิงตัวเล็ก ผิวขาว ตาโต ริมฝีปากสีสดรูปกระจับ ทว่าไม่มีใครเลยที่จะมีกลิ่นกายหอมกรุ่นเท่ากับเจ้าหมูน้อยสีชมพูของเขา กลิ่นหอมอ่อนๆ จากแป้งเด็ก ผสมกับสบู่หรือโคโลญจน์ หรืออะไรก็ตามแต่มันเข้ากันได้ดีอย่างน่าประหลาดคงเพราะมันได้ปะพรมบนผิวกายที่หอมอยู่ด้วยแล้วกระมัง
    เขาคิดว่าน่าจะเป็นเพราะกลิ่นหอมเฉพาะตัวนั่นเลยทำให้เด็กตัวเล็ก ใส่แว่นหนา กับเสื้อผ้าตัวใหญ่ ที่มองจากภายนอกไม่ได้น่าสนใจเท่าไร แต่ถ้าหากเผลอสูดเอากลิ่นกายเข้าไปมีอันต้องติดกับทุกราย เหมือนดอกไม้ส่งกลิ่นหอมเย้ายวนภมร หากตัวใดหลงเกาะบนกลีบสวยต้องแลกชีวิตกับความหอมหวานนั่น
    กรินทร์ทิ้งสายตาอ้อยอิ่งบนป้ายชื่อ นานจนกระทั่งบานไม้ขยับ ก่อนที่มันเปิดออก เขายืนนิ่งตรงนั้น จะเดินหนีก็ไม่ทันแล้ว หรือจะวิ่งหายไปต่อหน้าต่อตาก็เสียเชิงชายไว้มาดหมดกันพอดี ชายหนุ่มแกล้งกระแอมปรับสีหน้าให้บึ้งตึงเหมือนที่ผ่านมา ทว่าภาพที่เห็นตรงหน้ามันแทบจะกระชากหน้ากากเย็นชาให้หลุด
   ร่างบอบบางที่มีเพียงแค่เสื้อกล้ามเนื้อบาง เก่าจนเป็นสีตุ่น คอกว้างลึกลงมาถึงกลางแผ่นอกขาดจัด ช่วงแขนเว้าต่ำอย่างน่ากลัว ท่อนล่างเป็นกางเกงบ๊อกเซอร์สีซีดที่บางไม่แพ้เสื้อ มันสั้นอยู่เหนือหัวเข่าขึ้นมาหลายคืบ อวดช่วงขาเรียวผิดผู้ชายทั่วไป ไม่มีขนดำๆ ยุบย่ำให้เกะกะลูกตาอีกด้วย ดวงหน้าที่ไร้แว่นกรอบใหญ่เนียนใส ขาวสะอาด ดวงตากลมโตยิ่งกว่าลูกแก้วช้อนมอง มีแววตื่นตระหนก แก้มระเรื่อขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากบางเผยอคล้ายตกใจ
   “พ...พี่ช้าง”
   “จะ...ไปไหน”
    หมูน้อยสีชมพูหลุบตาลง จนเห็นแพขนตาดำยาว ก่อนจะเหลือบขึ้นมองเพื่อตอบคำถาม “ผมจะลงไปเอาสบู่ ในห้องมันหมดแล้ว”
   “ก็...ไปซิ”
    ร่างเล็กกำลังจะเดินผ่านหน้าไป...มือของเขายื่นไปคว้าท่อนแขนเรียวเอาไว้...โดยไม่รู้ตัว น้องน้อยช้อนตามองเป็นเชิงคำถาม เขารีบลดมือลงแม้จะรู้สึกเสียดายเนื้อนุ่มอยู่ก็ตามที
   “ไปเอาห้องพี่ก็ได้ ใช้กลิ่นเดียวกัน...คือแม่ซื้อมาให้” เขาแก้ตัวเมื่อเจ้าหมูน้อยทำหน้าเหมือนเครื่องหมายคำถามมากขึ้นทุกที แต่เขาก็แกล้งตีหน้านิ่งทำราวกับว่าไม่มีอะไรผิดปกติ เจ้าตัวเตี้ยมองเขานานชั่วอึดใจก่อนจะพยักหน้ารับ โดยลืมไปว่าในห้องมันมีอะไรฟ้องความคิดไม่ซื่อของเขาอยู่บ้าง

   พชรดนัยเดินตามพี่ช้างเข้าไปในห้องพักส่วนตัว จำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่เข้ามาในห้องนี้ก็เมื่อตอน ม.5 และพอขึ้น ม.6 ความสัมพันธ์มันก็ห่างเหินไปเรื่อยๆ คงเพราะพี่ช้างได้เป็นนิสิตในมหาวิทยาลัย ยุ่งจนไม่มีเวลาเรียกหาน้องชายอย่างเขาอีก ห้องของพี่ช้างยังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากนัก โปสเตอร์ทีมฟุตบอลสุดโปรดยังติดอยู่ที่เดิม เฟอร์นิเจอร์ไม่ได้ขยับไปไหน คงมีแค่เตียงนอนที่ดูจะแคบลงไปกว่าเดิมเพราะมีตุ๊กตาวางอยู่หลายตัว บนหัวเตียงมีของขวัญกระจุกกระจิกที่มองดูก็รู้ว่าคงได้รับมาจากเหล่าแฟนๆ และแฟนคลับ
    กลิ่นไอของเจ้าของห้องมีทั่วทุกพื้นที่ และเขาก็คุ้นชินกับมันดี พี่ช้างบอกให้เขารอก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ระหว่างนั้นก็สำรวจหาความเปลี่ยนแปลงไปด้วย แต่ไม่ว่าจะซอกไหนมุมไหนพี่ช้างก็ยังเป็นพี่ช้างคนเดิม แค่หล่อ สูง และมีเสน่ห์เพิ่มมากขึ้นเท่านั้นเอง เขามองตุ๊กตาหลากหลายชนิดบนเตียงของพี่ชาย หนึ่งในนั้นมีเจ้าพิกเล็ตหมูน้อยสีชมพูอยู่ด้วย ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้ม ไม่รู้หรอกว่าพี่ช้างจะซื้อเองหรืออาจจะมีใครสักคนให้มา แต่เขาหัวใจของเขามันก็พองเต็มอกเสียแล้ว สองเท้าเล็กหยุดที่หน้าเตียงเอื้อมมือคว้าตุ๊กตาหมูสีชมพูขึ้นมากอด อดกดจมูกหอมมันไม่ได้ แล้วก็ต้องชะงักเพราะเจ้าพิกเล็ตไม่ได้มีกลิ่นเหมือนตุ๊กตาทั่วไป แต่มันเป็นกลิ่นที่คุ้นจมูกชอบกล
   เด็กหนุ่มทำจมูกฟุดฟิดแถวตัวเอง หัวใจเต้นรัวอย่างเกินห้ามปรามมันอาจจะเป็นการแค่คิดเข้าข้างตัวเอง แต่เจ้าพิกเล็กสีชมพูตัวนี้กลิ่นเหมือนกับเขา ระหว่างที่กำลังเทียบกลิ่นตุ๊กตากับกลิ่นของตัวเองอยู่นั้น หางตาก็เหลือบไปเห็นบางอย่างที่ซุกอยู่หลังของกำนัลจากบรรดาแฟนสาวของพี่ชาย…กรอบรูปขนาด 6 x 4 นิ้ว ในนั้นมีภาพของเด็กผู้ชายตัวเล็กตาโต ผิวขาวยิ้มกว้างอวดฟันแทบจะครบสามสิบสองซี่ ข้างๆ กันนั้นมีเด็กผู้ชายผิวเข้มหน้าดุจ้องมาที่กล้องเขม็ง ใบหน้าที่พยายามจะปั้นยิ้มทำให้ดูน่าขัน มันเป็นภาพที่นานมาแล้ว นานมากกว่าสิบปีด้วยซ้ำ แต่พี่ช้างยังเก็บไว้ หน้าของเขาเห่อร้อนเหมือนโดนนาบด้ายเหล็กร้อน เขาไม่อาจซ่อนรอยยิ้มเอาไว้ได้ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตอนนี้ปากเปิดกว้างไปแค่ไหนแล้ว
    “ทำอะไรน่ะ!”
    พชรดนัยสะดุ้งสุดตัวด้วยความตกใจ แต่ก็ยังมีสติพอที่จะซ่อนกรอบรูปไว้ด้านหลังได้และยัดลงมันไว้ในเสื้ออย่างรวดเร็ว แต่เจ้าพิกเล็ตมันตัวใหญ่เกินกว่าจะซ่อนได้ เลยต้องยิ้มแหยๆ กลบเกลื่อน
   “ผม…เห็นว่าตุ๊กตามันน่ารักดีก็เลย…ขอดูหน่อย”
    “….เพื่อนให้มาน่ะ”
    เจ้าของตุ๊กตากระชากพิกเล็ตตัวนุ่มหอมเหมือนตัวเขาหลุดไปจากมือ ก่อนที่สบู่ที่ถามหาจะถูกยัดใส่มือ เขาอ้อมแอ้มขอโทษที่ละลาบละล้วงแล้วขอบคุณสำหรับสบู่เด็ก…สีฟ้า ที่ต้องพยายามทำใจให้เชื่อว่ากรินทร์ใช้มันจริงๆ
   “ผม…ไปนอนก่อนนะ”
    กรินทร์พยักหน้าส่งๆ ไม่หันมามองหน้าเขาด้วยซ้ำ หัวใจที่พองโตเหมือนลูกโป่งแฟบลงอย่างรวดเร็ว ความคิดเข้าข้างตัวเองที่คิดว่าตัวเองยังสำคัญกับพี่ชายลดลงวูบวาบ เขากำสบู่แน่นขณะที่มืออีกข้างยังประคองกรอบรูปไว้ด้านหลัง เพราะพี่ช้างไม่สนใจที่จะมองกันเลยไม่เห็นว่าเขาเอารูปนั่นมาด้วย..

    ไอ้ตัวเล็กของเขาออกจากห้องไปแล้ว ให้ตายเถอะ! เขาลืมไปได้อย่างไรว่าซ่อนอะไรไว้บ้าง ถึงจะมีไม่กี่อย่างแต่ถ้าหากเชื่อมโยงกันดีๆ จะรู้ว่ามันส่งสายใยไปถึงเจ้าตัวได้ไม่ยาก สมองหยุดทำงานไปชั่วขณะ เขาเผลอทำรุนแรงกับน้องอีกจนได้ กรินทร์ถอนหายใจแรงๆ เขาเกลียดความสามารถในการแก้ปัญหาหัวใจของตัวเอง รู้อยู่เต็มอกว่ารู้สึกอะไรกับน้องชาย แต่กลับแสดงออกไม่ได้ ซ้ำยังทำตรงข้ามกันอีกด้วย
    ชายหนุ่มทิ้งตัวลงบนเตียงที่บัดนี้มีตุ๊กตาหลากหลายสายพันธุ์ที่ผู้หญิงซื้อมาให้ รวมถึงของขวัญชิ้นอื่นๆ ด้วย ที่จริงเขาไม่ได้อยากให้พวกมันมาแย่งพื้นที่นอนนัก แต่เพราะไม่อยากให้เจ้าตุ๊กตาหมูสีชมพูที่หาซื้อมาเองกับมือดูโดดเด่นและเตะตาคุณนายมะนาวเกินไปนัก แถมเขายังเอาโคโลญจน์กลิ่นเดียวกับคนที่ชื่อเดียวกันมาพรมใส่ไว้ เลยต้องยอมเจียดพื้นที่ให้ตุ๊กตาตัวอื่นไปด้วยโดยปริยาย ตาคมมองซอกแซกเข้าไปถึงด้านในเพราะยังมีอีกสิ่งที่ซ่อนไว้ ใจเขากระตุกวูบพื้นที่ตรงนั้นมันว่างเปล่า มีบางอย่างหายไป
   “กรอบรูป”


    กรินทร์รอให้ห้องข้างๆ เงียบเสียงลง เพราะกำแพงห้องติดกันเขาเลยพอจะรู้ความเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายได้บ้างแต่ก็เลือกที่จะใช้เพลงกลบเสียงพวกนั้นเพราะบางเสียงก็มีอิทธิพลกับเขามากเกินไป อย่างที่รู้ๆ กัน ชายหนุ่มวัยฉกรรจ์อย่างเขาอารมณ์มันขึ้นง่ายจะตาย แต่คืนนี้เขาจำเป็นต้องกลายเป็นพวกโรคจิตคอยแอบฟังอีกครั้งเพื่อที่จะรอคอยพิสูจน์ข้อสันนิษฐานเรื่องการหายไปของกรอบรูป
    เท้าใหญ่จรดออกจากห้องอย่างเบาเงียบเชียบไม่ต่างจากแมวย่อง ไม่มีแสงไฟจากช่องว่างเล็กๆ ด้านล่างของบานประตู เขาเดาว่าเจ้าของห้องคงกำลังหลับเพราะเงียบเสียงไปพักใหญ่แล้ว เขาลองบิดลูกบิดก็พบว่าถูกล็อคจากด้านใน แต่นั่นมันไม่ใช่อุปสรรคของเขา มือใหญ่ล้วงเอากุญแจสำรองที่แอบทำไว้หลายปีไขและหมุนอีกรอบ เสียงแกร็กเบาๆ ส่งสัญญาณต้อนรับผู้มาเยือนยามวิกาล…อีกครั้งหนึ่งแล้ว
    กลิ่นหอมกรุ่นคือสิ่งแรกที่เขาสัมผัสได้ ดวงตาปรับสภาพได้ในความมืดสามารถมองเห็นทุกสิ่งได้ชัดเจนพอสมควร โดยเฉพาะร่างเล็กที่ซ่อนกายอยู่ใต้ผ้าห่มสีชมพูอ่อน กรินทร์มองดวงหน้าใสอ่อนเยาว์ เปลือกตาบางปิดสนิท เสียงลมหายใจสม่ำเสมอบอกว่าเจ้าตัวคงเข้าสู่โลกแห่งความฝันมาได้สักพักแล้ว เขาไม่ตื่นตาตื่นใจกับห้องพักส่วนตัวของหมูน้อยสีชมพูนัก เพราะในยามที่เจ้าของห้องไม่อยู่เขาก็มักจะแอบเข้ามา…แค่ได้สูดเอากลิ่นหอมอ่อนๆ ได้มองสิ่งของที่เจ้าตัวหยิบใช้ หรือแค่ปากกาสักด้ามเขาก็พอใจแล้ว แม้แต่ในยามค่ำคืนเขาก็เคยเข้ามาแอบมองคนหลับบ่อยๆ ได้แค่เฝ้ามองเงียบๆ และเก็บเอาความรู้สึกเต็มตื้นเอาไว้
   กรินทร์ผ่อนลมหายใจเบาๆ เขาเกือบจะลืมเจตนารมณ์ของการบุกรุกครั้งนี้ไปเสียแล้ว ไม่ใช่แค่มาแอบมองน้องนอนหลับแต่เขายังต้องการู้อีกด้วยว่ารูปที่หายไปมันอยู่ที่นี่หรือเปล่า ตาคมสอดส่องมองไปรอบๆ ห้อง ตั้งแต่โต๊ะเขียนหนังสือ โต๊ะเครื่องแป้ง ชั้นหนังสือ ตู้เสื้อผ้า เขาเดินย่องไปค้นมันทุกที่ที่สงสัย ทว่ามันไม่มีกรอบรูปที่เขาตามหา คงเหลือเพียงที่เดียวที่ยังไม่ได้สำรวจ…เตียงนอนของเจ้าหมูสีชมพู
    มองจากภายนอกไม่เห็นถึงความผิดปกติใดๆ เตียงนอนของพชรดนัยเรียบง่าย มีแค่หมอน หมอนข้างและผ้าห่มเท่านั้น แถมด้วยโคมไฟอีกอัน แต่ก็ยังไร้วี่แววของกรอบรูป กรินทร์ขมวดคิ้วเพ่งสายตาสู้กับความมืดจนในที่สุดสายตาของเขาก็ชนะ บางอย่างต้องสงสัยโผล่พ้นขอบผ้าห่มออกมาอยู่ชิดติดกับปลายคางเรียว มันไม่ใช่รูปทรงของหมอนข้าง ดูแข็งกว่านั้น มือสีเข้มค่อยๆ ดึงเอาผ้าห่มลง ไม่ใช่แค่ฝีเท้าที่เงียบกริบแต่มือเขายังเบามาอีกด้วย คนหลับแค่หายใจแรงกว่าเดิมตอนที่ผ้าร่นลงจนเห็นสิ่งที่เจ้าตัวนอนกอดอยู่
   ริมฝีปากเข้มเผลอคลี่ยิ้มโดยไม่รู้ตัว หมูน้อยสีชมพูของเขานอนกอดกรอบรูปไว้แนบอก แถมยังกดคางลงทับไว้ด้วยราวกับกลัวว่ามันจะหายไปในยามที่หลับใหล เขาไม่โกรธพิกเล็ตเลยสักนิดที่ขโมยรูปมา เขาแค่กลัวว่าน้องจะล่วงรู้ความในใจที่ซุกซ่อนไว้ต่างหาก กรินทร์ยื่นมือเข้าไปใกล้ กระทั่งแตะกับปลายจมูกโด่งรั้งนึกดีใจที่โรคหลับลึกทำให้พิกเล็ตยังไม่ตื่นขึ้น ดวงตาคมอ่อนแสงลงเหมือนทุกครั้งที่เขาได้เฝ้ามองคนที่แอบรักแต่เพียงลำพัง เขาไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าหากน้องตื่นขึ้นมาแล้วพบกับดวงตาฟ้องความรู้สึกคู่นี้น้องจะรังเกียจเขาแค่ไหน เขาไม่ได้ดึงเอารูปแห่งความทรงจำออกจากอ้อมแขนเล็ก ปล่อยให้เด็กขี้ขโมยกอดมันไว้อย่างนั้น แต่สำหรับหัวขโมยมันก็ต้องมีบทลงโทษกันบ้าง
    ใบหน้าคมเข้มชะโงกเข้าใกล้คนหลับ แม้จะแทบไม่มีแสงสว่างใดๆ แต่เขาก็ยังอุตส่าห์เห็นแพขนตาหนาดำ คิ้วดำกำลังดีทอดยาวจรดหางตา จมูกโด่งจิ้มลิ้ม ริมฝีปากอิ่มสีสดเผยอน้อยๆ เส้นผมสีอ่อนตัดเป็นทรงถูกต้องตามกฎของนิสิต แม้จะเชยสะบัด แต่กลับยิ่งทำให้เจ้าตัวยิ่งดูอ่อนเยาว์ จะว่าไปแล้วน้องน้อยของเขาแทบไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย อายุก็เกือบจะ 20 ปีอยู่รอมร่อ แต่มองยังไงก็เหมือนเด็กมัธยมอยู่ดี ริมฝีปากเข้มยกยิ้มอย่างเผลอไผล ปลายนิ้วแตะบนแก้มนุ่มแผ่วเบา
   “พี่รักพิกเล็ตนะครับ” เขากระซิบบอกคนหลับ แม้อยากจะให้เจ้าตัวตื่นขึ้นมาฟังแทบขาดใจแต่ที่ทำได้ตอนนี้คือแค่กระซิบบอกในยามที่อีกฝ่ายหลับใหลเท่านั้น
   กรินทร์ก้มหน้าต่ำลงจนจมูกจรดติดกับแก้มเนียน สูดเอากลิ่นกายที่เขาหลงใหลเอาไว้ในปอด กดย้ำเบาๆ อยู่หลายที ก่อนจะไล้ปลายจมูกไปตามโครงหน้าเรียว ทั้งขมับ หน้าผาก สันจมูกน่ารัก ชายหนุ่มหยุดชะงักเมื่อจมูกสัมผัสกับความนุ่มนิ่มที่มีมากกว่าบริเวณอื่น
   ...แค่หอมมันไม่พอ...
   เขากลายเป็นคนโลภถ้าหากได้แตะต้องร่างกายที่แสนรักนี้ พชรดนัยไม่รู้หรอกว่าหลายต่อหลายคืนที่เขาแอบย่องเข้ามาเพื่อขโมยจูบ ไม่ใช่แค่ที่แก้มแต่มันคือที่ริมฝีปาก แม้จะไม่ได้ดูดดื่มล้ำลึกทว่ามันก็สร้างความอิ่มเอมในอารมณ์ได้ จูบบางเบาเหมือนผีเสื้อโบยบินหยอกล้อกับกลีบดอกไม้ แต่กลับสร้างความกระสันรัญจวนให้กับเขายิ่งกว่าบทรักร้อนแรงที่ได้จากผู้หญิงคนอื่นๆ เสียอีก ชายหนุ่มกดปากลงบนกลีบปากนุ่ม ซึมซับเอาความอ่อนนุ่ม กลิ่นหอมคล้ายกับลูกอม ลิ้นลองแตะเบาๆ บนเนื้อนิ่ม ตาคอยเหลือบมองเผื่อหมูน้อยจะตื่นขึ้นมากลางคัน แต่เปลือกตาบางยังปิดสนิท เขาเลยยิ่งได้ใจ ลิ้มรสหวานอ่อนๆ จากปากน้อยไม่หยุด
   “อื้ม...”
    เสียงครวญเบาๆ จากคนหลับ ฉุดให้เขาหลุดจากภวังค์หอมหวาน กรินทร์ผงะแล้วรีบผละหนีจากร่างเย้ายวน แค่จูบเดียวเขาก็เกือบจะเสียการควบคุมตัวเองเสียแล้ว...เพราะอย่างนี้ถึงได้ต้องตีตนออกห่าง รู้ดีว่าที่ต้องทำอย่างนั้นไม่ใช่แค่เพราะการฝากฝังจากลุงเสือกับน้ามะรุม แต่เพราะเขารู้ว่าถ้าหากยังทำตัวใกล้ชิด พิกเล็ตต้องตกเป็นทาสรักรองรับอารมณ์ร้อนแรงของเขาจนช้ำในแน่ ชายหนุ่มถอนหายใจหนักๆ ระงับความต้องการของตัวเองด้วยประสบการณ์ แต่ส่วนกลางของลำตัวมันปวดหนึบไปหมด เห็นทีเขาคงต้องหาวิธีปลดปล่อยโดยใช้ร่างขาวเล็กเป็นตัวช่วยในจินตนาการอีกแล้ว
    “ตัวแสบเอ๊ย!”
    กรินทร์สบถเบาๆ เขม่นตามองคนหลับไม่รู้เรื่องอีกพักใหญ่ ก่อนจะตัดสินใจถอยห่างออกมาก่อนที่ทุกอย่างที่สร้างไว้จะพังทลายเพียงเพราะตัณหาของตัวเอง...


    เปลือกตาบางกระพริบเบาๆ แล้วค่อยเปิดขึ้น มือเรียวยกขึ้นแตะที่ริมฝีปากตัวเอง สาบานได้ว่าเมื่อครู่ใหญ่ๆ เขาถูกใครบางคนจูบ! แม้ว่ามันจะเป็นแค่การแตะเบาๆ บนกลีบปาก ไม่มีการล่วงล้ำ แผ่วเบาจนไม่ต่างจากความฝัน ทว่าเสียงบ่นเบาๆ แต่ดุดันนั่นมันช่วยยืนยันได้ว่าเขาไม่ได้ฝันไปจริงๆ ใจดวงน้อยเต้นระรัวเมื่อสำเหนียกได้ว่ามันเป็นเสียงของใคร แถมยังมีกลิ่นหอมเย็นที่เจ้าตัวทิ้งไว้อีกด้วย พชรดนัยยกมือแตะที่หน้าอกด้านซ้าย ใจเต้นจนสะเทือนถึงฝ่ามือ ถึงจะปรามตัวเองสักเท่าไรว่าอย่าคิดเข้าข้างตัวเอง แต่มันยากเกินควบคุมจริงๆ ความคิดและความรู้สึกของเขากำลังเตลิดไปไกล ตากลมเบิกโพลงในความมืด รูปที่แอบขโมยยังอยู่ในอ้อมแขน เช่นเดียวกับทุกอย่างในห้องที่ไม่มีสิ่งใดเคลื่อนย้ายหรือผิดปกติ คงมีแค่ผ้าห่มที่เลื่อนต่ำลงและหัวใจที่เต้นกระหน่ำไม่หยุด
    เขาสูดเอากลิ่นไอที่พี่ชายทิ้งไว้จนเต็มปอด...ถึงไม่มีคำบอกรัก ไม่มีอ้อมแขนอบอุ่น อาจจะเป็นแค่ความคิดเข้าข้างตัวเองหรือเป็นแค่ความฝัน แต่เขาก็จะขอจำจดทุกความรู้สึกนี้เอาไว้...พรุ่งนี้ทุกอย่างมันก็จะเหมือนเดิม เขาจะเป็นแค่น้องชายไม่ได้เรื่องที่ได้แต่มองตามแผ่นหลังกว้างของพี่ชาย แต่จะขอเก็บความทรงจำนี้ตลอดไป
    “พิกเล็ตรักพี่ช้างนะ”

....The End…

ป.ล.1หนูพิกเล็ตตื่นไม่ทันตอนพี่เสือบอกรักนะจ๊ะ...หุหุ
 :m29: :m23:
ขอโทษจ้าที่หายไปนานมากกกกกก ด้วยงานที่รุมเร้าจนหาเวลาแต่งนิยายวายไม่ได้เลย เรื่องหัวใจไม่ร้างรัก ก็ทิ้งค้างไว้ แต่สัญญาว่าจะแต่งให้จบค่ะ ไม่ทิ้งแน่นอน
ส่วนเมารัก มีการแก้ไขปกเล็กน้อย (เพราะอยากได้หมอมะรุมสวยกว่านี้) กำหนดการคาดว่าน่าเป็นช่วงปลายเดือนมีนาคม ถึง ต้นเมษายน ถึงจะวางจำหน่ายได้ (คิวย๊าวยาว)
แปะรูปสักหน่อย เพิ่มความฟิน (ของคนแต่ง) เอิ๊กกกก
:hao7:
    


[attachment deleted by admin]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-02-2015 23:15:04 โดย libra82 »

ออฟไลน์ raviiib❁

  • คนเขียนนิยาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
บางประโยคพิมพี่ช้างเป็นพี่เสือรึเปล่าคะ?
น้องหมูน้อยน่าร้ากกกกกพี่ช้างคงหลงจนโงหัวไม่ขึ้น
สารภาพรักกับน้องเถอะพี่ช้าง :ling1:

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
อื๋อออ  น่าจะมีต่ออีกสักนี๊ดดดดดดด

ออฟไลน์ represser

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
สนุกมากกกก อ่านรวดเดียวจบ :กอด1:

ออฟไลน์ Tsubamae

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 258
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
อ้ากกก ทั้งที่ใจตรงกันนนนนนน
พี่ช้างรีบเลยนะ เดี่ยวโดน มคปด หรอกกก
ตั้ง 3 ตัวเอ้ยคนแหน่ะ ตัวเป้งๆทั้งน้านนน หมูชมพูจ๋า
น่ารักกเกินไปแล้ววว อย่าถอดแว่นนะ ได้โดนรุมทึ้งแน่ๆๆๆ

ออฟไลน์ sunipum

  • ชีวิตต้องต่อสู้ ให้โลกรู้เราแน่แค่ไหน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
อ่านรวดเดียวจบเลยค่าาา
สนุกมากๆๆๆ  ชอบทุกคู่เลย
ขอบคุณคนเขียนที่แต่งนิยายดีๆ น่ารักๆ มาให้ได้อ่านกันนะค่ะ

ออฟไลน์ ender_m

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
น่ารักเนอะ บอกกันคนละทีคงจะได้เข้าใจกันอะนะ

ปล.บวกเป็ดคุณนายมะนาว

ออฟไลน์ Celestia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 833
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
ขอบคุณค่า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Nbear

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :katai2-1: ขอบคุณคนเขียนที่แต่งนิยายดีๆ น่ารักๆ มาให้ได้อ่านกันนะค่ะ :katai2-1:

ออฟไลน์ karashi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 428
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
    • นิยาย นิยายแจ่มใส นิยายมือสอง
ขอบคุณนะค้า เรื่องน่ารักมากๆ จะรอติดตามเรื่องต่อๆไปนะค้าาาาา

ออฟไลน์ mickeyz.min

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
รักนะแต่ไม่แสดงออก  :mew1:

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด ม่ะไหร่อิพี่ช้างมันจะเลิกเก๊กสักที
ต้องให้น้องโดนคนอื่นสอยไปก่อนล่ะมั๊ง :serius2:

ออฟไลน์ Aumy8059yaoi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
โอยยยยยยย
เค้าอยากได้ต่ออีกสักหน่อยจางงงงงงง :ling3:

 :pig4:

ออฟไลน์ lemonpreaw

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 882
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
มาต่ออีกหน่อยเหอะน๊า เค้าอยากรู้ว่าพี่ช้างกับพิกเล็ตจะลงเอยยังไงอ่า

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
น่ารัก
พี่ช้างปอดแหกเชียว

ออฟไลน์ naamsomm

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-2
ดีใจมากๆๆๆๆ
คนแต่งยังอยู่
รออีกเรื่องด้วยนะคะ

ออฟไลน์ SOMCHAREE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-2
อ่านรวดเดียวจบเลยคร้าาาาาาาาาาา สนุกมากพูดเลออออออออ คุณหมอ อาออย น้องนู๋พิคเล็ท น่าร้ากกกกกก เค้าชอบนายเอกสไตล์นี้ฝุดๆๆๆๆ ส่วนพระเอกนี่ก็กินขาดทุกคู่ ขอบคุณนะคร้าาาาาาาา

ออฟไลน์ CorNnE PRiNCeS

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 322
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4
น่ารักจริงๆ ทุกคู่เลย
ตั้งแต่ รุ่นพ่อ ยันรุ่นลูก
แต่ท่าทาง อีตาพี่ช้าง จะเจอ พ่อตาขี้หวง นะ

 :hao6: :hao6:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ dukdikdukdik

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2520
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-3
กริ้ดดดด อยากอ่านตอนช้างกับพิกเล็ตต่อจังเลยยยยยยย  :katai1:

ออฟไลน์ Mikanchan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โฮฮฮฮฮฮฮ..... อ่านจบแล้ว สนุกมากกกกกกกกกกกกกกก
ความรู้สึกแรกเลยนะสำหรับเรื่องนี้ แว่บแรกเหมือนกำลังดูละครหลังข่าวเลย ทั้งปีนหน้าต่าง ทั้งจับตัวมา อยู่ไร่ รวยเว่อร์ เจอคู่แข่งเป็นเพื่อนเก่า สรุป... นี่กำลังอ่านละครหลังข่าวอยู่หรือเปล่า ฮา แต่ก็สนุกมากกกก ชอบพี่เสือ ชอบหมอมะรุม ชอบพิกเล็ต ชอบอาณกร ชอบหมอคีย์ รักทุกคนในเรื่องนี้เลย ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่าาาา
 :mew1:

ออฟไลน์ Wordslinger

  • แป้งจี่รีรีข้าวสาร
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1180/-5
ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ ที่เขียนเรื่องนี้มาแบ่งปันกันอ่าน ชอบมะรุมมากค่ะ พี่เสือด้วย แต่รู้สึกว่าตอนที่เกิดเรื่องกับยัยแพรวและโยธินนั้น พี่เสือจะถูกแย่งซีน แถมดิฉันรู้สึกว่าช่วงแรกๆ กับช่วงท้ายๆ เรื่อง พี่เสือดูเปลี่ยนไปนิดหน่อย คิดถึงพี่เสือคนที่บังคับไอ้ดินให้หอบเอาบันไดไปปีนหน้าต่างห้องมะรุมน่ะค่ะ ตอนนั้นน่ารักดี

ตัวละครที่ดิฉันชอบที่สุดในเรื่องนี้ไม่ใช่คู่หลักนะคะ (ต้องขอโทษจริงๆ ค่ะ) แต่เป็นปืน ดิฉันรู้สึกว่าเขาเป็นผู้ชายที่รักใครแล้วน่าจะยอมทุ่มเทเพื่อคนๆ นั้นมากๆ ดังนั้นจึงอยากจะให้ปืนได้คู่กับออย ถึงแม้ว่าสุดท้ายจะไม่สมหวังก็ตามที เง้อ และดิฉันเป็นพวกเข็ดขยาดรักสามเส้าเราสามคนมากๆ ดังนั้นจึงขอสารภาพกับคุณผู้เขียนว่าไม่ได้อ่านตอนพิเศษของปืน+โย+ภูมิ เลย เพราะเหตุผลที่เป็นสามพีนั่นเองค่ะ แต่ยังไงก็ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ ที่เขียนมาให้ได้อ่าน

ปล. พิกเล็ตกับช้างน่ารักดีค่ะ  :hao7:

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
ขอบคุณค่ะ เรื่องนี้สนุกมากกกกก
มีหลายคู่ด้วย อ่านทีแรกๆ อยากให้ออยคู่กับเสือนะ อิอิ
แต่แบบนี้ก็ลงตัวค่ะ ส่วนปืน โย ภูมิ นี่ยังนึกไม่ออกว่าจะไปรักกันยังไงน๊าาาา

ตอนพิเศษ ช้างกะพิกเล็ต เศร้าซึ้งดีอ่ะ ชอบทั้งสองตอนเลย ^^

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
อยากอ่านอีกจัง กรี๊ดดดดดดดดดดดดด

ออฟไลน์ โซ อึน

  • อยากให้โลกนี้มีเท่ากัน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-4
    • แฟนเพจเจ้าค่ะ
สนุกมากเลยค่ะ

อ่านจบจนได้

ออฟไลน์ iammz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2681
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-6
รักพิกเล็ตก็บอกน้องไปตรง ๆ เลยนะคะ

 :mew1:

ออฟไลน์ zombi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-5
น่ารักทุกคู่เลย

อยากอ่านความรักของปืนบ้าง

ออฟไลน์ เด็กเลี้ยงแมว

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อร่อยตั้งแต่รุ่นพ่อลงมารุ่นลูกค่ะขอบอก :hao6:

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
ละมุนแบบหนึบๆ
นานๆ จะเข้าห้องนิยายจบแล้วซักที
ตอนพิเศษนี้เขียนได้เยี่ยมมากๆ ขอบคุณคนแต่งครับ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด