ตอนที่ 28 คนที่โง่ที่สุดในโลก...ความฝันที่พังทลาย (Zen talk)
วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วสินะที่ทิวจะได้อยู่ที่นี่....
“ทำไมรีบกลับจัง อยู่ต่ออีกหน่อยสิ”
ทิวส่ายหน้าปฏิเสธ
“อีกไม่กี่วันโรงเรียนที่นู่นก็จะเปิดแล้ว ฉันต้องกลับไปซื้อหนังสืออีกนะ”
“ทิวไม่อยู่ ฉันคงเหงาแย่เลย”
“เซนไม่เหงาหรอก อย่าลืมสิว่าไผ่ก็ยังอยู่นะ”
จนถึงป่านนี้แล้ว นายยังจะพูดแบบนี้อยู่อีกเหรอ....ทั้งๆที่ฉันก็บอกไปแล้วว่าฉันชอบนาย
“เซน ฉันมีเรื่องจะขอร้อง”
“เรื่องอะไรล่ะ”
“ช่วยพาฉันไปหาไผ่ทีสิ”
“อืม ได้สิ”
ผมตัดสินใจทำตามที่ทิวต้องการ เดินนำทิวไปยังร้านที่ไผ่ทำงานพิเศษ ระหว่างทางนั้นผมคิดอยู่ตลอด ทิวจะไม่อยู่แล้วแท้ๆ แต่ทำไมผมถึงไม่กระวนกระวาย....
ผมพาทิวมาจนถึงหน้าร้าน เถ้าแก่คนที่เป็นผู้ว่าจ้างไผ่กำลังกวาดขยะอยู่หน้าบ้าน เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมามองบุคคลที่มาเยือนอย่างพวกผมก็ยิ้มหน้าบาน
“อ้าว ไผ่ ออกมาทำอะไรหน้าบ้านล่ะ”
“ขอโทษนะครับคุณลุง ขอผมพบไผ่หน่อยได้ไหม”
ทิวตอบกลับ
“ได้สิไผ่ เดี๋ยวฉันไปตามมาให้ เอ๋? ไผ่ขอพบไผ่???????”
ทิวขำกับท่าทางงงๆของเถ้าแก่ ถ้าไม่มีใครรู้มาก่อนล่ะก็ คงคิดว่าทิวเป็นไผ่กันทั้งนั้นล่ะ ก็หน้าตาออกจะเหมือนกันขนาดนี้
“ผมเป็นพี่ชายฝาแฝดของไผ่ครับ ชื่อทิว สวัสดีครับ”
“อาๆ หวัดดี ไผ่ไม่เห็นเคยบอกเลยนะเนี้ยว่ามีพี่ชายด้วย รอแปปนะเดี๋ยวไปเรียกมาให้”
“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าไปหาไผ่เองก็ได้ครับ”
“งั้นก็ เชิญเลยๆ”
ทิวกับผมเข้าไปในร้าน ไผ่ไม่อยู่แหะ
“รึว่าจะอยู่หลังร้านนะ เข้าไปดูกันไหม”
ผมกับทิวเดินเข้าไปหลังร้าน และก็ได้เห็นภาพที่ออกจะบาดใจเล็กน้อยนั่นคือภาพที่ไผ่กำลังจูบอยู่กับแทมินนั่นเอง...ดูท่าทางว่าจะอีกนานเลยนะ ผมเลยเคาะประตูเป็นสัญญาณให้ทั้งคู่รู้สึกตัว
“นึกว่าใครที่แท้ก็เจ้าเซนกับพี่ชายของไผ่นี่เอง”
“เอ่อ...คือ ขอผมคุยกับไผ่หน่อยได้ไหม”
ทิวที่ดูจะตกใจไม่หายกับภาพเมื่อครู่พยายามรวบรวมสติ
“ว่าไงล่ะไผ่ ไปคุยกับเขาหน่อยสิ”
“.....”
ไผ่ไม่ยอมตอบอะไรเลย สงสัยคงยังไม่อยากคุยกับทิวเหมือนเดิมสินะ
“ไผ่ คือ วันนี้พี่จะกลับแล้วเลยอยากจะคุยกับไผ่ ได้ไหม”
“.....”
ไผ่ยังคงเงียบเหมือนเดิม น่าหงุดหงิดชะมัด
“พอเถอะทิว สงสัยว่าเราจะมาผิดจังหวะไปหน่อย ดันไปรบกวนคู่รักเขากำลังจู๋จี๋กันนี่นา”
“แต่ว่า..”
“ก็ได้” ไผ่ตอบ
ไผ่กับทิวเดินออกไปข้างหน้าร้าน เหลือเพียงผมกับแทมินเท่านั้น
“รู้สึกว่าความสัมพันธ์จะก้าวหน้าไปไกลกว่าที่ผมคิดซะแล้วนะครับพี่แทมิน”
“เรื่องนั้นมันแน่นอนอยู่แล้วล่ะ”
รอยยิ้มเย้ยนั่นมันอะไรกันน่ะ นายต้องการจะสื่ออะไรกันแน่ แทมิน
“แต่ก็อย่างว่านั่นแหล่ะนะ ยังไงของเหลือก็คือของเหลืออยู่วันยังค่ำ”
“กรุณาพูดให้มันดีๆหน่อยได้ไหม คนที่ทำให้ไผ่เป็นแบบนั้นก็คือนายเองไม่ใช่เหรอ”
“รู้สึกจะปกป้องกันเหลือเกินนะ”
“......เฮ้อ รู้สึกสงสารไผ่ขึ้นมาทันทีเลยนะที่ดันไปรักคนอย่างนายเข้า”
“ช่วยไม่ได้นี่ ใครใช้ให้มาชอบฉันกันล่ะ”
“ฉันขอบอกนายเอาไว้นะ ว่าฉันจะไม่คืนไผ่ให้นายเด็ดขาด”
“อยากเอาไปทำอะไรก็เชิญเถอะน่า”
หงุดหงิดโว้ย หงุดหงิดที่สุดเลย
“นายนี่มัน โง่ที่สุดในโลกเลยว่ะ รู้ตัวไหม”
แทมินจบบทสนทนาเพียงแค่นั้นแล้วเดินขึ้นไปชั้นสอง
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“คุณมีอะไรจะพูดก็รีบพูดมาเถอะ”
ไผ่เอ่ยด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย ดูไม่ออกเลยจริงๆว่าไผ่กำลังคิดอะไรอยู่
“คือ พี่จะกลับวันนี้แล้วนะ”
“อืมรู้แล้ว ก็คุณบอกไปแล้วนี่”
“ไผ่ ยังโกรธพี่อยู่ใช่ไหม”
“ใช่”
ตอบกลับโดยไม่ลังเล ฟังดูแล้วมันช่างบาดใจเหลือเกิน
“ขอโทษนะ ขอโทษจริงๆ”
“.....”
“ต่อไปพี่จะไม่มาที่นี่อีกแล้ว...ดีไหม ไผ่จะได้สบายใจซะที”
“ถึงคุณจะมาหรือไม่มา ผลมันก็เหมือนเดิม สุดท้าย...ผมมันก็ไม่เคยมีตัวตนอยู่ในสายตาของพวกเขาอยู่แล้วนี่”
พวกเขา...คุณพ่อกับคุณแม่สินะ แม้แต่คำพวกนี้ไผ่ก็ไม่เรียกมันแล้ว เขาคงจะผิดจริงๆสินะ หากเขาไม่มาที่นี่เสียแต่แรก ไม่สิ หากไม่มีเขาอยู่ล่ะก็
“นี่คุณกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ ถึงได้ทำหน้าเหมือนตัวเองผิดซะเต็มประดา”
ไผ่เดาถูก เขากำลังคิด...
“คุณคงกำลังโทษตัวเองอยู่ใช่ไหมล่ะ ผมพูดถูกใช่ไหม”
ทิวหลบสายตาของไผ่โดยการก้มหน้าลง ไผ่เดาถูกอีกแล้ว...
“คุณจะคิดยังไงก็ตามใจคุณเถอะนะ เพราะถึงยังไงผมก็เกลียดคุณอยู่ดี และถึงจะไม่มีคุณ ผมก็คิดว่ามันคงไม่ต่างอะไรไปจากเดิมนักหรอก”
“ไผ่...จะมีสักครั้งไหม ที่พวกเราจะพูดดีๆกันน่ะ”
“...แค่นี้มันยังดีไม่พออีกรึไง”
ไม่ไหวจริงๆ ไผ่ไม่เปิดใจรับเขาเลย หมดหนทางแล้วจริงๆสินะ....
“ไผ่ ไว้ว่างๆก็แวะมาหาพี่บ้างนะ ถึงไผ่จะเกลียดพี่ แต่ยังไงไผ่ก็เป็นน้องชายเพียงคนเดียวของพี่ พี่ไม่มีทางที่จะเกลียดไผ่ได้หรอก”
คำพูดพวกนี่มันจะสื่อไปถึงใจของไผ่ได้บ้างไหมนะ สักนิดก็ยังดี อยากให้ไผ่ได้รับรู้...
“คุณจะคิดยังไงก็แล้วแต่คุณสิ ที่จะพูดน่ะมีแค่นี้ใช่ไหม ผมจะไปกลับเข้าไปในร้านเสียที”
ทิวพยักหน้า เพื่อบ่งบอกว่าสิ่งที่เขาอยากบอกได้บอกไปหมดสิ้นแล้ว ไผ่หันหลังให้เขาแล้วเดินเข้าร้านไป สื่อไปไม่ถึงจริงๆ กำแพงในใจของไผ่มันช่างสูงเสียเหลือเกิน เขากับไผ่อาจจะไม่มีวันเข้าใจกันเลยก็ได้....
“คุยกันเสร็จแล้วสินะ”
ผมเดินออกมาจากร้าน ทิวทำหน้าเศร้าเหลือเกิน ไผ่ยังไม่ยอมรับทิวแน่ๆ
“ไปเถอะกลับไปเอากระเป๋าที่บ้าน เดี๋ยวฉันไปส่งนายที่หัวลำโพงด้วย”
พวกผมเดินกลับมาถึงบ้าน กระเป๋าเพียงไม่กี่ใบของทิวถูกขนออกมาจากบ้าน
“เซน...”
“อะไร”
“นายมีรูปของไผ่ไหม”
“รูปเหรอ อืม...ก็มีนะ เป็นรูปที่ถ่ายที่โรงเรียนน่ะ ได้ใช่ไหม”
“ขอได้ไหม”
“เอาสิ ว่าแต่ในบ้านล่ะ ไม่มีรึไง”
ทิวส่ายหัวเป็นคำตอบให้ผม
“ฉันสำรวจดูทั่วบ้านแล้วล่ะ ไม่มีรูปถ่ายของไผ่เลยสักใบ ไม่ว่าจะเป็นรูปอะไรก็ไม่มี”
เมื่อได้ฟังดังนั้นมันทำให้ผมแปลกใจ ไม่ว่าบ้านไหนๆ มันก้ต้องมีสิ รูปของคนในบ้านน่ะ...
ผมส่งรูปใบเล็กๆที่เคยถ่ายกับไผ่ตอนอยู่ที่โรงเรียนจากกระเป๋าสตางค์ให้
“เซน ทำไมนายถึงได้ชอบฉันล่ะ”
ทิวเปิดคำถามขึ้นมาระหว่างที่พวกเรากำลังเดินไปขึ้นรถเมล์
“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“ฉันอยากจะถามนายอีกครั้ง ทำไมนายถึงได้ชอบฉันที่รู้จักกันได้แค่ไม่นาน”
“ฉันบอกแล้วไงว่าไม่รู้”
ก็ผมไม่รู้จริงๆนี่นา ทำไมผมถึงชอบทิวได้นะ ไม่ว่าจะพยายามหาคำตอบยังไงก็คิดไม่ออก
“ฉันว่านายไม่ได้ชอบฉันหรอกนะ”
“ทำไมถึงคิดยั่งงั้นล่ะ ฉันล่ะไม่เข้าใจนายเลยจริงๆ”
“เซน หากแม้แต่ใจของนาย นายยังไม่เข้าใจแล้วล่ะก็ นายก็คงเป็นคนที่โง่ที่สุดในโลกเลยล่ะ”
ในวันเดียวกันนี้ ผมได้ยินประโยคนี้ถึงสองครั้งแล้วสินะ ทั้งแทมินหรือแม้แต่ทิวก็พูดประโยคนี้กับผม...
“นายต้องการจะบอกอะไรกันแน่”
“ไม่รู้สิ อันนี้นายต้องกลับไปคิดเอาเองนะ”
รถเมล์คันที่ต้องการมาถึงแล้ว ทิวเดินขึ้นไปแล้วหันมาบอกผม
“นายส่งฉันแค่นี้ล่ะ ฉันไปเองได้”
“จะดีเหรอ”
“ขอให้นายเข้าใจคำพูดของฉันเร็วๆนะ^^”
รถเมล์เคลื่อนตัวออกไปแล้ว ทั้งคำพูดของแทมินหรือแม้แต่ของทิว ตัวผมในตอนนี้ยังไม่เข้าใจความหมายของคำพูดทิ้งท้ายนั่น กว่าผมจะรู้นั้น ทุกอย่างมันก็....สายเกินไปเสียแล้ว
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“แม่เฒ่าครับ ผมกลับมาแล้ว”
เสียงเรียกของหลายชายทำให้ย่าของทิวล่ะสายตาจากโทรทัศน์หันไปตามเสียง
“ไอ้ทิว มึงกลับมาแล้วเหรอ”
ทิววางกระเป๋าเข้ามากอดย่าของตนด้วยความคิดถึง
“เป็นพรือบ้าง ไปอยู่ทางนู้น พ่อแม่มึงดูแลมึงดีใช่ไหม”
“ครับ คุณพ่อกับคุณแม่ท่านดูแลผมดีมากเลยครับ”
“เออ ดีแล้วๆ แค่มึงมีความสุข ก็ดีแล้วนะ แล้วเป็นไงบ้างล่ะ ได้เจอไผ่น้องมึงแล้วใช่ไหม”
“ครับ ได้เจอแล้ว ผมมีรูปของไผ่มาให้ดูด้วยนะครับ”
ทิวหยิบเอารูปที่เซนให้เอาไว้ให้ย่าของเขาดู
“เออเว้ย หน้าตาเหมือนมึงไม่มีผิดเพี้ยนเลยนะ แล้วเป็นไงล่ะ พวกมึงเข้ากันได้ดีไหม”
“ไผ่เขา...เกลียดผมครับ”
สีหน้าของหลานชายแปรเปลี่ยนไป ทำให้คนเป็นย่าเริ่มไม่สบายใจ
“ไผ่เขาเกลียดผม เขาไม่เคยเรียกผมว่าพี่เลยสักครั้ง”
น้ำตาที่เริ่มคลอแต่พยายามสะกดมันเอาไว้ ย่าเอามือวางบนหัวของทิวของลูบไปมาเป็นการปลอบ
“ผมเป็นคนผิดครับ หากไม่มีผมสักคนล่ะก็ ไผ่ก็คงไม่เป็นแบบนี้ ฮึก ฮือ”
เขากั้นมันไว้ไม่อยู่อีกแล้ว ความเข้มแข็งที่เคยมีมาตลอด ยามเมื่ออยู่ต่อหน้าไผ่ได้หายไปหมดสิ้นแล้ว
“ไผ่เขาไม่ยกโทษให้ผมแล้ว ผมจะทำยังไงดี ฮือ ผมจะทำยังไงดี”
“ไม่เป็นไรทิว ทุกอย่างมันต้องดีขึ้นแน่ๆ สักวันไผ่ก็จะเข้าใจมึงเอง หยุดร้องเถอะนะ”
ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาเฝ้ารอคอยมาตลอด รอวันที่จะได้เจอกับน้องชายเพียงคนเดียวของเขา แต่เมื่อเจอกันแล้ว ผลมันกลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง ความฝันของเขาพังทลาย ครอบครัวที่แสนสุขนั้นไม่มีหรอก หากขาดใครไปสักคนมันก็ไม่ใช่
อีกแล้ว ให้มันจบลงเพียงเท่านี้ดีไหม จบความฝันลมๆแล้งๆนั่น แล้วกลับมาเป็นเหมือนก่อน ที่มีเพียงเขากับย่าเท่านั้น...
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
@nunnan น่ะ...นั่งทางใน ?????
@KARMI สุขเมื่อไหร่ อันนี้ขอไม่บอกค่ะ แต่มีแววว่า เจ้าเซนจะรีเทิร์น(???)