“พี่พูด…อะไร”
เสียงของพชรดนัยแหบปร่า แต่ก็ยังเพราะน่าฟัง ตาสวยมีแววตัดพ้อน้อยใจแต่เจ้าตัวไม่ปล่อยให้เขาเห็นมันได้นานนัก ใบหน้าเรียวขาวยิ่งกว่าน้ำนมเบือนหนีเลือกที่จะใช้วิธีหลบหน้าเหมือนที่เคยทำมา
คนเป็นน้องนิ่งไปนาน มีแค่หัวไหล่เล็กๆ เท่านั้นที่สั่นไหวแม้จะไม่มากนักแต่ก็พอให้สังเกตได้
ความเงียบปรากฏขึ้นอีกครั้ง แม้แต่เสียงเครื่องยนต์ก็หยุดทำงานไปแล้ว เสียงลมหายใจที่ต่างจังหวะสะท้อนถึงอารมณ์ของทั้งคู่ได้ดี คนหนึ่งกำลังหงุดหงิดสุดขีดส่วนอีกคนน้อยใจเต็มกำลัง
กรินทร์กระแทกลมหายใจเสียงดัง ใช้ความพยายามทั้งหมดในการควบคุมอารมณ์ให้แน่วแน่เหมือนที่เคยทำได้ ทว่าคราวนี้มันยากนัก ภาพที่ไอ้เด็กเปรตนั่นใช้นิ้วเกลี่ยบนแก้มใสของน้องชายมันยิ่งกว่าการราดน้ำมันลงบนกองไฟ เส้นโทสะขาดผึงในวินาทีนั้น ลืมความตั้งใจไปสิ้นลืมไปด้วยซ้ำว่าพาใครมาด้วย รู้ตัวอีกทีก็มาอยู่ที่นี่แล้วแต่กระนั้นความขุ่นเคืองก็ยังไม่หายไปไหน พาลโกรธไปหมด ตั้งแต่ไอ้เด็กบ้าคนนั้น หมูสีชมพูตัวเล็กหรือแม้แต่ตัวเขาเอง
“ทำไมให้มันโดนตัว”
นิ้วเรียวปาดอยู่แถวแก้มก่อนจะเบือนหน้ามาเพียงเล็กน้อย เสียงแหบพร่าเอ่ยถาม “อะไร”
“พี่ถามว่าทำไมถึงให้ไอ้นั่นโดนตัว”
“ไม่เกี่ยวอะไรกับพี่ ผมโตแล้ว ผมจะทำอะไรหรือให้ใครทำอะไรก็ได้”
“พิกเล็ต!” ชายหนุ่มตวาดลั่น แต่อีกคนยังนิ่งเฉย “อย่ามายั่วโมโหพี่นะ”
“พี่จะเอายังไงกันแน่! ต่างคนต่างอยู่กันแล้วไม่ใช่หรือไง ผมไม่ยุ่งกับพี่ พี่เองก็ไม่ต้องมายุ่งกับผมเหมือนกัน”
หยาดน้ำใสรินผ่านแก้มขาวซีดอย่างสุดกลั้น พชรดนัยยกมือขึ้นปาดมันลวกๆ แล้วหันหน้าหนี แต่อีกฝ่ายไม่ยอมมือแกร่งดึงหัวไหล่เล็กแล้วบีบมันไว้เต็มแรง
"พี่ก็ไม่อยากยุ่งกับนาย แต่มันทำไม่ได้” กรินทร์เค้นเสียงรอดไรฟัน “มันยากแค่ไหนรู้ไหมกับการตีตัวออกห่างจากนาย”
“รังเกียจผมมากงั้นซิ!” ตาหวานช้อนมอง แก้มกลมใสสั่นระริกคลอด้วยหยาดน้ำตาที่มีแต่ความน้อยใจเสียใจ
ชายหนุ่มกัดฟันกรอด ความอดทนของเขาจวนเจียนจะหมดเต็มที กระชับมือแน่นกว่าเดิม
“รักมากเกินไปต่างหาก นายไม่รู้หรอกว่าพี่รักนายแค่ไหน” ริมฝีปากอิ่มเผยอค้างความแปลกใจแทรกเข้ามาและหยดน้ำตาที่ยังไหลริน
กรินทร์สูดเอาอากาศชื้นในรถไว้ในปอดเฮือกใหญ่ก่อนจะพรูออกมาเหยียดยาว สิ่งที่เก็บกักมานานหลายไปล้นทะลักยิ่งกว่าน้ำเต็มแก้ว ที่สุดเส้นความอดทนที่พยายามรักษาไว้ก็ขาดลง ที่จริงมันขาดผึงตั้งแต่ตอนที่เห็นไอ้บ้านั่นแตะแก้มใสๆ ของน้องน้อยแล้ว
“ที่พี่ตีตัวออกห่างเพราะพี่ไม่อยากเอาเปรียบ พี่ไม่รู้ว่าพิกเล็ตคิดเหมือนกับพี่หรือเปล่า พี่กลัวเรารังเกียจพี่ ที่ผ่านมาพี่ทำตัวเป็นพี่ชายมาโดยตลอด แต่พิกเล็ตไม่รู้หรอกว่าพี่มันจิตใจโสมมแค่ไหนเพราะที่จริงแล้วพี่ไม่เคยคิดว่าพิกเล็ตเป็นแค่น้องชายเลย”
เด็กตัวเล็กช้อนตากลมใสมอง หยดน้ำใสหยุดไหลแล้วแก้วสีน้ำตาลไหวระริกความสงสัยกระจายอยู่ในนั้น
ชายหนุ่มนิ่งเงียบไปชั่วอึดใจ ที่สุดก็ตัดสินใจ
“พี่รักพิกเล็ต แต่ไม่ใช่แบบน้องชายมันเป็นฉันท์ชู้สาว”
“รัก…อย่างนั้นหรือ?”
ริมปากอิ่มสีสดเอ่ยถามและค้างอยู่อย่างนั้นด้วยความฉงนและไม่แน่ใจในสิ่งที่ได้ยิน
“พี่กลัวพิกเล็ตจะคิดว่าพี่เป็นพวกลักเพศ วิปริตแต่พี่ห้ามความรู้สึกของตัวเองไม่ได้ ขณะเดียวกันพี่ก็ยังอยากเป็นพี่ชายของพิกเล็ตอยู่ ไม่อยากให้น้องรังเกียจ พี่เลยต้องออกห่างจากน้อง”
“ใจร้าย!” น้องน้อยบริภาษเสียงดัง น้ำตาเม็ดใหญ่ไหลอีกรอบแต่คราวนี้มาพร้อมกับกำปั้นที่ทุบลงบนอก “หนูเคยรังเกียจพี่เหรอ หนูเคยทำอย่างนั้นเหรอ”
“ก็พี่มันน่ารังเกียจ ถ้าน้องเป็นผู้หญิงมันคงไม่แปลก แต่น้องเป็น..ผู้ชาย”
“ผู้ชายแล้วไง! พ่อเสือกับพ่อมะรุม อาออยกับอาคีย์ยังรักกันได้เลย ฮึก ไอ้พี่ช้างใจร้าย”
มือใหญ่รั้งหัวไหล่เล็กเข้ามาซุกซบกับอก แรงทุบเมื่อครู่มันเจ็บนิดหน่อยเจ้าหมูสีชมพูตัวน้อยมีแรงเท่ามดตะนอย กรินทร์ถอนหายใจอีกรอบ ความกรุ่นโกรธทุเลาเบาบางลงแต่เขายังไม่แน่ใจนักว่าพชรดนัยจะรับหรือไม่เรื่องความรักที่เขามีให้เจ้าตัว
ตั้งแต่ย่างเข้าสู่วัยรุ่น เขาเริ่มรู้ตัวแล้วว่าคิดเกินเลยกับเจ้าเด็กตัวเล็กที่วิ่งตามไปเขาไปทุกที่ เคยคิดว่าคงเป็นความสนิทมากเกินไป แต่ความรู้สึกเช่นนี้มันไม่เคยเกิดขึ้นกับเพื่อนคนไหนแม้แต่เพื่อนที่แก้แพ้เล่นน้ำด้วยกัน มันเป็นแค่พิกเล็ตคนเดียวเท่านั้น แต่เขาก็ขี้ขลาดไม่กล้าเปิดเผยความรู้สึกของตัวเองให้เจ้าตัวรู้เพราะกลัวว่าน้องจะรังเกียจพี่ชายคนนี้ แต่เรื่องของหัวใจมันยากที่จะหักห้าม แม้เขาจะใช้ผู้หญิงมาบดบังความรู้สึกมันก็ได้เพียงชั่วครั้งชั่วคราว ไม่ว่าจะคนไหนๆ ก็ไม่มีใครน่ารักเท่ากับหมูสีชมตัวนี้เลย ทุกครั้งที่เขาขึ้นเตียงกับพวกหล่อนภาพใบหน้า ผิวกายขาวราวกับราดด้วยน้ำและเรือนกายบอบบางของน้องน้อยจะเข้ามาแทรกเสมอ อันที่จริงเขาเสร็จสมได้เองโดยแค่ใช้จินตนาการเป็นพิกเล็ตด้วยซ้ำ
วิธีที่ดีที่สุดคือการตีตัวออกห่างเพราะคิดว่ามันอาจจะเป็นผลดีทั้งกับตัวเขาและพิกเล็ตเอง แต่เขาคิดผิดยิ่งห่างกันเท่าไรหัวใจเขายิ่งทุรนทุราย ไม่ว่าจะผู้หญิงคนไหนก็ไม่มีใครทำให้เขาลืมตากลมใสคู่นี้ได้เลย ตอนที่ได้เห็นภาพอันแสนเย้ายวนในไอแพดนั่นเขาแทบคลั่งตาย ทั้งหึงทั้งหวงหน้ามืดไปหมดและจบท้ายด้วยการปลดปล่อยกับมือตัวเองเกือบสามครั้ง น้องน้อยที่เขาแอบหวงแหนแสนงดงามนัก เรือนร่างบอบบางแต่ไม่ได้ผอมเกร็งมีสัดส่วนน่ามอง เปิดเผยต่อหน้าผู้คนมากมาย นึกโกรธแม่มะนาวที่เอาน้องไปอวดให้คนอื่นมอง
วันที่พิกเล็ตนั่งรถเมล์เลยป้ายเขาเฝ้าด่าตัวเองเป็นร้อยๆ รอบ แค่คิดจะผลักน้องไปให้ไกลเพราะกลัวตบะจะแตกแต่ดันลืมคิดไปว่าน้องเป็นเด็กต่างจังหวัดแม้จะมากรุงเทพฯ บ่อยๆ แต่ทุกครั้งที่เดินทางจะมีน้ามะรุมหรือคนอื่นคอยขับรถไปส่ง โชคดีที่น้องไม่เป็นอะไรไม่อย่างนั้นเขาจะไม่มีวันยอมให้อภัยตัวเองแน่
จนวันนี้เขาถึงได้รู้ว่าอย่างแน่ชัดว่า เขาเลือกทางผิด เขาไม่มีทางหนีจากพิกเล็ตได้เลย
“พี่น่ารังเกียจใช่ไหม”
หัวใจเขาระทึกหนักรอลุ้นคำตอบด้วยความหวัง เพราะสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่จากปากของน้องมันชวนให้คิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้
น้องตัวเล็กยังนิ่งอยู่ในอ้อมแขน หัวใจเต้นตุบอยู่แถวสีข้าง เขาสูดเอากลิ่นผลไม้จากเรือนผมสีน้ำตาลพร้อมกับกลิ่นหอมเฉพาะตัวไว้ในปอดค่อนข้างแน่ใจว่าเจ้าตัวเล็กนี่ไม่ได้พึ่งน้ำหอมที่ไหน นานจนหัวใจเต้นเป็นจังหวะปกติน้องน้อยถึงได้ยอมเงยหน้าจากแผงอก
“หนูไม่เคยเกลียดพี่ช้างเลย ถึงพี่ช้างจะใจร้ายกับหนู”
“พี่ขอโทษ” ชายหนุ่มบอก ยกมือประคองแก้มนุ่มใสที่หมายจะได้เชยชมมาตลอด
“รักทำไมไม่บอกกัน”
“พี่ไม่กล้า พี่กลัว…”
ปลายนิ้วนุ่มกดทับลงบนกลีบปาก พิกเล็ตขยับกายขึ้นอีกนิดกลายเป็นว่าขึ้นมานั่งบนตักเต็มที่ สะโพกกลมทับบนหน้าขาเบียดกับบางสิ่งที่ตื่นตัวอย่างไม่รู้จักเวล่ำเวลา
ก็บอกแล้วว่าเข้าใกล้ทีไรมีอันต้องตบะแตกทุกที “ไม่เห็นน่ากลัวเลย ดูหนูนะ” หมูสีชมพูเผยอริมฝีปากอิ่มยื่นหน้าเข้ามาชิดเกือบติดใบหู “หนูรักพี่ช้าง รักมากกว่าพี่ชายมาตั้งแต่ ป.หนึ่งแล้ว”
“ป. หนึ่ง?”
“ใช่” ศีรษะกลมสวยผงกรับ “พี่ช้างคือรักแรกของหนู”
กรินทร์คลี่ยิ้มกว้าง โล่งใจยิ่งกว่ายกภูเขาออกจากอกรู้สึกว่าตัวเองโง่ยิ่งกว่าลาทุกตัวในโลกรวมกัน แต่ก็ดีใจเหลือประมาณ น้องรักเขาแถมรู้ใจตัวเองก่อนเขาเสียอีก เขาใช้ความอดทนที่จะเก็บความรู้สึกเอาไว้แต่น้องต้องลำบากมากกว่า ทั้งที่มีหัวใจตรงกันแท้ๆ แต่เลือกที่จะเก็บงำเอาไว้ เขามันโง่สิ้นดีที่มองไม่เห็นดวงตาที่สะท้อนความรู้สึกเดียวกัน หรืออาจเป็นเพราะ…
ไอ้แว่นอันใหญ่นั่นที่บดบังเอาไว้ “พิกเล็ตก็คือรักแรกของพี่เหมือนกัน”
“ไอ้พี่ช้างบ้า!”
เขาหัวเราะเบาๆ กับคำต่อว่าต่อขานที่แสนน่ารัก ก่อนจะประทับจูบลงบนริมฝีปากสีสวยเย้ายวนตรงหน้า จูบแรกระหว่างพวกเขามันหวานนัก ชายหนุ่มกดคลึงความนุ่มหยุ่นเหมือนเยลลี่นั้นแผ่วเบาๆ แล้วเพิ่มน้ำหนักทีละน้อย เลาะเล็มลิ้มชิมรสหวานจากกลีบปากอิ่มเหมือนกินของโปรด
กรินทร์ขบดึงปากนุ่มด้วยความมันเขี้ยว ปลายจมูกโด่งกดลงบนแก้มขาวพอดี มือใหญ่สอดรัดเอวบางเข้าประชิดลำตัวมากกว่าเดิม หมูสีชมพูแสนน่ารักวาดขาคร่อมหน้าตักเบียดหน้าขาเสียดสีกับเขาอย่างเร่าร้อน พิกเล็ตตัวหอมเหลือเกินเพราะเส้นความอดทนมันขาดไปแล้ว และยิ่งได้รับการตอบรับด้วยยิ่งทำให้ได้ใจ เขาจะทำตามใจตัวเองเป็นครั้งแรก
พี่ชายตัวใหญ่สอดลิ้นเข้าไปกวาดไล้ไล่ต้อนอีกลิ้นที่ด้อยประสบการณ์ดูดดึงเป็นบางจังหวะ สอนให้น้องตอบโต้ พิกเล็ตหัวดีจำได้อย่างง่ายดายและทำให้เขาครางเบาๆ ในคอด้วยความพอใจได้ด้วย เขาตระคองกอดเอวเล็กแน่นกว่าเดิม พอได้กอดเต็มที่ถึงได้รู้ว่าน้องตัวเล็กเหลือเกิน เลือดในกายเดือดพล่านเพราะผิวใต้ผ้ามันนุ่มลื่น มือใหญ่สอดหายเข้าไปในชายเสื้อเพื่อสัมผัสผิวกายอย่างแท้จริง
“อื้อ”
พิกเล็ตครางเสียงหวานเมื่อปลายนิ้วไล้บนผิวนุ่มเรียบเนียนยิ่งกว่าผ้าแพรผืนไหนๆ เขาไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดเขาจึงไม่อาจใช้ผู้หญิงคนไหนทดแทนน้องน้อยได้ เพราะพิกเล็ตสูงค่าและงดงามมากกว่ายิ่งนักทั้งหน้าตาที่น่ารักยิ่งกว่าผู้หญิง รูปร่างบอบบางน่ากอด และผิวสวยชนิดที่ผู้หญิงยังต้องอาย ที่สำคัญเขารักน้องคนนี้ที่สุด นึกดีใจที่น้องไม่ได้รักคนอื่น และไม่มีใครได้เชยชมความงามนี้ด้วยมืออย่างเขา ส่วนพวกที่แทะโลมน้องของเขาผ่านทางนิตยสารถือเสียว่าเป็นการทำทานไปเพราะมันจะมีแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
“พะ..พี่ช้าง อื้อ พอก่อน”
เปลือกตาบางปรือขึ้น นัยน์ตาวาวหวานฉ่ำด้วยอารมณ์พิศวาสไม่ต่างกับเขา มือขาวนุ่มจับข้อมือเขาไว้ระหว่างที่มันกำลังคลึงอยู่บนแผ่นอกบาง
“ทำไมล่ะ หืม?” เขาถามเสียงพร่า ความต้องการพุ่งพรวดรวดเร็ว
“มะ…แม่โทรมา”
“หืม?” กรินทร์เลิกคิ้วพลางเงยหน้าจากซอกคอนุ่มหอมกรุ่น
ไอ้เจ้าเครื่องมือทำลายความสุขสั่นครืดคราดอยู่ในกระเป๋ากางเกงของพิกเล็ต ชายหนุ่มจิ๊ปากอย่างอดไม่ได้แต่ก็ยอมลามือจากอกนุ่ม ทว่ายังไม่วายแทะเล็มผิวขาวที่ลำคอเพื่อระงับความหงุดหงิดจากกการโดนรบกวน พิกเล็ตบิดหัวไหล่หนีไปมาระหว่างที่สนทนากับแม่มะนาวจอมก่อกวน
“พี่จ๋าพอก่อน” น้องปรามเสียงหวาน พยายามงัดหน้าออกจากคอ “แม่บอกว่าถ้าพี่ไม่พาหนูกลับบ้านก่อนหกโมงแม่จะพาหนูไปถ่ายแบบอีก”
“ไม่เอานะ!” พี่ช้างตบะแตกตวาดลั่น แค่ครั้งเดียวก็จะบ้าแล้วถ้ามีครั้งที่สองเขาต้องตายแน่ๆ
ก็น้องของเขาน่ารักน่ากินเสียขนาดนี้ ริมฝีปากจิ้มลิ้มยื่นมาชิดติดแก้มพรมจูบเบาๆ บนแก้มอย่างเอาใจ
“ยังมีเวลาอีกเยอะ ไว้ค่อยทำต่อเนอะ”
เจอลูกอ้อนเข้าไปใครจะไปทนไหว กรินทร์ยอมปล่อยร่างน้อยลงจากตักแม้กลางลำตัวจะปวดหนึบอยู่ก็ตาม เอาเถอะ อย่างที่พิกเล็ตว่ายังมีเวลาอีกเยอะแต่ถ้าระเบิดจากคุณนายมะนาวลงเมื่อไรชีวิตเขาได้สั้นลงแน่ๆ…
...............................
ก๊ากกกก จบมันแบบห้วนๆ อย่างนี้แหล่ะ
คิดอยู่นานว่าจะให้พิกเล็ตกับช้างออกมาเป็นรูปแบบไหนดี
คิดได้เท่านี้เองอ่า
อย่าด่าอย่า่โกรธอย่าว่าที่หายไปนาน
ไปเร่งแต่งเรื่องพิเศษอยู่จ้า
ส่วนเรื่อง "เมารัก" นี้ กำลังอยู่ในช่วงทำปก ซึ่งคนวาดติดคิวย๊าวยาวรอกันอีกนิดนะจ๊ะ
เสร็จเมื่อไรเอามาอวดแน่นอน
ระหว่างนี้ก็อ่านน้องพิกเล็ตตอนโตรอไปก่อนเนอะ
ป.ล. ถ้าขยันจะแต่งอีกนะจ๊ะ ในวงเล็บ (ถ้า) (ช่วงนี้หลงเด็กแฝดคู่นี้มากค่ะ น่าร๊ากกกกก)
[attachment deleted by admin]