- 16 -
(part2)
ตอนเย็นผมมาทำงานที่ร้านกุ้งเต้น ตั้งแต่เปลี่ยนชุดมาที่ร้านก็โดนด่าบ่อยครั้ง จนเฮียโกวต้องบอกให้ผมไปนั่งพักเฉยๆ ไม่ก็กลับห้องไปเลยถ้าจะทำงานเอาแต่เหม่อลอยแบบนี้
สาเหตุมาจากเหตุการณ์ตอนเลิกเรียนนั่นแหละ ตอนที่สั่งให้มันกราบ ผมสั่งออกไปตามอารมณ์ ไม่คิดว่ามันจะกราบจริงๆ ถามว่าสะใจมั้ย? ตอบได้เลยว่า โคตรสะใจ สะใจมากที่เห็นไอ้โทมันเป็นแบบนั้น แต่ถ้าถามว่าดีใจมั้ย...? ลึกๆแล้วผมก็ไม่ได้อยากทำถึงขึ้นนั้นหรอก แค่อยากให้มันสำนึกได้ว่ามันทำอะไรกับผมไว้บ้าง จู่ๆจะให้มาคุยดีกับมันก็ไม่ใช่
อยากแก้แค้น อยากทำอะไรก็ได้ที่ให้มันสาสมกับสิ่งเลวร้ายที่มันทำกับผม คำขอโทษของมันไม่มีความหมาย ทุกสิ่งทุกอย่างไร้ค่าตั้งแต่ที่มันไม่ยอมรับฟังอะไรผมเลย
ปล่อยให้ความผิดกัดกินในใจของมันไปเรื่อยๆนั่นแหละ
“โมเป็นอะไรรึเปล่า? ไม่สบายก็กลับไปนอนพักที่ห้องนะ” ปกป้องเดินมาถามผม ขณะที่ผมนั่งพักอยู่ริมสวนมืดๆคนเดียว
“เปล่า แค่มีเรื่องต้องคิดนิดหน่อย”
“พอจะเล่าให้ผมฟังได้มั้ย?” เด็กหนุ่มในชุดฟอร์มของทางร้านแบบเดียวกับผมทิ้งตัวลงข้างๆ ทำไมมันใส่แล้วดูดีมีชาติตระกูล แต่ผมกลับใส่แล้วเหมือนคนซอมซ่อวะ? อ๋อ สงสัยเพราะปกป้องได้เสื้อตัวใหม่ แต่ของผมมันเก่าแล้วแน่ๆ
“ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรหรอก”
“ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญโมคงไม่มานั่งเครียดคิดเงียบๆคนเดียวแบบนี้ ทุกๆครั้งที่เริ่มเครียดหรือคิดมากเรื่องใดเรื่องหนึ่ง แสดงว่าเรื่องๆนั้นต้องมีผลกับตัวเราเป็นอย่างมาก ยิ่งถ้าเกี่ยวกับบุคคลด้วยแล้ว...แสดงว่าคนๆนั้นต้องมีอิทธิพลต่อจิตใจในระดับสูง”
“ขนาดนั้นเลยเหรอวะ?”
“ใช่ดิ ผมรู้ ผมเรียนมา” ผมยิ้มให้กับท่าทางจริงจังของคนข้างๆ “ว่าแต่โมกังวลเรื่องไร? เล่าให้ผมฟังเถอะ ผมอาจจะดูเด็ก แต่ผมสัญญาว่าถ้าช่วยได้ก็จะช่วยเต็มที่”
“เอาตรงๆคือมึงอยากเสือกว่างั้น?”
“โหยยย ก็ตรงไป ผมอุตส่าห์พูดอ้อมๆแล้วนะ ฮ่าๆๆๆ” คือผมกับไอ้เด็กเนี่ย สนิทกันจนเริ่มรู้ไส้รู้พุงแล้วครับ ระดับความสนิทเพิ่มมากขึ้น คำหยาบคายก็มากขึ้นตาม
“ไปทำงานไป๊ เดี๋ยวเฮียโกวได้ไล่ออกทั้งคู่” ผมตัดบท ยังไม่พร้อมที่จะเล่าเรื่องต่างๆให้ปกป้องฟังตอนนี้
“งั้นไปพร้อมกันเลย โมแม่งอู้ว่ะ ทำเป็นดราม่าแต่จริงๆขี้เกียจใช่มะ?”
“รู้ทันอีก ฮ่าๆๆๆ”
พอถึงเวลาเลิกงาน ผมกลับกับปกป้องดังเช่นทุกวัน ซึ่งปกป้องจะมีของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้าน ส่วนผมมือเปล่า แต่ก็ได้ส่วนบุญส่วนแบ่งจากปกป้องตลอด ไม่ใช่แค่พนักงานในร้านด้วยกันเองที่คอยขยันจีบปกป้อง ยังรวมไปถึงลูกค้าสาวแก่แม่ม่ายต่างก็อยากจะได้ไอ้เด็กนี่ไปเลี้ยงดู
หัวเกรียน ยาวสุดก็ได้แค่รองทรงเบอร์2 พอถึงต้นเดือนก็ต้องตัดใหม่ หน้าตาก็งั้นๆ ตัวสูงเกินไป แถมยังอยู่แค่ม.6 ยิ้มแย้มแจ่มใส เข้ากับคนอื่นได้ง่าย เอาใจใส่ ไม่พูดคำหยาบ ไม่เห็นมีตรงไหนหล่อเลยสักนิ๊ดดด
เหมือนเด็กข้างๆจะรู้ว่าผมนินทา
“มีอะไร?” มันมองต่ำ
เจ็บตรงมองต่ำนี่ล่ะครับ ฮรือออออออ กูรุ่นพี่มึงนะ ช่วยย่อตัวลงมาคุยกับกูได้มั้ย แค่นี้ก็เป็นปมด้อยชิบหายแล้ว
“เค้กนั่น...” ผมเปรย พลางมองไปยังถุงกระดาษแบรนด์ดีที่ปกป้องได้มาจากลูกค้าคนใดคนหนึ่งในร้าน “อยากกิน”
“งั้นไว้กินพรุ่งนี้ตอนเช้าละกัน”
75% ของขนมที่ปกป้องได้มา จะตกอยู่ในกระเพาะของผม เจ้าตัวก็ไม่ว่าอะไร แถมยังยิ้มน้อยๆเวลามองผมกินอีกตะหาก
เกิดเป็นคนหน้าตาดีมันดีแบบนี้นี่เอง อยากได้อะไรก็ได้ แค่มีคนรักมีคนหลงหน่อย ว่าแต่ผมก็หน้าตาดีนะ แล้วทำไมผมไม่เห็นได้ขนมบ้างเลย สงสัยส่วนสูงอันน้อยนิดของผมทำให้ไม่มีใครมองเห็นใบหน้าอันหล่อเหลา พระเจ้าแม่มไม่ยุติธรรม ตอนสร้างผมคงลืมใส่ส่วนสูงมาให้ด้วยแน่ๆ
ขณะที่เดินใกล้ถึงหอ โทรศัพท์ของปกป้องก็ดังขึ้นมา เจ้าตัวกดรับ คุย 2-3 นาทีก่อนจะวางสายไป
“โม”
“ว่า?”
“วันนี้ผมคงต้องกลับคอนโด พี่แป้งจะเอาของแต่ดันลืมกุญแจห้อง”
“อ่าว เออ รีบไปดิ เดี๋ยวพี่แป้งเค้าก็รอนานหรอก”
“ครับ โทษทีนะ อ่ะนี่ขนม เอาไปให้หมดเลย” มือผมเต็มไปด้วยถุงขนมที่คนตรงหน้ายัดใส่มือมาให้
ลาภปากละเว้ย ฮ่าๆๆๆๆ
“อย่าลืมอาบน้ำนอน พรุ่งนี้ห้ามตื่นสาย เดี๋ยวผมโทรมาปลุก”
“เออๆ กลับดีๆละกัน” ผมบอกทิ้งท้าย ปกป้องหันกลับพลางบ่นอุบอิบอะไรไม่รู้ก่อนจะตะโกนมาอีกครั้ง
“ฝันดีนะคร้าบบบบบบ” ไม่เอาให้ได้ยินทั้งซอยเลยละสาด ตะโกนดังขนาดนี้
“เออๆ ฝันดี” ผมบอกยิ้มๆ เมื่อไหร่กันนะที่ผมเริ่มยิ้มได้อย่างสบายใจแบบนี้ คงนับตั้งแต่ช่วงที่ได้รู้จักกับปกป้อง เริ่มรู้จักกันด้วยสิ่งดีๆอย่างตอนที่ช่วยพาผมไปยังคลินิกพี่สาว และอีกหลายๆครั้งนับตั้งแต่นั้นมา
ผมเดินขึ้นห้อง คิดในใจไปด้วยว่าพรุ่งนี้จะกินขนมอะไรก่อนดี ใจจริงว่าจะกินเค้ก แต่พอเห็นคุกกี้ข้าวโอ๊ตอีกถุงก็ชักลังเลแหะ
“!!”
ผมผงะ เมื่อเห็นร่างสูงคุ้นตายืนอยู่หน้าประตูห้อง
มันมาทำไม!?!?
ดวงตาคมเข้มสบตากับผม ราวกับจะวัดใจ ถ้าหากเป็นเมื่อก่อนผมคงวิ่งหนี แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ ถึงหนีไปก็ไม่รู้จะหนีไปที่ไหน อีกอย่างในแววตาของมันมีแต่ความเศร้า ผมรู้สึกได้
ฝีเท้าย่างก้าวไปข้างหน้า มือสาละวนหาลูกกุญแจ แต่ยังไม่ไขประตู
“จะมากราบตีนกูอีกหรอไง?” พูดเสียดแทง รอดูสีหน้าของคนเคียดแค้น...แต่ไม่มีเลยสักนิด ดวงตาของมันยังเศร้าเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
“จะให้กราบอีกก็ได้ แต่อย่าหลบหน้ากันแบบนี้” ไอ้โทคุกเข่าลงต่อหน้าผม “ขอโทษ ขอโทษจริงๆ กูมันโง่เองที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย”
ดีที่ตอนนี้เป็นเวลาตี1กว่าๆ เลยไม่มีคนเดินเข้าออกห้อง มันเลยไม่ต้องอายเหมือนเมื่อตอนเย็น
“แล้วตอนนี้ฉลาดขึ้นบ้างยัง?” ผมถามมันแบบกวนตีน มันก้มหน้านิ่ง “อยากให้กูยกโทษให้ใช่มั้ย?” ทันทีที่ผมถาม ไอ้โทเงยหน้ามองอย่างมีความหวัง
เรื่องพี่พลที่พ้นสภาพจากการเป็นนักศึกษาไปแล้ว ผมรู้ว่าเป็นฝีมือมัน เพราะฉะนั้นขออีกสักคนหน่อยจะเป็นไร
“แก้แค้นไอ้เหี้ยหลามให้กูสิ”
ผมนึกว่าไอ้โทจะตอบตกลงทันที แต่เปล่า มันขมวดคิ้ว พลางยืดตัวขึ้นมายืนเหมือนเดิม
“มึงแก้แค้นไปแล้วไม่ใช่เหรอ? ไอ้เรื่องนำเสนอหน้าห้องนั่น...”
หึ ไอ้บูมบอกล่ะสิ
“อ๋อกูลืมไป มันเป็นเพื่อนมึงมาตั้งแต่มัธยมนี่ เผลอๆอาจจะเกินเลยคำว่า
เพื่อนด้วยซ้ำ” ผมเน้นคำว่าเพื่อนให้มันรู้สึกตัว
“ได้ กูจะแก้แค้นให้” ไอ้โทรับปาก “มีอะไรอีก”
“ห้ามมายุ่งวุ่นวายกับกู หรือดักหน้าห้องกูแบบนี้ อยู่ที่มหาลัยทำเป็นเหมือนคนไม่รู้จักกัน กูขอแค่นี้แหละ” ใบหน้าได้รูปหันหนี ไม่ยอมรับปาก จนผมต้องพูดกระตุ้นมันอีกครั้ง “...แล้วกูจะยกโทษให้มึง ถ้ามึงทำได้...”
“ไม่...กูทำไม่ได้”
“ไอ้เหี้ย กูอุตส่าห์จะยกโทษให้มึง กูขอแค่อย่ามายุ่งวุ่นวายกับกูแค่นี้มึงทำไม่ได้เหรอ?” ผมเสียงดังตามแรงอารมณ์ “มึงเกลียดแค้นอะไรกูนักหนาถึงได้ตามรังควานกูไม่จบไม่สิ้น ห๊ะ!?”
“กูไม่ได้เกลียดมึง กูถึงทำตามที่มึงขอไม่ได้ เรื่องในอดีตกูผิดเอง กูถึงได้อยากแก้ไขปัจจุบันให้มันดีขึ้น ดังนั้นถ้าจะขอให้กูเลิกยุ่งกับมึงคงเป็นไปไม่ได้หรอกนะ” น้ำเสียงมันใจเย็น กลายเป็นว่าผมเอาแต่ตะคอกมันฝ่ายเดียว
“ไม่ต้องแก้ไขเหี้ยไรทั้งนั้น มึงไปให้พ้นๆหน้ากูก็พอ” ผมเม้มปาก “มึงรู้มั้ย ทุกคืนกูต้องนอนผวา กลัวว่ามึงจะทำอะไรกู...ทั้งเจ็บตัว เจ็บใจ แต่เอาคืนอะไรมึงไมได้เลย มึงไม่เคยให้โอกาสกูได้อธิบายความจริง หลงเชื่อไปกับสิ่งที่ตัวมึงคิดว่าถูก ศักดิ์ศรีกูไม่เหลืออะไรอีกแล้ว มันถูกย่ำยี แหลกคาด้วยน้ำมือของมึง” หางเสียงสั่นเครือ ผมรีบหันหน้าหนี ทำตัวเป็นยุ่งวุ่นวายกับการไขลูกบิด “มึงไปเหอะ อย่ามายุ่งกับชีวิตกูอีกเลย ต่างคนต่างอยู่ อย่างที่กูเคยบอกไว้ไง”
ทันใดนั้นอ้อมแขนแกร่งเข้าโอบรัดตัวผม ใบหน้าได้รูปเอาคางวางที่ไหล่ด้านขวา พวงกุญแจร่วงตกลงพื้น ขนมในถุงพลันหล่นกระจาย ใบหูผมได้ยินเสียงกระซิบแผ่วเบา แต่ดังก้องในความรู้สึก
“
กูรักมึง” คนที่กำลังกอดผมย้ำคำ “ได้ยินมั้ย กูรักมึง...แอบรักมาตั้งแต่วันแรกที่เจอ ได้เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันมันก็ดี แต่กลัวว่าถ้าวันใดวันหนึ่งพูดออกไปแล้วมึงจะหนีหายไปจากกู กลัวไปทุกอย่าง กลัวมึงรับไม่ได้ กลัวมึงผลักไสไล่กูเหมือนที่มึงกำลังทำอยู่ในตอนนี้”
ผมพูดอะไรไม่ออก ได้แต่นิ่งอยู่แบบนั้น
“แต่ที่กูกลัวที่สุดคือมึงตกเป็นของคนอื่น กูรับไม่ได้ ยิ่งไอ้หลามมันทำให้กูเข้าใจผิดคิดว่ามึงขายตัวกูยิ่งโมโห ทั้งโกรธ ทั้งเสียใจ คิดอย่างเดียวว่าจะทำยังไงให้มึงกลายมาเป็นของกูคนเดียว...โดยที่กูไม่ได้ฟังมึงอธิบายจนทำให้สถานการณ์ระหว่างเรามันแย่ถึงขั้นนี้”
คนข้างหลังผมคงอัดอั้นมานาน มันถึงได้พูดอะไรเพ้อเจ้อเรื่อยเปื่อยแบบนี้ ผมค่อยๆแกะมือที่โอบรัดเบาๆ หันหน้ากลับไปเผชิญกับไอ้โทตรงๆ
“เหอะๆ มึงคงเข้าใจอะไรผิดไป กู...ตัวกู เป็นผู้ชาย ไม่ได้มีนมเหมือนผู้หญิงที่มึงนอนกกทุกคืน” ผมพูดพร้อมกับชี้ตั้งแต่หัวจรดเท้า “กูไม่ใช่สิ่งของ มึงไม่สิทธิ์มาทำให้กูเป็นของมึงแค่คนเดียว”
“...”
“อ๋อ หรือการที่มึงเอาตูดกูเป็นการแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเหรอ? มึงคิดผิดมหันต์เลย”
“กู...” มันพยายามจะพูด แต่ผมขัด
“คำว่า ‘รัก’ ของมึงคือการทำให้คนรักเจ็บปวด? หวาดระแวงมึงใช่มั้ย? หึ แค่ได้ยินข่าวจากใครที่ไหนก็ไม่รู้ว่ากูขายตัวก็รีบเชื่อสนิทใจ ถ้าเป็นกูนะ...ถ้ากูรู้ว่าคนที่กูรักขายตัว กูจะเข้าไปถามตรงๆ ถ้ามันเป็นความจริง กูก็จะถามถึงความจำเป็นและบอกให้เลิกทำ หาทางออกทางอื่นที่ไม่ใช่การขายตัว ส่วนไอ้ที่เสียแล้วเสียไป กูยอมรับได้กับการที่คนรักกูเสียตัวให้คนอื่นไปแล้ว เพราะเค้าเสียแค่ทางกาย ใจของเค้าจะยังอยู่ที่กู กูจะทำทุกอย่างให้เค้ามีความสุข ไม่ใช่ทำให้เค้าเจ็บปวดทนทุกข์ทรมานแบบนี้”
“งั้นต่อไปนี้กูจะทำให้มึงมีความสุข อดีตที่ผ่านมาทิ้งไป แล้วเรามาเริ่มต้นกันใหม่..ได้มั้ยครับ?” คนตรงหน้าจ้องมองลึกเข้ามาในดวงตา มุมปากยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย มือหนาคว้าจับมือผมอย่างถือวิสาสะ
“คงเป็นไปไม่ได้” ผมค่อยๆแกะมือมันออก “ถ้ามึงอยากให้กูมีความสุขจริงๆ มึงต้องปล่อยกูไป อย่ามายุ่งกับกู เพราะความสุขกูคือการไม่มีมึงเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต”
ทันทีที่พูดจบ ผมก้มลงไปเก็บพวงกุญแจแล้วไขประตูเข้าห้องแล้วปิดอย่างรวดเร็ว พลางทิ้งกายนั่งลงพิงประตู ซึ่งไม่รู้ว่าอีกฝั่งนั้นเดินจากไปหรือยัง
บอกแล้วว่าเรื่องของผมมันไม่ได้จบลงง่ายๆเหมือนละครหลังข่าวหรอก...
แต่ไม่รู้ทำไม...หัวใจผมถึงได้เต้นรัวเร็วแบบนี้...
Next Chapter >> - 17 - (part1)มาสั้นๆเหมือนเดิม แหะๆ