ตอนที่ 6 # พลาด ผมนั่งหาวหวอดๆอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ มือก็พิมพ์ไป ตาก็อ่านรายงานจากแฟ้มไป เงยหน้าขึ้นๆลงๆจนเวียนหัว ใจมันอยากจะเร่งทำงานนี้ให้เสร็จเร็วๆ จะได้หมดเรื่องเครียดสักที...
“เที่ยงคืนแล้วเหรอเนี่ย” ผมเหลือบตามองตัวเลขที่บอกเวลาอยู่ตรงหน้าจอคอมพิวเตอร์แล้วพึมพำ พลันนึกถึงคนที่อยู่ที่ห้อง วันนี้ลืมโทรบอกซะสนิท...
“เวรกรรม มือถือแบตหมด” กดปุ่มดูย้ำๆ หน้าจอก็ยังคงมืดสนิท ไม่เป็นไรมั้ง เดี๋ยวมันก็มาเข้าเวรแล้ว ผมคิด
แกร๊ก… หันไปมองทางต้นเสียง คนที่ผมกำลังนึกถึงก็ปรากฏตัวขึ้น ผมฉีกยิ้มให้ ฉกาจค่อยๆเอาตัวผ่านเข้ามาทางช่องประตูนั่น มันปรายตามาทางผม ก่อนจะปิดประตูลงแล้วล็อคไว้อย่างเดิม
“กะแล้ว ว่ายังอยู่ที่ออฟฟิศ...ไม่โทรมาบอกก่อนครับ ผมเป็นห่วงแย่” มันว่า พร้อมกับลากเก้าอี้มานั่งซ้อนอยู่ด้านหลัง
“มือถือแบตหมดครับ ขอโทษนะ” ผมบอก เมื่อเห็นมันนิ่ง ไม่ว่าอะไร เลยหันมาสนใจงานที่อยู่ตรงหน้าต่อ
“อ๊ะ...อย่าครับ เดี๋ยวผมกรอกตัวเลขผิด” ผมบอกเบาๆ เมื่อจู่ๆ โดนคนที่อยู่ข้างหลังซุกไซร้ซอกคอ พร้อมกับเอามือมานวดคลึงบริเวณระหว่างขา
“ก็ตั้งใจจะกรอกผิดอยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ...” เสียงทุ้มต่ำกระซิบที่ข้างหู
“อะ...อะไรนะครับ
โอ้ย!” ผมร้องเสียงดังเมื่ออีกฝ่ายกัดลงมาเต็มแรงที่ต้นคอ
“เจ็บนะครับ” ผมยกมือหวังจะกุมบริเวณที่โดนกัดเพื่อบรรเทาความเจ็บ แต่คนตัวโตกว่าคว้ามือผมไว้ ก่อนจะใช้ลิ้นดุนเลีย แล้วใช้ปากดูดดึงตรงรอยแผลแรงๆ ผมหันไปหวังจะเอาอีกมือฟาดไหล่หนานั่นให้หยุด... มันแสบอะ
“อะ...อืม” แต่พอหันไปคนตรงหน้ากลับผละริมฝีปากออกจากคอมาประกบริมฝีปากผมแทน ก่อนจะหมุนเก้าอี้ให้ตัวผมหันมาประชันหน้ากัน แล้วใช้มือกดท้ายทอยผมให้ริมฝีปากแนบชิดยิ่งขึ้น ผมทำอะไรไม่ได้นอกจากใช้มือที่ถูกปล่อยเป็นอิสระขยุ้มเสื้อเจ้าตัวไว้
ร่างสูงเกี่ยวกระหวัดลิ้นของผมให้ออกมารับสัมผัสกันภายนอกริมฝีปาก เราคลอเคลียกันอยู่อย่างนั้นจนน้ำลายที่ไม่รู้ว่าของใครเป็นของใครเปรอะเปื้อนลากยาวเป็นสาย การโดนดูดลิ้นแรงๆสลับไปมาทำให้ผมขมวดคิ้วด้วยความเจ็บ แต่มันก็รู้สึกดีไปพร้อมๆกัน
“อะ...อึก” ผมตัวเกร็งเมื่ออีกคนจูบไล่ตั้งแต่คอลงไป จนไปหยุดอยู่ที่จุดสองจุดบนหน้าอก... ข้างหนึ่งโดนนิ้วใหญ่คลึงเบาๆ ส่วนอีกข้างหนึ่งก็โดนลิ้นโลมเลีย ขบกัด จนมันชูชันทะลุผ่านเนื้อผ้า ปรากฏต่อสายตาคนตรงหน้า เพราะน้ำลายเปียกชื้นของเจ้าตัว
“อะ...อย่าครับ” ผมห้ามปราม พยายามเอามือดันใบหน้าที่อยู่กึ่งกลางลำตัวของตัวเองออก แต่คนที่นั่งอยู่ด้านล่างไม่ฟังเสียง จัดแจงถอดกางเกง รองเท้า ถุงเท้า อะไรเสร็จสรรพก็ไล้ลิ้นหนักๆลงบนบริเวณปลายยอด ผมอ้าปากค้าง หลับตาแน่น เงยหน้าพาดหัวกับพนักเก้าอี้ กัดริมฝีปากล่างสกัดกั้นเสียงครางเมื่อโดนปลายลิ้นเปียกชื้นแตะตรงถุงนุ่มไปมา ก่อนที่คนด้านล่างจะกลืนกินเข้าไปทั้งตัว
มือของผมจิกเกร็งกับที่เท้าแขน สะโพกเผลอกระตุกไปตามธรรมชาติเมื่อใกล้จะปลดปล่อย... แต่จู่ๆคนตัวสูงก็ผละออก ก่อนจะยืนขึ้นเต็มตัว ผมมองตาม มือใหญ่กำลังปลดเข็มขัดของตัวเองออกอย่างใจเย็นพร้อมกับส่งสายตาหื่นกระหายมายังผม จนผมเป็นฝ่ายอาย ต้องหลบสายตาไปเอง แต่หลบสายตาได้ไม่นาน แรงดึงรั้งตรงท้ายทอยก็ทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้น หน้าผมแดงซ่านกว่าเดิมเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ในระดับสายตา ริมฝีปากผมสั่น มือหนานั่นดันท้ายทอยผมให้แนบชิด พร้อมกับเอามืออีกข้างจับสิ่งนั้นถูไถไปกับริมฝีปากของผม
“ทำสิ...เหมือนตอนนั้น” มันบอกก่อนจะจับความใหญ่โตนั่นตีปากผมเบาๆเมื่อผมไม่ยอมทำสักที ตอนนั้นกับตอนนี้มันไม่เหมือนกันนี่ ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์มันทำให้ผมกล้าทำอะไรๆ... แตกต่างจากตอนนี้
ผมกลืนน้ำลายลงคอเฮือกใหญ่ แลบลิ้นไล้เลียตรงส่วนยอดสีชมพูนั่น ทันทีที่ลิ้นแตะเบาๆ ก็ได้ยินคนตัวสูงครึมครางออกมา ผมเผลอยิ้มด้วยความดีใจ เต็มที่เลยแล้วกันนะกู...
ผมงัดกลวิธีที่ลักจำจากหนังมาใช้ เลียจากโคนจรดปลาย พร้อมกับสูดดมกลิ่นกายของคนตรงหน้าไปพลาง ส่วนนั้นสั่นกึก ผงกขึ้นลงเมื่อผมหายใจรด ก่อนที่ผมจะครอบปากลง ความคับแน่นทำให้เป็นไปอย่างล่าช้า อ้าปากกว้างเท่าไหร่ก็ไม่พอ เมื่ออีกคนบอกผมว่าฟันของผมโดนตัวมัน ผมเลยกลืนกินให้ลึกแทน ไม่ขยับเข้าออกแบบที่พยายาม แต่การกระทำนั่นทำให้ผมไอโขลก เมื่อตัวมันเข้ามาจนสุดผ่านลำคอลงไป น้ำตาผมเริ่มปริ่ม แต่ก็อดทนไว้ ได้ยินมันครางเสียงหนักๆ สักพักก็เหมือนมีรสชาติอะไรเฝื่อนๆไหลลงคอ สงสัยเป็นน้ำหล่อลื่นของมันละมั้ง...ผมคิด ก่อนที่เจ้าตัวจะดึงสิ่งนั้นออกจากผม ทันทีที่หลุดออกจากคอได้ ผมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ หอบจนหน้าอกกระเพื่อม และยังไม่ทันที่จะตั้งตัวได้ คนตัวโต กว่าก็กระชากเนกไทของผม จนต้องลุกขึ้นยืนตามแรง มันกอดรัดแนบชิด ยกตัวของผมขึ้น ผมจึงใช้ขากอดเกี่ยวช่วงเอวของมันไว้ มันก้าวเดิน...ส่วนนั้นเสียดสีกับช่องทางของผมจนหน้าร้อนผ่าวไปหมด
มันปล่อยผมลงที่โต๊ะว่างตัวหนึ่ง ผลักผมให้นอนแนบ ใช้หน้าขาดันขาผมให้แยกกว้าง ก่อนที่ตัวมันจะทาบทับลงมา ใช้มือกระชากเสื้อผมออกอย่างแรง พร้อมกับปลดเนกไทที่น่ารำคาญนั่นออกไป…ดีนะมีชุดสำรองอยู่ตอนที่มาแอบนอนที่บริษัท
“ขาวจัง...” มันกระซิบเสียงพร่าชิดริมฝีปาก ก่อนจะยกขาผมตั้งชันกับโต๊ะ แล้วเคลื่อนหน้าต่ำลงไปซุกกับช่องทางด้านหลัง พลันใช้ปลายลิ้นสอดเข้ามา
“มะ...ไม่เอา...อะ” ผมดิ้นหนี แต่มือใหญ่กักเอวผมไว้แน่น พรุ่งนี้คงเป็นรอยช้ำแน่ๆ
“ถ้าไม่ทำเดี๋ยวจะเจ็บนะครับ” มันบอกก่อนจะแหวกช่องทางของผมออกกว้าง จนรู้สึกถึงลมที่ผ่านเข้ามา แล้วถ่มน้ำลายใส่ ก่อนจะใช้น้ำลายกับส่วนนั้นของตัวเองบ้าง
“อะ...” ผมบิดตัวด้วยความเสียวซ่าน เมื่อส่วนหัวผลุบเข้ามา ก่อนที่จะรู้สึกเจ็บเมื่อช่องทางค่อยๆแหวกออกเพราะความใหญ่โต ประกอบกับตัวช่วยหล่อลื่นมีเพียงแค่น้ำลาย ความฝืดเคืองจึงทำให้การเข้ามาเป็นไปอย่างทุลักทุเล
ผมเห็นมันขบกรามจนเป็นสันนูน คงจะอดทนมากที่จะไม่ดันส่วนนั้นเข้ามาทั้งหมด ผมจึงเอื้อมมือไปลูบไล้ใบหน้านั่น หล่อ...ผมคิดว่ามันหล่อขึ้นทุกวันๆ... ผมค่อยๆไล้มือไปตามโครงหน้า มองมันด้วยสายตาหลงใหล
“
อ๊ะ!...” ผมร้องเสียงหลง เจ็บแปลบขึ้นมา เมื่อจู่ๆคนที่ผมคิดว่ากำลังอดทน ดันส่วนนั้นเข้ามาในตัวผมจนสุดทีเดียว
“ขอโทษครับ...” มันกระซิบข้างหูพร้อมกับจูบซับน้ำตา
“ฮะ...ฮ้า...” ผมหายใจทางปาก หน้าท้องบิดเกร็ง มันรอจนผมปรับตัวได้แล้วจึงค่อยๆขยับเข้าออก พร้อมกับใช้มือรูดรั้งให้ผมไปด้วย
รู้สึกถึงอะไรบางอย่างมาคั่งค้างอยู่ที่ส่วนปลาย ผมหอบหายใจหนัก กำลังจะปลอดปล่อย แต่มันกลับเอานิ้วใหญ่กดปิดส่วนปลายนั่นไว้ ผมตะเกียดตะกาย ผลักไสมันออกทั้งๆที่ส่วนล่างยังตอดรัดไม่ปล่อย มันหยุดนิ่งทุกการกระทำ โน้มใบหน้าเข้าหา ใช้ลิ้นไล้เลียน้ำตาที่ไหลเป็นสายของผม
“ผมมีเรื่องสงสัยอยู่อย่าง ถ้าได้คำตอบ ผมจะปล่อยคุณนิดไป...” มันถาม ด้วยความขัดใจ ผมเลยพยายามบดเบียดสะโพกให้ส่วนนั้นของมันกระแทกโดนจุดกระสันของตัวเอง เป็นผลทำให้มันกักตัวผมแน่นกว่าเดิม ผมจึงพยักหน้าตอบมันรัวๆ
“ถ้าสมมุติมีคนสั่งให้คุณนิดทำเรื่องไม่ดี คุณนิด...จะทำไหมครับ” ผมส่ายหัวกับคำถามนั่น มันหรี่ตามอง แล้วกระทุ้งร่างเข้ามาหนักๆหนึ่งที จนผมหลุดเสียงคราง
“แล้ว...ถ้ามันส่งผลดีต่อส่วนรวม แม้จะเป็นเรื่องไม่ดี คุณนิดจะยอมทำไหมครับ อย่างเช่นเรื่องธุรกิจเป็นไง” ผมชะงักกับคำถาม...คำถามของมันทำให้ผมนึกถึงเรื่องที่กำลังเผชิญอยู่...นั่นสินะ ถึงมันเป็นเรื่องไม่ดี แต่ผมก็ยังทำ ทำเพื่อรักษาผลประโยชน์ของบริษัท ผมไม่มีทางเลือก ถ้าไม่ทำ ก็ต้องโดนไล่ออก แต่ถ้าเลือกได้...ผมก็จะไม่ทำ
“ชะ...ช่วยไม่ได้ มันเป็นเรื่องของธุรกิจ...อึก” ผมเค้นเสียงตอบอย่างลำบาก พยายามตอบให้เป็นกลางที่สุด
“
อ้อ...นั่นสินะ” มันตอบ ดวงตาเกรี้ยวกราดขึ้นมาทันควัน และโดยที่ผมยังไม่ทันตั้งตัว มันก็ส่งแรงเข้ามาเต็มแรง!
“
ไม่...อะ…อย่า” มันกระชากตัวออก ดึงตัวผมลงมา ผลักให้ฟุบหน้ากับโต๊ะ ก่อนจะเข้ามาทางด้านหลัง เรี่ยวแรงของมันทำให้ผมเจ็บกว่าเดิมจนน้ำตาไหลพราก
“หึ...ปฏิเสธให้เต็มเสียงหน่อยนะครับ” มันกระซิบกลับ ส่งแรงถี่รัวเข้ามา แรงอัดทำให้ช่วงท้องของผมกระแทกกับขอบโต๊ะจนเจ็บไปหมด ก่อนจะรู้สึกถึงแรงฉีดของของเหลวเข้ามาภายใน
“อะ...อา” มันครางเสียงพร่า บีบไหล่ผมแน่น พร้อมกับปลดปล่อยเข้ามาในร่างกายของผม มันกระแทกหนักๆเข้ามาอีกสองสามที ก่อนจะดึงตัวผมขึ้นจากโต๊ะไปกอดรัด บางส่วนของร่างกายยังไม่ได้ถอดถอนออก
“ยังไม่เสร็จเหรอครับ...” มันถาม ผมจะเสร็จหลายรอบแล้วล่ะ แต่วันนี้ทำไมมันช่างแตกต่างจากวันนั้น... ทุกอย่างมันดูแข็งกร้าวยังไงไม่รู้ รู้สึกเหมือนมันต้องการระบายความต้องการทางร่างกายกับผมมากกว่า ผมคิดว่ามันคงเครียดกับปัญหาทางบ้านที่มันกำลังเผชิญเหมือนกัน เลยไม่ได้ตอบอะไร หันไปจูบมันเบาๆ ก่อนที่มันจะดึงตัวผมให้ล้มลงไปนอนทาบทับกันที่พื้น
“ขย่มเองเลยครับ” มันบอก ก่อนจะไซร้คอผมจากทางด้านหลัง หน้าผมร้อนแทบระเบิดกับคำพูดของมัน ใจก็กล้าๆกลัวๆ แต่ไม่อยากให้ตัวเองทรมานนานนัก เท้ามือกับหน้าขาคนตรงหน้าได้ก็ยกสะโพกขึ้นสูง พยายามสวนร่างกายให้ส่วนแข็งขืนนั่นกระแทกโดนจุด จนในที่สุดผมก็ปลดปล่อยออกมา พุ่งเป็นสายเปรอะเปื้อนใบหน้าตัวเอง
“หึ...” ได้ยินมันหัวเราะในลำคอ ก่อนจะดึงผมให้พิงตัวกับอกแกร่ง มันใช้นิ้วเกลี่ยของเหลวสีขาวขุ่นบนใบหน้าของผม แล้วสอดนิ้วเข้าปากผมให้ลิ้มรส...ความรู้สึกแรกคือ...ไม่ชอบ...แต่ก็ยอมทำเพื่อต้องการที่จะเอาใจเจ้าตัว ไล้เลียนิ้วมันจนมันพอใจนั่นแหล่ะ จึงผละออก
ผมใช้เสื้อที่มันกระชากจนขาดรองซับของเหลวที่ไหลออกมาตอนมันถอนตัวออกไป มีเลือด...ปนกับของเหลวสีขาวขุ่นของมันออกมา
เห็นมันเดินไปสวมกางเกงอะไรเสร็จสรรพ ก็รื้อค้นที่โต๊ะทำงานของผม แล้วถือผ้าเช็ดตัวออกไป ผมงุนงงว่ามันทำอะไร แต่ก็ไม่ได้ขยับตัว เพราะจะขยับก็รู้สึกเจ็บแปลบไปหมด สักพักมันก็กลับเข้ามาพร้อมผ้าที่ชุ่มไปด้วยน้ำ ก่อนจะเดินไปหยิบชุดของผมที่มันรื้อออกมาไว้ก่อนหน้า แล้วเดินตรงมาที่ผม
“เช็ดตัวนะครับ” มันบอก ผมยิ้มให้น้อยๆเมื่อมือใหญ่ใช้ผ้าลูบไล้ไปตามเนื้อตัวของผม เสร็จแล้วก็ค่อยๆใส่เสื้อผ้าให้...ฉกาจคนเดิมกลับมาแล้ว...ผมคิด
“เดินไหวไหมครับ” มันถาม ผมไม่ตอบ แต่ส่ายหัวแทน
“เดี๋ยวผมไปปิดคอมให้แล้วเรากลับบ้านกันนะ” ผมยิ้มแล้วพยักหน้าให้ มันจัดการอะไรเรียบร้อยก็เดินมาช้อนตัวผมขึ้น
“สบายใจแล้วรึยังครับ...เรื่องที่บ้านน่ะ” ผมปริปากพูดเมื่ออยู่ในอ้อมแขนของมัน
“ก็...สบายใจขึ้นมากเลยล่ะครับ” มันตอบ ได้ยินดังนั้นผมเลยซุกหน้าถูไถกับหน้าอกของมัน ออดอ้อนนิดๆ
“ทีหลังอย่าทำหน้าเครียดอีกนะครับ วันนี้ผมยอมคุณ...แลกกับงานที่ไม่เสร็จเลยนะ” ผมบอก ซบหน้าลง ตาเหมือนจะปิดให้ได้
“หึ...ไม่ต้องห่วงครับ คุณนิดอาจจะไม่ต้องทำงานนั้นต่อแล้วอีกเลยก็ได้...”
.
.
.
ผมตื่นขึ้นมาอีกที ตาก็จ้องอยู่ที่เพดานห้องครับ สงสัยเมื่อวานผมคงหลับคาอกมันนั่นแหล่ะ กลับมาที่ห้องได้ยังไงไม่รู้สึกตัวเลย คิดแล้วก็ลุกขึ้นพิงหัวเตียง มองนาฬิกาเกือบๆจะสิบเอ็ดโมงอยู่แล้ว
“เวร...สายแล้วนี่หว่า” ผมคิด แต่ก็ไม่ได้รีบลุกจากเตียง เพราะคิดว่าวันนี้จะลาหยุด ทำงานมาไม่เคยลาหยุดสักที แค่วันนี้วันเดียวคงไม่เป็นไรมั้ง...แต่แปลก...ทำไมฉกาจมันยังไม่กลับมา ตอนนี้น่าจะออกเวรได้แล้วนะ สงสัยติดธุระมั้ง... นึกแล้วก็แอบอมยิ้ม ผมคงเคยชินกับการที่มันเอาตัวนอนทับปลุกผมในตอนเช้าเข้าแล้ว
เดินลุกจากเตียงก็เจอกล่องข้าวที่ปิดไว้อย่างมิดชิด นอกจากนั้นยังมีช้อนส้อม ยา น้ำเปล่าหนึ่งขวด และแก้วน้ำวางอยู่ พร้อมกับมีโน้ตแปะเล็กๆว่า
‘ห้ามกินน้ำเย็นนะ…’ นั่งยิ้มให้กับความใจดีของมันไม่นาน โทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้น หยิบขึ้นมาดูก็เห็นว่าไอ้จิตโทรมา
“
ไอ้นิด ตอนนี้มึงอยู่ไหนวะ ที่บริษัทเกิดเรื่องใหญ่แล้ว ผอ. ถามถึงมึงด้วย รีบมาเดี๋ยวนี้เลย!”
“คะ...ครับ อะไรนะครับ เดี๋ยวผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้!” พูดได้แค่นั้น ผมจึงรีบอาบน้ำแต่งตัวโดยไม่คิดอะไรอีก ต้องการแค่รีบไปให้ถึงบริษัทโดยเร็ว ใจมันร้อนรนพิกล...
.
.
.
“
คุณนิธาน!...คุณทำงานยังไงของคุณ ผมสั่งให้ปิดเรื่องนี้เป็นความลับ แล้วทำไมเรื่องมันกลายเป็นแบบนี้!” ผมโดนต่อว่าเสียงดัง มาถึงผมก็ตรงรี่เข้ามาที่ห้อง ผอ. ตอนนี้กำลังงงกับเรื่องที่เกิดขึ้น จับต้นชนปลายไม่ถูก
“อะ...อะไรนะครับ” ผมถามแบบไม่เชื่อหูตัวเอง
“ก็เรื่องที่ผมให้คุณโกงหุ้นของบริษัทมันไง...ตอนนี้เรื่องมันแพร่งพรายออกไปแล้ว บริษัทพวกมันก็ถอนหุ้นออกไปจนหมด แถมบริษัทเรายังโดนฟ้องร้องอีก คุณขายความลับให้บริษัทนั่นใช่ไหม!”
“
อะไรนะครับ! ผมไม่ได้ขายความลับให้ใคร ผมไม่ทราบว่าเรื่องมันบานปลายได้ยังไงด้วย แล้ว...”
“พอ! ผมไม่ต้องการคำอธิบาย นี่ถ้าไม่เห็นแก่ผลงานที่ผ่านมาของคุณ ผมไล่คุณออกวันนี้ก็ยังได้! บริษัทเสียหายหลายล้านเลยนะคุณ ยังไงก็ตาม ในระหว่างที่ผมสั่งพักงานคุณสักระยะ คุณก็ไปคิดทบทวนหาสาเหตุมาให้ได้ว่าเรื่องที่แพร่งพรายออกไป มันเกิดจากอะไรกันแน่ ผมหมดธุระแล้ว เชิญ...” ผมหน้าเสียเมื่อเห็น ผอ.ผายมือไปทางประตูเป็นการไล่ผมทางอ้อม เดินคอตกออกมาจากห้องก็เห็นไอ้จิตกระวนกระวายอยู่หน้าประตู มันเดินเข้ามาหาผม เอามือวางบนไหล่ทั้งสองข้าง
“มึงโอเคนะไอ้นิด” มันถาม หน้าตาคิ้วขมวด ผมไม่ตอบอะไร ได้แต่พยักหน้าน้อยๆ มันจิ๊ปากส่งเสียในลำคอ เมื่อสีหน้าของผมมันไม่ได้โอเคอย่างที่ตอบ
“มึงเล่าให้กูฟังได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น...” ผมไม่ตอบ ได้แต่สั่นหัวอย่างเลื่อนลอย
“
โธ่เว้ย! ตัวก็เล็กแค่นี้ แต่แบกรับปัญหาอะไรเยอะแยะจริงนะมึง ถ้าไม่อยากพูดตอนนี้ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้ามีปัญหาเมื่อไหร่มึงต้องเรียกหากูคนแรกเข้าใจไหม”
“ครับ” ผมน้ำตารื้น เมื่อมันไม่ได้เซ้าซี้อะไรมากมายในเรื่องที่ผมไม่อยากจะปริปากเล่า จิตก็ยังเป็นจิต... เป็นเพื่อนที่เข้าใจผมเสมอ
มันพาผมเดินกลับมาที่แผนก พนักงานทุกคนต่างยิ้มให้กำลังใจผม ผมได้แต่ยิ้มเจื่อนๆกลับไป บางคนก็เดินมาบอกผมว่า วันนี้จะตั้งใจทำงานช่วยคุณนิดอีกแรง ผมได้แต่หัวเราะในใจ กูยังจำมึงได้ วันนั้นมึงทิ้งกูกลับบ้าน ฮ่าๆๆ...พยายามคิดเรื่องตลก...แต่มันไม่ตลกเลยสักนิด
ฟุบหน้าลงกับโต๊ะ...พยายามโทรหาคนที่ผมคิดถึง แต่ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลข...มันหายไปไหนกันนะ ถ้ามันอยู่ต่อหน้าผมตอนนี้ ผมคงจะยิ้มออกมาได้บ้าง ผมคิด... ก่อนที่ความคิดนั้นจะพังทลายลง เมื่อสายตาของผมเหลือบไปเห็นคนที่คุ้นเคยบนหนังสือพิมพ์ธุรกิจของวันนี้…ทรงผมที่ถูกใส่น้ำมันหวีเสยขึ้นอย่างเรียบร้อย ชุดสูทราคาแพงที่ดูไม่คุ้นตา ทำให้มันดูแตกต่างออกไปจากที่เคยเป็น แต่สำหรับผม...ไม่มีวันที่จะลืมใบหน้าของคนๆนั้นได้อย่างแน่นอน...
‘นักธุรกิจรุ่นใหญ่ เปิดตัวลูกชายว่าที่ท่านประธานบริษัท พลิกวิกฤตล้มละลายของพ่อ ให้กลับมามีกำไรได้ชั่วข้ามคืน’ น้ำตาของผมเอ่อล้นออกมาโดยอัตโนมัติเมื่อหัวใจถูกบีบรัด...ตอนนี้เอง ที่ทำให้ผมคิดถึงคำที่ใครๆต่างก็พูดกันว่า...
...เวลาแห่งความสุข มักจะสั้นเสมอ............................................................................