สองหนุ่มไซส์ตึกนั่งกุมขมับอยู่หน้าร้านขายหนังสือเก่า ไคโรใช้นิ้วชี้จิ้มเนื้อเพลงและคอร์ดบนแป้นคีย์บอร์ดหน้าแลปทอปอย่างเบื่อๆ มืออีกข้างเท้าคาง
เด็กหนุ่มข้างๆ ดีดกีตาร์เล่นเรื่อยเปื่อยแทบไม่เป็นเพลง ไม่นานนัก ไคโรก็หันกลับมาถาม
"ทำไมมึงไม่บอกน้องมึงตรงๆ ว่าเพลงที่มึงเล่นได้จนจบมีแค่เพลงสาวเชียงใหม่ ?"
เสือหนุ่มหน้าเสีย แทบโยนกีตาร์ลงพื้น "เลือกเพลงใหม่ๆ"
"ตามใจ" หนุ่มรุ่นน้องยักไหล่ เอาเฮดโฟนครอบหัว ไม่สนใจรอบข้างโดยสิ้นเชิง
ร่างใหญ่โตของเด็กหนุ่มปลดกีตาร์ออกวางท่ามกลางสายตารอบข้าง เด็กหนุ่มหน้าตาคมเข้มกับกีตาร์ในชุดนักเรียนม.ปลายดูดึงดูดสายตาน่าประหลาด
เสือไม่ได้สนใจรอบข้างแม้แต่น้อย เขานั่งลงตรงม้าหินอ่อนหน้าร้านหนังสือที่ปกติไม่ค่อยได้สนใจมันมากนัก มีแต่ขาประจำอย่างพี่แชมป์ที่มักจะนั่งเหม่อเสมอตอนหลังเลิกงาน
วันนี้หลังเลิกงานขาประจำก็นั่งอยู่ที่เดิม พี่แชมป์ยังคงดูงงงวยและหลุดโลกเช่นเคย ร่างสันทัดผอมเกร็งนั่งหลังค่อม เหมือนซากศพแห้งกรัง ดวงรูปสามเหลี่ยมว่างเปล่า แม้กระทั่งเสือเอง ในฐานะเพื่อนร่วมงานแล้ว เขายอมรับว่ารุ่นพี่ยากจะรับมือ
ตอนนี้ผมของพี่แชมป์ไม่ฟูฟ่องแล้ว แต่ยังคงหยิกงอ ได้รูปและเข้าทรงมากขึ้น
เสือเลิกงานแล้ว แต่กลับรู้สึกไม่อยากกลับบ้าน... ไม่ใช่ว่าไม่อยากเจอเจ้าตัวน้อยแสนน่ารัก แต่เป็นเพราะรู้สึกเหมือนหมามองปลากระป๋อง อยากกิน แต่ไม่มีปัญญา
ในชีวิตเสือหนุ่ม ไม่มีอะไรที่ไม่เป็นอย่างใจ เขาหน้าตาดี ร่างกายสูงใหญ่ มันสมองดีเยี่ยม มีสเน่ห์จนไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตา มีเพียงแค่ข้อแม้เดียว...
...ข้อแม้ตัวขาวๆ ตาโตๆ
คิดแล้วก็ถอนหายใจ นานๆ ทีคนเช่นเสือจะหนักใจบ้าง กระต่ายนำพาความรู้สึกใหม่ๆ มาให้เขาเสมอ นับตั้งแต่ความเขินอาย จนไปถึงความกลัดกลุ้ม
ดวงตาล่องลอยของพี่แชมป์หันมองตามเสียงถอนหายใจ ทันใดนั้นดูมีบางสิ่งพาดผ่านนัยน์ตาเมื่อเห็นกีตาร์ที่วางบนโต๊ะ
"นั่น..."
"กีตาร์ผมเอง" เสือตอบ
ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้ง พี่แชมป์ไม่พูดอะไรอีก เสือเองก็ไม่เห็นความจำเป็นใดๆ ที่ต้องสานสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน
ทั้งคู่นั่งเงียบอยู่นาน พี่แชมป์ไม่ใช่คนที่เงียบแล้วทำให้อึดอัด แต่กลับรู้สึกราวกับว่าอยู่คนเดียวเสียมากกว่า
จวบจนกระทั่งพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ไฟข้างทางส่องสว่าง เสือหนุ่มจึงลุกขึ้น
"เพลง... ไม่ออกจากใจ ก็ไม่มีประโยชน์" ประโยคยาวๆ หลุดออกจากรุ่นพี่ ร่างผอมแห้งลุกขึ้นยืน เป็นครั้งแรกที่เสือเห็นดวงตาคู่นั้นมีชีวิต มีประกายเช่นคนปกติ "...เหมือนศิลปะ..." เหมือนกับว่าการพูดคุยได้เอาพลังชีวิตของพี่แชมป์ไปจนหมด เขาจึงได้ถอนหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย ก่อนจะนั่งลงที่เดิม ดวงตากลับไปเหม่อลอยเหมือนวิญญาณหลงทางเช่นเดิม
เสือพยักหน้ารับ
น้อยครั้งนักที่พี่แชมป์จะมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น ทุกครั้งที่พูดอะไรออกมา มักจะเป็นคำสั้นๆ ที่ไม่มีใครเข้าใจ แต่ครั้งนี้ เสือเข้าใจแจ่มแจ้ง เขาสะพายกีตาร์แล้วเอ่ยเบาๆ "ขอบคุณ"
ร่างผอมแห้งไม่ตอบกลับ ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ทั้งสิ้นเชิง ราวกับเมื่อครู่เสือได้พูดคุยกับวิญญาณหลงทางดวงหนึ่ง
มือใหญ่มองจอคอมพิวเตอร์เล่นเพลงต่างๆ ดังต่อเนื่อง สมุดหนังสือเปิดกระจัดกระจาย เสือใช้เวลาไม่มากนักในการจัดการการบ้าน อ่านหนังสือล่วงหน้า จริงๆ แล้วเขาไม่ได้ชอบเรียนหนังสือเลยสักนิด แต่เป็นเพราะกระต่ายน้อยมักมองมาด้วยสายตาเทิดทูนเมื่อเขาได้เกรดดีๆ เสือจึงไม่มีทางเลือกนอกจากตั้งใจเรียน
ดวงตาคมเหลือบมองนาฬิกาอีกครั้ง เหมือนกับว่าตาของเขาถูกผูกติดกับนาฬิกาไปเสียแล้ว
เสือเฝ้ารอ... รอ... มาตลอด
และทุกๆ คืนเขาจะเฝ้ารอ... รอจนกว่าคนตัวเล็กในห้องถัดไปจะทำการบ้านเสร็จ... รอจนไฟข้างห้องดับลง เขาจึงจะแง้มประตู สะเดาะกลอนข้างห้อง แอบเข้าไปหาเจ้าตัวขาวตัวน้อยที่นอนขดตัวอยู่บนเตียง
เพลงหนึ่งขึ้นแนะนำตรงแถบด้านข้าง เสือเฝ้ารอจนไม่มีอะไรทำ จึงคลิกเข้าไปดูฆ่าเวลา
ทันทีที่โน้ตตัวแรกเล่น เสือต้องดูชื่อเพลงอีกครั้ง และทันทีที่ประโยคแรกดังขึ้น...
'I could drag you from the ocean'และท่อนฮุค...
'Cause I don't need this life
I just need…
Somebody to die for
Somebody to cry for'เพลงนั้นมีโทนหม่นเศร้า และลึกล้ำ อาจไม่เหมาะนักสำหรับ 'จีบ' ใครบางคน แต่กระนั้นเลย... รักของเสือไม่ใช่สีชมพูน่ารัก แต่เป็นสีเทาหม่น อาจมืดมนในบางครั้ง แต่เสือไม่มีละทิ้ง ไม่มีวันยอมแพ้...
...เขาไม่ใช่เพียงรัก
แต่เขาอุทิศตนและวิญญาณให้แล้ว... ไม่ว่าจะถูกปัดทิ้งหรือทำลาย ก็ไม่ได้สำคัญเพียงสักนิด
ดังชื่อเพลง...
'Somebody to die for'
ตายเพื่อใครสักคน...วันเวลาล่วงเลยไปหนึ่งเดือน กระต่ายใช้เวลาหมดไปกับการเรียน เล่นและกินกับเพื่อนๆ ชั้นเรียนใหม่สนุกสนานดี ถึงจะยังคิดถึงสอางค์ ฝนและลูกโป่งบ้าง แต่การเรียนที่หนักขึ้นทำให้ความสนใจของกระต่ายถูกเบี่ยงเบนไป เด็กน้อยต้องเผชิญการบ้านจำนวนมหาศาล งานกลุ่มและรายงานอีกไม่ถ้วน และยังเรียนพิเศษที่ขาดไม่ได้เสียอีก แต่ละชั่วโมงผ่านไปอย่างเข้มข้น กระต่ายรู้ตัวว่าเรียนอ่อนกว่าเพื่อน จึงพยายามอย่างหนักที่จะเรียนให้ทัน
อย่าว่าแต่คุณพ่อคุณแม่เลย ขนาดพี่เสือเองที่ตัวติดกันตลอดก็โดนกันออกไป คู่หูของพี่เสือถูกเปลี่ยนจากจัมโบ้มาเป็นไคโร ส่วนรุ่นพี่ที่ชอบไปเล่นบาสด้วยกันบ่อยๆ อย่างฟงอวิ๋นก็ต้องติวหนังสือหนักเพื่อมหาวิทยาลัย
พี่ฟงอวิ๋นบอกว่า เขาต้องการเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกับพี่น้ำแกง ซึ่งคะแนนสูงมาก สำหรับพี่น้ำแกงที่เรียนเก่งมาตลอดอาจจะไม่
โหดเท่าไหร่ แต่สำหรับคนที่เรียนๆ เล่นๆ อย่างฟงอวิ๋นต้องขยันอย่างมากทีเดียว
กระต่ายเองก็ไม่ได้มาออดอ้อนพี่ชายเหมือนอย่างเคย ที่โรงเรียนว่าเรียนเร็วแล้ว ที่กวดวิชาเร็วกว่า ทุกวันหลังจากเลิกเรียน กระต่ายจะพุ่งตรงไปที่กวดวิชาพร้อมกับจัมโบ้ ส่วนลักซอร์นั้นเรียนบ้าง โดดบ้าง ไม่ค่อยได้เรื่องได้ราวเท่าใดนัก ส่วนพี่เสือจะไปทำงาน นานๆ ทีมีเวลาจึงจะไปซ้อมมวยหรือไปเล่นบาสบ้านไคโร
เหมือนกับว่าทุกคนมีชีวิตของตัวเอง ยามดึกเท่านั้น เมื่อพี่เสือชะโงกหน้าออกจากระเบียงไป และพบว่าไฟห้องข้างๆ ดับลงแล้ว เขาจึงจะวางกีตาร์ลง ล้างมือที่ปลายนิ้วเริ่มด้านเพราะซ้อมกีตาร์หนัก และเดินย่องเข้าไปหาเจ้าชายน้อย
กระต่ายนอนดึกทุกๆ วัน พี่เสือจะช่วยเก็บหนังเสือเรียน รายงาน แอบตรวจการบ้านให้ ก่อนจะย่องขึ้นเตียงน้องชาย
คืนนี้ก็เช่นกัน...
เสียงเครื่องปรับอากาศทำงานหึ่งๆ ในความมืด พระจันทร์เร้นกายอยู่ในหมู่เมฆ กระต่ายเปิดม่านทิ้งไว้ให้แสงจันทร์อ่อนละมุนลอดผ่านมา
กระต่ายน้อยเพิ่งล้มตัวลงนอน รู้สึกถึงน้ำหนักและฟูกที่ยวบลงข้างตัว เด็กน้อยอยากลืมตาขึ้นดู แต่ความเหน็ดเหนื่อยทำให้เขาทนฝืนไม่ไหว อีกทั้งยังรู้ดีว่า มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มีฝีเท้าเบาและย่องมาหาตอนดึกๆ แบบนี้
คืนแล้ว... คืนเล่า
แขนเรียวค่อยๆ ยกขึ้น กระต่ายงัวเงียบอกทั้งๆ ที่ยังไม่ลืมตา "อุ้มหน่อย"
"จะไปไหน หืม ?" เสียงทุ้มคุ้นเคย กระต่ายเป่าลมหายใจบางๆ ออกมาอย่างมีความสุข เมื่อวงแขนแข็งแรงประคองเขาไว้ทั้งตัวแล้ว ใบหน้าน้อยจึงซบลงกับอกกว้างแสนปลอดภัย
คืนนี้ก็เช่นกัน... เหมือนเมื่อวาน... เหมือนเมื่อวานซืน... เหมือนก่อนหน้า... เหมือนทุกๆ วัน
ร่างกายบอบบางถูกกระชับเข้าสู่วงแขนกว้าง ถูกวางบนเตียงอย่างนุ่มนวล รู้สึกได้ถึงลมหายใจร้อนๆ บริเวณต้นคอและแก้ม บางอย่างอ่อนนุ่มและสากระคายแนบกับริมฝีปากและแก้ม...
...แผ่วเบา ลึกซึ้ง
พี่เสือพึมพำอะไรบางอย่างข้างหู กระต่ายเผลอหลับไปแล้ว...
...อะไรบางอย่างที่ลึกล้ำ... แต่ทว่าก็คุ้นเคย...
เทศกาลสอบกลางภาคผ่านพ้นไปด้วยดี กระต่ายผ่านทุกวิชา เล่นเอาเจ้าตัวเล็กตกอกปุๆ อย่างโล่งใจ จัมโบ้เองก็ทำได้ดีเสียจนกระเจี๊ยบต้องให้รางวัล... เป็นอะไรนั้นไม่มีใครรู้ แต่หลังจากสุดสัปดาห์ถัดมา กระเจี๊ยบก็เดินกระย่องกระแย่ง ท่าทางสะลึมสะลือมาโรงเรียน สอางค์กับลูกโป่งหลิ่วตาอย่างรู้ทัน ลักซอร์ยังคงเป็นเพื่อนที่ดี ยื่นยาแก้ปวดให้ พร้อมกระซิบเสียงไม่เบานักว่า
"นี่ ลองยาสอดดูนะ แม่กูเคยเป็นอาสาสมัครที่บาร์เกย์ พวกเด็กขายใช้...." พูดไม่ทันจบ จัมโบ้รีบตะปบปากไม่มีหูรูดของเพื่อนทันใด พี่เสือรีบเอามืออุดหูน้องน้อยไม่ให้ฟังอะไรไม่ถูกไม่ควร
ลักซอร์คายมือเค็มๆ ของเพื่อนออกแล้วทำท่าพะอืดพะอม "แหวะ นี่กูอุตส่าห์หวังดี..."
กระเจี๊ยบหน้าแดงก่ำ กัดฟันกรอดๆ รีบลากเพื่อนสาวตัวดีไปหลบหลังพุ่มไม้ มีจัมโบ้วิ่งตามไปติดๆ กระต่ายได้แต่มองตาค้าง ไม่เข้าใจว่าเพื่อนๆ เล่นอะไรกัน
หลังสอบกลางภาค อาจารย์ก็มีประชุมใหญ่กัน เด็กๆ เลยถือโอกาสมานั่งแกร่วรอโรงเรียนเลิกด้วยกัน กระต่ายดีอกดีใจเป็นพิเศษ เพราะหลังจากขึ้นม.ปลายแล้ว เด็กน้อยแทบไม่เจอเพื่อนๆ เลย ขนาดเวลากินข้าวกลางวันยังต้องเร่งรีบกินกัน ไม่มีเวลามาหยอกล้อ นั่งคุยเหมือนเดิม พี่เสือเห็นว่างๆ ประจวบโอกาสเหมาะ เมื่อกระต่ายนั่งคุยกับสอางค์ เขาก็รีบลากจัมโบ้ออกจากวงทันที
"ตอนนี้แหละ"
"ตอนนี้อะไร ?" จัมโบ้ถามเสียงห้วน ถูกลากมาทั้งๆ ที่ยังกระหนุงกระหนิงกับแฟนเลยติดจะหงุดหงิดไม่ได้
โหนกแก้มขึ้นสีอ่อนๆ เล็กน้อย ไม่ตอบ แต่จัมโบ้ก็ร้องอ๋อก่อนจะถอนหายใจเฮือก เด็กหนุ่มวัยว้าวุ่นอย่างเขาอยากเห็นหน้าแดงๆ จากแฟนหนุ่มไม่ก็สาวน้อยน่ารักมากกว่าเพื่อนไซส์ตึก หนวดเคราเขียวครึ้ม ตัวเหม็นเหงื่อแบบนี้
"มึงชัวร์นะ"
"เออ"
"...เชี่ย กูไม่เข้าใจมึงเล้ย... จะจีบทีทำไมต้องทำอะไรให้วุ่นวายด้วยวะ เชยชิบหาย" บ่นหงุงหงิงแต่ก็ยอมช่วยเหลือแต่โดยดี พี่เสือไม่สนใจจะต่อปากต่อคำด้วย เขาวิ่งขึ้นตึกไปเอากีตาร์ลงมา...
จัมโบ้เองก็ใช่จะอยากเข้าไปยุ่ง แต่เพราะนานๆ ทีจะเห็นเพื่อนขอร้องบ้าง จึงต้องตกลงในที่สุด เขาสะกิดสอางค์ ลูกโป่งและลักซอร์ให้ถอยฉาก เพื่อนๆ หลิ่วตากันอย่างรู้ทัน เห็นจะมีแต่กระต่ายน้อยที่ไม่รู้เรื่อง นั่งจ้อไปเรื่อยอยู่คนเดียว
เพื่อนๆ เกือบจะถอยออกมาสำเร็จแล้ว สอางค์ลุกขึ้นพลางบ่น "อืมม ร้อน ซอ โป่ง ไปหาไรกินเย็นๆ กัน"
"อ๊ะ จริงด้วย ไปด้วยสิ" กระต่ายตอบอย่างร่าเริง กระเจี๊ยบกระพริบตาปริบๆ มองไปยังจัมโบ้แล้วก็รีบพูด
"ต่ายน้อยนั่งเป็นเพื่อนเราก่อนสิ จะไปหมดเลยเหรอ ?"
กระต่ายทำหน้ายุ่ง เจ้าตัวเล็กไม่ใจร้ายพอให้เพื่อนนั่งอยู่คนเดียวเลยได้แต่มองเพื่อนๆ ในวงแล้วยิ้มแป้น "อ้อ จัมโบ้ก็อยู่นี่นา รันต์อยู่กับจัมโบ้แป๊บนึงนะ"
จัมโบ้แอบถอนหายใจ "โบ้ปวดท้องจัง ต่ายน้อย..."
"ต่ายน้อย!" เสียงหวานเข้าแทรก พร้อมกับเจ้าของเสียงที่เดินปราดเข้ามาหาอย่างอารมณ์ดีเช่นเคย รอยยิ้มหวานปรากฏบนใบหน้านวลเนียนสีน้ำผึ้ง พี่น้ำแกงเข้ามาทักรุ่นน้องพร้อมกับพี่ฟงอวิ๋นตัวโตที่เดินตามต้อยๆ เหมือนหมาตัวโต
"อ้าว ลุกขึ้นแบบนี้จะไปไหนกัน ?" รุ่นพี่คนสวยที่ทะเล่อทะล่าเข้ามาไม่รู้เรื่องอะไรได้แต่เลิกคิ้วฉงน "ไม่เจอกันนานเลย จะรีบไปไหน ?"
สอางค์เห็นพี่เสือกระหืดกระหืบแบกกีตาร์ลงมาแล้วได้แต่ปลงแทน เธอนั่งลงเป็นคนแรก มีลูกโป่งที่เหลือบตามองตามนั่งเป็นคนที่สอง
ลักซอร์เกาศีรษะ เข้าใจความรู้สึกเพื่อนๆ ดีจึงได้แต่ยิ้มแหยๆ ให้รุ่นพี่
"ไหนว่าจะไปซื้อน้ำไง ?" กระต่ายถาม ดึงไม้ดึงมือรุ่นพี่ให้นั่งด้วยกัน ลักซอร์จึงเอ่ยแทนเพื่อนๆ ว่า
"ไม่ต้องละ..."
"อ้าว ?"
"เด็กๆ นี่แปลกจริงเชียว" พี่น้ำแกงเลิกคิ้วพลางส่ายศีรษะ ไม่เข้าใจสถานการณ์นัก แต่ก็นั่งลงข้างๆ กระต่ายน้อย พร้อมหยิบลูกกวาดสีสันสดใสออกจากเป้ ยื่นให้กระต่ายและเพื่อนๆ อย่างใจดี
ถึงพี่น้ำแกงจะมาขัด... แต่ก็ไม่มีใครโกรธพี่น้ำแกงลง ก็พี่น้ำแกงน่ะทั้งสวย ทั้งใจดีแบบนี้ พอรุ่นพี่คนงามนั่งด้วยสักพัก ก็ดูเหมือนทุกคนจะลืมเลือนไปเลยว่าต้อง 'ถอย' ให้ไอ้เสือเพื่อนเกลอ
เหมือนบรรยากาศร้อนๆ ยามบ่ายคล้อยนั้นจะมีอุณหภูมิเย็นลงด้วยซ้ำ สอางค์คิดในใจ หรืออาจเป็นเพราะรอยยิ้มสบายอารมณ์ เสียงหวานหูและท่าทางผ่อนคลายของพี่น้ำแกงก็ได้
...ถ้าหากเป็นคนๆ นี้แล้วล่ะก็ ไม่แปลกใจเลยว่าพี่ฟงถึงได้หลงรักหัวปักหัวปำ หนุ่มๆ อีกครึ่งโรงเรียนต้องอกหักเป็นทิวแถว มีอีกทั้งพวกที่ไม่กลัวพี่ฟงมาริจีบคนงาม...
...คนสวยผิวเนียนที่นั่งยิ้มหวานไม่รู้ตัวหรอกว่า ลับหลังตัวเอง คนรักต้องจัดการกับพวกที่ริสอยดอกฟ้าไปมากขนาดไหน
สอางค์เอียงคอครุ่นคิด... บางครั้งกระต่ายน้อยกับพี่น้ำแกงก็อาจจะคล้ายกันมากกว่าที่พวกเขารู้ตัวเสียอีก
พี่เสือที่แอบอยู่ในมุมมืดได้แต่กัดฟันกรอดๆ พอบรรยากาศดี ก็มีตัวขวางตลอด ผ่านไปสองสัปดาห์ก็ยังไม่มีจังหวะเหมาะๆ แต่กระนั้น 'การจีบ' ของพี่เสือยังไม่ได้ชะงักลงเสียทีเดียว พี่เสือที่เค็มเป็นเกลือยอมทุบกระปุกซื้อขนม เครื่องเขียนเล็กๆ น้อยๆ แอบห่อติดริบบิ้นสวยๆ แล้ววางไว้บนโต๊ะทำงาน...
...ทุกคืนที่เขาแอบเข้าไป 'ลักหลับ' น้องชาย ถึงแม้จะไม่เห็นของที่มอบให้วางไว้สะดุดตา แต่ก็มีการ์ดใบเล็กๆ เขียนไว้ว่า 'ขอบคุณ' ทุกวัน
พี่ชายยังคงไปรับไปส่งน้องน้อยทุกวัน ที่ดูแลดีแล้วยิ่งดูแลดีขึ้นอีก
จวบจนกระทั่งคืนหนึ่ง...
คุณพ่อคุณแม่เข้านอนหมดแล้ว เสือนั่งซ้อมกีตาร์ตามปกติ เห็นไฟข้างห้องยังไม่ปิด เสือหนุ่มจึงลุกยืนขึ้น เรียกกำลังใจก่อนจะคว้ากีตาร์ไปเคาะประตูห้องคนตัวเล็ก
กระต่ายในชุดนอนลายกระต่ายหูยาวเปิดประตู ส่งยิ้มตามปกติ "อ้าว พี่เสือ"
"พี่มีเรื่องจะพูดด้วย" พี่ชายทำหน้าขรึมจนกระต่ายขมวดคิ้ว ยอมให้พี่เข้ามาในห้องแต่โดยดี แต่นึกไม่ถึงว่าพี่ชายจะวางกีตาร์แล้วอุ้มตัวเองขึ้นเตียง กระต่ายร้องหวือ
มันจะข้ามขั้นตอนไปไหม! หน้านวลแดงจัด อ้าปากจะต่อว่าคนบุกรุก แต่พี่เสือผละออกไปหยิบกีตาร์แล้วนั่งลงข้างๆ
เสือหนุ่มสูดลมหายใจลึก ก่อนค่อยๆ พูดเสียงเบา หนักแน่น "พี่พยายามหาจังหวะมาตลอด... แต่ก็ไม่ได้บอกเสียที"
"บอก ?" กระต่ายหัวหมุน กระพริบตาปริบๆ ไม่เข้าใจว่าพี่เสือจะเอากีตาร์มาทำไม
พี่ชายพยักหน้า ผิวคล้ำๆ เริ่มแดงขึ้นบ้าง "...พี่รักต่ายน้อยนะ... โว๊ยย เมื่อก่อนบอกรักไม่ได้เขินขนาดนี้หรอก!"
กระต่ายพลอยหน้าแดงไปด้วย เผลอๆ จะแดงยิ่งกว่าคนมาจีบเสียอีก น้องน้อยกัดริมฝีปากแน่น กลั้นยิ้มจนแก้มบุ๋ม แต่แล้วพี่ชายก็กระแอมเบาๆ
"พี่พูดไม่เก่ง... ไม่รู้จะหาอะไรมาพูดให้ต่ายน้อยเชื่อ แต่ว่า... พี่...." แรกรักเป็นอย่างไร เสือเข้าใจกระจ่างแล้ว มันมีทั้งอารมณ์สุขแบบนัวๆ เหมือนมีผีเสื้อบินในท้องและเก้อเขิน มือไม้เกะกะไปหมด ยิ่งเห็นคนน่ารักก้มหน้างุด แอบยิ้มเขินยิ่งเขินตาม เขาได้แต่หวังสุดใจว่าตอนนี้น้องเล็กจะรู้สึกเหมือนกัน
มือใหญ่จับมือเล็กมาจุมพิต แนบใบหน้าคมคร้ามกับฝ่ามือขาวเนียนก่อนจะค่อยๆ วางลง
"ต่ายน้อย... ช่วยฟังพี่หน่อยนะ" เสียงที่พูดทุ้ม เบา กระต่ายแทบซุกที่นอนแล้ว แต่ก็ยังพยักหน้าให้ พี่เสือจึงจัดท่าให้ดี วางนิ้วลงบนกีตาร์
โน้ตตัวแรกของเสียงกีตาร์อะคูสติกใสๆ ดังขึ้น...
...และเนื้อเพลงที่ถูกทอดจังหวะให้ช้าลงเพื่อสื่อความหมายให้ชัดเจนก็ค่อยๆ ถูกมอบให้กับคนที่รักมากที่สุด
'***I could drag you from the ocean,
I could pull you from the fire
And when you're standing in the shadows
I could open up the sky
And I could give you my devotion
Until the end of time
And you will never be forgotten
With me by your side
And I don't need this life
I just need…
I've got nothing left to live for
Got no reason yet to die
But when I'm standing in the gallows
I'll be staring at the sky
Because no matter where they take me
Death I will survive
And I will never be forgotten
With you by my side
Cause I don't need this life
I just need…
Somebody to die for
Somebody to cry for
When I'm lonely
When I'm standing in the fire
I will look him in the eye
And I will let the devil know that
I was brave enough to die
And there's no hell that he can show me
That's deeper than my pride
Cause I will never be forgotten
Forever I'll fight
And I don't need this life
I just need…
Somebody to die for
Somebody to cry for
When I'm lonely
And I don't need this life
I just need…
Somebody to die for
Somebody to cry for
When I'm lonely
Don't go gentle into that good night
Rage on against the dying light'เสือร้องรวดเดียวจบ ไม่มียักคิ้วหลิ่วตาประกอบ กระต่ายค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาคู่โตจับจ้องที่ปลายนิ้วใหญ่ แขนแข็งแรงสีแทน เจ้าตัวน้อยยื่นมือออกไปกุมไว้
"อย่า..."
"ต่าย..."
เสียงหวานแผ่วเบา สั่นเครือ เมื่อกระต่ายหลับตาลง หยาดน้ำใสก็กลิ้งลงมาด้วย พี่ชายรีบดึงเจ้าตัวเล็กมานั่งตัก ประคองใบหน้าเล็กกับมือ ใช้ปลายนิ้วโป้งแตะลงบนแก้มใสเพื่อปาดเอาน้ำตาออก
"อย่า..."
"กระต่าย... พี่จริงจังนะ... พี่หมายความอย่างที่พูดจริงๆ... พี่ตายได้..."
ฟันขาวขบริมฝีปากอิ่ม ส่ายหน้า "ไม่นะ... หนูไม่ได้ต้องการแบบนั้น..."
"พี่รักต่ายน้อย"
"ถ้าหากรักหนู... ต้องรักตัวเองด้วย... สัญญาได้ไหม ?" กระต่ายโน้มกายเข้าใกล้ กลิ่นอ่อนหวานและบริสุทธิ์หอมกรุ่นต้องจมูกพี่ชาย เสือกุมมือน้อยแนบแน่น...
"พี่สัญญา แต่มันจะไม่มีวันเปลี่ยนความจริงได้ว่าพี่รักกระต่าย... มากกว่าชีวิตพี่"
ไม่มีถ้อยคำใดควรออกจากปากคนตัวเล็กได้อีก หัวใจที่เต้นระรัวค่อยๆ สงบลง อะไรบางอย่างเจิดจรัสอยู่ภายใน มันส่องสว่างและหวานหอม กระต่ายเลือกแล้ว...
...ไม่ใช่สิ เลือกนานแล้ว
เลือกที่จะเชื่อหัวใจตัวเอง
ริมฝีปากอิ่มค่อยๆ เคลื่อนไปยังแก้มสากของคนตรงหน้า เสียงหวานใสแผ่ว เจือด้วยความเขินอาย "สัญญาแล้วนะ... รักหนูตลอดไปด้วยนะ..."
เสือหนุ่มไม่อาจตอบคำใด วงแขนแข็งแรงกอดรัดคนตัวน้อยแน่นราวกับกักขังไว้ในอ้อมแขน เขาจูบพรมเส้นผมนุ่มหอมกรุ่น สูดดมกลิ่นอายบริสุทธิ์ซื่อเต็มปอด
กระต่ายน้อยที่เคยอยู่บนดวงจันทร์... ส่องสว่างงดงาม ทั้งสวยกระจ่าง สูงส่ง บริสุทธิ์และห่างไกล
...บัดนี้ สัตว์พื้นโลกอย่างเสือได้โอบกอด ครอบครองไว้แต่เพียงผู้เดียว
....
// ลืมค่ะ! ลืมไปก่อน ลืมไทม์ไลน์ในโลกแห่งความเป็นจริงไปก่อนนะคะ เรื่องนี้ เหตุการณ์นี้ควรจะเกิดเมื่อราวๆ 4-6 ปีที่แล้ว แต่ดิฉันเขียนให้เป็นเวลาปัจจุบันไปหมดเลยค่ะ เอาเป็นว่าอย่าคิดมากนะคะ 55
ตอนนี้คิดหนักมากนะ ไม่รู้จะให้จีบกันยังไง ปกติก็เหมือนจีบกันอยู่แล้ว ในที่สุดเลยเลือกแนวร้องเพลงจีบละกัน ดูเป็นเด็กวัยรุ่นดี คือนี่ถ้าแก่มาแล้วใช้วิธีนี้จะไม่น่ารักแล้วนะ // จริงจัง
*เพลง คนน่ารัก โดย i-zax เสนอโดย PaZz Napas Bureetes ชนะการประกวดเสนอชื่อเพลงในเพจค่ะ
http://www.youtube.com/watch?v=fpq462aEt-o จีบแบบเด็กๆ ค่ะ น่ารักดี 555
**เพลง one in a million by Ne-Yo
http://www.youtube.com/watch?v=6tpl9LtkRRw เอ็มวีน่ารักดีค่ะ นึกภาพพี่เสือแท๊กทีมมาเต้นแบบในเอ็มวีท่าจะฮา
***เพลง Somebody to die for by Hurts
http://www.youtube.com/watch?v=Pt1kc_FniKM สาวกป้าเทปยาน ลานาน่าจะชอบค่ะ ออกแนว BritPop เนื้อหามืดมน ลึกค่ะ เพลงนี้ร้องยากนะ (according น้องสาวที่เป็นนักร้อง) มีเสียงหลบอะไรเยอะ พี่เสือเลยใช้เวลาซ้อมนาน 555 เอ็มวีสวยมากค่ะ ลึกซึ้ง
Ps. คำแปลของสองเพลงขอติดไว้ก่อนนะคะ
เป็นคนแปลออกมาได้ห่วยมากค่ะ ไว้จะแปลลงเพจนะคะตะเอง
สุดท้าย เป็นคำถามสำหรับคนอ่านและคนเขียนนะคะ ทำไมรักของพี่เสือถึงเป็นสีเทา ?
สำหรรับเรา รักของสองพี่น้องมันใกล้เคียงกับคำว่า "วิปริต" แต่ในความวิปริต มันก็สดใส บริสุทธิ์ไม่ต่างจากรักแบบอื่น ความรักของทั้งคู่ ทั้งเสือและต่ายต่างรู้ดีว่ามันไม่ได้สดใส มันต้องมีเจ็บปวด ต่อสู้แน่นอน แต่ทั้งสองคนก็เลือกที่จะสู้ไปด้วยกัน กระต่ายก็ไม่ได้วิ่งหนีอีกแล้ว เลยเป็นที่มาของเพลงสุดท้ายค่ะ
นี่ในมุมมองคนเขียนคนเดียวนะคะ อยากทราบความคิดเห็นคนอื่นๆ ค่ะ
ขอบคุณมากนะคะที่แวะมา