29. พี่เสือ น้องกระต่ายกับเศษขยะ
หลังโรงเรียนเลิก พี่เสือจูงน้องไปรอที่รอผู้ปกครองตามปกติ พี่เสือหวงน้องถึงขั้นลงทุนขอร้องคุณพ่อให้มารับน้อง
สองพี่น้องเดินหงุงหงิงคลอเคลียกันมา มีเพื่อนๆ เดินตามอย่างหมั่นไส้ จนลูกโป่งโพล่งเรียกร้องความสนใจออกมา
"เดี๋ยวกูไปเรียนพิเศษ"
"เรียนห่าอะไรล่ะ ?" ฝนนับเป็นเพื่อนที่ดี ยอมสนใจอยู่คนเดียว ที่เหลือเดินกินขนมอย่างไม่ใส่ใจ
"น้ามันสั่งให้มันไปเรียนคณิตเพิ่ม" สอางค์เฉลย จัมโบ้เลยอุทาน
"โง่ๆ อย่างมึงอ่ะนะ ?" ได้ทีเผลอ สอางค์จกขนมในถุงของเพื่อนไปกินหน้าตาเฉย
"เหี้ยย อีอางค์ แอบแดกของกูอีกละ"
"หุบตูดเลยอีโบ้! กูออกจะฉลาดเฉลียว หน้าตาดี ทำงานตัวเป็นเกลียว..." ลูกโป่งยืดอกอวดสรรพคุณ พี่เสือที่ยินเลยพูดขึ้นอย่างพิจารณา
"ต่ายน้อยเรียนทันที่ห้องไหม ?"
ฝนรีบเก็บขนมในมือให้พ้นมือสอางค์แล้วตอบ "กูเห็นไม่ค่อยทันนะ ต่ายว่าไง ?"
น้องกระต่ายตอบเสียงอ่อย "แหะๆ ตอนกลับไปก็ให้พี่เสือสอนล่ะจ้ะ"
พี่เสือกลับไปก็ต้องสอนน้องทุกวัน บทเรียนไม่ยากก็จริง แต่โจทย์ที่พลิกแพลงนั้นทำให้น้องหัวหมุน พี่เสือสังเกตมาเดือนกว่าแล้ว
วิชาอื่นๆ กระต่ายน้อยดีกว่าเมื่อประถมมาก มีเพียงคณิตศาสตร์ที่อ่อนกว่าใคร ผิดกับลูกโป่ง ที่วิชาอื่นตกระนาว มีเพียงคณิตศาสตร์ที่ได้คะแนนเต็มแข่งกับพี่เสือตลอด
"คณิตมึงก็ดีนี่ ไปเรียนทำไม ?" ฝนถาม
"บ้านกูแปลกๆ น่ะ อะไรที่ดีจะให้เรียนสุดกู่ อะไรที่ไม่ดีจะให้เรียนพอไปรอด" ลูกโป่งว่า โคลงศีรษะ "นี่อางค์ก็จะไปเรียนด้วยนะ"
"เออ แปลกจริง"
"นั่นแหละ เห็นกระต่ายไม่ค่อยได้ จะไปมั๊ย ?" สอางค์ชวน เธอไม่ใช่เด็กเรียนไม่ดีหรือขี้เกียจเหมือนลูกโป่ง การเรียนนับว่าอยู่ลำดับต้นๆ ถัดจากพี่เสือทีเดียว
"เฮ้ยๆ กูไปมั่งดีกว่า" จัมโบ้คนเดียวที่รั้งท้าย สมองดีอยู่หรอกแต่ขี้เกียจพอๆ กับลูกโป่ง
"งั้นไปเรียนกันเหอะ กวดวิชาอยู่ไม่ไกลด้วย ฝั่งตรงข้ามโรงเรียน" ลูกโป่งชวน ดีใจที่ได้เพื่อนเรียน
"อ๋อ กูเคยเห็น ไว้ไปถามพ่อก่อน" จัมโบ้รับ
"นั่นแหละๆ ฝนว่าไง ?"
ฝนส่ายหน้า ที่บ้านฝนเป็นครูทั้งหมด แค่เรียนที่โรงเรียนก็จะอ้วกแล้ว กลับไปแม่กับพี่ๆ ก็สอนเพิ่มอีก จะเรียนเพิ่มอีกทำไม "อย่าทรมานกูเลยโป่ง"
"แล้วต่ายกับเสืออ่ะ ?"
"ต่ายจะเรียนไหม ?" พี่เสือถาม สำหรับพี่เสือแล้วยังไงก็ได้ เพียงแต่ถ้าเรียนช้าพี่เสือก็ไม่อยากเปลืองเงินไปเรียนเท่านั้นเอง
"แล้วแต่พี่เสือจ้ะ" น้องตอบซื่อๆ
"งั้นพี่ว่าน่าจะเรียน"
"พี่เสือจะเรียนกับหนูไหม ?" กระต่ายถามบ้าง ดวงตากลมแป๋วแหววมีฤทธิ์ทำลายล้างแม้กระทั่งเพื่อนๆ ยังไม่ชิน แล้วพี่เสือจะเหลือหรือ
"ไปครับไป" พี่เสือตอบรับไวว่อง ในที่เรียนพิเศษคงมีหนุ่มๆ เยอะแยะ แต่ลูกโป่ง สอางค์ก็อยู่ คงจะไม่อันตรายอะไรมาก พี่เสือคิดว่าจะขอลองไปนั่งเรียนดูสักหน่อย ถ้าสอนช้าเกินจะไปลงคอร์สอื่นแทน
"แล้วเรียนวันไหนล่ะ ?" จัมโบ้จกขนมสอางค์คืน
"วันจันทร์ พุธ ศุกร์ ห้าโมงครึ่งถึงทุ่ม" สอางค์เอาขนมซ่อนข้างหลังทัน ยิ้มแผล่ให้เพื่อนตัวโต
"วันนี้ดิ ?"
"เออ"
"ไว้ไปคุยกับพ่อก่อน" พี่เสือสรุป แล้วเพื่อนๆ ก็แยกกันไป พี่เสือจูงน้องไปนั่งใต้ต้นมะขามต้นใหญ่รอคุณพ่อ ไม่นานนักก็มีร่างเล็กๆ ของรุ่นพี่สาวคนเดิมก็ก้าวเข้ามาหา
"ดีจ้ะ เสือ" พี่จุ๊บแจงทักทาย ยิ้มหวาน น้องเล็กขยับตัวอย่างอึดอัด
"ไปกินไก่ทอดกันไหม ?" เสียงหวานชวน พี่เสือขมวดคิ้ว ดึงคนตัวเล็กไม่ให้ถอยร่น
"ใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายไม่ได้หรอก" คำตอบจากรุ่นน้องที่หมายตาเล่นเอารุ่นพี่สาวอึ้งทีเดียว แต่เธอยังคงพยายามปั้นหน้าสะสวย
"งั้นเดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง!"
"กระต่ายด้วยนะ ?" พี่เสือตกลงง่ายดาย
รุ่นพี่ข่มอารมณ์ ทำไมต้องได้แฝดน้องที่สวยเกินผู้หญิงเป็นตัวแถมด้วยนะ! "ดะ... ได้"
พี่เสือจึงพยักหน้าอย่างพอใจ ก่อนโทรบอกให้คุณพ่อว่าจะกลับเอง
ที่ร้านไก่ทอดผู้พันชื่อดัง ตกแต่งด้วยโทนขาว-แดง พี่จุ๊บแจงรีบจองโต๊ะนั่งฝั่งเดียวกับพี่เสือทันที ปล่อยน้องน้อยนั่งคนเดียวอีกฝั่ง
"กระต่ายกินชุดไก่ไม่มีกระดูกนะครับ ?" พี่เสือถามย้ำ น้องเล็กพยักหน้ารับ รู้สึกตัวเองเกะกะเหลือเกิน จะหนีกลับบ้านก็ทำไม่ได้เพราะน้องเล็กนั่งรถเมล์ไม่เป็น จะนั่งรถแท๊กซี่ก็กลัว เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า...
"ของพี่ขอเบอร์เกอร์นะคะ" พี่จุ๊บแจงบอกเสียงร่าเริง นึกสะใจใบหน้าหงอยๆ ของแฝดน้อง
พี่เสือพยักหน้ารับแล้วรับเงินจากพี่จุ๊บแจงไปต่อคิวซื้อ ปล่อยให้น้องเฝ้าโต๊ะกับรุ่นพี่สาวสองคน
"น้องกระต่ายเป็นฝาแฝดของเสือเหรอ ?" เด็กสาวเริ่มคำถาม พยายามทำเสียงปลอบประโลม
น้องเล็กพยักหน้าก่อนจะนึกได้ว่าเป็นมารยาทที่ไม่ดี จึงตอบเสียงเบา "ครับ"
"เป็นแฝดน้องหรือแฝดพี่ ?"
"เป็นน้องครับ"
"เหรอ..." รุ่นพี่เบะปาก ใบหน้าหวานใสนั้นอยู่ผิดที่ผิดทางเหลือเกิน ถ้าเด็กคนนี้เกิดเป็นผู้หญิงคงจะเนื้อหอมยิ่งกว่านี้ "ทำไมตามพี่ชายแบบนี้ เค้าไม่รำคาญเอาเหรอ ?" เธอนึกชังขึ้นมา
คนตัวเล็กเงียบกริบ... คำพูดพล่อยๆ ของรุ่นพี่ทำร้ายจิตใจบอบบางเหลือเกิน
...นั่นสินะ... รำคาญ... กระต่ายน้อยน่ารำคาญ เกาะติดพี่เสือเหมือนเด็กปัญญาอ่อน...
"มีอะไรกัน ?" พี่เสือกลับมาพร้อมถาดสีแดง วางเบอร์เกอร์ไว้ตรงหน้ารุ่นพี่ จานเล็กพร้อมไก่ทอดกรุบกรอบและของเล่นที่แถมมาให้น้องเล็ก
พี่เสือจำได้ว่ากระต่ายชอบของเล่นที่แถมมากับชุดเล็ก
"ไม่มีอะไรจ้ะ" รุ่นพี่ยิ้มตอบ แต่กระต่ายน้อยตาแดง มีหยาดน้ำใสแวววาว เจ้าตัวเล็กขบริมฝีปากแน่น
"กระต่าย ?" พี่เสือขมวดคิ้ว ปกติน้องจะต้องตื่นเต้นกับของเล่นชิ้นใหม่แล้ว แต่ท่าทางนิ่งเงียบเช่นนี้ทำเอาใจไม่ดี
"ไม่มีอะไรหรอก ใช่ไหมต่าย ?" รุ่นพี่ยังคงอารมณ์ดี "เสือก็นั่งสิ"
"ใช่จ้ะ" น้องแอบกลั้นสะอื้น แต่เสียงที่ตอบมาสั่นเครือและเบาหวิว "ไม่มีอะไร"
ถ้าหากร้องไห้ไป... พี่เสือต้องลำบากใจ....
...กระต่ายจะทำตัวน่ารำคาญไม่ได้....
พี่เสือไม่จบแค่ขมวดคิ้วและนั่งกิน ร่างสูงเปิดกระเป๋าเงิน วางธนบัตรห้าร้อยบาทบนโต๊ะแล้วดึงน้องชายลุกขึ้น
"เดี๋ยว! จะทำอะไร ?" พี่จุ๊บแจงร้องเสียงหลง พี่เสือคว้าข้าวของของน้องเล็กรวบในมือหนึ่ง อีกมือคว้าเอวบาง
"กูไม่ใช่แมงดา ไม่ต้องเลี้ยง!" พี่เสือพูดเสียงห้วน ข่มโทสะเต็มที่ จูงมือน้อยก้าวจ้ำออกจากร้านทันที ปล่อยให้รุ่นพี่สาวยืนมองอย่างตื่นตะลึง
พี่เสือเรียกแท๊กซี่ ยัดต่ายน้อยและตัวเองเข้าไป ปิดประตูตามโดยไม่ปล่อยโอกาสให้น้องเล็กได้อธิบาย
"มันทำอะไรต่ายน้อยครับ ?" พี่เสือถามเสียงเครียด โอบร่างเล็กไว้แนบกายหลังจากบอกจุดหมายให้ลุงขับแท๊กซี่แล้ว
"มะ... ไม่ได้ทำอะไร..." เสียงหวานแผ่วเบา แน่นอนว่าพี่ชายย่อมไม่เชื่อ ภาพคนตัวเล็กดวงตาวาวรื้นด้วยน้ำตา กัดริมฝีปากแน่นอย่างอดทนทำให้พี่เสือปวดใจ
"บอกพี่นะคนดี... ไม่เชื่อพี่แล้วเหรอ ?" พี่เสือไม่สนใจสายตาแท๊กซี่ที่มองเด็กสองคนอย่างงงๆ ผ่านกระจกหลัง
กระต่ายน้อยเบือนหน้าหนี ซ่อนหยาดน้ำตามิดชิด ถามเสียงสั่นเครือ "หนูทำให้พี่เสือรำคาญหรือเปล่า ?"
พี่ชายพอเดาออก กัดฟันกรอด กุมมือน้อยแนบแน่น "ไม่เลยครับ ไม่เคยเลย... มันบอกว่าพี่รำคาญต่ายน้อยเหรอ ?"
น้องไม่ตอบ พี่ชายจึงเชยคางมน พูดเสียงแผ่วเบาให้คนใจน้อยมั่นใจ ดวงตาคู่คมดุส่องประกายกล้า หนักแน่น "มองตาพี่นะ... พี่เสือเคยโกหกต่ายน้อยไหมครับ ?"
น้อยส่ายหน้าเบาๆ
"ใช่ไหม ? ดังนั้นถ้าพี่บอกว่าไม่ได้รำคาญ ก็หมายความตามนั้นจริงๆ... คนที่น่ารำคาญคือมันต่างหาก กระต่ายน้อยคือที่รักของพี่ คนอื่นๆ ไม่มีค่าอะไรเลย"
ริมฝีปากอิ่มเผยอขึ้นเล็กน้อย รอยยิ้มหวานค่อยคลี่ออกบางเบา "ตะ... แต่เรียกมันแบบนั้น... ไม่ดีเลยนะ"
พี่เสือหัวเราะ ถ้าหากไม่ติดว่าอยู่ในแท๊กซี่คงฟัดแก้มนิ่ม ริมฝีปากนุ่มไปแล้ว "ช่างมันปะไร ต่ายน้อยคนเดียวที่สำคัญ จำไว้นะครับ ใครจะว่ายังไงอย่าไปเชื่อ" มือหนากุมมือน้อยให้เลื่อนมาแตะตรงอกด้านซ้าย
"เชื่อใจพี่คนเดียวนะ ว่าพี่รักกระต่ายที่สุด"
น้องบิดตัวอย่างขวยเขิน ไม่กล้าสบตาพี่ชาย ดีที่ลุงคนขับเบรกเอี๊ยด บอกเสียงดังว่า
"ถึงแล้ว"
พี่เสือจึงยอมปล่อยน้อง และจ่ายเงินคนขับแท๊กซี่
คืนนั้น พี่เสือเข้าไปคุยกับคุณพ่อที่ห้องทำงาน ไม่นานนักก็กลับมาหาน้องชาย
"พี่เสือ ว่าไงบ้าง ?" กระต่ายนั่งเล่นเกมกดอันเก่าของพี่ชายเงยหน้าถาม
พี่เสือไม่ตอบทันที เพียงจูบกระหม่อมบางแล้วทิ้งตัวลงข้างๆ "พ่อโอเค แต่ต่ายน้อยต้องไปเรียนภาษาอังกฤษด้วย"
หน้าหวานงอง้ำอย่างเอาแต่ใจ "พี่เสือไม่ไปเรียนกับหนู หนูก็ไม่เรียน"
พี่ชายหัวเราะ ฉวยเกมกดไปจากมือเล็ก "สงสารพ่อน่ะ เสียเงินเปล่าๆ"
"แต่ภาษาอังกฤษเรียนวันพุธ - ศุกร์นี่ ไม่ซ้อนกับเวลาเรียนคณิตเหรอ ?"
"พี่โทรถามศูนย์ฯแล้ว เค้าบอกมีคอร์สเสาร์ - อาทิตย์ด้วย"
"แล้วลูกโป่ง..." ตอนป.6 กระต่ายต้องเรียนพิเศษคนเดียว น่าเบื่อจะตาย
"พี่โทรคุยให้แล้ว ลูกโป่งกับสอางค์จะย้ายมาคอร์สเดียวกัน"
"ดีจัง!" เสียงหวานร้องก่อนจะยันตัวขึ้นนั่ง "นี่ๆ พี่เสือ หนูทำการบ้านเสร็จแล้วน้า เก่งไหมๆ" เจ้าตัวจ้อยยืดตัวไปหยิบสมุดการบ้านสามเล่มจากหัวเตียงมาให้พี่ชายตรวจ
"เก่งครับ" วันนี้สุดที่รักทำการบ้านเสร็จโดยไม่ต้องพึ่งพี่ชาย นับว่าก้าวหน้าทีเดียว "เอาปากกามาให้พี่หน่อยครับที่รัก"
คนตัวเล็กหยิบปากกาให้ แล้วจัดตัวเองให้อยู่ในท่าที่สบายที่สุด... ร่างบางหยิบหมอนกลมๆ เป็นรูปแฮมเบอร์เกอร์ของฝากจากป้านกขึ้นกอด แล้วนั่งบนตักแข็งๆ ของพี่ชาย เอนกายพิงอกแข็งแรง ให้วงแขนของพี่เสือโอบกอดและถือสมุดให้ในตัว
ในเวลานี้... ที่พี่เสือจะเป็นของกระต่ายน้อยคนเดียว...
เสียงทุ้มต่ำของพี่เสือฟังสบายหู มือหนาลากปากกาวงกลมจุดที่ผิด สอนเน้นบางข้อ กระต่ายฟังเพลินจนเริ่มง่วงแล้ว
"นอนไหม ?" พี่เสือทักเมื่อร่างเล็กเริ่มตาปรือ "ตาหวานเชียว"
"อื้ม..." ดึกแล้วนี่นา อ้อมกอดพี่เสือก็อุ่นสบายขนาดนี้ ตัวพี่เสือก็ใหญ่ แข็งแรง กระต่ายรู้สึกปลอดภัยที่สุด
"งั้นนอนเถอะ ที่เหลือไว้ต่อพรุ่งนี้บนรถนะ" พี่เสือปิดสมุด จัดการเก็บให้เรียบร้อย ตรวจยาพ่นของน้องอีกครั้งก่อนก้าวมาดูคนตัวเล็กที่นอนไม่เรียบร้อยบนเตียง
กระต่ายตัวขาวนอนคุดคู้ เสื้อนอนของพี่ชายหลวมโคร่งเลิกขึ้นจนถึงสะดือ พี่เสือจึงเห็นสะดือกลมๆ หน้าท้องแบนราบ เอวบางคอด สะโพกกลมกลึงและต้นขาขาวเนียนโดยมีเพียงกางเกงในตัวเล็กบดบัง
ความปรารถนา อารมณ์หนุ่มคุกกรุ่นในร่าง ท่านอนไร้เดียงสาน่าเอ็นดูปลุกเร้าอารมณ์ได้อย่างประหลาด พี่เสือคำรามเสียงเบา ควบคุมตนเองไม่ให้กระโจนไปฉีกทึ้งเสื้อผ้าเป็นชิ้นๆ ร่างเล็กบอบบางของกระต่ายนั้นบริสุทธิ์ สมควรได้รับการปกป้อง ทนุถนอมมากกว่าความใคร่
ร่างสูงใหญ่จึงถอนหายใจ อดทนอดกลั้นต่อแรงพิศวาสภายในแล้วปิดไฟ จัดท่าให้น้องน้อยนอนสบายตัวและล้มตัวลงนอนข้างๆ คนตัวเล็กขยับกายเข้าหา ซุกตัวในอ้อมกอดอย่างคุ้นเคย ทำให้พี่ชายระบายลมหายใจยาว
...ใช่ว่าไม่เคยคิดเรื่องแยกห้องนอนกับน้อง การอดทนอดกลั้นพามาซึ่งความทรมาน หากแต่ว่า... แค่คิดถึงเตียงที่ว่างเปล่า ไร้ร่องรอยของสุดที่รักในอ้อมแขนแล้ว พี่เสือก็เลือกความทรมาน... เพราะอย่างน้อย... เขาก็เพียงแค่ทรมานกาย
แต่ถ้าหากไม่มีกระต่ายน้อยข้างกาย.... เขาทรมานใจ
วันถัดๆ มาของการเรียนพิเศษพี่เสือลงคนละคอร์สกับน้องชาย หากก็ไปเรียนด้วยกัน เลิกพร้อมกัน ยกเว้นวันเสาร์ - อาทิตย์ที่พี่เสือจะไปส่งน้องเล็กเรียนพิเศษกับเพื่อนๆ แล้วตัวเองจะไปเตร็ดเตร่รอแถวๆ ที่เรียนพิเศษ
การเรียนของกระต่ายดีขึ้นมาก พี่เสือเองก็ดีใจ วันเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว โดยที่โรงเรียนไม่มีหนุ่มคนไหนกล้าแตะกระต่าย กระทั่งแซวยังน้อยมาก ส่วนพี่เสือกลับตรงกันข้าม ฉายา 'เสือร้าย' ดังทั่วโรงเรียน สาวๆ ชม้อยชม้ายตามองก็เยอะ ฝากเบอร์ ฝากขนมและของจุกจิกตั้งแต่รุ่นเดียวกันจนถึงรุ่นพี่ม.6 แต่ยังไม่มีสาวน้อยคนไหนที่พี่เสือมีท่าทีสนใจเป็นพิเศษเลย
"เสือ บุหรี่ไหม ?" เสียงหวานใสของพี่จุ๊บแจงดังขึ้นด้านหลัง ร่างสูงใหญ่ของรุ่นน้องเอื้อมมือไปรับบุหรี่มา คนส่งให้หัวเราะคิกคัก
"นี่ ตอนแรกทำไมทำตัวเย็นชาอย่างนั้นล่ะ ?" เด็กสาวถาม พลิกกายเปลือยเปล่าให้นอนหนุนตักพี่เสือ
เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว ผลักร่างหญิงสาวออกไป ดวงตาฉายถึงแววรังเกียจ เขาลุกขึ้นจากเตียงด้วยร่างกายเปลือยเปล่า ดึงถุงยางอนามัยทิ้งถังขยะส่งๆ แล้วหยิบเสื้อผ้ามาสวมใส่อย่างรวดเร็ว
"จะไปแล้วเหรอ ?" หญิงสาวผงกศีรษะถามอย่างเสียดาย "เป็นแฟนกันทั้งทีทำไมไปไวขนาดนี้ ?" ทำปากจู๋อย่างน่ารัก ก่อนบ่น "เบอร์ก็ไม่ให้ ไม่เอาใจ ไม่ให้บอกใคร ไม่..."
"กูไม่ใช่แฟนมึง" เสียงพี่เสือห้วน เด็ดขาด คิ้วเข้มไม่คลายลงสักน้อย เบือนหน้าหนีอย่างรังเกียจ
"ไม่ใช่แฟน... แต่นอนด้วยกันนี่นะ!" เธอกรีดร้อง หยิบหมอนขว้างใส่ แต่เด็กหนุ่มหลบอย่างง่ายดาย
เขาสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วหันกลับมามองเด็กสาวรุ่นพี่เต็มตัว น้ำเสียง แววตา ท่าทางแสดงถึงความรังเกียจ ขยะแขยงราวกับว่าหล่อนเป็นเพียงเศษปฏิกูล ไร้ค่า "ไม่ได้เรียกว่านอน กับมึง... กูแค่เอาไว้ระบายอารมณ์!"
ร่างบางสั่นน้อยๆ ทั้งหวาดกลัวสายตา คำบริภาษและโกรธเกรี้ยว "แก.... แก.... ออกไปนะ! ออกไปเดี๋ยวนี้!"
เด็กหนุ่มไม่หันกลับมามองเสียด้วยซ้ำ เขาจุดบุหรี่แล้วเดินออกจากห้องไปโดยไม่มีคำตอบ... ราวกับว่าคำพูดเขามีค่าเกินกว่าเด็กสาว
มาถึงหน้าศูนย์กวดวิชา คลาสของกระต่ายก็เลิกพอดี พี่เสือขยี้ก้นบุหรี่กับฟุตบาธ นึกเสียใจที่สูบ... ถ้าไม่ใช่เพราะจัมโบ้และลูกโป่งท้าก็คงไม่ติดแบบนี้ ถึงกระต่ายจะยังไม่รู้ แต่ก็เหมือนจะสงสัยแล้ว เพราะเมื่อน้องมาคลอเคลียชิดใกล้ ก็คงจะได้กลิ่นบ้าง
"พี่เสือ!" ใบหน้าวัยเยาว์ของน้องเล็กแจ่มใส แก้มเนียนเป็นสีชมพูด้วยอารมณ์ตื่นเต้น ดวงตาวาววับเป็นประกายดุจกระต่ายน้อย ไร้เดียงสาและงดงาม ในสายตาพี่เสือแล้ว ต่อให้เด็กสาวสวยงามเพียงใด เปลือยกายต่อหน้า ก็ไม่มีใครงดงามเท่ากระต่ายน้อยอีกแล้ว
พี่ชายอ้าแขนรับร่างเล็กที่ผลุบเข้าหาอ้อมอก ศีรษะเล็กคลอเคลียกับแผ่นอกกว้าง ตอนนี้พี่เสือสูงเกือบสองช่วงศีรษะของน้องแล้ว ผู้คนจากศูนย์กวดวิชาเริ่มชินกับภาพน่ารักของพี่น้องกอดกันกลมเลยเพียงแค่เดินผ่านไป ไม่ได้หยุดมองเช่นตอนแรกๆ
"ว่าไงครับ ?"
"วันนี้หนูตอบถูกด้วยล่ะ! ดีแล้วที่ยกมือ!" กระต่ายน้อยตอบเสียงร่าเริง มีสอางค์ จัมโบ้และลูกโป่งมาสมทบ
"วิ่งออกมาก่อนเลยนะต่าย" สอางค์ร้องพลางหายใจหอบ "พอเห็นมึงมาน้องมึงก็รีบเก็บของออกมาก่อนใครเลยเนี่ย"
พวงแก้มนิ่มร้อนผ่าว นึกอายกับอาการตื่นเต้นเกินเหตุของตัวเอง แต่พี่ชายกลับนึกเอ็นดู ลูบผมนิ่มอย่างยินดี
"จริงเหรอ ?"
"อะ... อื้ม..."
จัมโบ้เคี้ยวหมากฝรั่งดังแจ้บๆ ถาม "หิวแล้วว่ะ หาไรกินมะ ?"
"เอาดิ" ลูกโป่งพยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะก้มลงผูกเชือกรองเท้า "กินไหนดี ?"
"เอาง่ายๆ" พี่เสือตอบ ก่อนจะเอ่ยปากต่อไป เพื่อนๆ ก็ดักคออย่างรู้ทัน
"ถูกๆ"
"กระต่ายกินได้"
"ไม่เผ็ด"
พี่เสือแค่อมยิ้ม ซึ่งก็ถือว่ามากแล้วสำหรับเสือยิ้มยาก "กระต่ายจะกินอะไร ?"
"..." เจ้าตัวเล็กทำท่าจะตอบ แต่แล้วก็เงียบลง พี่เสือเลยรู้ว่าน้องจะว่าอย่างไร
...คงจะแพงพอควรเลย กระต่ายเลยไม่กล้าออกปาก
อันที่จริงน้องกระต่ายอยากกินอาหารญี่ปุ่น... แต่ก็แพงใช่ย่อย นานๆ ทีถึงจะได้กิน จริงอยู่ว่าคุณพ่อคุณแม่ไม่ได้งกถึงขนาดให้ลูกชะเง้อมองอยากกิน แต่เป็นพี่เสือเองที่สอนกระต่ายบ่อยๆ ว่าของแพงกินได้... แต่อย่าบ่อยนัก ถึงจะโดนสอนเรื่องประหยัดมาดี แต่กระต่ายก็มีเงินเก็บน้อยกว่าพี่เสือกว่าครึ่ง เพราะพี่เสือไม่ชอบกินจุบจิบและซื้อของกระจุ๊กกระจิ๊กเหมือนกระต่าย เงินพี่เสือเลยเหลือเยอะ ตัวพี่เสือไม่ค่อยใช้จ่ายอะไรนัก ยกเว้นหนังสือที่ซื้อบ่อยกว่าใครเพื่อนและหลังๆ มาก็เป็นค่าบุหรี่... กับถุงยางอนามัย แต่ถึงอย่างไรเงินส่วนใหญ่ก็หมดไปกับซื้อของให้น้อง
"อาหารญี่ปุ่นมั้ย ?" ลูกโป่งพยายามช่วย เพราะเมื่อครู่เห็นน้องกระต่ายแอบวาดรูปซูชิในสมุดเรียน
กระต่ายเป็นเด็กเดาง่ายแต่ไหนแต่ไร หน้าซื่อๆ เปลี่ยนเป็นตกใจก่อนจะส่ายหน้าหวือ
เทียบกับสาวๆ ที่พี่เสือนอนด้วยแล้ว... พวกนั้นเรียกร้องนั่น นี่ ขอสิทธิ ขอเวลา ขอ... ขอ...
แต่กับกระต่าย... กลับเกรงใจ ไม่กล้ารบกวนและพยายามทุกอย่างให้พี่ชายมีความสุขที่สุด
พี่เสือหัวเราะเบาๆ กับท่าทางอ่านง่ายของน้อง "เอาสิ"
น้องเล็กสั่นศีรษะ "ไม่นะ หนูไม่อยากกินจ้ะ"
"พี่ชักอยากกินน่ะ กระต่ายไม่อยากกินเหรอ ?" พี่เสือยินยอม จับจูงมือเล็กให้ออกเดิน
ใบหน้าหวานแดงก่ำ พี่เสือรู้ใจตลอดเลย "ก็... ก็... ถ้าพี่เสือว่าอย่างนั้น..."
"อางค์ว่าไง ?"
"กูยังไงก็ได้ ญี่ปุ่นก็ดี ไม่ค่อยอ้วน"
"กูโอเคอะ อยากกินข้าวหน้าเนื้อ" จัมโบ้อนุมัติ ทั้งแก๊งค์เลยมุ่งหน้าไปยังร้านอาหารญี่ปุ่นราคาไม่แพงนัก ที่ห้างใกล้ๆ
เรื่องของพี่เสือและสาวๆ ยังคงดำเนินต่อไป เพื่อนทั้งกลุ่มรู้ดี แต่ไม่มีใครอยากชีวิตสั้นบอกกระต่ายน้อย
พี่เสือไม่ได้มีแค่พี่จุ๊บแจง บรรดาสาวๆ ที่มากอร่อกอติกพี่เสือ... ถ้าคนไหนขึ้นเตียงได้ง่าย พี่เสือก็ไม่รีรอ แต่พี่เสือไม่ลงมือจีบใครหน้าไหนทั้งนั้น และพวกหล่อนก็ไม่มีสิทธิใดๆ ในตัวพี่เสือ ไม่มีใครมีเบอร์หรือหาญกล้าเรียกตัวเองว่าแฟน เพราะพี่เสือไม่ได้มีอะไรแค่กับผู้หญิงคนเดียว ไม่มีใครเคยไปเดทกับพี่เสือ ไม่มีกินข้าวด้วยกัน มอบของให้ บอกรัก ไม่มีอะไรทั้งนั้น เจอหน้า ขึ้นเตียงเป็นอันจบ ยิ่งกว่านั้น ทุกอย่างต้องเงียบสนิท... อย่าให้กระต่ายรู้เป็นอันขาด ไม่เช่นนั้น... ทุกคนรู้จุดจบดี... พี่เสือไม่ใช่สุภาพบุรุษ ห่างไกลจากการเป็นคนดี พี่เสือไม่สนใจว่าเป็นผู้หญิงหรือไม่ หากเรื่องมากหรือปล่อยให้ถึงหูสุดที่รัก พี่เสือก็ไม่ลังเลที่จะใช้กำลังหยุด
แต่ถึงอย่างนั้น ด้วยบุคลิกเงียบขรึม ร่างสูงใหญ่และใบหน้าหล่อเหลา คมดุนั้นก็ทำให้สาวๆ ยินยอมและเต็มใจ
ว่ากันว่าผู้หญิงชอบผู้ชายเลวคงไม่ผิดนัก
อย่างไรก็ตาม... คนทั้งโรงเรียนก็เล่าลือกันหนาหู เป็นที่โจษจัน แต่กระต่ายน้อยกลับไม่รู้เรื่องรู้ราว ทั้งด้วยนิสัยที่ไม่ชอบการซุบซิบนินทาและด้วยบารมีของพี่ชายที่ทำให้ทุกคนเกรงกลัวไม่กล้าแง้มบอก
เรื่องของพี่เสือและสาวๆ จบลงที่คนแล้วคนเล่า พี่เสือบอกเลิกได้ง่ายดายเช่นตอนขึ้นเตียง ไม่มีความสัมพันธ์ ไม่มีความสงสาร ไม่เห็นแก่น้ำตา พี่จุ๊บแจงเป็นคนหนึ่งที่มีความอดทนสูงกว่าใครเพื่อน เพราะหลังจากโดนพี่เสือเหยียดหยามแล้ว เธอก็ยังอดทนแอบมีอะไรกับพี่เสือลับหลังกระต่ายเรื่อยมาและเธอก็เชื่อว่า พี่เสือไม่มีหัวใจ... รักใครไม่เป็น
ทุกครั้งที่พี่เสือจากไป เธอมักลงท้ายด้วยน้ำตา... พร้อมก่นด่าในความโง่เง่าของตัวเอง... ไม่ใช่ไม่เคยเล่นตัว ทำตัวเหินห่าง... ทำแล้ว... แต่พี่เสือกลับเฉยเมย ไม่ได้มีทีท่าอะไรเลย
...เธอได้พยายามพิสูจน์ทุกวิถีทางแล้ว...
...จนกระทั่งไปได้ยินบทสนทนาของเพื่อนพี่เสือ
"มันเอางี้เลยเหรอ ?" เพื่อนตัวเล็ก ผิวขาว เธอจำได้ว่าชื่อลูกโป่งพ่นควันออกจากปาก อย่างไม่เข้ากับใบหน้าน่ารัก
"เออ" เพื่อนตัวโตอีกคนตอบ คว้าบุหรี่จากลูกโป่งมาสูบเอง "กูสงสารสาวๆ ชิบหายเลยว่ะ มันมองหน้า ขึ้นเตียง ขนาดชื่ออะไรมันยังจำไม่ได้เลย"
"กูจำคนนั้นได้ ที่มาจีบมันคนแรก ชื่อจุ๊บแจง" คนตัวเล็กไหวไหล่ "เห็นก็ยังคบกันอยู่"
แต่เพื่อนกลับหัวเราะลั่น แล้วถ่มน้ำลาย "ถุ้ย! มันน่ะเหรอจะคบใคร!? จุ๊บแจงอะไรนั่นก็แค่คนขึ้นเตียงด้วย ขาดไปก็ไม่เดือดร้อน"
"แต่กูก็เห็นมันไปนอนกับเค้าอยู่นา..."
"เออ มันจำหน้าได้รึเปล่าเหอะ" เพื่อนเหยียดยิ้ม "น่าสงสารผู้หญิง... วันก่อนกูแซวมันว่าจะเอาพี่จุ๊บแจงแล้วเรอะ มันมองหน้ากูเป็นหมางงว่ะ พอกูอธิบายหน้าตา มันดันเสือกตอบมาว่า คนขึ้นเตียงกับมันไม่ได้มีคนเดียวนี่หว่า ธุระอะไรของมันจะต้องไปจำหน้า"
ลูกโป่งบิดขี้เกียจ "ชื่อก็จำไม่ได้ หน้าก็จำไม่ได้ แต่ดันเสือกทิ่มเข้าไปได้"
"ฮ่าๆ ไอ้ท่อนล่างมันไม่มีตานี่หว่า" เพื่อนตัวโตหัวเราะ ทิ้งก้นบุหรี่ลงกับท่อระบายน้ำ "ไปเหอะ คาบคณิตใกล้จบละ"
แล้วเพื่อนรักของพี่เสือทั้งสองคนก็เดินออกจากที่ซ่อนตัว ทิ้งไว้แต่คนแอบฟังที่แข้งขาอ่อนแรง
วันนั้นเด็กสาวจำไม่ได้ว่าตัวเองร้องไห้ไปมากแค่ไหน...