รักรั่วๆของ..พรต&รัน
Part 28
(Special Run) ระหว่างเดินทางผมปรึกษาวางแผนกับทัน ดูท่าทั้งสามคนฝีมือไม่ธรรมดา ไอ้กานคงเน้นคุณวิทยาเป็นพิเศษให้จัดมือดีมา ฟังคำแนะนำของทันพอจะเดาได้
เขาไม่ให้วู่วามพลีผลาม ไปถึงต้องไม่เปิดเผยตัวตน จับตาดูความเคลื่อนไหวฝ่ายตรงข้าม
คำนวนกำลังคนรวมทั้งทางหนีทีไล่ให้ได้เปรียบค่อยลงมือ ซึ่งผมเห็นด้วย
จังหวะโทรศัพท์ที่ตั้งสั่นไว้มีสายเข้า ดูเบอร์เป็นไอ้โต๋ รับสายปุ๊บ..มันถามมาทันที
[มึงโอเคไหม] น้ำเสียงแม้จะนิ่งๆ ตามสไตล์ แต่ผมรู้มันห่วงผมมาก
ทั้งที่มันกับตะเกียงดิวงานอยู่ยุโรป ยังมีใจโทรมา คงรู้จากไอ้กานแล้ว
“อืม..อย่างน้อยมันยังปลอดภัย สัญญาณกะพริบไม่เปลี่ยนจุด
คิดว่าคงอยู่ที่เก่า กูเดาว่าน่าจะเป็นบ้านพักแถวฟูจิ” ผมบอกอย่างรวบรัด
[กูกับตะเกียงจองไฟลท์ด่วน..ถึงสว่าง] มันบินข้ามโลกมาเชียว
“กูไม่อยากให้พวกมึงลำบาก..งานมึงก็มี” พูดตามที่รู้สึก
[กูจบงานเมื่อวานมีกำหนดกลับพอดี แค่เปลี่ยนเส้นทางหามึงแทน] ฟังแบบนี้ไม่แน่ใจว่ามันพูดให้สบายใจ
หรือเป็นอย่างที่บอกก็สุดจะคาดเดา รู้อย่างเดียวลองไอ้หล่อเทพตั้งใจแล้ว ไม่สามารถเปลี่ยนความคิดมันได้
“ติดต่อกูเบอร์นี้ได้ตลอด..นัดพวกไอ้กานไว้แล้วสิ” ผมถาม
[นัดแล้ว..ใช่มีแต่กูที่ไปหามึง ไอ้โทนี่ ไอ้บอมย์ ไอ้หน่อง ไอ้ชัด ไอ้วิน ไอ้ต้าร์ ไปกันครบ
พวกมันถึงก่อน..ไอ้บอมย์ ไอ้โทนี่ถึงไล่เลี่ยกู โทนี่มันเตรียมอุปกรณ์เผื่อฉุกเฉินไปด้วย]
ผมอึ้ง ที่พวกมันยกโขยงมากันครบเซ็ท แสดงถึงความรักความผูกพันที่พวกเรามีให้กันอย่างเหนียวแน่น
กลับกันหากพวกมันคนใดคนหนึ่ง เกิดเรื่องหน้าสิ่วหน้าขวานบ้าง ผมกับไอ้รั่วคงทำเช่นเดียวกัน
ไม่สามารถอยู่นิ่งรอตามข่าวเฉยๆ ได้หรอก..
“ขอบใจว่ะ ฝากบอกพวกมันกูซึ้งใจทุกคน คงไม่มีเวลาคุยอีกถ้าถึงที่หมาย
รบกวนมึงบอกแทนกูด้วย” ผมฝากมันไป
[อืม..ตะเกียงฝากให้ใจเย็น ไอ้รั่วฉลาดเป็นกรดประสบการณ์โดนขังกับตะเกียง สอนให้มันรู้ควรทำยังไง
ไม่ว่าศัตรูเป็นใครเป้าหมายต้องการอะไรก็ตาม มันต้องมีวิธีเอาตัวรอดถ่วงเวลาได้แน่ แค่มึงอย่าวู่วามดีที่สุดรัน
กูเชื่อกุนซือเทพแก้ปัญหาได้ พวกกูตามไปสมทบหากสถานการณ์หนักกว่าที่คิดไว้..อย่าเสี่ยงเป็นอันขาด..รอพวกกูก่อน]
ฟังไอ้หล่อมันแนะ ผมไม่มีคำพูดนอกจากตื้นตันใจ ถ้าพวกมันมาต่อให้บุกน้ำลุยไฟก็อุ่นใจกว่านี้มาก
“อืม..กูรับปาก” พูดให้มันสบายใจ ผมจะพยามทำดีที่สุด
[โทนี่มั่นใจแบตมึงหมดแน่ สามารถตามหามึงได้คือตัวดักสัญญาณของไอ้รั่ว
เป็นไปได้ให้เบอร์ใครสักคนที่อยู่กับมึงตอนนี้] เพิ่งรู้ตัวหละหลวม ไม่ทันคิดเรื่องนี้
หากเวลายืดเยื้อแบตโทรศัพท์มีสิทธิ์หมด ตอนนี้ใช้ไปพอสมควร ไม่มีสายชาร์ตหรืออะไรติดตัวมาด้วย
“ทัน..ผมขอเบอร์คุณหน่อย” ไม่รอช้าหันไปบอกทัน
เหมือนเขารู้ว่าผมจะทำอะไร กดเลขหมายใส่หน้าจอมือถือยื่นให้ดูทันที
“โต๋..มึงเอาเบอร์คนที่ไอ้กานติดต่อมาช่วยกูไว้ คนไทยชื่อทันเบอร์นี้นะเพื่อน..xxxxxx” บอกเบอร์เรียบร้อย
[โอเค..กูเมมแล้ว ดูแลตัวเองด้วยรัน..เจอกันเพื่อน] จบการสนทนา
การเดินทางปานจะเหาะของผม ย่างเข้าสู่พื้นที่ภูเขาฟูจิเหลือระยะห่างจากเป้าหมายไม่ถึง 10 ไมล์
“จากนี้อีก 5 ไมล์เป็นบ้านพักส่วนบุคคล น่าจะเป็นสถานที่เพื่อนคุณถูกนำตัวมากักไว้
เราไม่สามารถเข้าไปใกล้ได้ เชื่อว่าพวกมันต้องให้คนส่องกล้องดูเล จะทำให้ไหวตัวขึ้นเสียก่อน
ทางเดียวคือต้องลงจากรถไปเงียบๆ” มินวะคนขับพูดขึ้น เขาดูจากหน้าจอ GPS ที่ติดหน้ารถ..
ระบุที่หมายโดยผมแจ้งพิกัดให้ คุณวิทยาเชี่ยวตัวพ่อจริงๆ ส่งคนคุ้นเคยพื้นที่มาช่วยชนิดที่ว่าไม่ต้องเสียเวลางมโข่ง
ผมพยักหน้าเข้าใจ แสดงว่าต้องเดินต่ออีกกว่าสิบกิโล ต่อให้ลำบากกว่านี้ผมก็ไม่หวั่น..เพื่อมันคนเดียว
“เล่นสกีเป็นไหม เราจะอ้อมไปทางด้านหลังลัดเลาะไปกับป่าสน
พื้นดินเป็นหิมะ จะเร็วกว่าเดินเท้าปกติ” ทันเป็นคนถาม
“พอได้..แต่ผมไม่มีสกี รวมทั้งเสื้อกันหนาวด้วย” ไม่คิดว่ามาถึงนี่จะมีหิมะปกคลุมตั้งแต่ตีนเขา
โตเกียวอากาศปกติทุกอย่าง สภาพภูมิอากาศต่างกันริบลับ
“ฟูจิหิมะปกคลุมทั้งปี” ทันชี้แจงหลังเห็นผมมีสีหน้าครุ่นคิด
“ไม่ต้องห่วง ผมเตรียมมาเผื่อคุณเรียบร้อย” พวกเขาเป็นมืออาชีพผมพยักหน้ารับ
กระทั่งรถเคลื่อนออกนอกเส้นทางขับฝ่าหิมะจนรถเริ่มวิ่งลำบาก แล้วมาหยุดใต้ต้นสนต้นหนึ่ง
วังเวงลับตาคนไม่น่ามีใครสัญจรผ่านทางนี้ด้วยซ้ำ
“เข้าใกล้ได้แค่นี้ จากนี้กว่าสิบกิโลเราต้องไปด้วยสกี” ทุกคนลงจากรถอย่างรู้หน้าที่
ดูคล่องแคล่วว่องไวไม่ต้องรอให้ใครบอก เรจิเปิดท้ายรถ รื้ออุปกรณ์ต่างๆ ออกมาส่งให้เรียงตัว
ผมได้เช่นกัน..เสื้อโค้ทมีฮู้ด ถุงมือหนังรองเท้าบูธ แว่นตาเล่นสกี พร้อมตัวสกีรวมไม้ค้ำยันอีกคู่
พวกเขาแต่งตัวกันรวดเร็วมาก ผมต้องรีบจัดการตัวเองไม่ให้ชักช้า เราใช้เวลาไม่ถึงสามนาทีก็อยู่ในชุดรัดกุม
ทันรับผิดชอบเป็นหัวหน้าทีมชี้เส้นทางว่าต้องไปทางไหน จากนั้นมินวะกับเรจิก็ตีคู่กัน..ไสสกีนำไปก่อน
โดยมีผมตามไปติดๆ มีทันปิดท้ายให้ เขาคงดูความช่ำชองฝีมือไสสกีของผมเพื่อประเมินมาตรฐาน
เมื่อเห็นไม่ลำบากหรือมีปัญหา ก็เร่งความเร็วขึ้นมาตีคู่ผม พร้อมกับเอ่ยปากชม
“ฝีมือคุณใช้ได้” ผมยิ้มรับ ถ่อมตัวตอบไปว่า
“พอไหว” ถึงไม่โปรแต่ก็ใช่ว่าไม่เป็น ผมเล่นบ่อยพอตัวกับพี่ชาย
สำคัญผมเชี่ยวเรื่องการทรงตัวบนสเก็ตน้ำแข็ง เรื่องนี้ย่อมไม่ใช่ปัญหา
“ถ้างั้นเร่งเลยครับ” เขาผิวปากส่งสัญญาณให้เรจิกับมินวะ สิ้นเสียงทั้งสองคนก็สปีดเร็วขึ้น
ดีที่ทางอ้อมของเราเป็นเนินสลับไปมา ขึ้นเนินลงเนินสไลด์ไปตามป่าสน แม้ไม่ใช่ที่สูงเหมือนร่อนลงจากภูเขา
แต่ก็มีแรงส่งมากพอสมควร หากขยับเร่งก็สามารถพุ่งไปโดยไร้แรงต้านเช่นกัน
เรามาหยุดบังกายที่ต้นสนยักษ์ มองตรงไปข้างหน้าระยะ 500 เมตร มีบ้านปลูกด้วยท่อนชุงสไตล์ตะวันตก
ไม่ใช่ปลูกอย่างของญี่ปุ่น หน้าจอโทรศัพท์ของผมสัญญาณชี้ว่าไอ้รั่วอยู่ข้างในนั้น
“สำรวจดูซิ..เรจิ” ทันเป็นคนสั่ง เขาสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ เพื่อให้ผมเข้าใจด้วย
เรจิหยิบกล้องส่องขนาดจิ๋วขึ้นส่องดู ก่อนพูดให้ได้ยินทุกคน แอบประหลาดใจนิดหน่อย
ที่เรจิกับมินวะสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี ตั้งแต่ตอนมินวะพูดขณะขับรถแล้ว
“ทิศเหนือ 40 องศามี 1 บนหลังคาอีก 1 พร้อมขากล้องส่องทางไกล มันง่วนสูบยาเส้นอยู่
ด้านขวาของบ้านอีก 1 ข้างในบ้านไม่รู้จำนวนมองเข้าไปไม่ได้” ทันเปิดแว่นตาที่ครอบปิดออก ขมวดคิ้วใช้ความคิดก่อนสั่งการ
“มินวะจัดการด้านขวาของบ้าน เรจิเก็บบนหลังคา ผมรับทิศเหนือ” พูดจบสองคนแยกกันไป เหลือผมกับทัน
“คุณเอาไอ้นี่ติดตัว..ตามผมมา อย่าให้คลาดกับผม” เขาส่งปืนพกสั้นให้ 1 กระบอกชนิดบรรจุกระสุนสิบนัด
พร้อมชุดไฟ 2 อันรวมทั้งไฟแช็ค ผมไม่ถามว่าส่งชุดไฟให้ทำไมทั้งที่แอบสงสัย ส่วนปืนไม่ต้องถามก็เข้าใจว่าให้ใช้ทำอะไร
คงไม่ให้ถือไว้เล่นๆ แน่ งานนี้ถึงเลือดต้องเตรียมรับมือ ดูจากสถานการณ์แล้ว ฝ่ายตรงข้ามก็มืออาชีพเช่นกัน
“ชุดไฟไว้ใช้ยามฉุกเฉิน เอาแน่ไม่ได้กับที่นี่” ผมพยักหน้า ก่อนไสสกีตามเขาทิ้งระยะไม่ห่าง
เราไปอย่างเงียบให้ได้มากที่สุด เขาพาอ้อมไปยังทิศเหนือ จนเข้าใกล้ระยะร้อยเมตร ต้องหยุดซุ่มดูเป้าหมาย
มันมีปืนไรเฟิลเป็นอาวุธกำลังหันหน้ามองไปทางทิศใต้ ทำให้ไม่เห็นความเคลื่อนไหวของผมสองคนที่มาทางด้านหลัง
ขณะที่ทันยังคงใจเย็นไม่ขยับหรือทำอะไรต่อ เหมือนเขากำลังรอสัญญาณจากเรจิและมินวะ สิ่งที่ไม่คาดฝันดันเกิดขึ้น
“เพล้ง!..โครม!..ตุ๊บๆๆ!!..อย่ายิง!!..จับตัวมาให้ได้!!” เสียงอึกทึกครึกโครมดังขึ้น
ผมมองไปยังทางซ้ายของบ้าน หน้าต่างด้านนั้นแตกกระจาย พร้อมร่างที่แค่เห็นก็คุ้นตาพุ่งตัวออกมากลิ้งหลุนๆ
บนพื้นที่ปกคลุมด้วยหิมะ..
“พรต..” เป็นมันครับ ยังอยู่ในชุดยูกาตะ ที่เท้าดันมีสกีติดอยู่ พอลุกยืนได้ไสสกีพุ่งหนีสุดชีวิต
คนในบ้านโผล่หัวตามออกมาอีกสี่คน สองในสี่คือคุณคิมและก็พลัส?..ผมอึ้งไปทันที
ไม่เสียเวลาหาคำตอบ พุ่งตามไอ้รั่วอย่างเร็ว หลังสองในสี่ที่โผล่ออกมาวิ่งตามมัน 1
อีกคนดิ่งไปที่รถสกีติดเครื่องเตรียมไล่กวดมันแน่
ท่ามกลางความชุลมุน พวกยืนเวรทั้งสามจุดเล็งเป้าไปที่ไอ้รั่วโดยไม่มีการลังเล ถึงแม้คำสั่งตะโกนลั่นห้ามยิง
จากปากคุณคิม แต่คนบนหลังคายังส่องกล้องพร้อมปืนไรเฟิลไปที่มันไม่ฟังเธอด้วยซ้ำ
มันเล็งไอ้รั่วแล้วเรียบร้อย เสียงปืนดังขึ้นทันที..
“ปุ๊!” ผมเห็นเต็มตา..มันล้มหน้าคะมำไม่เป็นท่า ตีลังกาจนยูกาตะเปิดอ้าไปหลายตลบ ใจผมหล่นวูบ
ไม่สนว่าที่กำลังพุ่งออกไปตกเป็นเป้ายิงของพวกมันหรือไม่ ที่แน่ๆ ผมไม่มีกำบังและก็เด่นสะดุดเป็นที่เรียบร้อย
เสียงตะโกนดังขึ้นอีกครั้ง
“ยิงมัน..อย่าให้พวกมันรอดไปได้” คงไม่หมายถึงใครนอกจากผม คำว่าวู่วามประมาทเลิ่นเล่อ
ผมไม่มีเวลาสะกด แค่เห็นมันบาดเจ็บพุ่งออกมาทางหน้าต่าง ภาพสะเก็ดไม้กับกระจกแตกกระจาย
คงได้เลือดไม่มากก็น้อย แทบไม่ต้องเสียเวลาคิด ร่างกายไปก่อนสมองสั่งเสียอีก ผมรีบไสสกีพุ่งตามมันไปทันที
ก่อนที่พวกมันจะทันใช้ร่างผมเป็นเป้า เสียงปืนก็ดังขึ้นหูดับตับไหม้ ซึ่งผมไม่มีเวลาหันไปดู
ดิ่งเข้าไปหาร่างที่ฟุบนิ่งบนพื้นอย่างร้อนรน
“ปังๆๆ!!!...ฟิ้วๆๆ..ปุ๊!!!” ผิดแผนของทันมากโข ที่จะเก็บเงียบเพื่อรุกคืบเข้าใกล้เป้าหมาย
ไอ้รั่วดันโผล่พรวดออกมาเหมือนฉากในหนังบู๊ กลายเป็นการตะลุมบอนสาดกระสุนใส่กันอย่างที่เห็น
ผมเข้าถึงตัวไอ้รั่วโดยไม่มีกระสุนสัมผัสร่าง เป็นเพราะพวกทันยิงสกัดให้..
“พรต..พรต” ปากผมตะโกนเรียกมันกระวนกระวาย พอถึงรีบจับตัวมันพลิกหงาย
เห็นเลือดหยดลงหิมะย้อมสีแดงใจยิ่งร้อนรุ่มเหมือนไฟเผา
“อืม..มึงมาแล้ว กูไม่เป็นไร..รัน” มันยิ้มให้ผม แม้ใบหน้าจะเผือดซีดไร้สีไปแล้ว
โชคดีที่แผลมันอยู่บริเวณไหล่ซ้าย กระสุนทะลุออกด้านหน้าไม่ฝังใน ค่อยหายใจโล่งขึ้นหน่อย
อย่างน้อยไม่มีเหลือดตกในแน่นอน
“ไหวไหม..หลบกันก่อน..ตรงนี้โล่งเกินไป” ผมถามอย่างกังวล
“ไม่มีเวลาให้หลบแล้ว..พวกมันสิบกว่าคนกำลังมาสมทบ หนีอย่างเดียวเลยมึง”
พอมันพูดแบบนี้ ผมรีบพยุงเอามันลุก
“มึงไหวแน่นะ” จับมันให้ทรงตัวยืนได้แล้ว ถามด้วยความเป็นกังวล
“ไปกัน..ไม่ไหวมึงก็ลากกูไป” พูดจบมันผลักผมออก ก่อนไสตัวพุ่งออกไป
แอบจุดยิ้มมุมปากเหมือนต้องการเอาชนะทุกอย่าง พอเห็นความเข้มแข็งของมันแล้วผมไม่มีเวลาคิดเยอะ
เสือกตัวตามไปติดๆ กระสุนที่ยิงมาทางพวกเราคลาดเคลื่อนโดนหิมะกระจาย เฉียดร่างพวกเราศอกกว่าๆ
ที่พวกมันเล็งเป้าไม่ถนัด คงเพราะมีคนยิงสกัด..ทั้งทัน เรจิและมินวะ..
“แท๊ดๆๆ!!! มันตามมา..ไปเร็ว” เสียงเครื่องยนต์ดังไล่หลัง แสดงว่าไอ้คนที่ขับรถสกีกำลังไล่บี้พวกผมมาติดๆ
“หลบเข้าป่าสนพรต” ผมบอกไอ้รั่ว มันไม่รอช้าเปลี่ยนทิศเข้าป่าสน
อย่างน้อยป่าสนก็ช่วยให้มันไล่ตามเราลำบากกว่าวิ่งบนทางโล่ง
“ไปทางไหนต่อ” ไอ้รั่วปากซีดหน้าซีดไร้สีเลือด มันคงหนาวจับใจ
ใส่แค่ยูกาตะชุดเดียว แถมเลือดยังออกจากแผลที่โดนยิงอีก
ยังดีที่หน้าหล่อๆ ของมันไม่มีบาดแผล นอกจากรอยถลอกเลือดซิบตามหลังมือเกิดจากเศษกระจกและเศษไม้
ของหน้าต่าง ร่างกายภายใต้ชุดยูกาตะต้องมีบอบช้ำไม่มากก็น้อย ผมไม่มีเวลาดูในตอนนี้ เดาเอาจากที่เห็นมันใช้ร่างสูงใหญ่
กระแทกออกมาสุดแรง ทะลุออกมาแบบนั้นไม่เจ็บก็คนเหล็กแล้ว ที่น่ายกย่องคือมันไม่แสดงความอ่อนแอให้เห็นเลยสักนิด
“มาทางนี้” ผมเบี่ยงออกซ้าย ให้มันตามมาก่อนลดระยะถอยมาคุมหลังแทน
เสียงเครื่องยนต์ยังตามมาไม่ไกล กระทั่งเหลียวไปดูมันอยู่ในระยะสายตาผมแล้ว
“รีบไปพรต..ไม่ต้องเหลียวหลังมาเด็ดขาด..ไปให้เร็วอีก” ผมตะโกนไล่ให้มันไป
มันได้ยินแทบไม่ต้องรอให้พูดซ้ำ ออกแรงไสสกีเต็มกำลัง
ความเร็วคนหรือจะสู้เครื่องยนต์ หนำซ้ำมันยังบาดเจ็บ สุดท้ายต้องหมดแรงให้พิพากษาแน่
ยกเว้นผมต้องทำอะไรซักอย่าง เพื่อหยุดไอ้เหี้ยนั่น
ไม่รอช้าผมรีบหลบกำบังตัวเข้าหลังต้นสน กระชับปืนในมือบรรจงประคองด้วยมือซ้ายแน่น
เล็งไปยังไอ้ระยำอย่างใจเย็น บอกกับตัวเองว่า..
“ใจเย็นไว้รัน..มึงต้องเย็นกว่านี้ อย่าให้โอกาสหลุดรอดเป็นอันขาด”
พูดคุมอารมณ์ที่พลุกพล่านให้สงบลง จดจ้องระยะห่างที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
ไอ้ระยำนั่นโฟกัสที่ไอ้รั่วซึ่งกำลังตกเป็นเหยื่อ ให้มันเป็นผู้ล่าอย่างย่ามใจ
มันยกปืนในมือขึ้นเล็งใส่แล้วตอนนี้ คงเห็นได้ระยะที่เหมาะสม ถึงแม้ผมจะว้าวุ่นแต่ก็ต้องใจเย็น
รอจนมันเข้ามาในวิถีกระสุน นิ้วที่อยู่ตรงตำแหน่งไกปืนค่อยเหนี่ยวช้าๆ พร้อมกับจังหวะหยุดหายใจของผมนิ่ง
“เปรี้ยง!..ปัง!” เสียงปืนดังไล่เลี่ยกัน ก่อนร่างของมันจะกระเด็นตกจากรถ
ปล่อยรถสกีพุ่งชนต้นสนพังไม่เป็นชิ้นดี ส่วนไอ้รั่วรอดอย่างหวุดหวิด
วิถีกระสุนปืนไอ้ห่านั่นพลาดเป้า โดนต้นสนจนเปลือกไม้กระจุย ผมไม่ได้ฆ่ามันเล็งตรงอกขวาเน้นๆ
ต่อให้ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตเหมือนกัน..
เหน็บปืนด้านหลัง..รีบตามไอ้รั่วทันที ดูแรงไสสกีของมันแผ่วลงเรื่อยๆ เหมือนมันกำลังจะหมดแรงแล้ว
ผมเร่งไสสกีเข้าไปหา นึกห่วงมันจับใจ..ได้เวลาต้องดูแผลห้ามเลือดให้มันก่อน เสียงปืนยังคงดังให้ได้ยินไกลๆ
จู่ๆ ฟ้าดันครึ้มขึ้นมาไม่มีปี่มีขลุ่ย มืดฝนกะทันหันชนิดมืดฟ้ามัวดิน
พร้อมลมกรรโชกรุนแรงคล้ายกับจะเกิดพายุพัดถล่ม ก่อนห่าฝนเม็ดใหญ่จะกระหน่ำเทลงมาไม่ลืมหูลืมตา
ผมไม่เท่าไหร่มีแว่นสกีช่วยกันเอาไว้ได้ แต่ร่างที่ล้มไม่เป็นท่าอยู่ด้านหน้าหนักหนาสาหัสกว่ามาก
“พรต!!!” ผมแหกปากตะโกนเรียกมันฝ่าสายฝนที่บ้าคลั่ง
ใจหายไปกับภาพที่มันล้มฟุบพาใจผมปวดหนึบจนอึดอัด
พอเข้าถึงตัวมันซึ่งกำลังนอนคว่ำหน้าหายใจหอบหนัก เหมือนคนกำลังขาดออกซิเจน
ไม่รอช้ารีบถอดแว่นสวมให้มันแทน แล้วประกบปากเป่าลมช่วยผายปอดให้มันเต็มที่
มันรีบดึงลมหายใจเข้าปอดชนิดเอาเป็นเอาตายอยู่สักพักใหญ่ ค่อยมีอาการดีขึ้น..
“เหนื่อยแทบขาดใจ..จนกูหมดแรง” มันยังมีหน้าพูดอีก ทั้งที่ตอนนี้หน้ามันซีดจนผมกังวลสุดๆ
ไม่รอช้ารีบแหวกสาบยูกาตะดูแผลให้มันก่อน
“กูต้องห้ามเลือด” ผมบอก มันไม่พูดอะไร ทั้งเนื้อตัวผมไม่มีอะไรนอกจากเสื้อเชิ้ตตัวในที่เสื้อโค้ทสวมทับอยู่
ผมรีบรูดซิบฉีกชายเสื้อเชิ้ตสุดแรงจนขาดติดมือเป็นชิ้นยาวตามต้องการ
“แคว๊กกก!!” มันได้แต่มองหน้าผมนิ่ง เม็ดฝนก็ตกลงมาจนเราชุ่มโชกไปหมด
ดีที่เสื้อโค้ทของผมมันเป็นหนังกันน้ำได้ ผมไม่รู้สึกตัวเปียกแม้แต่น้อย แต่สภาพไอ้รั่วตอนนี้
น้ำฝนชะล้างแผลมันจนเห็นรูกระสุนโบ๋เข้าไปเลยทีเดียว แต่เลือดก็ซึมออกมาไม่หยุด
“ทนนิดนะ” บอกมันเสร็จ ผมรีบสอดผ้าที่ฉีกจากเสื้อรอดใต้แขน แล้วพันทบสองครั้ง
ก่อนจะรัดให้แน่นปิดแผลมันเอาไว้
“อืม..” มันครางรอดไรฟัน คงทรมานน่าดู หรือไม่ก็เจ็บจนชาไปแล้ว เริ่มจะตัวสั่นเพราะความหนาวที่รุมเร้า
เราทั้งคู่ยังอยู่ท่ามกลางห่าฝนที่ตกไม่ลืมหูลืมตา จนมองไม่เห็นทัศนียภาพ ไม่รู้ทิศไหนเป็นทิศไหน
ทุกสรรพเสียงถูกกลบด้วยเสียงฝนจนไม่สามารถได้ยินเสียงอื่น ยังไม่ทันได้พูดอะไร
เสียงดังสนั่นปานฟ้าถล่มดินทลายก็กระแทกหูจนอื้อไปหมด
“ครืนนน!!!..” ไอ้รั่วกัดกรามผุดลุกนั่ง บอกผมอย่างลำบากว่า
“หิมะถล่ม..พายุใต้ฝุ่นเข้า กูดูข่าวรายงานสภาพอากาศก่อนหน้าไม่ถึงครึ่งชั่วโมง”
มันพูดจบ หิมะที่ว่าก็ทะลักทลายไหลเข้าด้านซ้ายมือพวกเราปานน้ำป่า
ความสูงท่วมหัวกว่าสามสี่เมตร เคลื่อนเข้ามารวดเร็วมาก
ก่อนหน้าผมมองไม่เห็นเพราะฝนบัง มองเห็นไม่ไกลได้ยินแต่เสียง
พอรู้ก็ดันเข้ามาในระยะประชิดจวนตัวเสียแล้ว ไม่มีเวลาจัดการอะไรทัน
“พรต..” สัญชาตญาณของผมสั่งตัวเอง คือพุ่งเข้ารวบกอดมันแน่น
ก่อนจะพาม้วนตัวกลิ้งไปยังต้นสนขนาดใหญ่ที่ห่างไม่ถึงสามก้าว...พร้อมกับความมืดมิดเข้าบดบังพวกเราในทันที...
“ครืนนนน!!..บึ้ม!..โครม!!!”….?
เหลืออีก 2 ตอนนะคะ...
ขอบคุณกับแฟนคลับ ที่อ้าแขนกอดพรต&รันไว้ครอบครอง
เปิดโอนวันแรก ขึ้นแบรนด์เนอร์ก็ได้รับการตอบรับด้วยดี
ขอบคุณมากๆ ค่ะ...

Luk.

ปล.สนใจโอนจองหนังสือ คลิ๊กที่แบรนด์เนอร์มุมซ้ายล่างสุดนะคะ
หรือไม่ก็ดูในกระทู้นี้หน้า 1 ค่ะ
