(ต่อค่ะ)
กรินทร์พาร่างสูงใหญ่ของตัวเองผ่านหน้าห้องที่มีป้ายชื่อสีชมพูหม่นๆ ติดไว้เอียงๆ ว่า “Piglet” ป้ายนี้เขาเป็นคนช่วยเจ้าของห้องเลือกเองช่วงที่เพิ่งย้ายมาอยู่ภายใต้ชายคาเดียวกัน ตอนนั้นเจ้าพิกเล็ตอายุเพียงแค่ 16 ปี ถึงจะสนิทกับเขาแค่ไหน แต่เจ้าตัวก็ติดทั้งพ่อ แม่(น้ามะรุม) และอาที่ชื่อออยมาก นอนร้องไห้ในอ้อมแขนของเขาอยู่หลายคืนทีเดียวกว่าจะหายคิดถึงไร่เคียงฟ้า แล้วก็เป็นพี่ชายคิดไม่ซื่อคนนี้นี่แหล่ะที่พาน้องไปที่โน่นไปนี่ ช่วยติวหนังสือ ความสนิทมีมากขึ้นกว่าเดิมเพราะได้อยู่บ้านหลังเดียวกัน ทว่าเมื่อเขารู้ใจตัวเองเขาเลยสร้างกำแพงอากาศขึ้น เพราะไม่อยากทำลายความเชื่อมั่นที่ผู้ใหญ่มีให้ และไม่อยากให้น้องเกลียดในความคิดน่ารังเกียจของตัวเอง
ชายหนุ่มถอนหายใจหนักๆ เจ้าของห้องไม่มีทางรู้หรอกว่าผู้หญิงที่เข้ามาพัวพันกับเขานั้น ลักษณะภายนอกคล้ายกับเจ้าตัวแค่ไหน ผู้หญิงตัวเล็ก ผิวขาว ตาโต ริมฝีปากสีสดรูปกระจับ ทว่าไม่มีใครเลยที่จะมีกลิ่นกายหอมกรุ่นเท่ากับเจ้าหมูน้อยสีชมพูของเขา กลิ่นหอมอ่อนๆ จากแป้งเด็ก ผสมกับสบู่หรือโคโลญจน์ หรืออะไรก็ตามแต่มันเข้ากันได้ดีอย่างน่าประหลาดคงเพราะมันได้ปะพรมบนผิวกายที่หอมอยู่ด้วยแล้วกระมัง
เขาคิดว่าน่าจะเป็นเพราะกลิ่นหอมเฉพาะตัวนั่นเลยทำให้เด็กตัวเล็ก ใส่แว่นหนา กับเสื้อผ้าตัวใหญ่ ที่มองจากภายนอกไม่ได้น่าสนใจเท่าไร แต่ถ้าหากเผลอสูดเอากลิ่นกายเข้าไปมีอันต้องติดกับทุกราย เหมือนดอกไม้ส่งกลิ่นหอมเย้ายวนภมร หากตัวใดหลงเกาะบนกลีบสวยต้องแลกชีวิตกับความหอมหวานนั่น
กรินทร์ทิ้งสายตาอ้อยอิ่งบนป้ายชื่อ นานจนกระทั่งบานไม้ขยับ ก่อนที่มันเปิดออก เขายืนนิ่งตรงนั้น จะเดินหนีก็ไม่ทันแล้ว หรือจะวิ่งหายไปต่อหน้าต่อตาก็เสียเชิงชายไว้มาดหมดกันพอดี ชายหนุ่มแกล้งกระแอมปรับสีหน้าให้บึ้งตึงเหมือนที่ผ่านมา ทว่าภาพที่เห็นตรงหน้ามันแทบจะกระชากหน้ากากเย็นชาให้หลุด
ร่างบอบบางที่มีเพียงแค่เสื้อกล้ามเนื้อบาง เก่าจนเป็นสีตุ่น คอกว้างลึกลงมาถึงกลางแผ่นอกขาดจัด ช่วงแขนเว้าต่ำอย่างน่ากลัว ท่อนล่างเป็นกางเกงบ๊อกเซอร์สีซีดที่บางไม่แพ้เสื้อ มันสั้นอยู่เหนือหัวเข่าขึ้นมาหลายคืบ อวดช่วงขาเรียวผิดผู้ชายทั่วไป ไม่มีขนดำๆ ยุบย่ำให้เกะกะลูกตาอีกด้วย ดวงหน้าที่ไร้แว่นกรอบใหญ่เนียนใส ขาวสะอาด ดวงตากลมโตยิ่งกว่าลูกแก้วช้อนมอง มีแววตื่นตระหนก แก้มระเรื่อขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากบางเผยอคล้ายตกใจ
“พ...พี่ช้าง”
“จะ...ไปไหน”
หมูน้อยสีชมพูหลุบตาลง จนเห็นแพขนตาดำยาว ก่อนจะเหลือบขึ้นมองเพื่อตอบคำถาม “ผมจะลงไปเอาสบู่ ในห้องมันหมดแล้ว”
“ก็...ไปซิ”
ร่างเล็กกำลังจะเดินผ่านหน้าไป...มือของเขายื่นไปคว้าท่อนแขนเรียวเอาไว้...โดยไม่รู้ตัว น้องน้อยช้อนตามองเป็นเชิงคำถาม เขารีบลดมือลงแม้จะรู้สึกเสียดายเนื้อนุ่มอยู่ก็ตามที
“ไปเอาห้องพี่ก็ได้ ใช้กลิ่นเดียวกัน...คือแม่ซื้อมาให้” เขาแก้ตัวเมื่อเจ้าหมูน้อยทำหน้าเหมือนเครื่องหมายคำถามมากขึ้นทุกที แต่เขาก็แกล้งตีหน้านิ่งทำราวกับว่าไม่มีอะไรผิดปกติ เจ้าตัวเตี้ยมองเขานานชั่วอึดใจก่อนจะพยักหน้ารับ โดยลืมไปว่าในห้องมันมีอะไรฟ้องความคิดไม่ซื่อของเขาอยู่บ้าง
พชรดนัยเดินตามพี่ช้างเข้าไปในห้องพักส่วนตัว จำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่เข้ามาในห้องนี้ก็เมื่อตอน ม.5 และพอขึ้น ม.6 ความสัมพันธ์มันก็ห่างเหินไปเรื่อยๆ คงเพราะพี่ช้างได้เป็นนิสิตในมหาวิทยาลัย ยุ่งจนไม่มีเวลาเรียกหาน้องชายอย่างเขาอีก ห้องของพี่ช้างยังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากนัก โปสเตอร์ทีมฟุตบอลสุดโปรดยังติดอยู่ที่เดิม เฟอร์นิเจอร์ไม่ได้ขยับไปไหน คงมีแค่เตียงนอนที่ดูจะแคบลงไปกว่าเดิมเพราะมีตุ๊กตาวางอยู่หลายตัว บนหัวเตียงมีของขวัญกระจุกกระจิกที่มองดูก็รู้ว่าคงได้รับมาจากเหล่าแฟนๆ และแฟนคลับ
กลิ่นไอของเจ้าของห้องมีทั่วทุกพื้นที่ และเขาก็คุ้นชินกับมันดี พี่ช้างบอกให้เขารอก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ระหว่างนั้นก็สำรวจหาความเปลี่ยนแปลงไปด้วย แต่ไม่ว่าจะซอกไหนมุมไหนพี่ช้างก็ยังเป็นพี่ช้างคนเดิม แค่หล่อ สูง และมีเสน่ห์เพิ่มมากขึ้นเท่านั้นเอง เขามองตุ๊กตาหลากหลายชนิดบนเตียงของพี่ชาย หนึ่งในนั้นมีเจ้าพิกเล็ตหมูน้อยสีชมพูอยู่ด้วย ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้ม ไม่รู้หรอกว่าพี่ช้างจะซื้อเองหรืออาจจะมีใครสักคนให้มา แต่เขาหัวใจของเขามันก็พองเต็มอกเสียแล้ว สองเท้าเล็กหยุดที่หน้าเตียงเอื้อมมือคว้าตุ๊กตาหมูสีชมพูขึ้นมากอด อดกดจมูกหอมมันไม่ได้ แล้วก็ต้องชะงักเพราะเจ้าพิกเล็ตไม่ได้มีกลิ่นเหมือนตุ๊กตาทั่วไป แต่มันเป็นกลิ่นที่คุ้นจมูกชอบกล
เด็กหนุ่มทำจมูกฟุดฟิดแถวตัวเอง หัวใจเต้นรัวอย่างเกินห้ามปรามมันอาจจะเป็นการแค่คิดเข้าข้างตัวเอง แต่เจ้าพิกเล็กสีชมพูตัวนี้กลิ่นเหมือนกับเขา ระหว่างที่กำลังเทียบกลิ่นตุ๊กตากับกลิ่นของตัวเองอยู่นั้น หางตาก็เหลือบไปเห็นบางอย่างที่ซุกอยู่หลังของกำนัลจากบรรดาแฟนสาวของพี่ชาย…กรอบรูปขนาด 6 x 4 นิ้ว ในนั้นมีภาพของเด็กผู้ชายตัวเล็กตาโต ผิวขาวยิ้มกว้างอวดฟันแทบจะครบสามสิบสองซี่ ข้างๆ กันนั้นมีเด็กผู้ชายผิวเข้มหน้าดุจ้องมาที่กล้องเขม็ง ใบหน้าที่พยายามจะปั้นยิ้มทำให้ดูน่าขัน มันเป็นภาพที่นานมาแล้ว นานมากกว่าสิบปีด้วยซ้ำ แต่พี่ช้างยังเก็บไว้ หน้าของเขาเห่อร้อนเหมือนโดนนาบด้ายเหล็กร้อน เขาไม่อาจซ่อนรอยยิ้มเอาไว้ได้ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตอนนี้ปากเปิดกว้างไปแค่ไหนแล้ว
“ทำอะไรน่ะ!”
พชรดนัยสะดุ้งสุดตัวด้วยความตกใจ แต่ก็ยังมีสติพอที่จะซ่อนกรอบรูปไว้ด้านหลังได้และยัดลงมันไว้ในเสื้ออย่างรวดเร็ว แต่เจ้าพิกเล็ตมันตัวใหญ่เกินกว่าจะซ่อนได้ เลยต้องยิ้มแหยๆ กลบเกลื่อน
“ผม…เห็นว่าตุ๊กตามันน่ารักดีก็เลย…ขอดูหน่อย”
“….เพื่อนให้มาน่ะ”
เจ้าของตุ๊กตากระชากพิกเล็ตตัวนุ่มหอมเหมือนตัวเขาหลุดไปจากมือ ก่อนที่สบู่ที่ถามหาจะถูกยัดใส่มือ เขาอ้อมแอ้มขอโทษที่ละลาบละล้วงแล้วขอบคุณสำหรับสบู่เด็ก…สีฟ้า ที่ต้องพยายามทำใจให้เชื่อว่ากรินทร์ใช้มันจริงๆ
“ผม…ไปนอนก่อนนะ”
กรินทร์พยักหน้าส่งๆ ไม่หันมามองหน้าเขาด้วยซ้ำ หัวใจที่พองโตเหมือนลูกโป่งแฟบลงอย่างรวดเร็ว ความคิดเข้าข้างตัวเองที่คิดว่าตัวเองยังสำคัญกับพี่ชายลดลงวูบวาบ เขากำสบู่แน่นขณะที่มืออีกข้างยังประคองกรอบรูปไว้ด้านหลัง เพราะพี่ช้างไม่สนใจที่จะมองกันเลยไม่เห็นว่าเขาเอารูปนั่นมาด้วย..
ไอ้ตัวเล็กของเขาออกจากห้องไปแล้ว ให้ตายเถอะ! เขาลืมไปได้อย่างไรว่าซ่อนอะไรไว้บ้าง ถึงจะมีไม่กี่อย่างแต่ถ้าหากเชื่อมโยงกันดีๆ จะรู้ว่ามันส่งสายใยไปถึงเจ้าตัวได้ไม่ยาก สมองหยุดทำงานไปชั่วขณะ เขาเผลอทำรุนแรงกับน้องอีกจนได้ กรินทร์ถอนหายใจแรงๆ เขาเกลียดความสามารถในการแก้ปัญหาหัวใจของตัวเอง รู้อยู่เต็มอกว่ารู้สึกอะไรกับน้องชาย แต่กลับแสดงออกไม่ได้ ซ้ำยังทำตรงข้ามกันอีกด้วย
ชายหนุ่มทิ้งตัวลงบนเตียงที่บัดนี้มีตุ๊กตาหลากหลายสายพันธุ์ที่ผู้หญิงซื้อมาให้ รวมถึงของขวัญชิ้นอื่นๆ ด้วย ที่จริงเขาไม่ได้อยากให้พวกมันมาแย่งพื้นที่นอนนัก แต่เพราะไม่อยากให้เจ้าตุ๊กตาหมูสีชมพูที่หาซื้อมาเองกับมือดูโดดเด่นและเตะตาคุณนายมะนาวเกินไปนัก แถมเขายังเอาโคโลญจน์กลิ่นเดียวกับคนที่ชื่อเดียวกันมาพรมใส่ไว้ เลยต้องยอมเจียดพื้นที่ให้ตุ๊กตาตัวอื่นไปด้วยโดยปริยาย ตาคมมองซอกแซกเข้าไปถึงด้านในเพราะยังมีอีกสิ่งที่ซ่อนไว้ ใจเขากระตุกวูบพื้นที่ตรงนั้นมันว่างเปล่า มีบางอย่างหายไป
“กรอบรูป”
กรินทร์รอให้ห้องข้างๆ เงียบเสียงลง เพราะกำแพงห้องติดกันเขาเลยพอจะรู้ความเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายได้บ้างแต่ก็เลือกที่จะใช้เพลงกลบเสียงพวกนั้นเพราะบางเสียงก็มีอิทธิพลกับเขามากเกินไป อย่างที่รู้ๆ กัน ชายหนุ่มวัยฉกรรจ์อย่างเขาอารมณ์มันขึ้นง่ายจะตาย แต่คืนนี้เขาจำเป็นต้องกลายเป็นพวกโรคจิตคอยแอบฟังอีกครั้งเพื่อที่จะรอคอยพิสูจน์ข้อสันนิษฐานเรื่องการหายไปของกรอบรูป
เท้าใหญ่จรดออกจากห้องอย่างเบาเงียบเชียบไม่ต่างจากแมวย่อง ไม่มีแสงไฟจากช่องว่างเล็กๆ ด้านล่างของบานประตู เขาเดาว่าเจ้าของห้องคงกำลังหลับเพราะเงียบเสียงไปพักใหญ่แล้ว เขาลองบิดลูกบิดก็พบว่าถูกล็อคจากด้านใน แต่นั่นมันไม่ใช่อุปสรรคของเขา มือใหญ่ล้วงเอากุญแจสำรองที่แอบทำไว้หลายปีไขและหมุนอีกรอบ เสียงแกร็กเบาๆ ส่งสัญญาณต้อนรับผู้มาเยือนยามวิกาล…อีกครั้งหนึ่งแล้ว
กลิ่นหอมกรุ่นคือสิ่งแรกที่เขาสัมผัสได้ ดวงตาปรับสภาพได้ในความมืดสามารถมองเห็นทุกสิ่งได้ชัดเจนพอสมควร โดยเฉพาะร่างเล็กที่ซ่อนกายอยู่ใต้ผ้าห่มสีชมพูอ่อน กรินทร์มองดวงหน้าใสอ่อนเยาว์ เปลือกตาบางปิดสนิท เสียงลมหายใจสม่ำเสมอบอกว่าเจ้าตัวคงเข้าสู่โลกแห่งความฝันมาได้สักพักแล้ว เขาไม่ตื่นตาตื่นใจกับห้องพักส่วนตัวของหมูน้อยสีชมพูนัก เพราะในยามที่เจ้าของห้องไม่อยู่เขาก็มักจะแอบเข้ามา…แค่ได้สูดเอากลิ่นหอมอ่อนๆ ได้มองสิ่งของที่เจ้าตัวหยิบใช้ หรือแค่ปากกาสักด้ามเขาก็พอใจแล้ว แม้แต่ในยามค่ำคืนเขาก็เคยเข้ามาแอบมองคนหลับบ่อยๆ ได้แค่เฝ้ามองเงียบๆ และเก็บเอาความรู้สึกเต็มตื้นเอาไว้
กรินทร์ผ่อนลมหายใจเบาๆ เขาเกือบจะลืมเจตนารมณ์ของการบุกรุกครั้งนี้ไปเสียแล้ว ไม่ใช่แค่มาแอบมองน้องนอนหลับแต่เขายังต้องการู้อีกด้วยว่ารูปที่หายไปมันอยู่ที่นี่หรือเปล่า ตาคมสอดส่องมองไปรอบๆ ห้อง ตั้งแต่โต๊ะเขียนหนังสือ โต๊ะเครื่องแป้ง ชั้นหนังสือ ตู้เสื้อผ้า เขาเดินย่องไปค้นมันทุกที่ที่สงสัย ทว่ามันไม่มีกรอบรูปที่เขาตามหา คงเหลือเพียงที่เดียวที่ยังไม่ได้สำรวจ…เตียงนอนของเจ้าหมูสีชมพู
มองจากภายนอกไม่เห็นถึงความผิดปกติใดๆ เตียงนอนของพชรดนัยเรียบง่าย มีแค่หมอน หมอนข้างและผ้าห่มเท่านั้น แถมด้วยโคมไฟอีกอัน แต่ก็ยังไร้วี่แววของกรอบรูป กรินทร์ขมวดคิ้วเพ่งสายตาสู้กับความมืดจนในที่สุดสายตาของเขาก็ชนะ บางอย่างต้องสงสัยโผล่พ้นขอบผ้าห่มออกมาอยู่ชิดติดกับปลายคางเรียว มันไม่ใช่รูปทรงของหมอนข้าง ดูแข็งกว่านั้น มือสีเข้มค่อยๆ ดึงเอาผ้าห่มลง ไม่ใช่แค่ฝีเท้าที่เงียบกริบแต่มือเขายังเบามาอีกด้วย คนหลับแค่หายใจแรงกว่าเดิมตอนที่ผ้าร่นลงจนเห็นสิ่งที่เจ้าตัวนอนกอดอยู่
ริมฝีปากเข้มเผลอคลี่ยิ้มโดยไม่รู้ตัว หมูน้อยสีชมพูของเขานอนกอดกรอบรูปไว้แนบอก แถมยังกดคางลงทับไว้ด้วยราวกับกลัวว่ามันจะหายไปในยามที่หลับใหล เขาไม่โกรธพิกเล็ตเลยสักนิดที่ขโมยรูปมา เขาแค่กลัวว่าน้องจะล่วงรู้ความในใจที่ซุกซ่อนไว้ต่างหาก กรินทร์ยื่นมือเข้าไปใกล้ กระทั่งแตะกับปลายจมูกโด่งรั้งนึกดีใจที่โรคหลับลึกทำให้พิกเล็ตยังไม่ตื่นขึ้น ดวงตาคมอ่อนแสงลงเหมือนทุกครั้งที่เขาได้เฝ้ามองคนที่แอบรักแต่เพียงลำพัง เขาไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าหากน้องตื่นขึ้นมาแล้วพบกับดวงตาฟ้องความรู้สึกคู่นี้น้องจะรังเกียจเขาแค่ไหน เขาไม่ได้ดึงเอารูปแห่งความทรงจำออกจากอ้อมแขนเล็ก ปล่อยให้เด็กขี้ขโมยกอดมันไว้อย่างนั้น แต่สำหรับหัวขโมยมันก็ต้องมีบทลงโทษกันบ้าง
ใบหน้าคมเข้มชะโงกเข้าใกล้คนหลับ แม้จะแทบไม่มีแสงสว่างใดๆ แต่เขาก็ยังอุตส่าห์เห็นแพขนตาหนาดำ คิ้วดำกำลังดีทอดยาวจรดหางตา จมูกโด่งจิ้มลิ้ม ริมฝีปากอิ่มสีสดเผยอน้อยๆ เส้นผมสีอ่อนตัดเป็นทรงถูกต้องตามกฎของนิสิต แม้จะเชยสะบัด แต่กลับยิ่งทำให้เจ้าตัวยิ่งดูอ่อนเยาว์ จะว่าไปแล้วน้องน้อยของเขาแทบไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย อายุก็เกือบจะ 20 ปีอยู่รอมร่อ แต่มองยังไงก็เหมือนเด็กมัธยมอยู่ดี ริมฝีปากเข้มยกยิ้มอย่างเผลอไผล ปลายนิ้วแตะบนแก้มนุ่มแผ่วเบา
“พี่รักพิกเล็ตนะครับ” เขากระซิบบอกคนหลับ แม้อยากจะให้เจ้าตัวตื่นขึ้นมาฟังแทบขาดใจแต่ที่ทำได้ตอนนี้คือแค่กระซิบบอกในยามที่อีกฝ่ายหลับใหลเท่านั้น
กรินทร์ก้มหน้าต่ำลงจนจมูกจรดติดกับแก้มเนียน สูดเอากลิ่นกายที่เขาหลงใหลเอาไว้ในปอด กดย้ำเบาๆ อยู่หลายที ก่อนจะไล้ปลายจมูกไปตามโครงหน้าเรียว ทั้งขมับ หน้าผาก สันจมูกน่ารัก ชายหนุ่มหยุดชะงักเมื่อจมูกสัมผัสกับความนุ่มนิ่มที่มีมากกว่าบริเวณอื่น
...แค่หอมมันไม่พอ...
เขากลายเป็นคนโลภถ้าหากได้แตะต้องร่างกายที่แสนรักนี้ พชรดนัยไม่รู้หรอกว่าหลายต่อหลายคืนที่เขาแอบย่องเข้ามาเพื่อขโมยจูบ ไม่ใช่แค่ที่แก้มแต่มันคือที่ริมฝีปาก แม้จะไม่ได้ดูดดื่มล้ำลึกทว่ามันก็สร้างความอิ่มเอมในอารมณ์ได้ จูบบางเบาเหมือนผีเสื้อโบยบินหยอกล้อกับกลีบดอกไม้ แต่กลับสร้างความกระสันรัญจวนให้กับเขายิ่งกว่าบทรักร้อนแรงที่ได้จากผู้หญิงคนอื่นๆ เสียอีก ชายหนุ่มกดปากลงบนกลีบปากนุ่ม ซึมซับเอาความอ่อนนุ่ม กลิ่นหอมคล้ายกับลูกอม ลิ้นลองแตะเบาๆ บนเนื้อนิ่ม ตาคอยเหลือบมองเผื่อหมูน้อยจะตื่นขึ้นมากลางคัน แต่เปลือกตาบางยังปิดสนิท เขาเลยยิ่งได้ใจ ลิ้มรสหวานอ่อนๆ จากปากน้อยไม่หยุด
“อื้ม...”
เสียงครวญเบาๆ จากคนหลับ ฉุดให้เขาหลุดจากภวังค์หอมหวาน กรินทร์ผงะแล้วรีบผละหนีจากร่างเย้ายวน แค่จูบเดียวเขาก็เกือบจะเสียการควบคุมตัวเองเสียแล้ว...เพราะอย่างนี้ถึงได้ต้องตีตนออกห่าง รู้ดีว่าที่ต้องทำอย่างนั้นไม่ใช่แค่เพราะการฝากฝังจากลุงเสือกับน้ามะรุม แต่เพราะเขารู้ว่าถ้าหากยังทำตัวใกล้ชิด พิกเล็ตต้องตกเป็นทาสรักรองรับอารมณ์ร้อนแรงของเขาจนช้ำในแน่ ชายหนุ่มถอนหายใจหนักๆ ระงับความต้องการของตัวเองด้วยประสบการณ์ แต่ส่วนกลางของลำตัวมันปวดหนึบไปหมด เห็นทีเขาคงต้องหาวิธีปลดปล่อยโดยใช้ร่างขาวเล็กเป็นตัวช่วยในจินตนาการอีกแล้ว
“ตัวแสบเอ๊ย!”
กรินทร์สบถเบาๆ เขม่นตามองคนหลับไม่รู้เรื่องอีกพักใหญ่ ก่อนจะตัดสินใจถอยห่างออกมาก่อนที่ทุกอย่างที่สร้างไว้จะพังทลายเพียงเพราะตัณหาของตัวเอง...
เปลือกตาบางกระพริบเบาๆ แล้วค่อยเปิดขึ้น มือเรียวยกขึ้นแตะที่ริมฝีปากตัวเอง สาบานได้ว่าเมื่อครู่ใหญ่ๆ เขาถูกใครบางคนจูบ! แม้ว่ามันจะเป็นแค่การแตะเบาๆ บนกลีบปาก ไม่มีการล่วงล้ำ แผ่วเบาจนไม่ต่างจากความฝัน ทว่าเสียงบ่นเบาๆ แต่ดุดันนั่นมันช่วยยืนยันได้ว่าเขาไม่ได้ฝันไปจริงๆ ใจดวงน้อยเต้นระรัวเมื่อสำเหนียกได้ว่ามันเป็นเสียงของใคร แถมยังมีกลิ่นหอมเย็นที่เจ้าตัวทิ้งไว้อีกด้วย พชรดนัยยกมือแตะที่หน้าอกด้านซ้าย ใจเต้นจนสะเทือนถึงฝ่ามือ ถึงจะปรามตัวเองสักเท่าไรว่าอย่าคิดเข้าข้างตัวเอง แต่มันยากเกินควบคุมจริงๆ ความคิดและความรู้สึกของเขากำลังเตลิดไปไกล ตากลมเบิกโพลงในความมืด รูปที่แอบขโมยยังอยู่ในอ้อมแขน เช่นเดียวกับทุกอย่างในห้องที่ไม่มีสิ่งใดเคลื่อนย้ายหรือผิดปกติ คงมีแค่ผ้าห่มที่เลื่อนต่ำลงและหัวใจที่เต้นกระหน่ำไม่หยุด
เขาสูดเอากลิ่นไอที่พี่ชายทิ้งไว้จนเต็มปอด...ถึงไม่มีคำบอกรัก ไม่มีอ้อมแขนอบอุ่น อาจจะเป็นแค่ความคิดเข้าข้างตัวเองหรือเป็นแค่ความฝัน แต่เขาก็จะขอจำจดทุกความรู้สึกนี้เอาไว้...พรุ่งนี้ทุกอย่างมันก็จะเหมือนเดิม เขาจะเป็นแค่น้องชายไม่ได้เรื่องที่ได้แต่มองตามแผ่นหลังกว้างของพี่ชาย แต่จะขอเก็บความทรงจำนี้ตลอดไป
“พิกเล็ตรักพี่ช้างนะ”
....The End…
ป.ล.1หนูพิกเล็ตตื่นไม่ทันตอนพี่เสือบอกรักนะจ๊ะ...หุหุ
ขอโทษจ้าที่หายไปนานมากกกกกก ด้วยงานที่รุมเร้าจนหาเวลาแต่งนิยายวายไม่ได้เลย เรื่องหัวใจไม่ร้างรัก ก็ทิ้งค้างไว้ แต่สัญญาว่าจะแต่งให้จบค่ะ ไม่ทิ้งแน่นอน
ส่วนเมารัก มีการแก้ไขปกเล็กน้อย (เพราะอยากได้หมอมะรุมสวยกว่านี้) กำหนดการคาดว่าน่าเป็นช่วงปลายเดือนมีนาคม ถึง ต้นเมษายน ถึงจะวางจำหน่ายได้ (คิวย๊าวยาว)
แปะรูปสักหน่อย เพิ่มความฟิน (ของคนแต่ง) เอิ๊กกกกก
[attachment deleted by admin]