Special Part.............. “Something”
วันที่ 31 ธันวาคม 2013
[Non Part.] หากพูดถึงการส่งมอบความสุขให้แก่กันผ่านทางกล่องผูกริบบิ้นห่อด้วยกระดาษลวดลายสวยงามคละสีที่ด้านในมีสิ่งของบางอย่าง...คงไม่ต้องบอกว่าเทศกาลอะไรทุกคนคงทราบกันดี และแน่นอนว่าคนอย่างผมไม่ใช่คนที่จะสนใจอะไรแบบนี้ไปมากกว่าการได้ออกไปเที่ยวสนุกข้ามปีแบบลูกผู้ชายพร้อมพวกเพื่อนๆตัวแสบ..ยกเว้น เรื่องหงุดหงิดใจบางอย่างที่อยากจะปล่อยผ่านไปแบบทุกครั้ง แต่ลึกๆแล้วภายในใจก็ยังอดสงสัยไม่ได้
“ได้อีกแล้วหรอวะไอ้นนท์ มึงนี่กวาดเรียบทุกเทศกาลเลยว่ะ เสน่ห์แรงกว่ากูซะอีก” ไอ้หล่อโคตรพ่อครับเห็นมันบอกจะเดินไปฝ่ายกิจกรรมนักศึกษาไม่รู้จะถูกเรียกตัวไปใช้งานหนังหน้าหล่อๆอีกตอนไหน คนหล่อบางทีก็น่าสงสารเหมือนกันนะครับ ช่วยไม่ได้มึงดันเสือกหล่อไปทั่วราชอาณาจักรแบบไร้วันหยุดนักขัตฤกษ์เองนี่หว่า
“มึงว่ากูเอาไอ้นี่ไปทิ้งดีไหม?” ผมชูสิ่งของ? บางอย่างที่เพิ่งไปเก็บมาจากบนหลังคารถของตัวเอง กล่องกระดาษขนาดกลางถูกห่อด้วยกระดาษห่อของขวัญลายดอกไม้สีส้มน่ารักอีกชั้น หากแต่ฝากล่องถูกเปิดออกเพื่อให้เจ้าของขวัญ? ที่อยู่ด้านในได้โผล่หัวออกมากอบโกยอากาศหายใจพร้อมยิงสายตาโคตรของโคตรจะบ้องแบ๊วมาใส่ผม
“เลว ทราม ต่ำช้า มึงต่ำช้ามาก นี่คือสิ่งมีชีวิตเล็กๆแสนบอบบางที่ต้องการเจ้าของ มึงยังจะเอาไปทิ้งได้ลงคอ ไอ้นนท์เห็นทีกูจะทนคบเพื่อนใจบาปแบบมึงไม่ได้อีกแล้ว”
“เกินไปครับไอ้หล่อ เกินไป จริงๆมึงหลอกด่ากูปะเนี่ย?” กูแค่จะเอาเจ้าสิ่งนี้ไปให้เจ้าของคนใหม่ที่มีความรับผิดชอบและสามารถดูแลตัวมุ้งมิ้ง?ตัวนี้ได้ดีกว่าคนกากๆที่สันดานบาปหยาบช้าแบบกูก็เท่านั้นเองทำยังกับกูไปทำใครท้องแล้วไม่รับเป็นพ่อเด็ก
“ทุกทีมึงก็ไม่เคยทิ้งของที่ได้เลยนี่หว่า จะวาเลนไทน์ สงกรานต์ ตรุษจีน สารทไทย หรือเทศกาลไหนๆมึงก็จะได้ของขวัญจากไอ้คนปริศนานี้เสมอๆ กูไม่เห็นมึงคิดมากขนาดนี้เลย”
“ก็ที่กูเคยได้มันไม่ใช่ไอ้ตัวนี้นี่หว่า!!!!! ถ้าแค่เครื่องประดับ พวงกุญแจ ตุ๊กตา ช่อดอกไม้อะไรพวกนั้นกูก็ยังพอรับได้นะเว้ย แต่นี่มัน...” พูดไปน้ำตาจะไหลครับ เกิดมาไม่เคยถูกใครทำให้สะเทือนใจขนาดนี้มาก่อนในชีวิต
“มัน?”
“มันเป็น...ลูกหมา! ลูกหมาเลยนะมึง” อย่าเอาลิ้นเล็กๆสีชมพูมาเลียแขนกูได้ไหมครับ ขนลุก แล้วสายตาจะออดอ้อนไปไหนครับอิชิวาว่า! อิหมาไฮโซ!
“มันก็แค่ลูกหมา น่ารักจะตาย มึงรู้ไหมลูกชิวาว่าสายพันธุ์แท้หลักแสนเลยนะมึง เนี่ยมาทั้งเสื้อผ้า เครื่องประดับ อาหารเม็ด สายจูงพร้อม คนให้เขาอำนวยความสะดวกให้มึงแค่ไหนหัดสำนึกซะบ้าง” อ้าว! กูผิด?! ผิดหรือที่กูไม่ชอบหมา? กูชายไทยแท้สูงเกินมาตรฐานฐานะทางบ้านค่อนไปทางดีหน้าตาเข้าขั้นพอดูได้แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ากูจะเป็นคนรักสัตว์หรอกนะเว้ย
“แต่กูไม่ชอบหมา อีกอย่างถ้าจะซื้อให้กูทั้งทีทำไมไม่เอาที่มันหล่อเข้มเหมาะกับหนังหน้ากูหน่อยวะ แล้วถ้าเป็นไซบีเรียนฮัสกี้นะกูจะไม่ว่าซักคำ”
“เขาให้ฟรียังจะเรื่องมาก” ฟรีใช่ครับ เพราะคำนี้แหละถึงได้ทำให้คนอย่างไอ้นนท์ไม่คิดอะไรมากมายให้เปลืองสมอง เมื่อเต็มใจให้ผมก็เต็มใจรับเช่นกัน ผมไม่ชอบความยุ่งยากเป็นพวกไม่เรื่องมากคิดเล็กคิดน้อยหรือใส่ใจจะเสาะหาต้นสายปลายเหตุ ผมไม่ใช่คนที่จะใส่ใจในทุกๆเรื่องที่คิดว่าอยู่ห่างไกลจากชีวิตประจำวันของผมอย่างเช่นเรื่องนี้ ผมจึงไม่คิดจะหาว่าสิ่งของทุกเทศกาลวันหยุดหรือวันไหนๆที่ผมได้รับนี้มาจากใครจนเมื่อของขวัญชิ้นล่าสุดในวันส่งท้ายปีของผมชิ้นนี้มาถึงมือ
“แล้วครั้งล่าสุดเขาให้อะไรมึงวะ?”
“นาฬิกาข้อมือ” แถมเป็นแบรนด์ที่ผมยังไม่กล้าแม้แต่จะคิดอยากได้ แค่คิดกระเป๋าก็แฟบแล้วครับ สงสัยคนๆนี้คงจะรวยมากและไม่ได้รวยอย่างเดียวนะครับต้องโง่ด้วยถึงได้ซื้อของอะไรแพงๆให้ผมตั้งหลายอย่าง แต่ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่ราคาข้าวของพวกนั้นหรอกนะที่ทำให้ผมไม่เข้าใจ ประเด็นมันอยู่ที่ทำไมถึงไม่ยอมเอามาให้ผมด้วยตัวเองมากกว่า ไม่ฝากคนอื่นมาให้ก็วางไว้บนรถบ้าง กระเป๋าบ้าง ทำตัวเหมือนพวกโรคจิตไม่มีผิด และแน่นอนว่าผมไม่เคยจับตัวได้เลยซักครั้ง
“แล้วคราวนี้ทำไมถึงเลือกซื้อหมาให้คนกักขฬะแบบมึงด้วยวะ”
“คำนั้นมึงเก็บไว้ใช้กับไอ้ธามเถอะ ไม่รู้เว้ย! ขี้เกียจคิด ปวดหัว มึงอยากเลี้ยงไหม กูให้!”
“ไม่! มึงก็รู้ว่ากูแพ้ขนหมา ถึงจะอยากเลี้ยงแค่ไหนก็เถอะ”
“เออๆไอ้หล่อสำอาง ถ้าอย่างนั้นมึงก็เอาไปให้ไอ้พี่แทนมันเลี้ยงสิ”
“เรื่อง!? เกี่ยวไรกับกู มึงจะยกให้ก็ไปถามมันเองสิ อีกอย่างคนแบบมันแค่ดูแลตัวเองยังยากเลย เหมือนมึงส่งหมาให้ไปตายชัดๆ” เออเว้ย! พูดถึงคนนี้ไม่ได้เลยของขึ้นตลอด ซักวันเถอะมึงจะได้ “ขึ้นของ” ระวังไว้ล่ะไอ้หล่อ
“มึงหึงปะเนี่ย?!”
“หึงเชี่ยไร?! สัด! มึงอย่าหาเรื่องกู”
“อ้าว เห็นหงุดหงิดก็คิดว่าเรื่องของไอ้พี่แทนมึงยุ่งได้แค่คนเดียว คนอื่นห้ามยุ่งซะอีก” ดูง่ายจริงๆลูกกูแต่ละคน ก็เป็นกันซะแบบนี้ละครับ คุณพ่อลูกสามแบบผมถึงต้องคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง
“เชี่ยนนท์! กวนตีน” ขนาดโมโหมึงยังหล่อเลยว่ะ ตอนเด็กแม่มึงให้แดกอะไรวะกูอยากจะรู้
“กูแค่ล้อเล่น ทำจริงจังไปได้ ไม่เลี้ยงก็ไม่เลี้ยงดิวะ แล้วกูจะทำไงดีวะเนี่ย” คิดแล้วกลุ้ม ว่าแล้วก็หันไปมองไอ้ตัวเล็กที่นอนหลับพริ้มอยู่ในกล่องของขวัญหลังจากไอ้ไนท์เพิ่งให้อาหารไป กินง่าย หลับง่าย ขี้ง่ายดีเหมือนกันนะมึง
“เห็นไอ้เนลมันบ่นๆอยู่เหมือนกันว่าคนปากหมาอยากได้หมาไปเลี้ยง มึงจะให้กูถามมันไหมละ?”
“กูไม่อยากส่งหมาไปตายว่ะ ขอบใจ” กิตติศัพท์พี่ไอ้ไนท์ใครๆก็รู้ มาแบบนี้แสดงว่าเจอของถูกใจเข้าให้แล้วพี่ท่านคงกัดไม่ปล่อย ไอ้เรื่องนิสัยเลวๆนี่ขอให้บอก ก็ถ้าไอ้ไนท์มันคือเจ้าชายไอ้พี่เนลก็ตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิงนั่นแหละครับ
“กูถามมึงจริงๆนะไอ้นนท์ มึงไม่อยากรู้หรอว่าใครที่คอยส่งของขวัญให้มึงมาตลอดสองปีตั้งแต่มึงยังเป็นเฟรชชี่ มึงไม่อยากเห็นหน้าเขาหรอวะ?”
“ไม่รู้สิ กูมันพวกยังไงก็ได้ ถ้าให้มาก็เต็มใจรับ และถ้าไม่อยากให้รู้ก็พร้อมที่จะไม่รับรู้เหมือนกัน” นิสัยที่ใครๆก็บอกว่าผมมันน่าโมโหที่สุด นิสัยแบบนี้แหละที่ไอ้ปอนด์มันบอกว่าโคตรสุดแสนจะกวนตีน แต่ผมก็เป็นของผมแบบนี้มาตั้งแต่แรก...ถ้าไม่รู้สึกว่าสำคัญก็ไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงอะไร
“เพราะมึงเป็นแบบนี้ไงถึงได้ปล่อยเวลาให้ผ่านเลยมาถึงสองปี ถ้าเป็นกูนะกูอยากรู้ตั้งแต่ของขวัญชิ้นแรกที่ได้รับแล้ว” ทุกคนก็พูดเหมือนกับไอ้ไนท์ ของขวัญชิ้นแรกผมได้ในวันส่งท้ายปี วันที่31เหมือนกับวันนี้ ผ้าพันคอผืนนั้นผมยังเก็บเอาไว้อย่างดี รวมถึงข้าวของทุกๆชิ้น ช่อดอกไม้ แม้แต่ของชิ้นเล็กชิ้นน้อยอย่างต่างหู พวงกุญแจ สร้อยคอ จะมีก็แต่สร้อยข้อมือของ Cartier ที่สลักคำว่า Always with you ซึ่งผมได้เมื่อวันวาเลนไทน์จะใส่ติดตัวอยู่ตลอดเวลาเพราะมันถูกใจผมมากเหมือนคนที่ให้จะรู้ว่าผมอยากได้
“ก็คนให้เขาไม่อยากให้รู้ แล้วกูจะอยากรู้ไปทำไม” ไม่ใช่ไม่พยายามตามหา แต่ลองแล้วก็ไม่เคยสำเร็จซักครั้ง ทั้งยอมทุ่มควักเงินจ่ายไอ้คนที่เอาของขวัญพวกนี้มาให้แต่มันก็ไม่เคยรับสินบน แถมแต่ละคนยังไม่ซ้ำหน้ากัน หนำซ้ำยังบอกอีกว่า “คนที่ใช้มาเขาให้เยอะกว่ามึงอีกอย่าคิดติดสินบนกูเชียว” ดูมันสิครับน่ากระทืบแค่ไหนให้ตายเถอะ
“แล้วการ์ดคราวนี้เขียนว่าไงวะ?” ต่อมเสือกมึงทำงานดีมากไอ้หล่อโคตรพ่อ
“ก็บอก Happy New Year ขอให้พบเจอแต่สิ่งดีๆ...จะคอยเฝ้ามองจากตรงนี้...รัก”
“สั้นแค่นี้?”
“มึงเคยเห็นมันเขียนไรยาวๆหรอวะ คราวที่แล้วตอนกูแข่งบอลชนะมันก็เขียนมาแค่ ยินดีด้วยนะ คนเชี่ยไรลึกลับแม้กระทั่งตัวหนังสือ”
“เออจริงของมึง หรือตัวจริงเขาอาจจะเป็นสาวน้อยขี้อายก็ได้นะมึง แบบเด็กเนิร์ดแอบรักเหมือนในนิยายแจ่มใส” ไปแล้วลูกชายกู ตั้งแต่คลุกคลีอยู่กับไอ้พี่แทนมากความแมนเริ่มหดหาย
“เรื่องของกูช่างเถอะ ว่าแต่ว่างไปแดกเหล้ากับพวกกูไหมวันนี้?” ถ้าไอ้พี่แทนยอมปล่อยให้มึงเมาส่งท้ายปีกับพวกกูได้นะ กูยอมให้เอาตีนมายันหน้ากูเลย
“เชี่ยแทนแม่งบังคับกูไปกินข้าว แต่กูไม่ไปกับมันได้นะ กูอยากไปกับพวกมึงมากกว่า” โป๊ะเช๊ะ! เดาไว้ไม่เคยพลาด
“อย่านะมึงถ้ายังไม่อยากให้วงเหล้าพวกกูแตก แล้วก็อย่าเสือกยกมาแดกกับพวกกูกันทั้งคู่ เบื่อจะฟังมึงสองคนทะเลาะกัน”
“แม่งน่าเบื่อ! รำคาญเชี่ยนี่จริงๆไม่รู้จะตามเกาะติดกูอะไรนักหนา” นี่ไม่รู้จริงๆหรือแกล้งทำเป็นไม่รู้? แต่เรื่องนี้กูจะไม่ยุ่ง ไว้มึงสองคนเคลียร์กันเอง ลำพังแค่เรื่องไอ้ปอนด์ก็ปวดหัวจะแย่ ไหนจะต้องคอยจับตาดูน้องส้มเน่า แล้วต้องคอยเฝ้าน้องชายไอ้พี่เสือไม่ให้ก่อการร้ายอะไรอีกก็เหนื่อยจะแย่แล้ว ปีหน้าพ่อลูกสามอย่างกูก็คงจะรับหน้าที่หนักสุดอีกตามเคย
“แล้วมึงจะไปตอนไหน?”
“เดี๋ยวมันมารับ ไลน์มาบอกแล้วว่าใกล้ถึง”
“งั้นกูเอาหมาน้อยนี่กลับบ้านก่อนนะ คิดว่าคุณนายแม่คงชอบ เห็นบ่นๆว่าอยากได้อะไรมาเลี้ยงแทนลูกชาย”
“สุดท้ายมึงก็ใจอ่อน...กูบอกอะไรมึงอย่างนะไอ้นนท์ บางทีคนคนนั้นเขาอาจจะรอให้มึงตามหาเขาจนเจอก็ได้นะ ยังไงก็ลองเก็บคำพูดกูไปคิดดูละกัน”
“ค้าบบบบบบบไอ้คุณชาย ไว้เจอกันปีหน้า” ตบไหล่มันเสร็จก็จัดการอุ้มของขวัญกล่องใหญ่ขึ้นแนบอกอย่างระวัง กลัวตัวน่ารักที่หลับอยู่มันจะตื่น...เจ้าของมึงเป็นใครกันแน่นะ?...ถ้าทำให้กูอยากตามหา...ตอนนี้ก็ทำสำเร็จแล้วล่ะ...แล้วเจอกัน
[Knight Part.] “เรื่องของคนอื่นเป็นที่พึงพาได้เสมอ แต่ทีกับเรื่องของตัวเองกลับไม่รู้จะจัดการยังไง” บ่นตามหลังไอ้นนท์ที่ชูนิ้วกลางหราใส่ผมเป็นคำอวยพรในวันส่งท้ายปีก่อนมันจะเดินออกไปพร้อมของขวัญแสนน่ารักไม่สมกับหน้าตา จริงๆมันก็หล่อมากเหมือนกันนะครับ แต่น้อยกว่าผมนิดนึง หึหึหึ
“เออ” กดรับสายทันทีที่รู้ว่าใครโทรมา ถึงไม่อยากรับแต่ก็ต้องรับครับ รำคาญเวลามันโทรจิก
“มึงอยู่ไหน?”
“ใต้ตึกคณะ”
“ส่งงานเรียบร้อยรึยัง?”
“เออ แล้วมึงอยู่ไหน?”
“กูถึงแล้วจอดรถอยู่หลังคณะ มึงเดินมาเลย” ทำไมกูต้องเป็นฝ่ายเดินไปหามึงด้วยวะไม่เข้าใจ หิวก็กระเพาะมึง เสือกอยากแดกข้าวก็ความต้องการของมึงล้วนๆ แล้วกูไปเกี่ยวอะไรด้วย
“เออ! เดี๋ยวเดินไป” เก็บของใส่กระเป๋า หยิบแก้วกาแฟที่ดูดจนเหลือแต่น้ำแข็งขึ้นเพื่อนำไปทิ้ง ก้าวเดินไม่ทันไรก็มีร่างเล็กบอบบางของใครบางคนพุ่งมาชนผมซะก่อนจึงต้องรีบปล่อยแก้วในมือเพื่อโอบรอบเอวคนตัวเล็กเอาไว้ไม่ให้ล้มลงจนเจ็บตัว
“โอ๊ะ!!” ใบหน้าหวานแสนน่ารักตาโตขึ้นพร้อมร้องอย่างตกใจที่รู้ว่าผมเป็นใครก่อนจะใช้แขนเรียมผลักตัวผมให้ออกห่าง
“เดินดีๆสิครับพี่ทีม ตัวยิ่งเล็กๆอยู่เกิดได้แผลขึ้นมาแฟนคลับพี่คงมากระทืบผมตาย” พี่ทีมเป็นรุ่นพี่เรียนคณะเดียวกันกับผม พี่ทีมอยู่ปีสี่แล้ว แถมยังเป็นเด็กเทรนของค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ว่าที่ศิลปินดังในอนาคตที่มีแฟนคลับนับพันๆคนตั้งแต่ยังไม่มีเพลงเป็นของตัวเอง หน้าตาน่ารักติดหวานถ้าใครมองผ่านๆก็คงเข้าใจผิดคิดว่าเป็นผู้หญิง
“พูดเกินไปน่าไนท์ แฟนคลับเราก็ใช่จะน้อยกว่าพี่ซะที่ไหนกัน ต้องขอโทษด้วยนะ พอดีพี่รีบไปหน่อยดูสิกาแฟไนท์เลยหกหมดเลย”
“ผมกินหมดแล้วครับ กำลังจะเอาไปทิ้งพอดี แล้วพี่มาทำอะไรในวันสิ้นปีครับ ปีสี่ปิดจ็อบงานใหญ่ๆหมดแล้วไม่ใช่หรอครับ หรือมีงานอะไรที่ยังค้างอยู่?”
“เปล่าหรอก เอ่อ...พี่เอาของขวัญมาให้คนคนนึงน่ะ” หน้าแดงคงจะเขินจัด สงสัยจะเป็นคนสำคัญมาก ไม่บอกก็รู้เพราะท่าทางที่แสดงออกมันบอกได้ว่ารักคนคนนั้นมากแค่ไหน ใครกันแสนจะโชคดีและโชคร้ายในคราเดียวถ้าเรื่องถึงหูแฟนคลับพี่ทีมเข้า
“นั่นสินะครับ ปีใหม่ทั้งทีมีแต่คนให้ของขวัญกัน เพื่อนผมก็เพิ่งจะได้ของขวัญไป แต่ดูมันจะไม่ถูกใจเท่าไหร่”
“ไม่ชอบหรอ!?...เอ่อ คะ คือ พี่แค่อยากรู้ว่าทำไมเพื่อนไนท์คนนั้นถึงไม่ชอบของขวัญละ?” เล่นเอาผมสะดุ้ง พี่ทีมดูจะสนใจเรื่องนี้เอามากๆ เพราะพี่ทีมเป็นคนที่ใส่ใจคนอื่นอยู่เสมอแม้กับคนที่ไม่รู้จักกันแบบนี้ละมั้งใครๆถึงได้รักพี่ทีมทั้งผู้หญิงผู้ชายพี่ทีมมักจะถูกห้อมล้อมด้วยคนที่รักพี่ทีมอยู่เสมอๆ
“เป็นลูกหมาน่ะครับ พอดีไอ้นนท์มันเป็นโรคกลัวหมา แบบมีปมตอนเด็กๆเห็นมันบอกว่าเคยไปเล่นที่บ้านญาติแล้วโดนหมากัดมันเลยฝังใจ”
“ชิวาว่าก็กลัวหรอ?”
“นั่นสิครับผมก็ไม่เข้าใจมันเหมือนกัน...ว่าแต่....................พี่รู้ได้ไงว่าเป็นพันธุ์ชิวาว่า?”
“พะ...พี่เดาเอา ถูกด้วยหรอ?” ความสามารถรอบด้านจริงๆคนนี้ ขนาดเดาสุ่มยังถูก ร้องเพลงก็เพราะ เรียนดี กิจกรรมเด่น สมแล้วที่คนอย่างไอ้คิมเคยบอกว่าถ้าเป็นผู้หญิงมันจะจีบพี่แก แต่ก็น่าเสียดายที่พี่เขาเป็นผู้ชาย แถมยังแมนจนพวกผมเองยังตกใจ
“ครับ แต่มันก็อุ้มกลับบ้านไปแล้ว จริงๆมันเป็นคนใจดีมากเลยนะครับ”
“อืม...พี่รู้”
“พี่ว่าอะไรนะครับ?” อะไรรูๆ
“เปล่า พี่บอกว่าพี่อู้นานแล้วต้องรีบเข้าบริษัท” ประโยคพี่แกยาวขนาดนี้เลยหรอวะ ทำไมตอนนั้นได้ยินแค่รูๆอะไรซักอย่าง
“ครับๆ สวัสดีปีใหม่นะครับพี่ เพลงปล่อยวันไหนก็บอกกันด้วยนะครับพวกผมจะอุดหนุน ไอ้ปอนด์มันบ่นว่าอยากได้ลายเซ็นพี่ทุกวัน”
“ปอนด์ก็เป็นแบบนั้นทุกทีแหละ วันก่อนก็เพิ่งเซ็นให้ไปจู่ๆก็โดนหลานอธิการมากระชากแล้วฉีกทิ้ง พี่งี้หน้าซีดเลยกลัวว่าทำอะไรผิดเข้าให้แล้ว”
“หมายถึงพี่เหนือแฟนมันใช่ไหมครับ อย่าใส่ใจเลยพี่ ก็น่าจะรู้ว่ารายนั้นน่ะเหนือฟ้า”
“เข้าใจล่ะๆ ไว้คราวหน้าถ้าปอนด์ขอพี่จะไม่เซ็นให้อีก ฮ่าๆๆๆ”
“นั่นก็โหดไปแล้วพี่ สงสารมันเถอะครับ”
“ครับๆ ไว้เจอกัน พี่ไปก่อนนะ”
“โชคดีครับพี่ทีม” ยิ้มให้กันเป็นการปิดท้ายก่อนจะหันหน้าไปกำลังจะก้าวขาเดินต่อแต่ก็ต้องชะงักเมื่อเจอเข้ากับบุคคลที่ผมกำลังจะเดินไปหา
“คิดอยู่ว่าทำไมถึงนานนัก ที่แท้ก็มัวแต่เที่ยวหว่านเสน่ห์ให้คนอื่นไปทั่ว”
“เป็นเชี่ยไรของมึง? หาเรื่องชวนทะเลาะตลอด” เจอหน้าก็หาเรื่องกันตลอด ขนาดวันสุดท้ายของปีก็ยังไม่เว้น ถ้าเจอกันแล้วเป็นแบบนี้ ไม่ต้องเจอกันเลยยังดีกว่า
“ไอ้หน้าหวานนั่นใคร? เดี๋ยวนี้มึงรสนิยมแบบนั้นแล้วหรอ ก็ไหนบอกกูว่าแมน”
“นั่นรุ่นพี่กู สัด! นี่มึงไม่รู้จักพี่ทีม?”
“ทีมไหนกูก็ไม่รู้จักทั้งนั้นแหละ!” โมโหหิวแล้วพาลกูชัดๆ
“พี่เขาเป็นนักร้อง แล้วก็เคยเป็นเดือนคณะแบบกู มึงไปอยู่ไหนมาถึงไม่รู้จัก”
“ทำไมกูต้องรู้จัก สู้เอาเวลาไปสนใจเรื่องแข่งรถยังดีกว่ามาเสียเวลาฟังเพลงรักเน่าๆพวกนี้เป็นไหนๆ”
“งั้นเชิญมึงไปอยู่กับท่อไอเสีย พวงมาลัย ไขควง น็อต ประแจ น้ำมันเครื่องของมึงต่อเถอะอย่ามายุ่งกับกูเลย” มันน่าโมโหจริงๆชีวิตมึงนอกจากแข่งรถกับการเดิมพันเอาชีวิตไปเสี่ยงแล้วมึงยังสนใจอะไรอยู่บ้างไหม?!
“งอนอะไรกูอีกวะ” แล้วไอ้เรื่องโมเมเหมาเอาว่าคนอื่นเขางอนเนี่ยเลิกซักที่เถอะ!
“กูไม่ได้งอน! กูโมโห! อยากเอาตีนถีบหน้ามึง ชัดไหม?!”
“กูต่างหากที่ควรโมโห เรื่องไอ้ทีมนั่นมึงยังไม่เคลียร์เลยนะ”
“มึงกับกูเป็นอะไรกัน? ทำไมกูต้องมาคอยอธิบายให้มึงฟังทุกเรื่อง!” พูดกันดีๆยังไม่เคย...หรือแค่จูบกันตอนงานวัด?...ถ้าแค่นั้นก็คงไม่มีอะไรให้คิดว่าสำคัญไปมากเกินกว่า...คนรู้จัก
“กับมึงกูไม่รู้.....แต่สำหรับกูต่อให้เป็นเรื่องเล็กแค่ไหนถ้ามึงอยากให้กูอธิบายกูก็พร้อมจะอธิบายให้มึงฟังทุกเรื่อง แต่ถ้ามันทำให้มึงยุ่งยากใจนักกูก็จะไม่เซ้าซี้มึงอีก” พูดจบมันก็สะบัดหน้าเดินหนี สิ้นปีมึงงอแงขึ้นป่าววะไอ้พี่แทน?!
“เชี่ยเอ้ย! รอกูก่อนดิ...ก็ไหนบอกว่าหิวข้าว” รีบก้าวเร็วๆเดินไปคว้าแขนมันไว้
“มึงไม่อยากไปกับกูไม่ใช่หรอ” พูดเองเออเอง เอาแต่ใจ เอาใจยาก มึงแม่งชอบทำให้กูปวดหัวทุกที
“กูก็หิวเหมือนกัน จะไปกินก็ไปสิ”
“มึงอยากกินอะไร” กลับมาทำหน้าชั่วช้าเหมือนเดิมได้แล้วสิมึง ไอ้คนเอาแต่ใจ วันสิ้นปีเขามีแต่จะไปเที่ยวกับสาวๆ ทุกปีมึงก็คงจะนอนกอดผู้หญิงข้ามปี นี่อะไรเสือกอยากจะใช้เวลาอยู่กับกู...แต่ก็...ไม่ได้รู้สึกว่าแย่อะไรหรอกนะ
“แล้วแต่มึง มึงหิวมากกว่ากู”
“งั้นไปกัน” พูดจบมันก็จูงมือผมเดินไป
“ทำไมต้องจับมือกันด้วยวะ?”
“เหมือนมึงจะหนาว” นี่กูหนาวหรอ? คิดแทนกูอีกแล้ว สัด! แต่จะยอมให้ซักวันก็ได้วะ
“เออ นี่...กูให้ สวัสดีปีใหม่ ขอบอกไว้ก่อนว่าพวกกุญแจแบบนี้กูให้ทุกคน มึงห้ามสำคัญตัวเองผิด” โยนพวงกุญแจรูปรถแข่งให้มัน มันรับไว้แล้วหันมายิ้มพร้อมจ้องหน้าผม
“แล้วคนอื่นเป็นรูปรถแข่งแบบของกูไหม?”
“ไม่บอก”
“ไนท์ นะๆๆ บอกหน่อย” อย่ามาอ้อนซะให้ยาก แล้วคิดว่าตัวเองน่ารักนักหรือไง สยองมากกว่า กูหลอนหมดแล้วเนี่ย
“ถ้าให้บอกกูจะไม่ไปกินข้าวกับมึง” ต้องดัดนิสัยไอ้ซาตานตัวร้าย ไอ้คนเอาแต่ใจ
“เออก็ได้ ไม่อยากรู้ก็ได้วะ...ขอบใจนะ....................ส่วนนี่ของมึง” พูดจบมันก็นำบางอย่างมาใส่ที่ข้อแขนผม เป็นนาฬิกาข้อมือแบบที่ผมเคยบ่นว่าอยากได้ ไม่คิดว่ามันจะจำได้ด้วย พอเปรียบเทียบดูแล้วของขวัญผมกับมันนี่ราคาคนละเรื่องกันเลย
“จำได้ด้วยหรอวะ เห็นตอนนั้นมึงเอาแต่สนใจของแต่งรถมึง”
“ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับมึง...กูจำได้ทั้งนั้นแหละ” แหวะ! เลี่ยนจนจะอ้วก แต่...
“ขอบใจนะ”
“อืม” ยิ้มให้กันอยู่ซักพัก...บางครั้ง...การอยู่กับคนแบบมันในวันสิ้นปี...ก็ไม่ได้เลวร้ายเสมอไป...ปีหน้าก็คง...จะยังทะเลาะกันเหมือนเดิมสินะ...ไอ้บ้าเอ้ย...ทำไมตอนนี้กูถึงคิดว่ามึงโคตรของโคตรน่ารักเลยวะไอ้พี่แทน...มึงวางยากูตั้งแต่ยังไม่ทันข้ามปี...เห็นทีปีหน้าคงต้องรับศึกหนัก
มีต่อนะจ๊ะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ