ตอนที่ 4 # คืนสุข ผมยังคงทำงานเหมือนปกติทุกวันครับ แต่แตกต่างตรงที่เมื่อก่อน ผมอาจจะบ้างาน ทำงานไม่ลืมหูลืมตา วันหยุดไม่เคยมีความสำคัญสำหรับผมอยู่แล้ว แต่เดี๋ยวนี้
'วันอาทิตย์' สำคัญสำหรับผมมากครับ ไม่รู้สิ แค่รู้สึกว่าอยากให้ถึงวันอาทิตย์เร็วๆ…
“เฮ้ย ไอ้นิด เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยอยู่ทำโอทีแล้วเหรอวะ ติดหญิงรึไง” ไอ้จิตทักเมื่อเห็นผมเดินเข้ามาในแผนกครับ ทักซะเสียงดังเชียว กูเป็นหัวหน้าแผนกนะ ถึงมึงจะเป็นเพื่อนแต่ช่วยให้ความเคารพในหน้าที่การงานกูบ้าง
“เปล่าครับ ก็ช่วงนี่ไม่ค่อยมีงานอะไรเป็นพิเศษนี่...”
“แอะๆๆๆ” มันพูดดักคอก่อนที่ผมจะพูดจบ...
“อะไรติดคอครับ” ถามไปอย่างสุภาพ แต่ในใจอยากกระทืบสักที
“ไม่มีอะไรติดคอกูหรอก แต่ที่คอมึงอะ มีแน่... นี่รอยอะไรวะ” มันถามพร้อมเอานิ้วมาจิ้มๆ ผมก้มลงมองคอตัวเอง
“ไอ้เหี้ยนิด ก้มมองคอตัวเองมึงจะเห็นไหม เอ้ากระจก!” มันพูด กัดฟันอย่างหมั่นเขี้ยวพร้อมกับตบหัวผมพอเป็นพิธี เสร็จแล้วก็ยื่นกระจกให้ดู ผมสำรวจตรงคอตัวเอง มีรอยแดงๆอยู่สองสามจุด...มันแปลกตรงไหนวะ
“สงสัยยุงกัดตอนนอนมั้งครับ” ผมตอบ ส่งกระจกคืนให้
“หราาา...” น้ำเสียงกวนตีนมากครับ ผมทำหน้าประมาณว่า
จะเอาอะไรกับกูอีก ใส่มัน
“ยุงกัดต้องเป็นตุ่ม นี่มันรอยจูบชัดๆ” ผมยืนมองหน้ามันงงๆ สมองกำลังประมวลผล...
รอยจูบ! ได้ยินดังนั้นผมรีบตะครุบคอตัวเองไว้เลยครับ
“ยุงที่กัดนี่... ยุงตัวผู้ หรือยุงตัวเมียวะ ฮ่าๆๆ” ไอ้จิตมันพูดล้อ
“มะ...ไม่พูดกับคุณจิตแล้ว ไปทำงานดีกว่า!” หนอย... กลับห้องไปต้องเอาไม้ไปช็อต
‘ยุง’ เสียหน่อย
.
.
.
“วันนี้มีงานเลี้ยงฉลองของบริษัทเหรอครับ” มันถามน้ำเสียงงัวเงียหลังจากกลับมาจากการออกเวร กลับมาถึงก็เข้าไปอาบน้ำ เสร็จแล้วก็มาล้มตัวลงนอนข้างๆผมที่ยังไม่ลุก ตามันจะปิดอยู่แล้ว แต่ก็ยังฝืนคุยกับผมอยู่
“อืม...” ผมตอบ พลางเอามือลูบหัวมันเบาๆ ไอ้ยามตัวตึกหลับตาพริ้ม
“เลิกดึกไหม เลิกแล้วโทรมาหาผมนะ เดี๋ยวจะไปรับ” มันพูดเสร็จก็นิ่งเลยครับ สงสัยหลับไปแล้ว ผมเท้าคางจ้องมองคนหลับเงียบๆ แล้วอมยิ้มออกมาคนเดียว หน้าตามันดูดีใช้ได้เลยล่ะ ถ้าไม่ติดว่าชอบทำหน้าโหด กับ...ทำหน้าหื่น
คิดถึงหน้าหื่นของมันทีไร หน้าผมต้องร้อนวาบทุกที...แรกๆผมอาจจะยอมมันเพราะคำขู่ แต่พักหลังมาผมกลับเต็มใจให้มันลวนลาม ซึ่งทุกครั้งก็หยุดอยู่แค่ระดับนั้น ไม่เคยเลยเถิด
ฟังดูแล้วอาจจะแปลกๆในความสัมพันธ์ แต่ผมไม่สนใจหรอกว่ามันจะเป็นยามหรือเป็นใคร ไม่สนใจในสังคมของมันที่อาจจะแตกต่างกับผมอย่างสุดขั้ว จะสนใจทำไมในเมื่อตอนนี้ผมอยู่กับมันแล้วมีความสุขมากกว่าที่เคย
ผมยื่นหน้าไปหอมแก้มคนที่นอนอยู่ มีแต่ช่วงเวลาที่มันหลับนี่แหล่ะ ที่ผมสามารถแสดงออกแบบนี้ได้ แล้วก็เพิ่งรู้ว่าการเป็น
ผู้กระทำ มันมีความสุขแบบนี้นี่เอง
.
.
.
ผมนั่งตาปรือนิดๆ ไม่ได้ง่วงหรืออะไร แต่รู้สึกหนังตามันหนักๆ อุณหภูมิในร่างกายดูร้อนๆชอบกล...ผมคิดว่าผมกำลังเมา แต่สติสัมปชัญญะของผมยังปกติดีอยู่นะ ตอนนี้ผมนั่งอยู่ข้างๆไอ้บ้าจิต ที่เมาจนร้องไห้
“ชี่ๆ ไม่ร้องนะครับคุณจิต” น้ำเสียงผมอ้อแอ้พอๆกันกับมัน หากใครเดินผ่านไปผ่านมาแถวๆพวกเราคงจะหัวเราะ... ตลกพิลึก คนเมาปลอบคนเมาด้วยกันเอง
ผมกอดปลอบมันเพราะมันยังร้องไม่เลิก ไอ้บ้านี่ ร้องไห้จนเสื้อกูเปียกหมดละ ผมนั่งปลอบมันอยู่อย่างนั้น จนสังเกตเห็นว่าคนในงานเริ่มทยอยกลับ เลยยกมือถือขึ้นมากดหาคนที่บอกว่าจะมารับผม
“เลิกแล้วเหรอครับ” คนปลายสายทักมา
“คร้าบบ มารับผมหน่อยนะ” ผมกรอกเสียงใส่โทรศัพท์ บอกพิกัดของร้านอะไรเสร็จสรรพ
“รออยู่นั่นนะ” มันตอบกลับมา วางสายไปแล้ว... ในหัวของผมตอนนี้นึกถึงภาพที่แอบหอมแก้มมันเมื่อเช้าแล้วนั่งยิ้ม
และในที่สุดคนที่ผมนึกถึงก็มายืนอยู่ตรงหน้า เห็นท่าทางของมันชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นผมกับไอ้จิตนั่งอยู่ด้วยกันสองคน คนหนึ่งร้องไห้ อีกคนหนึ่งยิ้ม มือก็ยังลูบหน้าลูบหลังเพื่อนไม่หยุด มันหลุดขำออกมาเล็กน้อยก่อนจะเดินมาพยุงไอ้จิต
“เดี๋ยวผมส่งเพื่อนคุณนิดกลับบ้านก่อนดีกว่า
เฮ้ย...” มันอุทานออกมาเบาๆเมื่อไอ้จิตผวากอดมันแล้วร้องไห้ ผมขำ ลุกขึ้นเดินตามคนที่พยุงเพื่อนผมออกไปตรงแนวถนน กว่าจะจับยัดใส่แท็กซี่ได้ก็ทุลักทุเลพอสมควร
“กลับบ้านกัน” มันหันกลับมาจูงมือผมไปยังรถมอเตอร์ไซค์คันเดิม วันนี้เป็นอะไรไม่รู้ ผมอยากอยู่ใกล้มันเป็นพิเศษ
“ไม่ให้ซ้อนหลังนะ เมาแบบนี้เดี๋ยวตก” มันบอกก่อนจะเอาหมวกกันน็อคมาสวมให้ผม
“คิกๆ” ผมหัวเราะเบาๆก่อนจะทำตามมันอย่างว่าง่าย มันขึ้นคร่อมรถตามหลัง บั้นท้ายของผมแนบชิดกับส่วนกึ่งกลางลำตัวของมัน ผมเลยเอนตัวไปข้างหน้าแทบจะนอนแนบไปกับถังน้ำมัน บดเบียดเสียดสีบั้นท้ายให้แนบชิดยิ่งขึ้น ก่อนจะมีแรงตบเบาๆส่งมาจากคนด้านหลัง
“อย่ายุกยิกสิครับ” ฉกาจเปล่งเสียงออกมาอย่างคาดโทษ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจ ระหว่างทางขับรถกลับ ผมก็จงใจบดเบียดอยู่เนืองๆ จนรู้สึกว่ามีของแข็งทิ่มผมอยู่นั่นแหล่ะครับ พอคิดได้ว่าเป็นอะไรหน้าก็แดงซ่านขึ้นมาทันที
“เมามากแล้วนะครับ ทีหลังไม่ดื่มเยอะอย่างนี้แล้วนะ” มันกระซิบบอกเบาๆข้างหูขณะที่โอบตัวผมให้เดินเข้าไปในห้อง ผมไม่ได้เมาจนขนาดที่เดินไม่ตรงหรอกนะครับ แสร้งเบียดมันไปอย่างงั้น
ผมหันกลับไปมองคนพูด เขย่งเท้ายกตัวจูบมันเบาๆ อายครับ แต่แอลกอฮอล์ในร่างกายมันฉีดพล่าน ทำให้ผมรู้สึกกล้ามากกว่า
“หึ...จูบไม่เป็นแล้วยังคิดจะจูบอีก” มันว่า ส่งสายตาล้อเลียนมาให้
“แล้วต้องทำยังไง... สอนหน่อยสิ” ผมพูด มือก็ขยุ้มเสื้อของคนตรงหน้าไว้ กลัวมันจะผละไปดื้อๆ เหมือนที่ชอบลวนลามผมแล้วหยุดลงกลางคัน
มันยิ้มให้...รอยยิ้มกวนๆที่บางครั้งดูอันตราย ดูเหมือนจะมีอะไรแอบแฝงอยู่ภายใต้รอยยิ้มนั่น แต่ผมกลับชอบรอยยิ้มของมัน
ฉกาจค่อยๆโน้มใบหน้าลงมา ริมฝีปากของเราแตะกันแผ่วเบา มันค่อยๆใช้ลิ้นเปิดริมฝีปากของผมออก พอผมเผยอรับลิ้นมัน เจ้าตัวก็จูบเข้ามา ดูดดึงริมฝีปากของผม ผมรู้สึกว่ามันเนิ่นนาน จนเริ่มจะหายใจติดขัด คนตัวโตกว่าจึงผละออก แล้วจูบเข้ามาใหม่ คราวนี้มีลิ้นสอดแทรกเข้ามาในริมฝีปากของผม รู้สึกคับแน่นไปหมด ผมเงอะงะ ตอบโต้ไม่เป็น เพราะไม่เคยจูบมาก่อน เลยได้แต่ให้คนข้างหน้าชักนำไป... ภายในโพรงปากนุ่ม มันใช้ลิ้นสะกิดลิ้นของผม เหมือนเป็นการเชิญชวนให้เข้าไปเยี่ยมชมความหวานภายในริมฝีปากของมันบ้าง ผมทำตามครูผู้สอนอย่างว่าง่าย หูอื้ออึง ไม่ได้ยินสรรพเสียงรอบตัวนอกจากเสียงครางกับเสียงหายใจฟึดฟัดของพวกเราทั้งสองคน... ฉกาจดันท้ายทอยของผมให้แนบชิด ตอนนี้ร่างกายผมร้อนมาก แก้มผมคงแดงไปถึงกกหู
ในจังหวะที่มันผละออก มันดูดดึงลิ้นผมที่โผล่พ้นออกมาจากปากเล็กน้อยจนผมเสียววาบ มือได้แต่จิกอยู่บนลาดไหล่กว้าง
“พอยัง...” มันถาม หายใจหอบ ผมไม่ตอบ แต่ใช้มือลูบไล้ไปทั่วทั้งตัวของมัน... ผมอยากได้มากกว่านั้น ไม่อยากให้หยุดกลางคันเหมือนทุกที ได้ยินเสียงมันหัวเราะ หึๆ ในลำคอ ก่อนที่เจ้าตัวจะเข้ามาจูบ แล้วเดินดันผมให้ถอยหลังไปที่เตียง ผลักเบาๆให้ผมนอนลง
“เมาแล้ว นอนเลย คนลามก” มันว่า ก่อนจะผละออกไป ผมรีบลุกขึ้นนั่งสุดตัว คว้ามือมันไว้ ส่งสายตาวิงวอนบ่งบอกว่า
อยากให้ทำ “ผมไม่อยากฉวยโอกาสตอนคุณเมานะ” มันนั่งลงบนเตียงเพราะแรงดึงของผม ผมรู้ว่ามันก็มีอารมณ์พอๆกัน แต่ทำไมมันยังนิ่ง ไม่ไหวติง... ผมไม่ได้สนใจ ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีฟ้าเข้มของมันออก ก่อนจะก้มลงแลบเลียตรงหัวนมของคนนั่ง ทำตามตัวอย่างที่เคยได้ดูมากจากหนังอะไรพรรคนั้น
“หึ...ลิ้นแมว” มันว่า มันบอกไม่รู้สึกอะไรเหมือนโดนแมวเลียนิ้ว แล้วกระซิบบอกผมว่า
‘เดียวทำของจริงให้ดู’ ก่อนจะปลดกระดุมเสื้อผมออก ใช้นิ้วเขี่ยตุ่มไตทั้งสอง ก่อนจะก้มลงโลมเลีย...เสียงน่าอายแบบในหนังสะท้อนเข้ามาในความคิด ผมหลับตาแน่น นอนบิดตัวครึมครางอย่างมีความสุข จนเมื่ออีกคนหยุดริมฝีปาก ผมจึงลืมตาขึ้น ภายในห้องแม้จะมืด มีเพียงแสงไฟจากถนนสาดเข้ามา แต่ผมก็รู้สึกได้ว่า ดวงตาของมันกำลังจ้องมองใบหน้าของผมอยู่
ผมไม่รอช้า เอื้อมมีไปปลดเข็มขัดกางเกงคนตรงหน้า มันคว้ามือผมไว้แน่น
“แน่ใจนะ...” มันถาม ผมพยักหน้ารัว
“คุณเริ่มเองนะ...อย่าเสียใจทีหลังล่ะ” มันพูด ผลักผมนอนนาบไปกับพื้นเตียง ก่อนจะปลดเสื้อและถอดกางเกงผมอย่างใจเย็น ระหว่างที่ลอกคราบผม เห็นมันคุยโทรศัพท์บอกว่าฝากเวรด้วย สงสัยจะคุยกับพนักงานยามด้วยกัน
“คิกๆ คนนิสัยไม่ดี โดดงาน” ผมว่ามันล้อๆตอนที่มันดึงกางเกงผมออกจากปลายเท้า เนื้อตัวผมตอนนี้ล่อนจ้อน มันได้แต่หัวเราะ หึๆ ในลำคอ ก่อนจะถอดชุดของตัวเองออก ผมมองกล้ามท้องของมันที่ผมมักจะเสหลบเวลาเห็นเพราะความอาย แต่วันนี้ ผมกล้าที่จะมองเต็มๆตา มันเคลื่อนเข้ามาใกล้ ผมยกมือลูบไล้กล้ามท้องนั่นเบาๆ มันจับมือผมให้หยุดแล้วกักมือผมไว้เหนือหัว ก่อนที่จะก้มลงฉกจูบแล้วใช้ขาหน้าเสียดสีกับจุดอ่อนไหวของผมไปมา
“อะ...อื้ม” ผมคราง เอามือปิดปากแน่นเนื่องจากคนตัวโตผละไปกดจูบเข้าที่ส่วนนั้นของผม ก่อนจะครอบมันด้วยริมฝีปาก ใช้ลิ้นดุนดันเกี่ยวกระหวัดไปมา ผมสะดุ้ง เผลอกระตุกสะโพกเล็กน้อย มันทำจนมันพอใจแล้วผละออก ผมไม่ยอมแพ้ ผลักตัวมันนอนลงบ้าง ก่อนที่จะครอบปากของตัวเองลงที่ส่วนแข็งแกร่งของมันเป็นการเลียนแบบ แม้ความใหญ่โตจะทำให้เป็นอุปสรรคจนทำให้ผมกังวลว่าจะเผลอทำให้มันหมดอารมณ์ แต่เสียงหอบของมันทำให้ผมใจชื้น
“อ้าปากกว้างๆ ระวังฟันด้วยครับ” มันบอกผม ก่อนที่จะกระทุ้งสิ่งนั้นเข้าออกในปากผม จนมันเห็นผมเริ่มหน้าแดงหายใจติดขัดนั่นแหล่ะ จึงผละออก น้ำลายจากส่วนปลายแข็งแกร่งโยงเป็นสายมาถึงริมฝีปากของผม มันจูบซับ แล้วยกตัวผมขึ้นนั่งทาบทับตัวมัน
แกนกลางลำตัวของมันตั้งชัน ฉกาจขยับสะโพกขึ้นลงให้ส่วนนั้นเสียดสีร่องก้นผมเบาๆ ผมหน้าแดงซ่าน
“ไม่มีถุงยาง ไม่มีเจลด้วย...” มันกระซิบชิดหน้าอกผม ผมเอี้ยวตัวไปหยิบออยล์บำรุงผิวตรงโต๊ะข้างเตียงมาชโลมตรงส่วนนั้นของมันด้วยตัวเอง ก่อนที่มันจะเอาไปทาบ้าง แล้วค่อยๆสอดนิ้วเข้ามาภายในช่องทางของผม
“อึก...” ผมหลับตาแน่น ความรู้สึกเสียดแทงวูบเข้ามา จิกเล็บลงบนเนื้อหนังของคนด้านล่าง จนเจ้าตัวคิดว่าเบิกช่องทางของผมได้เรียบร้อยแล้วนั่นแหล่ะ...
“อะ...” ผมหลุดเสียงออกมา กลั้นความเจ็บไว้ มือทั้งสองบีบไหล่มันแน่น เมื่อรู้สึกถึงความใหญ่โตที่เริ่มแทรกเข้ามาในร่างกาย
“อย่าเกร็ง” มันบอกผมเสียงพร่า ดึงดันที่จะเข้ามา พร้อมทั้งกดสะโพกผมลงไป...เนิ่นนาน กว่าที่ผมจะนั่งได้โดยมีสิ่งนั้นเข้ามาอยู่ในร่างกายทั้งหมดได้สำเร็จ
“ไหวไหม” มันถาม ผมน้ำตาซึม ไม่ได้รู้สึกเจ็บมากหรอก เพราะเราค่อยๆเป็นค่อยๆไป แค่รู้สึกอึดอัดภายในช่องทาง จนต้องระบายออกด้วยการบีบรัด ทำให้คนข้างล่างนิ่วหน้า ซึ่งเจ้าตัวกำลังใช้มือรูดรั้งส่วนบอบบางของผมไม่หยุด
“สร่างเลยไหม” มันถามย้ำ ผมเห็นมันหัวเราะเบาๆ เลยฟาดไหล่มันไปหนึ่งที มันเลยกระทุ้งส่วนนั้นขึ้นมาตอบแทน
“อะ...อย่าเพิ่ง” มันเห็นว่าผมนั่งเฉย เลยโอบตัวผมให้นอนขนานนาบกับตัวมัน อกชนอก มือจับขาผมกางออกให้กว้างที่สุด ส่วนตัวเองเอาเข่าชันกักไว้ พร้อมกับส่งแรงถี่รัวเข้ามา ผมที่ไม่ทันได้ตั้งตัวได้แต่ส่งเสียงคราง ตะกายเล็บลงบนผิวของคนด้านล่างเพื่อระบายความเสียวซ่าน
จนในที่สุด ตัวผมก็เกร็งสะท้าน เผลอปลดปล่อยออกมาลงบนหน้าท้องของใครอีกคน เจ้าตัวครางหอบปนกับหัวเราะเบาๆที่เห็นผมไปถึงจุดหมาย ก่อนที่จะพลิกตัวให้ผมลงนอนข้างล่างแล้วยัดเยียดเข้ามาเต็มแรง
ผมมองหน้าของคนที่หลับตาพริ้มเงยหน้าครึมครางอย่างหลงใหล มันกระชับสะโพกถี่รัวจนตัวผมสั่นคลอนไปตามแรง ก่อนที่ผมจะรู้สึกอุ่นวาบภายในช่องท้อง มันฟุบหอบหายใจกับต้นคอของผม กระแทกเข้ามาหนักๆอีกสองสามที ก่อนผ่อนแรงลงทิ้งตัวหนักๆลงทาบทับ เรามองหน้ากันและกัน ไม่มีใครเอ่ยคำพูดอะไรออกมา ก่อนที่มันจะถอนตัวออกจากช่องทางของผมอย่างแรง! แรงเสียดสีเพียงครั้งเดียวนั่นทำให้ผมเสร็จอีกรอบ...
“มีความสุขไหม” มันถาม หัวเราะเบาๆ ส่งยิ้มที่ตีความหมายไม่ได้มาให้
“มาก...” ผมตอบกลับค่อยๆ มันล้มตัวลงนอนข้างๆดึงผมเข้าไปกอด ก่อนที่ตาของผมจะปิดลง
วันนี้ผมมีความสุขอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนจริงๆ...
..............................................................................
แรกๆก็มีความสุขแบบนี้ หลังๆก็มีความสุขยิ่งๆขึ้นไปไง ฮ่าๆๆ หลายคนคงบ่นว่า ไรว้า เสร็จคุณยามซะแล้ว แต่เราไม่อยากให้เรื่องมันยืดนัก เพราะผู้อ่านที่น่ารักอาจจะรำคาญความบ้าของพวกมันได้ ดังนั้นขอให้มีความสุขกับการอ่านนะคะ
