51. พี่เสือ น้องกระต่ายกับความลำบากใจของพี่ชาย
"...." สอางค์ไม่มีคำพูดใดๆ ให้กับสองพี่น้องที่นั่งอิงแอบกันอยู่ หลังจากเสือประกาศข่าวแล้วก็นั่งกระหนุงกระหนิงกับกระต่ายราวกับว่าทั้งโลกมีอยู่กันแค่สองคน
ลักซอร์เบิกตาโต ถามเสียงดัง "เฮ้ยยย นี่ตกลงใช้เพลงที่กูเลือกใช่ป้ะๆ ?"
"ห่าสิ" พี่เสือตอบแยกเขี้ยว
"เพลง ? ซอเลือกให้ ?" กระต่ายน้อยขมวดคิ้ว เพื่อนๆ จึงกอดอกแล้วพยักหน้าตอบ
"ก็ใช่น่ะสิ"
คนตัวเล็กถึงเพิ่งคิดได้ "อ๋าา ถึงว่าสิ! ทำไมพี่เสือจู่ๆ เล่นกีตาร์เป็น แล้วเอาเพลงมาจากไหนกัน"
กระเจี๊ยบเข้ามาร่วมวงด้วย "กีตาร์น่ะไคโรสอนให้ แล้วซอช่วยเลือกเพลง"
"โหห" กระต่ายตาโต ก่อนจะทำปากคว่ำให้เพื่อนๆ "แอบทำอะไรไม่บอกกันเลย!"
"บอกก็รู้สิ" ลูกโป่งตอบ เกาหัวแกรกๆ ชักไม่เข้าใจตรรกะของคนตัวเล็กแล้ว แต่กระต่ายทำปากคว่ำใส่พี่ชายหรือ 'แฟน' หมาดๆ แล้วทำแก้มป่องอย่างน่ารักให้ ส่วนพี่ชายก็ไม่มีเวลามาสนใจเพื่อนๆ ทั้งเนื้อทั้งตัวถลาเข้าหาเจ้าตัวเล็กประหนึ่งติดแม่เหล็ก
มีคนว่าไว้ คนมีความรักมักจะมีโลกสดใส คงจะจริงตามนั้น เพราะพี่เสือตาเยิ้มเหมือนเมายา อารมณ์ดีผิดปกติได้หลายสัปดาห์ ทั้งๆ ที่โดนเพื่อนๆ แซวประจำ ขนาดลูกโป่งเข้าไปกวนยังไม่โดนตบบ้องหูกลับมาเหมือนอย่างเคยเลย
จัมโบ้กอดอกยืนดูอยู่ใกล้ๆ กระเจี๊ยบและสอางค์ สูดปากพลางรำพัน "มึง... ตอนกูเป็นแฟนอีเจี๊ยบใหม่ๆ กู... คงไม่ขนาดนี้ใช่ไหม ?"
"คนมีฟามรว๊ากกมักไม่ทำหน้าตาบึ้งตึง" ลูกโป่งตะเบ็งเสียงร้องเพลงแปดหลอด ไม่ถูกคีย์ ถูกโน้ตสักตัว แต่พี่เสือที่โดนแซวกลับหน้าตาเฉยเมย อี๋อ๋อกับ 'แฟน' หมาดๆ ไม่สนใจเพื่อนสักน้อย
"...จะให้กูบอกเหรอ ?" สอางค์ขยับแว่นตอบ ปรายตามองไปยังคนถามและเพื่อนตัวผอม ผิวซีด ใส่แว่นอีกคนหนึ่ง
กระเจี๊ยบส่ายหน้ารัว แก้มซีดขึ้นสีแดงๆ ขึ้นมาทันตาเห็น ก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่อง "แฮ่ม... แล้วซอมันไปไหน ?"
เพื่อนและแฟนส่ายหัวพร้อมกัน "ใครรู้ก็แปลกล่ะวะ"
"มันเคยอยู่ที่ไหนเป็นที่เป็นทางด้วยเหรอ ?" สอางค์ถอนหายใจ "กูอุตส่าห์คิดว่าจะให้มันช่วยดูแลต่ายน้อย ที่ไหนได้อยู่ที่ไหนได้แป๊บๆ ก็เผ่น"
"ตอนนี้มีเสือแล้วนี่..."
นั่นสินะ มีพี่เสือแล้ว ใครในโลกจะดูแลกระต่ายได้ดีเท่าพี่ชายอีกล่ะ ? สองสามสัปดาห์ที่ผ่านมาเพื่อนๆ ก็ประจักษ์แก่สายตาว่า 'การดูแล' ของพี่เสือน่ะแอดวานซ์ขนาดไหน
'ต่ายน้อย กินอีกนิดนะครับ'
'ตรงนี้มีกระดูก เดี๋ยวพี่เสือเลาะให้นะ'
'ต่ายน้อย เปื้อนตรงมุมปากน่ะ' อืมม... สอางค์ครางในใจ ไอ้ท่าโน้มตัวออกไปแล้วใช้นิ้วปาดชิ้นส่วนไข่พะโล้บนแก้มนวลๆ นั่นช่าง... พระเอกเสียเหลือเกิน ถ้าไม่มีลักซอร์และลูกโป่งที่ทะเลาะกันแย่งลูกชิ้นทอดใกล้ๆ สอางค์อาจจะคิดว่าตัวเองอยู่ในภัตตาคารอาหารฝรั่งเศสสุดหรูใจกลางปารีสระดับมิชลินห้าดาว ล้อมรอบด้วยแสงไฟระยิบระยับจากหอไอเฟลเป็นแน่
ตอนนี้ก็เช่นกัน ช่วงเช้าก่อนเข้าแถวแบบนี้ เด็กๆ จะมารวมกลุ่มกัน ปกติแล้วลักซอร์จะมาสายที่สุด ทันบ้างไม่ทันบ้าง หรือบางวันที่มาทันก็จะมาหาเรื่องทะเลาะกับเพื่อนคนอื่นๆ เป็นที่ครื้นเครง ส่วนสองฝาแฝดน่ะเหรอ...
"พี่เสือจ๋า หนูอยากกินไอติม" กระต่ายก็อ้อน... ตามปกติในสายตาเพื่อนๆ แต่คนตาดีจะสังเกตเห็นดวงตาแวววาวและแก้มกลมๆ ขึ้นสีจางๆ น่ารัก
"ไว้ก่อนนะ" พี่เสือยิ้ม... หวาน แต่เพื่อนๆ สยอง "กินเช้าๆ เดี๋ยวปวดท้อง" มือใหญ่จะแตะแก้มนวลเบาๆ แต่พื้นผิวที่สัมผัสนั้นกลายเป็นสีแดงระเรื่อ และกระต่ายขาวก็จะกลายเป็นกระต่ายชุบแยมสตอบอร์รี
เพื่อนๆ ที่เหลือกลอกตา ดูพี่เสือที่เกี้ยวเอง เขินเอง กระต่ายที่อ้อนเอง เขินเอง
อืม เล่นเอง ชงเอง เสิร์ฟเอง ไม่ต้องรอเพื่อนร่วมทีมกันทีเดียว!
สองเดือนกว่า ล่วงไปเป็น.... สามเดือน ฤดูกาลสอบปลายภาคครั้งแรกของเด็กม.4 ก็เข้ามาเยือน พี่ๆ ม.6 อย่างพี่น้ำแกงที่รู้ผลสอบตรงไปแล้ว ส่วนใหญ่จะหายจ้อย ไม่ก็มาเดินเล่นที่โรงเรียนสักพักแล้วก็กลับ
เพื่อนๆ พากันนับนิ้วว่าระยะโปรโมชั่นของพี่เสือจะยาวนานแค่ไหน ดูอย่างกระเจี๊ยบและจัมโบ้สิ โปรโมชั่นสุดคุ้มมีอยู่สามเดือนเต็ม หลังจากนั้นก็ไม่ได้กระหนุงกระหนิงอย่างกวนเบื้องล่างของเพื่อนๆ เท่าไหร่แล้ว
เช้าวันนี้ก็เช่นกัน จัมโบ้ที่ปกติต้องกระแซะอยู่กับแฟน ตอนนี้กลับนั่งครองเก้าอี้อยู่คนเดียว ด้วยเหตุผลว่าร้อนจึงไล่แฟนตัวเองไปนั่งกับสอางค์หน้าตาเฉย พี่เสือกับน้องกระต่ายคลอเคลียหงุงหงิงน่ารักกันอยู่สองคน ไคโรกับลักซอร์สองพี่น้องนั้นกำลังทำ 'ศึกสายเลือด' อย่างขะมักเขม้นอยู่กลางสนามฟุตบอล มีเพื่อนร่วมทีมอีกสิบกว่าคนคอยวิ่งหนีลูกเตะอัดหน้าของพี่สาวและน้องชาย ส่วนลูกโป่งที่ไปก้อร่อกอติกสาวๆ ก็วิ่งปราดกลับมาหาพรรคพวกแล้วประกาศข่าว
"พี่น้ำแกงติดถาปัตย์แล้ว"
"อ้า..." สอางค์เบิกตามองเพื่อนแล้วพยักหน้า ไม่มีใครแปลกใจ ลูกโป่งยุกยิกสักครู่เมื่อเห็นเพื่อนๆ ไม่หือไม่อือก็ประกาศข่าวต่อ ตามประสาคนสอดรู้สอดเห็น
"พี่ฟงก็ติดนะ... วิดวะด้วย"
"หืม ?" คราวนี้เรียกร้องความสนใจได้บ้าง พี่เสือจริงๆ ไม่อยากมีส่วนร่วมหรอก ใครจะติดอะไรก็ช่างปะไร ตอนนี้ 'เสือติดต่าย' ก็พอแล้ว
แน่นอนแค่บ่นออกไปแบบนั้น เพื่อนๆ พากันโห่ให้เป็นขบวนกลองยาว แต่คนหน้าหนาไม่สะท้านสะเทือน มีแต่กระต่ายน้อยที่หยิกเอว 'แฟน' ตัวเองเต็มรัก
"แฮ่ม... มึงคิดได้ไงวะ เสือติดต่าย" กระเจี๊ยบทำตาโต ท่าทางพะอืดพะอม
"คนมีฟามรว๊ากกก" ลูกโป่งโก่งคอจะตอบให้ เพื่อนๆ ทั้งกลุ่มแม้กระทั่งกระต่ายน้อยยังตะโกนใส่หน้า
"พอ!"ความรักของเสือดำเนินไปอย่างเรียบร้อย แม้เพื่อนๆ จะแซวโห่ฮาเพียงใด ก็ไม่อาจทำให้ความมุ่งมั่น มั่นคงดุจหินผาของเด็กหนุ่มสั่นคลอนได้ อีกทั้งนอกจากเจ้าตัวน้อยตัวกระจิดริดแล้ว ก็ไม่มีใครทำให้เสือหนุ่มถูกลบลาย หน้าแดงแจ๋ได้อีก
แต่กระนั้นเลย... ยิ่งนับวันเสือยังดูเหมือนแปลกตา ไม่ใช่เพราะเอาอกเอาใจกระต่ายหรอก แต่กลับดูโทรมอย่างไม่น่าเชื่อ ถึงแม้หน้าตาจะยิ้มย่องอยู่ตลอด แต่ดวงตากลับลึกโหล เหมือนคนนอนไม่หลับมานาน
ทั้งๆ ที่ความรักก็ราบรื่นดี แต่ทำไมเจ้าตัวยังมีสภาพเหมือนคนโดนของได้ ? สอางค์สั่นศีรษะเชิงบอกว่าไม่รู้ให้กับคนอื่นๆ มีแต่จัมโบ้ที่หัวเราะหึๆ เอามือพาดไหล่เพื่อนพลาง ยักคิ้วพลาง
"นี่... บอกต่ายน้อยเพลาๆ มือหน่อยสิ"
"หะ ?" เสือหนุ่มเลิกคิ้วสูง
"ไม่อยากเชื่อเลยนะ... ว่าอย่างมึงจะยอมเป็นรับ กูละนับถือในความรักของมึงจริงๆ เสียสละตัวเองไม่ให้ต่ายเจ็บ"
ทีนี้คิ้วของคนถูกนับถือขมวดเขม็ง เหลือบไปมองกระต่ายตัวขาวเล่นกับลูกโป่งแล้วตอบเสียงเข่นเขี้ยว "*วย"
"น้องมึงก็ท่าทางเป็นห่วงมึงเหมือนกันนะ เอางี้... กูให้อีเจี๊ยบไปเอายาสอ..."
โป๊ก! เสียงโบกศีรษะดังสนั่น กระต่ายเงยหน้าขึ้นมองตามเสียง ขมวดคิ้วน้อยๆ ให้คนรัก "พี่เสือ ?"
"ไม่มีอะไรครับ" พี่เสือยิ้มแต้ให้ แล้วรีบลากเพื่อนตัวดีออกจากรัศมีคนรัก
"ห่า! คิดได้ไง..." เสียงดุดันแม้จะเบาแต่ก็แฝงความเคียดแค้นได้เต็มเปี่ยม เพื่อนชูมือเชิงป้องกันตัว ยังไม่วายยียวน
"*วย ก็ทำท่าเหมือนโดนจัดหนัก! ฮ่าๆ" ร่างยักษ์ปล่อยเสียงฮาอย่างไม่สนใจสายตาเกรี้ยวกราดเลย คงเพราะรู้จักกันดีเลยรู้จังหวะ รีบหลบก่อนจะโดนอีกโป๊ก
"ไอ้ห่า! เพราะกูกลุ้มใจโว้ยย" เสือร้องพลางถอนหายใจ เลิกเอาเรื่องกับไอ้เพื่อนตัวถึก ซ้อมมันก็เท่านั้น รังแต่จะหาเรื่องให้มันไปฟ้องกระต่ายน้อยอีก
"เหยดดดดด อย่างมึงเนี่ยนะกลุ้มใจ ?" จัมโบ้ตอบ "กูเห็นมึงชื่นมื่นกับต่ายดีนี่หว่า รักลับๆ ของมึงสำเร็จแล้วไม่ใช่เรอะ"
ร่างยักษ์พอฟัดพอเหวี่ยงกันปรายตามองเชิงดูถูกแล้วจึงตอบเสียงเย็น "กูไม่ใช่พวกจับได้เป็นเสียบเหมือนมึง"
เพื่อนได้ฟังก็ถกแขนเสื้อขึ้นบ้าง "อ้าว ไอ้ห่า ด่ากูได้ อย่าด่าเมียกูเชียว..."
"พวกมึงน่ะมันง่าย" เสือหนุ่มไม่ได้ถือสากับท่าทางหาเรื่องของเพื่อนนัก "...มึงเข้าใจมั้ย ของอร่อยอยู่ข้างหน้า แต่แดกไม่ได้น่ะ ?"
"เออ..." จัมโบ้เกาหัวแกรกๆ เข้าใจเรื่องราวเข้ามาทันที เลยเดินไปตบไหล่ปุๆ อย่างเห็นใจ "เมื่อก่อนมึงก็ไม่ได้แดกนี่หว่า..."
"...แต่เมื่อก่อนเหมือนถูกเก็บไว้ในเซฟนี่หว่า อย่างน้อยๆ ก็ยังไม่เห็น ไม่ได้กลิ่น แต่นี่กูรู้ว่าเป็นของกู อยากแดกชิบหายแต่ไม่กล้านี่สิวะ"
เพื่อนเลยกลืนน้ำลายลงคอ จินตนาการตามไปด้วย...
...มันก็จริง ระหว่างเขากับกระเจี๊ยบที่ทนได้เพราะไม่ได้เห็นหน้าค่าตากันทุกวัน ไม่ได้อยู่บ้านเดียวกันหรือใช้ห้องน้ำร่วมกัน ถ้าเขาเป็นเสือ ก็ไม่แน่ใจว่าจะไม่เผลอกลืนอาหารอร่อยตรงหน้าให้หมดในคำเดียวหรือเปล่า
"กูนับถือมึงละ..."
ความสัมพันธ์พิเศษ ทั้งยังต้องเก็บซ่อนไว้ให้เป็นความลับ เมื่อดำเนินมาถึงจุดนี้แล้ว คล้ายกับถึงเส้นชัย แต่กลับเหลือระยะทางอีกยาวไกลจนต้องถอนหายใจ
"มึงก็สอนน้องสิ..."
"เคยเกริ่นๆ แล้ว..."
"แล้ว ?"
"มึงเห็นตาแดงๆ แล้วยังจะทำลงเหรอวะ ?"
ความเป็นชายมันอึดอัด ที่ผ่านมาเสือเคยใช้ผู้หญิงระบาย แต่บัดนี้มีคนรักสุดหัวใจเพียงคนเดียว เลยต้องไปทุ่มกีฬาและการเรียน จนครูเอ่ยปากชมเลยว่าปีนี้คนที่ได้คะแนนสูงสุดคงไม่พ้นแฝดผู้พี่
เพราะไม่อยากเร่งเร้า... อีกทั้ง... เพื่อนๆ ไม่เคยรู้ว่า เบื้องหลังพี่เสือที่เก่งกล้า ดุดันเฉียบขาดนั้นจะหน้าชื่นอกตรมขนาดไหน
เมื่อก่อนเป็น 'พี่ชาย' ยังได้ถือโอกาสจับต้อง แอบจูบบ้าง แต่นี่เป็น 'คนรัก' กระต่ายผู้ขี้อายกลับไม่ยอมให้แตะต้อง แล้วไหนเวลาอยู่สองต่อสองที่กระต่ายไม่ค่อยเจียดให้คนรักอีก...
จัมโบ้ปิดปากสนิท เพราะเป็นคนนอก เลยไม่อาจเข้าใจความรู้สึกของเพื่อนได้ แต่อาการคัดแน่นเต็มปรี่น่ะ เข้าใจหัวอกเลย!
เด็กหนุ่มร่างยักษ์สองคนทอดสายตามองไปยังร่าง 'แฟนหนุ่ม' ที่ตัวบางกันทั้งคู่พร้อมกันโดยไม่ตั้งใจ
"กระเจี๊ยบมันบอกใกล้สอบ..." พูดลอยๆ แค่นั้นก็เป็นอันเข้าใจ พี่เสือจึงตบไหล่เพื่อนเบาๆ เชิงให้กำลังใจ
หลังอาหารเย็น กระต่ายและเสือก็ขอตัวขึ้นชั้นบน คุณพ่อคุณแม่ได้แต่ทอดสายตามองอย่างเป็นห่วง
"เสือ ช่วงนี้โทรมขึ้นเยอะนะ"
ลูกชายคนโตยิ้มน้อยๆ แต่ดูแสนฝืดเฝือ "ไม่มีอะไรหรอกครับ"
"เด็กๆ อ่านหนังสือหนักไปไหม ? แค่มอสี่กันเอง ไม่ต้องรีบร้อนนะ อยากเรียนอะไรก็เรียน"
กระต่ายนิ่งไปสักครู่ ก่อนยิ้มตอบ "หนูหัวไม่ดี... ต้องขยัน"
คุณแม่ถอนหายใจ ลุกขึ้นมาขยี้หัวเด็กน้อยแรงๆ "นิสัยแบบนี้ได้พ่อมาแหง... เอาเถอะนะ ขยันเรียนก็ดี แต่อย่าลืมนะว่า ชีวิตวัยรุ่นน่ะ มันสั้น ต้องใช้ให้คุ้ม" ว่าแบบนั้น แต่คุณพ่อเหล่มองเชิงปราม ลูกๆ พยักหน้าเชิงรับรู้และพากันเดินออกจากห้อง
เด็กแฝดแปลกไปช่วงนี้... นี่คือสิ่งที่คนเป็นพ่อแม่รู้ ความสัมพันธ์ที่เคยสนิทสนมกันเคยร้าวไปครั้งหนึ่ง ครั้งนี้กลับดูแปลก เหมือนจะกลับมาดีกันแล้ว แต่ก็มีระยะบางอย่างกั้นอยู่ อย่างไรก็ตาม ทุกคนเห็นได้ชัดว่ากระต่ายไม่ยอมให้พี่ชายกอดหอมอีกแล้ว แม้พี่เสือจะยังปรนนิบัตรรับใช้น้องชายอย่างดีเหมือนเดิม แต่กระต่ายมักจะหลบตาหรือหลีกเลี่ยงพี่ชายเหลือเกิน
คุณพ่อคุณแม่คิดว่า... คงเป็นเพราะเรื่องของพี่เสือเลยทำให้กระต่ายกำลังพยายามรักษาระยะห่างและเติบโตมากขึ้น
แต่ที่จริงแล้ว...
พอปิดประตูแล้ว ร่างเล็กจ้อยที่สูงไม่ถึงอกพี่ชายนั่งแปะบนพรมอย่างหมดแรง "พี่จ๋า... พ่อกับแม่จะจับได้ไหม ?"
"ไม่นะ" พี่ชายดึงแขนบางขึ้นมา จัดท่าให้คนรักนั่งตัก โน้มตัวลงกอดและคลอเคลียแฟนตัวน้อยหน้าตาเฉย "อืมม หอมจัง จุ๊บที"
"อื้อ...!" จะห้ามก็ใช่ที่ กระต่ายเลยได้แต่เอนตัวลงอิงกับอกกว้าง ปล่อยให้คนตัวโตพรมจูบบนต้นคอและลาดไหล่ "พี่เสือ... เป็นแฟนคือแบบนี้เหรอ ? เราเป็นแฟนกันตั้งหลายเดือนแล้ว แต่ทำไมมันคล้ายๆ กับตอนไม่เป็นเลยล่ะ" เสียงใสๆ เอ่ยถามไม่หยุด มือก็พยายามดึงเอาหนวดปลาหมึกที่ยุ่มย่ามต้นขาและหน้าอกออก "แล้วพี่เสือเป็นอะไรไป ? หนูถามตั้งหลายรอบแล้วทำไมไม่บอกซักทีว่าทำไมดูโทรมๆ ?"
คราวนี้พี่ชายชะงักกึก จะบอกได้อย่างไร... ว่าอยากจับน้องน้อยลงบนเตียง ฉีกทึ้งเสื้อผ้า ซุกหน้าโลมเลียทั่วทั้งร่างจนเปียกชื้น... สอดใส่รุนแรงจนได้ยินเสียงครางหวานๆ
เพ้อฝัน... ตอนนี้ได้กอดจูบลูบคลำก็ดีเท่าไหร่แล้ว กระต่ายตัวเท่านี้ ถ้าหากเขาทำจริงๆ แล้วล่ะก็ กลัวเหลือเกินว่าจะกลายเป็นการทำร้ายมากกว่าร่วมรัก
ถึงจะใกล้แค่เอื้อม แต่ความฝันของพี่เสือกลับดูไกลลิบตา ได้แต่ภาวนาให้กระต่ายน้อยโตไวๆ จะได้ไม่เฉามือตอนอยู่บนเตียง
คิดได้แล้ว เสือหนุ่มจึงตัดสินใจตอบคลุมเครือ "เพราะพี่ดูแลต่ายน้อยเหมือนคนรักมาตลอดไงล่ะ... เลยเหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง"
กระต่ายฟังแล้วนิ่งไป เอียงคอถาม "แล้วทำไมต้องเป็นแฟนกันด้วยล่ะ ?"
นั่นสินะ... มือใหญ่ลูบเรือนผมนิ่มอย่างใจลอย ถึงเคยบอกไปครั้งหนึ่งแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าหากไม่บอกให้ชัดเจน กระต่ายน้อยคงไม่มีทางเข้าใจ
"มันต่างกัน... ที่ตรงนี้ไง" พี่ชายอุ้มน้องเล็กขึ้นพาดบ่า กระต่ายร้องเหวอ ดิ้นพราดๆ อย่างต่อต้าน จวบจนกระทั่งถูกร่างใหญ่โตวางลงบนเตียง
"แบบนี้..." ริมฝีปากอุ่นค่อยๆ โน้มเข้ามาใกล้ พร้อมกับสัมผัสแสนนุ่มนวลแทบละลาย.... แต่เพียงชั่วครู่เท่านั้น พี่เสือก็ค่อยๆ ถอนจูบออก ส่งยิ้มให้คนแก้มแดงด้านล่าง
"แบบพี่น้อง... แต่ถ้าแบบคนรัก..." กลางร่างกายเริ่มร้อนผ่าว พี่เสือสูดลมหายใจลึก มองน้องเล็กที่นอนตาแป๋ว แก้มแดง แล้วแนบริมฝีปากลงไปอีกครั้ง
ปากอิ่มจิ้มลิ้มหวานฉ่ำ ริมฝีปากของเสือดุดัน ง้างงับปากนุ่ม พร้อมมือใหญ่กร้านบีบที่ตรงปลายคางให้เด็กน้อยอ้าปากรับเอาลิ้นร้อนเข้าไป
ลิ้นพี่เสือเคลื่อนไหวดุนดันจนกระต่ายกลัว แต่หากว่ากลับไร้เรี่ยวแรงจะต่อต้าน สองมือได้แต่จับบ่าแข็งแรงตรงหน้าขณะอ้าปากให้กว้างขึ้นเพื่อให้ลิ้นหนาเข้ามาโลมไล้ภายใน ลิ้นร้อนดุนดัน เกี่ยวกระหวัด ดูดกลืนน้ำลายอย่างไร้จังหวะพัก กระต่ายใจเต้นรัวแทบทะลุออกจากอก ลมหายใจหอบกระชั้น แต่พี่ชายกลับไม่ยอมปล่อย เขาดูดไรฟันขาว ขบเม้มริมฝีปากนุ่ม กระต่ายรู้สึกเหมือนถูกดูดวิญญาณไป
กระทั่งพี่ชายถอนริมฝีปากออก แต่ความร้อนผ่าวยังอยู่บนปากอิ่มและหยาดน้ำใสเยิ้มออกจากมุมปากน้อยๆ คนตัวโตโน้มตัวลงมาโลมเลียทุกหยาดหยด กระต่ายหายใจหอบ ดวงตาปรือปรอยแสนหวาน แก้มแดงจัด เสือจึงค่อยๆ ช้อนตัวคนตัวเล็กขึ้นมา พรมจูบบนต้นคอ ขบเม้มเนื้ออ่อนให้ขึ้นสีระเรื่อๆ แม้ตัวเองจะอึดอัด คับแน่น แต่เขาก็ไม่ต้องการระบายความรุนแรงลงบนร่างบอบบางนี้เลย
"แล้ว... พี่จะจูบแบบนี้..." นิ้วอุ่นแตะบนปากนุ่ม "แต่จะจูบทั่วทั้งตัว..."
กระต่ายเบิกตาโพลง ผิวขาวจัดกลายเป็นสีแดง พูดอะไรไม่ออกนอกจากมองมือใหญ่ค่อยๆ สอดเข้าที่กางเกง ลูบไล้ต้นขานวลจนสูงขึ้นเรื่อยๆ...
"อ๊ะ อย่า!" เสียงหวานอุทาน หนีบขาแน่นเมื่อมือร้อนจัดค่อยๆ ดึงกางเกงในลง
แต่พี่ชายไม่ฟังคำ ริมฝีปากพรมจูบลาดไหล่หอมกรุ่น มือใหญ่สอดเข้าไปตรงระหว่างขาสองข้าง กระต่ายสะดุ้งเฮือก รับเอาสัมผัสจากมือหยาบที่โอบอุ้มท่อนลำเล็กและสองถุงนุ่มพร้อมกันและเค้นคลึงช้าๆ
กระต่ายพยายามดิ้นรนให้พ้น แต่ริมฝีปากร้อนเข้าทาบทับเสียก่อน เล่นเอาหัวใจแทบระเบิด ร่างกายอ่อนแรงเหมือนไม่มีกระดูก ด้านล่างลำตัวยังถูกนวดเบาๆ ด้วยมือสาก...
"นี่คือคนรัก... พี่จะจับ จูบตรงไหนก็ได้" พี่เสือกระซิบข้างหู เสียงต่ำ แผ่วและเหมือนอดทนอดกลั้นมามากมาย "ต่ายน้อย... จับดู"
มือบางถูกจับให้แนบกับระหว่างขาพี่ชาย กระต่ายอ้าปากค้าง หน้าแดงยิ่งกว่าเดิม
"พี่เสือ!"
ความเป็นชายของเสือหนุ่มเร่าร้อนนัก แข็งกร้าวและใหญ่โต กระต่ายลมหายใจสะดุ้งห้วงจนแทบเป็นลม
"พี่จะใส่ตรงนี้... เข้าไปในตัวต่ายน้อย"
"ใส่...!?" กระต่ายอุทาน รีบสั่นหัวเอ่ยเสียงสั่น "มะ... ไม่ได้นะ!"
"เข้าไป..." มือในกางเกงในเริ่มขยับอีกครั้ง กระต่ายตัวแข็งแกร็งเมื่อมือนั้นค่อยๆ เลื่อนไปยังส่วนทางด้านหลัง... บั้นท้ายนุ่มนิ่ม รัดรึงได้รูป นิ้วยาวๆ ค่อยๆ สอดเข้าเกี่ยวกับปากทางแสนหวาน พี่ชายจุมพิตข้างขมับ กระซิบเจือลมหายใจหนักๆ ว่า "ตรงนี้..."
"อ๊า..." เสียงอุทานเบาแสนเบา คล้ายแมวคราง "อย่า...จับ"
"นุ่มจัง" นิ้วยังคงถูวนตรงปากทาง ขณะที่อุ้งมือและส่วนที่เหลือลูบไล้ท่อนลำเล็ก "แตกต่างจากเป็นพี่น้องไหม ?"
กระต่ายตัวสั่นระริก ผิวกายนวลร้อน โดยไม่รู้ตัว ขาทั้งสองข้างค่อยๆ ถูกแยกออกจากกัน พี่ชายยิ่งตะปบลงเคล้นคลึงทั้งส่วนกลางเล็กจ้อยและช่องทางด้านหลังทั้งไม้ทั้งมือ
"อืมม ต่ายน้อยน่ารัก"
"อ๊ะ... อ๊าา..." แค่ถูกจับ... กระต่ายก็น่ารักขนาดนี้ เขายิ่งเลียริมหูอย่างบ้าคลั่ง ช่องทางนุ่ม รอยจีบสีชมพูขยับราวกับต้องการดูดกลืนนิ้วเขาไปจนหมด
...ถ้าหากสอดใส่เข้าไป ความหวานหอมคงจะโอบล้อม รัดรึง ตอดกระตุกถี่ยะยับ
อา... ชายหนุ่มไม่อาจฝืนทนต่อไป ภาพจินตนาการเตลิดไปไกล เขารีบประกบปากกับยอดอกน่ารักผ่านเสื้อยืด ใช้ลิ้นช้อนเม็ดทับทิมน้อยขึ้นก่อนจะดูดเม้ม อยากเห็นภาพอกบอบบางเปียกแฉะ ยอดอกทั้งสองบวมช้ำ แดงก่ำหลังจากถูกเขาครอบครองรุนแรง
มือใหญ่เลิกเสื้อขึ้น กระต่ายสะดุ้งเฮือก ร้องเบาๆ แต่ก็ไม่ทันพี่ชายที่เข้าจู่โจมยอดอกสีชมพู ฟันคมขบกัดอย่างเอร็ดอร่อย ในขณะที่มือใหญ่ยังกลั่นแกล้งกลางหว่างขาไม่หยุดยั้ง
กระต่ายถูกจู่โจมพร้อมกันจนไม่อาจรับรู้อะไรได้อีก สมองว่างเปล่า เอวน้อยค่อยๆ ขยับตามมือใหญ่ชักนำ ท่อนลำขนาดเล็กถูกนวดเคล้นจนค่อยๆ ตั้งยอด ความร้อนผ่าวแผ่มายังท้องน้อย กระต่ายอับอายจนไม่กล้าทำอะไรอีกแล้ว ยิ่งลิ้นสากเปียกชื้นดูดกลืนยอดอกรุนแรงจนเหมือนจะดูดให้หลุดออก กระต่ายยิ่งตัวสั่น ไม่รู้ว่าความรู้สึกเหมือนตกจากที่สูงแบบนี้เรียกว่าอะไร แต่มันช่าง...
...วาบหวามแต่ทว่า...
"ต่ายน้อย! ดูหนังสือเสร็จมากินพุดดิ้งนะลูก!" เสียงเรียกจากชั้นล่างกระชากเอาสติกลับมาสู่ร่างเล็ก
คุณแม่!ดวงตากลมเบิกโพลง ลมหายใจหอบถี่มองดูคนตรงหน้าและสภาพตัวเองที่ไร้เรี่ยวแรง กระต่ายรวบรวมเรี่ยวแรงที่เหลือผลักพี่ชายออก กระโดดลงจากเตียงเหมือนสัตว์เล็กหนีจากคมเขี้ยวเสือร้าย
พี่ชายรีบตะครุบเอาปลายเท้านุ่ม แต่กระต่ายรีบสะบัดหนี ทั้งที่จริงจะกระชากกลับแล้วระบายความอัดอั้นก็ได้ แต่พี่เสือกลับยอมให้น้องเบือนหน้าหนี ไปยืนตัวสั่นอยู่หน้าประตูแต่โดยดี
ไม่อยากใช้กำลัง... ไม่อยากบังคับ ไม่อยากให้ต้องร้องไห้เพราะความหื่นกระหายของตัวเอง
กระต่าย... คือคนที่รักยิ่ง ไม่ใช่ที่รองรับอารมณ์
น้องเล็กแก้มแดง กัดริมฝีปาก ช้อนตามองคนรักที่อยู่บนเตียง เสียงหวานกระซิบแผ่ว "....หนูรักพี่เสือ... แต่ช่วยรอหน่อยได้ไหม ?"
ร่างใหญ่โตจึงลุกจากเตียง เดินตรงมากอดคนรักที่ตัวสั่นระริกไว้ ลมหายใจหนักๆ ถูกระบายช้าๆ ก่อนริมฝีปากจะค่อยๆ เลื่อนลงมาประทับบนหน้าผากมน พร้อมรอยยิ้มที่ดูออกว่ากำลังอดกลั้น
"พี่รักต่ายน้อยยิ่งกว่าตัวพี่เอง.... พี่จะรอนะ"
ร่างนุ่มซุกใบหน้าอกกว้าง ออดอ้อนอย่างไร้เดียงสา คงไม่อาจจิตนาการได้ว่า ภายในและช่วงล่างของพี่ชายนั้นแข็งขืน อึดอัดเพียงใด...
...และเพราะเป็นเช่นนี้เอง... เกือบทุกวัน ได้แต่จูบ จับ... แต่ไม่เคยได้เสร็จสม พี่เสือจึงมีหน้าตาซีดเซียวราวกับโดนของให้เพื่อนๆ ล้อทุกวัน!
....
// ขอบคุณสำหรับความเห็นความรักสีเทานะคะ <3 หลายคนเปิดมุมมองให้เรานะ จริงๆ แล้วความรักไม่มีกำหนดตายตัวเนอะ เพราะเป็นแบบนั้น เลยทำให้มีพี่เสือต่ายน้อยขึ้นมา
แจ้งข่าวว่า เรื่องนี้ใกล้จะจบแล้วค่ะ

ใกล้จะถึงตอนที่อยากเขียนมานานแล้วเสียที พี่เสือต่ายน้อยจะเป็นยังไงต่อไป แล้วเราจะได้ปัดฝุ่น เอาคู่ฟงxแกงมาเขียนใหม่เสียที คู่นี้เรากะคร่าวๆ ให้เป็นตอนสั้นๆ จบในตอนเหมือนกันค่ะ เท่าที่วางไว้ น่าจะมีอดีตของฟงแกงก่อน แล้วค่อยเอาเรื่องราวหลังจากนั้นที่เป็นตอนสั้นๆ ทั้งที่ลงในเฟซและตอนใหม่มาคละๆ กันน่ะค่ะ คอนเซปก็อยู่ที่ประมาณรอมคอมเหมือนเดิม ไว้เขียนลงที่ไหน ยังไง เมื่อไหร่จะแจ้งให้ทราบอีกครั้งค่ะ (แน่นอนว่าต้องเข็นต่ายน้อยให้จบก่อน)
ขอบคุณที่ตามอ่านกันนะคะ
