- - OMG! หมดกัน..มันเอาผมเป็นเมีย - - ตอนที่40 (END) P.54 >Up.15/04/14<
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: - - OMG! หมดกัน..มันเอาผมเป็นเมีย - - ตอนที่40 (END) P.54 >Up.15/04/14<  (อ่าน 629333 ครั้ง)

ออฟไลน์ SAFERNSAZAAAAA

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
นะ นะ นะนี่มันนนน...... :a5:



ติดตามๆคะ  :m1:

tuktik_narak

  • บุคคลทั่วไป

ต่อจากเดิม....


“นะ....นี่....มัน.....”

“สวัสดีค่ะ พี่เหนือ” เสียงหวานใสดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของเจ้าของเสียงซึ่งผมแน่ใจว่าไม่เคยรู้จักมาก่อน แต่เมื่อผมมองเลยไปด้านหลังของเจ้าของร่างบอบบางก็เห็นบุคคลอีกสองคนยืนยิ้มส่งมาให้ผมทั้งใบหน้าและดวงตา

ผมอ้าปากยืนค้างพูดอะไรไม่ออก โอเค ณ จุดนี้ผมบอกเลยว่าไม่เคยเห็นคนทั้งสามแต่ผมก็พอจะรู้ว่าพวกเขานั้นเป็นใครและมีความสำคัญยังไง แค่นึกถึงผมก็จวนเจียนจะร้องไห้อีกรอบ จนเมื่อมีเสียงที่ผมคุ้นเคยพูดขึ้นแทรกผมจึงได้แต่กลั้นน้ำตาเอาไว้

“เหนือ มึงพร้อมจะรู้จักกับครอบครัวกูหรือยัง”

“ฮึกๆ” ผมสะอื้นเบะปากอย่างไม่กลัวว่าจะโดนหาว่าเป็นตุ๊ด ผมพยักหน้ารัวๆก่อนจะโถมเข้าใส่พี่มันจนตัวเซ

“ขอโทษนะพี่เขียน เหนือขอโทษ” ผมแทนตัวเองด้วยชื่อแทนคำว่ากูอย่างที่เคยพูดประจำ วันนี้มันเป็นวันสำคัญแถมยังมีคนสำคัญยืนมองอยู่อีกตั้งสามคนเพราะฉะนั้นคำหยาบคายก็ไม่ควรหลุดออกมา แค่ผิดนัดก็พลาดพอแล้วครับ

พี่เขียนไม่ตอบแต่ก็ส่งยิ้มอบอุ่นมาให้ นิ้วโป้งใหญ่ปาดน้ำตาออกจากใบหน้าของผมอย่างเบามือทำเหมือนว่ากลัวผิวหนังผมจะหลุดติดเล็บมันไป แต่ยังไงซะผมก็รู้สึกดีชะมัด

“ทำไมร้องไห้จนตาแดงขนาดนั้น ลูกชายแม่แกล้งเราใช่ไหม” ผมผลักอกพี่เขียนออกก่อนจะหันหน้ากลับมามองคนพูด ผมก้มหน้าบีบมือตัวเองอย่างตื่นเต้นแอบชำเลืองไปมองพี่เขียนที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังก่อนจะหันกลับมาพยักหน้าและส่ายหน้ารัวทำเอาคนอื่นๆพากันหัวเราะ

“ตกลงมันแกล้งหรือไม่ได้แกล้งกันแน่” คราวนี้เป็นผู้ชายอีกคนพูดขึ้น ผมสะดุ้งตัวน้อยๆเงยหน้าขึ้นมอง พอมองดีๆก็พบว่าหน้าเหมือนพี่เขียนอย่างกับแกะ แต่ดูเหมือนว่าพี่เขียนมันจะเงียบกว่า สุขุมกว่า เพราะคนที่กำลังยืนมองผมตอนนี้ท่านดูใจดีและอารมณ์ดีมากกว่าพี่เขียนหลายเท่านัก

“......................” ผมเงียบและทำเหมือนเดิมคือชำเลืองมองพี่เขียนที่ยังซ้อนตัวผมอยู่ด้านหลังแล้วค่อยหันกลับมาและพยักหน้าขึ้นลง

ยังไม่ทันจะได้ส่ายหน้าและพูดอะไร ตัวผมก็ถูกกอดเอวและดึงตัวเข้าไปใกล้เจ้าของหัวใจของผมด้วยแรงที่มากอยู่แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผมเจ็บนะครับเพราะตอนนี้ผมอายมากกว่า

“พ่อ ผมไม่ได้แกล้ง” พี่เขียนกดเสียงหนักๆ จนคนทั้งสามหัวเราะขึ้นพร้อมๆกัน

“ทำไมแฟนเราถึงขี้อายนัก เป็นผู้ชายหรือเป็นตุ๊ด” พ่อพี่เขียนถามขึ้นทำเอาผมพูดไม่ออกหนักกว่าเดิม น้องผู้หญิงถึงกับปิดปากเพื่อหัวเราะขำอะไรกันแล้วอีกอย่างทำไมทุกคนถึงดูไม่ตกใจอะไรเลยที่พี่เขียนมีแฟนเป็นผู้ชายแถมยังพูดแซวได้หน้าตาเฉยอีกต่างหาก

กำลังคิดอะไรเพลินๆก็สะดุ้งเมื่อเอวของผมถูกลูบด้วยมือพี่เขียนทำเอาจนผมเผลอหน้าแดงขึ้นมา ไอ้ห่าต่อหน้าพ่อแม่ก็ยังหื่น

“แล้วมันต่างกันยังไง จะผู้ชายหรือตุ๊ดมันก็เป็นคนที่ผมรัก” ผมเผลอกัดปากไม่อยากยิ้มมากเดี๋ยวมันจะดูไม่ดี นี่ไม่ได้ดีใจนะเนี่ยแค่เขินอายไปตามอารมณ์เท่านั้น

“โฮะๆๆ เดี๋ยวนี้หัดพูดจาแบบนี้ก็เป็นหรือคะ ขิมนึกว่าหัวใจตายด้านพูดอะไรซึ้งๆไม่เป็นซะแล้วในชาตินี้” พอน้องพูดจบก็สร้างเสียงหัวเราะของทุกคนรวมทั้งผมด้วย เว้นแต่คนที่ลูบเอวผมไปมานี่แหละที่ได้แต่ส่งเสียงคำรามออกมาทางรูจมูก

“จิ๊” พี่มันแอบส่งเสียงจิ๊จ๊ะไม่พอใจครับ ผมยิ้มน้อยๆเมื่อเห็นทุกคนตรงหน้าหัวเราะและมอบรอยยิ้มให้ผมกับพี่เขียน ผมคิดว่าเรื่องมันจะแย่กว่านี้ซะอีกแต่ไม่เลยพ่อแม่พี่เขียนรวมถึงน้องขิมพวกเขาทุกคนรับได้ ซึ่งมันทำให้ผมดีใจและเสียใจที่วันนี้ผมเกือบจะพลาดนัดสำคัญไป

“เหนือ มาหาแม่มา” คุณแม่พี่เขียนท่านกวักมือเรียกให้ผมเดินเข้าไปหา ผมหันหลังไปมองคนที่ยืนซ้อนด้านหลังก็เห็นพี่เขียนพยักหน้ามาให้ ผมยอมรับว่าตื่นเต้นและแอบกังวลนิดหน่อยแต่ในเมื่อเขาเป็นแม่ของคนที่ผมรักผมก็ไม่เห็นจะต้องกลัวอะไร

พี่เขียนปล่อยมือที่ลูบเอวผมอยู่นานออก แถมยังแอบดันตัวผมไปข้างหน้าเป็นการบ่งบอกว่าให้ผมเดินไปตามคำเรียก

“ครับ” พอผมเดินเข้าไปหา ท่านก็ดึงตัวผมเข้าไปกอดจนผมตกใจแต่สัมผัสที่ได้รับมันอบอุ่นเหมือนกับของแม่แท้ๆของผมก็เริ่มทำให้ผมผ่อนคลายตัวเองลงได้ ผมค่อยๆคลายความเกร็งจนสุดท้ายผมก็ยกมือขึ้นกอดท่านตอบเช่นเดียวกัน

“ขอบคุณนะที่รักลูกชายแม่” ท่านพูดให้ผมฟังก่อนจะดันตัวผมออกจากอ้อมกอด สองมือที่เลี้ยงพี่เขียนมาลูบแขนและใบหน้าของผมด้วยสัมผัสที่อบอุ่นเหมือนอ้อมกอด

“ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ ผมซะอีกที่ต้องขอบคุณที่อนุญาตให้ผมได้รักพี่เขียน” ผมพูดจากใจจริงๆ ขอบคุณนะครับคุณแม่ที่คลอดพี่เขียนมาเพื่อให้เราได้รักกัน

“ความสุขของลูกคือความสุขของแม่ ในเมื่อเหนือเป็นคนที่เขียนรักพวกเราก็รักเหนือเหมือนคนในครอบครัวเช่นเดียวกัน”

“ครอบครัวเราไม่ได้สืบเชื้อจีน ไม่ได้หวังจะให้ลูกชายคนโตมีผู้สืบสกุลอะไรหรอก” คุณพ่อพี่เขียนพูดเสริมขึ้นมาอีกหนึ่งประโยค ท่านยืนล้วงกระเป๋านิ่งๆแต่มีรอยยิ้มและใบหน้าที่ดูใจดีมากๆ

“ใช่ค่ะ ขิมก็รักพี่เหนือเหมือนพี่สาวเลยนะเพราะพี่เหนือทำให้พี่เขียนของขิมมีความสุข” ผมเกือบจะยิ้มรับกับคำพูดนี้แต่มันติดตรงที่บอกว่ารักผมเหมือนพี่สาวนี่แหละ

“อะ...เอ่อ น้องขิมครับพี่ไม่ใช่ผู้หญิงจะรักแบบพี่สาวได้ไง” ผมหันไปพูดกับน้องขิมด้วยยิ้มแห้งๆและหน้าเจื่อนๆ ก็ในเมื่อทุกคนพากันหัวเราะกับสิ่งที่น้องขิมพูดกันหมดเลยนี่ครับ

“อ้าวก็มาเป็นพี่สะใภ้ก็ต้องเป็นพี่สาวสิคะ อิอิ” น้องขิมยังจะแอบยิ้มทะเล้นอีกแหนะ

“น้องขิมอ่ะ” ผมได้แต่ทำปากจู่ท่ามกลางเสียงหัวเราะของทุกคนที่ดูจะชอบเหลือเกินกับคำที่บ่งบอกว่าผมเป็นรองให้พี่เขียนเนี่ย ฮึ่ยๆๆ ไม่พอใจแต่ทำอะไรไม่ได้ครับเพราะแม่พี่เขียนยังจับตัวผมไว้อยู่ เพราะฉะนั้นผมก็ได้แต่ทำหน้าน้อยอกน้อยใจต่อไป

.

.

“เดินทางกลับดีๆนะครับ” ผมกับพี่เขียนเดินมาส่งคุณพ่อคุณแม่และน้องขิมที่หน้าประตูห้อง หลังจากที่อยู่ทานข้าวเย็นกันและนั่งฟังวีรกรรมของพี่เขียนเมื่อสมัยเด็กจากคุณพ่อและคุณแม่อย่างอิ่มหนำสำราญ

“จ้า เอาไว้ว่างๆให้เขียนพาไปทานข้าวกับแม่ที่บ้านนะ”

“ได้ครับ” ผมยิ้มรับอย่างดีใจ ผมอยากไปบ้านพี่เขียนมากๆๆๆๆ

“ถ้าผมว่างอ่ะนะ” มาแล้วครับคนที่หน้าบึ้งที่สุดในงานวันนี้ ก็นะเขาโดนเผาซะเกรียมเลยนี่นาไม่แปลกที่หน้าตาจะบูดเป็นตูดลิง

“พี่เขียน พูดจาไม่เพราะ” ผมหันไปว่าอย่างลืมตัว แต่พอนึกขึ้นได้ก็ยั้งปากไม่ทันแล้วอ่ะครับ

“หึหึ ไอ้เขียนมันเจอของจริงแล้วมั้งเนี่ย” คุณพ่อพี่เขียนเอ่ยแซวครับ จะบอกให้ครับว่าคุณพ่อเนี่ยวัยรุ่นมากๆ รู้จักด้วยนะครับคู่จิ้น หรือชายรักชายอะไรแบบนี้ ก็บ้านพี่เขียนเขามาในทางศิลปะ ออกแบบอะไรพวกนี้มาตั้งแต่ต้นตระกูลแล้วนี่ครับเพราะฉะนั้นอะไรที่ไม่ต้องใช้เหตุผลใช้แค่ความรู้สึกตัดสินใจบ้านนี้เขาก็เลยยอมรับได้ดีแถมรับได้ไม่มีขัดอีกต่างหาก

“ดึกแล้วรีบกลับดีกว่าผมว่า” นี่ก็ไล่จังสงสัยอายที่โดนแซว

“เออ ไล่จริง พ่อกลับละ” คุณพ่อยิ้มให้ก่อนเดินนำไปเป็นคนแรก

“แม่กลับก่อนนะลูกเหนือ อ้อ! เขียนอย่าลืมพาน้องไปหาแม่ที่บ้านนะ”

“ใช่ๆอย่าลืมพาพี่เหนือไปนะขิมกลับแล้วค่ะ บาย” หลังจากนั้นทั้งสองคนก็เดินตามคุณพ่อไป

“บ๊ายบาย” ผมโบกมือให้ตามหลัง ก่อนจะถูกใครบางคนกระชากตัวให้กลับเข้ามาในห้องนอนอย่างแรง

   ตึง!!

“โอ๊ย! เฮ้ยๆๆ เบาๆเจ็บนะ” ผมร้องโวยวายในเมื่อพี่เขียนมันจับผมเหวี่ยงลงเต็มเตียงและเต็มแรง

“มีความสุขไหม” พี่มันถามหลังจากลงมาทับตัวผมโดยใช้ข้อศอกค้ำร่างไว้กับที่นอน อีกมือก็ปัดปอยผมชื้นเหงื่อที่ปิดหน้าผากของผมให้พ้นไป

“มากๆ มีความสุขมากๆ พี่เขียนเหนือรักพี่มากๆนะ” ผมพูดเต็มปากได้อย่างไม่อายใคร วันนี้เป็นวันที่ผมมีความสุขที่สุด

“กูก็รักมึงไอ้ขี้แย ทีหลังอย่าผิดนัดอีกรู้ไหม เสียใจไหมตอนที่กูไม่คุยด้วย” พี่มันถามด้วยแววตาเจือคำขอโทษ ผมรู้ว่าพี่มันไม่ได้อยากจะทำให้ผมร้องไห้

“เสียใจเหมือนหัวใจจะขาด” ผมแกล้งทำหน้าเจ็บปวดเหมือนเมื่อตอนบ่าย

ตอนแรกที่นัดกันมันตั้งใจจะพาผมกลับมาที่คอนแล้วเซอร์ไพรส์เจอครอบครัวตัวเองอะไรอย่างนี้แต่ผิดแผนผมดันตื่นสายไม่ไปตามนัดซะงั้น พี่มันก็เลยต้องทำเป็นโมโหเพราะพี่เขียนมันรู้ว่าถ้าตัวมันโกรธยังไงผมก็ต้องตามมาที่คอนโด แต่สิ่งหนึ่งที่พี่มันไม่คาดคิดคือผมจะไปนั่งรอที่หน้าโรงหนังยันหนังจบเวลามันก็เลยช้ากว่าปกติเพราะพี่มันไม่ยอมโทรมาไงต้องรอให้ผมโทรไปเอง

“ก็จำไว้จะได้เข็ดไม่กล้าผิดนัดอีก” พี่มันพูดจบก็ก้มลงมาจูบหน้าผาก ผมชอบมากๆเวลาพี่เขียนจูบหน้าผากผม มันดูแบบว่าละมุน อบอุ่นผมชอบมากๆ

“ไม่ทำแล้ว” ผมอ้อน

“หึหึ วันนี้นอนนี่นะ”

“ไม่เอา อยู่นี่ก็ไม่ได้นอนอยู่ดี พรุ่งนี้มีนัดส่งงานแต่เช้า” ผมพูดไปก็หน้าแดงไปเออเฮ้ย สงสัยผมจะตุ๊ดอย่างที่พ่อพี่เขียนบอกจริงๆ รู้สึกว่าตัวเองนี่หญิงขึ้นทุกวันๆ

“คืนนี้จะคอนโดหรือบ้านมึง ยังไงมึงก็ไม่ได้นอน” พูดไปทำหน้าหื่นไปความสามารถมาก

“กูมีส่งงานเช้านะ” ผมยังปฏิเสธ

“เดี๋ยวกูปลุกตอนเช้ายังไงก็ส่งทันน่า” คราวนี้ไม่พูดเปล่ามีแอบสอดมือเข้าเสื้อลูบหน้าท้องไม่พอสะกิดหัวนมด้วยไง

“พี่เขียนไม่เอานะ” ผมยังต่อต้านสุดพลังเกิด

“เหนือ....” มันเรียกชื่อผมแต่ไม่พูดต่อ

“อะไร....” ผมถามน้ำเสียงเริ่มสั่น

“เหนือ......” เรียกแล้วไม่พูด แถมมือยังหยุดลูบไล้วางไว้นิ่งๆบนหน้าอกของผมอีกต่างหาก

“ว่าไง....”

“เหนือ....ในเมื่อมึงร้องห้ามแล้วมึงจะเอาขามาสีน้องชายกูให้ตื่นทำไม”

ตายห่า...!! ขาผมไปโดยไม่รู้ตัวจริงๆครับ



TBC_____________





สวัสดีค่ะแนนกลับมาแล้ว ขอโทษที่หายไปตลอด 1 เดือนเต็มๆ
ช่วงที่หายไปแนนติดภารกิจระดับชาติ คือการสอบภาคนิพนธ์นั่นเอง
บางทีงานเข้าโดยไม่รู้ตัวทำให้มาอัพไม่ได้ตามสัญญา
แต่ตอนนี้แนนก็สอบผ่านเรียบร้อยแล้วนะคะ อาจจะกลับมาอัพให้ได้เรื่อยๆแล้วล่ะ
งานยังมีบ้างเพราะรายงานบางอันก็ยังไม่เสร็จแต่ก็ถือว่ามีเวลาว่างมากกว่าเดือนที่แล้ว
ยังไงก็อย่าเพิ่งทิ้งกันน้อ ขอโทษอีกรอบจริงๆค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-03-2014 02:58:59 โดย tuktik_narak »

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
 :haun4: เหนือมันแอ๊บหื่นนะ หึหึ

ออฟไลน์ Nano PL

  • ขอร้อง
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 869
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-7
เหนือเอ้ยยยย 555555555

ออฟไลน์ sukaz

  • I Will Love You Unconditionally
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
จัดไปอย่าให้เสีย เฮียจัดไปหลายๆดอก

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2

@Lucifer_Prince@

  • บุคคลทั่วไป
ครอบครัวสุขสันต์  อยู่กันสองคนก็เป็นครอบครัวได้  แต่ครอบครัวนี้ท่าจะชอบเซ็กส์กันมากเลยเนอะ คิคิ

tuktik_narak

  • บุคคลทั่วไป



ตอนที่ 36
ริว พาร์ท

   วันนี้อากาศดีมากครับ ท้องฟ้าปลอดโปร่งลมพัดเย็นสบายแสงแดดก็ไม่แรงมากด้วยนะครับซึ่งมันอาจจะดูผิดปกติไปจากอากาศเมืองไทยซะหน่อยแต่ก็ดีแล้วครับอย่าร้อนไปกว่านี้เลย

   วันนี้ผมมายื่นเสนอหัวข้อโปรเจคจบให้กับอาจารย์ที่ปรึกษา ผลสรุปว่างานผมผ่านโดยทำการแก้ไปแค่สามครั้งเท่านั้น ยะฮู้ ตอนนี้ผมอยากจะบินได้ส่วนไอ้เขียนงานมันผ่านตั้งแต่อาทิตย์ก่อนแล้วครับเพราะมันขยันไงรีบทำก่อนใครเพื่อนแล้วก็ผ่านก่อนใครเพื่อนเช่นเดียวกัน ตอนนี้ผมก็ต้องเหลือทำรูปเล่มโปรเจค ผมเลือกทำศิลปะโรมัน ผมชอบนะมันสวยดี ผมชอบวาดภาพที่เกี่ยวกับสงคราม หลายคนบอกว่าผมสื่ออารมณ์เกี่ยวกับกลิ่นคราวเลือดได้ค่อนข้างดี ผมเลยเลือกเรื่องนี้มาทำ

   “ไง ทำไมนั่งคนเดียว ไอ้เชกับไอ้ปานอ่ะ” ผมถามสุดหล่อที่นั่งบีบสีจากหลอดลงหลุมในจานสีที่ยังว่างอยู่อย่างตั้งใจ ไอ้เขียนมันหันมามองนิดหน่อยก่อนจะตอบ

   “ไม่รู้ กินข้าวมั้งเห็นบ่นหิว”

   “จะว่าไปกูก็หิวนะเนี่ย มึงกินยัง” ผมถามพร้อมกับหยิบสมุดสเก็ตภาพคู่ใจขึ้นมากางบนโต๊ะตรงข้ามไอ้เขียน ดินสอกดขนาดไส้ 0.35 ถูกหยิบขึ้นมาจากกระเป๋าเสื้อเช่นนักศึกษาเดียวกัน

   “รอไอ้เหนือมา”

   “แหมะ ทำไมเดี๋ยวนี้เด็กมึงเขามาหามึงที่คณะบ่อยจังวะ” ผมแซว จริงๆก็พอรู้เหตุผลนะครับแต่แค่อยากแหย่มันเล่นเฉยๆ

   “หึ ถามมาก” มันยิ้มมุมปากแล้วก็ต่อว่าผมกลับมาคำนึง

   “จะว่าไปก็ใจหายเนอะ จะจบแล้วใจมันหวิวๆ” ผมพูดขึ้นเปลี่ยนจากเรื่องขำขันมาดราม่าซะงั้น

   “อืม แต่ยังไงมันก็ต้องมีจากลา” ไอ้เขียนมันพูดโดยที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง มือของมันจับปลายพู่กันอย่างชำนาญ ทุกเส้นที่มันเขียนทุกพื้นที่ที่มันละเลงสีลงไปจะเกิดผลงานที่สุดยอดขึ้นมาอย่างน่าเหลือเชื่อ

   อาจารย์อาวุโสท่านหนึ่งเคยกล่าวไว้ว่า บนโลกใบนี้มีไม่กี่คนหรอกที่จะเป็นอัจฉริยะซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีไอ้เขียนรวมอยู่ด้วย ไอ้เขียนมันเกิดมาพร้อมพรสวรรค์ด้านการวาดรูป มันเป็นคนพูดน้อยบางครั้งก็ดูเป็นคนเข้าถึงยาก แต่มันเป็นคนสื่อสารทางด้านภาพวาดได้ดีมาก เราสามารถรับรู้อารมณ์ของมันได้จากสมุดสเก็ตเล่มเล็กของมันได้ คนอื่นๆอาจจะเขียนเป็นไดอารี่ ไอ้เขียนมันก็วาดเป็นไดอารี่แทนครับ

   “ก็จริงอย่างที่มึงพูด” ผมพยักหน้าเห็นด้วย เกิดมาบนโลกสุดท้ายก็ต้องจากลา ไม่ว่าจะจากเป็นหรือว่าจากตาย

   “ที่มึงนั่งเครียดเพราะมึงกลัวว่าจะได้เจอวิสกี้น้อยลงใช่ไหม” จู่ๆมันก็ถามขึ้นซึ่งกระตุกต่อมหัวใจผมอย่างจัง

   “แฮะๆ มึงรู้ได้ไงวะ” จริงอย่างมันพูดนั่นแหละครับ เหนือความกลัวทั้งหมดคือการกลัวว่าวิสกี้จะไม่มีเวลาให้ กลัวว่าผมกับวิสกี้จะไม่มีเวลาเจอกัน กลัวว่าถ้าไม่มีผมวิสกี้มันจะนอกใจไปมีคนอื่น

   “ชีวิตมึงก็ยึดติดอยู่เรื่องเดียวนี่แหละ”

   “โถ ว่าแต่กูมึงจะบอกว่ามึงไม่เป็นงั้นสิ” ผมถามกลับบ้าง ผมว่าต่อให้มันไม่แสดงอารมณ์ยังไงแต่ในใจลึกๆ มันก็ต้องมีคิดถึงไอ้เหนือมากๆ เหมือนกันนั่นแหละว้า

   “เป็น แต่ไม่เป็นไร เพราะกูจะให้ไอ้เหนือย้ายมาอยู่กับกู”

   “เฮ้ย! จริงดิ” ผมตกใจกูว่ามึงหนักกว่ากูแล้วไอ้เขียน

   “จริง กูให้เวลามันอยู่บ้านถึงแค่ซัมเมอร์นี้ เปิดเทอมหน้ากูจะไปย้ายของมันมาไว้คอนโดกู” มันเงยหน้า วางพู่กันพูดกับผมด้วยท่าทางจริงจังมาก โอว้ แม่เจ้าผมว่าผมหนักแล้วแต่ไอ้เขียนมันหนักกว่านะผมว่า

   “เป็นเอามาก แล้วไอ้เหนือมันยอมเหรอวะ” ผมถามต่อ

   “ไม่ยอม แต่กูก็ไม่ยอมเหมือนกันแล้วมันจะทำอะไรได้วะ” เอาแต่ใจเหี้ยๆ

   “มึงอาการหนักนะไอ้เขียน” ผมส่ายหัวอย่างรับไม่ได้ ส่วนไอ้หล่อก็ยิ้มอย่างเดียวก่อนจะกลับไปสนใจภาพวาดอันเป็นที่รักของตัวเองอีกครั้ง

   “อ้าวพี่ริว หวัดดีพี่” ตายยากจริงๆครับพูดถึงเหนือ เหนือก็มา

   “หวัดดีครับ ยังห้าวเหมือนเดิมเลยนะ” ผมแซวถึงมันจะดูมุ้งมิ้งมากขึ้นเวลาอยู่กับไอ้เขียน แต่เวลามันอยู่กับคนอื่นมันก็ยังดูแมนมากๆอยู่ดีโดยเฉพาะเรื่องคำพูดจา ไอ้เหนือกับวิสกี้นี่ไม่ต่างกันเลย หยาบยังไงก็ยังหยาบอย่างนั้น แต่ดูจากทรงแล้วไอ้เหนือดีกว่าเพราะมันยังมีมุมอ้อนแฟน แต่วิสกี้นี่มีแต่ผมไปอ้อนมัน

   “อ้าว ก็ต้องเหมือนเดิมดิพี่คนมันหล่อ” กูว่าไม่เกี่ยวแล้ว

   “หึ หล่อมาก” ไม่ใช่เสียงผมครับ เสียงพ่อไอ้เหนือมันนั่นแหละ

   “จิ๊! หุบปากไปปะ” เอาแล้วครับทะเลาะกันแบบนี้ สักพักเดี๋ยวก็หวานใส่กัน เชอะกูอิจฉานะ

   “หึหึ” มันยิ้มครับไอ้นี่มันชอบกวนให้แฟนหงุดหงิด

   “กินข้าวยัง” ไอ้เหนือมันนั่งลงข้างๆ มือก็ค้นอะไรในกระเป๋าเป้ไม่รู้อยู่นานสองนาน

   “ยัง รอมึงมา” ไอ้นี่ก็ตอบเรียบๆแต่มือก็ยังลงสีไม่หยุด

   “ขอโทษนะ กูกินมาแล้วแต่กูซื้อแซนวิสมาเผื่อมึง กูรู้ว่ามึงต้องหิว” ว่าจบเขาก็ยื่นแซนวิสอันเท่าบ้านให้แฟนเขา แหนะๆมีลอกห่อพลาสติกออกให้อย่างรู้งาน สมกับเป็นแม่บ้านสุดๆ ชิชะ ไอ้เขียนมีหันไปมองตาประมาณว่ามือกูไม่ว่างมึงก็ป้อนกูสิ ไอ้เหนือก็ไม่อิดออดยกป้อนให้ถึงปาก

   อิจฉาครับ!

   “อร่อยดี” มีหยอดคำหวานแทนคำขอบคุณ เห็นไหมผมบอกแล้วมันตีกันไม่นานหรอกครับสักพักก็กลับมารักกันปานจะกลืนเหมือนเดิม

   “อิจฉาโว๊ยยยย” ผมตะโกนขึ้นขัดจังหวะก็ตั้งใจให้พวกมันสะเทือนนี่แหละครับ

   “ไปหาแฟนมึงสิ” แต่คิดว่ามันจะสะเทือนหรือไง ไม่มี๊

   “แฟนกูยังไม่เลิกเรียนเว้ย!” ผมตอบรู้ครับรู้เพราะเช็คตารางเรียนมาอย่างละเอียดแล้ว

   “อะๆ ผมมีอีกอันผมยกให้พี่ก็ได้ เอาไหมเผื่อจะได้หายเหงาปากไปแปปนึง” เจอเด็กมันย้อน แสบคันดีแท้

   “ขอบใจมากครับ แต่ไม่เป็นไรพี่รอกลับไปกินพร้อมเมียดีกว่า”

   “ไม่ใช่กลัวว่าถ้ากินอิ่มก่อนแล้วเมียจะงอนไม่ยอมให้หลับนอนด้วยหรือไง” ไอ้เขียนคำพูดจามันร้ายกาจนัก ทุกคนเห็นไหมครับว่าผมโดนรังแกทั้งเพื่อน ทั้งแฟนเพื่อน ทั้งแฟนตัวเอง ชีวิตของริวมันช่างน่าสงสาร

   “กูขอให้พวกมึงติดคอ” ทำอะไรไม่ได้ก็แช่งเข้าไว้

   “ฮ่าๆ” ไอ้เด็กเหนือมันขำสะใจมาก

   .

   .

   “อีกไม่ถึงเดือนพี่ก็จะจบแล้วนะ” ผมบอกวิสกี้ตอนนั่งอยู่บนรถในขณะที่กำลังจะขับกลับบ้าน

   “จริงดิ เร็วจัง” มันพูดเหมือนจะตกใจ

   “เนอะ เราจะได้เจอกันน้อยลงแล้วอ่ะดิ” ผมแกล้งทำเสียงเศร้า แอคติ้งล้วนๆอยากให้วิสกี้มันคิดถึงจนยอมย้ายมาอยู่กับผม

   พอดีตอนที่ผมนั่งรอรับวิสกี้ที่หน้าคณะ นึกถึงคำพูดไอ้เขียนครับว่าให้ไอ้เหนือย้ายไปอยู่ด้วยแบบถาวร จริงๆทุกวันนี้วิสกี้ก็เหมือนอยู่กับผมถาวรไปแล้ว แต่ว่ามันก็ยังไม่ใช่อยู่ดีผมอยากให้วิสกี้ขายคอนโดนตัวเองทิ้งไปเลยเพื่อความชัวร์

   “ดีแล้ว จะได้ไม่เบื่อ นานๆเจอกันครั้งก็ดี” แต่ผิดคลาดเสือกอยากจะอยู่ห่างๆกันซะอีก

   “ดีตรงไหน เจอกันน้อยเวลาที่เราจะได้สวีทกันก็มีน้อยนะ” ผมโวยวาย

   “อยากเจอกูเพราะคิดถึงกูหรือคิดถึงก้นกูกันแน่” เดี๋ยวนี้วิสกี้มันพูดเรื่องแบบนี้ได้ไม่อายเลยนะครับ

   “ก็ทั้งสอง วิสกี้ย้ายมาอยู่กับพี่ไหม” ผมถามเข้าเรื่อง ก่อนที่จะทะเลาะกัน

   “ทุกวันนี้กูก็ย้ายทุกอย่างไปไว้คอนโดมึงเกือบหมดบ้านกูละ เหลือแค่พ่อกะแม่กูนี่ล่ะที่ยังไม่ได้ย้ายไป” ดูพูดจา

   “แต่คอนโดวิสกี้ไง ขายสิ”

   “ไม่เอาอ่ะ เอาไว้งั้นแหละ อนาคตเผื่อทะเลาะกับมึงกูจะได้มีที่ซุกหัวนอน” มันพูดเหมือนเป็นเรื่องปกติที่จะต้องเกิดขึ้นอย่างนั้นแหละ

   “โถ ไม่เอาอ่ะมีสองบ้านแบบนี้มันไม่ดีนะโบราณเขาถือ”

   “โบราณไหนของมึง กูคนยุคใหม่ไม่ถือหรอกหนักมือกู” นั่นไงกวนตีนอีก

   “พี่พูดจริงๆนะวิสกี้ ขายซะแล้วย้ายมาอยู่ด้วยกัน!” ต้องให้เล่นบทโหดใช่ไหมเมีย ผมแค่อยากลองโหดแบบไอ้เขียนดูบ้างเผื่อวิสกี้มันจะกลัวแล้วยอมทำตามอ่ะครับ

   “ไม่โว๊ย!!!” แต่เหนือฟ้ายังมีฟ้า วิสกี้มันใหญ่กว่าเลยต้องยอมครับ T.T

   .

   .

   ตอนนี้เวลาประมาณตีสองแล้วครับ แต่ผมยังนั่งทำงานของผมอย่างบ้าคลั่ง ช่วงเวลานี้สมองผมมันกำลังแล่นถึงง่วงแต่นอนไม่ได้ไม่อย่างนั้นตื่นเช้ามาความรู้ที่คิดได้จะหายหมดไม่เหลือ

   เสียงทีวีเปิดคลอเบาๆไม่ให้ผมเหงาเหมือนว่าอยู่คนเดียว ผมหอบเอาโน๊ตบุ๊คมานั่งทำข้างนอกตรงโซฟาหน้าโทรทัศน์ เพราะกลัวว่ามันจะรบกวนคนที่นอนหลับสนิทเดี๋ยวจะพาลไม่พอใจผมอีก

แกร๊ก

“หืม” ผมหันไปมองเมื่อได้ยินเสียงลูกบิดประตู เจอที่รักของผมยืนมองมาด้วยสภาพงัวเงียตาเปิดครึ่งนึงปิดครึ่งนึงนี่ก็ไม่รู้ว่ามีสติหรือเดินละเมอ

“ทำอะไร” วิสกี้ถามแต่ยังยืนที่เดิม

“ทำงานครับ ตื่นมาทำไมกลางดึกหิวเหรอ” ผมถามอย่างห่วงใยแต่ไม่รู้เจ้าตัวเขาจะรู้เรื่องหรือเปล่านะ

“เปล่า ตื่นมาไม่เจอมึง” มันพูดจาโคตรน่ารัก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกนะครับที่มันตื่นเพราะไม่มีผมนอนด้วย ยิ่งมันใส่ชุดนอนชุดนี้ก็ยิ่งน่ารักมากๆ เสื้อยืดตัวใหญ่ๆทำให้เห็นหัวไหล่โผล่โชว์ความขาว ชายเสื้อยาวลงมาถึงหน้าขาข้างในใส่แค่บ็อกเซอร์ดูผิวเผินนี่เหมือนไม่ได้กางเกงเลยนะ เซ็กซี่ซะผมเกือบอดใจไม่ไหวหลายครั้งแล้วแต่ด้วยงานที่กองค้างเท่าภูเขาทำให้ผมต้องห้ามใจตัวเอง

“ไปนอนต่อไหมเดี๋ยวพี่ไปนอนเป็นเพื่อนก็ได้” ผมบอกตั้งใจว่าจะยอมทิ้งงานแล้วไว้ทำต่อพรุ่งนี้เช้าแทน เพราะตอนนี้มีหน้าที่ใหม่คือกการกล่อมเมีย

“ไม่เอา” มันส่ายหัวแล้วเดินมาหาผม

“ทำไมครับ ไม่ง่วงเหรอ” ผมถามเมื่อเห็นหน้ามันยังดูง่วงมากๆอยู่เลยแถมตายังปรือเหมือนลืมไม่ขึ้นแต่ทำไมมันไม่ยอมไปนอนวะ ปกติมันจะยอมให้ผมพามันกลับเข้าไปนอนนะ แต่ครั้งนี้กลับผิดจากเดิมมันเดินมาหาผมที่โซฟาว่ะ

“นอนตรงนี้ก็ได้ มึงงานเยอะ”

ปุ! ปุ!

มันลากหมอนบนโซฟามาวางไว้บนหน้าขาของผมแล้วตบลงบนหมอนสองสามทีก่อนจะเลื้อยตัวลงนอนหนุนตักผมไปโดยปริยาย

ผมก้มมองมันที่นอนตะแคงหันหน้าเข้ามาทางโซฟาทำให้ผมเห็นใบหน้าของมันได้ชัดเจน ขาขาวๆ ของมันวางยาวไปตามพื้นพรม ชายเสื้อถูกร่นขึ้นจนเห็นกางเกงบ็อกเซอร์ด้านใน มันหลับแล้วเพราะลมหายใจที่สม่ำเสมอของมัน

มันกำลังอ้อน...มันรู้ตัวไหม

มันรู้ว่าผมงานเยอะแค่ไหน ช่วงนี้คือช่วงที่เป็นเส้นเป็นเส้นตายของพวกผมปีสี่ ปีสุดท้ายที่จะได้เป็นนักศึกษา ปากมันก็พูดว่าผม ด่าผมว่ายังไงก็คงไม่จบพร้อมเพื่อนแต่จากคำพูดของมันเมื่อสักครู่ก็รู้แล้วว่ามันเป็นห่วงผมไม่น้อยกว่าคนอื่นเลย

ผมวางดินสอลงบนโต๊ะกระจกตัวเล็กตรงหน้า เอนหลังพิงไปกับโซฟาเพื่อที่จะดูใบหน้าคนที่นอนหลับอย่างมีความสุขได้อย่างสบายใจ ผมยื่นมือไปลูบแก้มใสๆอย่างชื่นชอบ แก้มมันนิ่มเหมือนซาลาเปา ปากมันก็แดงเหมือนลูกเชอรี่ ผมชอบโมเม้นแบบนี้ของวิสกี้ที่สุดเพราะมันหมายความว่าบนโลกใบนี้นอกจากคนในครอบครัวก็มีผมเพียงคนเดียวที่จะได้เห็น

“ทำไมถึงรักได้ขนาดนี้นะ” ผมพูดกับคนที่นอนหลับสนิท

ผมถามตัวเองรอบที่ล้านว่าเพราะอะไรถึงรักมันขนาดนี้ คำตอบของผมมีมากพอกับดวงดาวบนท้องฟ้าเลยนะครับ ถ้าให้ผมนิยามสั้นๆผมคงนิยามไม่ได้ว่าเพราะอะไร ผมรู้อย่างเดียวว่าผมรักมัน แล้วก็รู้ด้วยว่ามันก็รักผม

“อื้อ พี่ริวววว” ผมสะดุ้งตื่นจากภวังค์ เมื่อมีเสียงเรียกแผ่วๆดังมาจากคนที่นอนอยู่

“ครับ พี่อยู่นี่ครับวิสกี้” ผมก้มหน้าลงไปพูดข้างๆหู

“งานเยอะเหรอ”

“หึหึ ครับผม” ตลกดีครับนึกว่าจะถามอะไรที่แท้ก็ถามว่างานเยอะเหรอ น่ารักจริงๆเมียใครวะ

“เหนื่อยเนอะ” ขำครับสรุปวิสกี้มันหลับจริงป่ะวะเนี่ย ผมลองก้มมองหน้ามันดีๆมันหลับครับขนตานิ่งสนิทไม่เหมือนคนแกล้งหลับแต่อย่างใด แถมหน้าอกยังกระเพื่อมขึ้นลงอย่างช้าๆแบบสม่ำเสมออีกด้วย

“มีวิสกี้อยู่ก็ไม่เหนื่อยแล้ว”

“อืม ห่วงนะ” มันพูดจบที่ประโยคนั้นก่อนที่เสียงจะเงียบเข้าสูสภาวะเดิม

“ครับ” ผมนั่งยิ้มมองมันนอนหลับอย่างมีความสุข แค่นี้ผมก็สุขจนไม่รู้จะสุขยังไงแล้วครับ แค่ได้มองหน้าคนที่รักทุกวัน ได้กินข้าวด้วยกันทุกเช้า ก่อนนอนได้พูดราตรีสวัสดิ์มันก็เป็นอะไรที่มีความสุขมากๆแล้วล่ะครับ

วิสกี้มันไม่รู้ตัวหรอกว่าจริงๆแล้วมันเป็นคนขี้อ้อนแล้วก็ขี้เป็นห่วงคนอื่น ปากมันพูดมันด่า แต่ในใจลึกๆมันอยากให้เราพักผ่อน แต่วิสกี้ก็คือวิสกี้ แต่ผมก็ชอบที่มันเป็นแบบนี้นะ ผมไม่อยากให้มันเปลี่ยน เพราะเมื่อไหร่ที่มันเปลี่ยนนั่นหมายความว่ามันจะไม่มีวิสกี้คนเดิมอีกแล้วบนโลกใบนี้

.

.

“โอ๊ย เมื่อยยยย” ผมกำลังแปรงฟันอยู่ในห้องน้ำได้ยินเสียงตะโกนดังมากก็ได้แต่หลุดขำ

“พี่ริววววววววว” เดี๋ยวนี้เขาพัฒนานะครับ เรียกพี่ริวบ้างตามแต่อารมณ์ซึ่งน่ารักมากๆอยู่ดีในสายตาผม

“………………….” อยากตอบนะแต่แปรงฟันอยู่ก็เลยเงียบก่อน

“โอยยย ไอ้ห่าริวววว!!!” นั่นไงชื่อจริงนามสกลุจริงผมมาเต็ม เป็นอะไรไม่รู้ตื่นเช้าถ้าไม่โดนเรียกชื่อนี้แล้วจะทำงานไม่ได้

เมื่อคืนนี้หลังจากผ่านโมเม้นอันหวานชื่น ผมก็หลับคาโซฟาโดยเป็นท่านอนที่เมื่อยที่สุดตั้งแต่เกิดมาลืมตาดูโลกใบนี้ หัวผมหงายไปด้านหลังตื่นมานึกว่าชัตเตอร์มีใครมาขี่คอ ปวดร้าวมาก ไม่พอนะครับขาข้างซ้ายนี่นึกว่าเป็นอัมพาตแต่บ่นไม่ได้ไงไม่งั้นหัวแตกเพิ่มอีกแผลนึง

“คร๊าบบบบบ” รีบบ้วนปากรีบตอบก่อนที่ระเบิดจะลง

“อยู่ไหนนนน”

“ห้องน้ำครับ แปปนึง” รีบจัดการธุระให้เสร็จรีบวิ่งออกไปก่อนที่คุณชายเขาจะอาละวาด สภาพนี้ผมว่าโมโหหิวแน่นอน

“นานจังวะ!” เหวี่ยงครับเหวี่ยง

“ก็แปรงฟันล้างหน้าอยู่ ว่าไงหิวล่ะสิ” ผมถามพร้อมกับเดินเข้าครัวเพื่อเตรียมทำขนมปังปิ้งง่ายๆ พร้อมด้วยโกโก้ร้อนๆ

“ก็รู้นิ หัดทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีซะบ้าง” น่านมีสั่งสอนผม ได้ข่าวว่าคุณไม่ทำอะไรเลยนะครับวิสกี้ได้ทีนี่จิกหัวกูอย่างเดียว

“น้อยๆ หน่อย” ผมบอกแต่มือก็เร่งทำยิกเลยนะ

“หึหึ เร็วๆหิวแล้ว” มันมานั่งรอที่โต๊ะอย่างว่าง่าย เตรียมน้ำเย็นไว้สองแก้วพร้อมนมจืดของผมอีกหนึ่งแก้ว ผมชอบทานนมเย็นมากกว่านมอุ่นเพราะฉะนั้นเทจากขวดได้เลยไม่ต้องเวฟ ซึ่งหน้าที่นี้ผมมอบหมายให้วิสกี้ทำได้สักพักและมันก็รู้ดีว่าทุกเช้าตัวเองต้องเตรียมแบบนี้เวลาที่เรากินข้าวเช้าด้วยกัน

เห็นไหมครับว่าหน้าที่ของมันและหน้าที่ของผมต่างกันแค่ไหน แล้วยังจะมาบ่นดังไปสามบ้านแปดบ้าน

“เสร็จแล้วๆ อ้าวแยมจะหมดแล้วเหรอ เดี๋ยววันนี้ไปซื้อละกันนะ” ผมบอกเมื่อหยิบกระปุกแยมสตอเบอรี่ขึ้นมาดูแล้วพบว่ามันเหลือเพียงน้อยนิดคิดว่ามื้อนี้ก็คงจะหมดพอดี

“อืมดีเลย กูอยากกินช็อคโกแลต” มันทาแยมลงบนขนมปังร้อนๆอย่างชำนาญ

ผมยังไม่ได้ไปนั่งกินกับมันนะครับเพราะต้องชงโกโก้ร้อนให้เขาก่อน จริงๆเคยสอนมันทำละแต่คุณชายเขาคงกดน้ำผิดท่าน้ำร้อนลวกมือแดงไปเป็นอาทิตย์หลังจากนั้นผมเลยไม่ให้มันเข้าครัวอีก ให้เต็มที่คือเปิดหาของกินในตู้เย็น และนี่จึงเป็นที่มาของหน้าที่การรินนมลงแก้วของมันล่ะครับ

   “มาแล้ว ทำเผื่อ?” ต้องถามครับตกใจเลย เมื่อเดินกลับมาที่โต๊ะดันพบว่ามีขนมปังที่ทาแยมแล้วอยู่ในจานตัวเอง

   “เออ จะกินไหม” เหวี่ยงหน่อยๆ อาการแบบนี้เรียกเหวี่ยงกลบเกลื่อน

   “หึหึ กินสิเมียทำให้ทั้งที”

   “สัด!” หน้าแดง วันนี้กรุงเทพฝนตกแน่เลยเว้ย ฮ่าๆๆ




TBC_____________________


 :hao5: :hao6: :hao7: :mew1: :mew2: :katai4: :katai2-1:




ออฟไลน์ hembetaro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1

โชว์หวานเหรออิพี่ริว  :hao3:

ออฟไลน์ Nano PL

  • ขอร้อง
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 869
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-7

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
หวานกันเข้าป๊ายยย :-[

@Lucifer_Prince@

  • บุคคลทั่วไป
มดขึ้นจอ  เพราะความหวานระเบิดเต็มจอ

ออฟไลน์ thanza1970

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
จะรักไปไหน

รักกันให้โลกหวานขนาดนี้

 :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
 :impress2: หวานมากจ้า

ออฟไลน์ nutty

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-3
หวานจิงหวานจังคู่พี่ริวกับวิสกี้
เป็นอีกเรื่องที่ชอบคู่รองมากๆ
ส่วนเหนือร้องไห้มากไปอ่ะ
ช่วงหลังแอบเซ็งแทนพี่เขียน
เมียเจ้าน้ำตาผิดคาแรกเตอร์ต้นๆเรื่อง

ปล อยากอ่านเรื่องน้องน้ำแข็งแล้วนะ คนเขียนจ๋า

tuktik_narak

  • บุคคลทั่วไป



ตอนที่ 37

   เขียน พาร์ท

   “อยู่หน้าคณะ” ผมบอกกับคนในสาย เสียงหอบเหนื่อยๆ ของมันทำให้ผมหัวเราะ ดูท่าจะรีบมากไม่งั้นคงไม่วิ่งจนเหนื่อยหอบแบบนี้

   “แปปนะ...แฮ่กๆ....เห็นแล้วๆ” ผมมองไปรอบๆรถทันทีที่มันบอกว่าเห็นแล้ว แล้วก็ไม่ผิดอย่างที่ผมคิดไว้สภาพไอ้เหนือตอนนี้เหมือนคนบ้าหอบฟาง ในมือถือแฟ้มเอกสารอะไรไม่รู้รุงรังไปหมด ผิวขาวๆของมันขึ้นสีแดงจัดคงเพราะเหนื่อยและแดดที่เผาผิวของมันจนใกล้ๆคำว่าเกรียม

   ก๊อก ก๊อก ก๊อก

   มันเคาะประตูรัวๆ คงจะร้อนน่าดูเห็นแบบนี้แล้วก็แกล้งไม่ลงรีบปลดล็อคประตูให้มันก้าวขึ้นมาได้สัมผัสกับความเย็นของแอร์

   “โฮกกกก ร้อนมากกกกกก” ทันทีครับ บ่นทันที

   “ทำอะไรมาถึงเหงื่อแตกขนาดนี้” ผมมองเสื้อนักศึกษาบางๆของมันที่ตอนนี้เปียกชุ่มจนเห็นผิวเนื้อในทะลุถึงไหนต่อไหนอย่างไม่ค่อยจะพอใจ

   “โดนพี่รหัสแกล้งอ่ะดิ ให้กูไปปีนต้นไม้เอารองเท้าเพื่อนเขาไปซ่อน ร้อนฉิบหาย” มันบ่นมือก็จับคอเสื้อแล้วสะบัดแรงๆ เพื่อคลายความร้อนออกไปจากตัวได้บ้าง แต่มันคงยังไม่รู้สินะว่าแบบนี้มันเหมือนยั่วผมชัดๆ

   “อะไร มองอะไร” มันหันมาถามหน้าไร้เดียงสา มือก็ยังโบกคอเสื้อออกกว้างเรื่อยๆ มองจากตรงที่สูงกว่าเห็นลึกไปถึงหัวนมมันก็ชวนให้เกิดอารมณ์อยู่หรอก แต่พอมาคิดดีๆเวลามันร้อนๆมันทำแบบนี้ตลอดเลยหรือเปล่า เท่ากับว่ามีคนเป็นร้อยที่ได้เห็นหัวนมมันอย่างนั้นสิ

   “เลิกพัดได้แล้วกูเหม็นเหงื่อ” แต่ผมไม่บอกหรอกครับว่าหวง ไอ้เหนือมันบ้าถ้ารู้ว่าผมหวงมันเรื่องอะไรมันจะยิ่งยั่วผมโดยการทำอย่างนั้นให้ผมสติแตก

   “ชิ...หวงก็บอกเหอะน่า กูไม่ทำต่อหน้าใครหรอกกูรู้ว่าเจ้าที่กูแรง คิกๆ” มันยื่นหน้ามาใกล้ทำหน้าทำตาล้อเลียนผม เห็นไหมผมบอกแล้วว่าไอ้นี่มันติ๊งต๊อง

   “คืนนี้มึงโดนแน่” ผมกัดฟันพูด มันลอยหน้าลอยตาไปมาแถมยังพูดจาท้าทาย

   “บอกมาคืนนี้..โอว้!...อยากได้กี่ครั้ง...โอว้” ประโยคคุ้นๆเหมือนเนื้อเพลง แต่สำเนียงฟังไม่ออกว่าเป็นเพลง

   “หึหึ ติ๊งต๊องเอ๊ย” ผมว่ามัน ส่วนมันก็ได้แต่ยิ้มรับแต่โดยดี

   “รีบไปเร็วๆ กูหิวแล้ว” มันเร่งเตือนเลยทำให้ผมนึกขึ้นได้ครับ

   “อื้ม”

   วันนี้ผมกับมันมีนัดไปทานข้าวกับพ่อแม่ของผม สองคนนั้นโทรมาแล้วโทรมาอีกว่าให้พาสะใภ้ไปหาเร็วๆหน่อย หึหึ ในที่สุดผมก็กลายเป็นหมาหัวเน่าพอมาเล่าให้ไอ้เหนือมันฟัง มันก็ยืดอกภูมิใจใหญ่ว่าได้เป็นที่รักของบ้านผม เหอะ โดยเฉพาะขิม รายนั้นถามถึงเช้าถามถึงเย็นไม่รู้จะรักอะไรนักหนากับไอ้คนสติไม่สมประกอบเนี่ย

   หลังจากวันที่ผมพาครอบครัวมาเซอร์ไพรส์โดยมีการผิดจากแผนนิดหน่อย ไอ้เหนือก็ดูจะว่าง่ายขึ้น ทำตัวน่ารักขึ้นเดี๋ยวนี้อ้อนเก่ง น้อยใจก็เก่ง แถมยั่วก็ยิ่งเก่ง มันคงกลัวว่าผมจะทิ้งมันไปมีคนใหม่หรือว่าไงไม่รู้นะ ขยันอ้อน ขยันยั่วผมทุกวันจนงานการไม่คืบหน้า ถ้าผมไม่จบขึ้นมามันต้องรับผิดชอบโดยการหาเลี้ยงผมเลยนะ

   “อยากซื้ออะไรเข้าไปไหม” ผมถาม เพราะตัวเองก็กำลังคิดว่าจะซื้อขนมอะไรเข้าไปให้คนที่บ้านดี

   “พ่อกับแม่มึงเขาชอบกินอะไรอ่ะ ส่วนน้องขิมกูถามแล้วน้องบอกชอบกินคุ้กกี้ มึงไม่ต้องห่วงเพราะกูเตรียมมาแล้ว นี่ไง” มันภูมิใจมากหยิบโหลคุกกี้ออกมาจากกระเป๋า ทำคะแนนน่าดูครับแค่นี้คนที่บ้านผมก็หลงจะแย่

   “ซื้อใจครอบครัวผัวเหรอ” ผมแหย่

   “ผัวบ้านมึงดิ พูดจาน่าเกลียด” ปากด่านะครับแต่หน้างี้แดงเป็นลูกตำลึงเลย หึหึ

   “นึกว่าชอบ”

   “ใครจะชอบวะ ฮุ!” แหนะมีทำเสียงไม่พอใจใส่

   “หึหึ วันนี้ค้างที่บ้านกูไหม” ผมถามเห็นมันเปรยๆหลายครั้งว่าอยากนอนบ้านผมบ้าง หลังจากที่ผมไปนอนบ้านมันบ่อยเหลือเกิน

   “จริงดิ!” น้ำเสียงตื่นเต้นนี่ต้องยกให้เค้าล่ะ

   “ก็ชวนอยู่ก็ต้องจริงดิ” หันไปมองเห็นมันยิ้มกว้างอย่างดีใจ บางครั้งผมก็ไม่ค่อยเข้าใจนะครับว่าทำไมมันถึงมีความสุขกับเรื่องง่ายๆขนาดนั้น

   เคยนะครับเมื่อก่อนแค่ผมยอมออกมากินข้าวด้วยมันก็ทำตาหวานซึ้งเหมือนปลื้มมากมายที่ผมยอมเจียดเวลาแบ่งไปให้ วันนี้ก็เหมือนกันแค่ได้นอนบ้านผมทำไมมันถึงดีใจขนาดนั้นด้วย ผมยังไม่รุ้เลยว่าพิเศษตรงไหน

   “ดีใจอ่ะ กูอยากสัมผัสที่ที่มึงเติบโตขึ้นมา” มันพูดเหมือนรู้ว่าในใจผมกำลังสงสัยอะไร

   “ยังไง” ผมถามต่อ

   “กูอยากไปเห็นบ้านของมึงไง บ้านที่มึงโตขึ้นมาเป็นนายเขียนสีที่สาวๆหลงใหล”

   “ใครหลงใหลกูวะ คนนั้นนี่มันโง่จริงๆ” ผมพูดจบก็หันไปมองหน้ามัน ไอ้เหนือยังทำหน้างง สักพักนั่นแหละครับฟาดแขนผมเฉียดใบหูไปนิดเดียว

   “ด่ากูเหรอ”

   “เปล่านิ..กูด่าคนที่หลงใหลกูต่างหาก”

   “ก็..........เออแม่ง” มันอยากเถียงแต่เถียงไม่ออกครับเพราะไม่ว่าทางไหนก็เข้าตัวเอง หึหึ

   “ไม่แกล้งแล้ว...พูดต่อสิ” ผมอยากฟังมันพูด เพราะเวลามันเล่ามันจะใส่อินเนอร์ความสุขแบบจัดเต็ม เวลาที่เห็นมันมีความสุขผมก็มีความสุขไปด้วย....

   โดยเฉพาะความสุขของมันที่เกิดขึ้นเพราะผม

   “ก็ไม่มีอะไร..อย่างที่บอกแค่อยากไปนอนบ้านมึง เตียงของมึง อยากรู้ว่าตอนเด็กๆมึงน่ารักหรือเปล่า ภาพแรกที่มึงวาดสวยขนาดไหน ไม่รู้สิกูว่าบ้านมึงต้องมีอะไรให้กูค้นหามากมายแน่ๆ” มันยิ้มทั้งปากทั้งตา ถ้าไม่ติดว่าขับรถอยู่จะดึงมาจูบให้หายใจไม่ทันเลยทีเดียว

   “บางทีมันอาจจะไม่มีอะไรเลยก็ได้นะ”

   “กูไม่เชื่อหรอก อย่างน้อยๆ ก็มี.....” มันพูดค้างไว้ทำให้ผมต้องหันไปมอง ก็เจอมันกำลังมองมาที่ผมอยู่

   “มีอะไร” ผมถามเร่ง

   “มีมึงไง” พูดแบบนี้ไม่รักก็บ้าแล้ว ว่าไหมครับ

   .

   .





ออฟไลน์ hembetaro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1

น้องเหนือโคตรอ้อนเลย เสร็จแน่ คืนนี้โดนจัดหนักแน่นอน  :laugh:

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
เหนือน่ารักอะ

ออฟไลน์ Nano PL

  • ขอร้อง
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 869
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-7
เหนือ เบาๆหน่อย อิจฉา 5555

ออฟไลน์ Apple_matinie

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1564
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Apple_matinie

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1564
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
โอยโอย เจอเหนือกับวิสกี้เวอร์ชั่นอ้อน
ทำเอาพี่เขียนกับพี่ริวยิ้มแก้มปริเชียวนะ

tuktik_narak

  • บุคคลทั่วไป

ต่อจากเดิมจ้าาาา




   .

   .

   “สวัสดีครับ”

   “มากันแล้ว ลูกชายลูกสะใภ้” ผมหลุดขำกับคำทักทายของแม่ ไอ้เหนือตวัดสายตาหันมามองผมแบบดุๆ แล้วก็หันกลับไปทางแม่ผมด้วยรอยยิ้มแห้ง ก็คงจะอายนั่นแหละครับที่ถูกเรียกว่าสะใภ้

   พวกเราใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงก็มาถึงบ้านของผม ทันทีที่เดินเข้าบ้านก็เจอคำทักทายที่แสนจะน่ารักแล้วผมก็ชอบใจมากๆด้วย แต่คงไม่ใช่ไอ้เหนือรายนั้นเขาไม่ชอบนะแต่พูดอะไรไม่ได้เพราะอีกฝ่ายคือแม่สามีไง หึหึ

   “คิดถึงลูกสะใภ้จริงๆ”

   “แม่ครับ.....” ไอ้เหนือเรียกเสียงงอนๆ แต่ทำเอาแม่ผมอารมณ์ดี

   “อ่ะๆ แม่ไม่แกล้งเราแล้วก็ได้ ไปเถอะคุณพ่อรอทานข้าวอยู่”

   พอก้าวเข้ามาภายในห้องอาหารก็เห็นประมุขใหญ่ของบ้านนั่งรออยู่ที่หัวโต๊ะก่อนแล้ว ในมือก็ถือหนังสือพิมพ์ไม่แน่ใจว่ากำลังอ่านอะไรทั้งๆ นี่ก็เย็นมากแล้ว พ่อผมเขาน่าจะอ่านจบไปตั้งแต่เมื่อเช้าทำไมตอนนี้ถึงยังอ่านอยู่

   “อ้าวมาพอดี นี่พ่ออ่านหนังสือพิมพ์รอไปสามรอบละนะ” ชัดเจนเหมือนรู้ว่าผมสงสัยเรื่องอะไร

   “สวัสดีครับพ่อ” มันเอ่ยอย่างคุ้นชิน

ตอนแรกมันก็บอกว่าเขินๆที่ต้องเรียกว่า ‘พ่อ’ กับ ‘แม่’ เหมือนตอกย้ำว่าตัวเองมาเป็นลูกสะใภ้บ้านนี้จริงๆ ทำเอาผมหลุดขำตอนที่มันมาเล่าให้ฟัง แต่พอหลังๆคงจะชินและปรับตัวได้ เพราะไม่ว่ายังไงมันก็ต้องเรียกแบบนี้อยู่ดี

“สะใภ้ใหญ่ นั่งๆ จะได้ทานข้าวกัน”

“โธ่....พ่อครับ” เห็นมันทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้แล้วขำมากครับ ปกติเวลามันอยู่กับผมมันจะเถียงทุกคำที่ผมพูด แต่พอมาเป็นพ่อกับแม่ผมไงมันเลยไม่กล้าได้แต่ยืนทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อยู่แบบนี้

“ฮ่าๆ คุณก็ไปแกล้งลูก มานั่งๆ”

ผมนั่งลงทางด้านซ้ายมือของพ่อถัดไปคือไอ้เหนือ ส่วนอีกฝั่งก็คือแม่และขิม กับข้าวหลายอย่างถูกทยอยนำมาวางอย่างเป็นระเบียบพร้อมทั้งข้าวสวยก็ถูกตักลงจานอย่างพอดีๆ

“คุณดูสิ เวลาเหนือทำหน้าหงอยๆแบบนี้ก็น่ารักดีนะ ว่าไหมเขียน” เป้าหมายพุ่งมาทางผมอย่างไม่ทันตั้งตัว ไอ้เหนือเองก็มองมาเหมือนรอคำตอบจากผมอยู่ พ่อผมเขาคงว่างหาเรื่องแซวเล่นฆ่าเวลารอสำรับตั้งเสร็จมั้งครับ

“ว่าไงลูกชายแม่ น้องน่ารักเนอะ” แม่ผมจัดเต็มตลอด

ผมมองไปทางไอ้เหนือเห็นมันมองเหมือนรอคอยคำตอบอย่างมีความหวัง สักพักก็หันหน้าหนีแล้วทำหน้าแดงหูแดงใส่

“ครับ มันน่ารัก”

“คิกๆ พี่เขียนโรแมนติกจังเลย” เสียงมาแล้วครับตัวแสบของบ้าน

“ชิ ไม่เห็นจะโรแมนติกเลยครับน้องขิม” มันกัดผม เมื่อกี้ไม่น่าชมมันเลยเนอะ แต่เห็นว่าทำไปเพราะอยากกลบเกลื่อนความเขินหรอกนะเลยยอมให้

“ไม่โรแมนซ์เลยพี่เขียนอ่ะ” หึหึ เด็กสมัยนี้ดัจริตเกินอายุจริงๆ

“เนอะๆ” นั่นเริ่มหาพรรคพวก

“เดี๋ยวจะโดนทั้งคู่” ผมว่ากลับ แต่สองคนนั้นเหมือนไม่สนใจแถมยังแลบลิ้นใส่หน้าอีกต่างหาก

“อ้าวๆ พอแล้วเด็กๆทานข้าวกันเถอะ” สิ้นเสียงของพ่อผมทุกคนก็เริ่มลงมือทานอาหารกัน

“เหนือเรียนวิศวะใช่ไหม” พ่อผมเขาถามขึ้นมาเมื่อเห็นว่าบนโต๊ะอาหารเงียบเกินไป

บ้านผมสบายๆครับไม่ค่อยถือเรื่องมารยาทบนโต๊ะอาหารเท่าไหร่ขออย่างเดียวอย่าคุยเรื่องเครียดเดี๋ยวทำให้กินข้าวไม่ลง เพราะฉะนั้นการถามประวัติอนาคต ‘สมาชิกใหม่’ ถือว่าพูดคุยได้ไม่ผิดจากมารยาที่ดีเท่าไหร่นัก

“ใช่ครับ”

“ยากไหมลูก แล้วทำไมถึงเลือกเรียนด้านนี้ล่ะ” แม่ผมถามต่อจากคำถามของพ่อ โดยที่มือก็ตักของโปรดส่งให้พ่อทานเรื่อยๆอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

“ก็ยากนะครับแต่ผมชอบก็เลยมองว่ามันเป็นเรื่องสนุก อีกอย่างที่ผมเลือกเรียนด้านนี้เพราะผมชอบหุ่นยนต์ครับ ผมใฝ่ฝันว่าวันหนึ่งจะสร้างมันขึ้นมาด้วยมือของตัวเอง” ผมนั่งฟังมันพูดอย่างตั้งใจ ผมรู้มานานแล้วว่ามันชอบหุ่นยนต์โดยเฉพาะอุลตราแมน มันจะคลั่งไคล้มากเป็นพิเศษเห็นว่าเป็นฮีโร่ในดวงใจตั้งแต่จำความได้

“ก็ดีนะ บ้านหลังนี้ไม่มีใครมีหัวมาทางด้านนี้หรอก ตระกูลนี้มีแต่จิตกรไม่ก็นักออกแบบ จะให้มานั่งเรียนอะไรนะ ฟิสิก แคลๆ อะไรนี่ก็คงไม่ไหว” แม่ผมเสริมต่ออย่างสนุกสนาน

“เอ่อ...เห็นว่าคุณปู่เป็นจิตกรชื่อดังของประเทศเลยเหรอครับ” มันถามขึ้นอย่างไม่แน่ใจ

เรื่องนี้ผมไม่ได้เล่าให้มันฟังหรอกครับแต่เผอิญว่ามันดันคิดแผลงๆ เอาชื่อผมไปเสิร์ชในกูเกิ้ล ปรากฏว่านามสกุลของผมกลับทำให้ภาพของปู่รวมทั้งชื่อเสียงของปู่ผุดขึ้นเต็มหน้าจอกูเกิ้ล ตอนที่มันมาถามผมก็ได้แต่ตอบว่า

‘ตามข่าวแหละ’

ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้มันอยากมากมายเพราะมันอยากจะรู้จากปากผมเองมากกว่าอ่านจากข่าวในอินเตอร์เน็ต แต่ผมเป็นพวกพูดไม่เยอะและไม่อยากอวดมากด้วยว่าปู่ของผมเป็นใคร ผมก็เลยเลี่ยงคำถามของมันและไม่คิดว่ามันจะอยากรู้ถึงขั้นมาถามกลางวงทานข้าวแบบนี้

“ดังไหมคะ ให้คุณพ่อตอบดีกว่านะ” แม่ผมยิ้มบางๆแล้วพูดส่งต่อให้พ่อผม

“ปู่ของเขียนน่ะเหรอ”

“ครับ ผมเคยถามพี่เขียนแล้วแต่เขาไม่ยอมบอก” หันมาทำหน้ามุ่ยใส่ผมซะด้วยนะครับ เหมือนว่าเป็นความผิดร้ายแรง

“ทำไมล่ะ” คำถามนี้พ่อเขาหันมาทางผม นั่นหมายความว่าผมต้องเป็นคนตอบ

“ก็...ไม่รู้จะเริ่มยังไง” ผมตอบเลี่ยงๆ

“ชิ” แหนะ เสียงไม่พอใจดังมาจากคนข้างๆ

“เอาไว้วันนี้ให้เขียนพาไปห้องคุณปู่สิ” แล้วก็เป็นแม่ผมที่พูดต่อ ผมสะอึกนิดหน่อย นานแล้วที่ผมไม่ได้ไปที่ห้องนั้น.....

ห้องของคุณปู่ที่รักของผม.....

“ได้เหรอฮะ ผมเกรงใจจัง” ถ้าไม่มองหน้าก็ฟังเหมือนว่าเกรงใจจริงๆอ่ะนะ แต่พอหันไปมองดวงตาของมันจะเห็นเลยว่ามันวิบวับดีใจแค่ไหน

“งั้นก็ไม่ต้องไป” ผมบอกมันซึ่งทำให้มันไม่พอใจ แต่ผมกลับชอบใจ

“ไม่เอา!”

“แม่ว่าถ้าอยากฟังเรื่องคุณปู่ เขียนน่าจะเล่าได้ดีกว่าคุณพ่ออีกนะ” แม่ผมพูดแล้วหันมามองหน้าผมด้วยรอยยิ้ม

ผมยกยิ้มมุมปากน้อยๆ คิดถึงเรื่องที่แม่พูดออกไป ในใจก็นึกถึงคนที่สอนเขาวาดรูปคนแรก สอนให้เขาจับดินสอ และสอนให้เขารักในภาพวาด....

“อ้าวทำไมล่ะฮะ หรือว่าพ่อไม่สนิทกับคุณปู่หรือฮะ” มันถามอย่างสงสัย

“ก็ไม่เชิง พ่อมันไม่ใช่จิตกรเต็มสายเลือดเหมือนหลานของเขา เขาก็เลยไม่สนใจพ่อน่ะ”

“โอเว่อร์” ผมเอ่ยดักคอพ่อตัวเอง ชอบพูดให้ตัวเองดูน่าสงสารนี่ล่ะพ่อผม

“ที่แท้ก็หลานรักนี่เอง” ไอ้เหนือมันพึมพำเบาๆ

“ไม่ใช่หลานรักธรรมดานะคะ หลานรักมากกกกกก” ตัวแสบพูดย้ำอีกประโยค ยิ่งทำให้ไอ้เหนือหันมามองเหมือนอยากรู้อยากเห็นระดับสิบ

“ยุ่งจริง” ผมว่าน้องตัวเอง

“เรื่องจริงต่างหาก” มีเถียงกลับ

“ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง” ไอ้เหนือพูดขึ้นเหมือนสรุปใจความได้หมด จนผมต้องถามอย่างสงสัยว่ามันเข้าใจถูกจริงๆหรือเปล่า

“เป็นยังไง”

“ก็.......” พูดแล้วเว้นวรรคมันน่าถีบให้ตกเก้าอี้

“ก็.......” ขิมพูดทวนประโยคขึ้นอีกครั้ง

“ก็....เป็นเด็กเอาแต่ใจเพราะเป็นที่รักของปู่ จนทำให้นิสัยเสียมาถึงตอนโตกลายเป็นผู้ใหญ่ชอบเอาแต่ใจไง”

ความคิดแต่ละอย่างดีๆทั้งนั้น หึ!

“ฮ่าๆๆๆ พี่เหนือพูดถูกใจ”




TBC________________


นักเขียนขอเม้า

ตอนนี้กับตอนหน้าไม่มีอะไรนะคะ

เพียงแต่อยากให้ทุกคนได้สัมผัส

กับจุดเริ่มต้นของคนที่ชื่อว่า เขียนสี...

จุดเริ่มต้นในการรักศิลปะของพระเอก

และความรักที่มีให้ปู่ของเขาก็เท่านั้น

อีก 3 ตอนจะจบแล้วนะคะ

ยังไงก็ฝากติดตามกันจนถึงปลายทางด้วยนะ

^^ :katai2-1: :katai4: :mew1: :mew3:


ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
จะจบแล้วหรอเนี่ยย

@Lucifer_Prince@

  • บุคคลทั่วไป
จะจบแล้วอ๋อ  พ้นตอนนี้ไปเหนือคงรู้อะไรใหม่ๆเพิ่มขึ้นอีกเยอะนะ  คนอ่านก็ด้วย  สำหรับตอนนี้พี่เขียนกับเหนือก็น่ารักมุ้งมิ้งดี

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
เหนือช่างกล้าพูดความจริง
ต่อหน้าพ่อปั๋วแม่ปั๋วเลยนะ

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
 :ling1: จะจบแล้วเหรอ
พึ่งพาสะใภ้เข้าบ้านเองนะ

ออฟไลน์ sukaz

  • I Will Love You Unconditionally
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
จัดเต็ม เอาให้เสียงไปเลย

 :hao6: :hao6: :hao7: :hao7: :laugh: :laugh: :m20: :m20: :pigha2: :pigha2:


tuktik_narak

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 2


น้ำแข็ง

   “ไปไหนมา พวกเรารอตั้งนาน” ทันทีที่อ้อมกับกันเดินตรงมาแตงโมก็ถามอย่างโมโห ที่จริงแตงโมก็นั่งหงุดหงิดมาได้สักพักแล้วฮะ เพียงแต่ว่าไม่รู้จะระบายกับใครพอสองคนต้นเหตุกลับมาถึงแตงโมก็เลยเกิดอาการปรี๊ดแตกอย่างที่เห็น

   “ก็บอกว่าไปทำธุระไง” กันเป็นคนตอบส่วนอ้อมก็พยักหน้าสนับสนุนอยู่ข้างๆ แต่ทำไมไม่รู้ผมรู้สึกว่าสองคนนี้ทำตัวแปลกๆ แอบคุยแอบซุบซิบกันสองคนตั้งแต่เมื่อวาน แถมวันนี้ตั้งแต่ตอนเช้าก็ชอบทำตัวลับๆ ล่อๆ ให้น่าสงสัย

   “ธุระอะไรไหนว่ามาสิ รู้ไหมว่าฉันนั่งรอแกเป็นชั่วโมงๆ จะกลับก็กลับไม่ได้เพราะไม่อยากถูกหาว่าทอดทิ้งเพื่อน” แตงโมกำลังอยู่ในอาการบ้าคลั่ง
   “ช่างเหอะนะ เรากลับกันเถอะอย่าทะเลาะกันเลย” ผมไม่อยากให้เพื่อนต้องทะเลาะกันแต่ก็ไม่รู้จะช่วยยังไง

   “ไม่ได้อยากทะเลาะนะ แต่น้ำแข็งก็เห็นว่าใครเริ่มก่อน อีกอย่างก่อนเราจะไปเราก็บอกทำไมต้องโมโหขนาดนี้ด้วยล่ะ ไม่ใช่จู่ๆ หายตัวไปสักหน่อย” อ้อมพูดอย่างใจเย็น แต่จริงๆ ผมรู้ว่าอ้อมก็โมโหไม่แพ้กันแต่เพราะเป็นน้ำแข็งขอร้องอ้อมก็เลยยอมที่จะเป็นคนเงียบ

   “ใช่” กันเสริมต่ออีก

   “ก็.......” แต่เหมือนว่าประโยคของอ้อมกับกันจะทำให้แตงโมเถียงไม่ได้ ก็ในเมื่อมันเป็นเรื่องจริงทั้งหมดนี่นา

   “เอาน่าๆ อย่าตีกันสิเราไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะ” สุดท้ายน้ำแข็งก็ต้องเป็นกาวประสานใจให้เพื่อนอยู่ดี

   “เชอะ !”

   “เชอะ!!”

   เฮ้ออออ คนกลางอย่างน้ำแข็งก็หนักใจเป็นนะ คุณเพื่อนทั้งหลาย

   “งั้นก็รีบกลับกันดีกว่า” จู่ๆแตงโมก็พูดแทรกขึ้นในขณะที่ยังอยู่ในอารมณ์ ‘งอน’ น้ำแข็งยิ้มในใจเห็นไหมว่าแล้วว่าต้องทะเลาะกันได้แปบเดียว อย่างนี้ไงพวกเราถึงเป็นเพื่อนรักกันได้

   “รีบไปไหนวะ ยังเดินไม่ทั่วเลย” กันแย้งทำให้แตงโมหน้ามุ่ยลง

   “เออดิ อ๋อ..ที่หงุดหงิดพวกฉันเนี่ยเพราะแกรีบอยากกลับรีสอร์ทใช่ไหม ทำไมอ่ะ...มีอะไรที่นั่นหรือไง”

   !!

   “เปล่าเว้ย” แตงโมสะดุ้งสุดแรง แต่น้ำแข็งกลับคิดว่ามันคือพิรุธมากกว่า เอ..นั่นสิทำไมถึงร้อนใจอยากจะกลับขนาดนั้น

   “ไม่เชื่อ แตงโมเราเป็นเพื่อนกันมากี่ปีแค่นี้ทำไมจะไม่รู้ว่าแกอยากจะรีบกลับไปเพราะนัดใครไว้ใช่ไหมล่ะ” กันพูดขึ้น

   “แล้วทำไมพวกแกต้องมาไล่ต้อนฉันด้วยวะ! “ แตงโมเองก็เริ่มเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ

   “หยุดเถียงๆ เห็นไหมน้ำแข็งมันทำหน้าจะร้องไห้อยู่แล้ว” อ้อมพูดแทรกก่อนที่ทุกคนจะหันมามองที่น้ำแข็งเป็นตาเดียว

   “เอ๋....เปล่านะ”

   “เออๆ กลับก็ได้” สุดท้ายกันก็ยอม

---------------------------------------------------------

“สวัสดีครับน้องน้ำแข็ง”

ก้าวลงจากรถยังไม่ทันได้ออกตัวเดินด้วยซ้ำ เสียงของผู้ชายคนหนึ่งก็ดังทะลุความเงียบเข้ามา ผมสะดุ้งตกใจไม่คิดว่าจะมาเจอคนๆ นี้ที่นี่ตอนนี้

   “กูว่าละ ทำไมซื้อหวยไม่ถูกแบบนี้มั่งวะ” ผมหันกลับไปมองเพื่อนเห็นอ้อมกับกันกระซิบกันสองคน ก่อนจะชำเลืองไปมองแตงโมงที่หันหน้าหนีทำเหมือนไม่รับรู้เรืองใดๆ ทั้งสิ้น

   “อ้าวพี่ต้อง มาได้ไงคะเนี่ย” แล้วก็เป็นแตงโมที่เอ่ยทักผู้ชายมาใหม่ก่อนคนแรก แถมยังส่งเสียงประมาณว่าไม่ได้รู้เห็นกับการมาของคนคนนี้ ทั้งๆที่พวกเรารู้ดีว่าเรื่องนี้แตงโมเป็นคนจัดการ

   “ได้ข่าวว่าพวกเรามาพี่ก็เลยตามมาน่ะ แต่พี่นั่งรอตั้งนานเกือบสองชั่วโมงได้” พี่ต้องพูดยิ้มๆ แต่ชอบมองมาทางผมบ่อยๆ ถึงผมจะไม่เคยมีความรักแต่ผมก็รู้นะว่าสายตาแบบนั้นมันหมายความว่ายังไง

   “น่าสงสารจัง เนอะน้ำแข็งเนอะ” แตงโมพยักหน้าถาม น้ำแข็งก็ได้แต่ตอบว่า..

   “ฮะ”

   “ฮึ ใครใช้ให้มาล่ะ” ได้ยินเสียงกันพูดเบาๆอยู่ด้านหลัง แต่บรรยากาศที่เงียบขนาดนี้ต่อให้เบายังไงอีกฝ่ายก็ต้องได้ยินแน่ๆ แต่พี่ต้องเขาคงไม่พูดเองมากกว่า

   “ว่าแต่พวกเรากินข้าวกันมาหรือยังครับ” พี่ต้องเอ่ยถามแต่สายตาก็ยังจ้องน้ำแข็งไม่เลิก ทำไมกันนะน้ำแข็งไม่รู้สึกเขินแต่กลับรู้สึกว่าไม่ชอบ...

   “ยังเลยค่ะ พี่จะพาพวกเราไปเลี้ยงเหรอ” แตงโมตอบให้คงเห็นว่าน้ำแข็งเลือกจะเงียบ

   “อื้ม ไปกันไหม”

   “จะเลี้ยงจริงๆหรือฮะ” ยังไม่ได้พูดอะไร กันก็เอ่ยแทรกขึ้นมาเสียก่อน ทำให้ทุกคนต้องหันมาฟังอย่างสนใจ

   “จัดเต็มไปเลยเพื่อน” ประโยคนี้อ้อมกระซิบให้กันได้ยินกันสองคนแต่เผอิญว่าน้ำแข็งอยู่ใกล้เลยพอได้ยินไปด้วย

   “ใช่ครับ น้องกันอยากทานอะไรสั่งเลยครับไม่ต้องเกรงใจ” พี่ต้องเอ่ยอารมณ์ดีที่เห็นว่ากันยอมพูดดีๆ ด้วย

   “พี่ชายฉันเขาใจป้ำอยู่แล้วย่ะ โดยเฉพาะกับคนที่ตัวเองชอบพี่ต้องเขาจะทุ่มทุนไปจนถึงเพื่อนสนิทเลยนะ” แล้วก็เป็นแตงโมที่พูดขายให้พี่ชายตัวเอง น้ำแข็งได้แต่ยิ้มๆ ไม่รู้จะพูดอะไร

   จริงๆเรื่องนี้แตงโมเองก็รู้ว่าน้ำแข็งไม่ได้มีใจให้พี่ต้องเลยแม้แต่นิดเดียว แต่น้ำแข็งก็ไม่ใจร้ายพอจะปฏิเสธพี่ต้องไปตรงๆได้ พอตอนแตงโมมาขอให้น้ำแข็งช่วยพิจารณาพี่ชายเขาไปจนกว่าน้ำแข็งจะเจอคนที่ใช่ได้ไหม น้ำแข็งก็เลยยอมตอบตกลงอย่างคนเลี่ยงไม่เป็น
   ตลอดเวลาที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่มัธยม แตงโมคอยช่วยเหลือน้ำแข็งทุกอย่าง ทั้งเรื่องเรียน เรื่องกิจกรรม แม่กระทั่งเวลาที่น้ำแข็งโดนเพื่อนคนอื่นแกล้งแตงโมก็จะแปลงร่างเป็นหญิงกล้าเข้ามาปกป้องเสมอ เพราะความเป็นห่วงที่แตงโมมอบให้เพื่อนคนนี้เลยทำให้น้ำแข็งปฏิเสธคำขอนี้ไม่ลงจริงๆ
   ตอนแรกก็คิดว่าอาจจะชอบไปเองถ้าโดนตื้อมากๆ เพราะพี่ต้องก็ดูเป็นคนดี แต่ทำไมไม่รู้ยิ่งนานวันน้ำแข็งก็ยิ่งรู้สึกชัดเจนว่าคนคนนี้เขาไม่ใช่....

   “อวยจริงๆ” อ้อมเหน็บแนม

   “เขาเรียกว่าพูดเรื่องจริง” แตงโมเถียงกลับ

   “เอาเป็นว่าสาวๆอยากทานร้านไหนเลือกมาเลยนะ วันนี้พี่ตามใจ” พี่ต้องพูดขัดขึ้นอย่างคนโตกว่า มันจะดีมากเลยถ้าพี่เขาไม่ใช่คนช่างตื้อและไม่ใช่คนจุกจิกแบบนี้ บางทีน้ำแข็งอาจจะชอบพี่เขาก็ได้

   “โอเคฮะ จัดไปพวกผมจะทำตามความต้องการของพี่อย่างสุดใจเลย” กันพูดเรียบๆ ยกยิ้มมุมปากแต่ดูน่ากลัวอย่างไม่มีสาเหตุ
   บางทีเพื่อนน้ำแข็ง ก็ไม่มีใครปกติสักคนเดียว




50%


 :hao5: :hao6: :hao7: :mew1:

หมูกระต่าย

  • บุคคลทั่วไป

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด